“โอวหยางหมิง นายได้ยินไหม?”หลินเฟิงเดินออกไปนอกศาลบรรพบุรุษ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดพึมพำเสียงเบา:“เจ้าหนี้ของนาย จะมาทวงหนี้จากนายแล้วนะ”ภายในศูนย์การแพทย์โอวหยางหมิงประคองหยินหลิงไปที่ตรงหน้าเตียง และกำลังจะลงมือต่อเธอ แต่กลับถูกหยินหลิงจับกดเอาไว้“นายน้อยโอวหยาง...คุณ...คุณจะทำอะไร...”ในตอนนี้ถึงแม้หยินหลิงจะหายใจแผ่ว ดวงตาทั้งสองข้างหรี่ตาลง ร่างกายก็บิดไปบิดมาโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่เห็นได้ชัดว่าเธอยังมีสติอยู่เธอต่อต้านฤทธิ์ยาตัณหาไม่หยุด ตัวสั่นเทาและถอยหลังไปยังเตียงที่อยู่ด้านหลัง“ผู้นำหยินหลิง คุณอย่าขัดขืนเลย ผมหาวิธีแก้พิษให้คุณได้แล้ว”โอวหยางหมิงปลดกระดุมเสื้อของตัวเองไปด้วย และยิ้มเจ้าเล่ห์เดินต้อนไปทางหลินหยิง“วางใจเถอะ นี่เป็นของดีที่ผมซื้อมาจากสำนักร้อยพิษเมืองไห่หนานด้วยราคาแพง ครั้งเดียวก็ทำให้คุณจดจำไปตลอดชีวิต ตั้งใจเพลิดเพลินกับความสุขระหว่างชายหญิงสักหน่อยเถอะ”โอวหยางหมิงยิ้มชั่วร้ายแล้วพูดออกมา:“ต่อให้เป็นขั้นเซียนเทียนต้าหยวนหม่าน เพียงแค่คุณยังไม่เข้าสู่แดนแปรภาพ งั้นก็ไม่สามารถต่อต้านฤทธิ์ยานี้ได้ ถึงขั้นที่ทำให
“นายมาทำอะไรที่นี่?! ไสหัวไปซะ!”โอวหยางหมิงถูกรบกวน ตะโกนเสียงดัง และก็ไม่มีความอดทนต่อหลินเฟิง จากนั้นก็ชี้ไปที่ประตูและด่าทอเสียงดัง“ทำไมนายยังไม่ไสหัวไปอีก? หรือว่านายไม่อยากได้คนรักของนายแล้ว?!”เห็นหลินเฟิงยังคงจ้องมองเขาด้วยรอยยิ้มบาง โอวหยางหมิงชักสีหน้าขึ้นมาฉับพลันเขาล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง โทรศัพท์ไปหาจงเจว๋“ฮัลโหล? นายน้อยโอวหยาง?”เพื่อให้หลินเฟิงได้ยินอย่างชัดเจน โอวหยางหมิงถึงขั้นยังเปิดลำโพงออกมา นี่ทำให้หลินเฟิงได้ยินเสียงเอื่อยเฉื่อยของจงเจว๋“ตัดแขนของผู้หญิงหนึ่งในนั้นออกมาให้ฉันข้างหนึ่ง!”โอวหยางหมิงออกคำสั่งด้วยเสียงดุดัน“หึหึหึ…หลินเฟิง ฉันเคยเตือนนายแล้ว นายสร้างเรื่องเองนะ!”ในตอนที่โอวหยางหมิงกำลังหัวเราะอย่างพึงพอใจต่อหลินเฟิงกลับได้ยินเสียงหาวของจงเจว๋ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามของโทรศัพท์: “ขอโทษด้วยนะครับนายน้อยโอวหยาง คือว่า เจ้าสำนักออกคำสั่งแล้ว ให้ผมปกป้องตัวประกันพวกนี้เอาไว้”“ผมว่านะ คุณไม่สู้ไปคุกเข่าขอความเมตตาจากเจ้าสำนักดีกว่า ไม่แน่อาจจะเก็บศพทั้งร่างไว้ให้คุณก็ได้”“อืม เอาแบบนี้แหละครับ บ๊ายบาย”“ตู๊ดตู๊ดตู๊ด…”หลังจากกา
