เธอยิ้มหวานส่งให้หมอภาสที่ยืนแข็งทื่อและทำตัวไม่ถูกกับอารมณ์ของอลิศที่เปลี่ยนไปรวดเร็วแต่เมื่อนิศาเดินเข้ามาและอลิศหันไปทักทายเธอเขาจึงรีบขยับแว่นเพื่อปรับอารมณ์อีกครั้ง
“พี่นิศา ไม่เฝ้าห้องยาเหรอคะมาทำอะไรที่นี่คะ”
“ไม่ใช่ธุระของเด็กฝึกงานที่จะมาถาม”
“อ้อ อลิศไม่ได้จะถามแบบนั้นค่ะ ก็ก่อนหน้านี้มันเคยมีปัญหาว่ายาที่พวกอลิศจัดเอาไว้ก่อนส่งไปไม่มีปัญหาแต่พอส่งไปถึงเค้าน์เตอร์กลับถูกสับเปลี่ยน อลิศก็เลยกลัวโดนแกล้งอีกน่ะค่ะ หมอภาสเองก็พึ่งเตือนว่าผิดพลาดสามครั้งในหนึ่งสัปดาห์ อลิศไม่อยากให้มันผิดพลาดบ่อย โดยเฉพาะเคสผู้ป่วยของคุณหมอภาส ไม่ต้องห่วงนะคะคุณหมอจากนี้อลิศจะดูแลเรื่องยาให้คุณหมอด้วยตัวเองค่ะ จะได้ไม่ผิดพลาด”
“นี่เธอ….”
“ขอตัวก่อนนะคะผู้ป่วยคงรอยาแล้ว รออลิศนะคะหมอภาส”
อลิศรีบหันไปและเบ้ปากเพราะความเมื่อยที่พยายามยิ้มนั้นทันทีพร้อมกับรีบเดินหนีไปทันทีก่อนที่ใครระหว่างสองคนนี้จะพูดอะไรขึ้นมา
แต่ก็ไม่มีเพราะหมอภาสเองกำลังตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าแต่นิศาพยายามเก็บอาการเพราะกลัวว่าหมอภาสจะมองเธอไม่ดี
“หมอภาสคะ อย่าไปฟังนะคะเด็กนั่นพูดจาเรื่อยเปื่อย”
“คุณมีธุระอะไรที่นี่งั้นเหรอคุณนิศา”
“เอ่อ…นิศาแค่…”
“ผมขอตัวก่อนนะ”
“หมอภาสคะ คือว่าวันอาทิตย์นี้คุณหมอพอจะ…”
“ไม่ว่างผมเข้าเวรทั้งวัน ขอตัวก่อน”
“เอ่อ….พี่ภาสคะ….”
หมอภาสยืนนิ่งและหายใจเข้าจนไหล่ยกก่อนจะหันมามองหน้าเภสัชกรสาวอีกครั้ง
“อยู่ที่โรงพยาบาลผมเป็นแพทย์ กรุณาเรียกให้ถูกหากยังแยกแยะไม่ได้ก็อยู่ในที่ที่ตัวเองรับผิดชอบและพยายามอย่าให้มีเรื่องผิดพลาดบ่อย ๆ ผมไม่อยากเขียนรายงานหรอกนะ”
“แต่ว่าเรื่อง…”
“ผมบอกไปแล้วไงว่าไม่อยากฟังคำแก้ตัว ไปแก้ไขเสียให้ถูกต้องที่สำคัญเภสัชอย่างคุณไม่ได้มีหน้าที่อยู่ตรงนี้ ขอตัวก่อน”
หมอภาสเดินกลับไปที่ห้องแล้วโดยไม่ได้ใส่ใจนิศาอีก เธอยืนตัวสั่นเพราะความโกรธและมองแผ่นหลังที่เย็นชานั้นจนเขาเปิดเข้าไปในห้องตรวจอีกครั้ง
"นังเด็กฝึกงานนั่น!! เพราะแกคนเดียวทำให้พี่ภาสตำหนิฉัน"
อลิศเดินเข้ามาในห้องคลังยา ดูเหมือนว่านิวจะยังไม่กลับมาเธอจึงเอารายชื่อยาที่หมอเขียนมาให้และรีบจัดเพื่อจะนำส่งไปยังห้องตรวจเพราะเธอดันปากไวพูดไปแล้วว่าจะนำไปส่งด้วยตัวเองในเวลาสิบนาที
“ให้ตายเถอะ ถ้าไม่ใช่เพราะยัยป้านิศานั่นโผล่ไปก่อนคงไม่ต้องปากไวรับปากเอาไปเองแบบนี้ อลิศเอ้ย!!”
