“เอ่อ…”ฟ่านหลิงเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกเก้กังเล็กน้อย เธอกะพริบตา และหันหน้ามองไปทางหลินเฟิง: “คือ…พี่หลินเฟิง ฉันก็ควรจะกอดพี่ใช่ไหม?”“อย่าล้อเล่น”หลินเฟิงรีบผลักฟ่านหลิงเยว่ที่ขยับเข้ามาใกล้หมิงอิ่งอิ่งตามมาคนสุดท้ายเธอมองดูสาว ๆ ที่ล้อมรอบหลินเฟิงแล้วพูดจากะหนุงกะหนิง มีทั้งสุขุมเป็นผู้ใหญ่ มีทั้งออดอ้อนหยาดเยิ้ม มีร้องไห้เสียงดัง และก็มีเบะปากจึงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ“จ้าวเทียนหัว นี่มันเรื่องอะไรกัน?”หลินเฟิงเห็นจ้าวเทียนหัวที่พาคนเดินมาจ้าวเทียนหัวยิ้มบางแล้วพูดว่า: “คุณชายหลิน คุณหนูพวกนี้ไม่ได้รับการทรมานใดๆ ทั้งสิ้น”อาจเป็นเพราะความเห็นแก่ตัว ถึงแม้พวกเขาจะถูกขังอยู่ในตระกูลเซี่ยง แต่ไม่ได้อยู่ในห้องใต้ดิน กลับไปอยู่ที่ห้องพักแขก”“อืม วางใจเถอะหลินเฟิง พวกเราไม่เป็นอะไร”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มบางให้หลินเฟิง“จะไม่เป็นไรได้อย่างไร?”ถังหว่านกอดอกพูดอย่างไม่พอใจ: “เมื่อคืนนอนเบียดเตียงเดียวกับเธอ เธอเกือบจะเบียดฉันตกเตียง! หลี่ฮุ่ยหราน เธอควรจะลดความอ้วนได้แล้ว!”“เธอ…เธอพูดจาซี้ซั้ว”หลี่ฮุ่ยหรานได้ยินคำตำหนิของถังหว่าน สีหน้าก็แดงระเรื่อง และตอบโต้กลับเสีย
“ครับ คุณหลิน”จ้าวเทียนหัวไม่กล้าถามว่าทำไม และรับปากเอาไว้ทันทีหลินเฟิงมาที่ข้างรถของตัวเอง พบว่าบนรถมายบัคถูกเบียดแน่นไปหมดผู้หญิงสี่ห้าคนกำลังแก่งแย่งถกเถียงกันว่าใครจะนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับสุดท้าย หลินเสวี่ยฮุ่ยได้รับชัยชนะแน่นอนว่า เธอได้รับชัยชนะไม่ใช่เพราะว่าถังหว่านหรือหลี่ฮุ่ยหรานแพ้ให้เธอแต่เป็นเพราะหลี่ฮุ่ยหรานกับถังหว่านต่างไม่อยากเห็นอีกฝ่ายนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ“หึ ยังไงซะที่นั่งข้างคนขับของสามีฉันได้นั่งตั้งหลายครั้งแล้ว”ถังหว่านไขว่ห้าง และกอดอกด้วยความหยิ่งยโส“หึ ใครเป็นสามีของคุณ หน้าหนาหน้าทนจริง ๆ”ในที่สุดหลี่ฮุ่ยหรานก็สูญเสียความสงบเสงี่ยมของสาวสวยเย็นชาไป และสู้รบอยู่ด้วยกันกับถังหว่าน“พวกคุณ…พอได้แล้ว”หลินเฟิงกุมขยับ เขาแอบรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองในอนาคตเกรงว่าจะไม่สงบสุขแล้ว“หลินเฟิง ฉันไม่กลับไปกับคุณแล้วนะ”หมิงอิ่งอิ่งยืนอยู่ข้างหน้าหน้าต่าง และโบกมือให้หลินเฟิง“ซือหม่าหาวตายไปแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็ยอมปล่อยฉันแล้ว ในที่สุดฉันก็ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการแล้ว”“จะไม่เป็นไรเหรอ?”หลินเฟิงขมวดคิ้ว เขายังรู้สึกไม่วางใจเล็กน้อย
“เอาล่ะเอาล่ะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว”หลี่ฮุ่ยหรานโบกมือแล้วยิ้มบาง ๆ พูดว่า: “วันนี้ที่มานี่ก็เพื่อที่จะแบ่งปันข่าวดีกับคุณเรื่องหนึ่ง เชื้อสายทางเจียงเป่ยถือว่าได้กลับมารวมกับตระกูลหลี่เมืองเจียงหนานแล้ว”“อืม จากนั้นล่ะ?”หลินเฟิงไม่รู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้นสีหน้าแบบนี้ของหลินเฟิงก็ไม่ได้ทำให้หลี่ฮุ่ยหรานประหลาดใจในสายตาของเธอแฝงไปด้วยรอยยิ้ม: “ไม่เพียงแค่นี้ คุณลุงของฉันยังบอกว่า ฉันไม่เพียงได้กลับเข้าสู่ตระกูลหรูหราเมืองเจียงหนาน อีกทั้งยังฉันยังได้เป็นตัวเลือกชิงตำแหน่งผู้นำของตระกูลได้สำเร็จด้วย!”“เป็นแค่ตัวเลือกเหรอ?”หลินเฟิงเหยียดหยาม“เห้อ คนเราอย่าโลภมากเกินไป!”หลี่ฮุ่ยหรานเคาะศีรษะของหลินเฟิงเบาๆ จากนั้นยิ้มพูด: “สิทธิ์ในการเป็นตัวเลือกนั้นมีคนมากมายพยายามอย่างมากที่จะได้สิทธิ์มา!”“ฉันที่เพิ่งจะได้กลับเข้าสู่ตระกูล ได้รับเลือกเป็นตัวเลือกก็ไม่เลวแล้ว!”พูดตามตรงก่อนหน้านี้หลี่ฮุ่ยหรานก็เป็นเหมือนกับหลินเฟิง เธอไม่ได้ใส่ใจมากนัก สำหรับการกลับเข้าสู่ตระกูลหลี่เมืองเจียงหนานเพราะเธอรู้ว่า ต่อให้เธอกลับเข้าสู่ตระกูลหลี่เมืองเจียงหนาน ก็เป็นแค่ญาติสายข้างเล็ก ๆ เท่าน
ในเมื่อถังหว่านเป็นคุณหนูของตระกูลถัง สถานะนี้สำหรับหลี่ฮุ่ยหรานนั้น ยังต่างกันเยอะมากหลี่ฮุ่ยหรานที่หยิ่งผยองจึงไม่มีทางยอมรับได้อยู่แล้วแต่ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้วเพียงแค่หลี่ฮุ่ยหรานได้กลายเป็นผู้นำตระกูลของตระกูลหลี่เมืองเจียงหนาน แบบนั้นแล้วเธอก็ยืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงระดับเดียวกับถังหว่านสุดท้ายใครแพ้ใครชนะ ใครจะได้รับสิทธิ์ในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย งั้นก็ต้องดูความสามารถของแต่ละคนแล้ว!“กริ๊งกริ๊ง…”ในตอนนี้ โทรศัพท์มือถือของหลี่ฮุ่ยหรานดังขึ้นกะทันหัน“ฮัลโหล?” หลี่ฮุ่ยหรานรับสาย และเสียงของจางกุ้ยหลานก็ดังขึ้นมาทันที: “ลูกสาว ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน? เร็วเลย รีบลูกกลับมาเร็ว ๆ คุณนายบ้านรองของตระกูลหลี่เมืองเจียงหนานมาแล้ว เธอต้องการจะพบลูก!”“เธอมาหาหนูทำไม?”หลี่ฮุ่ยรานเหลือบมองหลินเฟิงแล้วถามลองเชิงตอนนั้นพี่น้องของหลี่ไห่ซานเป็นวัยรุ่น เขาแต่งงานมีภรรยาสามคนนี่ก็เป็นเหตุผลที่พี่น้องของหลี่ฮุ่ยหลันตัดขาดกัน“อุ๊ยลูก ลูกได้รับแจ้งจากลุงของลูกแล้วไม่ใช่เหรอว่า ลูกถูกเลือกเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลแล้วไม่ใช่เหรอ? คุณนายบ้านรองมาที่นี่ เกรงว่ามาดึงลูกเป็นพวกก็เพรา
