แพนเดินกลับไปแล้วพร้อมกับรอยยิ้มและเธอยังเช็ดน้ำตาให้อลิศด้วย อลิศเองก็เดินกลับออกมาและก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเพื่อน ๆ นักศึกษาทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ต่างก็หันไปมองหนุ่มหล่อที่สวมแว่นกับเสื้อเชิ้ตลำลองสีฟ้ากางเกงสแลคและยืนพิงรถยุโรปหรูของเขาอยู่“หมอภาส”หมอภาสยกมือถือขึ้นเป็นสัญญาณและเดินเข้ามาหาเธอ คนรอบ ๆ ต่างมองทั้งคู่เมื่อหมอภาสเดินมารับแฟนสาวที่พึ่งเดินออกมาจากหน้าคณะของเธอ“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ล่ะครับ”“เอ่อ…เมื่อกี้คงอยู่ในกระเป๋าน่ะค่ะก็เลยไม่ทันได้เห็น หมอ…เลิกงานแล้วเหรอคะไหนบอกว่าวันนี้มีผ่าตัดใหญ่ไงล่ะคะ แล้วนี่มาที่นี่ดูสิตกเป็นเป้าสายตาเลย”“ทำไมล่ะ ก็แค่มารับคุณเองนะ ใครจะมองเขามีตาก็มองไปสิไม่เห็นต้องสนใจเลย”“คุณก็เป็นเสียแบบนี้แหละ รีบกลับกันไหมคะอลิศเสร็จธุระแล้ว ว่าแต่นิว…”“กลับไปแล้วล่ะ พอเห็นว่าผมมารับคุณเธอก็ขอตัวกลับทันที เห็นบอกว่ามีนัดกับคุณแม่น่ะ”“ถ้าอย่างนั้นกลับกันเถอะค่ะ คนเริ่มมองกันใหญ่แล้ว”“เสร็จธุระแล้วใช่ไหม งั้นก็กลับกันเถอะ”เขาเปิดประตูรถให้เธอขึ้นไปนั่งและเดินอ้อมมาที่คนขับ สายตาของนักศึกษายังไม่หยุดมองคู่รักที่สวยหล่อและดูเหมาะสมกันเป็นที่สุดระหว่
มือของอลิศจับที่แท่งแกร่งตรงหน้าและค่อย ๆ รูดขึ้นลงตามจังหวะ หมอภาสที่นั่งคุกเข่าอยู่แทบจะทนไม่ได้เมื่อถูกแฟนสาวตรงหน้าใช้ปากกับส่วนนี้ของเขาเป็นครั้งแรก“อลิศ …..อย่านะ อาาา!!!”ยิ่งหมอภาสร้องครางดังเท่าไหร่ อลิศก็ยิ่งได้ใจมากขึ้นเธอรูดจนหัวที่บานออกมาเกือบจะพุ่งชนหน้าของเธอ ลิ้นนุ่มของเธอจึงไล้เลียไปที่ยอดปลายบานนั้นทันที หมอภาสที่ไม่เคยถูกปลุกเร้าอารมณ์แบบนี้มาก่อนมีหรือจะทนความเสียวแบบนี้ไหว เขาทรุดลงแต่อลิศยังไม่ยอมหยุด เธอค่อย ๆ อมมันเข้าไปและรวบเข้าไปจนสุดโคน“อาา…อลิศ ผมเสียว….อาาา”เธอใช้ปากรูดขึ้นลงตามจังหวะสลับกับดูดและโลมเลียจนหมอภาสเริ่มไขว่คว้าหาที่จับเอาไว้ให้มั่น เสียงนิ้วมือหนาที่จิกไปที่โซฟาหนังหรูหรานั้นยิ่งทำให้อลิศรู้สึกเหมือนกับผู้ชนะ“อลิศ ผมจะ…แตก ถอยออกมาก่อน”อลิศไม่พูดอะไรแต่เธอไม่ยอมห่างเจ้าลำเอ็นแข็งตึงตรงหน้านั้นและยังอมเอาไว้ในปาก นิ้วเรียวยาวเอื้อมมากระตุ้นเขาเพิ่มที่ยอดหน้าอกสีเข้มของหมอภาส เธอรู้สึกว่าขนอ่อนของเขาลุกขึ้นชูชันอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน“อาา อลิศ ถ้าคุณไม่ออกผมจะแตกใส่ปากคุณนะ!!”“รีบมาสิคะที่รัก แตกมาได้เลย”“อาาา อลิศ!!!”เพียงแค่สิ