เธอจัดยาอย่างระมัดระวังแม้ว่าลายมือคุณหมอจะอ่านยากไปหน่อยแต่เพราะเธออยู่กับเรื่องแบบนี้มานานเพราะที่บ้านเธอเป็นโรงงานผลิตเครื่องมือแพทย์และส่งออกเกี่ยวกับเวชภัณฑ์เหล่านี้ดังนั้นเธอจึงเลือกเรียนสาขานี้ ไม่นานเธอก็จัดยาจนเสร็จและกำลังเดินออกจากห้องยาแต่ก็ต้องเจอกับนิศาที่เดินเข้ามา
“นั่นเธอจะเอาไปไหน”
“เอาไปให้คุณหมอค่ะ”
“เอามานี่ฉันจะไปเอง”
“ไม่ได้ค่ะพี่นิศา เพื่อป้องกันความผิดพลาดไม่ให้เกิดขึ้นอีกอลิศจะเอาไปให้คุณหมอเองค่ะแล้วถ้าหากว่ามันผิดอลิศจะได้ถูกตำหนิด้วยตัวเองพี่นิศาจะได้…”
“บอกให้เอามานี่”
เธอดึงถาดยาออกไปจากมือของอลิศทันทีแต่อลิศเองก็ไม่ยอมเพราะเธอรู้อยู่แล้วว่านิศาโกรธมาจากข้างนอกและไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่
“พวกคุณทำอะไรกัน!!”
นิศาหันไปและรีบปล่อยมือทันที อลิศที่แย่งถาดยากับเธออยู่ไม่ทันระวังเธอจึงล้มไปชนคนที่ตะโกนอยู่ข้างหลังทันที
“โอ๊ย!!…ขอโทษค่ะ”
“หมอภาส มีธุระอะไรที่ห้องยาคะ”
นิศาถามด้วยน้ำเสียงตกใจและรีบตั้งสติในขณะที่อลิศกำลังก้มตรวจเช็กยาที่จัดเอาไว้เมื่อครู่นี้ว่าอยู่ครบหรือไม่ หมอภาสที่โกรธจัดเมื่อเห็นพวกเธอทะเลาะกันยังคงตะเบ็งเสียงทำให้อลิศตกใจเพราะลืมไปเลยว่าเขาเข้ามาอยู่ในนี้แล้ว
“ผมถามว่า เกิดอะไรขึ้น!!”
“พี่ภาสคะ ไม่มีอะไรค่ะ”
“ญานิศา!! ผมบอกแล้วว่าที่นี่…”
“ตายจริง!! ยาแก้แพ้อีกตัวตกไปไหนแล้วล่ะเนี่ย แย่จังเลยคงตกตอน….เอ่อ…ขอโทษค่ะ”
“อยู่นี่!! วันหลัง ก็หัดระวังเอาไว้บ้างนะ”
สายตาของนิศาที่มองมาที่อลิศยังคงไม่เป็นมิตรเหมือนเดิมเมื่อส่งถุงยาที่ถือในมือให้อลิศ เธอรับมาและยิ้มให้นิศาด้วยความดีใจและโล่งใจ
“เฮ้อ โล่งอกไปที ขอบคุณนะคะพี่นิศา แต่ถ้าพี่นิศาไม่มาแย่งถาดยานี้เพื่อจะเอาไปให้หมอภาสเองมันก็ไม่มีปัญหาแบบนี้หรอกค่ะ”
นิศาแทบอยากจะฉีกตัวของอลิศกินตรงหน้าหากว่าหมอภาสไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น
“ฉันไม่ได้จะแย่ง ก็แค่…ไม่อยากให้มันผิดพลาดอีก…ก็เลยจะเอามาตรวจแต่เธอ…”
“แต่เมื่อกี้พี่ไม่ได้พูดแบบนี้ พี่บอกว่าพี่จะเอาไปให้….”
