เสียงตะโกนของหยินหลิงทำให้โอวหยางหมิงชะงักไปครู่หนึ่ง เขามองไปทางหลินเฟิงแล้วพูดว่า “เมื่อครู่นี้ในช่วงสุดท้ายผมเห็นผงสีขาวออกมาจากข้อมือของหลินเฟิง ผมก็คิดว่าผมมองผิดไป แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็นจริง”“ผมก็มองเห็น!”หลังจากที่ผู้อาวุโสหวงพูดจบ ก็ก้าวไปข้างหน้าก่อนจะคว้าแขนเสื้อของหลินเฟิงและดึงอย่างแรงทันใดนั้นเศษผงสีขาวก็ตกลงมาจากแขนเสื้อของหลินเฟิง“นี่.....”หลินเฟิงตกตะลึงไปชั่วครู่ เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าผงสีขาวพวกนี้ถูกผู้อาวุโสหวงทิ้งลงมาที่ตัวเอง“อย่าแก้ตัว ไม่อย่างนั้นนายก็จะรู้ผลที่ตามมา”ผู้อาวุโสหวงเข้าใกล้หลินเฟิง ก่อนจะกระซิบคำขู่ผ่านฟันที่กัดแน่น“หลิน.....หลินเฟิง ทำไมคุณถึงทำแบบนี้?!”หยินหลิงหายใจแรง เหงื่อไหลทั่วร่าง ดวงตาก็เกิดความสับสนเล็กน้อย“......” หลินเฟิงยังคงเงียบและไม่ได้ตอบกลับไปเพราะเขารู้ว่า ถ้าตัวเองเถียงออกไป หลี่ฮุ่ยหรานและคนอื่น ๆจะต้องเจอกับการแก้แค้นของโอวหยางหมิง“ดูสิ เขาที่ถูกจับได้คาหนังคาเขา ถึงกับพูดไม่ออก!”โอวหยางหมิงยิ้มให้หลินเฟิงอย่างดุร้าย จากนั้นเขาก็พยายามประคองหยิงหลิงขึ้นแล้วเดินไปที่ศูนย์การแพทย์“ผู้นำกลุ
มีคนถึงกับอยากจะวิ่งออกไปประกาศบอกคนอื่นด้วยซ้ำ“หยุดนะ!”โอวหยางชิ่งตะโกนด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “เจ้าสำนักออกคำสั่งว่า ไม่อนุญาตให้ใครออกไป และเรื่องที่เห็นที่นี่ในวันนี้ก็ไม่อนุญาตให้เปิดเผยออกไป!”“โอวหยางหมิงวางแผนลอบฆ่าเจ้าสำนัก และคิดจะยึดอำนาจ เป็นความผิดที่ไม่อาจให้อภัยได้!”“พวกนายจับตาดูให้ฉันด้วย ไม่ว่าใครก็ห้ามให้เข้า” คำพูดของโอวหยางชิ่งใช้ได้ผลจริง ๆเมื่อเธอออกคำสั่ง ลูกศิษย์ของสำนักเสินฉือพวกนี้ก็พากันเงียบกริบพวกเขารู้เพียงแค่ว่าโอวหยางหมิงประกาศว่าเจ้าสำนักได้รับบาดเจ็บและกำลังพักฟื้น แต่ไม่ได้รู้ว่าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดครั้งใหญ่อย่างลับภายในสำนักแบบนี้“แม่เจ้า โอวหยางหมิงวางแผนลอบฆ่าเจ้าสำนัก?! ท่านเจ้าสำนักคือพ่อของคุณชายโอวหยางหมิงนะ เขาทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?!”“ฉัน....ฉันก็ไม่รู้ว่า ตกลมันคือ...”“ใช่แล้ว ไม่ใช่ว่าคุณชายโอวหยางบอกว่าคุณหนูใหญ่โอวหยางชิ่งตายแล้วงั้นเหรอ? แล้วทำไมคุณหนูใหญ่โอวหยางชิ่งถึงยังมีชีวิตอยู่ล่ะ?”การเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันนี้ทำให้ลูกศิษย์สำนักเสินฉือที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็รู้สึกชากันทั้งหมด“หลินเฟิง เป็นอย่างไรบ้าง? ช่วยได