หมอภาสหันมามองหน้าคนที่เขาพึ่งจะเรียกเธอว่า “แม่” ที่หันไปมองลูกชายตัวเองสลับกับมองอลิศที่ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเอาไว้ เธอไม่เคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อนเลย หมอภาสเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เธอ“ผมไม่ได้จะปิดบังแต่ขอเวลาให้ผมกับเมียอาบน้ำก่อนจะไปพบไม่ได้เหรอครับทำไมต้องรีบขนาดนั้น”“จะไม่ให้ฉันรีบได้ยังไง!!”อลิศเริ่มกลัวเสียงที่แผดดังขึ้นเรื่อย ๆ ของคนตรงหน้าที่พุ่งเข้ามานั่งจนชิดเธอ แม้ว่าหมอภาสจะห้ามและยกมือขึ้นมากันแต่ก็ถูกเธอปัดออกไปก็ตาม“ดูสิ รังแกน้องจนช้ำไปหมด นิสัยเสียเชียวนะแก!!”“แล้วแม่ไม่อยากได้หลานหรือไง ทำเป็นพูดมากใครกันล่ะที่บอกผมว่าให้รีบ ๆ มีลูกน่ะ ทีนี้จะมาบ่นทำไม”“หุบปากแกไปเลย ออกไปอยู่กับพ่อแกไป”“ไม่!! แม่จะพูดอะไรกับอลิศผมก็จะนั่งฟังด้วย”“ไอ้หมาหวงก้าง!!”อลิศเริ่มปรับความรู้สึกไม่ถูกแล้วเมื่อฟังหมอภาสและคุณแม่ของเขาเถียงกันแต่สุดท้าย คุณแม่ของเขาก็หันมาจับมือเธอและมองเธอให้ชัดโดยที่อลิศรู้สึกอายมากเมื่อต้องมาพบกันครั้งแรกด้วยสภาพที่เธอเป็นแบบนี้“หนูสวยมากลูกสาวคุณแม่ สวยจนนึกไม่ถึงว่าแม่จะได้หนูมาเป็นลูกสาว”“ลูกสะใภ้!! ครับแม่ ไม่ใช่ลูกสาว”“หุบปากแกไปเลย!!”อล
“แม่ครับเดี๋ยวก่อนนะครับแม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะแล้วฟังผม”หมอภาสหันไปมองคุณแม่และเริ่มควบคุมสถานการณ์เพราะดูแล้วแม่ของเขาจะใจร้อนกว่าใครในที่นี้เลย“ก็พูดมาสิ”“คือผมขออลิศกับคุณอาแล้ว ส่วนเวลาที่นัดทานข้าวผมก็แค่รอให้คุณพ่อคุณแม่บินกลับมาก่อนแล้วนัดเวลาคุณอาพิชิตอีกครั้งเพราะท่านเองก็พึ่งออกจากโรงพยาบาลและยังต้องทำงานด้วย เรื่องเวลาคุยกันได้ครับส่วนเรื่องแหวน ผมจะพาอลิศไปวันพรุ่งนี้อยู่แล้ว เรื่องเรือนหอก็เหมือนกัน”หมอภาสอธิบายทุกอย่างให้แม่เขาฟัง นับว่าเป็นการอธิบายที่ครบถ้วน สมบูรณ์แบบและน่าทึ่งมากสำหรับอลิศที่ได้แต่นั่งฟังเพราะมันทั้งสั้นและได้ใจความ คุณแม่ของเขาเริ่มนิ่งลงจนพ่อของหมอภาสเริ่มพูดขึ้นมา“คุณก็เป็นแบบนี้ทุกที ผมบอกแล้วไงว่าภาสมันไม่พลาดหรอกคุณก็ไม่ไว้ใจลูก เห็นไหมละเขาทำจนหมดแล้วเหลือแค่ให้คุณจัดงานแต่งให้เท่านั้นแหละ”“ก็ใครจะไปรู้ล่ะลูกคุณมันต่างจากคุณที่ไหน มีอะไรมันก็ไม่เคยพูด จะแต่งเมียทั้งทีพวกเรายังรู้เป็นคนสุดท้ายเลยไม่ใช่เหรอ”“แม่ครับ ถ้าผมยังไม่มั่นใจมีเหรอที่จะบอกแม่ได้ ไม่ใช่ไปแอบจับคู่มั่ว ๆ ให้ผมเหมือนครั้งก่อนนั้นอีก ผมเกือบสิ้นอาชีพเลยนะครับอย่าทำอีกนะคร
