เมื่อพ่ายแพ้ให้กับโอวหยางหมิง จุดจบนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดมากอีก“เจ้าสำนัก หากคุณเชื่อฉัน งั้นก็ควรจะเชื่อหลินเฟิง!”โอวหยางชิ่งในเวลานี้ลุกขึ้นยืนเธอมองไปที่หลินเฟิง ก่อนจะรับรองกับโอวหยางเยว่ว่า “ฉันสามารถรับรองกับคุณได้เลยว่า หลินเฟิงสามารถกวาดล้างความวุ่นวายภายในสำนักได้อย่างแน่นอน!”“เขาคนเดียวก็พอแล้ว!”เมื่อได้ยินคำรับรองของโอวหยางชิ่ง โอวหยางเยว่ก็ขมวดคิ้ว และรู้สึกสั่นไหวอยู่ในใจเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงไม่เชื่อในความแข็งแกร่งของหลินเฟิงอยู่ดีถึงอย่างไรเขาก็ไม่เคยเห็นหลินเฟิงลงมือมาก่อน“เจ้าสำนัก ผมก็สามารถรับรองได้”ในขณะนี้ ลูกศิษย์สำนักเสินฉือก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “เมื่อครู่นี้...เอ่ออ คุณหลินเฟิงต่อสู้กับหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรบู๊ได้เสมอกัน อ่อไม่ใช่ ต่อสู้ชนะหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรบู๊ได้”เขาพยักหน้า“ทุกคนก็เห็นกันหมดแล้วใช่ไหม?”ในขณะที่ลูกศิษย์สำนักเสินฉือคนนี้พูด ลูกศิษย์สำนักเสินฉือคนอื่น ๆก็พยักหน้าเห็นด้วย และตอบว่าใช่ครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาไม่ใช่คนของโอวหยางหมิงในเวลานี้เมื่อเห็นว่าเจ้าสำนักถูกโอวหยางหมิงทำร้าย ต่างก็รีบแสดงความจงรักภักดี และ
“โอวหยางหมิง นายได้ยินไหม?”หลินเฟิงเดินออกไปนอกศาลบรรพบุรุษ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดพึมพำเสียงเบา:“เจ้าหนี้ของนาย จะมาทวงหนี้จากนายแล้วนะ”ภายในศูนย์การแพทย์โอวหยางหมิงประคองหยินหลิงไปที่ตรงหน้าเตียง และกำลังจะลงมือต่อเธอ แต่กลับถูกหยินหลิงจับกดเอาไว้“นายน้อยโอวหยาง...คุณ...คุณจะทำอะไร...”ในตอนนี้ถึงแม้หยินหลิงจะหายใจแผ่ว ดวงตาทั้งสองข้างหรี่ตาลง ร่างกายก็บิดไปบิดมาโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่เห็นได้ชัดว่าเธอยังมีสติอยู่เธอต่อต้านฤทธิ์ยาตัณหาไม่หยุด ตัวสั่นเทาและถอยหลังไปยังเตียงที่อยู่ด้านหลัง“ผู้นำหยินหลิง คุณอย่าขัดขืนเลย ผมหาวิธีแก้พิษให้คุณได้แล้ว”โอวหยางหมิงปลดกระดุมเสื้อของตัวเองไปด้วย และยิ้มเจ้าเล่ห์เดินต้อนไปทางหลินหยิง“วางใจเถอะ นี่เป็นของดีที่ผมซื้อมาจากสำนักร้อยพิษเมืองไห่หนานด้วยราคาแพง ครั้งเดียวก็ทำให้คุณจดจำไปตลอดชีวิต ตั้งใจเพลิดเพลินกับความสุขระหว่างชายหญิงสักหน่อยเถอะ”โอวหยางหมิงยิ้มชั่วร้ายแล้วพูดออกมา:“ต่อให้เป็นขั้นเซียนเทียนต้าหยวนหม่าน เพียงแค่คุณยังไม่เข้าสู่แดนแปรภาพ งั้นก็ไม่สามารถต่อต้านฤทธิ์ยานี้ได้ ถึงขั้นที่ทำให
