อลิศหันไปมองหน้าที่เย็นชาไร้ความรู้สึกที่พูดเสียงเรียบ ๆ นั้นออกมา เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขากับญานิศาถึงได้มีปัญหากับเธอนัก แล้วทำไมยัยนั่นต้องมีปัญหาทุกครั้งที่เธอต้องเป็นคนไปรับยามาให้เขาทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอก็ทำงานของเธอปกติ
“คุณหมอคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวและอลิศเองก็ไม่เคยเอาเรื่องของคุณหมอกิตมาเกี่ยวข้องกับการทำงาน อลิศทำงานเต็มที่ที่ได้รับมอบหมายแต่พวกคุณต่างหากที่ต้องการอะไรกันแน่ ทำไมคนที่ทำผิดยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในโรงพยาบาลได้แต่คนที่ถูกตำหนิและสั่งย้ายแผนกถึงต้องเป็นพวกอลิศ”
“นี่คุณคิดว่าการที่คุณถูกสั่งย้ายมานี่…คือการกลั่นแกล้งงั้นเหรอ”
“แล้วไม่ใช่เหรอคะ พวกคุณแค่สั่งย้ายแต่ไม่ได้อธิบายเหตุผลอะไรให้ทราบเลยนี่คะ”
หมอภาสนั่งลงที่เก้าอี้ของเขาและเป็นครั้งแรกที่เขาถอดแว่นออกมา สายตาของเขาอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดเพราะก่อนหน้านี้เขาอยู่ในห้องผ่าตัดมาเกือบแปดชั่วโมงและเมื่อออกมาต้องมาพบความผิดพลาดเดิม ๆ อีกครั้ง และครั้งนี้เขาจะไม่อยู่เฉย ๆ อีกแล้ว
“คุณเข้าใจแบบนั้นมาตลอดเลยสินะถึงได้…ช่างเถอะ เหลืออีกแค่ไม่กี่วัน ฝืนใจหน่อยก็แล้วกัน ออกไปได้แล้ว”
อลิศอดไม่ได้ที่จะหันไปมองใบหน้าหล่อที่ไร้แว่นตาและหันข้างให้เธออยู่ แม้ว่าเขาจะเย็นชาแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหมอภาสคนนี้ หล่อชะมัดเลย!!
“เวลาที่เหลือก็….ฝากด้วยก็แล้วกันค่ะ อลิศเองก็จะพยายามไม่มาให้คุณหมอวุ่นวายและ…จะพยายามไม่ต้องไปจับผิดแฟนคุณหมอให้มากนัก”
“ผมบอกว่า…”
“ขอตัวนะคะ สวัสดีค่ะคุณหมอ”
เขาค่อย ๆ เอนตัวลงกับเก้าอี้และหลับตาลงเพื่อคลายความตึงเครียดอีกครั้งเมื่อเธอเดินออกไปและปิดประตูแล้ว เขาเปิดม่านออกและมองดูบรรยากาศข้างนอกเพื่อสงบจิตใจอีกครั้ง
“ใครเขาฝืนใจกัน เมื่อไหร่จะโตสักทีนะ…..”
