""อะไรนะ!!""
อลิศกับนิวหันมามองหน้าเพื่อนสาวสองคนที่พึ่งย้ายแผนกไปช่วยที่ฝ่ายเทคนิคการแพทย์ พวกเธอหันมามองหน้าอลิศอย่างเข้าใจเพราะก่อนหน้านี้พวกเธอก็โดนมาก่อน
“ใช่ ฟังไม่ผิดหรอก ไม่ว่าพี่หนิงจะช่วยเราเอาไว้กี่ครั้ง ยัยเภสัชหญิงนั่นก็พยายามจะหาทางแกล้งพวกแกให้ได้เพราะฉันกับจอยเจอมาแล้ว”
“แกหมายถึงเภสัชคนไหน”
“เภสัชที่ชื่อนิศา สวย ๆ ในห้องยานั่นยังไงล่ะ”
""อ๋อ….""
อลิศและนิวตอบรับพร้อมกันเพราะทุกครั้งที่พวกเธอเข้าห้องนั้นไปก็จะเจอเภสัชสาวสวยคนนั้นนั่งอยู่ในห้องอยู่ก่อนแล้วและมักจะหันมาเพียงแค่พยักหน้ารับไหว้พวกเด็กฝึกงานเท่านั้นจากนั้นก็แทบจะไม่พูดอะไรอีก และเป็นคนที่นิวเลียนแบบท่าเดินเชิดของเธอเมื่อครู่นี้
“เห็นว่าว่ากันว่าเธอชอบหมอภาส”
“อะไรนะอีตาหมอปากหมา..”
“อลิศ!!”
“อุ่ย แหะ ๆ โทษที ๆ ไหนเล่ามาสิ”
“อืม นั่นแหละ แล้วทุกครั้งที่จัดยาผิดพลาดก็จะเป็นเคสของคนไข้ของหมอคนนี้แหละ พวกฉันโดนมาสามครั้งจนไม่ไหวเลยต้องขอย้ายแผนก นี่ถ้าพวกแกไม่ไหวก็ลองปรึกษาพี่หนิงดูนะเพราะครั้งก่อนพวกฉันก็ปรึกษาพี่หนิงแล้วแกก็เป็นคนหาแผนกให้ลง แกเข้าใจอยู่แล้วแต่ที่พวกเราไม่ทันได้บอกเพราะเราไม่รู้ว่าแม่นั่นจะรับน้องเร็วแบบนี้”
“อีเวรนี่!!…วอนเสียแล้วสิ”
“อลิศ!! แกช่วย..โอย ฉันจะบ้าตายนี่แกเป็นคุณหนูของศักดาวีรภักดีจริง ๆ ใช่ไหมทำไมปากแกไม่มีหูรูดแบบนี้ อย่าด่าขึ้นมาลอย ๆ แบบนี้สิวะเสียวสันหลังวาบเลย”
“แก อลิศฉันขอเตือนนะถ้าแกทนไม่ไหวย้ายแผนกจะดีกว่าอย่าไปยุ่งกับคนโรคจิตอย่างยัยนั่นเลย”
อลิศหันไปมองหน้านิวอีกครั้งและหันมามองหน้าจอยและแพนเพื่อนสาวสองคนที่รีบเอาข่าวนี้มากบอก พวกเธอได้ยินเสียงอลิศกรีดร้องจึงคิดว่าเพราะเรื่องนี้แน่ ๆ จึงรีบเดินเข้ามาเตือนเพื่อน ๆ
“มันเรื่องอะไรที่ต้องมาแกล้งกันแบบนี้ อีแก่นี่มันวอนแล้วเล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับอลิศเหรอ”
“อลิศ แกอย่าบอกนะว่าแกจะ….”
“แพน แกก็รู้จักฉันดีมันแกล้งฉันหนึ่งครั้ง ฉันก็จะเอาคืนหนึ่งครั้ง ฉันไม่มีทางปล่อยให้มันแกล้งฉันฝ่ายเดียวหรอก”
“แต่ว่านางร้ายมากเลยนะอลิศ แล้วเราก็เป็นเด็กฝึก จอยว่าอลิศใจเย็น ๆ ก่อนนะ”
“เราไม่สนหรอกจอย ถ้าฝึกที่นี่ไม่ได้ก็ย้ายไปฝึกที่อื่น แต่จะมาปล่อยให้คนที่ชอบแกล้งคนอื่นเพราะตัวเองไม่มีปัญญาเข้าหาผู้ชายที่ชอบได้ เราปล่อยไปไม่ได้จริง ๆ ไหนว่ามาสิว่ามันแกล้งอะไรพวกเธอบ้าง”
จอยและแพนหันมามองหน้ากันอย่างกังวลแต่ก็ยอมเล่าว่าหนึ่งสัปดาห์นรกที่ย้ายไปที่คลังยาพวกเธอโดนอะไรมาบ้าง แต่ละเรื่อง
เภสัชกรสาวนี้มักจะลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ก่อนหน้านั้นพวกเธอเองก็ไม่เคยรู้เลยว่าจะเป็นนิศาที่อยู่เบื้องหลังความผิดพลาดนี้จนวันหนึ่งที่แพนเผลอไปชมคุณหมอภาสให้เธอได้ยิน หลังจากวันนั้นที่คลังยานั่นก็เปรียบดังนรกสำหรับพวกเธอ
“แพน เราจะแก้แค้นแทนเธอเอง”
“อลิศ อย่าเลยแกอย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเลย เรารู้ว่าแกเป็นห่วงเพื่อนแต่เรารอดพ้นมาแล้ว ไม่อยากให้พวกแกไปยุ่งถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงเถอะ”
