อลิศที่ยืนตัวแข็งทื่อถึงกับต้องหันไปมองพวกเขาอีกครั้ง“นี่…อื้ออ”ทั้งสองคนที่สุดทางเดินหันมามองแต่ทางเดินก็ไร้ผู้คน ไม่มีใครอยู่“อ๊าา อย่าเลียตรงนี้สิคะ เปิดห้องเร็วเข้าที่นี่ไม่ใช่คอนโดคุณนะคะหมอกิตเร็วเถอะค่ะจอยทนไม่ไหวอยากจะกินคุณแล้ว”“อย่ารีบร้อนสิ ไหนบอกว่าคืนนี้จะทำทั้งคืนไงล่ะคนสวย”“คุณนี่มันร้ายนะคะ พอรู้ว่าจะมาที่นี่ก็เตรียมตัวเลยสินะ”“พูดมากรีบไปเถอะผมทนไม่ไหวแล้ว”“อ๊าา…หมอกิตคะ อ๊า”น้ำตาอลิศไหลลงไปโดนฝ่ามือของหมอภาสที่ปิดปากเธออยู่ทำให้เขารู้ว่าเธอคงเจ็บปวดมากแค่ไหนที่ต้องมาเห็นภาพของแฟนหนุ่มในสภาพนี้ เขาพึ่งตามมาในตอนเย็นนี้เองแต่ก็พอจะรู้ว่าหมอกิตหายไปจากปาร์ตี้และเขาเห็นแล้วว่าอลิศเองก็กำลังจะขึ้นมา แต่ไม่คิดว่าสองคนนั้นจะ…..“อลิศ คุณ….ไหวไหม”“ฮือ…”“เข้ามาก่อนไหม”เขาเปิดห้องแล้วเธอจึงรีบวิ่งเข้าไป เมื่อครู่นี้เขาดึงตัวเธอเข้ามาที่ซอกของห้องพักได้ทันก่อนที่หมอกิตจะหันมาเห็นพวกเขา แต่นึกไม่ถึงว่าจะทำให้อลิศได้รับฟังเรื่องที่ไม่สมควรจะได้ฟัง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หมอกิตหักหลังเธอ และไม่ใช่กับใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนของเธอเองที่ย้ายไปที่แผนกของเขา หมอภาสปิดประตูและถ
อลิศรีบลุกจากเตียงทันทีและเริ่มเก็บของรวมถึงชุดของเธอและค่อย ๆ ย่องเข้าห้องน้ำเมื่อเธอสวมชุดเสร็จแล้วเดินออกจากห้องน้ำก็พบว่าคุณหมอภาสยืนรอเธออยู่หน้าห้องน้ำเขาสวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำแค่ตัวเดียว“จะไปไหนแต่เช้าเหรอ”“หมอภาสคะ คือ….เมื่อคืนนี้อลิศ…”“คุณคิดจะรับผิดชอบผมยังไง”“คะ??”อลิศหันมาถลึงตามองเขาอีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตาและไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ออกมา ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้เธอเป็นคนเสียหายหรอกเหรอ แต่คนที่กำลังถามหาความรับผิดชอบอยู่ตรงนี้…กลับเป็นเขางั้นเหรอ“เอ่อ…หมอคะ เมื่อกี้นี้คุณบอกว่า…”“คุณทำให้ผมเสียหาย แล้วคิดจะกินทิ้งกินขว้างแบบนี้เลยเหรอง่ายไปหน่อยมั้ง”“เดี๋ยวนะคะอลิศยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยค่ะหมอ ใจเย็น ๆ แล้วค่อย ๆ คุยกันนะคะ”เขาเดินเข้ามาดึงรวบตัวเธอมากอดและอุ้มไปที่เตียงอีกครั้ง อลิศตอนนี้ได้สติเต็มที่ ความทรงจำเมื่อคืนนี้เริ่มกลับมาครบถ้วนก็ตอนที่หมอภาสอุ้มเธอกลับมาที่เตียงนี้อีกครั้งนี่เอง“หมอคะ….”“ผมถามคุณคำเดียว คุณจำเรื่องเมื่อคืนนี้ได้บ้างไหม”อลิศสบตาเขา ในตอนเช้าที่เขาไม่สวมแว่นและมีแค่เสื้อคลุมตัวเดียวเมื่อเธอได้มองแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาช่างน่ามองมากจร
