เมื่อเห็นโอวหยางหมิงที่ยังรู้ตัวดีหยินหลิงก็คุมสถานการณ์ ก่อนจะพยักหน้าอย่างไร้ความรู้สึกแล้วพูดว่า “ในเมื่อคุณรู้จักถึงความต่าง เช่นนั้นวันนี้ เรื่องที่สำนักเสินฉือของคุณยื่นขอเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรบู๊ ก็สิ้นสุดลงตรงนี้”“เมื่อไรก็ตามที่สำนักเสินฉือของพวกคุณมีผู้แข็งแกร่งแดนแปรภาพหนึ่งคน ค่อยมาสมัครเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรบู๊ของเราที่เมืองจิงอีกครั้งแล้วกัน”“ฉันยังมีธุระต้องทำ ขอลา”ขณะที่หยินหลิงกำลังจะจากไป โอวหยางหมิงก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อขวางอีกครั้ง“ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิง โปรดอยู่ก่อน”“มีอะไร?”ใบหน้าของหยินหลิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนจะมองไปที่ลูกศิษย์จำนวนมากของสำนักเสินฉือที่อยู่บนสนามจัตุรัส แล้วเอ่ยอย่างเรียบเฉย: “นายน้อยยังมีอะไรที่อยากจะพูด?”“แน่นอนว่ามีอยู่แล้ว”โอวหยางหมิงลุกขึ้นยืน ก่อนจะส่ายหัวและพูดว่า:“ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหลินหยิง เป็นอย่างที่คุณพูด สำนักเสินฉือของเรามีคุณสมบัติไม่พอที่จะเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรบู๊ สำนักจิ่วเซียวกว่าจะหาโอกาสให้ผมยื่นเสนอเข้าร่วมมาได้ แต่เพราะพ่อของผมบังเอิญฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บพอดี จึงไม่สามารถเข้าร่วมได้ ช่างน่าเสียดายน
“ไม่เคย นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเจอกับผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิง”หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นสบตากับหยินหลิง ก่อนจะพูดเบา ๆว่า “อีกอย่าง ผมเพิ่งเคยชื่อกลุ่มพันธมิตรบู๊เป็นครั้งแรก”“กลุ่มพันธมิตรบู๊....”หยินหลิงใจลอยเล็กน้อยจากนั้นเธอก็อธิบายด้วยความเหม่อลอย: “กลุ่มพันธมิตรบู๊ก่อตั้งขึ้นโดยสี่สำนักใหญ่ในเมืองหนานไห่ ทุก ๆสำนักที่มีชื่อเสียงในประเทศมังกร ต่างอยู่ภายใต้เขตอำนาจของกลุ่มพันธมิตรบู๊”หลังจากที่อธิบายประโยคนี้จบแล้ว หยินหลิงก็กลับมามีสติอีกครั้งเธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและครุ่นคิดว่าทำไมตัวเองต้องอธิบายเรื่องกลุ่มพันธมิตรบู๊ให้คนแปลกหน้าคนนี้ฟังด้วยเธอชักกระบี่ออกมาพร้อมกับเสียงดัง “ชิ้ง” และพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “อย่างพูดเรื่องไร้สาระ ในเมื่อคุณจะเป็นตัวแทนของสำนักเสินฉือในการทดสอบ ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อมดีกว่า มาเลย แสดงศิลปะการต่อสู้ของคุณให้ฉันดูสิ”“ดูสิว่าพวกคุณคู่ควรที่จะได้รับการยอมรับจากกลุ่มพันธมิตรบู๊หรือเปล่า!”“หลินเฟิง สู้ ๆ”โอวหยางหมิงที่อยู่ด้านข้าง ๆแสร้งทำเป็นเชียร์หลินเฟิง ในระหว่างนั้นก็เขย่าโทรศัพท์มือถือของตัวเองไปด้วย เพื่อส่งสัญญาณให้หลินเฟิง