“นายมาทำอะไรที่นี่?! ไสหัวไปซะ!”โอวหยางหมิงถูกรบกวน ตะโกนเสียงดัง และก็ไม่มีความอดทนต่อหลินเฟิง จากนั้นก็ชี้ไปที่ประตูและด่าทอเสียงดัง“ทำไมนายยังไม่ไสหัวไปอีก? หรือว่านายไม่อยากได้คนรักของนายแล้ว?!”เห็นหลินเฟิงยังคงจ้องมองเขาด้วยรอยยิ้มบาง โอวหยางหมิงชักสีหน้าขึ้นมาฉับพลันเขาล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง โทรศัพท์ไปหาจงเจว๋“ฮัลโหล? นายน้อยโอวหยาง?”เพื่อให้หลินเฟิงได้ยินอย่างชัดเจน โอวหยางหมิงถึงขั้นยังเปิดลำโพงออกมา นี่ทำให้หลินเฟิงได้ยินเสียงเอื่อยเฉื่อยของจงเจว๋“ตัดแขนของผู้หญิงหนึ่งในนั้นออกมาให้ฉันข้างหนึ่ง!”โอวหยางหมิงออกคำสั่งด้วยเสียงดุดัน“หึหึหึ…หลินเฟิง ฉันเคยเตือนนายแล้ว นายสร้างเรื่องเองนะ!”ในตอนที่โอวหยางหมิงกำลังหัวเราะอย่างพึงพอใจต่อหลินเฟิงกลับได้ยินเสียงหาวของจงเจว๋ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามของโทรศัพท์: “ขอโทษด้วยนะครับนายน้อยโอวหยาง คือว่า เจ้าสำนักออกคำสั่งแล้ว ให้ผมปกป้องตัวประกันพวกนี้เอาไว้”“ผมว่านะ คุณไม่สู้ไปคุกเข่าขอความเมตตาจากเจ้าสำนักดีกว่า ไม่แน่อาจจะเก็บศพทั้งร่างไว้ให้คุณก็ได้”“อืม เอาแบบนี้แหละครับ บ๊ายบาย”“ตู๊ดตู๊ดตู๊ด…”หลังจากกา
แต่น่าเสียดายมาก ความจริงก็คือ เขาเป็นนักบู๊ของระดับเซียนเทียนในตอนที่โอวหยางหมิงกระแทกกำแพง ก็กลอกตาขาวทันที ภายใต้การปกป้องร่างกายของพลังชี่แท้ กลับเด้งกลับมาทั้งแบบนั้นหลินเฟิงพับแขนเสื้อของตัวเองช้า ๆ“คุณชายโอวหยาง”หลินเฟิงเดินเข้าไปใกล้โอวหยางหมิงช้า ๆ และยิ้มบางพูดว่า: “วันนี้ผมก็จะให้บทเรียนกับคุณหน่อย ไม่ใช่ว่ามีเบื้องหลังแล้วจะทำอะไรก็ได้”“ออกมาใช้ชีวิตก็ต้องดูกำลัง ต้องมีเบื้องหลัง แต่ต้องอยู่ภายใต้พื้นฐานที่ตัวเองสามารถต่อสู้ได้!”“ไว้…ไว้ชีวิตด้วยไว้…แอ่ก!”หลินเฟิงเตะออกไปอีกครั้ง ทำให้โอวหยางหมิงชิดอยู่กับกำแพง ฟันแถวล่างของเขาทั้งแถวหลุดออกจากในปากพร้อมกับเลือดมองเห็นโอวหยางหมิงกระแทกบนกำแพงแล้วตกลงมาหลินเฟิงตบหน้าของเขาจนทำให้ฟันอีกครึ่งหนึ่งกระเด็นออกไป“คุณชายโอวหยาง เป็นอย่างไรบ้าง? แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอ?”หลินเฟิงจับโอวหยางหมิงที่หน้าบวมเป่งขึ้นมา และยิ้มมองเขา“ไว้…ไว้…”ถึงแม้ปากจะมีลมรั่ว และพูดจาไม่ชัดเจน แต่โอวหยางหมิงยังคงพูดขอความเมตตาอยู่“วางใจเถอะ หนี้ของคุณผมยังทวงไม่หมดเลย!”หลินเฟิงเผยฟันขาวออกมา“อ๊าก!”“แกร่ก!”กระดูกนิ้วขอ