เขายืนบังอลิศเอาไว้ซึ่งเธอก็ไม่ได้จะกลัวหมอกิตเลยแม้แต่น้อยและจับแขนหมอภาสเอาไว้ เมื่อหมอกิตโกรธจนหน้าแดงและต้องการคุยกับเธอ“อลิศ พี่ถามว่า….”“ถามตัวเองก่อนเถอะค่ะ ทำไมหมอกิตออกมาจากห้องคนเดียวล่ะคะ”“แล้วจะให้พี่ออกมากับใคร”“ยังจะถามอีกเหรอคะ เมื่อคืนหมอกิตไม่ได้เข้าห้องไปกับจอยงั้นเหรอคะ ที่อลิศกับหมอภาสเห็นพวกคุณแทบจะยืนขี่กันหน้าห้องอยู่แล้ว”“อลิศ!! ทำไมพูดไม่เพราะแบบนี้”“หมอภาสคะ อลิศ…”“เงียบไปเลย เอากระเป๋าเข้าห้องไปก่อน”“ไม่เอาค่ะ อลิศจะพูดกับเขาให้รู้เรื่อง”“ยังไม่ต้อง…หมอกิต อีกยี่สิบนาทีผมกับอลิศจะลงไปคุยกับคุณที่ห้องอาหารก็แล้วกัน เวลานี้น่าจะกินกันครบแล้ว”“ทำไมผมต้อง….”หมอภาสใช้มือกันอลิศเอาไว้จนมิดเพื่อไม่เปิดโอกาสให้หมอกิตได้คุยกับเธออีก สายตาของหมอภาสนิ่งและเยือกเย็นจนหมอกิตไม่กล้าพูดมาก ในเมื่อพวกเขารู้เรื่องของจอยเมื่อคืนแล้ว….“ก็ได้ ผมจะลงไปรอพวกคุณข้างล่าง”หมอกิตเดินผ่านทั้งคู่ไป หมอภาสกันอลิศเอาไว้ไม่ให้เธอมองหน้าหมอกิตได้อีกเพราะเขากลัวว่าเธอจะเผลอร้องไห้ออกมา เขาหันกลับมามองเธอที่ก้มหน้าอยู่ข้างหลังเขา“อลิศ เป็นอะไร….คุณทำอะไรเนี่ย”เขาหันไปและตะคอกค
“วะ…ว่ายังไงนะ”“แพน ไปเถอะ”“เดี๋ยวก่อน!! อลิศนี่หมายความว่ายังไง เธอจะเหมาหมอทั้งโรงพยาบาลเลยงั้นเหรอ พึ่งรู้นะว่าเธอสำส่อนขนาดนี้”“เพี๊ยะ!!”“อลิศ!!”หมอกิตและหมอภาสเดินกลับมา ฝ่ามือบางฟาดไปที่หน้าบอบบางของแพนจนเกิดรอยแดง ตอนนี้ไม่เพียงแค่พวกเธอแต่คนอื่น ๆ ด้านนอกก็เริ่มหันมามองแล้วว่าด้านในนี้เกิดอะไรขึ้น“อลิศ…แกตบฉันเหรอ”“หนึ่ง แพนเธอเข้าใจผิดที่บอกว่าฉันเหมาหมอทั้งโรงพยาบาลเพราะว่าฉันกับหมอกิตแค่คบกันเป็นแฟน และความสัมพันธ์นั้น มันจบไปตั้งแต่เมื่อคืนที่เขาเข้าห้องไปกับเพื่อนของเธอแล้ว”“อลิศ เรา…”“พอเถอะจอย เรื่องก็เกิดขึ้นแล้วนอนก็นอนด้วยกันแล้วนี่”“เราขอโทษ”“สองก็คือเรื่องส่วนตัวของฉันไม่จำเป็นต้องบอกกับเธอทุกเรื่อง พอสักทีกับท่าทีเสแสร้งอ่อนแอและเป็นคุณหนูที่น่าสงสารนี่ แพนเธอก็รู้ว่าคนอย่างฉันไม่ได้ยอมให้ใครมายืนด่าง่าย ๆ ตบนี้แค่สั่งสอนเรื่องที่เธอพูดออกมาวันนี้ หากไม่มีอะไรแล้ว พวกเธอก็กลับเถอะ ครั้งนี้ฉันจะลืมไปเสียว่ามันเคยเกิดขึ้น”“ลืมเหรอ อลิศเธอก็รู้ว่าฉัน…ฉันชอบคุณหมอภาส”อลิศยืนกอดอกและหันไปชี้ให้หมอภาสไปนั่งรอกับหมอกิต สายตาเธอดุเอาเรื่องทั้งเขาทั้งหมอกิตจึง
