แชร์

ตอนที่  4 เงียบแล้วหัดฟังบ้างสิคะ!!

 

เขามองเธอด้วยสายตานิ่ง ๆ แต่ลุ่มลึกเกินคาดเดา อลิศไม่ชอบเขาเอาเสียเลยเพราะตั้งแต่เธอฝึกงานอยู่ที่นี่เกือบเดือน พบเขาไม่กี่ครั้งและทุกครั้งก็เจอแต่ปัญหาซึ่งเขาก็ไม่เคยให้โอกาสใครได้อธิบาย เพียงแค่ด่า ต่อว่าและเดินออกไป

“คุณพูดอะไร ก็ยานี่….”

“คุณก็ดูก่อนสิคะแล้วค่อยด่า”

“นี่คุณ!! หัดมีมารยาทหน่อย คุณเด็กกว่าผมตั้งกี่ปี”

“ก็เงียบแล้วหัดฟังบ้างสิคะ!! กำลังจะพูดอยู่นี่ยังไงถ้าคุณไม่เงียบแล้วฟังจะรู้เรื่องไหมล่ะคะ”

หมอภาสโกรธจนหน้าแดงก่ำ ชีวิตเป็นอาจารย์แพทย์มาเกือบสามปียังไม่เคยมีครั้งไหนหรือคนไหนกล้าตะเบ็งเสียงหรือตะคอกเขาแบบที่เธอกำลังทำมาก่อน

“สองนาที”

“ก็แค่นั้นแหละ ฟังคนอื่นบ้างจะตายหรือยังไง”

“พูดมาได้แล้ว!!”

“โอ๊ย!! พูดแล้วค่ะ คุณหมอดูนี่ค่ะ”

อลิศวางถุงยาที่เขาบอกว่าผิดลงที่โต๊ะของเขาซึ่งนั่นยิ่งทำให้เขามีโทสะที่รุนแรงขึ้น เขาไม่รู้เลยว่าเธอต้องการจะพูดอะไร

“อะไร โยนถุงยาใส่ผมแล้วคิดว่าผมจะเข้าใจอะไร คุณจะบอกว่าผมเป็นคนใส่ร้ายคุณโดยการใส่ยานี่ลงในถาดหรือไง”

“ใช่ค่ะ”

“นี่คุณ!! มากไปแล้วนะ!!”

“ก็เพราะหมอเป็นแบบนี้ไงล่ะคะ ฟังอะไรก็ฟังไม่จบไม่เคยฟังอะไรเลยและคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดถูกอยู่คนเดียวแต่หมอรู้ไหมคะว่านั่นน่ะ โง่ที่สุด!!”

“นักศึกษา!!”

“ฉันชื่ออริศรา!! แล้วก็เงียบก่อนฉันกำลังจะเล่า”

เสียงหายใจแรงของเขาทำให้เธอรู้ว่าเขาจะทนฟังเธอได้อีกไม่นานเพราะความไร้มารยาทและไม่มีกาลเทศะของเธอ แต่เธอกลับดึงเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ เขาอย่างสงบเมื่อบอกให้เขาเงียบแล้ว

“คุณหมอดูนะคะ ถุงยาในถาดนี้คุณตรวจแล้วว่าไม่ผิดปกติใช่ไหมคะ”

“ใช่ ผมตรวจแล้วทุกอย่างถูกต้องตามที่เขียน”

“มีแค่ถุงนี้ใช่ไหมคะที่ผิด”

“อืม แล้วยังไงคุณยังจะ….คุณกำลังจะพูดอะไรนักศึกษา”

“อลิศกำลังจะบอกว่า นี่ค่ะ”

เธอดึงถุงซิปล็อกที่เธอเตรียมเอาไว้ขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมของเธอและวางที่โต๊ะของเขา หมอภาสมองถุงซิปล็อกและสลับขึ้นมามองหน้าเธอ เขาจึงหยิบขึ้นมาดูถุงที่เขาแยกเอาไว้

“ถุงนี่…เป็นคนละสีกับ….”