ในเวลาเดียวกันแขนของลูกศิษย์คนนี้ก็เริ่มส่งเสียงดัง ก่อนจะมีน้ำค้างแข็งก่อตัวหนาขึ้นไม่นาน ผิวด้านนอกของเขาก็ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นสีดำแห้ง ๆ และแห้งกร้างในทันที ดูน่ากลัวอย่างมากภาพนี้ทำให้ลูกศิษย์สำนักเสินฉือคนอื่น ๆตกใจกลัวและรีบถอยหลังออกไป“เอื้อก...”ในที่สุดโอวหยางเยว่ก็ได้สติ และพิงกับเวทีศาลบรรพบุรุษ ก่อนจะฝืนขึ้นมานั่งและมองไปรอบ ๆอย่างอ่อนเพลีย“ไอ้....ไอ้...ไอ้สารเลว!”หลังจากที่พึมพำเสียงแหบแห้งหลายครั้ง ในที่สุดโอวหยางเยว่ที่มีผมสีขาวเทาก็ด่าออกมาในขณะที่เขาด่า เลือดสีดำจำนวนหนึ่งก็พุ่งออกมาในขณะที่เขาพูดด้วยเช่นกันคราวนี้ทุกคนต่างก็ได้รับบทเรียนแล้ว จึงรีบไปหลบซ่อนอยู่ไกล ๆเมื่อมองดูน้ำค้างแข็งบนเลือดสีดำที่บนพื้น ในที่สุดโอวหยางเยว่ก็หายใจแรง ๆ และฟื้นฟูความสามารถในการพูดกลับมาอีกครั้ง“ไป...ไปพาคนจับ ไอ้ชาติชั่วโอวหยางหมิงคนนั้น มาให้ฉัน....จับมาให้ฉัน!”เมื่อโอวหยางเยว่ออกคำสั่งให้จับตัวโอวหยางหมิง หลินเฟิงและโอวหยางชิ่งก็มองหน้ากัน ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืน“ไม่ได้!”หลินเฟิงยื่นมือออกไปห้ามไว้“ทำ...ทำไม?”โอวหยางเยว่ที่ลมหายใจอ่อนแรง ก็ฝืนยิ้มออกมาก่อน
เมื่อพ่ายแพ้ให้กับโอวหยางหมิง จุดจบนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดมากอีก“เจ้าสำนัก หากคุณเชื่อฉัน งั้นก็ควรจะเชื่อหลินเฟิง!”โอวหยางชิ่งในเวลานี้ลุกขึ้นยืนเธอมองไปที่หลินเฟิง ก่อนจะรับรองกับโอวหยางเยว่ว่า “ฉันสามารถรับรองกับคุณได้เลยว่า หลินเฟิงสามารถกวาดล้างความวุ่นวายภายในสำนักได้อย่างแน่นอน!”“เขาคนเดียวก็พอแล้ว!”เมื่อได้ยินคำรับรองของโอวหยางชิ่ง โอวหยางเยว่ก็ขมวดคิ้ว และรู้สึกสั่นไหวอยู่ในใจเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงไม่เชื่อในความแข็งแกร่งของหลินเฟิงอยู่ดีถึงอย่างไรเขาก็ไม่เคยเห็นหลินเฟิงลงมือมาก่อน“เจ้าสำนัก ผมก็สามารถรับรองได้”ในขณะนี้ ลูกศิษย์สำนักเสินฉือก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “เมื่อครู่นี้...เอ่ออ คุณหลินเฟิงต่อสู้กับหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรบู๊ได้เสมอกัน อ่อไม่ใช่ ต่อสู้ชนะหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรบู๊ได้”เขาพยักหน้า“ทุกคนก็เห็นกันหมดแล้วใช่ไหม?”ในขณะที่ลูกศิษย์สำนักเสินฉือคนนี้พูด ลูกศิษย์สำนักเสินฉือคนอื่น ๆก็พยักหน้าเห็นด้วย และตอบว่าใช่ครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาไม่ใช่คนของโอวหยางหมิงในเวลานี้เมื่อเห็นว่าเจ้าสำนักถูกโอวหยางหมิงทำร้าย ต่างก็รีบแสดงความจงรักภักดี และ