จู่ ๆ หมอกิตก็หัวเราะออกมาราวกับคนบ้าและหันไปมองหน้าหมอภาสที่ยังนั่งอยู่ตรงข้าม เขาเพียงแค่มองหมอกิตแต่ไม่ได้พูดอะไร“ญานิศา….หึ ฉันน่าจะนึกออกนะ เพราะแบบนี้นายก็เลยตรวจกล้องที่แผนกของฉันด้วยสินะ มิน่าล่ะ”หมอภาสแค่ขยับแว่นเล็กน้อยเท่านั้นก่อนจะหันไปพูดกับเขา“ถ้าหากนายไม่ทำประเจิดประเจ้อและพาเธอไปทำในที่ลับตาคน ต่อให้มีกล้องก็ทำอะไรพวกนายไม่ได้”“นั่นสินะ ฉันนี่มันโง่จริง ๆ อดใจไม่ไหวจนเกิดเรื่องมาขนาดนี้ ฉลาดสู้นายไม่ได้เลยจริง ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าชอบเธอมานานขนาดนี้แต่ใครจะคิดว่าไม่ใช่คนง่าย ๆ เลย”“นายพูดอะไรนะ ลองพูดใหม่สิ!!”หมอภาสพึ่งจะเริ่มเปลี่ยนสายตาเป็นโกรธก็ตอนนี้เองเมื่อได้ยินหมอกิตพูดถึงอลิศ“ไม่ต้องตกใจไปหรอก ฉันพยายามเข้าหาเธอทุกทางตอนแรกก็คิดว่าจะเป็นคนสบาย ๆ และเข้าหาง่าย ๆ เพราะเธอเป็นคนแบบนั้น นายก็เห็นนี่ว่าเธอเป็นผู้หญิงแรง ๆ ใครจะคิดว่าจะหวงเนื้อหวงตัวขนาดนั้น น่าเสียดายนะแต่ก็ดีแล้วที่เป็นนายและยังดีที่เธอไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกรวิศให้พวกเราเสียเพื่อน”“ฉันลบไฟล์กล้องวงจรปิดนั่นหมดแล้ว หลักฐานที่โรงพยาบาลก็ไม่มีแล้ว วางใจได้”“ขอบใจนายมาก จากนี้ก็…ฝากดูแลน้องสาวคนนั้น
อลิศล้มตัวลงซบที่ไหล่เขาทันทีเพราะความอ่อนเพลียจากความปวดท้อง เขาเก็บของของเธอเข้าไปในกระเป๋าและเริ่มเก็บของของตัวเองระหว่างที่เธอนอนพักอยู่ที่เตียง เมื่อเสร็จแล้วเขาจึงโทรให้พนักงานมาช่วยยกกระเป๋า ส่วนเขาต้องอุ้มเธอออกมาจากห้องพักและพาไปที่รถ“รอเดี๋ยวนะผมจะปรับเบาะให้”“อือ….หมอ….”“ยังปวดอยู่เหรอ”“อลิศหิว”“งั้นรีบไปกันเถอะ วันนี้อาหารทะเลก็งดก่อน…อะไร”เขาถามเมื่อเธอเกาะแขนเขา“อาหารทะเลไม่น่าจะทำให้ปวดท้องนะคะ อลิศอยากกินข้าวผัดปูค่ะ”“ก็ได้ ๆ งั้นปล่อยมือก่อนจะได้รีบไป”เธอปล่อยให้เขาจัดการเลื่อนเบาะไฟฟ้าในรถหรูให้เอนลงเพื่อจะได้นอนสบาย ๆ เขาเอาเสื้อสูทของเขามาห่มให้เธอแทนผ้าห่มเพราะในรถของเขาไม่มีของพวกนี้เลยนอกจากกระเป๋ายาและสูทสำหรับออกงานฉุกเฉินร้านอาหารริมทะเล“…อากาศดีจัง ลมข้างนอกก็น่าจะเย็นสบาย ทำไมเราไม่ไปนั่งข้างนอกกันล่ะคะ ในนี้หนาวจะตาย”“ป่วยอยู่ออกไปตากลมมากไม่ดีเดี๋ยวจะไม่สบาย”“อือ…ทำไมหมอต้องดุขนาดนี้ล่ะคะ”“ไม่ได้ดุผมพูดเรื่องจริง ถ้าไม่เป็นห่วงจะพูดแบบนี้เหรอ”“คนที่เขาเป็นห่วงกัน…เขาพูดกันดี ๆ นะคะหมอพูดคำหวาน ๆ เหมือนคนอื่นไม่เป็นเหรอคะ”“จะกินอะไร รีบสั่ง
อาหารมาส่งแล้ว หมอภาสจึงเรียกอลิศมากินข้าวและจัดยาให้เธอกิน ไม่นานเขาก็ขอตัวไปอาบน้ำและเดินกลับเข้ามาในห้องนอนที่เธอนอนขดตัวอยู่กับถุงประคบร้อนที่เขาทำเอาไว้ก่อนอาบน้ำ“ปวดมากเลยเหรอ”“ค่ะ ปกติไม่ได้ปวดมากขนาดนี้”“คงเพราะ…หักโหมไปน่ะแล้วเจอสภาวะที่จะเป็นประจำเดือนพอดี หรือจะให้ฉีดยาแก้ปวดหน่อยไหม”“ไม่เอาค่ะ นอนพักก็น่าจะดีขึ้น คุณหมอคะ…มานอนกอดอลิศหน่อยสิคะ”“ไม่ปวดเหรอ ยิ่งกอดก็ยิ่งจะปวดนะ เอาถุงน้ำร้อนมาผมจะเอาไปเปลี่ยนให้ เดี๋ยววัดไข้หน่อย”เธอยกถุงน้ำร้อนส่งให้เขาอีกครั้ง เมื่อเขาเปลี่ยนน้ำร้อนมาให้แล้วเธอก็ขดตัวและซุกตัวเข้าหาเขาทันที เมื่อมองเธอในตอนนี้แล้วก็ไม่ได้ต่างกับลูกแมวเชื่อง ๆ ตัวหนึ่งเลย เขาวัดไข้ให้เธออีกครั้ง“ไข้ลดแล้วเหลือแค่ปวดท้องใช่ไหม จิบน้ำอุ่นหน่อย”“ไม่เอาแล้วจิบจนลวกปากไปหมดแล้ว อยากนอนพักแล้วค่ะ”“ปกติปวดแบบนี้ทุกครั้งเลยไหม วันไหนว่างน่าจะไปตรวจหน่อยนะ”“หมอจะตรวจให้อลิศเหรอคะ”“ผมเป็นหมอศัลยกรรม ไม่ใช่หมอสูติฯเอาไว้ไปโรงพยาบาลแล้วตรวจอีกทีเดี๋ยวผมจะหาคิวของคุณหมอให้ นอนพักเถอะเดี๋ยวจะปิดไฟให้”“แล้วพรุ่งนี้หมอต้องไปที่โรงพยาบาลแต่เช้าเลยเหรอคะ”“ใช่ มี
“อลิศ อาา!!!”นึกไม่ถึงว่าเธอจะคล่องขนาดนี้เมื่อสะโพกเธอเริ่มเบียดและขยับราวกับกำลังขี่ม้าอยู่ หมอภาสต้องระบายความเสียวด้วยมือและนิ้วที่กอบกุมหน้าอกของเธอและเริ่มดูดรวงยอดน้ำผึ้งที่ชูชันอยู่ตรงหน้า อลิศร้องครางเสียงดังเมื่อถูกเขาสัมผัสจุดที่อ่อนไหวที่สุด“หมอคะ อลิศจะเสร็จ!! อ๊าา มันเสียวมาก”เขาเอนตัวลงเล็กน้อยแต่ปากยังไม่หยุดดูดหน้าอกอวบนั้นและเริ่มขยับสะโพกขึ้นมารับจังหวะจากอลิศ เธอใกล้จะบ้าเต็มทีแล้วเมื่อถูกเขาใช้มือจับไปที่บั้นท้ายและจับเธอกระแทกลงมารับลำเอ็นแข็งแกร่งของเขาจนมิดด้าม“อ๊าาา หมอคะ อลิศ…เสร็จแล้ว!! อ๊าาา”เขาเองก็เช่นกันเมื่อส่งเธอถึงสวรรค์แล้วเขาก็ให้เธอพักด้วยการให้เธอนอนหงายแล้วเขาก็จัดการยกขาข้างหนึ่งของเธอพาดมาที่ไหล่และสอดเข้าไปอีกครั้งอลิศเสียวจนจุกที่ท้องน้อยเมื่อเขากระแทกแรง ๆ เข้ามาครั้งแรกจนเผลอร้องออกมา แต่หมอภาสที่กำลังจะถึงสวรรค์แล้วเขาเลยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของแฟนสาว“อาาา…..อลิศ ผม….อึ๊ยย!!!”ร่างหนาค่อย ๆ พาดตัวลงมาซบที่หน้าอกอวบของอลิศอย่างหมดเรี่ยวแรง เธอรับรู้ได้ว่าหมอภาสเหนื่อยมากเมื่อเขานอนหอบหมดแรงอยู่ในท่านั้นพร้อมกับเหงื่อที่ไหลเต็มหลัง“
วันถัดมา“ไม่เอา ๆ เพชรน้ำไม่งามเลย ต้องเอาใหญ่ ๆ หน่อย ไม่เอา ๆ ไม่มีอันไหนสวยเลย”“คุณ คนแต่งน่ะตาภาสกับอลิศนะ ทำอย่างกับคุณจะแต่งเสียเอง”“ไม่ได้ค่ะ คุณก็รู้นี่คะงานหมั้นนี่สำคัญนะจะให้น้อยหน้าได้ยังไง ทั้งร้านนี่เอาไว้ใส่เล่น ๆ อ่ะได้ แต่ให้สวมจริง อลิศ…แม่คิดว่าคงต้องสั่งทำใหม่นะลูก หนูรอได้ไหม”“คุณแม่ครับ…”“แกหุบปากไปเลย นะอลิศนะตามใจแม่สักเรื่องหนึ่งนะลูก”“เอ่อ…พี่ภาสคะ อลิศคิดว่า….”