วันถัดมา“ไม่เอา ๆ เพชรน้ำไม่งามเลย ต้องเอาใหญ่ ๆ หน่อย ไม่เอา ๆ ไม่มีอันไหนสวยเลย”“คุณ คนแต่งน่ะตาภาสกับอลิศนะ ทำอย่างกับคุณจะแต่งเสียเอง”“ไม่ได้ค่ะ คุณก็รู้นี่คะงานหมั้นนี่สำคัญนะจะให้น้อยหน้าได้ยังไง ทั้งร้านนี่เอาไว้ใส่เล่น ๆ อ่ะได้ แต่ให้สวมจริง อลิศ…แม่คิดว่าคงต้องสั่งทำใหม่นะลูก หนูรอได้ไหม”“คุณแม่ครับ…”“แกหุบปากไปเลย นะอลิศนะตามใจแม่สักเรื่องหนึ่งนะลูก”“เอ่อ…พี่ภาสคะ อลิศคิดว่า….”“เอาตามนี้แหละ มาเธอมาจดสิ่งที่ฉันบอก ส่วนเธอวัดขนาดนิ้วให้พวกเขาด้วย ภาสเลือกแหวนที่ดูดีหน่อยเอาให้น้องไปใส่เล่น ๆ ก่อน เดี๋ยววงจริงค่อยเปิดตัวพร้อมงานหมั้น”“ถ้าอย่างนั้นเลือกแล้วผมพาอลิศไปเลยนะครับมีธุระต่ออีก”“เออ ๆ จะไปไหนก็ไปวันนี้อนุญาตแม่จะต้องสั่งของอีกเยอะเลย มานี่ ๆ เธอไปเรียกคุณธิวามาหน่อย เจ้าของร้านของพวกเธอน่ะ ฉันจะต้องสั่งงานที่พิเศษหน่อย”หมอภาสได้โอกาสเมื่อพวกเขาเลือกแหวนหมั้นที่เอามาสวมเป็นการชั่วคราวไปก่อนสองวงเสร็จแล้วก็รีบพาอลิศออกมาทันที ตอนเช้าเขาตั้งใจว่าจะออกมากับอลิศสองคนใครจะคิดว่าแม่รู้แผนของเขาโดยการมาดักรอกินข้าวเช้าด้วยและให้คุณพ่อเขาขับรถตามมา แต่เย็นนี้พวกเขาม
โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง / ห้องจัดยา“นี่มันสองอาทิตย์แล้วนะ!! ถ้าพวกคุณยังจัดยาผิด ๆ ถูก ๆ ให้ผู้ป่วยแบบนี้ผมคงต้องพิจารณาเรื่องคุณสมบัติการผ่านงานของเด็กฝึกงานชุดนี้สักหน่อยแล้วนะคุณหนิง”“ขอโทษจริง ๆ ค่ะคุณหมอภาส แต่ว่ายาชุดนี้….”“ผมต้องการให้แก้ไขไม่ใช่แก้ตัว อีกสามนาทีหากผู้ป่วยของผมยังไม่ได้รับการแก้ไขผมจะส่งชื่อคุณเข้าห้องพิจารณาด้วย”“แต่คุณหมอคะ”“ผมไม่ได้ขอความคิดเห็นจากคุณ นักศึกษา…เอาเวลาจะแก้ตัวรีบไปจัดการแก้ปัญหาก่อนเสียเถอะ”"อริศรา" หันไปมองตามรองศาสตราจารย์และอาจารย์แพทย์แผนกศัลยกรรมสมองที่ย่ำเท้าด้วยความหงุดหงิดออกไปจากห้องคลังยาที่พวกเธอมีหน้าที่ดูแลอยู่ พวกเธอเป็นเพียงนักศึกษาปีสี่ที่มาฝึกงานในโรงพยาบาลนี้ได้สองสัปดาห์แล้ว“พี่ขอโทษจริง ๆ นะที่ต้องมาโดนอาจาย์หมอภาสดุเอาทั้ง ๆ ที่…”“พี่หนิงรีบเปลี่ยนยาก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวจะถูกดุอีก”“จริงด้วยสิ พี่รีบไปเปลี่ยนก่อนนะ”“อริศรา" หรืออลิศ และ "อุษมา" หรือนิว ถอนหายใจยาวและนั่งลงที่โต๊ะจัดยาอีกครั้งเมื่อทุกอย่างสงบลงไป แม้ว่างานจัดยานี้จะไม่ใช่หน้าที่ของพวกเธอโดยตรงเพียงแค่มาช่วยยกของไปให้เจ้าหน้าที่ด้านนอกเท่านั้นแต่วันนี
""อะไรนะ!!""อลิศกับนิวหันมามองหน้าเพื่อนสาวสองคนที่พึ่งย้ายแผนกไปช่วยที่ฝ่ายเทคนิคการแพทย์ พวกเธอหันมามองหน้าอลิศอย่างเข้าใจเพราะก่อนหน้านี้พวกเธอก็โดนมาก่อน“ใช่ ฟังไม่ผิดหรอก ไม่ว่าพี่หนิงจะช่วยเราเอาไว้กี่ครั้ง ยัยเภสัชหญิงนั่นก็พยายามจะหาทางแกล้งพวกแกให้ได้เพราะฉันกับจอยเจอมาแล้ว”“แกหมายถึงเภสัชคนไหน”“เภสัชที่ชื่อนิศา สวย ๆ ในห้องยานั่นยังไงล่ะ”""อ๋อ….""