“ไม่ต้องกลัว เราไม่ทำแบบโจ่งแจ้งแบบนั้นหรอก ไว้ใจได้”
“เอาน่า รอฟังข่าวก็แล้วกัน”
หลังจากวันนั้นพวกเธอก็ไม่เจอแพนกับจอยอีกเพราะแผนกที่สองคนนั้นฝึกอยู่คนละชั้นกับอลิศและนิว ซึ่งหลังจากวันนั้นอลิศก็พยายามพูดเกี่ยวกับหมอภาสขึ้นมาให้นิศาได้ยินบ่อย ๆ และยังพยายามบอกว่าเธอจะเป็นคนเอารายงานไปให้หมอภาส
“หมอภาสชมฉันด้วยล่ะว่าเรียนรู้งานเร็ว เอ๊ะหรือว่าฉันจะมาสมัครและบรรจุงานที่นี่ดีนะ หมอภาสเองก็ไม่ได้ดุอย่างที่ร่ำลือกันเลยนี่นา น่ารักมาก ๆ ด้วย หมอกิตก็บอกว่าพวกเราทำงานได้เร็วไม่เหมือนพนักงานเก่าแก่แต่ไร้อารมณ์เหมือนคน ทำงานเหมือนพวกโรบอทบางคน”
“อลิศ เบาหน่อยสิ”
“อ้อ งั้นเดี๋ยวเราขอตัวเอารายงานไปให้ “หมอภาส” ก่อนนะนิว เดี๋ยวคุณหมอจะรอนาน”
“ได้สิเดี๋ยวเราจะเอาไปให้ที่ห้องแล็บชั้นแปดเหมือนกัน”
“ไปเถอะ อ้อพี่นิศาคะ ยาที่จัดเอาไว้ให้วางอยู่ตรงนั้นนะคะ อลิศฝากด้วยนะคะ”
นิศาหันมามองหน้าทั้งคู่ แวบหนึ่งอลิศแอบเห็นสายตาที่โกรธจัดแต่ก็เปลี่ยนเป็นขยับแว่นตาของนิศาแทน
“อืม ได้เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง”
“ขอบคุณค่ะพี่นิศา”
อลิศสังเกตมือที่ขยับแว่นแม้จะดูปกติแต่ยังสั่นเล็กน้อยด้วยความโกรธที่พยายามเก็บแต่ไม่มิด เธอมองออกตั้งแต่แรกแล้วว่านิศาโกรธแต่สองวันมานี้นิศาหาทางแกล้งพวกเธอไม่ได้เลย
เพราะยาทุกถาดที่อลิศและนิวเป็นคนจัดให้คนไข้ของหมอภาส พวกเธอจะเดินนำไปส่งเจ้าหน้าที่เองโดยไม่ผ่านนิศาและจะไม่จัดยาทิ้งเอาไว้ข้ามคืนเหมือนที่จอยและแพนพลาดก่อนหน้านี้
“ฉันไม่ชอบเลยว่ะที่ต้องคอยระแวงแล้วอยู่กับคนแบบนี้ อลิศแกจะเลิกยั่วโมโหพี่นิศาไม่ได้เหรอ”
“ถ้าไม่ยั่วแล้วสันดานจริงจะออกมาเหรอ”
“อลิศแกเบาเสียงแกหน่อย”
“พูดเรื่องจริงนี่นิวฉันจะบอกให้นะนี่แค่ตอนฝึกงาน เราอาจจะไม่เจอกับคนแบบนี้บ่อย ๆ แต่ว่าในชีวิตการทำงานจริง ๆ มันโหดร้ายกับแกมากกว่านี้ แกต้องรับมือกับคนแบบนี้ให้ได้ มันยังมีอีกหลายสันดานเลยล่ะที่เราต้องเรียนรู้”
“อืม ฉันก็รู้แหละว่าเราคงหนีไม่พ้นคนพวกนี้ แต่ฉันก็ทำอย่างแกไม่ไหวว่ะฉันไม่มีความกล้ามากเกินไป”
“หึ ก่อนหน้านั้นฉันก็ไม่ต่างกับแกมากนักหรอก แต่บางอย่างในชีวิตมันจะสอนให้เราเข้มแข็งเอง”
“อืม โอเคต่อไปฉันจะเอาอย่างแกให้ได้มากกว่า….นี้ อลิศฉันไปก่อนนะ”
“อ้าว ไม่ขึ้นลิฟต์ไป….”
เธอรู้เหตุผลแล้วว่าทำไมจู่ ๆ เพื่อนของเธอต้องรีบวิ่งไปใช้ลิฟต์ที่ไกลกว่า เพราะอาจารย์หมอภาสที่เดินหน้าตึงเข้ามาหาอลิศนี่เอง แต่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นาไม่เห็นจะต้องกลัวและรายงานนี้เธอก็เป็นคนหาเรื่องเอามาให้เขาเอง
“นักศึกษาฝึกงาน มีธุระอะไรที่นี่งั้นเหรอ”
“เอ่อ คุณหมอคะ นี่รายงานจากห้องยาวันนี้ค่ะ”
“อ้อ เดี๋ยวก่อนอย่าพึ่งไปนี่รายการยาที่ต้องจัดคุณช่วยเอาไปให้เภสัชและช่วยจัดมาด้วยอย่างละชุด แล้วระวังอย่าจัดผิดอีกล่ะ”
“ทราบแล้วค่ะ….."