“เอาตามนี้แหละ มาเธอมาจดสิ่งที่ฉันบอก ส่วนเธอวัดขนาดนิ้วให้พวกเขาด้วย ภาสเลือกแหวนที่ดูดีหน่อยเอาให้น้องไปใส่เล่น ๆ ก่อน เดี๋ยววงจริงค่อยเปิดตัวพร้อมงานหมั้น”“ถ้าอย่างนั้นเลือกแล้วผมพาอลิศไปเลยนะครับมีธุระต่ออีก”“เออ ๆ จะไปไหนก็ไปวันนี้อนุญาตแม่จะต้องสั่งของอีกเยอะเลย มานี่ ๆ เธอไปเรียกคุณธิวามาหน่อย เจ้าของร้านของพวกเธอน่ะ ฉันจะต้องสั่งงานที่พิเศษหน่อย”หมอภาสได้โอกาสเมื่อพวกเขาเลือกแหวนหมั้นที่เอามาสวมเป็นการชั่วคราวไปก่อนสองวงเสร็จแล้วก็รีบพาอลิศออกมาทันที ตอนเช้าเขาตั้งใจว่าจะออกมากับอลิศสองคนใครจะคิดว่าแม่รู้แผนของเขาโดยการมาดักรอกินข้าวเช้าด้วยและให้คุณพ่อเขาขับรถตามมา แต่เย็นนี้พวกเขาม
“แม่ครับเดี๋ยวก่อนนะครับแม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะแล้วฟังผม”หมอภาสหันไปมองคุณแม่และเริ่มควบคุมสถานการณ์เพราะดูแล้วแม่ของเขาจะใจร้อนกว่าใครในที่นี้เลย“ก็พูดมาสิ”“คือผมขออลิศกับคุณอาแล้ว ส่วนเวลาที่นัดทานข้าวผมก็แค่รอให้คุณพ่อคุณแม่บินกลับมาก่อนแล้วนัดเวลาคุณอาพิชิตอีกครั้งเพราะท่านเองก็พึ่งออกจากโรงพยาบาลและยังต้องทำงานด้วย เรื่องเวลาคุยกันได้ครับส่วนเรื่องแหวน ผมจะพาอลิศไปวันพรุ่งนี้อยู่แล้ว เรื่องเรือนหอก็เหมือนกัน”หมอภาสอธิบายทุกอย่างให้แม่เขาฟัง นับว่าเป็นการอธิบายที่ครบถ้วน สมบูรณ์แบบและน่าทึ่งมากสำหรับอลิศที่ได้แต่นั่งฟังเพราะมันทั้งสั้นและได้ใจความ คุณแม่ของเขาเริ่มนิ่งลงจนพ่อของหมอภาสเริ่มพูดขึ้นมา“คุณก็เป็นแบบนี้ทุกที ผมบอกแล้วไงว่าภาสมันไม่พลาดหรอกคุณก็ไม่ไว้ใจลูก เห็นไหมละเขาทำจนหมดแล้วเหลือแค่ให้คุณจัดงานแต่งให้เท่านั้นแหละ”“ก็ใครจะไปรู้ล่ะลูกคุณมันต่างจากคุณที่ไหน มีอะไรมันก็ไม่เคยพูด จะแต่งเมียทั้งทีพวกเรายังรู้เป็นคนสุดท้ายเลยไม่ใช่เหรอ”“แม่ครับ ถ้าผมยังไม่มั่นใจมีเหรอที่จะบอกแม่ได้ ไม่ใช่ไปแอบจับคู่มั่ว ๆ ให้ผมเหมือนครั้งก่อนนั้นอีก ผมเกือบสิ้นอาชีพเลยนะครับอย่าทำอีกนะคร
หมอภาสหันมามองหน้าคนที่เขาพึ่งจะเรียกเธอว่า “แม่” ที่หันไปมองลูกชายตัวเองสลับกับมองอลิศที่ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเอาไว้ เธอไม่เคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อนเลย หมอภาสเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เธอ“ผมไม่ได้จะปิดบังแต่ขอเวลาให้ผมกับเมียอาบน้ำก่อนจะไปพบไม่ได้เหรอครับทำไมต้องรีบขนาดนั้น”“จะไม่ให้ฉันรีบได้ยังไง!!”อลิศเริ่มกลัวเสียงที่แผดดังขึ้นเรื่อย ๆ ของคนตรงหน้าที่พุ่งเข้ามานั่งจนชิดเธอ แม้ว่าหมอภาสจะห้ามและยกมือขึ้นมากันแต่ก็ถูกเธอปัดออกไปก็ตาม“ดูสิ รังแกน้องจนช้ำไปหมด นิสัยเสียเชียวนะแก!!”“แล้วแม่ไม่อยากได้หลานหรือไง ทำเป็นพูดมากใครกันล่ะที่บอกผมว่าให้รีบ ๆ มีลูกน่ะ ทีนี้จะมาบ่นทำไม”“หุบปากแกไปเลย ออกไปอยู่กับพ่อแกไป”“ไม่!! แม่จะพูดอะไรกับอลิศผมก็จะนั่งฟังด้วย”“ไอ้หมาหวงก้าง!!”อลิศเริ่มปรับความรู้สึกไม่ถูกแล้วเมื่อฟังหมอภาสและคุณแม่ของเขาเถียงกันแต่สุดท้าย คุณแม่ของเขาก็หันมาจับมือเธอและมองเธอให้ชัดโดยที่อลิศรู้สึกอายมากเมื่อต้องมาพบกันครั้งแรกด้วยสภาพที่เธอเป็นแบบนี้“หนูสวยมากลูกสาวคุณแม่ สวยจนนึกไม่ถึงว่าแม่จะได้หนูมาเป็นลูกสาว”“ลูกสะใภ้!! ครับแม่ ไม่ใช่ลูกสาว”“หุบปากแกไปเลย!!”อล
