เขามองเธอด้วยสายตานิ่ง ๆ แต่ลุ่มลึกเกินคาดเดา อลิศไม่ชอบเขาเอาเสียเลยเพราะตั้งแต่เธอฝึกงานอยู่ที่นี่เกือบเดือน พบเขาไม่กี่ครั้งและทุกครั้งก็เจอแต่ปัญหาซึ่งเขาก็ไม่เคยให้โอกาสใครได้อธิบาย เพียงแค่ด่า ต่อว่าและเดินออกไป
“คุณพูดอะไร ก็ยานี่….”
“คุณก็ดูก่อนสิคะแล้วค่อยด่า”
“นี่คุณ!! หัดมีมารยาทหน่อย คุณเด็กกว่าผมตั้งกี่ปี”
“ก็เงียบแล้วหัดฟังบ้างสิคะ!! กำลังจะพูดอยู่นี่ยังไงถ้าคุณไม่เงียบแล้วฟังจะรู้เรื่องไหมล่ะคะ”
หมอภาสโกรธจนหน้าแดงก่ำ ชีวิตเป็นอาจารย์แพทย์มาเกือบสามปียังไม่เคยมีครั้งไหนหรือคนไหนกล้าตะเบ็งเสียงหรือตะคอกเขาแบบที่เธอกำลังทำมาก่อน
“สองนาที”
“ก็แค่นั้นแหละ ฟังคนอื่นบ้างจะตายหรือยังไง”
“พูดมาได้แล้ว!!”
“โอ๊ย!! พูดแล้วค่ะ คุณหมอดูนี่ค่ะ”
อลิศวางถุงยาที่เขาบอกว่าผิดลงที่โต๊ะของเขาซึ่งนั่นยิ่งทำให้เขามีโทสะที่รุนแรงขึ้น เขาไม่รู้เลยว่าเธอต้องการจะพูดอะไร
“อะไร โยนถุงยาใส่ผมแล้วคิดว่าผมจะเข้าใจอะไร คุณจะบอกว่าผมเป็นคนใส่ร้ายคุณโดยการใส่ยานี่ลงในถาดหรือไง”
“ใช่ค่ะ”
“นี่คุณ!! มากไปแล้วนะ!!”
“ก็เพราะหมอเป็นแบบนี้ไงล่ะคะ ฟังอะไรก็ฟังไม่จบไม่เคยฟังอะไรเลยและคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดถูกอยู่คนเดียวแต่หมอรู้ไหมคะว่านั่นน่ะ โง่ที่สุด!!”
“นักศึกษา!!”
“ฉันชื่ออริศรา!! แล้วก็เงียบก่อนฉันกำลังจะเล่า”
เสียงหายใจแรงของเขาทำให้เธอรู้ว่าเขาจะทนฟังเธอได้อีกไม่นานเพราะความไร้มารยาทและไม่มีกาลเทศะของเธอ แต่เธอกลับดึงเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ เขาอย่างสงบเมื่อบอกให้เขาเงียบแล้ว
“คุณหมอดูนะคะ ถุงยาในถาดนี้คุณตรวจแล้วว่าไม่ผิดปกติใช่ไหมคะ”
“ใช่ ผมตรวจแล้วทุกอย่างถูกต้องตามที่เขียน”
“มีแค่ถุงนี้ใช่ไหมคะที่ผิด”
“อืม แล้วยังไงคุณยังจะ….คุณกำลังจะพูดอะไรนักศึกษา”
“อลิศกำลังจะบอกว่า นี่ค่ะ”
เธอดึงถุงซิปล็อกที่เธอเตรียมเอาไว้ขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมของเธอและวางที่โต๊ะของเขา หมอภาสมองถุงซิปล็อกและสลับขึ้นมามองหน้าเธอ เขาจึงหยิบขึ้นมาดูถุงที่เขาแยกเอาไว้
“ถุงนี่…เป็นคนละสีกับ….”
“ใช่ค่ะ”
“คุณกำลังจะพูดอะไร กำลังจะบอกอะไรกับผม”
“อลิศกำลังจะบอกคุณหมอว่าครั้งนี้ไม่ได้ผิดที่อลิศจัดยาให้คุณ แต่มีคนที่จงใจอยากจะกลั่นแกล้งเด็กฝึกงานโดยการเปลี่ยนยาเพื่อให้คุณหมอด่าพวกเราค่ะ”
“ว่ายังไงนะ ทำไม…”
“หมอน่าจะรู้เหตุผลนี้ดีกว่าพวกอลิศนะคะ นี่คือเหตุผลที่อลิศเองก็อยากถามพวกคุณที่เป็นบุคลากรในโรงพยาบาลเช่นกันว่า ทำไมต้องแกล้งเด็กฝึกงานที่อยากเรียนรู้และหาประสบการณ์อย่างพวกเราด้วย”
เป็นครั้งแรกที่หมอภาสนิ่งไปแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะสงสัยตั้งแต่คำที่อลิศพูดตรงทางเดิน ก่อนที่เขาจะทดสอบโดยสั่งให้เธอจัดยาอีกครั้ง
และเมื่อคำพูดของเธอที่พูดตรงทางเดินทำให้เขานึกสงสัยมากกว่าเดิม จึงอยากพิสูจน์ก็เลยเดินตามพวกเธอไปที่ห้องยากลับไปพบกับพวกเธอทะเลาะเพื่อแย่งถาดยาเจ้าปัญหานี้แต่นึกไม่ถึงว่า…จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“หมายความว่า….”
