แต่น่าเสียดายมาก ความจริงก็คือ เขาเป็นนักบู๊ของระดับเซียนเทียนในตอนที่โอวหยางหมิงกระแทกกำแพง ก็กลอกตาขาวทันที ภายใต้การปกป้องร่างกายของพลังชี่แท้ กลับเด้งกลับมาทั้งแบบนั้นหลินเฟิงพับแขนเสื้อของตัวเองช้า ๆ“คุณชายโอวหยาง”หลินเฟิงเดินเข้าไปใกล้โอวหยางหมิงช้า ๆ และยิ้มบางพูดว่า: “วันนี้ผมก็จะให้บทเรียนกับคุณหน่อย ไม่ใช่ว่ามีเบื้องหลังแล้วจะทำอะไรก็ได้”“ออกมาใช้ชีวิตก็ต้องดูกำลัง ต้องมีเบื้องหลัง แต่ต้องอยู่ภายใต้พื้นฐานที่ตัวเองสามารถต่อสู้ได้!”“ไว้…ไว้ชีวิตด้วยไว้…แอ่ก!”หลินเฟิงเตะออกไปอีกครั้ง ทำให้โอวหยางหมิงชิดอยู่กับกำแพง ฟันแถวล่างของเขาทั้งแถวหลุดออกจากในปากพร้อมกับเลือดมองเห็นโอวหยางหมิงกระแทกบนกำแพงแล้วตกลงมาหลินเฟิงตบหน้าของเขาจนทำให้ฟันอีกครึ่งหนึ่งกระเด็นออกไป“คุณชายโอวหยาง เป็นอย่างไรบ้าง? แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอ?”หลินเฟิงจับโอวหยางหมิงที่หน้าบวมเป่งขึ้นมา และยิ้มมองเขา“ไว้…ไว้…”ถึงแม้ปากจะมีลมรั่ว และพูดจาไม่ชัดเจน แต่โอวหยางหมิงยังคงพูดขอความเมตตาอยู่“วางใจเถอะ หนี้ของคุณผมยังทวงไม่หมดเลย!”หลินเฟิงเผยฟันขาวออกมา“อ๊าก!”“แกร่ก!”กระดูกนิ้วขอ
“พี่ชิงเสวียน…พี่ชิงเวียน…”หยินหลิงโผเข้าไปในอ้อมแขนของหลินเฟิง ความร้อนชื้นอย่างหนึ่งทำให้หลินเฟิงสมองว่างเปล่าในทันทีหลังจากตกอยู่ในความว่างเปล่า จู่ ๆ หลินเฟิงพบว่าตัวเองไม่รู้ว่าถอดเสื้อออกตั้งแต่เมื่อไหร่ และนัวเนียอยู่บนเตียงกับหยินหลิงหลินเฟิงตกตะลึงจนหน้าถอดสี และรีบลุกขึ้นแต่ทว่าหยินหลิงในตอนนี้สูญเสียสติของตัวเองไปแล้วเธอจับหลินเฟิงเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย และบิดตัวออดอ้อนอยู่ในอ้อมแขนของหลินเฟิงเหมือนกับแมวที่ติดสัดเมื่อเผชิญภาพแบบนี้ คงไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถอดทนได้หลินเฟิงหายใจหอบ ในดวงตาเผยเส้นเลือดออกมาถึงแม้เขาแทบอยากจะลงมือทันที แต่สติบอกกับเขาว่า เขาจะฉวยโอกาสไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งกว่านั้นนี่คือหยินหลิงเด็กผู้หญิงคนที่แยกกับตัวเองสิบกว่าปีหลินเฟิงกัดลิ้นของตัวเองจนแตก ฝืนบังคับให้ตัวเองมีสติกลับมาจากนั้นเขาก็กดหยินหลิงไว้บนเตียง หลับตาลงและลูบคลำหาจุดฝังเข็มบนร่างกายที่ลื่นเหมือนหยกเพื่อที่จะทำให้เธอกลับมาใจเย็น“เพียะเพียะเพียะ!”หลินเฟิงกดจุดบนตัวของหยินหลิงติดต่อกัน กลับพบว่ายาพิษเข้าสู่ร่างกายแล้ว จากนั้นไหลไปตามทางเดินเลือดลมเข้าสู่กระดูกแขนขา แทบ