“ใช่ค่ะ”

“คุณกำลังจะพูดอะไร กำลังจะบอกอะไรกับผม”

“อลิศกำลังจะบอกคุณหมอว่าครั้งนี้ไม่ได้ผิดที่อลิศจัดยาให้คุณ แต่มีคนที่จงใจอยากจะกลั่นแกล้งเด็กฝึกงานโดยการเปลี่ยนยาเพื่อให้คุณหมอด่าพวกเราค่ะ”

“ว่ายังไงนะ ทำไม…”

“หมอน่าจะรู้เหตุผลนี้ดีกว่าพวกอลิศนะคะ นี่คือเหตุผลที่อลิศเองก็อยากถามพวกคุณที่เป็นบุคลากรในโรงพยาบาลเช่นกันว่า ทำไมต้องแกล้งเด็กฝึกงานที่อยากเรียนรู้และหาประสบการณ์อย่างพวกเราด้วย”

เป็นครั้งแรกที่หมอภาสนิ่งไปแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะสงสัยตั้งแต่คำที่อลิศพูดตรงทางเดิน ก่อนที่เขาจะทดสอบโดยสั่งให้เธอจัดยาอีกครั้ง

และเมื่อคำพูดของเธอที่พูดตรงทางเดินทำให้เขานึกสงสัยมากกว่าเดิม จึงอยากพิสูจน์ก็เลยเดินตามพวกเธอไปที่ห้องยากลับไปพบกับพวกเธอทะเลาะเพื่อแย่งถาดยาเจ้าปัญหานี้แต่นึกไม่ถึงว่า…จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

“หมายความว่า….”

“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเราถูกกระทำ ก่อนหน้านั้นยาที่ถูกจัดไปให้ผู้ป่วยของคุณหมอ ต้องบอกว่าเฉพาะของคุณหมอภาสเท่านั้นที่มีปัญหาจนเพื่อนของอลิศอยู่แผนกนี้อีกไม่ได้ ถูกสั่งย้ายไปห้องปฏิบัติการ”

“คุณกำลังจะบอกว่า…”

“อลิศไม่ได้ใส่ร้ายใคร แต่ก็อย่างที่คุณหมอเห็นนะคะ เพราะที่จริงแล้วยาที่อลิศจัดจะใส่ถุงซิปล็อกที่ไปเบิกมาเองเพื่อป้องกันเรื่องนี้โดยเฉพาะ และจะไม่มีการจัดยาไว้และส่งต่อคุณเภสัชสุดสวยนั่นแต่จะส่งไปที่เค้าน์เตอร์จ่ายยาเลย หลายวันมานี้ก็เลยไม่มีปัญหาค่ะ”

หมอภาสนิ่งไปกับสิ่งที่เธอเล่า เขาไม่มีทีท่าอะไรที่แสดงออกมาให้เธอรู้เลยว่าคิดอะไรอยู่ สายตาเขาจดจ้องอยู่กับถุงยาที่ผิดปกติในมือและไม่มองเธอเลย

“คุณหมอคะ”

“ผมรู้แล้ว คุณกลับไปก่อนเถอะ”

“แล้ว…เรื่องนี้”

“ผมจะคุยกับทีมงานที่ดูแลพวกคุณอีกที วันนี้กลับไปได้แล้ว”

“ก็ได้ค่ะถ้าหมอว่าอย่างนั้นก็…ขอบคุณที่รับฟังปัญหานะคะ”

อลิศเดินออกไปอย่างว่าง่ายเพราะในที่สุดเรื่องที่เธออยากพูดมาหลายวันนี้ก็ได้พูดได้บอกไปหมดแล้วว่าสาเหตุที่พวกเธอเจอไม่ได้เกี่ยวข้องกับความไม่เป็นมืออาชีพของพวกเด็กฝึกงานแต่เกิดจากปัญหาภายในต่างหาก

เมื่อเธอออกมาก็พบกับคนที่อยากเจอมากที่สุดในโรงพยาบาลนี้พร้อมกับยิ้มที่สดใสของหมอกิตที่ส่งมาให้เธอ

“อลิศ ไม่ได้เจอกันนานเลยเป็นยังไงบ้าง”

“คุณหมอกิต”

“อ้อจริงสิขอบใจนะสำหรับคุกกี้วันก่อน อร่อยมากเลย"

“ไม่เป็นไรค่ะ ดีใจที่คุณหมอชอบนะคะ”

“ว่าแต่วันนี้มาทำอะไรที่นี่เหรอ หรือว่าถูกดุอีกแล้ว”

“เปล่านะคะ อลิศก็แค่เอารายงานมาให้คุณหมอภาสน่ะค่ะ”

“อ้อ เป็นแบบนี้นี่เองงั้นไปกินกาแฟด้วยกันสิ นี่ก็เลิกงานแล้วนี่”

“จะ…จริงเหรอคะ”

“จริงสิ ตอบแทนเรื่องคุกกี้วันก่อนไง ไปเถอะผมมีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวต้องกลับมาตรวจคนไข้ต่อ”

“ได้ค่ะ ๆ ขอบคุณค่ะคุณหมอ”

“เรียกพี่กิตเหมือนเดิมก็ได้ รวิศสบายดีใช่ไหม”

“สบายดีค่ะยังดุเหมือนเดิม”

“ไม่มีเวลาไปหาเลย อ้าวหมอภาส!!”