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเราถูกกระทำ ก่อนหน้านั้นยาที่ถูกจัดไปให้ผู้ป่วยของคุณหมอ ต้องบอกว่าเฉพาะของคุณหมอภาสเท่านั้นที่มีปัญหาจนเพื่อนของอลิศอยู่แผนกนี้อีกไม่ได้ ถูกสั่งย้ายไปห้องปฏิบัติการ”
“คุณกำลังจะบอกว่า…”
“อลิศไม่ได้ใส่ร้ายใคร แต่ก็อย่างที่คุณหมอเห็นนะคะ เพราะที่จริงแล้วยาที่อลิศจัดจะใส่ถุงซิปล็อกที่ไปเบิกมาเองเพื่อป้องกันเรื่องนี้โดยเฉพาะ และจะไม่มีการจัดยาไว้และส่งต่อคุณเภสัชสุดสวยนั่นแต่จะส่งไปที่เค้าน์เตอร์จ่ายยาเลย หลายวันมานี้ก็เลยไม่มีปัญหาค่ะ”
หมอภาสนิ่งไปกับสิ่งที่เธอเล่า เขาไม่มีทีท่าอะไรที่แสดงออกมาให้เธอรู้เลยว่าคิดอะไรอยู่ สายตาเขาจดจ้องอยู่กับถุงยาที่ผิดปกติในมือและไม่มองเธอเลย
“คุณหมอคะ”
“ผมรู้แล้ว คุณกลับไปก่อนเถอะ”
“แล้ว…เรื่องนี้”
“ผมจะคุยกับทีมงานที่ดูแลพวกคุณอีกที วันนี้กลับไปได้แล้ว”
“ก็ได้ค่ะถ้าหมอว่าอย่างนั้นก็…ขอบคุณที่รับฟังปัญหานะคะ”
อลิศเดินออกไปอย่างว่าง่ายเพราะในที่สุดเรื่องที่เธออยากพูดมาหลายวันนี้ก็ได้พูดได้บอกไปหมดแล้วว่าสาเหตุที่พวกเธอเจอไม่ได้เกี่ยวข้องกับความไม่เป็นมืออาชีพของพวกเด็กฝึกงานแต่เกิดจากปัญหาภายในต่างหาก
เมื่อเธอออกมาก็พบกับคนที่อยากเจอมากที่สุดในโรงพยาบาลนี้พร้อมกับยิ้มที่สดใสของหมอกิตที่ส่งมาให้เธอ
“อลิศ ไม่ได้เจอกันนานเลยเป็นยังไงบ้าง”
“คุณหมอกิต”
“อ้อจริงสิขอบใจนะสำหรับคุกกี้วันก่อน อร่อยมากเลย"
“ไม่เป็นไรค่ะ ดีใจที่คุณหมอชอบนะคะ”
“ว่าแต่วันนี้มาทำอะไรที่นี่เหรอ หรือว่าถูกดุอีกแล้ว”
“เปล่านะคะ อลิศก็แค่เอารายงานมาให้คุณหมอภาสน่ะค่ะ”
“อ้อ เป็นแบบนี้นี่เองงั้นไปกินกาแฟด้วยกันสิ นี่ก็เลิกงานแล้วนี่”
“จะ…จริงเหรอคะ”
“จริงสิ ตอบแทนเรื่องคุกกี้วันก่อนไง ไปเถอะผมมีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวต้องกลับมาตรวจคนไข้ต่อ”
“ได้ค่ะ ๆ ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
“เรียกพี่กิตเหมือนเดิมก็ได้ รวิศสบายดีใช่ไหม”
“สบายดีค่ะยังดุเหมือนเดิม”
“ไม่มีเวลาไปหาเลย อ้าวหมอภาส!!”
อลิศหันไปมองหมอภาสที่เดินมาจากด้านหลังและรอลิฟต์ที่เดียวกับพวกเขา เธอหุบยิ้มและหยุดพูดไปในทันทีเมื่อเขาปรากฏตัวแต่ดูเหมือนว่าหมอภาสจะไม่ได้สนใจเธอ
“คุณจะไปไหนเหรอ แวะไปกินกาแฟกับพวกเราก่อนไหม”
เขาเหลือบไปมองอลิศที่ยืนก้มหน้า ดูก็รู้ว่าถ้าเขาไปด้วยเธอคงลำบากใจและคงทำให้บรรยากาศเสียแน่นอน
“ไม่ล่ะ ผมรีบไปธุระ”
“อ่อ ชั้นไหนล่ะ”
“ชั้นเดียวกันนั่นแหละ”
“อ้อ เอออลิศแล้วรวิศตอนนี้เป็นยังไงมันยังบ้างานจนโสดเหมือนเดิมอีกเหรอ”
“เอ่อ….ค่ะ พี่รวิศยังไม่มีแฟน..ค่ะ”
“อะไรกันเกร็งทำไม หมอภาสก็เข้า ๆ ออก ๆ บ้านอลิศบ่อย ๆ พวกเราสองคนเมื่อก่อนเป็นแขกประจำของรวิศเลยนะ ทำไมถึงได้เกร็งกับพวกพี่แบบนั้นล่ะ”
อลิศจะพูดว่าเธอจำหมอภาสไม่ได้เลยก็เกรงว่าจะทำร้ายความรู้สึกของคนที่ยืนหันหลังเธอมากเกินไปแต่ในความทรงจำของเธอ หมอศุภกิตต์เป็นรักแรกพบของเธอจะอยู่ในความทรงจำมากกว่าจนตอนที่พี่ชายเธอบอกว่า
“อ๋อวันนี้ไอ้กิตไม่มาหรอกไปดูหนังกับแฟนมันน่ะ”
วันนั้นจำได้ว่าเธอร้องไห้ทั้งคืนเพราะรู้ว่าเขามีแฟนแล้ว ในวันนั้นเหมือนว่าพี่ชายของเธอกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กับเพื่อน ๆ อีกสองคนซึ่งเธอไม่ได้ใส่ใจว่าเป็นใครเพราะเธอจะจำเพียงแค่ศุภกิตต์ที่คุยเก่งและชอบชวนเธอเล่นเกมมากกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ ของพี่ชายเธอ
“ อลิศยังชอบกินบลูเบอร์รี่ปั่นอยู่หรือเปล่าล่ะ”
“พี่กิตยังจำได้อยู่เหรอคะ”
“ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ ครั้งนั้นจำได้ว่ารวิศลืมซื้อกลับมาให้ อลิศก็เลยงอนไปนานเลยนี่ จน….”