“นายน้อย....หลินเฟิงคนนั้น....”ในเวลานี้ ผู้อาวุโสคนหนึ่งก็เดินไปด้านหน้าโอวหยางหมิง และพูดด้วยน้ำเสียงลังเลเล็กน้อย“อืม ไอ้หมอนี่น่ากลัวกว่าที่ฉันคิดไว้ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถสู้กับนังนั่นได้เสมอกันจริง ๆ”“นายน้อย ทางด้านเจ้าสำนัก....”“หุบปาก”โอวหยางหมิงจ้องมองผู้อาวุโสที่อยู่ข้าง ๆอย่างเย็นชา ก่อนจะตวาดเสียงเบา: “ตอนนี้ตาแก่นั่นเหลือแค่ลมหายใจสุดท้ายแล้ว ถ้าหากคุณไม่อยากให้พวกเราทั้งหมดจบเห่ ก็รีบหุบปากซะ!”“ครับ”ผุ้อาวุโสหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะก้มหน้าแล้วตอบรับ“ผู้อาวุโสหวง”โอวหยางหมิงมองเห็นความกังวลของผู้อาวุโสคนนี้ ก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วยิ้มพูด:“ผมรู้ เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว คุณในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของสำนักเสินฉือรู้สึกลำบากใจมาก”“แต่คุณเต็มใจที่จะเห็นสำนักเสินฉือของเราสงบสุขในมุมหนึ่งแบบนี้ หนึ่งร้อยปีมานี้ก็ยังคงอยู่ในเมืองหนานโจวเล็ก ๆ แบบนี้เหรอ?”“คุณลองคิดกลับกันสิ”“ตาแก่โอวหยางป๋อคนนั้นตายแล้ว เจ้าสำนักก็ใกล้จะตายแล้ว ใครจะรู้เรื่องที่พวกเราทำล่ะ?”“หลังจากการประลองฝีมือในวันนี้จบลงแล้ว และรอให้ฉันได้เพลิดเพลินเจ้าแห่งพันธมิตรบู๊”“คุณจะรู้ไหมว่า
เมื่อการต่อสู้ระหว่างสองคนเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ โอวหยางหมิงก็เริ่มที่จะหวาดกลัวทั้งสองอยู่ในใจมากขึ้นเรื่อย ๆยังดีที่ตัวเองไม่ได้เผชิญหน้ากับหลินเฟิงโดยตรง ไม่อย่างนั้นตัวเองก็คงจะเป็นศพอยู่บนพื้นแน่นอน“ให้ฉันปล่อยอีกกระบวนท่าหนึ่ง วาโยหมื่นลี้!”ภาพลวงตาที่คลุมเครือตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว จนทำให้หลินเฟิงไม่อาจหลบเลี่ยงได้ด้วยความเร่งรีบ หลินเฟิงทำได้แค่เพียงสกัดกั้นด้วยกระบี่เท่านั้น“ตูม!”ทันทีที่แสงสีเงินตกลงมา กระบี่ยาวในมือของหลินเฟิงก็กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยต่อหน้าเขาแต่แสงสีขาวเงินก็ไม่หยุดแม้แต่น้อย และเจาะทะลุผ่านใบหน้าของหลินเฟิงไปทั้งแบบนี้“อึก....”หลินเฟิงถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนที่เขาจะยื่นมือออกไปเช็ดที่หน้าผากของตัวเองเลือดค่อย ๆ ไหลออกมาจากบาดแผลตื้น“ผมแพ้แล้ว”หลังจากที่เงียบไปเล็กน้อย หลินเฟิงก็โยนกระบี่ที่หักลงบนพื้น ก่อนจะยอมรับอย่างเปิดเผยว่าตัวเองพ่ายแพ้ให้กับหยินหลิงที่อยู่ตรงหน้า“ไม่ คุณชนะแล้ว”หยินหลิงที่ยืนอยู่ด้วยกัน ถือกระบี่ยาวไว้ นิ้วมือของเธอสั่นเล็กน้อยเธอเหลือบมองหลินเฟิงอย่างสับสน และส่ายหน้าพูดว่า:“กฎที่กำหนดโดยกล