สามวันก่อนฝึกงานจบ
“จริงเหรอเนี่ย เรื่องใหญ่เลยนะ”
“ก็มันสะสมน่ะ ก็เลย…”
“พยานหลักฐานแน่นหนาครั้งนี้เชือดจริง”
“ไม่ได้เป็นแล้วสินะคุณนายหมอ”
“พี่หลิว พี่น้ำ มีอะไรกันคะ ซุบซิบอะไร นั่นแน่…คงไม่ได้แอบเม้าเรื่องดาราเมื่อคืนใช่ไหมคะ”
“อลิศ เบา ๆ หน่อย ข่าวใหญ่ฟ้าผ่าแต่เช้าเลยน่ะสิ”
"มีอะไรเหรอคะ"
อลิศและนิวเกาะเค้าน์เตอร์ในช่วงเช้าที่ไม่ค่อยมีคนเดินไปมา เมื่อพี่พยาบาลหลิวและพี่น้ำค่อย ๆ คุยด้วยเสียงที่เบากับพวกเธอ
“เภสัชประจำห้องยา ถูกให้เซ็นใบลาออก”
“อะไรนะคะ!! หรือจะเป็น…อลิศแกว่าใช่ไหม”
“ญานิศา ที่เดินมาหาหมอภาสบ่อย ๆ คนนั้นแหละ”
อลิศฟังเรื่องนี้แล้วรู้สึกงุนงงแต่เช้า เธอคงไม่ได้ฟังผิดไปหรอกใช่ไหมว่าญานิศาพึ่งจะถูกสั่งให้ออกจากงานแบบฟ้าผ่าก่อนที่เธอจะจบโปรเจคฝึกงานอีกแค่สามวัน
“มันเกิดอะไรขึ้นคะ”
“ที่จริงไม่มีใครบอกหรอกว่าเรื่องมันเกิดเพราะอะไรแต่ว่าแฟนพี่ทำงานในแผนกกล้องวงจรปิด เขาบอกว่าเป็นหมอภาสที่ไปรวบรวมหลักฐานจากกล้องย้อนหลังและรวบรวมข้อมูลทั้งหมดทั้งก่อนและหลังจากที่เด็กฝึกงานเปลี่ยนไปหลายชุด สาเหตุก็เพราะมีแค่ยาที่จ่ายให้ผู้ป่วยของหมอภาสเท่านั้นที่มีปัญหา เขาเลยลงไปจัดการเอง”
“ว่ายังไงนะคะ คุณหมอภาสคนนั้นเหรอคะ”
“ใช่แล้ว แฟนพี่บอกอีกว่าหมอภาสใช้เวลาตรวจสอบอยู่หลายวันและให้แฟนพี่ตัดคลิปบางส่วนที่ต้องใช้ออกมา เขารวบรวมข้อมูลน่าจะหลังจากที่พวกเธอย้ายมาที่นี่แล้ว เขาเสนอรายงานนี้ไปที่ผู้บริหารโดยตรงดังนั้นข้างล่างนี่ก็ไม่รู้เรื่อง แต่คนในแผนกรวมถึงตัวเภสัชคนนั้น รู้แล้วว่าเป็นใคร”
“ที่แท้ ที่เขาสั่งย้ายพวกเรามาที่นี่….เป็นเพราะปกป้องพวกเรางั้นเหรอ”
“อาจารย์ภาสน่ะไม่ชอบพูดแต่ชอบทำ เขาปากร้ายแต่ใจดีสุด ๆ เราถึงสบายใจถ้าวันไหนหมอภาสอยู่เคสที่เร่งด่วนจะถูกแก้ไขหมดยังไงล่ะ”
“อลิศ แก….”