มือของอลิศจับที่แท่งแกร่งตรงหน้าและค่อย ๆ รูดขึ้นลงตามจังหวะ หมอภาสที่นั่งคุกเข่าอยู่แทบจะทนไม่ได้เมื่อถูกแฟนสาวตรงหน้าใช้ปากกับส่วนนี้ของเขาเป็นครั้งแรก“อลิศ …..อย่านะ อาาา!!!”ยิ่งหมอภาสร้องครางดังเท่าไหร่ อลิศก็ยิ่งได้ใจมากขึ้นเธอรูดจนหัวที่บานออกมาเกือบจะพุ่งชนหน้าของเธอ ลิ้นนุ่มของเธอจึงไล้เลียไปที่ยอดปลายบานนั้นทันที หมอภาสที่ไม่เคยถูกปลุกเร้าอารมณ์แบบนี้มาก่อนมีหรือจะทนความเสียวแบบนี้ไหว เขาทรุดลงแต่อลิศยังไม่ยอมหยุด เธอค่อย ๆ อมมันเข้าไปและรวบเข้าไปจนสุดโคน“อาา…อลิศ ผมเสียว….อาาา”เธอใช้ปากรูดขึ้นลงตามจังหวะสลับกับดูดและโลมเลียจนหมอภาสเริ่มไขว่คว้าหาที่จับเอาไว้ให้มั่น เสียงนิ้วมือหนาที่จิกไปที่โซฟาหนังหรูหรานั้นยิ่งทำให้อลิศรู้สึกเหมือนกับผู้ชนะ“อลิศ ผมจะ…แตก ถอยออกมาก่อน”อลิศไม่พูดอะไรแต่เธอไม่ยอมห่างเจ้าลำเอ็นแข็งตึงตรงหน้านั้นและยังอมเอาไว้ในปาก นิ้วเรียวยาวเอื้อมมากระตุ้นเขาเพิ่มที่ยอดหน้าอกสีเข้มของหมอภาส เธอรู้สึกว่าขนอ่อนของเขาลุกขึ้นชูชันอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน“อาา อลิศ ถ้าคุณไม่ออกผมจะแตกใส่ปากคุณนะ!!”“รีบมาสิคะที่รัก แตกมาได้เลย”“อาาา อลิศ!!!”เพียงแค่สิ
แพนเดินกลับไปแล้วพร้อมกับรอยยิ้มและเธอยังเช็ดน้ำตาให้อลิศด้วย อลิศเองก็เดินกลับออกมาและก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเพื่อน ๆ นักศึกษาทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ต่างก็หันไปมองหนุ่มหล่อที่สวมแว่นกับเสื้อเชิ้ตลำลองสีฟ้ากางเกงสแลคและยืนพิงรถยุโรปหรูของเขาอยู่“หมอภาส”หมอภาสยกมือถือขึ้นเป็นสัญญาณและเดินเข้ามาหาเธอ คนรอบ ๆ ต่างมองทั้งคู่เมื่อหมอภาสเดินมารับแฟนสาวที่พึ่งเดินออกมาจากหน้าคณะของเธอ“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ล่ะครับ”“เอ่อ…เมื่อกี้คงอยู่ในกระเป๋าน่ะค่ะก็เลยไม่ทันได้เห็น หมอ…เลิกงานแล้วเหรอคะไหนบอกว่าวันนี้มีผ่าตัดใหญ่ไงล่ะคะ แล้วนี่มาที่นี่ดูสิตกเป็นเป้าสายตาเลย”“ทำไมล่ะ ก็แค่มารับคุณเองนะ ใครจะมองเขามีตาก็มองไปสิไม่เห็นต้องสนใจเลย”“คุณก็เป็นเสียแบบนี้แหละ รีบกลับกันไหมคะอลิศเสร็จธุระแล้ว ว่าแต่นิว…”“กลับไปแล้วล่ะ พอเห็นว่าผมมารับคุณเธอก็ขอตัวกลับทันที เห็นบอกว่ามีนัดกับคุณแม่น่ะ”“ถ้าอย่างนั้นกลับกันเถอะค่ะ คนเริ่มมองกันใหญ่แล้ว”“เสร็จธุระแล้วใช่ไหม งั้นก็กลับกันเถอะ”เขาเปิดประตูรถให้เธอขึ้นไปนั่งและเดินอ้อมมาที่คนขับ สายตาของนักศึกษายังไม่หยุดมองคู่รักที่สวยหล่อและดูเหมาะสมกันเป็นที่สุดระหว่