เสียงตะโกนของหยินหลิงทำให้โอวหยางหมิงชะงักไปครู่หนึ่ง เขามองไปทางหลินเฟิงแล้วพูดว่า “เมื่อครู่นี้ในช่วงสุดท้ายผมเห็นผงสีขาวออกมาจากข้อมือของหลินเฟิง ผมก็คิดว่าผมมองผิดไป แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็นจริง”“ผมก็มองเห็น!”หลังจากที่ผู้อาวุโสหวงพูดจบ ก็ก้าวไปข้างหน้าก่อนจะคว้าแขนเสื้อของหลินเฟิงและดึงอย่างแรงทันใดนั้นเศษผงสีขาวก็ตกลงมาจากแขนเสื้อของหลินเฟิง“นี่.....”หลินเฟิงตกตะลึงไปชั่วครู่ เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าผงสีขาวพวกนี้ถูกผู้อาวุโสหวงทิ้งลงมาที่ตัวเอง“อย่าแก้ตัว ไม่อย่างนั้นนายก็จะรู้ผลที่ตามมา”ผู้อาวุโสหวงเข้าใกล้หลินเฟิง ก่อนจะกระซิบคำขู่ผ่านฟันที่กัดแน่น“หลิน.....หลินเฟิง ทำไมคุณถึงทำแบบนี้?!”หยินหลิงหายใจแรง เหงื่อไหลทั่วร่าง ดวงตาก็เกิดความสับสนเล็กน้อย“......” หลินเฟิงยังคงเงียบและไม่ได้ตอบกลับไปเพราะเขารู้ว่า ถ้าตัวเองเถียงออกไป หลี่ฮุ่ยหรานและคนอื่น ๆจะต้องเจอกับการแก้แค้นของโอวหยางหมิง“ดูสิ เขาที่ถูกจับได้คาหนังคาเขา ถึงกับพูดไม่ออก!”โอวหยางหมิงยิ้มให้หลินเฟิงอย่างดุร้าย จากนั้นเขาก็พยายามประคองหยิงหลิงขึ้นแล้วเดินไปที่ศูนย์การแพทย์“ผู้นำกลุ
มีคนถึงกับอยากจะวิ่งออกไปประกาศบอกคนอื่นด้วยซ้ำ“หยุดนะ!”โอวหยางชิ่งตะโกนด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “เจ้าสำนักออกคำสั่งว่า ไม่อนุญาตให้ใครออกไป และเรื่องที่เห็นที่นี่ในวันนี้ก็ไม่อนุญาตให้เปิดเผยออกไป!”“โอวหยางหมิงวางแผนลอบฆ่าเจ้าสำนัก และคิดจะยึดอำนาจ เป็นความผิดที่ไม่อาจให้อภัยได้!”“พวกนายจับตาดูให้ฉันด้วย ไม่ว่าใครก็ห้ามให้เข้า” คำพูดของโอวหยางชิ่งใช้ได้ผลจริง ๆเมื่อเธอออกคำสั่ง ลูกศิษย์ของสำนักเสินฉือพวกนี้ก็พากันเงียบกริบพวกเขารู้เพียงแค่ว่าโอวหยางหมิงประกาศว่าเจ้าสำนักได้รับบาดเจ็บและกำลังพักฟื้น แต่ไม่ได้รู้ว่าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดครั้งใหญ่อย่างลับภายในสำนักแบบนี้“แม่เจ้า โอวหยางหมิงวางแผนลอบฆ่าเจ้าสำนัก?! ท่านเจ้าสำนักคือพ่อของคุณชายโอวหยางหมิงนะ เขาทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?!”“ฉัน....ฉันก็ไม่รู้ว่า ตกลมันคือ...”“ใช่แล้ว ไม่ใช่ว่าคุณชายโอวหยางบอกว่าคุณหนูใหญ่โอวหยางชิ่งตายแล้วงั้นเหรอ? แล้วทำไมคุณหนูใหญ่โอวหยางชิ่งถึงยังมีชีวิตอยู่ล่ะ?”การเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันนี้ทำให้ลูกศิษย์สำนักเสินฉือที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็รู้สึกชากันทั้งหมด“หลินเฟิง เป็นอย่างไรบ้าง? ช่วยได