"ที่จริงที่จัดผิดไม่เคยเป็นพวกนักศึกษาหรอกย่ะ เชอะ” (พูดพึมพำกับตัวเองเบา ๆ)
เธอพูดกระซิบ ๆ บ่นกับตัวเองแต่หมอภาสที่ยืนทวนรายงานนั้นได้ยินทุกคำเพียงแต่เขาไม่ได้ถามเพราะตามนิสัยของเขาไม่ชอบคุยกับคนอื่นนอกจากเรื่องงาน โดยเฉพาะกับพวกสาว ๆ นักศึกษาพวกนี้เพราะเขามองว่าพวกเธอดูน่ารำคาญมากกว่าจะช่วยงานจริง ๆ จัง เหมือนเจ้าหน้าที่ได้
“ผมต้องการยาพวกนั้นอีกครึ่งชั่วโมง”
“ทราบแล้วค่ะ”
“อ้อ…”
เขาเรียกเธอไว้อีกครั้ง
“เอามาให้ผมที่ห้อง เดี๋ยวผมจัดการเอง”
“แต่ว่า…”
“รายงานที่จัดยาผิดสามครั้งในหนึ่งสัปดาห์ รบกวนเอามาให้ผมตรวจสอบก่อนจะส่งให้ผู้ป่วยผมไม่อยากมีปัญหาทีหลังเพราะความไม่เป็นมืออาชีพของนักศึกษาฝึกงาน มันจะทำให้โรงพยาบาลเสียชื่อ”
“ก็บอกแล้วไง!!…ว่า...”
“คุณหมอภาสคะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ”
นิศาเดินตามหลังอลิศมาและเห็นว่าเธอคุยกับหมอภาสอยู่
“เหยื่อติดเบ็ดแล้ว”
อลิศพูดเบา ๆ ก่อนที่จะหันไปยิ้มให้หมอภาสแทนจนหมอภาสหันมามองเธอด้วยสีหน้าแปลกใจ เมื่อครู่นี้เธอไม่ใช่กำลังจะขึ้นเสียงกับเขาหรอกเหรอ
“ทราบแล้วค่ะหมอภาส เดี๋ยวอลิศจะรีบไปจัดยาชุดนี้ด้วยตัวเองเลยนะคะแล้วจะรีบนำมาให้คุณหมอค่ะ รอก่อนนะคะไม่ถึงสิบนานทีเดี๋ยวอลิศจะรีบเอามาให้นะคะ”
เธอยิ้มหวานส่งให้หมอภาสที่ยืนแข็งทื่อและทำตัวไม่ถูกกับอารมณ์ของอลิศที่เปลี่ยนไปรวดเร็วแต่เมื่อนิศาเดินเข้ามาและอลิศหันไปทักทายเธอเขาจึงรีบขยับแว่นเพื่อปรับอารมณ์อีกครั้ง“พี่นิศา ไม่เฝ้าห้องยาเหรอคะมาทำอะไรที่นี่คะ”“ไม่ใช่ธุระของเด็กฝึกงานที่จะมาถาม”“อ้อ อลิศไม่ได้จะถามแบบนั้นค่ะ ก็ก่อนหน้านี้มันเคยมีปัญหาว่ายาที่พวกอลิศจัดเอาไว้ก่อนส่งไปไม่มีปัญหาแต่พอส่งไปถึงเค้าน์เตอร์กลับถูกสับเปลี่ยน อลิศก็เลยกลัวโดนแกล้งอีกน่ะค่ะ หมอภาสเองก็พึ่งเตือนว่าผิดพลาดสามครั้งในหนึ่งสัปดาห์ อลิศไม่อยากให้มันผิดพลาดบ่อย โดยเฉพาะเคสผู้ป่วยของคุณหมอภาส ไม่ต้องห่วงนะคะคุณหมอจากนี้อลิศจะดูแลเรื่องยาให้คุณหมอด้วยตัวเองค่ะ จะได้ไม่ผิดพลาด”“นี่เธอ….”“ขอตัวก่อนนะคะผู้ป่วยคงรอยาแล้ว รออลิศนะคะหมอภาส”อลิศรีบหันไปและเบ้ปากเพราะความเมื่อยที่พยายามยิ้มนั้นทันทีพร้อมกับรีบเดินหนีไปทันทีก่อนที่ใครระหว่างสองคนนี้จะพูดอะไรขึ้นมาแต่ก็ไม่มีเพราะหมอภาสเองกำลังตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าแต่นิศาพยายามเก็บอาการเพราะกลัวว่าหมอภาสจะมองเธอไม่ดี“หมอภาสคะ อย่าไปฟังนะคะเด็กนั่นพูดจาเรื่อยเปื่อย”“คุณมีธุระอะไรที่นี่งั้นเหรอคุณนิศา
เขามองเธอด้วยสายตานิ่ง ๆ แต่ลุ่มลึกเกินคาดเดา อลิศไม่ชอบเขาเอาเสียเลยเพราะตั้งแต่เธอฝึกงานอยู่ที่นี่เกือบเดือน พบเขาไม่กี่ครั้งและทุกครั้งก็เจอแต่ปัญหาซึ่งเขาก็ไม่เคยให้โอกาสใครได้อธิบาย เพียงแค่ด่า ต่อว่าและเดินออกไป“คุณพูดอะไร ก็ยานี่….”“คุณก็ดูก่อนสิคะแล้วค่อยด่า”“นี่คุณ!! หัดมีมารยาทหน่อย คุณเด็กกว่าผมตั้งกี่ปี”“ก็เงียบแล้วหัดฟังบ้างสิคะ!! กำลังจะพูดอยู่นี่ยังไงถ้าคุณไม่เงียบแล้วฟังจะรู้เรื่องไหมล่ะคะ”หมอภาสโกรธจนหน้าแดงก่ำ ชีวิตเป็นอาจารย์แพทย์มาเกือบสามปียังไม่เคยมีครั้งไหนหรือคนไหนกล้าตะเบ็งเสียงหรือตะคอกเขาแบบที่เธอกำลังทำมาก่อน“สองนาที”“ก็แค่นั้นแหละ ฟังคนอื่นบ้างจะตายหรือยังไง”“พูดมาได้แล้ว!!”“โอ๊ย!! พูดแล้วค่ะ คุณหมอดูนี่ค่ะ”อลิศวางถุงยาที่เขาบอกว่าผิดลงที่โต๊ะของเขาซึ่งนั่นยิ่งทำให้เขามีโทสะที่รุนแรงขึ้น เขาไม่รู้เลยว่าเธอต้องการจะพูดอะไร“อะไร โยนถุงยาใส่ผมแล้วคิดว่าผมจะเข้าใจอะไร คุณจะบอกว่าผมเป็นคนใส่ร้ายคุณโดยการใส่ยานี่ลงในถาดหรือไง”“ใช่ค่ะ”“นี่คุณ!! มากไปแล้วนะ!!”“ก็เพราะหมอเป็นแบบนี้ไงล่ะคะ ฟังอะไรก็ฟังไม่จบไม่เคยฟังอะไรเลยและคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดถูกอย
สิ่งที่หมอศุภกิตต์พูดออกมาดังพอที่คนในกาแฟนั้นจะได้ยินจนหมด และทุกสายตาก็กลับมาจดจ้องอยู่ที่อลิศแทนเมื่อถูกคุณหมอหนุ่มเนื้อหอมของโรงพยาบาลมาขอเป็นแฟนในร้านกาแฟของโรงพยาบาล“เอ่อ….”“พี่ว่าเราไปหาที่นั่งก่อนดีไหม”“ค่ะ ดีค่ะ”อลิศทำตัวไม่ถูกเธอทั้งดีใจ ทั้งอายและก็ตกใจเมื่อคนที่เป็นรักแรกของเธอมาเอ่ยปากขอคบกับเธอ ก่อนหน้านี้เธอแอบเอาขนม คุกกี้และของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปให้เขาตลอด เจอบ้างไม่เจอบ้างแล้วแต่โอกาสมาจนถึงวันนี้ไม่นึกว่าเขาจะมองเห็นความพยายามของเธอจนได้ อลิศนั่งลงเพื่อสงบจิตใจแต่คุณหมอกลับเลือกจะมานั่งข้าง ๆ เธอ“พี่สั่งให้แล้วนะ”“ค่ะ”“แล้วคำตอบล่ะ”“คะ??”“ที่พี่ถามไปเมื่อกี้นี้ไงลืมแล้วเหรอ”“คุณหมอคะ…คือ…เมื่อกี้นี้พูด…จริงเหรอคะ”“เอ๊าน้องอลิศครับมีใครจะพูดเล่นกันเรื่องนี้ล่ะ”“ตะ…ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ที่…”“หมายถึงพี่น่ะเหรอ พี่ชอบอลิศมานานแล้วตั้งแต่อลิศเรียนปีสองแต่ตอนนั้นพี่ต้องทำงานแล้วพึ่งเป็นหมอเต็มตัวช่วงนั้นก็เลยไม่มีเวลาน่ะ ว่ายังไง อลิศจะลองให้โอกาสพี่สักครั้งได้ไหมครับ”“ให้โอกาสงั้นเหรอคะ อลิศ….ไม่คิดแบบนั้น คือว่าที่จริงแล้ว…”“ครับ”อลิศคิดไม่ถึงว่าจะมีวันน
“เหอะ ๆ ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”“อลิศ มีอะไรเหรอ”“ที่แท้พวกเขาก็เป็นแฟนกันนี่เองถึงว่าล่ะถึงได้สั่งให้พวกเราย้ายแผนก ที่แท้ก็คงกลัวแฟนตัวเองโดนสอบสวนสินะ ทุเรศที่สุด”“อลิศแกเบาเสียงหน่อย”“เอาเถอะ ทนอีกแค่สองเดือนก็จะไปให้พ้น ๆ ที่นี่แล้ว”เธอนั่งดื่มน้ำจนหมดและหันไปมองสายตาที่หันมามองเธอแวบหนึ่งของหมอภาส เขายังไม่ได้ถอดชุดสำหรับผ่าตัดสีฟ้าออก อลิศหันไปมองและเบ้ปากไปทางอื่นก่อนจะบีบแก้วกระดาษในมือและโยนทิ้งถังขยะ“อลิศ จะไปไหน”“กลับห้องทำงาน”“ไปด้วยสิ”หมอภาสที่หรี่ตามองพวกเธอที่เดินออกไปจากที่นั่งในห้องเบรกและกำลังจะเดินตามอลิศไปแต่พยาบาลที่เค้าน์เตอร์เรียกเขาเอาไว้ก่อน“คุณหมอคะ ช่วยเซ็นเอกสารตรงนี้หน่อยค่ะ คนไข้จะออกจากโรงพยาบาลวันนี้ค่ะ”“อย่าลืมตรวจสอบเอกสารให้ดีก่อนที่คนไข้จะออกจากโรงพยาบาล เคสนี้ต้องนัดมาตรวจเพิ่ม”สามสี่วันที่เหลืออลิศก็ยังทำงานตามที่ได้รับมอบหมายตามปกติ เธอรู้สึกสนุกกับงานและคุ้นเคยกับพี่ ๆ พยาบาลในแผนกนี้แล้วเพราะทุกคนต่างก็เป็นกันเองกับพวกเธอและยังรู้ว่าเธอเป็นแฟนสาวของคุณหมอกิตที่มักจะแวะมาหาเธอและรับเธอไปนั่งกินข้าวด้วยที่ห้องอาหารของแพทย์“น่าอิจฉาจั