“ครับ!! ผมกำลังจะไปครับ เดี๋ยวเจอกันครับ”
ลิฟต์ถึงชั้นล่างพอดี หมอภาสเดินออกไปโดยไม่ได้หันมามองทั้งคู่อีกเลยเมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในคาเฟ่ต์ชั้นแรกของโรงพยาบาล อลิศหันไปมองหมอภาสที่เดินไปยังแผนกประชาสัมพันธ์และเดินตามหมอกิตเข้าไปในร้านกาแฟ
เธอพึ่งสังเกตสายตาของคนในร้านที่มองพวกเธอ หมอกิตขึ้นชื่อว่าเป็นหมอที่หน้าตาดีและมีเสน่ห์เพราะเขาพูดเก่งและคุยง่ายกว่าหมอคนอื่น ๆ
“อลิศ แล้วอลิศล่ะครับตอนนี้ยังไม่มีแฟนอีกเหรอ”
“คะ อลิศเหรอคะ ยังหรอกค่ะเอาเวลาที่ไหนมาหาแฟนล่ะคะ”
“ถ้าอย่างนั้น เราลองคบกันไหมครับ”
สิ่งที่หมอศุภกิตต์พูดออกมาดังพอที่คนในกาแฟนั้นจะได้ยินจนหมด และทุกสายตาก็กลับมาจดจ้องอยู่ที่อลิศแทนเมื่อถูกคุณหมอหนุ่มเนื้อหอมของโรงพยาบาลมาขอเป็นแฟนในร้านกาแฟของโรงพยาบาล“เอ่อ….”“พี่ว่าเราไปหาที่นั่งก่อนดีไหม”“ค่ะ ดีค่ะ”อลิศทำตัวไม่ถูกเธอทั้งดีใจ ทั้งอายและก็ตกใจเมื่อคนที่เป็นรักแรกของเธอมาเอ่ยปากขอคบกับเธอ ก่อนหน้านี้เธอแอบเอาขนม คุกกี้และของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปให้เขาตลอด เจอบ้างไม่เจอบ้างแล้วแต่โอกาสมาจนถึงวันนี้ไม่นึกว่าเขาจะมองเห็นความพยายามของเธอจนได้ อลิศนั่งลงเพื่อสงบจิตใจแต่คุณหมอกลับเลือกจะมานั่งข้าง ๆ เธอ“พี่สั่งให้แล้วนะ”“ค่ะ”“แล้วคำตอบล่ะ”“คะ??”“ที่พี่ถามไปเมื่อกี้นี้ไงลืมแล้วเหรอ”“คุณหมอคะ…คือ…เมื่อกี้นี้พูด…จริงเหรอคะ”“เอ๊าน้องอลิศครับมีใครจะพูดเล่นกันเรื่องนี้ล่ะ”“ตะ…ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ที่…”“หมายถึงพี่น่ะเหรอ พี่ชอบอลิศมานานแล้วตั้งแต่อลิศเรียนปีสองแต่ตอนนั้นพี่ต้องทำงานแล้วพึ่งเป็นหมอเต็มตัวช่วงนั้นก็เลยไม่มีเวลาน่ะ ว่ายังไง อลิศจะลองให้โอกาสพี่สักครั้งได้ไหมครับ”“ให้โอกาสงั้นเหรอคะ อลิศ….ไม่คิดแบบนั้น คือว่าที่จริงแล้ว…”“ครับ”อลิศคิดไม่ถึงว่าจะมีวันน
“เหอะ ๆ ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”“อลิศ มีอะไรเหรอ”“ที่แท้พวกเขาก็เป็นแฟนกันนี่เองถึงว่าล่ะถึงได้สั่งให้พวกเราย้ายแผนก ที่แท้ก็คงกลัวแฟนตัวเองโดนสอบสวนสินะ ทุเรศที่สุด”“อลิศแกเบาเสียงหน่อย”“เอาเถอะ ทนอีกแค่สองเดือนก็จะไปให้พ้น ๆ ที่นี่แล้ว”เธอนั่งดื่มน้ำจนหมดและหันไปมองสายตาที่หันมามองเธอแวบหนึ่งของหมอภาส เขายังไม่ได้ถอดชุดสำหรับผ่าตัดสีฟ้าออก อลิศหันไปมองและเบ้ปากไปทางอื่นก่อนจะบีบแก้วกระดาษในมือและโยนทิ้งถังขยะ“อลิศ จะไปไหน”“กลับห้องทำงาน”“ไปด้วยสิ”หมอภาสที่หรี่ตามองพวกเธอที่เดินออกไปจากที่นั่งในห้องเบรกและกำลังจะเดินตามอลิศไปแต่พยาบาลที่เค้าน์เตอร์เรียกเขาเอาไว้ก่อน“คุณหมอคะ ช่วยเซ็นเอกสารตรงนี้หน่อยค่ะ คนไข้จะออกจากโรงพยาบาลวันนี้ค่ะ”“อย่าลืมตรวจสอบเอกสารให้ดีก่อนที่คนไข้จะออกจากโรงพยาบาล เคสนี้ต้องนัดมาตรวจเพิ่ม”สามสี่วันที่เหลืออลิศก็ยังทำงานตามที่ได้รับมอบหมายตามปกติ เธอรู้สึกสนุกกับงานและคุ้นเคยกับพี่ ๆ พยาบาลในแผนกนี้แล้วเพราะทุกคนต่างก็เป็นกันเองกับพวกเธอและยังรู้ว่าเธอเป็นแฟนสาวของคุณหมอกิตที่มักจะแวะมาหาเธอและรับเธอไปนั่งกินข้าวด้วยที่ห้องอาหารของแพทย์“น่าอิจฉาจั
อลิศหันไปมองหน้าที่เย็นชาไร้ความรู้สึกที่พูดเสียงเรียบ ๆ นั้นออกมา เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขากับญานิศาถึงได้มีปัญหากับเธอนัก แล้วทำไมยัยนั่นต้องมีปัญหาทุกครั้งที่เธอต้องเป็นคนไปรับยามาให้เขาทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอก็ทำงานของเธอปกติ“คุณหมอคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวและอลิศเองก็ไม่เคยเอาเรื่องของคุณหมอกิตมาเกี่ยวข้องกับการทำงาน อลิศทำงานเต็มที่ที่ได้รับมอบหมายแต่พวกคุณต่างหากที่ต้องการอะไรกันแน่ ทำไมคนที่ทำผิดยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในโรงพยาบาลได้แต่คนที่ถูกตำหนิและสั่งย้ายแผนกถึงต้องเป็นพวกอลิศ”“นี่คุณคิดว่าการที่คุณถูกสั่งย้ายมานี่…คือการกลั่นแกล้งงั้นเหรอ”“แล้วไม่ใช่เหรอคะ พวกคุณแค่สั่งย้ายแต่ไม่ได้อธิบายเหตุผลอะไรให้ทราบเลยนี่คะ”หมอภาสนั่งลงที่เก้าอี้ของเขาและเป็นครั้งแรกที่เขาถอดแว่นออกมา สายตาของเขาอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดเพราะก่อนหน้านี้เขาอยู่ในห้องผ่าตัดมาเกือบแปดชั่วโมงและเมื่อออกมาต้องมาพบความผิดพลาดเดิม ๆ อีกครั้ง และครั้งนี้เขาจะไม่อยู่เฉย ๆ อีกแล้ว“คุณเข้าใจแบบนั้นมาตลอดเลยสินะถึงได้…ช่างเถอะ เหลืออีกแค่ไม่กี่วัน ฝืนใจหน่อยก็แล้วกัน ออกไปได้แล้ว”อลิศอดไม่ได้ที่จะหันไปมองใบหน้า
สามวันที่เหลือนี้อลิศช่วยงานของหมอภาสได้มากทีเดียวทั้งช่วยตรวจสอบยาและเตรียมยาสำหรับผู้ป่วยที่จะออกจากโรงพยาบาลโดยที่เขาไม่ต้องตรวจซ้ำพยาบาลที่กำลังยุ่งกับเรื่องอื่นมีเธอช่วยก็ผ่อนแรงไปได้มากจนตอนนี้หมอภาสแทบจะเดินติดกับอลิศเวลาที่จะมีผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล“เดี๋ยวคุณสั่งเพิ่มโดสของยาแก้ปวด อ้อแล้วก็เพิ่มปลาสเตอร์กันน้ำไปด้วยกันแผลปริระหว่างที่ผู้ป่วยรอนัดอีกครั้ง”“ทราบแล้วค่ะคุณหมองั้นอลิศส่งรายการไปที่ห้องยาเลยนะ”“อ้อเดี๋ยวนะอลิศ คุณช่วยเพิ่มยาทาป้องกันรอยแผลเป็นไปด้วยผมเกือบลืมไปเลยคนไข้ค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องรอยแผลเป็นหลังจากการผ่าตัดน่ะ”“ได้ค่ะ แต่ว่ายานี้ต้องทาหลังจากที่เปลี่ยนเป็นปลาสเตอร์ธรรมดาแล้วนะคะคุณหมอจะจ่ายให้ตอนนี้เลยเหรอ”“เอ่อ นั่นสิ…ดูผมสิ มั่วไปหมดแล้ว เอาเป็นว่า…”“งั้นให้เธอกินยาไปก่อนดีไหมคะ ยาตัวนี้แก้ผลข้างเคียงได้หากว่าเธอกลัว นัดครั้งหน้าตอนที่แกะปลาสเตอร์เปลี่ยนเป็นแบบธรรมดาแล้วค่อยสั่งจ่ายอีกครั้ง”“ได้ เอาตามคุณว่ามาเลย ไปเถอะ ฝ่ายการเงินน่าจะมาถึงตอนก่อนเที่ยงจะได้ไม่เสียเวลาคุณไปทานข้าว”“ได้ค่ะคุณหมอ ไม่มีรายการอื่นเพิ่มแล้วใช่ไหมคะ”“ไม่มีแล้วรีบไป
ราวกับทุกอย่างตรงหน้าหยุดลงกะทันหัน และดูเหมือนกับบางอย่างในร่างกายของทั้งคู่เต้นเป็นจังหวะเดียวกันเมื่อหมอภาสค่อย ๆ บดริมฝีปากหนาที่ถูกเธอกัดเมื่อครู่นี้ลงไปและละเมียดสอนเธอเบา ๆ อย่างใจเย็นอลิศค่อย ๆ ใช้มือเรียวโอบรอบคอของหมอภาสเบา ๆ ลิ้นหนาค่อย ๆ ส่งเข้าไปในปากเธออย่างระมัดระวังเพราะเขาไม่อยากถูกกัดอีกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นแบบนั้น เธอเรียนรู้ได้ไวเกินกว่าที่เขาจะคิด“อลิศ พอแค่นี้ก่อนไหม”เธอดันตัวเขาล้มลงไปที่เตียงอย่างไม่ทันตั้งตัวและขึ้นมาคร่อมตัวเขาทันทีพร้อมกับก้มลงจูบเขาอีกครั้ง หมอภาสรู้สึกว่าความอดทนของเขาขาดผึงลงในตอนนี้เองที่เธอตัดสินใจ เขาจับร่างบางพลิกลงไปและเปลี่ยนเป็นคนเดินเกมเองในทันที“คุณแน่ใจแล้วนะ ถ้าเรามาถึงขั้นนี้ จะถอยตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว อลิศ ผมให้โอกาสคุณ….”แต่เธอไม่ให้โอกาสเขาได้พูดเลยเมื่อเธอลุกขึ้นมาและจูบเขาอีกครั้ง เดรสสวยถูกเขากระชากออกมา ไหล่ขาวเนียนปรากฏแก่สายตา หมอภาสถอดแว่นออกแล้วและเริ่มดึงเสื้อเชิ้ตของเขาโดยมีเธอที่ช่วยปลดกระดุมให้ ปากของทั้งคู่แทบจะไม่ห่างกันเมื่อเริ่มปลดปล่อยสิ่งที่กีดขวางทางออก“อ๊าา….นี่มันอะไร”“ใจเย็น ๆ เราพึ่งเริ่ม ไม่ต้องรีบ”