แต่น่าเสียดายมาก ความจริงก็คือ เขาเป็นนักบู๊ของระดับเซียนเทียนในตอนที่โอวหยางหมิงกระแทกกำแพง ก็กลอกตาขาวทันที ภายใต้การปกป้องร่างกายของพลังชี่แท้ กลับเด้งกลับมาทั้งแบบนั้นหลินเฟิงพับแขนเสื้อของตัวเองช้า ๆ“คุณชายโอวหยาง”หลินเฟิงเดินเข้าไปใกล้โอวหยางหมิงช้า ๆ และยิ้มบางพูดว่า: “วันนี้ผมก็จะให้บทเรียนกับคุณหน่อย ไม่ใช่ว่ามีเบื้องหลังแล้วจะทำอะไรก็ได้”“ออกมาใช้ชีวิตก็ต้องดูกำลัง ต้องมีเบื้องหลัง แต่ต้องอยู่ภายใต้พื้นฐานที่ตัวเองสามารถต่อสู้ได้!”“ไว้…ไว้ชีวิตด้วยไว้…แอ่ก!”หลินเฟิงเตะออกไปอีกครั้ง ทำให้โอวหยางหมิงชิดอยู่กับกำแพง ฟันแถวล่างของเขาทั้งแถวหลุดออกจากในปากพร้อมกับเลือดมองเห็นโอวหยางหมิงกระแทกบนกำแพงแล้วตกลงมาหลินเฟิงตบหน้าของเขาจนทำให้ฟันอีกครึ่งหนึ่งกระเด็นออกไป“คุณชายโอวหยาง เป็นอย่างไรบ้าง? แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอ?”หลินเฟิงจับโอวหยางหมิงที่หน้าบวมเป่งขึ้นมา และยิ้มมองเขา“ไว้…ไว้…”ถึงแม้ปากจะมีลมรั่ว และพูดจาไม่ชัดเจน แต่โอวหยางหมิงยังคงพูดขอความเมตตาอยู่“วางใจเถอะ หนี้ของคุณผมยังทวงไม่หมดเลย!”หลินเฟิงเผยฟันขาวออกมา“อ๊าก!”“แกร่ก!”กระดูกนิ้วขอ
“พี่ชิงเสวียน…พี่ชิงเวียน…”หยินหลิงโผเข้าไปในอ้อมแขนของหลินเฟิง ความร้อนชื้นอย่างหนึ่งทำให้หลินเฟิงสมองว่างเปล่าในทันทีหลังจากตกอยู่ในความว่างเปล่า จู่ ๆ หลินเฟิงพบว่าตัวเองไม่รู้ว่าถอดเสื้อออกตั้งแต่เมื่อไหร่ และนัวเนียอยู่บนเตียงกับหยินหลิงหลินเฟิงตกตะลึงจนหน้าถอดสี และรีบลุกขึ้นแต่ทว่าหยินหลิงในตอนนี้สูญเสียสติของตัวเองไปแล้วเธอจับหลินเฟิงเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย และบิดตัวออดอ้อนอยู่ในอ้อมแขนของหลินเฟิงเหมือนกับแมวที่ติดสัดเมื่อเผชิญภาพแบบนี้ คงไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถอดทนได้หลินเฟิงหายใจหอบ ในดวงตาเผยเส้นเลือดออกมาถึงแม้เขาแทบอยากจะลงมือทันที แต่สติบอกกับเขาว่า เขาจะฉวยโอกาสไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งกว่านั้นนี่คือหยินหลิงเด็กผู้หญิงคนที่แยกกับตัวเองสิบกว่าปีหลินเฟิงกัดลิ้นของตัวเองจนแตก ฝืนบังคับให้ตัวเองมีสติกลับมาจากนั้นเขาก็กดหยินหลิงไว้บนเตียง หลับตาลงและลูบคลำหาจุดฝังเข็มบนร่างกายที่ลื่นเหมือนหยกเพื่อที่จะทำให้เธอกลับมาใจเย็น“เพียะเพียะเพียะ!”หลินเฟิงกดจุดบนตัวของหยินหลิงติดต่อกัน กลับพบว่ายาพิษเข้าสู่ร่างกายแล้ว จากนั้นไหลไปตามทางเดินเลือดลมเข้าสู่กระดูกแขนขา แทบ