“วันนี้คุณหมอภาส…เข้ามากี่โมงคะ”
“วันนี้…น่าจะช่วงบ่าย ๆ เลยค่ะเห็นว่ามีผ่าตัด”
“ขอบคุณค่ะพี่หลิว”
อลิศเดินเข้ามาในห้องที่พวกเธอใช้พักและวางของในห้องทำงาน นิวปิดประตูตามเข้ามาหลังจากที่เธอเข้ามาแล้ว อลิศค่อย ๆ นั่งลงและคิดเรื่องที่พี่ ๆ พยาบาลเล่าให้ฟัง
ที่แท้ทั้งหมดนี่ก็เป็นสิ่งที่หมอภาสคิดเอาไว้ก่อนแล้ว เขาแค่อยากรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุดและมีช่วงเวลาที่เปรียบเทียบกันระหว่างตอนที่พวกเธอทำงานที่นั่นและตอนที่ย้ายออกมาทำให้ญานิศาไร้ข้อแก้ตัวและหมดหนทางจะหาเรื่องพวกเธอได้อีก
“อลิศ แกคิดว่าเราควรไปขอโทษคุณหมอภาสสักหน่อยไหมก่อนที่จะจบการฝึกงาน”
“ฉัน…พึ่งจะทะเลาะกับเขาเมื่อวันก่อนนี้เองนึกไม่ถึงว่าคนที่ช่วยพวกเรา…จะเป็นเขามาตลอด”
“เราเข้าใจคุณหมอผิดมาตลอดเลยคิดว่าเขาปกป้องพี่นิศา ที่ไหนได้รอเชือดแบบเลือดเย็นสุด ๆ เลยเห็นว่าแกร้องไห้ต่อหน้าผู้บริหารแต่หมอภาสก็ไม่ได้ช่วยเธอเลยสักนิด”
“แกรู้ได้ยังไง”
“พี่หลิวบอกฉันก่อนที่จะเดินตามแกเข้ามา หมอภาสเลือดเย็นมากเลยนะ แสดงว่าเขารู้มาตลอดว่าพี่นิศาคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ฉันเริ่มรู้สึกผิดกับคุณหมอแล้วล่ะ ด่าเขาไปเสียเยอะแยะเลย อลิศทำไมแกหน้าซีดขนาดนั้นล่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอก เอาเป็นว่าเหลืออีกสามวันก็ทำตัวดี ๆ แล้วก็เตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาสักหน่อยก็แล้วกันวันงานเลี้ยงจบโปรเจคนี้น่ะ”
“อืม เห็นด้วย เฮ้อ…คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ คนนิ่ง ๆ ขรึม ๆ แบบนั้นเวลาเอาจริงขึ้นมาโคตรโหดเลย”
นิวเดินไปหยิบเอกสารและเดินออกจากห้องไปแล้วเพื่อจะไปให้เจ้าหน้าที่เซ็น อลิศที่นั่งอยู่ในห้องรู้สึกเหมือนกับสับสนบางอย่าง
ตอนนี้แม้ว่าเธอจะคบหาอยู่กับหมอกิตที่เป็นรักครั้งแรกของเธอ แต่เธอกลับรู้สึกอึดอัดเมื่อหมอกิตเริ่มรุกเข้าหาเธอแบบรวดเร็วจนเธอตั้งรับไม่ทัน และยังมีเรื่องในโรงพยาบาลนี้อีก
“ให้จบเรื่องนี้ไปก่อนก็แล้วกันค่อยว่ากันใหม่”
ห้องพักคุณหมอ
“ก๊อก ก๊อก”
“เข้ามาได้”
หมอภาสหันไปถอดเสื้อกาวน์แขวนเอาไว้และเมื่อหันมาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นกาแฟและขนมที่อลิศยกเข้ามาให้เขา
“นี่อะไร”
“เอ่อ…อลิศกับนิวจะฝึกงานจบแล้วค่ะ ก็เลยอยากเลี้ยงกาแฟคุณหมอสักแก้ว”
“เลี้ยงกาแฟ??”