“พอที!! คุณจัดยาเสร็จหรือยัง”
“เสร็จแล้วค่ะ”
“ตามมา”
“ค่ะคุณหมอ….พี่นิศาคะ คุณหมอเรียกแล้วขอตัวก่อนนะคะ”
นิศายังกำหมัดแน่นและยืนตัวสั่นอยู่เมื่ออลิศเดินตามหมอภาสออกไปเธอปิดประตูและทำท่าโล่งใจที่ออกมาจากในห้องนั้นได้และมองไปที่ถาดยาที่จัดเสร็จแล้วจนเดินชนหลังของหมอภาสอีกครั้งเพราะเธอไม่นึกว่าเขาจะหยุดเดิน
“คุณจะก้มดูอะไรนักหนา เดินไม่มองทางแบบนี้ไงถึงได้มีเรื่อง”
“ขอโทษค่ะ ก็แค่ดูให้แน่ใจเท่านั้นไม่อยากให้ผิดพลาดอีกนี่คะ”
“เอามานี่ ไม่ต้องตรวจแล้ว”
“งั้นอลิศขอตัว…”
“เธอก็ตามมาด้วย”
อลิศทำหน้างงแต่ก็ตามเขาเข้าไปที่ห้องด้วย ไม่รู้ว่าวันนี้เธอจะโดนอะไรอีกเพราะเขาเข้าไปจังหวะที่เธอกำลังมีเรื่องกับนิศาอยู่พอดี
“เกิดอะไรขึ้น”
“คะ?”
“ผมรู้ว่าคุณเข้าใจที่ผมถาม เล่ามา”
“ก็…อย่างที่คุณหมอเห็นคะ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”
“หมายความว่ายังไง”
“อลิศจัดยาเสร็จก็จะนำมาส่งแต่ว่าพี่นิศาบอกว่าจะเอามาให้คุณหมอเองแล้วเธอก็เข้ามาแย่งถาดยาและคุณหมอก็เข้ามาเห็นค่ะ”
“เกิดเรื่องแบบนี้บ่อยแค่ไหน”
“ไม่เคยค่ะ วันนี้เป็นวันแรก”
“นี่คือยาที่คุณจัดมาตามที่ผมเขียนงั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
เขานั่งตรวจดูยาที่เธอจัดมาในถาดซึ่งถูกต้องแต่มีอยู่ตัวหนึ่งที่เขาดึงขึ้นมา
“นี่มันยาแก้แพ้อากาศ ไม่ใช่ยาแก้ผดผื่นคัน”
“ว่ายังไงนะคะ ขออลิศดูหน่อยสิคะ”
เขายื่นยาที่ผิดพลาดนั้นมาดูใกล้ ๆ และอลิศเองก็แน่ใจว่าตอนที่เธอจัดยาทุกอย่างตามเอกสารที่หมอภาสให้เธอจัดไม่พลาดเพราะเธอรู้ว่ายาแต่ละอย่างใช้ไม่เหมือนกันแม้ว่าจะมีสีเดียวกันก็ตาม
“เป็นไปไม่ได้”
“มีอะไรจะแก้ตัวอีกไหม ผมคิดว่าเด็กฝึกงานไม่ควรจะมาทำงานให้ห้องปฏิบัติการที่ต้องใช้ความชำนาญการสูงแบบนี้นะ ผมจะย้ายพวกคุณไปอีกแผนกหนึ่งน่าจะเหมาะกว่า ผมไม่อยากมานั่งระแวงเรื่องนี้อีก ชีวิตผู้ป่วยมันสำคัญกว่าการที่จะเอามาเสี่ยงกับเรื่องนี้”
“คุณหมอคะ”
“คุณกลับไปเถอะ ยานี้ผมไม่ได้จะเอาให้ผู้ป่วยหรอก ผมก็แค่จะทดสอบคุณเท่านั้น”
“คุณหมอหมายความว่ายังไงคะ นี่คุณหมออยากจะทดสอบเหรอคะ คิดว่าพวกอลิศเป็นตัวถ่วงเป็นคนไม่มีความรู้และพัฒนาไม่ได้ แต่ไม่ได้ฟังเหตุผลเลยงั้นเหรอคะ คุณเองต่างหากที่เอาแต่ดูถูกเด็กฝึกงานจนหลับตาและไม่มองปัญหาที่เกิดขึ้นจริง ๆ”
“นักศึกษา!!”
