โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง / ห้องจัดยา
“นี่มันสองอาทิตย์แล้วนะ!! ถ้าพวกคุณยังจัดยาผิด ๆ ถูก ๆ ให้ผู้ป่วยแบบนี้ผมคงต้องพิจารณาเรื่องคุณสมบัติการผ่านงานของเด็กฝึกงานชุดนี้สักหน่อยแล้วนะคุณหนิง”
“ขอโทษจริง ๆ ค่ะคุณหมอภาส แต่ว่ายาชุดนี้….”
“ผมต้องการให้แก้ไขไม่ใช่แก้ตัว อีกสามนาทีหากผู้ป่วยของผมยังไม่ได้รับการแก้ไขผมจะส่งชื่อคุณเข้าห้องพิจารณาด้วย”
“แต่คุณหมอคะ”
“ผมไม่ได้ขอความคิดเห็นจากคุณ นักศึกษา…เอาเวลาจะแก้ตัวรีบไปจัดการแก้ปัญหาก่อนเสียเถอะ”
"อริศรา" หันไปมองตามรองศาสตราจารย์และอาจารย์แพทย์แผนกศัลยกรรมสมองที่ย่ำเท้าด้วยความหงุดหงิดออกไปจากห้องคลังยาที่พวกเธอมีหน้าที่ดูแลอยู่ พวกเธอเป็นเพียงนักศึกษาปีสี่ที่มาฝึกงานในโรงพยาบาลนี้ได้สองสัปดาห์แล้ว
“พี่ขอโทษจริง ๆ นะที่ต้องมาโดนอาจาย์หมอภาสดุเอาทั้ง ๆ ที่…”
“พี่หนิงรีบเปลี่ยนยาก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวจะถูกดุอีก”
“จริงด้วยสิ พี่รีบไปเปลี่ยนก่อนนะ”
“อริศรา" หรืออลิศ และ "อุษมา" หรือนิว ถอนหายใจยาวและนั่งลงที่โต๊ะจัดยาอีกครั้งเมื่อทุกอย่างสงบลงไป แม้ว่างานจัดยานี้จะไม่ใช่หน้าที่ของพวกเธอโดยตรงเพียงแค่มาช่วยยกของไปให้เจ้าหน้าที่ด้านนอกเท่านั้นแต่วันนี้พวกเธอดันเจอกับคุณหมอที่ดุที่สุดที่ไม่อยากเจอ “คุณหมอภาณุวัฒน์” หรืออาจารย์หมอภาสที่พวกเธอเรียกกัน
“ซวยอะไรแบบนี้วะเนี่ย ความผิดของยัยจอยกับยัยแพนแท้ ๆ ที่มาจัดยาเอาไว้ทำไมฉันต้องมาซวยแทนสองคนนั้นด้วย”
“จะอ้าปากเถียงก็ยังไม่ให้โอกาสได้อธิบายเลย ช่างเถอะ เขาเป็นหมอนี่ว่าแต่แกไปสืบให้ฉันหรือยังว่าหมอกิตเขา ออกเวรตอนกี่โมงอ่ะนิว”
“แหม ๆๆ รีบเลยนะทำไมแกไม่เดินเอาไปให้ในห้องเขาเลยล่ะ”
“ทำแบบนั้นก็รบกวนเขาแย่สิ ถึงเขาจะเป็นเพื่อนของพี่รวิศ แต่ฉันมาที่นี่ในฐานะเด็กฝึกงานนะ”
“อลิศเอ๊ย มีโอกาสตั้งมากมายดันไม่คว้าเอาไว้ ฉันไปดูมาแล้วหมอกิตเลิกงานตอนหกโมงเย็น แกก็ไปที่ห้องพักของเขาก็ได้ เอานี่ไปด้วยรายงานการจ่ายยาของหมอกิตวันนี้ ข้ออ้างไง”
“แก…ฉันว่างานเภสัชนี่ไม่เหมาะกับฉันเลยว่ะฉันไม่ค่อยชอบเลย”