“ค่ะ ยังมีขนมด้วยค่ะ ไม่รู้ว่าคุณหมอชอบแบบไหน…ก็เลยซื้อมาเยอะเลย”
“ให้หมอทุกคนในแผนกเลยเหรอ”
“เอ่อ…”
“ขอบใจนะ แต่ว่าผม…ไม่กินคาปูชิโน่น่ะ”
“อ้าว…ว่าแล้วเชียว”
หมอภาสที่เปิดคอมพิวเตอร์และพิมพ์บางอย่างส่งไปที่ห้องยาเพื่อสั่งงานหันมามองหน้าเธอที่ผิดหวังเล็กน้อยที่ซื้อกาแฟผิดมาให้เขา
“ช่างเถอะ ก็พอกินได้ขอบใจมาก”
“ไม่ค่ะ ๆๆ คุณหมอปกติแล้วดื่มกาแฟอะไรเหรอคะ”
“ผม…”
เขาหันไปมองหน้าเธอที่ทำหน้าอยากรู้อยากเห็นเหมือนเด็ก ๆ แล้วนึกขำกึ่งตกใจที่จู่ ๆ วันนี้เธอยอมมาหาเขาในห้องนี้ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาแทบจะไม่เห็นเธอเลย
ตั้งแต่วันที่เขากับเธอมีปากเสียงกันวันก่อน แต่เขาก็เดาได้ไม่ยากเพราะว่าเขาเองก็พึ่งรู้ว่าเจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการเรื่องกล้องวงจรปิดที่พึ่งทำงานด้วยนั้นเป็นแฟนของพยาบาลแผนกของเขาเอง
“คะ คุณหมอ”
“คือว่าผมดื่มแค่กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล”
“กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล โอเคค่ะ งั้นรอสักครู่นะคะเดี๋ยวจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
“เอ่อ…ไม่ต้องรีบวิ่งเดี๋ยวจะ….หกล้ม”
แต่อลิศวิ่งออกไปจากห้องของเขาแล้วพร้อมกับปิดประตูให้ เขาหันมาส่ายหน้าและอดยิ้มให้กับท่าทางเมื่อครู่นี้ของเธอไม่ได้เลย เป็นท่าทางที่เขาเคยเห็นเมื่อก่อนเป็นประจำ แต่ตอนนี้แทบจะไม่เห็นอีกเลย
“ไม่เคยจำได้เลยสินะ ถ้าไม่ใช่เรื่องของหมอกิต”
สามวันที่เหลือนี้อลิศช่วยงานของหมอภาสได้มากทีเดียวทั้งช่วยตรวจสอบยาและเตรียมยาสำหรับผู้ป่วยที่จะออกจากโรงพยาบาลโดยที่เขาไม่ต้องตรวจซ้ำพยาบาลที่กำลังยุ่งกับเรื่องอื่นมีเธอช่วยก็ผ่อนแรงไปได้มากจนตอนนี้หมอภาสแทบจะเดินติดกับอลิศเวลาที่จะมีผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล“เดี๋ยวคุณสั่งเพิ่มโดสของยาแก้ปวด อ้อแล้วก็เพิ่มปลาสเตอร์กันน้ำไปด้วยกันแผลปริระหว่างที่ผู้ป่วยรอนัดอีกครั้ง”“ทราบแล้วค่ะคุณหมองั้นอลิศส่งรายการไปที่ห้องยาเลยนะ”“อ้อเดี๋ยวนะอลิศ คุณช่วยเพิ่มยาทาป้องกันรอยแผลเป็นไปด้วยผมเกือบลืมไปเลยคนไข้ค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องรอยแผลเป็นหลังจากการผ่าตัดน่ะ”“ได้ค่ะ แต่ว่ายานี้ต้องทาหลังจากที่เปลี่ยนเป็นปลาสเตอร์ธรรมดาแล้วนะคะคุณหมอจะจ่ายให้ตอนนี้เลยเหรอ”“เอ่อ นั่นสิ…ดูผมสิ มั่วไปหมดแล้ว เอาเป็นว่า…”“งั้นให้เธอกินยาไปก่อนดีไหมคะ ยาตัวนี้แก้ผลข้างเคียงได้หากว่าเธอกลัว นัดครั้งหน้าตอนที่แกะปลาสเตอร์เปลี่ยนเป็นแบบธรรมดาแล้วค่อยสั่งจ่ายอีกครั้ง”“ได้ เอาตามคุณว่ามาเลย ไปเถอะ ฝ่ายการเงินน่าจะมาถึงตอนก่อนเที่ยงจะได้ไม่เสียเวลาคุณไปทานข้าว”“ได้ค่ะคุณหมอ ไม่มีรายการอื่นเพิ่มแล้วใช่ไหมคะ”“ไม่มีแล้วรีบไป
ราวกับทุกอย่างตรงหน้าหยุดลงกะทันหัน และดูเหมือนกับบางอย่างในร่างกายของทั้งคู่เต้นเป็นจังหวะเดียวกันเมื่อหมอภาสค่อย ๆ บดริมฝีปากหนาที่ถูกเธอกัดเมื่อครู่นี้ลงไปและละเมียดสอนเธอเบา ๆ อย่างใจเย็นอลิศค่อย ๆ ใช้มือเรียวโอบรอบคอของหมอภาสเบา ๆ ลิ้นหนาค่อย ๆ ส่งเข้าไปในปากเธออย่างระมัดระวังเพราะเขาไม่อยากถูกกัดอีกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นแบบนั้น เธอเรียนรู้ได้ไวเกินกว่าที่เขาจะคิด“อลิศ พอแค่นี้ก่อนไหม”เธอดันตัวเขาล้มลงไปที่เตียงอย่างไม่ทันตั้งตัวและขึ้นมาคร่อมตัวเขาทันทีพร้อมกับก้มลงจูบเขาอีกครั้ง หมอภาสรู้สึกว่าความอดทนของเขาขาดผึงลงในตอนนี้เองที่เธอตัดสินใจ เขาจับร่างบางพลิกลงไปและเปลี่ยนเป็นคนเดินเกมเองในทันที“คุณแน่ใจแล้วนะ ถ้าเรามาถึงขั้นนี้ จะถอยตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว อลิศ ผมให้โอกาสคุณ….”แต่เธอไม่ให้โอกาสเขาได้พูดเลยเมื่อเธอลุกขึ้นมาและจูบเขาอีกครั้ง เดรสสวยถูกเขากระชากออกมา ไหล่ขาวเนียนปรากฏแก่สายตา หมอภาสถอดแว่นออกแล้วและเริ่มดึงเสื้อเชิ้ตของเขาโดยมีเธอที่ช่วยปลดกระดุมให้ ปากของทั้งคู่แทบจะไม่ห่างกันเมื่อเริ่มปลดปล่อยสิ่งที่กีดขวางทางออก“อ๊าา….นี่มันอะไร”“ใจเย็น ๆ เราพึ่งเริ่ม ไม่ต้องรีบ”
อลิศที่ยืนตัวแข็งทื่อถึงกับต้องหันไปมองพวกเขาอีกครั้ง“นี่…อื้ออ”ทั้งสองคนที่สุดทางเดินหันมามองแต่ทางเดินก็ไร้ผู้คน ไม่มีใครอยู่“อ๊าา อย่าเลียตรงนี้สิคะ เปิดห้องเร็วเข้าที่นี่ไม่ใช่คอนโดคุณนะคะหมอกิตเร็วเถอะค่ะจอยทนไม่ไหวอยากจะกินคุณแล้ว”“อย่ารีบร้อนสิ ไหนบอกว่าคืนนี้จะทำทั้งคืนไงล่ะคนสวย”“คุณนี่มันร้ายนะคะ พอรู้ว่าจะมาที่นี่ก็เตรียมตัวเลยสินะ”“พูดมากรีบไปเถอะผมทนไม่ไหวแล้ว”“อ๊าา…หมอกิตคะ อ๊า”น้ำตาอลิศไหลลงไปโดนฝ่ามือของหมอภาสที่ปิดปากเธออยู่ทำให้เขารู้ว่าเธอคงเจ็บปวดมากแค่ไหนที่ต้องมาเห็นภาพของแฟนหนุ่มในสภาพนี้ เขาพึ่งตามมาในตอนเย็นนี้เองแต่ก็พอจะรู้ว่าหมอกิตหายไปจากปาร์ตี้และเขาเห็นแล้วว่าอลิศเองก็กำลังจะขึ้นมา แต่ไม่คิดว่าสองคนนั้นจะ…..