อลิศหันไปมองหน้าที่เย็นชาไร้ความรู้สึกที่พูดเสียงเรียบ ๆ นั้นออกมา เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขากับญานิศาถึงได้มีปัญหากับเธอนัก แล้วทำไมยัยนั่นต้องมีปัญหาทุกครั้งที่เธอต้องเป็นคนไปรับยามาให้เขาทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอก็ทำงานของเธอปกติ“คุณหมอคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวและอลิศเองก็ไม่เคยเอาเรื่องของคุณหมอกิตมาเกี่ยวข้องกับการทำงาน อลิศทำงานเต็มที่ที่ได้รับมอบหมายแต่พวกคุณต่างหากที่ต้องการอะไรกันแน่ ทำไมคนที่ทำผิดยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในโรงพยาบาลได้แต่คนที่ถูกตำหนิและสั่งย้ายแผนกถึงต้องเป็นพวกอลิศ”“นี่คุณคิดว่าการที่คุณถูกสั่งย้ายมานี่…คือการกลั่นแกล้งงั้นเหรอ”“แล้วไม่ใช่เหรอคะ พวกคุณแค่สั่งย้ายแต่ไม่ได้อธิบายเหตุผลอะไรให้ทราบเลยนี่คะ”หมอภาสนั่งลงที่เก้าอี้ของเขาและเป็นครั้งแรกที่เขาถอดแว่นออกมา สายตาของเขาอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดเพราะก่อนหน้านี้เขาอยู่ในห้องผ่าตัดมาเกือบแปดชั่วโมงและเมื่อออกมาต้องมาพบความผิดพลาดเดิม ๆ อีกครั้ง และครั้งนี้เขาจะไม่อยู่เฉย ๆ อีกแล้ว“คุณเข้าใจแบบนั้นมาตลอดเลยสินะถึงได้…ช่างเถอะ เหลืออีกแค่ไม่กี่วัน ฝืนใจหน่อยก็แล้วกัน ออกไปได้แล้ว”อลิศอดไม่ได้ที่จะหันไปมองใบหน้า
สามวันที่เหลือนี้อลิศช่วยงานของหมอภาสได้มากทีเดียวทั้งช่วยตรวจสอบยาและเตรียมยาสำหรับผู้ป่วยที่จะออกจากโรงพยาบาลโดยที่เขาไม่ต้องตรวจซ้ำพยาบาลที่กำลังยุ่งกับเรื่องอื่นมีเธอช่วยก็ผ่อนแรงไปได้มากจนตอนนี้หมอภาสแทบจะเดินติดกับอลิศเวลาที่จะมีผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล“เดี๋ยวคุณสั่งเพิ่มโดสของยาแก้ปวด อ้อแล้วก็เพิ่มปลาสเตอร์กันน้ำไปด้วยกันแผลปริระหว่างที่ผู้ป่วยรอนัดอีกครั้ง”“ทราบแล้วค่ะคุณหมองั้นอลิศส่งรายการไปที่ห้องยาเลยนะ”“อ้อเดี๋ยวนะอลิศ คุณช่วยเพิ่มยาทาป้องกันรอยแผลเป็นไปด้วยผมเกือบลืมไปเลยคนไข้ค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องรอยแผลเป็นหลังจากการผ่าตัดน่ะ”“ได้ค่ะ แต่ว่ายานี้ต้องทาหลังจากที่เปลี่ยนเป็นปลาสเตอร์ธรรมดาแล้วนะคะคุณหมอจะจ่ายให้ตอนนี้เลยเหรอ”“เอ่อ นั่นสิ…ดูผมสิ มั่วไปหมดแล้ว เอาเป็นว่า…”“งั้นให้เธอกินยาไปก่อนดีไหมคะ ยาตัวนี้แก้ผลข้างเคียงได้หากว่าเธอกลัว นัดครั้งหน้าตอนที่แกะปลาสเตอร์เปลี่ยนเป็นแบบธรรมดาแล้วค่อยสั่งจ่ายอีกครั้ง”“ได้ เอาตามคุณว่ามาเลย ไปเถอะ ฝ่ายการเงินน่าจะมาถึงตอนก่อนเที่ยงจะได้ไม่เสียเวลาคุณไปทานข้าว”“ได้ค่ะคุณหมอ ไม่มีรายการอื่นเพิ่มแล้วใช่ไหมคะ”“ไม่มีแล้วรีบไป
ราวกับทุกอย่างตรงหน้าหยุดลงกะทันหัน และดูเหมือนกับบางอย่างในร่างกายของทั้งคู่เต้นเป็นจังหวะเดียวกันเมื่อหมอภาสค่อย ๆ บดริมฝีปากหนาที่ถูกเธอกัดเมื่อครู่นี้ลงไปและละเมียดสอนเธอเบา ๆ อย่างใจเย็นอลิศค่อย ๆ ใช้มือเรียวโอบรอบคอของหมอภาสเบา ๆ ลิ้นหนาค่อย ๆ ส่งเข้าไปในปากเธออย่างระมัดระวังเพราะเขาไม่อยากถูกกัดอีกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นแบบนั้น เธอเรียนรู้ได้ไวเกินกว่าที่เขาจะคิด“อลิศ พอแค่นี้ก่อนไหม”เธอดันตัวเขาล้มลงไปที่เตียงอย่างไม่ทันตั้งตัวและขึ้นมาคร่อมตัวเขาทันทีพร้อมกับก้มลงจูบเขาอีกครั้ง หมอภาสรู้สึกว่าความอดทนของเขาขาดผึงลงในตอนนี้เองที่เธอตัดสินใจ เขาจับร่างบางพลิกลงไปและเปลี่ยนเป็นคนเดินเกมเองในทันที“คุณแน่ใจแล้วนะ ถ้าเรามาถึงขั้นนี้ จะถอยตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว อลิศ ผมให้โอกาสคุณ….”แต่เธอไม่ให้โอกาสเขาได้พูดเลยเมื่อเธอลุกขึ้นมาและจูบเขาอีกครั้ง เดรสสวยถูกเขากระชากออกมา ไหล่ขาวเนียนปรากฏแก่สายตา หมอภาสถอดแว่นออกแล้วและเริ่มดึงเสื้อเชิ้ตของเขาโดยมีเธอที่ช่วยปลดกระดุมให้ ปากของทั้งคู่แทบจะไม่ห่างกันเมื่อเริ่มปลดปล่อยสิ่งที่กีดขวางทางออก“อ๊าา….นี่มันอะไร”“ใจเย็น ๆ เราพึ่งเริ่ม ไม่ต้องรีบ”