ในเวลาเดียวกันแขนของลูกศิษย์คนนี้ก็เริ่มส่งเสียงดัง ก่อนจะมีน้ำค้างแข็งก่อตัวหนาขึ้นไม่นาน ผิวด้านนอกของเขาก็ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นสีดำแห้ง ๆ และแห้งกร้างในทันที ดูน่ากลัวอย่างมากภาพนี้ทำให้ลูกศิษย์สำนักเสินฉือคนอื่น ๆตกใจกลัวและรีบถอยหลังออกไป“เอื้อก...”ในที่สุดโอวหยางเยว่ก็ได้สติ และพิงกับเวทีศาลบรรพบุรุษ ก่อนจะฝืนขึ้นมานั่งและมองไปรอบ ๆอย่างอ่อนเพลีย“ไอ้....ไอ้...ไอ้สารเลว!”หลังจากที่พึมพำเสียงแหบแห้งหลายครั้ง ในที่สุดโอวหยางเยว่ที่มีผมสีขาวเทาก็ด่าออกมาในขณะที่เขาด่า เลือดสีดำจำนวนหนึ่งก็พุ่งออกมาในขณะที่เขาพูดด้วยเช่นกันคราวนี้ทุกคนต่างก็ได้รับบทเรียนแล้ว จึงรีบไปหลบซ่อนอยู่ไกล ๆเมื่อมองดูน้ำค้างแข็งบนเลือดสีดำที่บนพื้น ในที่สุดโอวหยางเยว่ก็หายใจแรง ๆ และฟื้นฟูความสามารถในการพูดกลับมาอีกครั้ง“ไป...ไปพาคนจับ ไอ้ชาติชั่วโอวหยางหมิงคนนั้น มาให้ฉัน....จับมาให้ฉัน!”เมื่อโอวหยางเยว่ออกคำสั่งให้จับตัวโอวหยางหมิง หลินเฟิงและโอวหยางชิ่งก็มองหน้ากัน ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืน“ไม่ได้!”หลินเฟิงยื่นมือออกไปห้ามไว้“ทำ...ทำไม?”โอวหยางเยว่ที่ลมหายใจอ่อนแรง ก็ฝืนยิ้มออกมาก่อน
เมื่อพ่ายแพ้ให้กับโอวหยางหมิง จุดจบนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดมากอีก“เจ้าสำนัก หากคุณเชื่อฉัน งั้นก็ควรจะเชื่อหลินเฟิง!”โอวหยางชิ่งในเวลานี้ลุกขึ้นยืนเธอมองไปที่หลินเฟิง ก่อนจะรับรองกับโอวหยางเยว่ว่า “ฉันสามารถรับรองกับคุณได้เลยว่า หลินเฟิงสามารถกวาดล้างความวุ่นวายภายในสำนักได้อย่างแน่นอน!”“เขาคนเดียวก็พอแล้ว!”เมื่อได้ยินคำรับรองของโอวหยางชิ่ง โอวหยางเยว่ก็ขมวดคิ้ว และรู้สึกสั่นไหวอยู่ในใจเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงไม่เชื่อในความแข็งแกร่งของหลินเฟิงอยู่ดีถึงอย่างไรเขาก็ไม่เคยเห็นหลินเฟิงลงมือมาก่อน“เจ้าสำนัก ผมก็สามารถรับรองได้”ในขณะนี้ ลูกศิษย์สำนักเสินฉือก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “เมื่อครู่นี้...เอ่ออ คุณหลินเฟิงต่อสู้กับหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรบู๊ได้เสมอกัน อ่อไม่ใช่ ต่อสู้ชนะหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรบู๊ได้”เขาพยักหน้า“ทุกคนก็เห็นกันหมดแล้วใช่ไหม?”ในขณะที่ลูกศิษย์สำนักเสินฉือคนนี้พูด ลูกศิษย์สำนักเสินฉือคนอื่น ๆก็พยักหน้าเห็นด้วย และตอบว่าใช่ครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาไม่ใช่คนของโอวหยางหมิงในเวลานี้เมื่อเห็นว่าเจ้าสำนักถูกโอวหยางหมิงทำร้าย ต่างก็รีบแสดงความจงรักภักดี และ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน
“ใช่ครับ!”เริ่นโหย่วไฉพูดอย่างกระวนกระวาย: "คุณรีบพาคนมาที่นี่เร็วๆ เถอะครับ ทางด้านผม... ผมจะต้านไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว!"“ต้านไม่อยู่?”จางฉุนรู้สึกตกใจเล็กน้อยหรือว่าคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจียจะเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?ที่นี่เริ่นโหย่วไฉมีผู้คุ้มกันนับร้อยคน เขาคนเดียวสามารถจัดการผู้คุ้มกันทั้งหมดได้?”จางฉุนไม่เชื่อเรื่องนี้แต่ไม่นานความคิดอีกอย่างก็ผุดขึ้นมาในใจเขาเริ่นโหย่วไฉคนนี้คงจะพูดเกินจริงไปมากอยากได้ผลประโยชน์จากตัวเองเพิ่มมากขึ้นหลังจากสาปแช่งจิ้งจอกแก่แล้ว จางฉุนก็เพียงแต่เร่งฝีเท้าของลูกน้องเขาให้เร็วขึ้นเท่านั้นแต่ที่แปลกคือระหว่างทางกลับเงียบสงบมากและพวกยามโรงงานเสื้อผ้าที่อยู่ที่นี่แต่เดิมก็หายไปไหนไม่รู้"เดี๋ยวก่อน!"สวีโจวยื่นมือออกไปเพื่อหยุดทุกคนไม่ให้ก้าวไปข้างหน้าเขาจ้องดูใบหน้าที่ใจร้อนของจางฉุนแล้วขมวดคิ้วพูด:“คุณ...จางฉุน หรือว่าคุณไม่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติบ้างหรือ?”“ไม่ปกติอะไร?”ในขณะนี้จางฉุนเอาแต่นึกถึงรูปร่างที่น่าสะพรึงกลัวและใบหน้าที่งดงามของอิ่นนั่วเจียเพียงเท่านั้นยิ่งระยะทางใกล้เข้ามา เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าไฟที่อยู่ด้านล่
“นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนของรองผู้จัดการหลงซิ่วด้วยหรือเปล่า?”"เอ่อ... ใช่"พูดอย่างตรงไปตรงมา จวงฉุนก็เป็นแค่สุนัขของหลงซิ่วเนื่องจากเขาไม่ใช่นักบู๊และไม่ได้รู้จักผู้คนมากมาย เขาจึงถูกหลงซิ่วส่งมาที่เมืองเจิ้งเต๋อทำหน้าที่เป็นผู้นำเล็กๆ ของคนเหล่านี้แต่คนเหล่านี้จากตระกูลหลงล้วนเป็นนักบู๊ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจึงดูถูกจวงฉุนที่เป็นคนโลภโมบและหื่นกามอย่างเขาดังนั้นครั้งนี้พวกเขาถูกเรียกมา เพราะเห็นแก่หน้าของหลงซิ่วเท่านั้น จวงฉุนก็ไม่มีอำนาจที่จะสั่งพวกเขาได้เลยจวงฉุนก็รู้ดีถึงเรื่องนี้เช่นกันดังนั้นเอาหลงซิ่วออกมาเป็นโล่ไม่อย่างนั้น คนพวกนี้คงหันหลังแล้วจากไปทันที“ก็ได้ งั้นเราควรรีบลงมือปฏิบัติการ หากหลี่ซื่อกรุ๊ปพบเห็นเรา เราคงเดือดร้อนแน่”“อย่ากังวล คนจากหลี่ซื่อกรุ๊ปจะไม่รู้เรื่องนี้”จวงฉุนยิ้มอย่างเย็นชาเขาคิดว่าเขาทำหน้าที่เก็บความลับได้ดีมาก แต่เกรงว่าจวงฉุนคิดจนหัวระเบิดก็ยังไม่เข้าใจอิ่นนั่วเจียจริงๆ แล้วเป็นคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปและคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจีย ไม่ใช่บอดี้การ์ดส่วนตัวของอิ่นนั่วเจีย แต่เป็นคนของกลุ่มหลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ควรยุ่งด้วยมา