เขาตะคอกเธออีกครั้ง อลิศยอมเงียบแต่สีหน้าดื้อดึงนั้นไม่มีทีท่าว่าจะยอมเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“ยาแก้แพ้ชุดนี้ ถุงนี้ไม่ใช่ยาที่อลิศหยิบมาค่ะถ้าคุณหมอพร้อมที่จะฟังอลิศก็จะอธิบายให้คุณหมอฟังค่ะ”
เขามองเธอด้วยสายตานิ่ง ๆ แต่ลุ่มลึกเกินคาดเดา อลิศไม่ชอบเขาเอาเสียเลยเพราะตั้งแต่เธอฝึกงานอยู่ที่นี่เกือบเดือน พบเขาไม่กี่ครั้งและทุกครั้งก็เจอแต่ปัญหาซึ่งเขาก็ไม่เคยให้โอกาสใครได้อธิบาย เพียงแค่ด่า ต่อว่าและเดินออกไป“คุณพูดอะไร ก็ยานี่….”“คุณก็ดูก่อนสิคะแล้วค่อยด่า”“นี่คุณ!! หัดมีมารยาทหน่อย คุณเด็กกว่าผมตั้งกี่ปี”“ก็เงียบแล้วหัดฟังบ้างสิคะ!! กำลังจะพูดอยู่นี่ยังไงถ้าคุณไม่เงียบแล้วฟังจะรู้เรื่องไหมล่ะคะ”หมอภาสโกรธจนหน้าแดงก่ำ ชีวิตเป็นอาจารย์แพทย์มาเกือบสามปียังไม่เคยมีครั้งไหนหรือคนไหนกล้าตะเบ็งเสียงหรือตะคอกเขาแบบที่เธอกำลังทำมาก่อน“สองนาที”“ก็แค่นั้นแหละ ฟังคนอื่นบ้างจะตายหรือยังไง”“พูดมาได้แล้ว!!”“โอ๊ย!! พูดแล้วค่ะ คุณหมอดูนี่ค่ะ”อลิศวางถุงยาที่เขาบอกว่าผิดลงที่โต๊ะของเขาซึ่งนั่นยิ่งทำให้เขามีโทสะที่รุนแรงขึ้น เขาไม่รู้เลยว่าเธอต้องการจะพูดอะไร“อะไร โยนถุงยาใส่ผมแล้วคิดว่าผมจะเข้าใจอะไร คุณจะบอกว่าผมเป็นคนใส่ร้ายคุณโดยการใส่ยานี่ลงในถาดหรือไง”“ใช่ค่ะ”“นี่คุณ!! มากไปแล้วนะ!!”“ก็เพราะหมอเป็นแบบนี้ไงล่ะคะ ฟังอะไรก็ฟังไม่จบไม่เคยฟังอะไรเลยและคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดถูกอย
สิ่งที่หมอศุภกิตต์พูดออกมาดังพอที่คนในกาแฟนั้นจะได้ยินจนหมด และทุกสายตาก็กลับมาจดจ้องอยู่ที่อลิศแทนเมื่อถูกคุณหมอหนุ่มเนื้อหอมของโรงพยาบาลมาขอเป็นแฟนในร้านกาแฟของโรงพยาบาล“เอ่อ….”“พี่ว่าเราไปหาที่นั่งก่อนดีไหม”“ค่ะ ดีค่ะ”อลิศทำตัวไม่ถูกเธอทั้งดีใจ ทั้งอายและก็ตกใจเมื่อคนที่เป็นรักแรกของเธอมาเอ่ยปากขอคบกับเธอ ก่อนหน้านี้เธอแอบเอาขนม คุกกี้และของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปให้เขาตลอด เจอบ้างไม่เจอบ้างแล้วแต่โอกาสมาจนถึงวันนี้ไม่นึกว่าเขาจะมองเห็นความพยายามของเธอจนได้ อลิศนั่งลงเพื่อสงบจิตใจแต่คุณหมอกลับเลือกจะมานั่งข้าง ๆ เธอ“พี่สั่งให้แล้วนะ”“ค่ะ”“แล้วคำตอบล่ะ”“คะ??”