อลิศที่ยืนตัวแข็งทื่อถึงกับต้องหันไปมองพวกเขาอีกครั้ง“นี่…อื้ออ”ทั้งสองคนที่สุดทางเดินหันมามองแต่ทางเดินก็ไร้ผู้คน ไม่มีใครอยู่“อ๊าา อย่าเลียตรงนี้สิคะ เปิดห้องเร็วเข้าที่นี่ไม่ใช่คอนโดคุณนะคะหมอกิตเร็วเถอะค่ะจอยทนไม่ไหวอยากจะกินคุณแล้ว”“อย่ารีบร้อนสิ ไหนบอกว่าคืนนี้จะทำทั้งคืนไงล่ะคนสวย”“คุณนี่มันร้ายนะคะ พอรู้ว่าจะมาที่นี่ก็เตรียมตัวเลยสินะ”“พูดมากรีบไปเถอะผมทนไม่ไหวแล้ว”“อ๊าา…หมอกิตคะ อ๊า”น้ำตาอลิศไหลลงไปโดนฝ่ามือของหมอภาสที่ปิดปากเธออยู่ทำให้เขารู้ว่าเธอคงเจ็บปวดมากแค่ไหนที่ต้องมาเห็นภาพของแฟนหนุ่มในสภาพนี้ เขาพึ่งตามมาในตอนเย็นนี้เองแต่ก็พอจะรู้ว่าหมอกิตหายไปจากปาร์ตี้และเขาเห็นแล้วว่าอลิศเองก็กำลังจะขึ้นมา แต่ไม่คิดว่าสองคนนั้นจะ…..“อลิศ คุณ….ไหวไหม”“ฮือ…”“เข้ามาก่อนไหม”เขาเปิดห้องแล้วเธอจึงรีบวิ่งเข้าไป เมื่อครู่นี้เขาดึงตัวเธอเข้ามาที่ซอกของห้องพักได้ทันก่อนที่หมอกิตจะหันมาเห็นพวกเขา แต่นึกไม่ถึงว่าจะทำให้อลิศได้รับฟังเรื่องที่ไม่สมควรจะได้ฟัง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หมอกิตหักหลังเธอ และไม่ใช่กับใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนของเธอเองที่ย้ายไปที่แผนกของเขา หมอภาสปิดประตูและถ
วันถัดมา“ไม่เอา ๆ เพชรน้ำไม่งามเลย ต้องเอาใหญ่ ๆ หน่อย ไม่เอา ๆ ไม่มีอันไหนสวยเลย”“คุณ คนแต่งน่ะตาภาสกับอลิศนะ ทำอย่างกับคุณจะแต่งเสียเอง”“ไม่ได้ค่ะ คุณก็รู้นี่คะงานหมั้นนี่สำคัญนะจะให้น้อยหน้าได้ยังไง ทั้งร้านนี่เอาไว้ใส่เล่น ๆ อ่ะได้ แต่ให้สวมจริง อลิศ…แม่คิดว่าคงต้องสั่งทำใหม่นะลูก หนูรอได้ไหม”“คุณแม่ครับ…”“แกหุบปากไปเลย นะอลิศนะตามใจแม่สักเรื่องหนึ่งนะลูก”“เอ่อ…พี่ภาสคะ อลิศคิดว่า….”“เอาตามนี้แหละ มาเธอมาจดสิ่งที่ฉันบอก ส่วนเธอวัดขนาดนิ้วให้พวกเขาด้วย ภาสเลือกแหวนที่ดูดีหน่อยเอาให้น้องไปใส่เล่น ๆ ก่อน เดี๋ยววงจริงค่อยเปิดตัวพร้อมงานหมั้น”“ถ้าอย่างนั้นเลือกแล้วผมพาอลิศไปเลยนะครับมีธุระต่ออีก”“เออ ๆ จะไปไหนก็ไปวันนี้อนุญาตแม่จะต้องสั่งของอีกเยอะเลย มานี่ ๆ เธอไปเรียกคุณธิวามาหน่อย เจ้าของร้านของพวกเธอน่ะ ฉันจะต้องสั่งงานที่พิเศษหน่อย”หมอภาสได้โอกาสเมื่อพวกเขาเลือกแหวนหมั้นที่เอามาสวมเป็นการชั่วคราวไปก่อนสองวงเสร็จแล้วก็รีบพาอลิศออกมาทันที ตอนเช้าเขาตั้งใจว่าจะออกมากับอลิศสองคนใครจะคิดว่าแม่รู้แผนของเขาโดยการมาดักรอกินข้าวเช้าด้วยและให้คุณพ่อเขาขับรถตามมา แต่เย็นนี้พวกเขาม
“แม่ครับเดี๋ยวก่อนนะครับแม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะแล้วฟังผม”หมอภาสหันไปมองคุณแม่และเริ่มควบคุมสถานการณ์เพราะดูแล้วแม่ของเขาจะใจร้อนกว่าใครในที่นี้เลย“ก็พูดมาสิ”“คือผมขออลิศกับคุณอาแล้ว ส่วนเวลาที่นัดทานข้าวผมก็แค่รอให้คุณพ่อคุณแม่บินกลับมาก่อนแล้วนัดเวลาคุณอาพิชิตอีกครั้งเพราะท่านเองก็พึ่งออกจากโรงพยาบาลและยังต้องทำงานด้วย เรื่องเวลาคุยกันได้ครับส่วนเรื่องแหวน ผมจะพาอลิศไปวันพรุ่งนี้อยู่แล้ว เรื่องเรือนหอก็เหมือนกัน”หมอภาสอธิบายทุกอย่างให้แม่เขาฟัง