“พี่ชิงเสวียน…พี่ชิงเวียน…”หยินหลิงโผเข้าไปในอ้อมแขนของหลินเฟิง ความร้อนชื้นอย่างหนึ่งทำให้หลินเฟิงสมองว่างเปล่าในทันทีหลังจากตกอยู่ในความว่างเปล่า จู่ ๆ หลินเฟิงพบว่าตัวเองไม่รู้ว่าถอดเสื้อออกตั้งแต่เมื่อไหร่ และนัวเนียอยู่บนเตียงกับหยินหลิงหลินเฟิงตกตะลึงจนหน้าถอดสี และรีบลุกขึ้นแต่ทว่าหยินหลิงในตอนนี้สูญเสียสติของตัวเองไปแล้วเธอจับหลินเฟิงเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย และบิดตัวออดอ้อนอยู่ในอ้อมแขนของหลินเฟิงเหมือนกับแมวที่ติดสัดเมื่อเผชิญภาพแบบนี้ คงไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถอดทนได้หลินเฟิงหายใจหอบ ในดวงตาเผยเส้นเลือดออกมาถึงแม้เขาแทบอยากจะลงมือทันที แต่สติบอกกับเขาว่า เขาจะฉวยโอกาสไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งกว่านั้นนี่คือหยินหลิงเด็กผู้หญิงคนที่แยกกับตัวเองสิบกว่าปีหลินเฟิงกัดลิ้นของตัวเองจนแตก ฝืนบังคับให้ตัวเองมีสติกลับมาจากนั้นเขาก็กดหยินหลิงไว้บนเตียง หลับตาลงและลูบคลำหาจุดฝังเข็มบนร่างกายที่ลื่นเหมือนหยกเพื่อที่จะทำให้เธอกลับมาใจเย็น“เพียะเพียะเพียะ!”หลินเฟิงกดจุดบนตัวของหยินหลิงติดต่อกัน กลับพบว่ายาพิษเข้าสู่ร่างกายแล้ว จากนั้นไหลไปตามทางเดินเลือดลมเข้าสู่กระดูกแขนขา แทบ
เมื่อออกจากสำนักเสินฉือ หลินเฟิงมุ่งตรงไปที่ตระกูลเซี่ยงตระกูลเซี่ยงลอบทำร้ายเขาหลายครั้งแล้ว ตระกูลแบบนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีตัวตนอยู่แล้วหลินเฟิงโทรศัพท์ไปหาจ้าวเทียนหวา เตือนเขาให้ส่งคนมาเก็บกวาดซากที่ตระกูลเซี่ยง หลังจากนั้น เขาขับรถพาโอวหยางชิ่งมุ่งหน้าไปที่ตระกูลเซี่ยงตอนนี้เซี่ยงตงเซิงกำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขก กำลังจัดงานเลี้ยงดื่มเหล้าอยู่กับแขกของตัวเองแขกคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นไป๋เจิ้นหัวของตระกูลไป๋“ผู้นำตระกูลเซี่ยง คุณบอกว่าสำนักเสินฉือสามารถช่วยนำตำแหน่งผู้นำตระกูลกลับมาให้ผมได้เป็นเรื่องจริงไหมครับ?”ไป๋เจิ้นหัวมองเซี่ยงตงเซิงด้วยใบหน้าที่มีความหวัง เซี่ยงตงเซิงโบกมืพูดอย่างเหิมเกริมโดยไม่มีความลังเล:“วางใจเถอะ ผมกับนายน้อยโอวหยางหมิงคุยกันไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่เขากุมอำนาจสำนักเสินฉือได้ นั่นก็จะช่วยตระกูลเซี่ยงของผมให้กลับมาอยู่จุดสูงสุดได้อีกครั้ง”“ถึงเวลาเพียงแค่ผมพูดจาดี ๆ ต่อหน้านายน้อยโอวหยาง การแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลกลับมา ต้องเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก”เมื่อเห็นเซี่ยงตงเซิงเด็ดขาดแบบนี้ ไป๋เจิ้นหัวรีบยกแก้วเหล้าที่อยู่บนโต๊ะขึ้น และ