“อลิศ คุณ….ไหวไหม”“ฮือ…”“เข้ามาก่อนไหม”เขาเปิดห้องแล้วเธอจึงรีบวิ่งเข้าไป เมื่อครู่นี้เขาดึงตัวเธอเข้ามาที่ซอกของห้องพักได้ทันก่อนที่หมอกิตจะหันมาเห็นพวกเขา แต่นึกไม่ถึงว่าจะทำให้อลิศได้รับฟังเรื่องที่ไม่สมควรจะได้ฟัง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หมอกิตหักหลังเธอ และไม่ใช่กับใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนของเธอเองที่ย้ายไปที่แผนกของเขา หมอภาสปิดประตูและถ
อลิศรีบลุกจากเตียงทันทีและเริ่มเก็บของรวมถึงชุดของเธอและค่อย ๆ ย่องเข้าห้องน้ำเมื่อเธอสวมชุดเสร็จแล้วเดินออกจากห้องน้ำก็พบว่าคุณหมอภาสยืนรอเธออยู่หน้าห้องน้ำเขาสวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำแค่ตัวเดียว“จะไปไหนแต่เช้าเหรอ”“หมอภาสคะ คือ….เมื่อคืนนี้อลิศ…”“คุณคิดจะรับผิดชอบผมยังไง”“คะ??”อลิศหันมาถลึงตามองเขาอีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตาและไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ออกมา ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้เธอเป็นคนเสียหายหรอกเหรอ แต่คนที่กำลังถามหาความรับผิดชอบอยู่ตรงนี้…กลับเป็นเขางั้นเหรอ“เอ่อ…หมอคะ เมื่อกี้นี้คุณบอกว่า…”“คุณทำให้ผมเสียหาย แล้วคิดจะกินทิ้งกินขว้างแบบนี้เลยเหรอง่ายไปหน่อยมั้ง”“เดี๋ยวนะคะอลิศยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยค่ะหมอ ใจเย็น ๆ แล้วค่อย ๆ คุยกันนะคะ”เขาเดินเข้ามาดึงรวบตัวเธอมากอดและอุ้มไปที่เตียงอีกครั้ง อลิศตอนนี้ได้สติเต็มที่ ความทรงจำเมื่อคืนนี้เริ่มกลับมาครบถ้วนก็ตอนที่หมอภาสอุ้มเธอกลับมาที่เตียงนี้อีกครั้งนี่เอง“หมอคะ….”“ผมถามคุณคำเดียว คุณจำเรื่องเมื่อคืนนี้ได้บ้างไหม”อลิศสบตาเขา ในตอนเช้าที่เขาไม่สวมแว่นและมีแค่เสื้อคลุมตัวเดียวเมื่อเธอได้มองแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาช่างน่ามองมากจร