อลิศหันไปมองหมอภาสที่เดินมาจากด้านหลังและรอลิฟต์ที่เดียวกับพวกเขา เธอหุบยิ้มและหยุดพูดไปในทันทีเมื่อเขาปรากฏตัวแต่ดูเหมือนว่าหมอภาสจะไม่ได้สนใจเธอ

“คุณจะไปไหนเหรอ แวะไปกินกาแฟกับพวกเราก่อนไหม”

เขาเหลือบไปมองอลิศที่ยืนก้มหน้า ดูก็รู้ว่าถ้าเขาไปด้วยเธอคงลำบากใจและคงทำให้บรรยากาศเสียแน่นอน

“ไม่ล่ะ ผมรีบไปธุระ”

“อ่อ ชั้นไหนล่ะ”

“ชั้นเดียวกันนั่นแหละ”

“อ้อ เอออลิศแล้วรวิศตอนนี้เป็นยังไงมันยังบ้างานจนโสดเหมือนเดิมอีกเหรอ”

“เอ่อ….ค่ะ พี่รวิศยังไม่มีแฟน..ค่ะ”

“อะไรกันเกร็งทำไม หมอภาสก็เข้า ๆ ออก ๆ บ้านอลิศบ่อย ๆ พวกเราสองคนเมื่อก่อนเป็นแขกประจำของรวิศเลยนะ ทำไมถึงได้เกร็งกับพวกพี่แบบนั้นล่ะ”

อลิศจะพูดว่าเธอจำหมอภาสไม่ได้เลยก็เกรงว่าจะทำร้ายความรู้สึกของคนที่ยืนหันหลังเธอมากเกินไปแต่ในความทรงจำของเธอ หมอศุภกิตต์เป็นรักแรกพบของเธอจะอยู่ในความทรงจำมากกว่าจนตอนที่พี่ชายเธอบอกว่า

“อ๋อวันนี้ไอ้กิตไม่มาหรอกไปดูหนังกับแฟนมันน่ะ”

วันนั้นจำได้ว่าเธอร้องไห้ทั้งคืนเพราะรู้ว่าเขามีแฟนแล้ว ในวันนั้นเหมือนว่าพี่ชายของเธอกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กับเพื่อน ๆ อีกสองคนซึ่งเธอไม่ได้ใส่ใจว่าเป็นใครเพราะเธอจะจำเพียงแค่ศุภกิตต์ที่คุยเก่งและชอบชวนเธอเล่นเกมมากกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ ของพี่ชายเธอ

“ อลิศยังชอบกินบลูเบอร์รี่ปั่นอยู่หรือเปล่าล่ะ”

“พี่กิตยังจำได้อยู่เหรอคะ”

“ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ ครั้งนั้นจำได้ว่ารวิศลืมซื้อกลับมาให้ อลิศก็เลยงอนไปนานเลยนี่ จน….”

“ครับ!! ผมกำลังจะไปครับ เดี๋ยวเจอกันครับ”

ลิฟต์ถึงชั้นล่างพอดี หมอภาสเดินออกไปโดยไม่ได้หันมามองทั้งคู่อีกเลยเมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในคาเฟ่ต์ชั้นแรกของโรงพยาบาล อลิศหันไปมองหมอภาสที่เดินไปยังแผนกประชาสัมพันธ์และเดินตามหมอกิตเข้าไปในร้านกาแฟ

 เธอพึ่งสังเกตสายตาของคนในร้านที่มองพวกเธอ หมอกิตขึ้นชื่อว่าเป็นหมอที่หน้าตาดีและมีเสน่ห์เพราะเขาพูดเก่งและคุยง่ายกว่าหมอคนอื่น ๆ

“อลิศ แล้วอลิศล่ะครับตอนนี้ยังไม่มีแฟนอีกเหรอ”

“คะ อลิศเหรอคะ ยังหรอกค่ะเอาเวลาที่ไหนมาหาแฟนล่ะคะ”

“ถ้าอย่างนั้น เราลองคบกันไหมครับ”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status