อลิศและนิวตอบรับพร้อมกันเพราะทุกครั้งที่พวกเธอเข้าห้องนั้นไปก็จะเจอเภสัชสาวสวยคนนั้นนั่งอยู่ในห้องอยู่ก่อนแล้วและมักจะหันมาเพียงแค่พยักหน้ารับไหว้พวกเด็กฝึกงานเท่านั้นจากนั้นก็แทบจะไม่พูดอะไรอีก และเป็นคนที่นิวเลียนแบบท่าเดินเชิดของเธอเมื่อครู่นี้“เห็นว่าว่ากันว่าเธอชอบหมอภาส”“อะไรนะอีตาหมอปากหมา..”“อลิศ!!”“อุ่ย แหะ ๆ โทษที ๆ ไหนเล่ามาสิ”“อืม นั่นแหละ แล้วทุกครั้งที่จัดยาผิดพลาดก็จะเป็นเคสของคนไข้ของหมอคนนี้แหละ พวกฉันโดนมาสามครั้งจนไม่ไหวเลยต้องขอย้ายแผนก นี่ถ้าพวกแกไม่ไหวก็ลองปรึกษาพี่หนิงดูนะเพราะครั้งก่อนพวกฉันก็ปรึกษาพี่หนิงแล้วแกก็เป็นคนหาแผนกให้ลง แกเข้าใจอยู่แล้วแต่ที่พวกเราไม่ทันได้บอกเพราะเราไม่รู้ว่าแม่นั่นจะรั
เธอยิ้มหวานส่งให้หมอภาสที่ยืนแข็งทื่อและทำตัวไม่ถูกกับอารมณ์ของอลิศที่เปลี่ยนไปรวดเร็วแต่เมื่อนิศาเดินเข้ามาและอลิศหันไปทักทายเธอเขาจึงรีบขยับแว่นเพื่อปรับอารมณ์อีกครั้ง“พี่นิศา ไม่เฝ้าห้องยาเหรอคะมาทำอะไรที่นี่คะ”“ไม่ใช่ธุระของเด็กฝึกงานที่จะมาถาม”“อ้อ อลิศไม่ได้จะถามแบบนั้นค่ะ ก็ก่อนหน้านี้มันเคยมีปัญหาว่ายาที่พวกอลิศจัดเอาไว้ก่อนส่งไปไม่มีปัญหาแต่พอส่งไปถึงเค้าน์เตอร์กลับถูกสับเปลี่ยน อลิศก็เลยกลัวโดนแกล้งอีกน่ะค่ะ หมอภาสเองก็พึ่งเตือนว่าผิดพลาดสามครั้งในหนึ่งสัปดาห์ อลิศไม่อยากให้มันผิดพลาดบ่อย โดยเฉพาะเคสผู้ป่วยของคุณหมอภาส ไม่ต้องห่วงนะคะคุณหมอจากนี้อลิศจะดูแลเรื่องยาให้คุณหมอด้วยตัวเองค่ะ จะได้ไม่ผิดพลาด”“นี่เธอ….”“ขอตัวก่อนนะคะผู้ป่วยคงรอยาแล้ว รออลิศนะคะหมอภาส”อลิศรีบหันไปและเบ้ปากเพราะความเมื่อยที่พยายามยิ้มนั้นทันทีพร้อมกับรีบเดินหนีไปทันทีก่อนที่ใครระหว่างสองคนนี้จะพูดอะไรขึ้นมาแต่ก็ไม่มีเพราะหมอภาสเองกำลังตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าแต่นิศาพยายามเก็บอาการเพราะกลัวว่าหมอภาสจะมองเธอไม่ดี“หมอภาสคะ อย่าไปฟังนะคะเด็กนั่นพูดจาเรื่อยเปื่อย”“คุณมีธุระอะไรที่นี่งั้นเหรอคุณนิศา
วันถัดมา“ไม่เอา ๆ เพชรน้ำไม่งามเลย ต้องเอาใหญ่ ๆ หน่อย ไม่เอา ๆ ไม่มีอันไหนสวยเลย”“คุณ คนแต่งน่ะตาภาสกับอลิศนะ ทำอย่างกับคุณจะแต่งเสียเอง”“ไม่ได้ค่ะ คุณก็รู้นี่คะงานหมั้นนี่สำคัญนะจะให้น้อยหน้าได้ยังไง ทั้งร้านนี่เอาไว้ใส่เล่น ๆ อ่ะได้ แต่ให้สวมจริง อลิศ…แม่คิดว่าคงต้องสั่งทำใหม่นะลูก หนูรอได้ไหม”“คุณแม่ครับ…”“แกหุบปากไปเลย นะอลิศนะตามใจแม่สักเรื่องหนึ่งนะลูก”“เอ่อ…พี่ภาสคะ อลิศคิดว่า….”