เมื่อออกจากสำนักเสินฉือ หลินเฟิงมุ่งตรงไปที่ตระกูลเซี่ยงตระกูลเซี่ยงลอบทำร้ายเขาหลายครั้งแล้ว ตระกูลแบบนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีตัวตนอยู่แล้วหลินเฟิงโทรศัพท์ไปหาจ้าวเทียนหวา เตือนเขาให้ส่งคนมาเก็บกวาดซากที่ตระกูลเซี่ยง หลังจากนั้น เขาขับรถพาโอวหยางชิ่งมุ่งหน้าไปที่ตระกูลเซี่ยงตอนนี้เซี่ยงตงเซิงกำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขก กำลังจัดงานเลี้ยงดื่มเหล้าอยู่กับแขกของตัวเองแขกคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นไป๋เจิ้นหัวของตระกูลไป๋“ผู้นำตระกูลเซี่ยง คุณบอกว่าสำนักเสินฉือสามารถช่วยนำตำแหน่งผู้นำตระกูลกลับมาให้ผมได้เป็นเรื่องจริงไหมครับ?”ไป๋เจิ้นหัวมองเซี่ยงตงเซิงด้วยใบหน้าที่มีความหวัง เซี่ยงตงเซิงโบกมืพูดอย่างเหิมเกริมโดยไม่มีความลังเล:“วางใจเถอะ ผมกับนายน้อยโอวหยางหมิงคุยกันไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่เขากุมอำนาจสำนักเสินฉือได้ นั่นก็จะช่วยตระกูลเซี่ยงของผมให้กลับมาอยู่จุดสูงสุดได้อีกครั้ง”“ถึงเวลาเพียงแค่ผมพูดจาดี ๆ ต่อหน้านายน้อยโอวหยาง การแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลกลับมา ต้องเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก”เมื่อเห็นเซี่ยงตงเซิงเด็ดขาดแบบนี้ ไป๋เจิ้นหัวรีบยกแก้วเหล้าที่อยู่บนโต๊ะขึ้น และ
แต่ในใจของเขากลับเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้“อ่อใช่แล้วน้องเจิ้นหัว มามามา เพื่อเลี่ยงไม่ให้นายลืมหลังจากเมามาย นายเขียนสัญญาให้ฉันหน่อย”เซี่ยงตงเซิงเพิ่งนึกขึ้นได้ และสั่งให้คนรับใช้เอากระดาษปากกามา“สัญญา?”ไป๋เจิ้นหัวประหลาดใจเล็กน้อย“ถูกต้อง”เซี่ยงตงเซิงหรี่ตายิ้มพูด: “นายเขียนตรงนี้ว่า ยินยอมยกลูกสาวให้แต่งงานกับฉัน สำหรับฉันก็เขียนสัญญาให้นาย”“ฉันเซี่ยงตงเซิงก็จะช่วยนายแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลไป๋มา เป็นอย่างไรบ้าง?”“นี่…มีความจำเป็นด้วยเหรอครับ?”ไป๋เจิ้นหัวลังเลเล็กน้อย“มีความจำเป็นอยู่แล้ว”เซี่ยงตงเซิงสีหน้าบึ้งตึง และพูดด้วยความจริงจัง: “ฉันเซี่ยงตงเซิงทำอะไรพูดจาคำไหนคำนั้น ในเมื่อจะรับปาก รับปากกับปากสำหรับฉันแทบจะไม่มีประโยชน์”“เป็นอย่างไร?”มองดูสีหน้ายิ้มแย้มของเซี่ยงตงเซิง และการชำเลืองมองของผู้คุ้มกันตระกูลเซี่ยงที่อยู่รอบ ๆหน้าผากของไป๋เจิ้นหัวมีเหงื่อไหลออกมา หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังกะทันหัน และหยิบปากกาขึ้นมายิ้มพูด: “ได้ ในเมื่อกฎของพี่เซี่ยงเป็นแบบนี้ งั้นผมก็ทำตามอยู่แล้ว”“เขียนสัญญา เป็นหลั