“ที่พี่ถามไปเมื่อกี้นี้ไงลืมแล้วเหรอ”“คุณหมอคะ…คือ…เมื่อกี้นี้พูด…จริงเหรอคะ”“เอ๊าน้องอลิศครับมีใครจะพูดเล่นกันเรื่องนี้ล่ะ”“ตะ…ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ที่…”“หมายถึงพี่น่ะเหรอ พี่ชอบอลิศมานานแล้วตั้งแต่อลิศเรียนปีสองแต่ตอนนั้นพี่ต้องทำงานแล้วพึ่งเป็นหมอเต็มตัวช่วงนั้นก็เลยไม่มีเวลาน่ะ ว่ายังไง อลิศจะลองให้โอกาสพี่สักครั้งได้ไหมครับ”“ให้โอกาสงั้นเหรอคะ อลิศ….ไม่คิดแบบนั้น คือว่าที่จริงแล้ว…”“ครับ”อลิศคิดไม่ถึงว่าจะมีวันน
“เหอะ ๆ ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”“อลิศ มีอะไรเหรอ”“ที่แท้พวกเขาก็เป็นแฟนกันนี่เองถึงว่าล่ะถึงได้สั่งให้พวกเราย้ายแผนก ที่แท้ก็คงกลัวแฟนตัวเองโดนสอบสวนสินะ ทุเรศที่สุด”“อลิศแกเบาเสียงหน่อย”“เอาเถอะ ทนอีกแค่สองเดือนก็จะไปให้พ้น ๆ ที่นี่แล้ว”เธอนั่งดื่มน้ำจนหมดและหันไปมองสายตาที่หันมามองเธอแวบหนึ่งของหมอภาส เขายังไม่ได้ถอดชุดสำหรับผ่าตัดสีฟ้าออก อลิศหันไปมองและเบ้ปากไปทางอื่นก่อนจะบีบแก้วกระดาษในมือและโยนทิ้งถังขยะ“อลิศ จะไปไหน”“กลับห้องทำงาน”“ไปด้วยสิ”หมอภาสที่หรี่ตามองพวกเธอที่เดินออกไปจากที่นั่งในห้องเบรกและกำลังจะเดินตามอลิศไปแต่พยาบาลที่เค้าน์เตอร์เรียกเขาเอาไว้ก่อน“คุณหมอคะ ช่วยเซ็นเอกสารตรงนี้หน่อยค่ะ คนไข้จะออกจากโรงพยาบาลวันนี้ค่ะ”“อย่าลืมตรวจสอบเอกสารให้ดีก่อนที่คนไข้จะออกจากโรงพยาบาล เคสนี้ต้องนัดมาตรวจเพิ่ม”สามสี่วันที่เหลืออลิศก็ยังทำงานตามที่ได้รับมอบหมายตามปกติ เธอรู้สึกสนุกกับงานและคุ้นเคยกับพี่ ๆ พยาบาลในแผนกนี้แล้วเพราะทุกคนต่างก็เป็นกันเองกับพวกเธอและยังรู้ว่าเธอเป็นแฟนสาวของคุณหมอกิตที่มักจะแวะมาหาเธอและรับเธอไปนั่งกินข้าวด้วยที่ห้องอาหารของแพทย์“น่าอิจฉาจั