“เอาตามนี้แหละ มาเธอมาจดสิ่งที่ฉันบอก ส่วนเธอวัดขนาดนิ้วให้พวกเขาด้วย ภาสเลือกแหวนที่ดูดีหน่อยเอาให้น้องไปใส่เล่น ๆ ก่อน เดี๋ยววงจริงค่อยเปิดตัวพร้อมงานหมั้น”“ถ้าอย่างนั้นเลือกแล้วผมพาอลิศไปเลยนะครับมีธุระต่ออีก”“เออ ๆ จะไปไหนก็ไปวันนี้อนุญาตแม่จะต้องสั่งของอีกเยอะเลย มานี่ ๆ เธอไปเรียกคุณธิวามาหน่อย เจ้าของร้านของพวกเธอน่ะ ฉันจะต้องสั่งงานที่พิเศษหน่อย”หมอภาสได้โอกาสเมื่อพวกเขาเลือกแหวนหมั้นที่เอามาสวมเป็นการชั่วคราวไปก่อนสองวงเสร็จแล้วก็รีบพาอลิศออกมาทันที ตอนเช้าเขาตั้งใจว่าจะออกมากับอลิศสองคนใครจะคิดว่าแม่รู้แผนของเขาโดยการมาดักรอกินข้าวเช้าด้วยและให้คุณพ่อเขาขับรถตามมา แต่เย็นนี้พวกเขาม
“แม่ครับเดี๋ยวก่อนนะครับแม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะแล้วฟังผม”หมอภาสหันไปมองคุณแม่และเริ่มควบคุมสถานการณ์เพราะดูแล้วแม่ของเขาจะใจร้อนกว่าใครในที่นี้เลย“ก็พูดมาสิ”“คือผมขออลิศกับคุณอาแล้ว ส่วนเวลาที่นัดทานข้าวผมก็แค่รอให้คุณพ่อคุณแม่บินกลับมาก่อนแล้วนัดเวลาคุณอาพิชิตอีกครั้งเพราะท่านเองก็พึ่งออกจากโรงพยาบาลและยังต้องทำงานด้วย เรื่องเวลาคุยกันได้ครับส่วนเรื่องแหวน ผมจะพาอลิศไปวันพรุ่งนี้อยู่แล้ว เรื่องเรือนหอก็เหมือนกัน”หมอภาสอธิบายทุกอย่างให้แม่เขาฟัง นับว่าเป็นการอธิบายที่ครบถ้วน สมบูรณ์แบบและน่าทึ่งมากสำหรับอลิศที่ได้แต่นั่งฟังเพราะมันทั้งสั้นและได้ใจความ คุณแม่ของเขาเริ่มนิ่งลงจนพ่อของหมอภาสเริ่มพูดขึ้นมา“คุณก็เป็นแบบนี้ทุกที ผมบอกแล้วไงว่าภาสมันไม่พลาดหรอกคุณก็ไม่ไว้ใจลูก เห็นไหมละเขาทำจนหมดแล้วเหลือแค่ให้คุณจัดงานแต่งให้เท่านั้นแหละ”“ก็ใครจะไปรู้ล่ะลูกคุณมันต่างจากคุณที่ไหน มีอะไรมันก็ไม่เคยพูด จะแต่งเมียทั้งทีพวกเรายังรู้เป็นคนสุดท้ายเลยไม่ใช่เหรอ”“แม่ครับ ถ้าผมยังไม่มั่นใจมีเหรอที่จะบอกแม่ได้ ไม่ใช่ไปแอบจับคู่มั่ว ๆ ให้ผมเหมือนครั้งก่อนนั้นอีก ผมเกือบสิ้นอาชีพเลยนะครับอย่าทำอีกนะคร
หมอภาสหันมามองหน้าคนที่เขาพึ่งจะเรียกเธอว่า “แม่” ที่หันไปมองลูกชายตัวเองสลับกับมองอลิศที่ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเอาไว้ เธอไม่เคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อนเลย หมอภาสเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เธอ“ผมไม่ได้จะปิดบังแต่ขอเวลาให้ผมกับเมียอาบน้ำก่อนจะไปพบไม่ได้เหรอครับทำไมต้องรีบขนาดนั้น”“จะไม่ให้ฉันรีบได้ยังไง!!”อลิศเริ่มกลัวเสียงที่แผดดังขึ้นเรื่อย ๆ ของคนตรงหน้าที่พุ่งเข้ามานั่งจนชิดเธอ แม้ว่าหมอภาสจะห้ามและยกมือขึ้นมากันแต่ก็ถูกเธอปัดออกไปก็ตาม“ดูสิ รังแกน้องจนช้ำไปหมด นิสัยเสียเชียวนะแก!!”“แล้วแม่ไม่อยากได้หลานหรือไง ทำเป็นพูดมากใครกันล่ะที่บอกผมว่าให้รีบ ๆ มีลูกน่ะ ทีนี้จะมาบ่นทำไม”“หุบปากแกไปเลย ออกไปอยู่กับพ่อแกไป”“ไม่!! แม่จะพูดอะไรกับอลิศผมก็จะนั่งฟังด้วย”“ไอ้หมาหวงก้าง!!”อลิศเริ่มปรับความรู้สึกไม่ถูกแล้วเมื่อฟังหมอภาสและคุณแม่ของเขาเถียงกันแต่สุดท้าย คุณแม่ของเขาก็หันมาจับมือเธอและมองเธอให้ชัดโดยที่อลิศรู้สึกอายมากเมื่อต้องมาพบกันครั้งแรกด้วยสภาพที่เธอเป็นแบบนี้“หนูสวยมากลูกสาวคุณแม่ สวยจนนึกไม่ถึงว่าแม่จะได้หนูมาเป็นลูกสาว”“ลูกสะใภ้!! ครับแม่ ไม่ใช่ลูกสาว”“หุบปากแกไปเลย!!”อล