“แกไม่ชอบก็ไม่แปลกหรอกอลิศจากประสบการณ์ที่เรามาเจอกับอีตาหมอโหด ดุเถื่อนอย่างหมอภาสคนนั้น…เป็นฉันก็คงท้อแหละ แต่ดูเหมือนว่าคนที่นี่เขาจะชินแล้วนะ แกดูสิงานแทบจะไม่ผิดพลาดและดูเป็นระเบียบมากเลยนะ”
“ก็นับเป็นข้อดีของหมอดุ ๆ ละนะแต่ฉันไม่ขอร่วมงานกับคนแบบนี้ดีกว่าไม่รู้ว่าวันไหนจะลุกมางับหัวฉันเอา ไปกินข้าวเที่ยงกันเถอะ โดนด่ามาก ๆ เริ่มหิวแล้ว”
“ไปกัน ๆ ยังอยากจะเรียกสองคนนั้นมาด่าอีกรอบเลย หมั่นไส้ ทิ้งบอมบ์ก้อนใหญ่ไว้ก่อนจะย้ายไปแผนกอื่นเฉยเลย”
“พวกเธอคงโดนมาหลายรอบแล้วก็เลยขอย้ายแผนกสินะ หน้าตาสวย ๆ แบบนั้นอ้อนคนจัดแผนกไม่ยากหรอก เห็นว่าแพนเป็นน้องสาวของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลนี้ไม่ใช่เหรอ”
“ก็เป็นน้องของนักเทคนิคการแพทย์น่ะแต่คนที่น่าหมั่นไส้กว่าแพนก็….พี่นิศาที่ห้องยานั่นต่างหาก ดูสิเดินเชิดอย่างกับลูกสาวของเจ้าของโรงพยาบาลเลยล่ะ”
“เชิดแบบไหน ทำให้ดูสิ ฮ่า ๆ นิว แกทำเหมือนเกินไปแล้ว”
นิวทำท่าเดินให้อลิศดูระหว่างที่เดินออกจากห้องเพื่อจะไปที่ห้องอาหารและทานข้าวเที่ยง เมื่ออลิศที่กำลังหันไปเพื่อจะเดินต่อกลับหันไปชนคนที่ไม่ควรพบเข้าอีกครั้ง วันนี้คงเป็นวันซวยของพวกเธอจริง ๆ เขาพึ่งจะดุพวกเธอไปในห้องนั้น ในตอนนี้ที่พวกเธอกำลังปรับอารมณ์ได้กลับต้องมาเจอเขาอีก
“ขะ..ขอโทษค่ะคุณหมอ”
“หัวเราะอะไรกันเสียงดัง พวกคุณกำลังรบกวนผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ นะ”
“ขอโทษค่ะอลิศไม่ได้ตั้งใจ วันหลังจะ….”
“พวกคุณทำได้แต่ขอโทษแต่ไม่เคยคิดจะปรับปรุงตัวกันบ้างเลยหรือยังไง วัน ๆ เอาแต่พูดคำนี้”
อลิศรู้สึกหัวร้อนขึ้นมาทันที ตอนในห้องนั้นก็ครั้งหนึ่งแล้วทั้ง ๆ ที่พวกเธอไม่ใช่คนผิดและในตอนนี้ก็อีกครั้งที่เขาเดินมาแล้วชนเธอเอง อลิศกำหมัดแน่นแล้วเงยหน้าขึ้นมามองเขา แต่ให้ตายเหอะใบหน้าใต้แว่นตานั่นทำไมถึงได้หล่อขนาดนั้นนะ แทนที่จะโกรธมากกว่านี้แต่กลับต้องตะลึงกับใบหน้ารูปหล่อแต่ปากเสียนี่เสียได้
“อลิศ ไปกันเถอะ”
“ไม่!! คุณหมอคะ ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยบอกพวกหนูทีค่ะว่านอกจากคำว่าขอโทษ คุณอยากได้ยินคำไหนอีก!!”