“โอวหยางหมิง นายได้ยินไหม?”หลินเฟิงเดินออกไปนอกศาลบรรพบุรุษ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดพึมพำเสียงเบา:“เจ้าหนี้ของนาย จะมาทวงหนี้จากนายแล้วนะ”ภายในศูนย์การแพทย์โอวหยางหมิงประคองหยินหลิงไปที่ตรงหน้าเตียง และกำลังจะลงมือต่อเธอ แต่กลับถูกหยินหลิงจับกดเอาไว้“นายน้อยโอวหยาง...คุณ...คุณจะทำอะไร...”ในตอนนี้ถึงแม้หยินหลิงจะหายใจแผ่ว ดวงตาทั้งสองข้างหรี่ตาลง ร่างกายก็บิดไปบิดมาโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่เห็นได้ชัดว่าเธอยังมีสติอยู่เธอต่อต้านฤทธิ์ยาตัณหาไม่หยุด ตัวสั่นเทาและถอยหลังไปยังเตียงที่อยู่ด้านหลัง“ผู้นำหยินหลิง คุณอย่าขัดขืนเลย ผมหาวิธีแก้พิษให้คุณได้แล้ว”โอวหยางหมิงปลดกระดุมเสื้อของตัวเองไปด้วย และยิ้มเจ้าเล่ห์เดินต้อนไปทางหลินหยิง“วางใจเถอะ นี่เป็นของดีที่ผมซื้อมาจากสำนักร้อยพิษเมืองไห่หนานด้วยราคาแพง ครั้งเดียวก็ทำให้คุณจดจำไปตลอดชีวิต ตั้งใจเพลิดเพลินกับความสุขระหว่างชายหญิงสักหน่อยเถอะ”โอวหยางหมิงยิ้มชั่วร้ายแล้วพูดออกมา:“ต่อให้เป็นขั้นเซียนเทียนต้าหยวนหม่าน เพียงแค่คุณยังไม่เข้าสู่แดนแปรภาพ งั้นก็ไม่สามารถต่อต้านฤทธิ์ยานี้ได้ ถึงขั้นที่ทำให
“นายมาทำอะไรที่นี่?! ไสหัวไปซะ!”โอวหยางหมิงถูกรบกวน ตะโกนเสียงดัง และก็ไม่มีความอดทนต่อหลินเฟิง จากนั้นก็ชี้ไปที่ประตูและด่าทอเสียงดัง“ทำไมนายยังไม่ไสหัวไปอีก? หรือว่านายไม่อยากได้คนรักของนายแล้ว?!”เห็นหลินเฟิงยังคงจ้องมองเขาด้วยรอยยิ้มบาง โอวหยางหมิงชักสีหน้าขึ้นมาฉับพลันเขาล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง โทรศัพท์ไปหาจงเจว๋“ฮัลโหล? นายน้อยโอวหยาง?”เพื่อให้หลินเฟิงได้ยินอย่างชัดเจน โอวหยางหมิงถึงขั้นยังเปิดลำโพงออกมา นี่ทำให้หลินเฟิงได้ยินเสียงเอื่อยเฉื่อยของจงเจว๋“ตัดแขนของผู้หญิงหนึ่งในนั้นออกมาให้ฉันข้างหนึ่ง!”โอวหยางหมิงออกคำสั่งด้วยเสียงดุดัน“หึหึหึ…หลินเฟิง ฉันเคยเตือนนายแล้ว นายสร้างเรื่องเองนะ!”ในตอนที่โอวหยางหมิงกำลังหัวเราะอย่างพึงพอใจต่อหลินเฟิงกลับได้ยินเสียงหาวของจงเจว๋ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามของโทรศัพท์: “ขอโทษด้วยนะครับนายน้อยโอวหยาง คือว่า เจ้าสำนักออกคำสั่งแล้ว ให้ผมปกป้องตัวประกันพวกนี้เอาไว้”“ผมว่านะ คุณไม่สู้ไปคุกเข่าขอความเมตตาจากเจ้าสำนักดีกว่า ไม่แน่อาจจะเก็บศพทั้งร่างไว้ให้คุณก็ได้”“อืม เอาแบบนี้แหละครับ บ๊ายบาย”“ตู๊ดตู๊ดตู๊ด…”หลังจากกา