มือของอลิศจับที่แท่งแกร่งตรงหน้าและค่อย ๆ รูดขึ้นลงตามจังหวะ หมอภาสที่นั่งคุกเข่าอยู่แทบจะทนไม่ได้เมื่อถูกแฟนสาวตรงหน้าใช้ปากกับส่วนนี้ของเขาเป็นครั้งแรก“อลิศ …..อย่านะ อาาา!!!”ยิ่งหมอภาสร้องครางดังเท่าไหร่ อลิศก็ยิ่งได้ใจมากขึ้นเธอรูดจนหัวที่บานออกมาเกือบจะพุ่งชนหน้าของเธอ ลิ้นนุ่มของเธอจึงไล้เลียไปที่ยอดปลายบานนั้นทันที หมอภาสที่ไม่เคยถูกปลุกเร้าอารมณ์แบบนี้มาก่อนมีหรือจะทนความเสียวแบบนี้ไหว เขาทรุดลงแต่อลิศยังไม่ยอมหยุด เธอค่อย ๆ อมมันเข้าไปและรวบเข้าไปจนสุดโคน“อาา…อลิศ ผมเสียว….อาาา”เธอใช้ปากรูดขึ้นลงตามจังหวะสลับกับดูดและโลมเลียจนหมอภาสเริ่มไขว่คว้าหาที่จับเอาไว้ให้มั่น เสียงนิ้วมือหนาที่จิกไปที่โซฟาหนังหรูหรานั้นยิ่งทำให้อลิศรู้สึกเหมือนกับผู้ชนะ“อลิศ ผมจะ…แตก ถอยออกมาก่อน”อลิศไม่พูดอะไรแต่เธอไม่ยอมห่างเจ้าลำเอ็นแข็งตึงตรงหน้านั้นและยังอมเอาไว้ในปาก นิ้วเรียวยาวเอื้อมมากระตุ้นเขาเพิ่มที่ยอดหน้าอกสีเข้มของหมอภาส เธอรู้สึกว่าขนอ่อนของเขาลุกขึ้นชูชันอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน“อาา อลิศ ถ้าคุณไม่ออกผมจะแตกใส่ปากคุณนะ!!”“รีบมาสิคะที่รัก แตกมาได้เลย”“อาาา อลิศ!!!”เพียงแค่สิ
แพนเดินกลับไปแล้วพร้อมกับรอยยิ้มและเธอยังเช็ดน้ำตาให้อลิศด้วย อลิศเองก็เดินกลับออกมาและก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเพื่อน ๆ นักศึกษาทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ต่างก็หันไปมองหนุ่มหล่อที่สวมแว่นกับเสื้อเชิ้ตลำลองสีฟ้ากางเกงสแลคและยืนพิงรถยุโรปหรูของเขาอยู่“หมอภาส”หมอภาสยกมือถือขึ้นเป็นสัญญาณและเดินเข้ามาหาเธอ คนรอบ ๆ ต่างมองทั้งคู่เมื่อหมอภาสเดินมารับแฟนสาวที่พึ่งเดินออกมาจากหน้าคณะของเธอ“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ล่ะครับ”“เอ่อ…เมื่อกี้คงอยู่ในกระเป๋าน่ะค่ะก็เลยไม่ทันได้เห็น หมอ…เลิกงานแล้วเหรอคะไหนบอกว่าวันนี้มีผ่าตัดใหญ่ไงล่ะคะ แล้วนี่มาที่นี่ดูสิตกเป็นเป้าสายตาเลย”“ทำไมล่ะ ก็แค่มารับคุณเองนะ ใครจะมองเขามีตาก็มองไปสิไม่เห็นต้องสนใจเลย”“คุณก็เป็นเสียแบบนี้แหละ รีบกลับกันไหมคะอลิศเสร็จธุระแล้ว ว่าแต่นิว…”“กลับไปแล้วล่ะ พอเห็นว่าผมมารับคุณเธอก็ขอตัวกลับทันที เห็นบอกว่ามีนัดกับคุณแม่น่ะ”“ถ้าอย่างนั้นกลับกันเถอะค่ะ คนเริ่มมองกันใหญ่แล้ว”“เสร็จธุระแล้วใช่ไหม งั้นก็กลับกันเถอะ”เขาเปิดประตูรถให้เธอขึ้นไปนั่งและเดินอ้อมมาที่คนขับ สายตาของนักศึกษายังไม่หยุดมองคู่รักที่สวยหล่อและดูเหมาะสมกันเป็นที่สุดระหว่