“อลิศ!!”
เธอพูดออกไปด้วยความโมโหและท้าทายเพราะเธอยังโกรธเรื่องที่เขาด่าเธอในห้องเมื่อครู่นี้ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่ความผิดของเธอเลย
“อะไรนะ…เธอพูดว่าอะไร”
นิวพยายามดึงแขนอลิศเพื่อให้เธอใจเย็น ๆ แม้ว่าอลิศโดยปกติจะเป็นคนร่าเริงยิ้มง่ายและเป็นมิตรกับทุกคนแต่อย่าได้หาเรื่องเธอก่อนเพราะเธอเองก็กัดไม่ปล่อยเหมือนกัน
“ฉันพูดว่า นอกจากคำว่าขอโทษแล้ว คุณหมอยังต้องการอะไรอีก เห็น ๆ กันอยู่ว่ามันเป็นทางแยก คุณหมอเองก็เดินไม่ระวังเช่นกันแต่ฉันก็ยอมที่จะขอโทษเพราะให้เกียรติคุณ แล้วคุณหมอล่ะคะนอกจากจะไม่ยินดีรับคำขอโทษแล้วยังพูดจาไม่น่าฟังแบบนี้ีอีก ที่บ้านสอนมาแบบไหนเหรอคะถึงได้เอาแต่แว้ง..”
“อลิศ!! พอแล้ว คุณหมอคะขอโทษนะคะพวกเราขอตัวก่อน”
“ปล่อย นิวฉันบอกให้ปล่อย!!”
แต่นิวลากเธอเดินไปแล้ว หมอภาสที่กำลังอ้าปากฟังที่อลิศพูดมาและกำลังประมวลผลอยู่ถึงกับอึ้งเพราะเขาไม่เคยเห็นใครที่ยืนด่าเขาแบบซึ่ง ๆ หน้าอย่างนี้มานานแล้ว
“อะไรกันล่ะเนี่ย…”
“หมอภาส….ไม่รอผมเลย อ้าว…ทำไมทำหน้าเหมือนถูกช็อตแบบนั้นล่ะ เป็นอะไร”
หมอ “ศุภกิตต์” หรือหมอกิตเดินมากอดไหล่เขาอย่างเป็นกันเอง แน่นอนเพราะพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกันและมาทำงานที่นี่พร้อมกันอีกด้วย
“เป็นอะไรทำไมยืนแข็งทื่อแบบนี้ล่ะ ไปกินข้าวกันเถอะ ตอนบ่ายมีประชุมอีก”
“ไปสิ”
หมอภาสยังคงมองไปที่สองร่างที่พากันเดินไปยังห้องอาหาร แต่เขากับหมอกิตจะไปห้องอาหารสำหรับบุคลากรของโรงพยาบาลอีกที่หนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ห้องสำหรับประชุม
ห้องอาหาร
“ปึง!!”
“แกใจเย็น ๆ ก่อนสิอลิศ เรายังต้องเจอเขาอีกสามเดือนเลยนะแกอย่าไปมีเรื่องกับเขาสิ”
“ก็แกดูปากมันสิ ไอ้…”
“เพื่อนจ๋า ๆๆ พ่อก่อน ๆ โอยจะเป็นลม อย่าได้เผลอเรียกเขาแบบนี้ข้างนอกเชียวนะ”
“โมโหโว้ย!!”