เขายืนบังอลิศเอาไว้ซึ่งเธอก็ไม่ได้จะกลัวหมอกิตเลยแม้แต่น้อยและจับแขนหมอภาสเอาไว้ เมื่อหมอกิตโกรธจนหน้าแดงและต้องการคุยกับเธอ“อลิศ พี่ถามว่า….”“ถามตัวเองก่อนเถอะค่ะ ทำไมหมอกิตออกมาจากห้องคนเดียวล่ะคะ”“แล้วจะให้พี่ออกมากับใคร”“ยังจะถามอีกเหรอคะ เมื่อคืนหมอกิตไม่ได้เข้าห้องไปกับจอยงั้นเหรอคะ ที่อลิศกับหมอภาสเห็นพวกคุณแทบจะยืนขี่กันหน้าห้องอยู่แล้ว”“อลิศ!! ทำไมพูดไม่เพราะแบบนี้”“หมอภาสคะ อลิศ…”“เงียบไปเลย เอากระเป๋าเข้าห้องไปก่อน”“ไม่เอาค่ะ อลิศจะพูดกับเขาให้รู้เรื่อง”“ยังไม่ต้อง…หมอกิต อีกยี่สิบนาทีผมกับอลิศจะลงไปคุยกับคุณที่ห้องอาหารก็แล้วกัน เวลานี้น่าจะกินกันครบแล้ว”“ทำไมผมต้อง….”หมอภาสใช้มือกันอลิศเอาไว้จนมิดเพื่อไม่เปิดโอกาสให้หมอกิตได้คุยกับเธออีก สายตาของหมอภาสนิ่งและเยือกเย็นจนหมอกิตไม่กล้าพูดมาก ในเมื่อพวกเขารู้เรื่องของจอยเมื่อคืนแล้ว….“ก็ได้ ผมจะลงไปรอพวกคุณข้างล่าง”หมอกิตเดินผ่านทั้งคู่ไป หมอภาสกันอลิศเอาไว้ไม่ให้เธอมองหน้าหมอกิตได้อีกเพราะเขากลัวว่าเธอจะเผลอร้องไห้ออกมา เขาหันกลับมามองเธอที่ก้มหน้าอยู่ข้างหลังเขา“อลิศ เป็นอะไร….คุณทำอะไรเนี่ย”เขาหันไปและตะคอกค
“วะ…ว่ายังไงนะ”“แพน ไปเถอะ”“เดี๋ยวก่อน!! อลิศนี่หมายความว่ายังไง เธอจะเหมาหมอทั้งโรงพยาบาลเลยงั้นเหรอ พึ่งรู้นะว่าเธอสำส่อนขนาดนี้”“เพี๊ยะ!!”“อลิศ!!”หมอกิตและหมอภาสเดินกลับมา ฝ่ามือบางฟาดไปที่หน้าบอบบางของแพนจนเกิดรอยแดง ตอนนี้ไม่เพียงแค่พวกเธอแต่คนอื่น ๆ ด้านนอกก็เริ่มหันมามองแล้วว่าด้านในนี้เกิดอะไรขึ้น“อลิศ…แกตบฉันเหรอ”“หนึ่ง แพนเธอเข้าใจผิดที่บอกว่าฉันเหมาหมอทั้งโรงพยาบาลเพราะว่าฉันกับหมอกิตแค่คบกันเป็นแฟน และความสัมพันธ์นั้น มันจบไปตั้งแต่เมื่อคืนที่เขาเข้าห้องไปกับเพื่อนของเธอแล้ว”“อลิศ เรา…”“พอเถอะจอย เรื่องก็เกิดขึ้นแล้วนอนก็นอนด้วยกันแล้วนี่”“เราขอโทษ”“สองก็คือเรื่องส่วนตัวของฉันไม่จำเป็นต้องบอกกับเธอทุกเรื่อง พอสักทีกับท่าทีเสแสร้งอ่อนแอและเป็นคุณหนูที่น่าสงสารนี่ แพนเธอก็รู้ว่าคนอย่างฉันไม่ได้ยอมให้ใครมายืนด่าง่าย ๆ ตบนี้แค่สั่งสอนเรื่องที่เธอพูดออกมาวันนี้ หากไม่มีอะไรแล้ว พวกเธอก็กลับเถอะ ครั้งนี้ฉันจะลืมไปเสียว่ามันเคยเกิดขึ้น”“ลืมเหรอ อลิศเธอก็รู้ว่าฉัน…ฉันชอบคุณหมอภาส”อลิศยืนกอดอกและหันไปชี้ให้หมอภาสไปนั่งรอกับหมอกิต สายตาเธอดุเอาเรื่องทั้งเขาทั้งหมอกิตจึง