อลิศหันไปมองหน้าที่เย็นชาไร้ความรู้สึกที่พูดเสียงเรียบ ๆ นั้นออกมา เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขากับญานิศาถึงได้มีปัญหากับเธอนัก แล้วทำไมยัยนั่นต้องมีปัญหาทุกครั้งที่เธอต้องเป็นคนไปรับยามาให้เขาทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอก็ทำงานของเธอปกติ“คุณหมอคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวและอลิศเองก็ไม่เคยเอาเรื่องของคุณหมอกิตมาเกี่ยวข้องกับการทำงาน อลิศทำงานเต็มที่ที่ได้รับมอบหมายแต่พวกคุณต่างหากที่ต้องการอะไรกันแน่ ทำไมคนที่ทำผิดยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในโรงพยาบาลได้แต่คนที่ถูกตำหนิและสั่งย้ายแผนกถึงต้องเป็นพวกอลิศ”“นี่คุณคิดว่าการที่คุณถูกสั่งย้ายมานี่…คือการกลั่นแกล้งงั้นเหรอ”“แล้วไม่ใช่เหรอคะ พวกคุณแค่สั่งย้ายแต่ไม่ได้อธิบายเหตุผลอะไรให้ทราบเลยนี่คะ”หมอภาสนั่งลงที่เก้าอี้ของเขาและเป็นครั้งแรกที่เขาถอดแว่นออกมา สายตาของเขาอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดเพราะก่อนหน้านี้เขาอยู่ในห้องผ่าตัดมาเกือบแปดชั่วโมงและเมื่อออกมาต้องมาพบความผิดพลาดเดิม ๆ อีกครั้ง และครั้งนี้เขาจะไม่อยู่เฉย ๆ อีกแล้ว“คุณเข้าใจแบบนั้นมาตลอดเลยสินะถึงได้…ช่างเถอะ เหลืออีกแค่ไม่กี่วัน ฝืนใจหน่อยก็แล้วกัน ออกไปได้แล้ว”อลิศอดไม่ได้ที่จะหันไปมองใบหน้า
สามวันที่เหลือนี้อลิศช่วยงานของหมอภาสได้มากทีเดียวทั้งช่วยตรวจสอบยาและเตรียมยาสำหรับผู้ป่วยที่จะออกจากโรงพยาบาลโดยที่เขาไม่ต้องตรวจซ้ำพยาบาลที่กำลังยุ่งกับเรื่องอื่นมีเธอช่วยก็ผ่อนแรงไปได้มากจนตอนนี้หมอภาสแทบจะเดินติดกับอลิศเวลาที่จะมีผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล“เดี๋ยวคุณสั่งเพิ่มโดสของยาแก้ปวด อ้อแล้วก็เพิ่มปลาสเตอร์กันน้ำไปด้วยกันแผลปริระหว่างที่ผู้ป่วยรอนัดอีกครั้ง”“ทราบแล้วค่ะคุณหมองั้นอลิศส่งรายการไปที่ห้องยาเลยนะ”“อ้อเดี๋ยวนะอลิศ คุณช่วยเพิ่มยาทาป้องกันรอยแผลเป็นไปด้วยผมเกือบลืมไปเลยคนไข้ค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องรอยแผลเป็นหลังจากการผ่าตัดน่ะ”“ได้ค่ะ แต่ว่ายานี้ต้องทาหลังจากที่เปลี่ยนเป็นปลาสเตอร์ธรรมดาแล้วนะคะคุณหมอจะจ่ายให้ตอนนี้เลยเหรอ”“เอ่อ นั่นสิ…ดูผมสิ มั่วไปหมดแล้ว เอาเป็นว่า…”“งั้นให้เธอกินยาไปก่อนดีไหมคะ ยาตัวนี้แก้ผลข้างเคียงได้หากว่าเธอกลัว นัดครั้งหน้าตอนที่แกะปลาสเตอร์เปลี่ยนเป็นแบบธรรมดาแล้วค่อยสั่งจ่ายอีกครั้ง”“ได้ เอาตามคุณว่ามาเลย ไปเถอะ ฝ่ายการเงินน่าจะมาถึงตอนก่อนเที่ยงจะได้ไม่เสียเวลาคุณไปทานข้าว”“ได้ค่ะคุณหมอ ไม่มีรายการอื่นเพิ่มแล้วใช่ไหมคะ”“ไม่มีแล้วรีบไป