“หึ ยังจะแก้ตัวอยู่ตรงนี้อีก”จางกุ้ยหลานยิ่งคิดยิ่งโมโห และพูดด้วยความเดือดดาล: “ซินซินเอาไปให้คนดูแล้ว เถ้าแก่อวี๋ฮั่วหลงของซื่อฟางเจีย เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ ผู้เชี่ยวชาญคงจะไม่ได้ดูผิดหรอกมั้ง?”“เขาพูดไว้แล้ว นั่นเป็นแค่ลูกแก้วปลอม!”“ของแผงลอยราคาห้าหกสิบบาท”“หลินเฟิง ฉันเตือนแกนะ แกอย่าคิดจะใช้ลูกแก้วปลอมหลอกเอาลูกสาวของฉันไป ถ้าอยากจะแต่งงานกับลูกสาวของฉัน อย่างน้อยนายจะต้องควักเงินค่าสินสอดราคาสองร้อยห้าสิบล้านบาทให้ฉัน”จางกุ้ยหลานจับมือของหลี่ฮุ่ยหรานเอาไว้ และจ้องมองหลินเฟิงด้วยความดุดัน“แม่ แม่เข้าใจผิดหรือเปล่า? หลินเฟิงไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้น”หลี่ฮุ่ยหรานลองพูดไกล่เกลี่ย“จะมีความเข้าใจผิดอะไร? หลักฐานชัดเจน หลินเฟิงเป็นคนโกหกหลอกลวง!”จางกุ้ยหลานพูดด้วยความโมโห: “ไม่แน่เรื่องที่ให้คุณชายตระกูลหลงยอมแพ้ให้เขาก็เป็นเรื่องโกหก! ลูก ลูกอย่าถูกมันหลอกนะ!“พอแล้ว!”หลินเฟิงตะโกนเสียงต่ำ และเหลือบตามองคนตระกูลหลี่เมืองเจียงหนานที่กำลังดูความครึกครื้นอยู่ จึงไม่อยากตอแยกับจางกุ้ยหลานจนมากเกินไปจากนั้นก็ถามด้วยความเย็นชา: “จางซินล่ะ? คุณเรียกเธอออกมาถามก็รู้แล้ว
จางกุ้ยหลานนั่งทรุดตัวลงบนพื้น อยากจะร้องไห้แต่กลับร้องไม่ออกเธอจะไปรู้ได้ยังไงกันว่าหลินเฟิงจะมอบพลอยทับทิมที่มีมูลค่าขนาดนี้ให้ได้ตามใจชอบตอนนี้เธอเสียใจจนแทบตายแล้ว“พวกเธอทำอะไรกันอยู่ตรงนั้นน่ะ?! ไม่เห็นเหรอว่าแม่รองของฉันรอพวกเธออยูที่นี่นานมากแล้ว?!”“มีมารยาทและการอบรมสั่งสอนบ้างไหม?!ในที่สุดโจวอวี้เฟิ่งที่อยู่ไกลออกไปก็อดทนไม่ไหว เธอวางแก้วกาแฟลงอย่างแรง กระแทกบนโต๊ะกระจกดัง “ปัง”ให้แม่รองของเธอรอเป็นเวลานานขนาดนี้ คนพวกนี้ยังพูดพล่ามอยู่ที่ตรงนั้นไม่หยุดโดยเฉพาะจางกุ้ยหลาน นั่งลงตรงนั้นอยู่บนพื้นเหมือนกับแม่ตาย ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่จริง ๆ“ช่างเถอะ เรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้จัดการธุระก่อน”หลินเฟิงรู้ว่าหลี่ฮุ่ยหรานให้ความสำคัญกับการเจอหน้าในวันนี้อย่างมาก จึงพูดปลอบใจทังสองคนเล็กน้อยเมื่อถูกหลินเฟิงเตือนสติแบบนี้ หลี่ฮุ่ยหรานก็ตั้งตัวกลับมาได้ถึงแม้ในใจจะคิดถึงพลอยทับทิมเม็ดโตนั้น แต่เธอรู้ว่าตอนนี้เธอมีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า“หลี่ฮุ่ยหราน ท่านนี้ก็คือแม่รองของฉัน และก็เป็นคุณย่ารองของเธอ อยู่ที่ตระกูลหลี่เมืองเจียงหนานเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั
“คุกเข่าแต่แรกไม่ดีเหรอ? ทำไมต้องอิด ๆ ออด ๆ อยู่นาน ไม่มีมารยาทจริง ๆ”โจวอวี้เฟิ่งส่งเสียงไม่พอใจส่วนหลี่เยว่หรูที่อยู่ข้าง ๆ มองหลี่ฮุ่ยหรานที่คุกเข่าลงด้วยความเคารพ ในดวงตาก็เผยความอิจฉาอย่างรุนแรงออกมาต่อให้เป็นตัวเลือกผู้นำตระกูล ก็ต้องคุกเข่าเสิร์ฟน้ำชาที่ตรงหน้าคุณย่าของฉันอย่างว่าง่าย?ใบหน้าของหลี่ฮุ่ยหรานเผยความลำพองใจออกมา เหมือนว่าหลี่ฮุ่ยหรานไม่ได้กำลังคุกเข่าให้คุณนาย แต่คุกเข่าให้กับเธอดูท่าเธอรู้สึกไม่พอใจอย่างมากต่อสิทธิที่หลี่ฮุ่ยหรานได้เป็นตัวเลือกของผู้นำตระกูลมองดูหลี่ฮุ่ยหรานก้มหน้าคุกเข่า หลินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามองเห็นสิ่งต่ำทรามเหล่านี้ไม่ได้ประเพณีแบบนี้ ต่อให้เป็นบนตัวของราชาหลินแห่งตอนใต้ที่ความคิดล้าสมัยก็ยังไม่มี แต่บนตระกูลเล็ก ๆ ในสถานที่แบบนี้กลับคิดเล็กคิดน้อยอย่างมากนี่มันเป็นวิธีการข่มคนรุ่นหลังชัด ๆแต่เมื่อคิดว่าหลี่ฮุ่ยหรานให้ความสำคัญกับสิทธิ์ในการได้เป็นตัวเลือกผู้นำตระกูลขนาดนี้ หลินเฟิงก็ยังอดกลั้นเอาไว้ และไม่พูดไม่จาคุณนายชื่อว่าหลิ่วเยว่ฟาง เป็นภรรยาคนที่สองของนายท่านตระกูลหลี่เมืองเจียงหนานเธอมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยสีหน
“ได้ได้ได้ ฉันจะรินชาใหม่เดี๋ยวนี้”จางกุ้ยหลานรีบรินน้ำชาใหม่อีกแก้ว และยื่นให้หลี่ฮุ่ยหราน จากนั้นใช้สายตาส่งซิกให้หลี่ฮุ่ยหรานเสิร์ฟชาให้หลิ่วเยว่ฟางอีกครั้งหลี่ฮุ่ยหรานกำหมัดแน่น กำลังอยากจะปฏิเสธอีกครั้งแต่ในหัวจู่ ๆ ก็ปรากฏใบหน้าของถังหว่านขึ้นมาสถานะของเธอกับถังหว่านมีความแตกต่างอยู่มากมีเพียงกลายเป็นผู้นำตระกูล ถึงจะสามารถหลุดพ้นจากสถานภาพแบบนี้ได้ ถึงขั้นที่เปลี่ยนเป็นฝ่ายโจมตีคิดแล้ว หลี่ฮุ่ยหรานกำลังจะรับไว้แต่ระหว่างนั้น กลับถูกหลินเฟิงที่ทนดูต่อไปไม่ไหวแย่งแก้วไป“หลินเฟิง นายจะทำอะไร?!”จางกุ้ยหลานนิ่งอึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็ชักสีหน้าขึ้นมาไอ้หมอนี่หรือว่าจะขัดขวางเธอในช่วงเวลาาสำคัญอีกแล้วเหรอ?ถ้าหากล่วงเกินหลิ่วเยว่ฟาง อย่าว่าแต่ตัวเลือกผู้นำตระกูลเลย ไม่แน่ยังอาจถูกไล่ออกตระกูลหลี่เมืองเจียงหนานทันที!“หลินเฟิง…”หลี่ฮุ่ยหรานรู้ว่าหลินเฟิงทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว และไม่อยากให้เธอได้รับความไม่ยุติธรรมแบบนี้ถึงได้ลงมือในตอนที่ทุกคนกำลังลังเล หลินเฟิงก็ยิ้มเยาะ และยกถ้วยน้ำชา สาดไปที่ใบหน้าของหลิ่วเยว่ฟาง“ว้าย!”หลิ่วเยว่ฟางกรีดร้อง ใบหน้าที่ถูกราดด้วย
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน
“ใช่ครับ!”เริ่นโหย่วไฉพูดอย่างกระวนกระวาย: "คุณรีบพาคนมาที่นี่เร็วๆ เถอะครับ ทางด้านผม... ผมจะต้านไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว!"“ต้านไม่อยู่?”จางฉุนรู้สึกตกใจเล็กน้อยหรือว่าคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจียจะเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?ที่นี่เริ่นโหย่วไฉมีผู้คุ้มกันนับร้อยคน เขาคนเดียวสามารถจัดการผู้คุ้มกันทั้งหมดได้?”จางฉุนไม่เชื่อเรื่องนี้แต่ไม่นานความคิดอีกอย่างก็ผุดขึ้นมาในใจเขาเริ่นโหย่วไฉคนนี้คงจะพูดเกินจริงไปมากอยากได้ผลประโยชน์จากตัวเองเพิ่มมากขึ้นหลังจากสาปแช่งจิ้งจอกแก่แล้ว จางฉุนก็เพียงแต่เร่งฝีเท้าของลูกน้องเขาให้เร็วขึ้นเท่านั้นแต่ที่แปลกคือระหว่างทางกลับเงียบสงบมากและพวกยามโรงงานเสื้อผ้าที่อยู่ที่นี่แต่เดิมก็หายไปไหนไม่รู้"เดี๋ยวก่อน!"สวีโจวยื่นมือออกไปเพื่อหยุดทุกคนไม่ให้ก้าวไปข้างหน้าเขาจ้องดูใบหน้าที่ใจร้อนของจางฉุนแล้วขมวดคิ้วพูด:“คุณ...จางฉุน หรือว่าคุณไม่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติบ้างหรือ?”“ไม่ปกติอะไร?”ในขณะนี้จางฉุนเอาแต่นึกถึงรูปร่างที่น่าสะพรึงกลัวและใบหน้าที่งดงามของอิ่นนั่วเจียเพียงเท่านั้นยิ่งระยะทางใกล้เข้ามา เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าไฟที่อยู่ด้านล่
“นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนของรองผู้จัดการหลงซิ่วด้วยหรือเปล่า?”"เอ่อ... ใช่"พูดอย่างตรงไปตรงมา จวงฉุนก็เป็นแค่สุนัขของหลงซิ่วเนื่องจากเขาไม่ใช่นักบู๊และไม่ได้รู้จักผู้คนมากมาย เขาจึงถูกหลงซิ่วส่งมาที่เมืองเจิ้งเต๋อทำหน้าที่เป็นผู้นำเล็กๆ ของคนเหล่านี้แต่คนเหล่านี้จากตระกูลหลงล้วนเป็นนักบู๊ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจึงดูถูกจวงฉุนที่เป็นคนโลภโมบและหื่นกามอย่างเขาดังนั้นครั้งนี้พวกเขาถูกเรียกมา เพราะเห็นแก่หน้าของหลงซิ่วเท่านั้น จวงฉุนก็ไม่มีอำนาจที่จะสั่งพวกเขาได้เลยจวงฉุนก็รู้ดีถึงเรื่องนี้เช่นกันดังนั้นเอาหลงซิ่วออกมาเป็นโล่ไม่อย่างนั้น คนพวกนี้คงหันหลังแล้วจากไปทันที“ก็ได้ งั้นเราควรรีบลงมือปฏิบัติการ หากหลี่ซื่อกรุ๊ปพบเห็นเรา เราคงเดือดร้อนแน่”“อย่ากังวล คนจากหลี่ซื่อกรุ๊ปจะไม่รู้เรื่องนี้”จวงฉุนยิ้มอย่างเย็นชาเขาคิดว่าเขาทำหน้าที่เก็บความลับได้ดีมาก แต่เกรงว่าจวงฉุนคิดจนหัวระเบิดก็ยังไม่เข้าใจอิ่นนั่วเจียจริงๆ แล้วเป็นคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปและคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจีย ไม่ใช่บอดี้การ์ดส่วนตัวของอิ่นนั่วเจีย แต่เป็นคนของกลุ่มหลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ควรยุ่งด้วยมา