จู่ ๆ หมอกิตก็หัวเราะออกมาราวกับคนบ้าและหันไปมองหน้าหมอภาสที่ยังนั่งอยู่ตรงข้าม เขาเพียงแค่มองหมอกิตแต่ไม่ได้พูดอะไร“ญานิศา….หึ ฉันน่าจะนึกออกนะ เพราะแบบนี้นายก็เลยตรวจกล้องที่แผนกของฉันด้วยสินะ มิน่าล่ะ”หมอภาสแค่ขยับแว่นเล็กน้อยเท่านั้นก่อนจะหันไปพูดกับเขา“ถ้าหากนายไม่ทำประเจิดประเจ้อและพาเธอไปทำในที่ลับตาคน ต่อให้มีกล้องก็ทำอะไรพวกนายไม่ได้”“นั่นสินะ ฉันนี่มันโง่จริง ๆ อดใจไม่ไหวจนเกิดเรื่องมาขนาดนี้ ฉลาดสู้นายไม่ได้เลยจริง ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าชอบเธอมานานขนาดนี้แต่ใครจะคิดว่าไม่ใช่คนง่าย ๆ เลย”“นายพูดอะไรนะ ลองพูดใหม่สิ!!”หมอภาสพึ่งจะเริ่มเปลี่ยนสายตาเป็นโกรธก็ตอนนี้เองเมื่อได้ยินหมอกิตพูดถึงอลิศ“ไม่ต้องตกใจไปหรอก ฉันพยายามเข้าหาเธอทุกทางตอนแรกก็คิดว่าจะเป็นคนสบาย ๆ และเข้าหาง่าย ๆ เพราะเธอเป็นคนแบบนั้น นายก็เห็นนี่ว่าเธอเป็นผู้หญิงแรง ๆ ใครจะคิดว่าจะหวงเนื้อหวงตัวขนาดนั้น น่าเสียดายนะแต่ก็ดีแล้วที่เป็นนายและยังดีที่เธอไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกรวิศให้พวกเราเสียเพื่อน”“ฉันลบไฟล์กล้องวงจรปิดนั่นหมดแล้ว หลักฐานที่โรงพยาบาลก็ไม่มีแล้ว วางใจได้”“ขอบใจนายมาก จากนี้ก็…ฝากดูแลน้องสาวคนนั้น
อลิศล้มตัวลงซบที่ไหล่เขาทันทีเพราะความอ่อนเพลียจากความปวดท้อง เขาเก็บของของเธอเข้าไปในกระเป๋าและเริ่มเก็บของของตัวเองระหว่างที่เธอนอนพักอยู่ที่เตียง เมื่อเสร็จแล้วเขาจึงโทรให้พนักงานมาช่วยยกกระเป๋า ส่วนเขาต้องอุ้มเธอออกมาจากห้องพักและพาไปที่รถ“รอเดี๋ยวนะผมจะปรับเบาะให้”“อือ….หมอ….”“ยังปวดอยู่เหรอ”“อลิศหิว”“งั้นรีบไปกันเถอะ วันนี้อาหารทะเลก็งดก่อน…อะไร”เขาถามเมื่อเธอเกาะแขนเขา“อาหารทะเลไม่น่าจะทำให้ปวดท้องนะคะ อลิศอยากกินข้าวผัดปูค่ะ”“ก็ได้ ๆ งั้นปล่อยมือก่อนจะได้รีบไป”เธอปล่อยให้เขาจัดการเลื่อนเบาะไฟฟ้าในรถหรูให้เอนลงเพื่อจะได้นอนสบาย ๆ เขาเอาเสื้อสูทของเขามาห่มให้เธอแทนผ้าห่มเพราะในรถของเขาไม่มีของพวกนี้เลยนอกจากกระเป๋ายาและสูทสำหรับออกงานฉุกเฉินร้านอาหารริมทะเล“…อากาศดีจัง ลมข้างนอกก็น่าจะเย็นสบาย ทำไมเราไม่ไปนั่งข้างนอกกันล่ะคะ ในนี้หนาวจะตาย”“ป่วยอยู่ออกไปตากลมมากไม่ดีเดี๋ยวจะไม่สบาย”“อือ…ทำไมหมอต้องดุขนาดนี้ล่ะคะ”“ไม่ได้ดุผมพูดเรื่องจริง ถ้าไม่เป็นห่วงจะพูดแบบนี้เหรอ”“คนที่เขาเป็นห่วงกัน…เขาพูดกันดี ๆ นะคะหมอพูดคำหวาน ๆ เหมือนคนอื่นไม่เป็นเหรอคะ”“จะกินอะไร รีบสั่ง