หมอภาสจับเธอเปลี่ยนท่าเป็นดันหลังไปชิดกำแพงและกางขาเธอออกและเข้ากระแทกไปเอง เขาจูบเพื่อไม่ให้เสียงของอลิศดังออกไปแต่กลับยิ่งทำให้พวกเขาทนเสียวได้ไม่นาน และเสียงกระแทกของกล้ามเนื้อใต้ฝักบัวก็ดังจนทั้งคู่เกินจะทนไหว“อาา….อลิศ!!”เธอกอดคอเขาแน่นเพราะกลัวตก เมื่อค่อย ๆ ดันตัวลงมาจากผนังห้องน้ำ น้ำรักของทั้งคู่ที่พ่นเข้าไปก็ล้นออกมาจนหมอภาสต้องล้างตัวให้เธอใหม่“ฮัดชิ้ว!!”“กินข้าวเย็นแล้วก็กินยาแก้หวัดหน่อยเถอะ”“เพราะใครกันล่ะ”“อย่าโทษผมคนเดียวสิ ไม่ใช่คุณเหรอที่ยั่วผมก่อน”“หมอ นี่คุณ….”“ครับ ๆ รีบกินข้าวเถอะเดี๋ยวผมไปเตรียมยาให้”หมอภาสตักข้าวต้มที่แม่บ้านทำเอาไว้ให้พวกเขาวางไว้ที่ตรงหน้าของเธอและเดินไปที่ตู้ยาและเตรียมยาแก้หวัดให้เธอ เขาไม่โง่เถียงหรือมีปัญหากับเธอตอนนี้แน่เพราะไม่อยากถูกไล่ออกมานอนห้องของรวิศที่เมื่อก่อนเขามักจะมาอาศัยนอนบ่อย ๆ แต่วันนี้เขาต้องนอนห้องของเธอเท่านั้น“ยาครับ”“ทำไมมันเยอะนักล่ะคะหมอ”“ก็…ยาแก้ปวด ยาแก้หวัดน่ะอย่างละสองเม็ดก็เลยเยอะ รีบกินข้าวเถอะกินยาแล้วจะได้ไปพักผ่อน ผมจะไปดูคุณอาสักหน่อย”“ได้ค่ะ”หมอภาสหันไปหอมแก้มเธอและลุกไปดูพ่อของอลิศในห้องขอ
อลิศหันหน้ามามองหมอภาสที่พูดออกมา รวิศเองก็แทบจะไม่เชื่อหูตัวเองแต่ก็พยักหน้าเข้าใจเพื่อนในทันที เขาคงอยากให้อลิศพร้อมก่อนแล้วค่อยพาเธอไปที่บ้านของเขา“เอ่อ…งั้นก็ขับตามมาก็แล้วกันนะ”“โอเค เจอกันที่บ้านนายเลย”“โอเค”อลิศยิ้มออกมาได้แล้วเมื่อเธอไม่ต้องไปที่บ้านหมอภาสในวันนี้และยังได้กลับไปที่บ้านเพื่อดูแลพ่อ แม้ว่าเธอจะรู้ว่าถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้นที่จะต้องไปอยู่ดีก็ตาม“ขอบคุณนะคะหมอภาส”“ผมไม่อยากกดดันคุณ ผมเข้าใจแต่ว่า…อย่านานเกินไปนักจะได้ไหม”“ค่ะ อลิศสัญญาว่าจะไม่นานแน่นอนค่ะ แค่ตอนนี้อลิศยังเป็นห่วงคุณพ่ออยู่เท่านั้นเอง”“เป็นห่วงคุณอาหรือว่ากลัวกันแน่”“หมอคะอย่าแซวสิคะ นั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งค่ะ”“ไปกันเถอะ รีบขับตามรวิศไปเดี๋ยวรถจะติด”“ได่ค่ะ”อลิศคล้องแขนเขาเดินกลับเข้าไปด้านในโรงพยาบาลเพื่อรอเขาเปลี่ยนชุดและรีบลงมาที่ลานจอดรถและขับกลับไปที่บ้านของอลิศในทันทีบ้านของอลิศ“ตามสบายนะภาสไม่ต้องเกรงใจหรอก ไม่ได้มาที่นี่นานเลยสินะ”“ครับ ยังไม่เปลี่ยนไปเลยนะครับ”“ก็มีอาอยู่คนเดียว รวิศก็ไปนอนคอนโดใกล้ ๆ โรงงาน อลิศก็ไปนอนหอพักบ้างคอนโดบ้างเพราะติดเรียนแล้วตอนนี้ก็ติดแฟนอีก อีก