แต่น่าเสียดายมาก ความจริงก็คือ เขาเป็นนักบู๊ของระดับเซียนเทียนในตอนที่โอวหยางหมิงกระแทกกำแพง ก็กลอกตาขาวทันที ภายใต้การปกป้องร่างกายของพลังชี่แท้ กลับเด้งกลับมาทั้งแบบนั้นหลินเฟิงพับแขนเสื้อของตัวเองช้า ๆ“คุณชายโอวหยาง”หลินเฟิงเดินเข้าไปใกล้โอวหยางหมิงช้า ๆ และยิ้มบางพูดว่า: “วันนี้ผมก็จะให้บทเรียนกับคุณหน่อย ไม่ใช่ว่ามีเบื้องหลังแล้วจะทำอะไรก็ได้”“ออกมาใช้ชีวิตก็ต้องดูกำลัง ต้องมีเบื้องหลัง แต่ต้องอยู่ภายใต้พื้นฐานที่ตัวเองสามารถต่อสู้ได้!”“ไว้…ไว้ชีวิตด้วยไว้…แอ่ก!”หลินเฟิงเตะออกไปอีกครั้ง ทำให้โอวหยางหมิงชิดอยู่กับกำแพง ฟันแถวล่างของเขาทั้งแถวหลุดออกจากในปากพร้อมกับเลือดมองเห็นโอวหยางหมิงกระแทกบนกำแพงแล้วตกลงมาหลินเฟิงตบหน้าของเขาจนทำให้ฟันอีกครึ่งหนึ่งกระเด็นออกไป“คุณชายโอวหยาง เป็นอย่างไรบ้าง? แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอ?”หลินเฟิงจับโอวหยางหมิงที่หน้าบวมเป่งขึ้นมา และยิ้มมองเขา“ไว้…ไว้…”ถึงแม้ปากจะมีลมรั่ว และพูดจาไม่ชัดเจน แต่โอวหยางหมิงยังคงพูดขอความเมตตาอยู่“วางใจเถอะ หนี้ของคุณผมยังทวงไม่หมดเลย!”หลินเฟิงเผยฟันขาวออกมา“อ๊าก!”“แกร่ก!”กระดูกนิ้วขอ
“พี่ชิงเสวียน…พี่ชิงเวียน…”หยินหลิงโผเข้าไปในอ้อมแขนของหลินเฟิง ความร้อนชื้นอย่างหนึ่งทำให้หลินเฟิงสมองว่างเปล่าในทันทีหลังจากตกอยู่ในความว่างเปล่า จู่ ๆ หลินเฟิงพบว่าตัวเองไม่รู้ว่าถอดเสื้อออกตั้งแต่เมื่อไหร่ และนัวเนียอยู่บนเตียงกับหยินหลิงหลินเฟิงตกตะลึงจนหน้าถอดสี และรีบลุกขึ้นแต่ทว่าหยินหลิงในตอนนี้สูญเสียสติของตัวเองไปแล้วเธอจับหลินเฟิงเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย และบิดตัวออดอ้อนอยู่ในอ้อมแขนของหลินเฟิงเหมือนกับแมวที่ติดสัดเมื่อเผชิญภาพแบบนี้ คงไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถอดทนได้หลินเฟิงหายใจหอบ ในดวงตาเผยเส้นเลือดออกมาถึงแม้เขาแทบอยากจะลงมือทันที แต่สติบอกกับเขาว่า เขาจะฉวยโอกาสไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งกว่านั้นนี่คือหยินหลิงเด็กผู้หญิงคนที่แยกกับตัวเองสิบกว่าปีหลินเฟิงกัดลิ้นของตัวเองจนแตก ฝืนบังคับให้ตัวเองมีสติกลับมาจากนั้นเขาก็กดหยินหลิงไว้บนเตียง หลับตาลงและลูบคลำหาจุดฝังเข็มบนร่างกายที่ลื่นเหมือนหยกเพื่อที่จะทำให้เธอกลับมาใจเย็น“เพียะเพียะเพียะ!”หลินเฟิงกดจุดบนตัวของหยินหลิงติดต่อกัน กลับพบว่ายาพิษเข้าสู่ร่างกายแล้ว จากนั้นไหลไปตามทางเดินเลือดลมเข้าสู่กระดูกแขนขา แทบ