“เถ้าแก่เริ่น ผมว่าผมเป็นคนใจดีมากและไม่ชอบใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา คุณเชื่อผมไหม?”หลินเฟิงไม่ตอบคำถามที่น่ากระอักกระอ่วนอย่างยิ่งของเริ่นโหย่วไฉ แต่กลับถามคำถามด้วยรอยยิ้มแทนคำถามนี้ของหลินเฟิง ทำให้ใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้“แม่งเอ๊ย”“ทำร้ายคนของฉันไปหลายคนในพริบตาเดียว ยังพูดว่าเราถูกล้อมรอบโดยแกเพียงผู้เดียว ตอนนี้แกยังบอกฉันอีกว่าแกเป็นคนใจดี ไม่ชอบแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงอีกเหรอ?”เริ่นโหย่วไฉเกือบจะกลอกตาไปด้านหลังศีรษะแต่เมื่อลองคิดดูดีๆ เขาเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?เขาเหลือบมองหลินเฟิง และเห็นได้ชัดจากท่าทางเยาะเย้ยว่าหลินเฟิงกำลังล้อเลียนเขาเป็นที่ชัดเจนว่าคำถามของหลินเฟิงในเวลานี้เป็นการเสียดสีต่อเริ่นโหย่วไฉเริ่นโหย่วไฉก็มีตอบสนองกลับมาได้ และรู้สึกซับซ้อนขึ้นมาทันใดเขาใช้ชีวิตเร่ร่อนในเมืองเจิ้งเต๋อมาครึ่งชีวิตแล้ว ระมัดระวังและหวาดกลัวอยู่เสมอ พยายามตัดสินใจเลือกทุกอย่างให้ปลอดภัยที่สุดแต่วันนี้การกระโดดซ้ำๆ ของเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเพราะตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจนักบู๊เลยเขาไม่สามารถเข้าใจความสามารถของหลินเฟิงได้เลยยิ่งกว่าพระเอกบู๊
“ผิดแล้ว เถ้าแก่เริ่น จากที่ผมดู เป็นพวกคุณที่ถูกผมล้อมเอาไว้เพียงคนเดียว"อีกทั้ง......"รอยยิ้มของหลินเฟิงลึกมากขั้น“แถมยังส่งคนที่อยู่เบื้องหลังที่จัดการหลี่ซื่อกรุ๊ปของผมมาตรงหน้าผมอีกด้วย ประหยัดเวลาที่ผมไม่ต้องตามหาพวกเขาทีละคน มันสะดวกจริงๆ”“อ๊ะ? นายกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่? นายคนเดียวล้อมพวกเราไว้..”ก่อนที่ เริ่นโหย่วไฉจะพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปจากความมั่นใจในชัยชนะกลายเป็นความตกตะลึงจากนั้นความตื่นตระหนกก็เกิดขึ้นหลินเฟิงกระโดดออกจากห้องทำงานและกลายเป็นเงาที่พร่ามัวทันทีเขาพุ่งเข้าไปในกลุ่มลูกสมุนจำนวนหลายร้อยคน ลำพังคนเดียวอย่างเปิดเผย“อ๊ากกกก!”"เอื้อกกก!"“อ้าก แขนฉัน แขนฉัน!”ท่ามกลางเสียงโอดครวญของพวกอันธพาลที่นี่ หลินเฟิงก็เหมือนกับสิงโตที่พุ่งเข้าใส่ฝูงแกะ และไม่มีใครหยุดเขาได้ด้วยซ้ำก่อนที่พวกอันธพาลเหล่านี้จะตอบโต้ หลินเฟิงก็ได้เคลื่อนไหวไปแล้ว เขาตัดแขนหรือต้นขาของพวกเขาอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับว่าเขากำลังเดินเล่นอยู่ในสวนทำให้พวกเขาสูญเสียความสามารถในการโจมตีหลายๆ คนมองเห็นเงาดำแวบผ่านไปและรู้สึกเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อมองลงไป