อลิศที่ยืนตัวแข็งทื่อถึงกับต้องหันไปมองพวกเขาอีกครั้ง“นี่…อื้ออ”ทั้งสองคนที่สุดทางเดินหันมามองแต่ทางเดินก็ไร้ผู้คน ไม่มีใครอยู่“อ๊าา อย่าเลียตรงนี้สิคะ เปิดห้องเร็วเข้าที่นี่ไม่ใช่คอนโดคุณนะคะหมอกิตเร็วเถอะค่ะจอยทนไม่ไหวอยากจะกินคุณแล้ว”“อย่ารีบร้อนสิ ไหนบอกว่าคืนนี้จะทำทั้งคืนไงล่ะคนสวย”“คุณนี่มันร้ายนะคะ พอรู้ว่าจะมาที่นี่ก็เตรียมตัวเลยสินะ”“พูดมากรีบไปเถอะผมทนไม่ไหวแล้ว”“อ๊าา…หมอกิตคะ อ๊า”น้ำตาอลิศไหลลงไปโดนฝ่ามือของหมอภาสที่ปิดปากเธออยู่ทำให้เขารู้ว่าเธอคงเจ็บปวดมากแค่ไหนที่ต้องมาเห็นภาพของแฟนหนุ่มในสภาพนี้ เขาพึ่งตามมาในตอนเย็นนี้เองแต่ก็พอจะรู้ว่าหมอกิตหายไปจากปาร์ตี้และเขาเห็นแล้วว่าอลิศเองก็กำลังจะขึ้นมา แต่ไม่คิดว่าสองคนนั้นจะ…..“อลิศ คุณ….ไหวไหม”“ฮือ…”“เข้ามาก่อนไหม”เขาเปิดห้องแล้วเธอจึงรีบวิ่งเข้าไป เมื่อครู่นี้เขาดึงตัวเธอเข้ามาที่ซอกของห้องพักได้ทันก่อนที่หมอกิตจะหันมาเห็นพวกเขา แต่นึกไม่ถึงว่าจะทำให้อลิศได้รับฟังเรื่องที่ไม่สมควรจะได้ฟัง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หมอกิตหักหลังเธอ และไม่ใช่กับใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนของเธอเองที่ย้ายไปที่แผนกของเขา หมอภาสปิดประตูและถ
อลิศรีบลุกจากเตียงทันทีและเริ่มเก็บของรวมถึงชุดของเธอและค่อย ๆ ย่องเข้าห้องน้ำเมื่อเธอสวมชุดเสร็จแล้วเดินออกจากห้องน้ำก็พบว่าคุณหมอภาสยืนรอเธออยู่หน้าห้องน้ำเขาสวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำแค่ตัวเดียว“จะไปไหนแต่เช้าเหรอ”“หมอภาสคะ คือ….เมื่อคืนนี้อลิศ…”“คุณคิดจะรับผิดชอบผมยังไง”“คะ??”อลิศหันมาถลึงตามองเขาอีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตาและไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ออกมา ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้เธอเป็นคนเสียหายหรอกเหรอ แต่คนที่กำลังถามหาความรับผิดชอบอยู่ตรงนี้…กลับเป็นเขางั้นเหรอ“เอ่อ…หมอคะ เมื่อกี้นี้คุณบอกว่า…”“คุณทำให้ผมเสียหาย แล้วคิดจะกินทิ้งกินขว้างแบบนี้เลยเหรอง่ายไปหน่อยมั้ง”“เดี๋ยวนะคะอลิศยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยค่ะหมอ ใจเย็น ๆ แล้วค่อย ๆ คุยกันนะคะ”เขาเดินเข้ามาดึงรวบตัวเธอมากอดและอุ้มไปที่เตียงอีกครั้ง อลิศตอนนี้ได้สติเต็มที่ ความทรงจำเมื่อคืนนี้เริ่มกลับมาครบถ้วนก็ตอนที่หมอภาสอุ้มเธอกลับมาที่เตียงนี้อีกครั้งนี่เอง“หมอคะ….”“ผมถามคุณคำเดียว คุณจำเรื่องเมื่อคืนนี้ได้บ้างไหม”อลิศสบตาเขา ในตอนเช้าที่เขาไม่สวมแว่นและมีแค่เสื้อคลุมตัวเดียวเมื่อเธอได้มองแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาช่างน่ามองมากจร
เขายืนบังอลิศเอาไว้ซึ่งเธอก็ไม่ได้จะกลัวหมอกิตเลยแม้แต่น้อยและจับแขนหมอภาสเอาไว้ เมื่อหมอกิตโกรธจนหน้าแดงและต้องการคุยกับเธอ“อลิศ พี่ถามว่า….”“ถามตัวเองก่อนเถอะค่ะ ทำไมหมอกิตออกมาจากห้องคนเดียวล่ะคะ”“แล้วจะให้พี่ออกมากับใคร”“ยังจะถามอีกเหรอคะ เมื่อคืนหมอกิตไม่ได้เข้าห้องไปกับจอยงั้นเหรอคะ ที่อลิศกับหมอภาสเห็นพวกคุณแทบจะยืนขี่กันหน้าห้องอยู่แล้ว”“อลิศ!! ทำไมพูดไม่เพราะแบบนี้”“หมอภาสคะ อลิศ…”“เงียบไปเลย เอากระเป๋าเข้าห้องไปก่อน”“ไม่เอาค่ะ อลิศจะพูดกับเขาให้รู้เรื่อง”“ยังไม่ต้อง…หมอกิต อีกยี่สิบนาทีผมกับอลิศจะลงไปคุยกับคุณที่ห้องอาหารก็แล้วกัน เวลานี้น่าจะกินกันครบแล้ว”“ทำไมผมต้อง….”หมอภาสใช้มือกันอลิศเอาไว้จนมิดเพื่อไม่เปิดโอกาสให้หมอกิตได้คุยกับเธออีก สายตาของหมอภาสนิ่งและเยือกเย็นจนหมอกิตไม่กล้าพูดมาก ในเมื่อพวกเขารู้เรื่องของจอยเมื่อคืนแล้ว….“ก็ได้ ผมจะลงไปรอพวกคุณข้างล่าง”หมอกิตเดินผ่านทั้งคู่ไป หมอภาสกันอลิศเอาไว้ไม่ให้เธอมองหน้าหมอกิตได้อีกเพราะเขากลัวว่าเธอจะเผลอร้องไห้ออกมา เขาหันกลับมามองเธอที่ก้มหน้าอยู่ข้างหลังเขา“อลิศ เป็นอะไร….คุณทำอะไรเนี่ย”เขาหันไปและตะคอกค