เมื่อออกจากสำนักเสินฉือ หลินเฟิงมุ่งตรงไปที่ตระกูลเซี่ยงตระกูลเซี่ยงลอบทำร้ายเขาหลายครั้งแล้ว ตระกูลแบบนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีตัวตนอยู่แล้วหลินเฟิงโทรศัพท์ไปหาจ้าวเทียนหวา เตือนเขาให้ส่งคนมาเก็บกวาดซากที่ตระกูลเซี่ยง หลังจากนั้น เขาขับรถพาโอวหยางชิ่งมุ่งหน้าไปที่ตระกูลเซี่ยงตอนนี้เซี่ยงตงเซิงกำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขก กำลังจัดงานเลี้ยงดื่มเหล้าอยู่กับแขกของตัวเองแขกคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นไป๋เจิ้นหัวของตระกูลไป๋“ผู้นำตระกูลเซี่ยง คุณบอกว่าสำนักเสินฉือสามารถช่วยนำตำแหน่งผู้นำตระกูลกลับมาให้ผมได้เป็นเรื่องจริงไหมครับ?”ไป๋เจิ้นหัวมองเซี่ยงตงเซิงด้วยใบหน้าที่มีความหวัง เซี่ยงตงเซิงโบกมืพูดอย่างเหิมเกริมโดยไม่มีความลังเล:“วางใจเถอะ ผมกับนายน้อยโอวหยางหมิงคุยกันไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่เขากุมอำนาจสำนักเสินฉือได้ นั่นก็จะช่วยตระกูลเซี่ยงของผมให้กลับมาอยู่จุดสูงสุดได้อีกครั้ง”“ถึงเวลาเพียงแค่ผมพูดจาดี ๆ ต่อหน้านายน้อยโอวหยาง การแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลกลับมา ต้องเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก”เมื่อเห็นเซี่ยงตงเซิงเด็ดขาดแบบนี้ ไป๋เจิ้นหัวรีบยกแก้วเหล้าที่อยู่บนโต๊ะขึ้น และ
แต่ในใจของเขากลับเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้“อ่อใช่แล้วน้องเจิ้นหัว มามามา เพื่อเลี่ยงไม่ให้นายลืมหลังจากเมามาย นายเขียนสัญญาให้ฉันหน่อย”เซี่ยงตงเซิงเพิ่งนึกขึ้นได้ และสั่งให้คนรับใช้เอากระดาษปากกามา“สัญญา?”ไป๋เจิ้นหัวประหลาดใจเล็กน้อย“ถูกต้อง”เซี่ยงตงเซิงหรี่ตายิ้มพูด: “นายเขียนตรงนี้ว่า ยินยอมยกลูกสาวให้แต่งงานกับฉัน สำหรับฉันก็เขียนสัญญาให้นาย”“ฉันเซี่ยงตงเซิงก็จะช่วยนายแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลไป๋มา เป็นอย่างไรบ้าง?”“นี่…มีความจำเป็นด้วยเหรอครับ?”ไป๋เจิ้นหัวลังเลเล็กน้อย“มีความจำเป็นอยู่แล้ว”เซี่ยงตงเซิงสีหน้าบึ้งตึง และพูดด้วยความจริงจัง: “ฉันเซี่ยงตงเซิงทำอะไรพูดจาคำไหนคำนั้น ในเมื่อจะรับปาก รับปากกับปากสำหรับฉันแทบจะไม่มีประโยชน์”“เป็นอย่างไร?”มองดูสีหน้ายิ้มแย้มของเซี่ยงตงเซิง และการชำเลืองมองของผู้คุ้มกันตระกูลเซี่ยงที่อยู่รอบ ๆหน้าผากของไป๋เจิ้นหัวมีเหงื่อไหลออกมา หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังกะทันหัน และหยิบปากกาขึ้นมายิ้มพูด: “ได้ ในเมื่อกฎของพี่เซี่ยงเป็นแบบนี้ งั้นผมก็ทำตามอยู่แล้ว”“เขียนสัญญา เป็นหลั
“โอวหยางชิ่ง?”“แก…แกยังไม่ตาย?!”เซี่ยงตงเซิงเห็นโอวหยางชิ่งก็ตกตะลึงยิ่งกว่าเห็นหลินเฟิง เขามองโอวหยางชิ่งที่ถือกระบี่ยาวด้วยใบหน้าเหลือเชื่อ“หึ ขอโทษด้วยนะ ทำให้นายผิดหวังแล้ว ฉันยังมีชีวิตอยู่อย่างดี!”