นับว่าเป็นการอธิบายที่ครบถ้วน สมบูรณ์แบบและน่าทึ่งมากสำหรับอลิศที่ได้แต่นั่งฟังเพราะมันทั้งสั้นและได้ใจความ คุณแม่ของเขาเริ่มนิ่งลงจนพ่อของหมอภาสเริ่มพูดขึ้นมา“คุณก็เป็นแบบนี้ทุกที ผมบอกแล้วไงว่าภาสมันไม่พลาดหรอกคุณก็ไม่ไว้ใจลูก เห็นไหมละเขาทำจนหมดแล้วเหลือแค่ให้คุณจัดงานแต่งให้เท่านั้นแหละ”“ก็ใครจะไปรู้ล่ะลูกคุณมันต่างจากคุณที่ไหน มีอะไรมันก็ไม่เคยพูด จะแต่งเมียทั้งทีพวกเรายังรู้เป็นคนสุดท้ายเลยไม่ใช่เหรอ”“แม่ครับ ถ้าผมยังไม่มั่นใจมีเหรอที่จะบอกแม่ได้ ไม่ใช่ไปแอบจับคู่มั่ว ๆ ให้ผมเหมือนครั้งก่อนนั้นอีก ผมเกือบสิ้นอาชีพเลยนะครับอย่าทำอีกนะคร
หมอภาสหันมามองหน้าคนที่เขาพึ่งจะเรียกเธอว่า “แม่” ที่หันไปมองลูกชายตัวเองสลับกับมองอลิศที่ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเอาไว้ เธอไม่เคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อนเลย หมอภาสเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เธอ“ผมไม่ได้จะปิดบังแต่ขอเวลาให้ผมกับเมียอาบน้ำก่อนจะไปพบไม่ได้เหรอครับทำไมต้องรีบขนาดนั้น”“จะไม่ให้ฉันรีบได้ยังไง!!”อลิศเริ่มกลัวเสียงที่แผดดังขึ้นเรื่อย ๆ ของคนตรงหน้าที่พุ่งเข้ามานั่งจนชิดเธอ แม้ว่าหมอภาสจะห้ามและยกมือขึ้นมากันแต่ก็ถูกเธอปัดออกไปก็ตาม“ดูสิ รังแกน้องจนช้ำไปหมด นิสัยเสียเชียวนะแก!!”“แล้วแม่ไม่อยากได้หลานหรือไง ทำเป็นพูดมากใครกันล่ะที่บอกผมว่าให้รีบ ๆ มีลูกน่ะ ทีนี้จะมาบ่นทำไม”“หุบปากแกไปเลย ออกไปอยู่กับพ่อแกไป”“ไม่!! แม่จะพูดอะไรกับอลิศผมก็จะนั่งฟังด้วย”“ไอ้หมาหวงก้าง!!”อลิศเริ่มปรับความรู้สึกไม่ถูกแล้วเมื่อฟังหมอภาสและคุณแม่ของเขาเถียงกันแต่สุดท้าย คุณแม่ของเขาก็หันมาจับมือเธอและมองเธอให้ชัดโดยที่อลิศรู้สึกอายมากเมื่อต้องมาพบกันครั้งแรกด้วยสภาพที่เธอเป็นแบบนี้“หนูสวยมากลูกสาวคุณแม่ สวยจนนึกไม่ถึงว่าแม่จะได้หนูมาเป็นลูกสาว”“ลูกสะใภ้!! ครับแม่ ไม่ใช่ลูกสาว”“หุบปากแกไปเลย!!”อล
มือของอลิศจับที่แท่งแกร่งตรงหน้าและค่อย ๆ รูดขึ้นลงตามจังหวะ หมอภาสที่นั่งคุกเข่าอยู่แทบจะทนไม่ได้เมื่อถูกแฟนสาวตรงหน้าใช้ปากกับส่วนนี้ของเขาเป็นครั้งแรก“อลิศ …..อย่านะ อาาา!!!”ยิ่งหมอภาสร้องครางดังเท่าไหร่ อลิศก็ยิ่งได้ใจมากขึ้นเธอรูดจนหัวที่บานออกมาเกือบจะพุ่งชนหน้าของเธอ ลิ้นนุ่มของเธอจึงไล้เลียไปที่ยอดปลายบานนั้นทันที หมอภาสที่ไม่เคยถูกปลุกเร้าอารมณ์แบบนี้มาก่อนมีหรือจะทนความเสียวแบบนี้ไหว เขาทรุดลงแต่อลิศยังไม่ยอมหยุด เธอค่อย ๆ อมมันเข้าไปและรวบเข้าไปจนสุดโคน“อาา…อลิศ ผมเสียว….อาาา”เธอใช้ปากรูดขึ้นลงตามจังหวะสลับกับดูดและโลมเลียจนหมอภาสเริ่มไขว่คว้าหาที่จับเอาไว้ให้มั่น เสียงนิ้วมือหนาที่จิกไปที่โซฟาหนังหรูหรานั้นยิ่งทำให้อลิศรู้สึกเหมือนกับผู้ชนะ“อลิศ ผมจะ…แตก ถอยออกมาก่อน”อลิศไม่พูดอะไรแต่เธอไม่ยอมห่างเจ้าลำเอ็นแข็งตึงตรงหน้านั้นและยังอมเอาไว้ในปาก นิ้วเรียวยาวเอื้อมมากระตุ้นเขาเพิ่มที่ยอดหน้าอกสีเข้มของหมอภาส เธอรู้สึกว่าขนอ่อนของเขาลุกขึ้นชูชันอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน“อาา อลิศ ถ้าคุณไม่ออกผมจะแตกใส่ปากคุณนะ!!”“รีบมาสิคะที่รัก แตกมาได้เลย”“อาาา อลิศ!!!”เพียงแค่สิ