“โอวหยางชิ่ง?”“แก…แกยังไม่ตาย?!”เซี่ยงตงเซิงเห็นโอวหยางชิ่งก็ตกตะลึงยิ่งกว่าเห็นหลินเฟิง เขามองโอวหยางชิ่งที่ถือกระบี่ยาวด้วยใบหน้าเหลือเชื่อ“หึ ขอโทษด้วยนะ ทำให้นายผิดหวังแล้ว ฉันยังมีชีวิตอยู่อย่างดี!”โอวหยางชิ่งยิ้มเยาะ จากนั้นขมวดคิ้วขึ้น และตวาดเสียงดัง: “เซี่ยงตงเซิง แกฆ่าพ่อของฉัน และต้อนฉันจนกระโดดหน้าผาให้ตาย วันนี้ฉันจะจบเรื่องกับแก!” พูดจบ โอวหยางชิ่งก็ถือกระบี่พุ่งเข้าไปโดยตรง“ไอ้พวกสวะไร้ประโยชน์…”เซี่ยงตงเซิงกัดฟันแทบแตก ถึงว่าลูกน้องของเขาหาศพของโอวหยางชิ่งไม่เจอมาโดยตลอดที่แท้เธอยังมีชีวิตอยู่เซี่ยงตงเซิงไม่มีทางนิ่งเฉยอยู่แล้ว เขาพลิกโต๊ะเหล้าขึ้นอย่างแรง ตัวเองกลับถอยหลังตึกตึกตึกไปหลายก้าว และนำกระบี่ที่แขวนอยู่บนกำแพงมาไม่ว่าอย่างไร เซี่ยงตงเซิงก็เป็นยอดฝีมือกำลังภายใน“หือ? ไป๋เจิ้นหัว คุณมาทำอะไรที่นี่?”เห็นโอวหยางชิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และใช้กระบี่ฟันโต๊ะ สู้รบอยู่กับเซี่ยงตงเซิงหลินเฟิงกลับเดินเข้ามาจากประตูช้า ๆ และมองเห็นไป๋เจิ้นหัวนั่งทรุดอยู่บนพื้น“ฉัน…ฉัน…”ไป๋เจิ้นหัวพูดคำว่าฉันอยู่นาน ก็พูดคำอื่นไม่ออก“นี่คืออะไร?”หลินเฟิงเ
มือข้างซ้ายของเซี่ยงตงเซิงที่ซ่อนอยู่ จู่ ๆ ก็กดกล่องลับที่อยู่ตรงใต้กำแพงเห็นเพียงแค่ว่าปืนสีดำกระบอกหนึ่งเด้งออกมาจากด้านข้าง ตกลงในมือของเซี่ยงตงเซิงส่วนโอวหยางชิ่งในตอนนี้ยังคงแทงกระบี่ออกไปใส่เซี่ยงตงเซิงเซี่ยงตงเซิงกลับยกมือขึ้นแสยะยิ้ม จากนั้นใช้ปากกระบอกปืนที่เป็นรูสีดำจ่อไปที่หน้าผากของโอวหยางชิ่ง “อะ…”โอวหยางชิ่งถลึงตาโต เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเซี่ยงตงเซิงจะยังสำรองแผนเอาไว้เทียบกับการที่วิชากระบี่ของเธอตกไปที่ตัวของเซี่ยงตงเซิง กระสุนของเซี่ยงตงเซิงจะต้องทะลุหน้าผากของเธอก่อนแน่นอนโอวหยางชิ่งกัดริมฝีปาก และปิดตาลงอย่างไม่อยากยอมรับ“ปัง! เปรี้ยง!”กระสุนถูกยิงออกไป จากนั้นก็ตามมาด้วยกลิ่นดินประสิวที่รุนแรงโอวหยางชิ่งค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เธอคิดว่าตัวเองถูกยิงไปแล้ว แต่วินาทีต่อมา เธอเห็นปืนของเซี่ยงตงเซิงกระเด็นออกไปกระสุนที่ถูกยิงออกไปเมื่อครู่เพียงแค่ยิงโดนแจกันดอกไม้ที่อยู่ด้านหลังของเธอ“หลินเฟิง!”เซี่ยงตงเซิงมองไปทางหลินเฟิงด้วยความดุดัน เมื่อครู่เป็นเพราะหลินเฟิงใช้พลังชี่แท้ปล่อยออกมาจากที่ไกล ๆ ทำให้ปืนในมือของเขากระเด็นออกไป“ฮึบ!”โอวหยางชิ่งมองเห็นโ