คนในห้องอาหารเริ่มหันมามองตามเสียงที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ ของอลิศและเพื่อนอีกสองคนก็เดินเข้ามาไถ่ถามเธอ
“อลิศ นิว เกิดอะไรขึ้นน่ะทำไมโวยวายแบบนั้นแกไปโกรธใครมา”
“แพน ยัยจอยมานี่เลยมานั่งเลย”
“โอ๊ยอะไรนิว ทำไม มีอะไรเกิดอะไรขึ้นเล่ามาสิ”
“พวกแกน่ะสิ ที่พวกฉันต้องมาซวยแบบนี้น่ะไม่ใช่เพราะพวกแกหรอกเหรอ ก่อนจะกลับบ้านเมื่อวานพวกแกจัดยาเอาไว้ผิด ฉันกับอลิศไปรับช่วงต่อเลยโดนด่ายกชุดเลย”
“ยา…ยาอะไรเมื่อวานนี้พวกฉันไม่ได้จัดยาเลยนะแกเข้าใจผิดหรือเปล่า”
“อะไรนะ แพน แกบอกว่าพวกแกไม่ได้จัดงั้นเหรอ แล้วใครจัดล่ะอีตาหมอโหดนั่นถึงได้ตามมาด่าฉันกับอลิศเละเทะเลยพึ่งโดนเมื่อตอนเช้านี่เอง”
แพนและจอยหันมามองหน้ากันอย่างเข้าใจสถานการณ์และหันมาบอกเพื่อนสาวทั้งสองอีกครั้ง
“ฉันว่าพวกแกโดนรับน้องจากคลังยาแล้วล่ะ พวกฉันเคยโดนมาก่อนเหมือนกัน”
""อะไรนะ!!""อลิศกับนิวหันมามองหน้าเพื่อนสาวสองคนที่พึ่งย้ายแผนกไปช่วยที่ฝ่ายเทคนิคการแพทย์ พวกเธอหันมามองหน้าอลิศอย่างเข้าใจเพราะก่อนหน้านี้พวกเธอก็โดนมาก่อน“ใช่ ฟังไม่ผิดหรอก ไม่ว่าพี่หนิงจะช่วยเราเอาไว้กี่ครั้ง ยัยเภสัชหญิงนั่นก็พยายามจะหาทางแกล้งพวกแกให้ได้เพราะฉันกับจอยเจอมาแล้ว”“แกหมายถึงเภสัชคนไหน”“เภสัชที่ชื่อนิศา สวย ๆ ในห้องยานั่นยังไงล่ะ”""อ๋อ….""อลิศและนิวตอบรับพร้อมกันเพราะทุกครั้งที่พวกเธอเข้าห้องนั้นไปก็จะเจอเภสัชสาวสวยคนนั้นนั่งอยู่ในห้องอยู่ก่อนแล้วและมักจะหันมาเพียงแค่พยักหน้ารับไหว้พวกเด็กฝึกงานเท่านั้นจากนั้นก็แทบจะไม่พูดอะไรอีก และเป็นคนที่นิวเลียนแบบท่าเดินเชิดของเธอเมื่อครู่นี้“เห็นว่าว่ากันว่าเธอชอบหมอภาส”“อะไรนะอีตาหมอปากหมา..”“อลิศ!!”“อุ่ย แหะ ๆ โทษที ๆ ไหนเล่ามาสิ”“อืม นั่นแหละ แล้วทุกครั้งที่จัดยาผิดพลาดก็จะเป็นเคสของคนไข้ของหมอคนนี้แหละ พวกฉันโดนมาสามครั้งจนไม่ไหวเลยต้องขอย้ายแผนก นี่ถ้าพวกแกไม่ไหวก็ลองปรึกษาพี่หนิงดูนะเพราะครั้งก่อนพวกฉันก็ปรึกษาพี่หนิงแล้วแกก็เป็นคนหาแผนกให้ลง แกเข้าใจอยู่แล้วแต่ที่พวกเราไม่ทันได้บอกเพราะเราไม่รู้ว่าแม่นั่นจะรั