โอวหยางชิ่งยิ้มเยาะ จากนั้นขมวดคิ้วขึ้น และตวาดเสียงดัง: “เซี่ยงตงเซิง แกฆ่าพ่อของฉัน และต้อนฉันจนกระโดดหน้าผาให้ตาย วันนี้ฉันจะจบเรื่องกับแก!” พูดจบ โอวหยางชิ่งก็ถือกระบี่พุ่งเข้าไปโดยตรง“ไอ้พวกสวะไร้ประโยชน์…”เซี่ยงตงเซิงกัดฟันแทบแตก ถึงว่าลูกน้องของเขาหาศพของโอวหยางชิ่งไม่เจอมาโดยตลอดที่แท้เธอยังมีชีวิตอยู่เซี่ยงตงเซิงไม่มีทางนิ่งเฉยอยู่แล้ว เขาพลิกโต๊ะเหล้าขึ้นอย่างแรง ตัวเองกลับถอยหลังตึกตึกตึกไปหลายก้าว และนำกระบี่ที่แขวนอยู่บนกำแพงมาไม่ว่าอย่างไร เซี่ยงตงเซิงก็เป็นยอดฝีมือกำลังภายใน“หือ? ไป๋เจิ้นหัว คุณมาทำอะไรที่นี่?”เห็นโอวหยางชิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และใช้กระบี่ฟันโต๊ะ สู้รบอยู่กับเซี่ยงตงเซิงหลินเฟิงกลับเดินเข้ามาจากประตูช้า ๆ และมองเห็นไป๋เจิ้นหัวนั่งทรุดอยู่บนพื้น“ฉัน…ฉัน…”ไป๋เจิ้นหัวพูดคำว่าฉันอยู่นาน ก็พูดคำอื่นไม่ออก“นี่คืออะไร?”หลินเฟิงเ
มือข้างซ้ายของเซี่ยงตงเซิงที่ซ่อนอยู่ จู่ ๆ ก็กดกล่องลับที่อยู่ตรงใต้กำแพงเห็นเพียงแค่ว่าปืนสีดำกระบอกหนึ่งเด้งออกมาจากด้านข้าง ตกลงในมือของเซี่ยงตงเซิงส่วนโอวหยางชิ่งในตอนนี้ยังคงแทงกระบี่ออกไปใส่เซี่ยงตงเซิงเซี่ยงตงเซิงกลับยกมือขึ้นแสยะยิ้ม จากนั้นใช้ปากกระบอกปืนที่เป็นรูสีดำจ่อไปที่หน้าผากของโอวหยางชิ่ง “อะ…”โอวหยางชิ่งถลึงตาโต เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเซี่ยงตงเซิงจะยังสำรองแผนเอาไว้เทียบกับการที่วิชากระบี่ของเธอตกไปที่ตัวของเซี่ยงตงเซิง กระสุนของเซี่ยงตงเซิงจะต้องทะลุหน้าผากของเธอก่อนแน่นอนโอวหยางชิ่งกัดริมฝีปาก และปิดตาลงอย่างไม่อยากยอมรับ“ปัง! เปรี้ยง!”กระสุนถูกยิงออกไป จากนั้นก็ตามมาด้วยกลิ่นดินประสิวที่รุนแรงโอวหยางชิ่งค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เธอคิดว่าตัวเองถูกยิงไปแล้ว แต่วินาทีต่อมา เธอเห็นปืนของเซี่ยงตงเซิงกระเด็นออกไปกระสุนที่ถูกยิงออกไปเมื่อครู่เพียงแค่ยิงโดนแจกันดอกไม้ที่อยู่ด้านหลังของเธอ“หลินเฟิง!”เซี่ยงตงเซิงมองไปทางหลินเฟิงด้วยความดุดัน เมื่อครู่เป็นเพราะหลินเฟิงใช้พลังชี่แท้ปล่อยออกมาจากที่ไกล ๆ ทำให้ปืนในมือของเขากระเด็นออกไป“ฮึบ!”โอวหยางชิ่งมองเห็นโ
เห็นได้ชัดว่าเธอรู้ดีว่าถูกใครทำร้ายในเหตุการณ์อันตรายก่อนหน้านี้เมื่อวานหลี่เหวินเชากลับมาพึ่งพาเธอ เดิมทีเธอคิดว่าหลี่เหวินเชาไม่เหมือนกับจางซิน ดังนั้นเธอจึงจัดการตำแหน่งที่ว่างให้หลี่เหวินเชาแต่คิดไม่ถึงเลยว่าต่อมาหลี่เหวินเชาจะหักหลังเธอ“หากแกไม่ใช่น้องชายของฉัน ฉันคงฆ่าแกไปนานแล้ว!”หลี่ฮุ่ยหรานดุด่าเสียงดังลั่นและในตอนที่โดนด่า หลี่เหวินเชาก็ทำได้เพียงหดคอและก้มหน้าลงหลินเฟิงที่ไม่เคยเห็นหลี่ฮุ่ยหรานโกรธมากขนาดนี้มาก่อน รีบเอื้อมมือไปปลอบใจ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโถมตัวเข้าหาหลินเฟิงโดยตรงพร้อมกับร้องไห้ในวินาทีถัดมา“หลินเฟิง มันเป็นเพราะอะไร เพราะอะไรกัน....”