“เอ่อ…”ฟ่านหลิงเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกเก้กังเล็กน้อย เธอกะพริบตา และหันหน้ามองไปทางหลินเฟิง: “คือ…พี่หลินเฟิง ฉันก็ควรจะกอดพี่ใช่ไหม?”“อย่าล้อเล่น”หลินเฟิงรีบผลักฟ่านหลิงเยว่ที่ขยับเข้ามาใกล้หมิงอิ่งอิ่งตามมาคนสุดท้ายเธอมองดูสาว ๆ ที่ล้อมรอบหลินเฟิงแล้วพูดจากะหนุงกะหนิง มีทั้งสุขุมเป็นผู้ใหญ่ มีทั้งออดอ้อนหยาดเยิ้ม มีร้องไห้เสียงดัง และก็มีเบะปากจึงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ“จ้าวเทียนหัว นี่มันเรื่องอะไรกัน?”หลินเฟิงเห็นจ้าวเทียนหัวที่พาคนเดินมาจ้าวเทียนหัวยิ้มบางแล้วพูดว่า: “คุณชายหลิน คุณหนูพวกนี้ไม่ได้รับการทรมานใดๆ ทั้งสิ้น”อาจเป็นเพราะความเห็นแก่ตัว ถึงแม้พวกเขาจะถูกขังอยู่ในตระกูลเซี่ยง แต่ไม่ได้อยู่ในห้องใต้ดิน กลับไปอยู่ที่ห้องพักแขก”“อืม วางใจเถอะหลินเฟิง พวกเราไม่เป็นอะไร”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มบางให้หลินเฟิง“จะไม่เป็นไรได้อย่างไร?”ถังหว่านกอดอกพูดอย่างไม่พอใจ: “เมื่อคืนนอนเบียดเตียงเดียวกับเธอ เธอเกือบจะเบียดฉันตกเตียง! หลี่ฮุ่ยหราน เธอควรจะลดความอ้วนได้แล้ว!”“เธอ…เธอพูดจาซี้ซั้ว”หลี่ฮุ่ยหรานได้ยินคำตำหนิของถังหว่าน สีหน้าก็แดงระเรื่อง และตอบโต้กลับเสีย
“ครับ คุณหลิน”จ้าวเทียนหัวไม่กล้าถามว่าทำไม และรับปากเอาไว้ทันทีหลินเฟิงมาที่ข้างรถของตัวเอง พบว่าบนรถมายบัคถูกเบียดแน่นไปหมดผู้หญิงสี่ห้าคนกำลังแก่งแย่งถกเถียงกันว่าใครจะนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับสุดท้าย หลินเสวี่ยฮุ่ยได้รับชัยชนะแน่นอนว่า เธอได้รับชัยชนะไม่ใช่เพราะว่าถังหว่านหรือหลี่ฮุ่ยหรานแพ้ให้เธอแต่เป็นเพราะหลี่ฮุ่ยหรานกับถังหว่านต่างไม่อยากเห็นอีกฝ่ายนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ“หึ ยังไงซะที่นั่งข้างคนขับของสามีฉันได้นั่งตั้งหลายครั้งแล้ว”ถังหว่านไขว่ห้าง และกอดอกด้วยความหยิ่งยโส“หึ ใครเป็นสามีของคุณ หน้าหนาหน้าทนจริง ๆ”ในที่สุดหลี่ฮุ่ยหรานก็สูญเสียความสงบเสงี่ยมของสาวสวยเย็นชาไป และสู้รบอยู่ด้วยกันกับถังหว่าน“พวกคุณ…พอได้แล้ว”หลินเฟิงกุมขยับ เขาแอบรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองในอนาคตเกรงว่าจะไม่สงบสุขแล้ว“หลินเฟิง ฉันไม่กลับไปกับคุณแล้วนะ”หมิงอิ่งอิ่งยืนอยู่ข้างหน้าหน้าต่าง และโบกมือให้หลินเฟิง“ซือหม่าหาวตายไปแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็ยอมปล่อยฉันแล้ว ในที่สุดฉันก็ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการแล้ว”“จะไม่เป็นไรเหรอ?”หลินเฟิงขมวดคิ้ว เขายังรู้สึกไม่วางใจเล็กน้อย