เธอยิ้มหวานส่งให้หมอภาสที่ยืนแข็งทื่อและทำตัวไม่ถูกกับอารมณ์ของอลิศที่เปลี่ยนไปรวดเร็วแต่เมื่อนิศาเดินเข้ามาและอลิศหันไปทักทายเธอเขาจึงรีบขยับแว่นเพื่อปรับอารมณ์อีกครั้ง“พี่นิศา ไม่เฝ้าห้องยาเหรอคะมาทำอะไรที่นี่คะ”“ไม่ใช่ธุระของเด็กฝึกงานที่จะมาถาม”“อ้อ อลิศไม่ได้จะถามแบบนั้นค่ะ ก็ก่อนหน้านี้มันเคยมีปัญหาว่ายาที่พวกอลิศจัดเอาไว้ก่อนส่งไปไม่มีปัญหาแต่พอส่งไปถึงเค้าน์เตอร์กลับถูกสับเปลี่ยน อลิศก็เลยกลัวโดนแกล้งอีกน่ะค่ะ หมอภาสเองก็พึ่งเตือนว่าผิดพลาดสามครั้งในหนึ่งสัปดาห์ อลิศไม่อยากให้มันผิดพลาดบ่อย โดยเฉพาะเคสผู้ป่วยของคุณหมอภาส ไม่ต้องห่วงนะคะคุณหมอจากนี้อลิศจะดูแลเรื่องยาให้คุณหมอด้วยตัวเองค่ะ จะได้ไม่ผิดพลาด”“นี่เธอ….”“ขอตัวก่อนนะคะผู้ป่วยคงรอยาแล้ว รออลิศนะคะหมอภาส”อลิศรีบหันไปและเบ้ปากเพราะความเมื่อยที่พยายามยิ้มนั้นทันทีพร้อมกับรีบเดินหนีไปทันทีก่อนที่ใครระหว่างสองคนนี้จะพูดอะไรขึ้นมาแต่ก็ไม่มีเพราะหมอภาสเองกำลังตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าแต่นิศาพยายามเก็บอาการเพราะกลัวว่าหมอภาสจะมองเธอไม่ดี“หมอภาสคะ อย่าไปฟังนะคะเด็กนั่นพูดจาเรื่อยเปื่อย”“คุณมีธุระอะไรที่นี่งั้นเหรอคุณนิศา
เขามองเธอด้วยสายตานิ่ง ๆ แต่ลุ่มลึกเกินคาดเดา อลิศไม่ชอบเขาเอาเสียเลยเพราะตั้งแต่เธอฝึกงานอยู่ที่นี่เกือบเดือน พบเขาไม่กี่ครั้งและทุกครั้งก็เจอแต่ปัญหาซึ่งเขาก็ไม่เคยให้โอกาสใครได้อธิบาย เพียงแค่ด่า ต่อว่าและเดินออกไป“คุณพูดอะไร ก็ยานี่….”“คุณก็ดูก่อนสิคะแล้วค่อยด่า”“นี่คุณ!! หัดมีมารยาทหน่อย คุณเด็กกว่าผมตั้งกี่ปี”“ก็เงียบแล้วหัดฟังบ้างสิคะ!! กำลังจะพูดอยู่นี่ยังไงถ้าคุณไม่เงียบแล้วฟังจะรู้เรื่องไหมล่ะคะ”หมอภาสโกรธจนหน้าแดงก่ำ ชีวิตเป็นอาจารย์แพทย์มาเกือบสามปียังไม่เคยมีครั้งไหนหรือคนไหนกล้าตะเบ็งเสียงหรือตะคอกเขาแบบที่เธอกำลังทำมาก่อน“สองนาที”“ก็แค่นั้นแหละ ฟังคนอื่นบ้างจะตายหรือยังไง”“พูดมาได้แล้ว!!”“โอ๊ย!! พูดแล้วค่ะ คุณหมอดูนี่ค่ะ”อลิศวางถุงยาที่เขาบอกว่าผิดลงที่โต๊ะของเขาซึ่งนั่นยิ่งทำให้เขามีโทสะที่รุนแรงขึ้น เขาไม่รู้เลยว่าเธอต้องการจะพูดอะไร“อะไร โยนถุงยาใส่ผมแล้วคิดว่าผมจะเข้าใจอะไร คุณจะบอกว่าผมเป็นคนใส่ร้ายคุณโดยการใส่ยานี่ลงในถาดหรือไง”“ใช่ค่ะ”“นี่คุณ!! มากไปแล้วนะ!!”“ก็เพราะหมอเป็นแบบนี้ไงล่ะคะ ฟังอะไรก็ฟังไม่จบไม่เคยฟังอะไรเลยและคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดถูกอย
สิ่งที่หมอศุภกิตต์พูดออกมาดังพอที่คนในกาแฟนั้นจะได้ยินจนหมด และทุกสายตาก็กลับมาจดจ้องอยู่ที่อลิศแทนเมื่อถูกคุณหมอหนุ่มเนื้อหอมของโรงพยาบาลมาขอเป็นแฟนในร้านกาแฟของโรงพยาบาล“เอ่อ….”“พี่ว่าเราไปหาที่นั่งก่อนดีไหม”“ค่ะ ดีค่ะ”อลิศทำตัวไม่ถูกเธอทั้งดีใจ ทั้งอายและก็ตกใจเมื่อคนที่เป็นรักแรกของเธอมาเอ่ยปากขอคบกับเธอ ก่อนหน้านี้เธอแอบเอาขนม คุกกี้และของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปให้เขาตลอด เจอบ้างไม่เจอบ้างแล้วแต่โอกาสมาจนถึงวันนี้ไม่นึกว่าเขาจะมองเห็นความพยายามของเธอจนได้ อลิศนั่งลงเพื่อสงบจิตใจแต่คุณหมอกลับเลือกจะมานั่งข้าง ๆ เธอ“พี่สั่งให้แล้วนะ”“ค่ะ”“แล้วคำตอบล่ะ”“คะ??”“ที่พี่ถามไปเมื่อกี้นี้ไงลืมแล้วเหรอ”“คุณหมอคะ…คือ…เมื่อกี้นี้พูด…จริงเหรอคะ”“เอ๊าน้องอลิศครับมีใครจะพูดเล่นกันเรื่องนี้ล่ะ”“ตะ…ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ที่…”“หมายถึงพี่น่ะเหรอ พี่ชอบอลิศมานานแล้วตั้งแต่อลิศเรียนปีสองแต่ตอนนั้นพี่ต้องทำงานแล้วพึ่งเป็นหมอเต็มตัวช่วงนั้นก็เลยไม่มีเวลาน่ะ ว่ายังไง อลิศจะลองให้โอกาสพี่สักครั้งได้ไหมครับ”“ให้โอกาสงั้นเหรอคะ อลิศ….ไม่คิดแบบนั้น คือว่าที่จริงแล้ว…”“ครับ”อลิศคิดไม่ถึงว่าจะมีวันน
“เหอะ ๆ ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”“อลิศ มีอะไรเหรอ”“ที่แท้พวกเขาก็เป็นแฟนกันนี่เองถึงว่าล่ะถึงได้สั่งให้พวกเราย้ายแผนก ที่แท้ก็คงกลัวแฟนตัวเองโดนสอบสวนสินะ ทุเรศที่สุด”“อลิศแกเบาเสียงหน่อย”“เอาเถอะ ทนอีกแค่สองเดือนก็จะไปให้พ้น ๆ ที่นี่แล้ว”เธอนั่งดื่มน้ำจนหมดและหันไปมองสายตาที่หันมามองเธอแวบหนึ่งของหมอภาส เขายังไม่ได้ถอดชุดสำหรับผ่าตัดสีฟ้าออก อลิศหันไปมองและเบ้ปากไปทางอื่นก่อนจะบีบแก้วกระดาษในมือและโยนทิ้งถังขยะ“อลิศ จะไปไหน”“กลับห้องทำงาน”“ไปด้วยสิ”หมอภาสที่หรี่ตามองพวกเธอที่เดินออกไปจากที่นั่งในห้องเบรกและกำลังจะเดินตามอลิศไปแต่พยาบาลที่เค้าน์เตอร์เรียกเขาเอาไว้ก่อน“คุณหมอคะ ช่วยเซ็นเอกสารตรงนี้หน่อยค่ะ คนไข้จะออกจากโรงพยาบาลวันนี้ค่ะ”“อย่าลืมตรวจสอบเอกสารให้ดีก่อนที่คนไข้จะออกจากโรงพยาบาล เคสนี้ต้องนัดมาตรวจเพิ่ม”สามสี่วันที่เหลืออลิศก็ยังทำงานตามที่ได้รับมอบหมายตามปกติ เธอรู้สึกสนุกกับงานและคุ้นเคยกับพี่ ๆ พยาบาลในแผนกนี้แล้วเพราะทุกคนต่างก็เป็นกันเองกับพวกเธอและยังรู้ว่าเธอเป็นแฟนสาวของคุณหมอกิตที่มักจะแวะมาหาเธอและรับเธอไปนั่งกินข้าวด้วยที่ห้องอาหารของแพทย์“น่าอิจฉาจั
อลิศหันไปมองหน้าที่เย็นชาไร้ความรู้สึกที่พูดเสียงเรียบ ๆ นั้นออกมา เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขากับญานิศาถึงได้มีปัญหากับเธอนัก แล้วทำไมยัยนั่นต้องมีปัญหาทุกครั้งที่เธอต้องเป็นคนไปรับยามาให้เขาทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอก็ทำงานของเธอปกติ“คุณหมอคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวและอลิศเองก็ไม่เคยเอาเรื่องของคุณหมอกิตมาเกี่ยวข้องกับการทำงาน อลิศทำงานเต็มที่ที่ได้รับมอบหมายแต่พวกคุณต่างหากที่ต้องการอะไรกันแน่ ทำไมคนที่ทำผิดยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในโรงพยาบาลได้แต่คนที่ถูกตำหนิและสั่งย้ายแผนกถึงต้องเป็นพวกอลิศ”“นี่คุณคิดว่าการที่คุณถูกสั่งย้ายมานี่…คือการกลั่นแกล้งงั้นเหรอ”“แล้วไม่ใช่เหรอคะ พวกคุณแค่สั่งย้ายแต่ไม่ได้อธิบายเหตุผลอะไรให้ทราบเลยนี่คะ”หมอภาสนั่งลงที่เก้าอี้ของเขาและเป็นครั้งแรกที่เขาถอดแว่นออกมา สายตาของเขาอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดเพราะก่อนหน้านี้เขาอยู่ในห้องผ่าตัดมาเกือบแปดชั่วโมงและเมื่อออกมาต้องมาพบความผิดพลาดเดิม ๆ อีกครั้ง และครั้งนี้เขาจะไม่อยู่เฉย ๆ อีกแล้ว“คุณเข้าใจแบบนั้นมาตลอดเลยสินะถึงได้…ช่างเถอะ เหลืออีกแค่ไม่กี่วัน ฝืนใจหน่อยก็แล้วกัน ออกไปได้แล้ว”อลิศอดไม่ได้ที่จะหันไปมองใบหน้า
สามวันที่เหลือนี้อลิศช่วยงานของหมอภาสได้มากทีเดียวทั้งช่วยตรวจสอบยาและเตรียมยาสำหรับผู้ป่วยที่จะออกจากโรงพยาบาลโดยที่เขาไม่ต้องตรวจซ้ำพยาบาลที่กำลังยุ่งกับเรื่องอื่นมีเธอช่วยก็ผ่อนแรงไปได้มากจนตอนนี้หมอภาสแทบจะเดินติดกับอลิศเวลาที่จะมีผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล“เดี๋ยวคุณสั่งเพิ่มโดสของยาแก้ปวด