“คนในครอบครัวของฉันต่างก็เป็นแบบนี้กันหมดได้ยังไง?”“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ ผมอยู่ที่แล้ว”หลินเฟิงตบหลังของหลี่ฮุ่ยหรานเบา ๆ พร้อมกับปลอบโยนเธออย่างระมัดระวัง“พี่ ขอโทษ....ผม....ผมก็ ถูกบังคับไม่มีทางเลือกเหมือนกัน....”หลี่เหวินเชาอธิบายอย่างอึกอักไม่กล้าพูด“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากฟังแกอธิบาย”หลี่ฮุ่ยหรานเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งจริง ๆเธอใช้เวลาไม่นานก็จัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว พร้อมกับ
“ผู้หญิงคนนั้นผมบังเอิญเจอตอนกำลังคุยเรื่องธุรกิจที่ประเทศเวน่า เธอ....เธอเป็นฝ่ายยั่วยวนผมและให้ผม...แค่กแค่ก.....”“ให้ผมลงทุนที่ดินสองผืน จนได้กำไรไม่น้อย”ประธานโจวพูดอย่างอ่อนแรงว่า :“ด้วยเหตุนี้ผมก็ตกหลุมพลางของเธอ และไว้ใจเธอมาก”“แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอหนีไปจากผมแล้วแถม...แถมยังเอาทรัพย์สินส่วนใหญ่ของบริษัทผมไปด้วย แค่กแค่กแค่ก...”เมื่อพูดถึงตรงนี้ ประธานโจวก็โกรธมากอย่างเห็นได้ชัด“หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ผม...ผมก็คงไม่หวาดกลัวว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปจะดีเด่นขึ้นมา....”“เป็นแบบนี้นี่เอง”หลินเฟิงรู้สึกสะเทือนใจประธานโจวบอกว่าเขาพบกับฉู่ฮวาจิ่นที่ประเทศเวน่าหรือว่าฉู่ฮวาจิ่นคนนี้จะเป็นคนประเทศเวน่า?“ใช่....ใช่แล้ว คุณ...คุณชายหลิน”ประธานโจวที่เห็นว่าหลินเฟิงสนใจผู้หญิงคนนั้น และเพื่อความอยู่รอด เขาจึงรีบพูดว่า:“ผู้หญิงคนนั้นแพ้ดอกลิลลี่ อีกทั้งแพ้อย่างรุนแรง”“แพ้ดอกลิลลี่?”หลินเฟิงแอบจดจำไว้ในใจ ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้เลือกที่จะฆ่าประธานโจวโดยตรง แต่ถามเขาเกี่ยวกับฉู่ฮวาจิ่น ก็ยังได้ข้อมูลอะไรบางอย่างด้วยแน่นอนว่า เรื่องก็อาจจะเป็นเรื่องที่โกหกขึ้นมาแต่เมื่อ
นี่เป็นร่างกายที่เหมือนกับเทพเพียงแต่พลังชี่แท้ของเขายังคงเป็นขั้นเซียนเทียนต้าหยวนหม่าน“ถ้าหากฉันเรียนรู้ที่จะลอยตัวได้ และปล่อยคาถา ก็จะเป็นเทพจริงๆ แล้วใช่ไหม?”“หรือพูดว่า...ขอบเขตเทพ?”หลินเฟิงลังเลเล็กน้อยหรือว่าร่างกายของเขาตอนนี้ได้บรรลุขอบเขตเทพแล้ว?นี่คือระดับขั้นที่อยู่เหนือแดนแปรภาพยอดฝีมือขอบเขตเทพทั่วทั้งประเทศมังกร สามารถใช้นิ้วนับได้หลินเฟิงตั้งสติ กวาดสายตามองลูกสมุนที่คุกเข่ากราบเขาอยู่รอบๆ ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“ไสหัวไป”“ครับครับครับ ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราไสหัวไป จะไปเดี๋ยวนี้ครับ”“รีบไป...