หมอภาสจับเธอเปลี่ยนท่าเป็นดันหลังไปชิดกำแพงและกางขาเธอออกและเข้ากระแทกไปเอง เขาจูบเพื่อไม่ให้เสียงของอลิศดังออกไปแต่กลับยิ่งทำให้พวกเขาทนเสียวได้ไม่นาน และเสียงกระแทกของกล้ามเนื้อใต้ฝักบัวก็ดังจนทั้งคู่เกินจะทนไหว“อาา….อลิศ!!”เธอกอดคอเขาแน่นเพราะกลัวตก เมื่อค่อย ๆ ดันตัวลงมาจากผนังห้องน้ำ น้ำรักของทั้งคู่ที่พ่นเข้าไปก็ล้นออกมาจนหมอภาสต้องล้างตัวให้เธอใหม่“ฮัดชิ้ว!!”“กินข้าวเย็นแล้วก็กินยาแก้หวัดหน่อยเถอะ”“เพราะใครกันล่ะ”“อย่าโทษผมคนเดียวสิ ไม่ใช่คุณเหรอที่ยั่วผมก่อน”“หมอ นี่คุณ….”“ครับ ๆ รีบกินข้าวเถอะเดี๋ยวผมไปเตรียมยาให้”หมอภาสตักข้าวต้มที่แม่บ้านทำเอาไว้ให้พวกเขาวางไว้ที่ตรงหน้าของเธอและเดินไปที่ตู้ยาและเตรียมยาแก้หวัดให้เธอ เขาไม่โง่เถียงหรือมีปัญหากับเธอตอนนี้แน่เพราะไม่อยากถูกไล่ออกมานอนห้องของรวิศที่เมื่อก่อนเขามักจะมาอาศัยนอนบ่อย ๆ แต่วันนี้เขาต้องนอนห้องของเธอเท่านั้น“ยาครับ”“ทำไมมันเยอะนักล่ะคะหมอ”“ก็…ยาแก้ปวด ยาแก้หวัดน่ะอย่างละสองเม็ดก็เลยเยอะ รีบกินข้าวเถอะกินยาแล้วจะได้ไปพักผ่อน ผมจะไปดูคุณอาสักหน่อย”“ได้ค่ะ”หมอภาสหันไปหอมแก้มเธอและลุกไปดูพ่อของอลิศในห้องขอ
อลิศหันหน้ามามองหมอภาสที่พูดออกมา รวิศเองก็แทบจะไม่เชื่อหูตัวเองแต่ก็พยักหน้าเข้าใจเพื่อนในทันที เขาคงอยากให้อลิศพร้อมก่อนแล้วค่อยพาเธอไปที่บ้านของเขา“เอ่อ…งั้นก็ขับตามมาก็แล้วกันนะ”“โอเค เจอกันที่บ้านนายเลย”“โอเค”อลิศยิ้มออกมาได้แล้วเมื่อเธอไม่ต้องไปที่บ้านหมอภาสในวันนี้และยังได้กลับไปที่บ้านเพื่อดูแลพ่อ แม้ว่าเธอจะรู้ว่าถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้นที่จะต้องไปอยู่ดีก็ตาม“ขอบคุณนะคะหมอภาส”“ผมไม่อยากกดดันคุณ ผมเข้าใจแต่ว่า…อย่านานเกินไปนักจะได้ไหม”“ค่ะ อลิศสัญญาว่าจะไม่นานแน่นอนค่ะ แค่ตอนนี้อลิศยังเป็นห่วงคุณพ่ออยู่เท่านั้นเอง”“เป็นห่วงคุณอาหรือว่ากลัวกันแน่”“หมอคะอย่าแซวสิคะ นั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งค่ะ”“ไปกันเถอะ รีบขับตามรวิศไปเดี๋ยวรถจะติด”“ได่ค่ะ”อลิศคล้องแขนเขาเดินกลับเข้าไปด้านในโรงพยาบาลเพื่อรอเขาเปลี่ยนชุดและรีบลงมาที่ลานจอดรถและขับกลับไปที่บ้านของอลิศในทันทีบ้านของอลิศ“ตามสบายนะภาสไม่ต้องเกรงใจหรอก ไม่ได้มาที่นี่นานเลยสินะ”“ครับ ยังไม่เปลี่ยนไปเลยนะครับ”“ก็มีอาอยู่คนเดียว รวิศก็ไปนอนคอนโดใกล้ ๆ โรงงาน อลิศก็ไปนอนหอพักบ้างคอนโดบ้างเพราะติดเรียนแล้วตอนนี้ก็ติดแฟนอีก อีก