ราวกับทุกอย่างตรงหน้าหยุดลงกะทันหัน และดูเหมือนกับบางอย่างในร่างกายของทั้งคู่เต้นเป็นจังหวะเดียวกันเมื่อหมอภาสค่อย ๆ บดริมฝีปากหนาที่ถูกเธอกัดเมื่อครู่นี้ลงไปและละเมียดสอนเธอเบา ๆ อย่างใจเย็นอลิศค่อย ๆ ใช้มือเรียวโอบรอบคอของหมอภาสเบา ๆ ลิ้นหนาค่อย ๆ ส่งเข้าไปในปากเธออย่างระมัดระวังเพราะเขาไม่อยากถูกกัดอีกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นแบบนั้น เธอเรียนรู้ได้ไวเกินกว่าที่เขาจะคิด“อลิศ พอแค่นี้ก่อนไหม”เธอดันตัวเขาล้มลงไปที่เตียงอย่างไม่ทันตั้งตัวและขึ้นมาคร่อมตัวเขาทันทีพร้อมกับก้มลงจูบเขาอีกครั้ง หมอภาสรู้สึกว่าความอดทนของเขาขาดผึงลงในตอนนี้เองที่เธอตัดสินใจ เขาจับร่างบางพลิกลงไปและเปลี่ยนเป็นคนเดินเกมเองในทันที“คุณแน่ใจแล้วนะ ถ้าเรามาถึงขั้นนี้ จะถอยตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว อลิศ ผมให้โอกาสคุณ….”แต่เธอไม่ให้โอกาสเขาได้พูดเลยเมื่อเธอลุกขึ้นมาและจูบเขาอีกครั้ง เดรสสวยถูกเขากระชากออกมา ไหล่ขาวเนียนปรากฏแก่สายตา หมอภาสถอดแว่นออกแล้วและเริ่มดึงเสื้อเชิ้ตของเขาโดยมีเธอที่ช่วยปลดกระดุมให้ ปากของทั้งคู่แทบจะไม่ห่างกันเมื่อเริ่มปลดปล่อยสิ่งที่กีดขวางทางออก“อ๊าา….นี่มันอะไร”“ใจเย็น ๆ เราพึ่งเริ่ม ไม่ต้องรีบ”
อลิศที่ยืนตัวแข็งทื่อถึงกับต้องหันไปมองพวกเขาอีกครั้ง“นี่…อื้ออ”ทั้งสองคนที่สุดทางเดินหันมามองแต่ทางเดินก็ไร้ผู้คน ไม่มีใครอยู่“อ๊าา อย่าเลียตรงนี้สิคะ เปิดห้องเร็วเข้าที่นี่ไม่ใช่คอนโดคุณนะคะหมอกิตเร็วเถอะค่ะจอยทนไม่ไหวอยากจะกินคุณแล้ว”“อย่ารีบร้อนสิ ไหนบอกว่าคืนนี้จะทำทั้งคืนไงล่ะคนสวย”“คุณนี่มันร้ายนะคะ พอรู้ว่าจะมาที่นี่ก็เตรียมตัวเลยสินะ”“พูดมากรีบไปเถอะผมทนไม่ไหวแล้ว”“อ๊าา…หมอกิตคะ อ๊า”น้ำตาอลิศไหลลงไปโดนฝ่ามือของหมอภาสที่ปิดปากเธออยู่ทำให้เขารู้ว่าเธอคงเจ็บปวดมากแค่ไหนที่ต้องมาเห็นภาพของแฟนหนุ่มในสภาพนี้ เขาพึ่งตามมาในตอนเย็นนี้เองแต่ก็พอจะรู้ว่าหมอกิตหายไปจากปาร์ตี้และเขาเห็นแล้วว่าอลิศเองก็กำลังจะขึ้นมา แต่ไม่คิดว่าสองคนนั้นจะ…..