ไม่ รีบไสหัวไป ไสหัวไปสิ...”มองดูพวกลูกสมุนหลายสิบคนที่ทิ้งอาวุธหนีไป หลินเฟิงกลับไม่ได้ตามไปโจมตีเขาไม่ใช่คนที่ฆ่าไม่เลือก คนเหล่านี้ถึงแม้จะมีโทษประหาร แต่ไม่มีความท่าทีจะต่อสู้แล้ว แลก็ไม่ได้ขวางทางหลินเฟิงเช่นนั้นหลินเฟิงก็ขี้เกียจจะสนใจ“เอาล่ะ”หลินเฟิงยื่นมือไปจับคอเสื้อของหลี่เหวินเชา เหมือนกับยกลูกไก่ขึ้นมาส่วนประธานโจว ตอนนี้หน้าเละเทะ คนทั้งคนเหลือลมหายใจอยู่แค่เพียงครึ่งเดียวดูท่าเพื่อที่จะรอดชีวิต หลี่เหวินเชาลงมือไดด้อย่างไ
“พรวด!”หลินเฟิงไม่ได้ใช้พลังชี่แท้ เขายกเท้าขึ้น เตะร่างกายท่อนบนของหานเวยจนระเบิดออกมองดูเลือดสดและเนื้อที่กระเด็นไปทั่ว สีหน้าของประธานโจวกับหลี่เหวินเชาเปลี่ยนไปซีดขาวโดยสิ้นเชิง“นี่...นี่เขาแม่งใช่คนเหรอ?”ประธานโจวเหลือบมองหลี่เหวินเชา อยากจะตบหน้าเขาต่อหน้าทุกคน เขาแม่งเชิญพญายมมาจากที่ไหนกัน?หรือว่าตั้งใจอยากจะฆ่าเขางั้นเหรอ?“ผม...เป็นไปได้ยังไง...”หลี่เหวินเชาหน้าตาโศกเศร้า สีหน้าของเขาแย่ยิ่งกว่าประธานโจว คนทั้งคนแทบเหมือนกับถูกสูบกระดูกอ่อน ตัวอ่อนทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างสั่นเทาถ้าหากหลินเฟิงตามมาจะไม่ฆ่าเขาได้ในทันทีเลยเหรอ?นึกถึงเรื่องเลห่านี้ที่ตัวเองทำ และคำพูดรุนแรงที่เขาพูดกับหลินเฟิงเมื่อครู่นี้ เขาก็อดไม่ได้ที่อยากจะตบหน้าตัวเอง“นี่...ทำยังไงดี?”หลี่เหวินเชางุนงงไปหมด เขาพยายามคิดหาวิธีให้ตัวเองรอดชีวิตไปได้ และในตอนนี้เอง เขาก็เห็นสายตาที่ดุเดือดของประธานโจวที่มีต่อเขาเช่นเดียวกันหลี่เหวินเชาที่กำลังกระวนกระวายในตอนแรก เป็นเหมือนกับหมาป่าที่ถูกต้อนจนสิ้นหวัง กลับเผยสายตาดุดันออกมาใส่ประธานโจว “ทั้งหมดเป็นเพราะแกข่มขู่ฉัน! แม่งเอ๊ย!”หลี่เหวิน
ตอนนี้ ทุกคนต่างคิดว่าคนที่พ่ายแพ้และมีเลือดไหลออกมาก็คือหลินเฟิงแต่...“แค่กแค่กแค่ก.พี่ใหญ่ รีบ...รีบหนี”เสียงไอที่อ่อนแรงดังขึ้นมาท่ามกลางหมอกควัน“อะไรกัน?!”หานเวยที่กุมข้อมือที่หักของตัวเอง คุกเข่าอยู่บนพื้นถลึงตาโต เขาได้ยินอะไร?เขาเหมือนกับได้ยินเสียงที่อ่อนแรงของน้องชายตัวเองแถมยังให้เขาหนีไปอีก?ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่?ไม่ถึงสองวินาที ควันฝุ่นหายไปจนหมด ในที่สุดหานเวยก็เห็นภาพตรงหน้าแล้วเห็นเพียงแค่หลินเฟิงยื่นหมัดออกมาอย่างเงียบสงบคิดไม่ถึงว่าจะโจมตีโดนหน้าอกของหานกั๋วโดยตรงแบบนี้!ศพของหานกั๋วห้อยอยู่ที่แขนของหลินเฟิง แขนกับศีรษะตก ไม่มีลมหายใจแล้ว!“อะไร?!”หานเวยตกตะลึงจนหน้าถอดสี น้องชายของเขาถูกหมัดธรรมดาๆ แบบนี้...ฆ่าตายงั้นเหรอ?!”“ฮะ?!”หลี่เหวินเชาก็แสดงความตกตะลึงออกมากับผลลัพธ์แบบนี้เป็นเพราะเขารู้ว่าหลินเฟิงก็เป็นนักบู๊ถึงแม้จจะออกจากเมืองเจียงโจวไประยะหนึ่งแล้ว แต่เขาได้ยินมาจากที่ต่างๆ ว่าความสามารถของหลินเฟิงนั้นแข็งแกร่งมากด้วยเหตุนี้ เขาจึงเตือนประธานโจวโดยเฉพาะและประธานโจวก็ไม่ได้สะเพร่า จ่ายเงินไปก้อนใหญ่ เชิญพี่น้องตระกูลหาน