วันถัดมา“ไม่เอา ๆ เพชรน้ำไม่งามเลย ต้องเอาใหญ่ ๆ หน่อย ไม่เอา ๆ ไม่มีอันไหนสวยเลย”“คุณ คนแต่งน่ะตาภาสกับอลิศนะ ทำอย่างกับคุณจะแต่งเสียเอง”“ไม่ได้ค่ะ คุณก็รู้นี่คะงานหมั้นนี่สำคัญนะจะให้น้อยหน้าได้ยังไง ทั้งร้านนี่เอาไว้ใส่เล่น ๆ อ่ะได้ แต่ให้สวมจริง อลิศ…แม่คิดว่าคงต้องสั่งทำใหม่นะลูก หนูรอได้ไหม”“คุณแม่ครับ…”“แกหุบปากไปเลย นะอลิศนะตามใจแม่สักเรื่องหนึ่งนะลูก”“เอ่อ…พี่ภาสคะ อลิศคิดว่า….”“เอาตามนี้แหละ มาเธอมาจดสิ่งที่ฉันบอก ส่วนเธอวัดขนาดนิ้วให้พวกเขาด้วย ภาสเลือกแหวนที่ดูดีหน่อยเอาให้น้องไปใส่เล่น ๆ ก่อน เดี๋ยววงจริงค่อยเปิดตัวพร้อมงานหมั้น”“ถ้าอย่างนั้นเลือกแล้วผมพาอลิศไปเลยนะครับมีธุระต่ออีก”“เออ ๆ จะไปไหนก็ไปวันนี้อนุญาตแม่จะต้องสั่งของอีกเยอะเลย มานี่ ๆ เธอไปเรียกคุณธิวามาหน่อย เจ้าของร้านของพวกเธอน่ะ ฉันจะต้องสั่งงานที่พิเศษหน่อย”หมอภาสได้โอกาสเมื่อพวกเขาเลือกแหวนหมั้นที่เอามาสวมเป็นการชั่วคราวไปก่อนสองวงเสร็จแล้วก็รีบพาอลิศออกมาทันที ตอนเช้าเขาตั้งใจว่าจะออกมากับอลิศสองคนใครจะคิดว่าแม่รู้แผนของเขาโดยการมาดักรอกินข้าวเช้าด้วยและให้คุณพ่อเขาขับรถตามมา แต่เย็นนี้พวกเขาม
“แม่ครับเดี๋ยวก่อนนะครับแม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะแล้วฟังผม”หมอภาสหันไปมองคุณแม่และเริ่มควบคุมสถานการณ์เพราะดูแล้วแม่ของเขาจะใจร้อนกว่าใครในที่นี้เลย“ก็พูดมาสิ”“คือผมขออลิศกับคุณอาแล้ว ส่วนเวลาที่นัดทานข้าวผมก็แค่รอให้คุณพ่อคุณแม่บินกลับมาก่อนแล้วนัดเวลาคุณอาพิชิตอีกครั้งเพราะท่านเองก็พึ่งออกจากโรงพยาบาลและยังต้องทำงานด้วย เรื่องเวลาคุยกันได้ครับส่วนเรื่องแหวน ผมจะพาอลิศไปวันพรุ่งนี้อยู่แล้ว เรื่องเรือนหอก็เหมือนกัน”หมอภาสอธิบายทุกอย่างให้แม่เขาฟัง นับว่าเป็นการอธิบายที่ครบถ้วน สมบูรณ์แบบและน่าทึ่งมากสำหรับอลิศที่ได้แต่นั่งฟังเพราะมันทั้งสั้นและได้ใจความ คุณแม่ของเขาเริ่มนิ่งลงจนพ่อของหมอภาสเริ่มพูดขึ้นมา“คุณก็เป็นแบบนี้ทุกที ผมบอกแล้วไงว่าภาสมันไม่พลาดหรอกคุณก็ไม่ไว้ใจลูก เห็นไหมละเขาทำจนหมดแล้วเหลือแค่ให้คุณจัดงานแต่งให้เท่านั้นแหละ”“ก็ใครจะไปรู้ล่ะลูกคุณมันต่างจากคุณที่ไหน มีอะไรมันก็ไม่เคยพูด จะแต่งเมียทั้งทีพวกเรายังรู้เป็นคนสุดท้ายเลยไม่ใช่เหรอ”“แม่ครับ ถ้าผมยังไม่มั่นใจมีเหรอที่จะบอกแม่ได้ ไม่ใช่ไปแอบจับคู่มั่ว ๆ ให้ผมเหมือนครั้งก่อนนั้นอีก ผมเกือบสิ้นอาชีพเลยนะครับอย่าทำอีกนะคร
หมอภาสหันมามองหน้าคนที่เขาพึ่งจะเรียกเธอว่า “แม่” ที่หันไปมองลูกชายตัวเองสลับกับมองอลิศที่ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเอาไว้ เธอไม่เคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อนเลย หมอภาสเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เธอ“ผมไม่ได้จะปิดบังแต่ขอเวลาให้ผมกับเมียอาบน้ำก่อนจะไปพบไม่ได้เหรอครับทำไมต้องรีบขนาดนั้น”“จะไม่ให้ฉันรีบได้ยังไง!!”อลิศเริ่มกลัวเสียงที่แผดดังขึ้นเรื่อย ๆ ของคนตรงหน้าที่พุ่งเข้ามานั่งจนชิดเธอ แม้ว่าหมอภาสจะห้ามและยกมือขึ้นมากันแต่ก็ถูกเธอปัดออกไปก็ตาม“ดูสิ รังแกน้องจนช้ำไปหมด นิสัยเสียเชียวนะแก!!”“แล้วแม่ไม่อยากได้หลานหรือไง ทำเป็นพูดมากใครกันล่ะที่บอกผมว่าให้รีบ ๆ มีลูกน่ะ ทีนี้จะมาบ่นทำไม”“หุบปากแกไปเลย ออกไปอยู่กับพ่อแกไป”“ไม่!! แม่จะพูดอะไรกับอลิศผมก็จะนั่งฟังด้วย”“ไอ้หมาหวงก้าง!!”อลิศเริ่มปรับความรู้สึกไม่ถูกแล้วเมื่อฟังหมอภาสและคุณแม่ของเขาเถียงกันแต่สุดท้าย คุณแม่ของเขาก็หันมาจับมือเธอและมองเธอให้ชัดโดยที่อลิศรู้สึกอายมากเมื่อต้องมาพบกันครั้งแรกด้วยสภาพที่เธอเป็นแบบนี้“หนูสวยมากลูกสาวคุณแม่ สวยจนนึกไม่ถึงว่าแม่จะได้หนูมาเป็นลูกสาว”“ลูกสะใภ้!! ครับแม่ ไม่ใช่ลูกสาว”“หุบปากแกไปเลย!!”อล
มือของอลิศจับที่แท่งแกร่งตรงหน้าและค่อย ๆ รูดขึ้นลงตามจังหวะ หมอภาสที่นั่งคุกเข่าอยู่แทบจะทนไม่ได้เมื่อถูกแฟนสาวตรงหน้าใช้ปากกับส่วนนี้ของเขาเป็นครั้งแรก“อลิศ …..อย่านะ อาาา!!!”ยิ่งหมอภาสร้องครางดังเท่าไหร่ อลิศก็ยิ่งได้ใจมากขึ้นเธอรูดจนหัวที่บานออกมาเกือบจะพุ่งชนหน้าของเธอ ลิ้นนุ่มของเธอจึงไล้เลียไปที่ยอดปลายบานนั้นทันที หมอภาสที่ไม่เคยถูกปลุกเร้าอารมณ์แบบนี้มาก่อนมีหรือจะทนความเสียวแบบนี้ไหว เขาทรุดลงแต่อลิศยังไม่ยอมหยุด เธอค่อย ๆ อมมันเข้าไปและรวบเข้าไปจนสุดโคน“อาา…อลิศ ผมเสียว….อาาา”เธอใช้ปากรูดขึ้นลงตามจังหวะสลับกับดูดและโลมเลียจนหมอภาสเริ่มไขว่คว้าหาที่จับเอาไว้ให้มั่น เสียงนิ้วมือหนาที่จิกไปที่โซฟาหนังหรูหรานั้นยิ่งทำให้อลิศรู้สึกเหมือนกับผู้ชนะ“อลิศ ผมจะ…แตก ถอยออกมาก่อน”อลิศไม่พูดอะไรแต่เธอไม่ยอมห่างเจ้าลำเอ็นแข็งตึงตรงหน้านั้นและยังอมเอาไว้ในปาก นิ้วเรียวยาวเอื้อมมากระตุ้นเขาเพิ่มที่ยอดหน้าอกสีเข้มของหมอภาส เธอรู้สึกว่าขนอ่อนของเขาลุกขึ้นชูชันอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน“อาา อลิศ ถ้าคุณไม่ออกผมจะแตกใส่ปากคุณนะ!!”“รีบมาสิคะที่รัก แตกมาได้เลย”“อาาา อลิศ!!!”เพียงแค่สิ
แพนเดินกลับไปแล้วพร้อมกับรอยยิ้มและเธอยังเช็ดน้ำตาให้อลิศด้วย อลิศเองก็เดินกลับออกมาและก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเพื่อน ๆ นักศึกษาทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ต่างก็หันไปมองหนุ่มหล่อที่สวมแว่นกับเสื้อเชิ้ตลำลองสีฟ้ากางเกงสแลคและยืนพิงรถยุโรปหรูของเขาอยู่“หมอภาส”หมอภาสยกมือถือขึ้นเป็นสัญญาณและเดินเข้ามาหาเธอ คนรอบ ๆ ต่างมองทั้งคู่เมื่อหมอภาสเดินมารับแฟนสาวที่พึ่งเดินออกมาจากหน้าคณะของเธอ“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ล่ะครับ”“เอ่อ…เมื่อกี้คงอยู่ในกระเป๋าน่ะค่ะก็เลยไม่ทันได้เห็น หมอ…เลิกงานแล้วเหรอคะไหนบอกว่าวันนี้มีผ่าตัดใหญ่ไงล่ะคะ แล้วนี่มาที่นี่ดูสิตกเป็นเป้าสายตาเลย”“ทำไมล่ะ ก็แค่มารับคุณเองนะ ใครจะมองเขามีตาก็มองไปสิไม่เห็นต้องสนใจเลย”“คุณก็เป็นเสียแบบนี้แหละ รีบกลับกันไหมคะอลิศเสร็จธุระแล้ว ว่าแต่นิว…”“กลับไปแล้วล่ะ พอเห็นว่าผมมารับคุณเธอก็ขอตัวกลับทันที เห็นบอกว่ามีนัดกับคุณแม่น่ะ”“ถ้าอย่างนั้นกลับกันเถอะค่ะ คนเริ่มมองกันใหญ่แล้ว”“เสร็จธุระแล้วใช่ไหม งั้นก็กลับกันเถอะ”เขาเปิดประตูรถให้เธอขึ้นไปนั่งและเดินอ้อมมาที่คนขับ สายตาของนักศึกษายังไม่หยุดมองคู่รักที่สวยหล่อและดูเหมาะสมกันเป็นที่สุดระหว่
หมอภาสจับเธอเปลี่ยนท่าเป็นดันหลังไปชิดกำแพงและกางขาเธอออกและเข้ากระแทกไปเอง เขาจูบเพื่อไม่ให้เสียงของอลิศดังออกไปแต่กลับยิ่งทำให้พวกเขาทนเสียวได้ไม่นาน และเสียงกระแทกของกล้ามเนื้อใต้ฝักบัวก็ดังจนทั้งคู่เกินจะทนไหว“อาา….อลิศ!!”เธอกอดคอเขาแน่นเพราะกลัวตก เมื่อค่อย ๆ ดันตัวลงมาจากผนังห้องน้ำ น้ำรักของทั้งคู่ที่พ่นเข้าไปก็ล้นออกมาจนหมอภาสต้องล้างตัวให้เธอใหม่“ฮัดชิ้ว!!”“กินข้าวเย็นแล้วก็กินยาแก้หวัดหน่อยเถอะ”“เพราะใครกันล่ะ”“อย่าโทษผมคนเดียวสิ ไม่ใช่คุณเหรอที่ยั่วผมก่อน”“หมอ นี่คุณ….”“ครับ ๆ รีบกินข้าวเถอะเดี๋ยวผมไปเตรียมยาให้”หมอภาสตักข้าวต้มที่แม่บ้านทำเอาไว้ให้พวกเขาวางไว้ที่ตรงหน้าของเธอและเดินไปที่ตู้ยาและเตรียมยาแก้หวัดให้เธอ เขาไม่โง่เถียงหรือมีปัญหากับเธอตอนนี้แน่เพราะไม่อยากถูกไล่ออกมานอนห้องของรวิศที่เมื่อก่อนเขามักจะมาอาศัยนอนบ่อย ๆ แต่วันนี้เขาต้องนอนห้องของเธอเท่านั้น“ยาครับ”“ทำไมมันเยอะนักล่ะคะหมอ”“ก็…ยาแก้ปวด ยาแก้หวัดน่ะอย่างละสองเม็ดก็เลยเยอะ รีบกินข้าวเถอะกินยาแล้วจะได้ไปพักผ่อน ผมจะไปดูคุณอาสักหน่อย”“ได้ค่ะ”หมอภาสหันไปหอมแก้มเธอและลุกไปดูพ่อของอลิศในห้องขอ