“สหาย!”หลังจากที่เริ่นโหย่วไฉตะโกนใส่หลินเฟิง เขาก็มองไปที่กลุ่มสกายของเขาและออกคำสั่งเสียงดัง:"พวกนายแค่ลากผู้ชายคนนั้นออกไป!"“คุณชายจวงฉุนจะกลับมาแล้ว รอให้เขามาถึง เขาพายอดฝีมือของตระกูลหลง ก็สามารถฆ่าไอ้หมอนี่ได้โดยตรง!”"เรารอดูการแสดงก็พอ!""ดี!"ไม่พูดไม่ได้ว่า เริ่นโหย่วไฉหัวหน้าเล็กคนนี้มีเกียรติมากพอสมควรต่อหน้าพวกอันธพาลพวกนี้หลังจากเขาออกคำสั่ง ลูกสมุนพวกนี้ก็ล้อมรอบห้องทำงานที่หลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียอยู่เอาไว้ท่าทางแบบนี้ ไม่ได้จะสู้ตายกับหลินเฟิงแค่อยากล้อมหลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียไว้ที่นี่เท่านั้น"ต่ำทราม!"อิ่นนั่วเจียก็มองความคิดของเริ่นโหย่วไฉออก ยกคิ้วขึ้นทันที จากนั้นชี้ไปที่เริ่นโหย่วไฉและพูดด่าทอ“ต่ำทราม? หึ อิ่นนั่วเจีย อย่าคิดว่าเธอเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งประเทศมังกร แล้วไม่มีใครกล้าแตะต้องเธอ!”“เธอในตอนนี้ไม่มีคนหนุนหลัง กลับยังอยากพึ่งพาตัวเองยิ่งใหญ่ขึ้นมา เธอไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”“น่ารังเกียจจริงๆ”อิ่นนั่วเจียกำหมัดแน่นจริงๆแล้วเริ่นโหย่วไฉก็พูดถูกครั้งนี้อิ่นนั่วเจียอยากสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในวงการบันเทิงของประเทศมังกร ด้วยความพ
ครั้งนี้หลินเฟิงไม่ปล่อยไปอีกแล้ว คว้าคอเสื้อของเขาแล้วกดไว้กับผนังอย่างแรง“อ๊า!”เริ่นโหย่วไฉท้ายทอยกระแทกกับกับกำแพงอย่างแรงเจ็บจนเขาร้องโอดครวญออกมา“เถ้าแก่เริ่น ดูเหมือนคุณจะยังไม่สามารถเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจนนักนะ!”หลินเฟิงเข้าไปหาเริ่นโหย่วไฉแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม:"ตอนนี้ผมให้โอกาสคุณครั้งสุดท้ายแล้ว"หลินเฟิงเอื้อมมือไปหยิบเช็คจำนวนยี่สิบห้าล้านจากในกระเป๋า ต่อหน้าเริ่นโหย่วไฉ“คุณอยากเป็นสุนัขของตระกูลหลง ถูกผมบีบคอตายตอนนี้ หรือคุณอยากจะบอกทุกสิ่งที่คุณรู้ให้ผมฟัง”เมื่อเห็นหลินเฟิงฉีกเช็คแล้วโยนลงพื้น ใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉก็บิดเบี้ยวด้วยความเสียใจ“ฉัน...ฉัน...”เริ่นโหย่วไฉพูดคำเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเขาตกอยู่ในความสับสนอย่างสิ้นเชิง“ตัดสินใจไม่ได้เหรอ? งั้นผมช่วยคุณเอง”หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา ประสานนิ้วเข้าด้วยกันเพื่อรวบรวมกระแสพลังชี่แท้ แทงมันไปที่จุดตันเถียนของเขาทันใดนั้นพลังชี่แท้เป็นเกลียวถูกหลินเฟิงปล่อยเข้าสู่ร่างกายของเริ่นโหย่วไฉในขณะที่พลังชี่แท้ยังคงหมุนวนและขยายตัวต่อไปพลังชี่แท้นี้ยังคงกระแทกอยู่ในร่างของเริ่นโหย่วไฉไม่หยุด ทำให้เขาต้องกรี