“อลิศ คุณ….ไหวไหม”“ฮือ…”“เข้ามาก่อนไหม”เขาเปิดห้องแล้วเธอจึงรีบวิ่งเข้าไป เมื่อครู่นี้เขาดึงตัวเธอเข้ามาที่ซอกของห้องพักได้ทันก่อนที่หมอกิตจะหันมาเห็นพวกเขา แต่นึกไม่ถึงว่าจะทำให้อลิศได้รับฟังเรื่องที่ไม่สมควรจะได้ฟัง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หมอกิตหักหลังเธอ และไม่ใช่กับใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนของเธอเองที่ย้ายไปที่แผนกของเขา หมอภาสปิดประตูและถ
อลิศรีบลุกจากเตียงทันทีและเริ่มเก็บของรวมถึงชุดของเธอและค่อย ๆ ย่องเข้าห้องน้ำเมื่อเธอสวมชุดเสร็จแล้วเดินออกจากห้องน้ำก็พบว่าคุณหมอภาสยืนรอเธออยู่หน้าห้องน้ำเขาสวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำแค่ตัวเดียว“จะไปไหนแต่เช้าเหรอ”“หมอภาสคะ คือ….เมื่อคืนนี้อลิศ…”“คุณคิดจะรับผิดชอบผมยังไง”“คะ??”อลิศหันมาถลึงตามองเขาอีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตาและไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ออกมา ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้เธอเป็นคนเสียหายหรอกเหรอ แต่คนที่กำลังถามหาความรับผิดชอบอยู่ตรงนี้…กลับเป็นเขางั้นเหรอ“เอ่อ…หมอคะ เมื่อกี้นี้คุณบอกว่า…”“คุณทำให้ผมเสียหาย แล้วคิดจะกินทิ้งกินขว้างแบบนี้เลยเหรอง่ายไปหน่อยมั้ง”“เดี๋ยวนะคะอลิศยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยค่ะหมอ ใจเย็น ๆ แล้วค่อย ๆ คุยกันนะคะ”เขาเดินเข้ามาดึงรวบตัวเธอมากอดและอุ้มไปที่เตียงอีกครั้ง อลิศตอนนี้ได้สติเต็มที่ ความทรงจำเมื่อคืนนี้เริ่มกลับมาครบถ้วนก็ตอนที่หมอภาสอุ้มเธอกลับมาที่เตียงนี้อีกครั้งนี่เอง“หมอคะ….”“ผมถามคุณคำเดียว คุณจำเรื่องเมื่อคืนนี้ได้บ้างไหม”อลิศสบตาเขา ในตอนเช้าที่เขาไม่สวมแว่นและมีแค่เสื้อคลุมตัวเดียวเมื่อเธอได้มองแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาช่างน่ามองมากจร