“ในเมื่อพวกนายหาที่ตาย งั้นฉันก็จะตอบสนองพวกนาย!”หลินเฟิงสายตาเย็นชา พลิกฝ่ามือตบออกไป ทำให้หมัดของหานเวยแตกหักทันที“หือ?!”ความรู้สึกที่กระดูกแตกหักนั้นชัดเจนจนดังเข้ามาในหัวของหลินเฟิงหลังจากเสียงร้องโอดครวญของหานเวย หลินเฟิงกลับยืนอยู่กับที่และมองฝ่ามือของตัวเองด้วยความตกตะลึง เขาจำได้ว่า...ตัวเองน่าจะไม่ได้มีแรงมากมายขนาดนี้หรอกมั้ง?”ตามแผนการย้อนโจมตีที่หลินเฟิงวางแผนเอาไว้เขาจะผลักกำปั้นที่ดุดันของหานเวยออก จากนั้นใช้หมัดอีกข้างหนึ่งโจมตีกลับ ต่อยหน้าผากของหานเวยจนแตก ทำให้เขาตายในทันทีแต่สิ่งที่ทำให้หลินเฟิงประหลานใจเล็กน้อยก็คือ ฝ่ามือที่เขาทำเพื่อป้องกันการโจมตีของหานเวย กลับเป็นเหมือนกับมีดสับเต้าหู้ ที่ตัดทั้งกำปั้นของหานเวยโดยตรงภายใต้ความแอบตกตะลึง หลินเฟิงกลับลืมที่จะโจมตีต่อไปเขายืนนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม มองฝ่ามือของตัวเองด้วยความงุนงง“พลังชี่แท้ภายในร่างกายไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงแม้แต่นิด มีเพียงหนึ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลง นั่นก็คือระดับความแข็งแกร่งของร่างกายของฉัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”หลินเฟิงตั้งตัวไม่ได้ชั่วขณะ“ไอ้หนุ่ม นายใช้วิธีชั่วร้ายอะไร?!”เห็
เถ้าแก่โจวเห็นสองพี่น้องตระกูลหานพูดออกมา เขาก็ขมวดคิ้ว และบ่นพึมพำในใจเขาหันหน้ามองไปทางหลี่เหวินเชา“นายมั่นใจว่าเขาก็คือหลินเฟิง? สามีของหลี่ฮุ่ยหราน?”“ถูกต้อง!”หลี่เหวินเชาจ้องมองหลินเฟิง และแสยะยิ้มพูดว่า: “ประธานโจว คุณวางใจได้ ต่อให้เขากลายเป็นขี้เถ้าผมก็จำได้”“หึ ถ้าหากไม่ใช่ นายรู้จุดจบนะ”ประธานโจวยิ้มเยาะได้ยินคำพูดแบบนี้ หลี่เหวินเชาตัวสั่นไปหมด และก็รีบยิ้มประจบสอพอพูดว่า:“ประธานโจวพูดอะไรกันครับ ผมจะกล้าหลอกคุณได้ยังไงล่ะ?!”“คนผู้นี้ก็คือหลินเฟิงแน่นอน ถ้าหากผมพูดผิด คุณก็ฆ่าผมได้เลย!”“อีกอย่าง ผมยังค้างเงินคุณอยู่อีกสี่ร้อยห้าสิบล้านบาท!”ต่อให้ทำเพื่อเอาหลี่ซื่อกรุ๊ปมาจำนำ ผมก็ไม่สามารถบอกคุณได้ ถูกไหมครับ?”หลินเฟิงที่อยู่กลางวงล้อมรอบถือว่าได้ยินชัดเจนแล้วที่แท้หลี่เหวินเชาติดหนี้ประธานโจวคนนี้ ถูกบีบบังคับให้คิดหาวิธี จึงทำได้แค่เอาพี่สาวของตัวเองออกมาเป็นเกาะกำบัง“ไอ้เวร...”หลินเฟิงสีหน้าดุดัน ครอบครัวของหลี่ฮุ่ยหรานทำไมถึงไร้มนุษยธรรมแบบนี้? เอาเปรียบหลี่ฮุ่ยหรานอย่างถึงที่สุด?“หลี่ฮุ่ยหรานอยู่ที่ไหน?”เมื่อเห็นว่าคนที่ออยู่รอบๆ จะลงมือ