แต่ในใจของเขากลับเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้“อ่อใช่แล้วน้องเจิ้นหัว มามามา เพื่อเลี่ยงไม่ให้นายลืมหลังจากเมามาย นายเขียนสัญญาให้ฉันหน่อย”เซี่ยงตงเซิงเพิ่งนึกขึ้นได้ และสั่งให้คนรับใช้เอากระดาษปากกามา“สัญญา?”ไป๋เจิ้นหัวประหลาดใจเล็กน้อย“ถูกต้อง”เซี่ยงตงเซิงหรี่ตายิ้มพูด: “นายเขียนตรงนี้ว่า ยินยอมยกลูกสาวให้แต่งงานกับฉัน สำหรับฉันก็เขียนสัญญาให้นาย”“ฉันเซี่ยงตงเซิงก็จะช่วยนายแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลไป๋มา เป็นอย่างไรบ้าง?”“นี่…มีความจำเป็นด้วยเหรอครับ?”ไป๋เจิ้นหัวลังเลเล็กน้อย“มีความจำเป็นอยู่แล้ว”เซี่ยงตงเซิงสีหน้าบึ้งตึง และพูดด้วยความจริงจัง: “ฉันเซี่ยงตงเซิงทำอะไรพูดจาคำไหนคำนั้น ในเมื่อจะรับปาก รับปากกับปากสำหรับฉันแทบจะไม่มีประโยชน์”“เป็นอย่างไร?”มองดูสีหน้ายิ้มแย้มของเซี่ยงตงเซิง และการชำเลืองมองของผู้คุ้มกันตระกูลเซี่ยงที่อยู่รอบ ๆหน้าผากของไป๋เจิ้นหัวมีเหงื่อไหลออกมา หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังกะทันหัน และหยิบปากกาขึ้นมายิ้มพูด: “ได้ ในเมื่อกฎของพี่เซี่ยงเป็นแบบนี้ งั้นผมก็ทำตามอยู่แล้ว”“เขียนสัญญา เป็นหลั
“โอวหยางชิ่ง?”“แก…แกยังไม่ตาย?!”เซี่ยงตงเซิงเห็นโอวหยางชิ่งก็ตกตะลึงยิ่งกว่าเห็นหลินเฟิง เขามองโอวหยางชิ่งที่ถือกระบี่ยาวด้วยใบหน้าเหลือเชื่อ“หึ ขอโทษด้วยนะ ทำให้นายผิดหวังแล้ว ฉันยังมีชีวิตอยู่อย่างดี!”โอวหยางชิ่งยิ้มเยาะ จากนั้นขมวดคิ้วขึ้น และตวาดเสียงดัง: “เซี่ยงตงเซิง แกฆ่าพ่อของฉัน และต้อนฉันจนกระโดดหน้าผาให้ตาย วันนี้ฉันจะจบเรื่องกับแก!” พูดจบ โอวหยางชิ่งก็ถือกระบี่พุ่งเข้าไปโดยตรง“ไอ้พวกสวะไร้ประโยชน์…”เซี่ยงตงเซิงกัดฟันแทบแตก ถึงว่าลูกน้องของเขาหาศพของโอวหยางชิ่งไม่เจอมาโดยตลอดที่แท้เธอยังมีชีวิตอยู่เซี่ยงตงเซิงไม่มีทางนิ่งเฉยอยู่แล้ว เขาพลิกโต๊ะเหล้าขึ้นอย่างแรง ตัวเองกลับถอยหลังตึกตึกตึกไปหลายก้าว และนำกระบี่ที่แขวนอยู่บนกำแพงมาไม่ว่าอย่างไร เซี่ยงตงเซิงก็เป็นยอดฝีมือกำลังภายใน“หือ? ไป๋เจิ้นหัว คุณมาทำอะไรที่นี่?”เห็นโอวหยางชิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และใช้กระบี่ฟันโต๊ะ สู้รบอยู่กับเซี่ยงตงเซิงหลินเฟิงกลับเดินเข้ามาจากประตูช้า ๆ และมองเห็นไป๋เจิ้นหัวนั่งทรุดอยู่บนพื้น“ฉัน…ฉัน…”ไป๋เจิ้นหัวพูดคำว่าฉันอยู่นาน ก็พูดคำอื่นไม่ออก“นี่คืออะไร?”หลินเฟิงเ