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?”เริ่นโหย่วไฉหน้าตาโศกเศร้าเขาเป็นเพียงเจ้าของโรงงานเสื้อผ้าเล็กๆ ที่ต้องการสร้างรายได้ แม้ว่าจะมีอำนาจอยู่บ้าง แต่แค่ชื่อโรงงานเสื้อผ้าของเขาก็สามารถฟังออกโรงงานเสื้อผ้าหลงชิ่งจะเป็นโรงงานใหญ่โตอะไรได้ล่ะ?เงินที่เขาได้รับมาแค่พอเลี้ยงชีพพรรคพวกเมื่อครู่ได้เท่านั้นมีจวงฉุนจากตระกูลหลงมาก่อน บังคับให้ลูกน้องของเขาทำเครื่องแบบมากกว่าสิบชุดภายในเวลาไม่กี่วันใช้เพื่อปกปิดความเคลื่อนไหวของพวกเขาเขาจำนนต่อผลประโยชน์และการบังคับ ตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับจวงฉุนและคนอื่นๆ อย่างเชื่อฟัง แต่คิดไม่ถึงว่าวันถัดมา เขาจะกลับมาอวดดีกับเขาอีกเขาและพรรคพวกได้ทำลายอุปกรณ์มูลค่าหนึ่งหมื่นล้านของหลี่ซื่อกรุ๊ป!แม่เจ้า นั่นมันหนึ่งหมื่นล้านเลยนะ!เมื่อได้ยินข่าวนี้เริ่นโหย่วไฉก็ตกใจจนสติแทบกระเจิง หากหลี่ซื่อกรุ๊ปตรวจสอบมาจนถึงเขาจวงฉุนของตระกูลหลงอาจจะสามารถหลบหนีไปได้ส่วนทางด้านเขาก็ซวย!ไม่ต้องพูดถึงการที่อิ่นนั่วเจียมาเยี่ยมเยียนด้วยตนเองแถมยังเอากดกระดุมของเขามาด้วย ซึ่งทำให้เขาตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้นภายใต้การแสดง เงินทอง และออเดอร์ของอิ่นนั่วเจีย ในที่ส
“เขาขู่กรรโชคผมบ่อยมากในช่วงนี้”"ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีภูมิหลังอย่างตระกูลหลง ผมคงสั่งให้ลูกน้องของผมฆ่าเขาไปแล้ว!"เมื่อพูดถึงตรงนี้ รอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉก็กลายเป็นความจนปัญญา"ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง"หลินเฟิงพยักหน้า จากนั้นเหมือนจะนึกถึงบางอย่างได้ จึงมองไปที่เริ่นโหย่วไฉแล้วพูดว่า:“อ่อใช่ครับ เรื่องกระดุมที่คุณเพิ่งพูดเมื่อครู่นี้ผลิตที่นี่จริงๆ ใช่มั้ยครับ”“ถูก...ถูกต้องแล้ว”เริ่นโหย่วไฉตกตะลึงไปชั่วขณะ เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อยหลังจากที่เขาพูดสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ออกมา หลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียก็ไม่ได้แสดงท่าทางกระวนกระวายหรือตึงเครียดอะไรออกมาตรงกันข้าม คนหนึ่งกลับสงบและมีสติมากกว่าอีกคน“พวกคุณอย่ากังวลเรื่องกระดุมเลย นี่มันก็สายมากแล้ว ผมคิดว่าจวงฉุนกับลูกน้องของเขาใกล้จะกลับมาแล้ว”"ถ้าคุณไม่ไปตอนนี้ ก็จะไม่มีโอกาสแล้ว"เริ่นโหย่วไฉ่พูดเร่งด้วยความร้อนรนในเมื่อเขาต้องการให้อิ่นนั่วเจียหนีไปและมอบเงินเช็คคงเหลือจำนวนยี่สิบห้าล้านบาทให้เขา!หากอิ่นนั่วเจียถูกจวงฉุนจับได้ เขาจะไปเอาเงินจากใคร?ตอนนี้กลับเป็นเริ่นโหย่วไฉที่งวิตกกังวลมากที่ส