แพนเดินออกไปจากห้องพร้อมกับน้ำตาที่ยังไม่หยุดไหล แต่อลิศเองก็ไม่ได้ตามเธอไปอีกเพราะหากไม่เด็ดขาดก็จะไม่จบเพียงเท่านี้ สิ่งที่ควรพูดเธอก็พูดไปหมดแล้ว เหลือแค่ว่าเพื่อนของเธอจะคิดได้หรือไม่เท่านั้น“เฮ้อ….ทีนี้คงหมดแล้วใช่ไหม”อลิศหันมามองหน้าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดที่ยืนขยับแว่นตาอยู่ข้างหลังเธอ“อะไร มองแบบนี้คุณจะโทษผมเหรอ ผมบอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมแค่ทำตามหน้าที่ ผมไม่ได้ให้ความหวังอะไรกับใครเลยสักคน”“เหนื่อยขนาดนี้…เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมคะ”หมอภาสเดินมารวบตัวเธอเข้าไปจนชิด หน้าของเธอแทบจะชนเข้ากับกรอบแว่นตาของเขา“คิดจะหนีตอนนี้เหรอ คิดว่าเป็นไปได้หรือยังไง”“หมอคะ ถ้าเป็นตอนที่ยังฝึกงานอยู่สายตาแบบนี้อลิศอาจจะยังกลัวอยู่นะคะ แต่ตอนนี้….”จูบของเขาทำให้เธอหยุดพูดทันที มันทั้งหนักหน่วงเรียกร้อง และต้องการเธอมากกว่าครั้งไหน ๆ ลิ้นหนาที่โจมตีเข้ามาทันทีโดยที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งรับทำเอาเธอแทบจะหมดแรงทรุดไปกับพื้น“แค่จูบยังจะละลายเลยแล้วแบบนี้น่ะเหรอที่คิดจะหนี ฝันไปเถอะชาตินี้ผมไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่อลิศ”“หมอ!! โรคจิต รุนแรงเกินไปแล้ว”“หืม…คุณบอกว่าผมโรคจิตงั้นเหรอ”อลิศที่เดินถอยออกมาเพ
หมอภาสประคองอลิศเดินหันกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานและหยิบกระดาษเปียกกับสเปรย์แอลกอฮอล์มา เขานั่งคุกเข่าและถอดรองเท้าของอลิศออกมาต่อหน้าสายตาของพยาบาลทั้งสองและ…..แพนที่ยืนดูอยู่ตรงนั้น“หมอคะ อลิศทำเองก็ได้”“อยู่เฉย ๆ ผมจะฆ่าเชื้อโรคให้”“หมอภาสคะ!!”“คุณเงียบก่อน ไม่เห็นเหรอว่าผมทำอะไรอยู่เสร็จจากเช็ดเชื้อโรคจากรองเท้าแฟนผมแล้วผมค่อยคุยกับคุณ”เมื่อเช็ดเสร็จแล้วเขาก็สวมรองเท้ากลับให้กับอลิศและเดินไปล้างมือ แพนที่ยืนโกรธจนตัวสั่นหันมามองทั้งคู่ อลิศเองเมื่อเห็นแบบนี้ก็คิดว่าเธออาจจะทำรุนแรงเกินไปเพราะหมอภาสเองก็ดูเหมือนจะไม่สนใจแพนเลย“แพนมีธุระ….”“ไม่ใช่เรื่องของแก!!”แต่แพนก็ยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม ซึ่งอลิศที่มองไปแล้วรู้สึกผิดที่แอบเห็นใจเธอเมื่อครู่ หมอภาสเช็ดมือและเดินกลับมาแล้ว เขายืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานที่มีอลิศนั่งอยู่โดยที่เขาไม่ให้เธอลุกขึ้นมา“พวกคุณออกไปเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว”""ค่ะคุณหมอ""พยาบาลทั้งสองเดินกลับออกไปพร้อมกับปิดประตูอีกครั้ง หมอภาสเช็ดมือและโยนทิชชูนั้นทิ้งลงถังขยะและหันมามองแพน“เอาล่ะ คุณมีธุระอะไรกับผมอีกถึงได้มาบุกรุกห้องพักส่วนตัวของแพทย์แบบนี้ ผมจะให้โอกาสคุณพูด