อลิศหันหน้ามามองหมอภาสที่พูดออกมา รวิศเองก็แทบจะไม่เชื่อหูตัวเองแต่ก็พยักหน้าเข้าใจเพื่อนในทันที เขาคงอยากให้อลิศพร้อมก่อนแล้วค่อยพาเธอไปที่บ้านของเขา“เอ่อ…งั้นก็ขับตามมาก็แล้วกันนะ”“โอเค เจอกันที่บ้านนายเลย”“โอเค”อลิศยิ้มออกมาได้แล้วเมื่อเธอไม่ต้องไปที่บ้านหมอภาสในวันนี้และยังได้กลับไปที่บ้านเพื่อดูแลพ่อ แม้ว่าเธอจะรู้ว่าถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้นที่จะต้องไปอยู่ดีก็ตาม“ขอบคุณนะคะหมอภาส”“ผมไม่อยากกดดันคุณ ผมเข้าใจแต่ว่า…อย่านานเกินไปนักจะได้ไหม”“ค่ะ อลิศสัญญาว่าจะไม่นานแน่นอนค่ะ แค่ตอนนี้อลิศยังเป็นห่วงคุณพ่ออยู่เท่านั้นเอง”“เป็นห่วงคุณอาหรือว่ากลัวกันแน่”“หมอคะอย่าแซวสิคะ นั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งค่ะ”“ไปกันเถอะ รีบขับตามรวิศไปเดี๋ยวรถจะติด”“ได่ค่ะ”อลิศคล้องแขนเขาเดินกลับเข้าไปด้านในโรงพยาบาลเพื่อรอเขาเปลี่ยนชุดและรีบลงมาที่ลานจอดรถและขับกลับไปที่บ้านของอลิศในทันทีบ้านของอลิศ“ตามสบายนะภาสไม่ต้องเกรงใจหรอก ไม่ได้มาที่นี่นานเลยสินะ”“ครับ ยังไม่เปลี่ยนไปเลยนะครับ”“ก็มีอาอยู่คนเดียว รวิศก็ไปนอนคอนโดใกล้ ๆ โรงงาน อลิศก็ไปนอนหอพักบ้างคอนโดบ้างเพราะติดเรียนแล้วตอนนี้ก็ติดแฟนอีก อีก
แพนเดินออกไปจากห้องพร้อมกับน้ำตาที่ยังไม่หยุดไหล แต่อลิศเองก็ไม่ได้ตามเธอไปอีกเพราะหากไม่เด็ดขาดก็จะไม่จบเพียงเท่านี้ สิ่งที่ควรพูดเธอก็พูดไปหมดแล้ว เหลือแค่ว่าเพื่อนของเธอจะคิดได้หรือไม่เท่านั้น“เฮ้อ….ทีนี้คงหมดแล้วใช่ไหม”อลิศหันมามองหน้าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดที่ยืนขยับแว่นตาอยู่ข้างหลังเธอ“อะไร มองแบบนี้คุณจะโทษผมเหรอ ผมบอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมแค่ทำตามหน้าที่ ผมไม่ได้ให้ความหวังอะไรกับใครเลยสักคน”“เหนื่อยขนาดนี้…เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมคะ”หมอภาสเดินมารวบตัวเธอเข้าไปจนชิด หน้าของเธอแทบจะชนเข้ากับกรอบแว่นตาของเขา“คิดจะหนีตอนนี้เหรอ คิดว่าเป็นไปได้หรือยังไง”“หมอคะ ถ้าเป็นตอนที่ยังฝึกงานอยู่สายตาแบบนี้อลิศอาจจะยังกลัวอยู่นะคะ แต่ตอนนี้….”จูบของเขาทำให้เธอหยุดพูดทันที มันทั้งหนักหน่วงเรียกร้อง และต้องการเธอมากกว่าครั้งไหน ๆ ลิ้นหนาที่โจมตีเข้ามาทันทีโดยที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งรับทำเอาเธอแทบจะหมดแรงทรุดไปกับพื้น“แค่จูบยังจะละลายเลยแล้วแบบนี้น่ะเหรอที่คิดจะหนี ฝันไปเถอะชาตินี้ผมไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่อลิศ”“หมอ!! โรคจิต รุนแรงเกินไปแล้ว”“หืม…คุณบอกว่าผมโรคจิตงั้นเหรอ”อลิศที่เดินถอยออกมาเพ
หมอภาสประคองอลิศเดินหันกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานและหยิบกระดาษเปียกกับสเปรย์แอลกอฮอล์มา เขานั่งคุกเข่าและถอดรองเท้าของอลิศออกมาต่อหน้าสายตาของพยาบาลทั้งสองและ…..แพนที่ยืนดูอยู่ตรงนั้น“หมอคะ อลิศทำเองก็ได้”“อยู่เฉย ๆ ผมจะฆ่าเชื้อโรคให้”“หมอภาสคะ!!”“คุณเงียบก่อน ไม่เห็นเหรอว่าผมทำอะไรอยู่เสร็จจากเช็ดเชื้อโรคจากรองเท้าแฟนผมแล้วผมค่อยคุยกับคุณ”เมื่อเช็ดเสร็จแล้วเขาก็สวมรองเท้ากลับให้กับอลิศและเดินไปล้างมือ แพนที่ยืนโกรธจนตัวสั่นหันมามองทั้งคู่ อลิศเองเมื่อเห็นแบบนี้ก็คิดว่าเธออาจจะทำรุนแรงเกินไปเพราะหมอภาสเองก็ดูเหมือนจะไม่สนใจแพนเลย“แพนมีธุระ….”“ไม่ใช่เรื่องของแก!!”แต่แพนก็ยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม ซึ่งอลิศที่มองไปแล้วรู้สึกผิดที่แอบเห็นใจเธอเมื่อครู่ หมอภาสเช็ดมือและเดินกลับมาแล้ว เขายืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานที่มีอลิศนั่งอยู่โดยที่เขาไม่ให้เธอลุกขึ้นมา“พวกคุณออกไปเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว”""ค่ะคุณหมอ""พยาบาลทั้งสองเดินกลับออกไปพร้อมกับปิดประตูอีกครั้ง หมอภาสเช็ดมือและโยนทิชชูนั้นทิ้งลงถังขยะและหันมามองแพน“เอาล่ะ คุณมีธุระอะไรกับผมอีกถึงได้มาบุกรุกห้องพักส่วนตัวของแพทย์แบบนี้ ผมจะให้โอกาสคุณพูด