ประธานโจว ประธานโจว! ผมพาคนมาแล้ว!”“รบกวนคุณให้พรรคพวกของคุณลงมือ กำจัดหลินเฟิงคนนี้ซะ!”หลี่เหวินเชาลงจากรถ ตะโกนไปด้วย พร้อมทั้งวิ่งไปในโรงงานร้าง“หึหึ...”แต่ในตอนนี้ ชายแก่ที่ดูอายุประมาณหกสิบปี สวมชุดสูทลายทาง ปากคาบซิการ์เดินออกมาจากภายในโรงงานหลินเฟิงก็จำคนคนนี้ได้เช่นกันตอนนั้นที่งานประมูล เคยพูดคุยกับหลี่ฮุ่ยหรานหลินเฟิงจำได้ว่า คนคนนี้เหมือนจะยังถูกคนนอกเรียกว่าหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองเจิ้งเต๋อนามสกุลโจวตอนนั้น ข้างกายของเขายังมีฉู่ฮวาจิ่นติดตามอยู่ด้วยเมื่อเห็นหลินเฟิงลงมาจากรถ และเดินเข้ามาด้วยท่าทางสบายใจ ประธานโจวคนนี้ก็สูบซิการ์ พ่นควันออกมา และหัวเราะเบาๆ พูดว่า:“นายคือหลินเฟิง สามีของหลี่ฮุ่ยหราน?”“ถูกต้อง”หลินเฟิงยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าของเขา เหลือบมองหลี่เหวินเชาที่อยู่ข้างๆ ตระกูลโจว และส่ายหน้าด้วยความเหยียดหยาม:“เดิมทีคิดว่าช่วงเวลาที่นายออกจากเมืองเจียงโจว น่าจะมีความคืบหน้าอยู่บ้าง แต่คิดไม่ถึงว่านายจะไร้ยางอายแบบนี้”“หึ ไร้ยางอายก็ต้องดูว่าเป็นใคร!”หลี่เหวินเชาพูดยิ้มเยาะ: “สำหรับขยะแบบนาย ไม่มีคำพูดอะไรที่น่าประนีประนอมด้วย!”“
“หลี่เหวินเชา? พี่สาวนายล่ะ?”หลินเฟิงตะโกนขึ้นเสียงดัง ทำให้หลี่เหวินเชาตกใจจนเกือบโยนโทรศัพท์มาในตอนที่เขาเห็นว่าคนที่มาถึงคือหลินเฟิง ก็ทำสีหน้าไม่พอใจทันที“ไม่รู้ อย่ามาถามฉัน!”หลังจากตอบกลับด้วยความหงุดหงิด หลี่เหวินเชาก็ตกอยู่ในโลกเกมของตัวเองอีกครั้งหลินเฟิงเห็นภาพนี้ ก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยโดยเฉพาะเรื่องที่หลี่เหวินเชาคนนี้เอาเท้าวางไว้บนโต๊ะที่ปกติหลี่ฮุ่ยหรานไว้ใช้ทำงาน ถึงขั้นที่เอกสารจำนวนมากถูกเหยียบจนมีรอยเท้า“เอ๊ะ? หัวหน้าหลิน?”ในตอนนี้ เลขาที่หลี่ฮุ่ยหรานโยกย้ายมาจากหลี่ซื่อกรุ๊ปของเมืองเจียงโจวเห็นหลินเฟิง เธอจำหลินเฟิงได้แน่นอนอยู่แล้วเธอรีบดึงหลินเฟิงไปที่ด้านข้างและพูดเสียงเบาว่า:“โทรศัพท์ของประธานหลี่หายไปเมื่อคืน พวกเราหาทั้งคนก็ตามหาไม่พบ เมื่อครู่ประธานหลี่ไปเยี่ยมแม่ของเธอที่โรงพยาบาลแล้ว“ประธานหลี่กำชับกับฉัน หากเห็นคุณกลับมาก็ให้บอกเธอสักคำ”หลินเฟิงฟังเลขาที่อยู่ข้างๆ อธิบายกับเขากลับรู้สึกได้ว่าหลี่เหวินเชากำลังแอบมองเขาอยู่รอตอนที่หลินเฟิงมองไปทางหลี่เหวินเชา เขาก็รีบเคลื่อนสมาธิไปที่บนโทรศัพท์ ปากก็ตะโกนไม่หยุดแสร้งทำท่าเป็นใช้