อ้อแล้วก็เพิ่มปลาสเตอร์กันน้ำไปด้วยกันแผลปริระหว่างที่ผู้ป่วยรอนัดอีกครั้ง”“ทราบแล้วค่ะคุณหมองั้นอลิศส่งรายการไปที่ห้องยาเลยนะ”“อ้อเดี๋ยวนะอลิศ คุณช่วยเพิ่มยาทาป้องกันรอยแผลเป็นไปด้วยผมเกือบลืมไปเลยคนไข้ค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องรอยแผลเป็นหลังจากการผ่าตัดน่ะ”“ได้ค่ะ แต่ว่ายานี้ต้องทาหลังจากที่เปลี่ยนเป็นปลาสเตอร์ธรรมดาแล้วนะคะคุณหมอจะจ่ายให้ตอนนี้เลยเหรอ”“เอ่อ นั่นสิ…ดูผมสิ มั่วไปหมดแล้ว เอาเป็นว่า…”“งั้นให้เธอกินยาไปก่อนดีไหมคะ ยาตัวนี้แก้ผลข้างเคียงได้หากว่าเธอกลัว นัดครั้งหน้าตอนที่แกะปลาสเตอร์เปลี่ยนเป็นแบบธรรมดาแล้วค่อยสั่งจ่ายอีกครั้ง”“ได้ เอาตามคุณว่ามาเลย ไปเถอะ ฝ่ายการเงินน่าจะมาถึงตอนก่อนเที่ยงจะได้ไม่เสียเวลาคุณไปทานข้าว”“ได้ค่ะคุณหมอ ไม่มีรายการอื่นเพิ่มแล้วใช่ไหมคะ”“ไม่มีแล้วรีบไป
ราวกับทุกอย่างตรงหน้าหยุดลงกะทันหัน และดูเหมือนกับบางอย่างในร่างกายของทั้งคู่เต้นเป็นจังหวะเดียวกันเมื่อหมอภาสค่อย ๆ บดริมฝีปากหนาที่ถูกเธอกัดเมื่อครู่นี้ลงไปและละเมียดสอนเธอเบา ๆ อย่างใจเย็นอลิศค่อย ๆ ใช้มือเรียวโอบรอบคอของหมอภาสเบา ๆ ลิ้นหนาค่อย ๆ ส่งเข้าไปในปากเธออย่างระมัดระวังเพราะเขาไม่อยากถูกกัดอีกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นแบบนั้น เธอเรียนรู้ได้ไวเกินกว่าที่เขาจะคิด“อลิศ พอแค่นี้ก่อนไหม”เธอดันตัวเขาล้มลงไปที่เตียงอย่างไม่ทันตั้งตัวและขึ้นมาคร่อมตัวเขาทันทีพร้อมกับก้มลงจูบเขาอีกครั้ง หมอภาสรู้สึกว่าความอดทนของเขาขาดผึงลงในตอนนี้เองที่เธอตัดสินใจ เขาจับร่างบางพลิกลงไปและเปลี่ยนเป็นคนเดินเกมเองในทันที“คุณแน่ใจแล้วนะ ถ้าเรามาถึงขั้นนี้ จะถอยตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว อลิศ ผมให้โอกาสคุณ….”แต่เธอไม่ให้โอกาสเขาได้พูดเลยเมื่อเธอลุกขึ้นมาและจูบเขาอีกครั้ง เดรสสวยถูกเขากระชากออกมา ไหล่ขาวเนียนปรากฏแก่สายตา หมอภาสถอดแว่นออกแล้วและเริ่มดึงเสื้อเชิ้ตของเขาโดยมีเธอที่ช่วยปลดกระดุมให้ ปากของทั้งคู่แทบจะไม่ห่างกันเมื่อเริ่มปลดปล่อยสิ่งที่กีดขวางทางออก“อ๊าา….นี่มันอะไร”“ใจเย็น ๆ เราพึ่งเริ่ม ไม่ต้องรีบ”