แพนเดินออกไปจากห้องพร้อมกับน้ำตาที่ยังไม่หยุดไหล แต่อลิศเองก็ไม่ได้ตามเธอไปอีกเพราะหากไม่เด็ดขาดก็จะไม่จบเพียงเท่านี้ สิ่งที่ควรพูดเธอก็พูดไปหมดแล้ว เหลือแค่ว่าเพื่อนของเธอจะคิดได้หรือไม่เท่านั้น“เฮ้อ….ทีนี้คงหมดแล้วใช่ไหม”อลิศหันมามองหน้าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดที่ยืนขยับแว่นตาอยู่ข้างหลังเธอ“อะไร มองแบบนี้คุณจะโทษผมเหรอ ผมบอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมแค่ทำตามหน้าที่ ผมไม่ได้ให้ความหวังอะไรกับใครเลยสักคน”“เหนื่อยขนาดนี้…เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมคะ”หมอภาสเดินมารวบตัวเธอเข้าไปจนชิด หน้าของเธอแทบจะชนเข้ากับกรอบแว่นตาของเขา“คิดจะหนีตอนนี้เหรอ คิดว่าเป็นไปได้หรือยังไง”“หมอคะ ถ้าเป็นตอนที่ยังฝึกงานอยู่สายตาแบบนี้อลิศอาจจะยังกลัวอยู่นะคะ แต่ตอนนี้….”จูบของเขาทำให้เธอหยุดพูดทันที มันทั้งหนักหน่วงเรียกร้อง และต้องการเธอมากกว่าครั้งไหน ๆ ลิ้นหนาที่โจมตีเข้ามาทันทีโดยที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งรับทำเอาเธอแทบจะหมดแรงทรุดไปกับพื้น“แค่จูบยังจะละลายเลยแล้วแบบนี้น่ะเหรอที่คิดจะหนี ฝันไปเถอะชาตินี้ผมไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่อลิศ”“หมอ!! โรคจิต รุนแรงเกินไปแล้ว”“หืม…คุณบอกว่าผมโรคจิตงั้นเหรอ”อลิศที่เดินถอยออกมาเพ
หมอภาสประคองอลิศเดินหันกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานและหยิบกระดาษเปียกกับสเปรย์แอลกอฮอล์มา เขานั่งคุกเข่าและถอดรองเท้าของอลิศออกมาต่อหน้าสายตาของพยาบาลทั้งสองและ…..แพนที่ยืนดูอยู่ตรงนั้น“หมอคะ อลิศทำเองก็ได้”“อยู่เฉย ๆ ผมจะฆ่าเชื้อโรคให้”“หมอภาสคะ!!”“คุณเงียบก่อน ไม่เห็นเหรอว่าผมทำอะไรอยู่เสร็จจากเช็ดเชื้อโรคจากรองเท้าแฟนผมแล้วผมค่อยคุยกับคุณ”เมื่อเช็ดเสร็จแล้วเขาก็สวมรองเท้ากลับให้กับอลิศและเดินไปล้างมือ แพนที่ยืนโกรธจนตัวสั่นหันมามองทั้งคู่ อลิศเองเมื่อเห็นแบบนี้ก็คิดว่าเธออาจจะทำรุนแรงเกินไปเพราะหมอภาสเองก็ดูเหมือนจะไม่สนใจแพนเลย“แพนมีธุระ….”“ไม่ใช่เรื่องของแก!!”แต่แพนก็ยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม ซึ่งอลิศที่มองไปแล้วรู้สึกผิดที่แอบเห็นใจเธอเมื่อครู่ หมอภาสเช็ดมือและเดินกลับมาแล้ว เขายืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานที่มีอลิศนั่งอยู่โดยที่เขาไม่ให้เธอลุกขึ้นมา“พวกคุณออกไปเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว”""ค่ะคุณหมอ""พยาบาลทั้งสองเดินกลับออกไปพร้อมกับปิดประตูอีกครั้ง หมอภาสเช็ดมือและโยนทิชชูนั้นทิ้งลงถังขยะและหันมามองแพน“เอาล่ะ คุณมีธุระอะไรกับผมอีกถึงได้มาบุกรุกห้องพักส่วนตัวของแพทย์แบบนี้ ผมจะให้โอกาสคุณพูด