แพนเดินกลับไปแล้วพร้อมกับรอยยิ้มและเธอยังเช็ดน้ำตาให้อลิศด้วย อลิศเองก็เดินกลับออกมาและก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเพื่อน ๆ นักศึกษาทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ต่างก็หันไปมองหนุ่มหล่อที่สวมแว่นกับเสื้อเชิ้ตลำลองสีฟ้ากางเกงสแลคและยืนพิงรถยุโรปหรูของเขาอยู่“หมอภาส”หมอภาสยกมือถือขึ้นเป็นสัญญาณและเดินเข้ามาหาเธอ คนรอบ ๆ ต่างมองทั้งคู่เมื่อหมอภาสเดินมารับแฟนสาวที่พึ่งเดินออกมาจากหน้าคณะของเธอ“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ล่ะครับ”“เอ่อ…เมื่อกี้คงอยู่ในกระเป๋าน่ะค่ะก็เลยไม่ทันได้เห็น หมอ…เลิกงานแล้วเหรอคะไหนบอกว่าวันนี้มีผ่าตัดใหญ่ไงล่ะคะ แล้วนี่มาที่นี่ดูสิตกเป็นเป้าสายตาเลย”“ทำไมล่ะ ก็แค่มารับคุณเองนะ ใครจะมองเขามีตาก็มองไปสิไม่เห็นต้องสนใจเลย”“คุณก็เป็นเสียแบบนี้แหละ รีบกลับกันไหมคะอลิศเสร็จธุระแล้ว ว่าแต่นิว…”“กลับไปแล้วล่ะ พอเห็นว่าผมมารับคุณเธอก็ขอตัวกลับทันที เห็นบอกว่ามีนัดกับคุณแม่น่ะ”“ถ้าอย่างนั้นกลับกันเถอะค่ะ คนเริ่มมองกันใหญ่แล้ว”“เสร็จธุระแล้วใช่ไหม งั้นก็กลับกันเถอะ”เขาเปิดประตูรถให้เธอขึ้นไปนั่งและเดินอ้อมมาที่คนขับ สายตาของนักศึกษายังไม่หยุดมองคู่รักที่สวยหล่อและดูเหมาะสมกันเป็นที่สุดระหว่
หมอภาสจับเธอเปลี่ยนท่าเป็นดันหลังไปชิดกำแพงและกางขาเธอออกและเข้ากระแทกไปเอง เขาจูบเพื่อไม่ให้เสียงของอลิศดังออกไปแต่กลับยิ่งทำให้พวกเขาทนเสียวได้ไม่นาน และเสียงกระแทกของกล้ามเนื้อใต้ฝักบัวก็ดังจนทั้งคู่เกินจะทนไหว“อาา….อลิศ!!”เธอกอดคอเขาแน่นเพราะกลัวตก เมื่อค่อย ๆ ดันตัวลงมาจากผนังห้องน้ำ น้ำรักของทั้งคู่ที่พ่นเข้าไปก็ล้นออกมาจนหมอภาสต้องล้างตัวให้เธอใหม่“ฮัดชิ้ว!!”“กินข้าวเย็นแล้วก็กินยาแก้หวัดหน่อยเถอะ”“เพราะใครกันล่ะ”“อย่าโทษผมคนเดียวสิ ไม่ใช่คุณเหรอที่ยั่วผมก่อน”“หมอ นี่คุณ….”“ครับ ๆ รีบกินข้าวเถอะเดี๋ยวผมไปเตรียมยาให้”หมอภาสตักข้าวต้มที่แม่บ้านทำเอาไว้ให้พวกเขาวางไว้ที่ตรงหน้าของเธอและเดินไปที่ตู้ยาและเตรียมยาแก้หวัดให้เธอ เขาไม่โง่เถียงหรือมีปัญหากับเธอตอนนี้แน่เพราะไม่อยากถูกไล่ออกมานอนห้องของรวิศที่เมื่อก่อนเขามักจะมาอาศัยนอนบ่อย ๆ แต่วันนี้เขาต้องนอนห้องของเธอเท่านั้น“ยาครับ”“ทำไมมันเยอะนักล่ะคะหมอ”“ก็…ยาแก้ปวด ยาแก้หวัดน่ะอย่างละสองเม็ดก็เลยเยอะ รีบกินข้าวเถอะกินยาแล้วจะได้ไปพักผ่อน ผมจะไปดูคุณอาสักหน่อย”“ได้ค่ะ”หมอภาสหันไปหอมแก้มเธอและลุกไปดูพ่อของอลิศในห้องขอ
อลิศหันหน้ามามองหมอภาสที่พูดออกมา รวิศเองก็แทบจะไม่เชื่อหูตัวเองแต่ก็พยักหน้าเข้าใจเพื่อนในทันที เขาคงอยากให้อลิศพร้อมก่อนแล้วค่อยพาเธอไปที่บ้านของเขา“เอ่อ…งั้นก็ขับตามมาก็แล้วกันนะ”“โอเค เจอกันที่บ้านนายเลย”“โอเค”อลิศยิ้มออกมาได้แล้วเมื่อเธอไม่ต้องไปที่บ้านหมอภาสในวันนี้และยังได้กลับไปที่บ้านเพื่อดูแลพ่อ แม้ว่าเธอจะรู้ว่าถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้นที่จะต้องไปอยู่ดีก็ตาม“ขอบคุณนะคะหมอภาส”“ผมไม่อยากกดดันคุณ ผมเข้าใจแต่ว่า…อย่านานเกินไปนักจะได้ไหม”“ค่ะ อลิศสัญญาว่าจะไม่นานแน่นอนค่ะ แค่ตอนนี้อลิศยังเป็นห่วงคุณพ่ออยู่เท่านั้นเอง”“เป็นห่วงคุณอาหรือว่ากลัวกันแน่”“หมอคะอย่าแซวสิคะ นั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งค่ะ”“ไปกันเถอะ รีบขับตามรวิศไปเดี๋ยวรถจะติด”“ได่ค่ะ”อลิศคล้องแขนเขาเดินกลับเข้าไปด้านในโรงพยาบาลเพื่อรอเขาเปลี่ยนชุดและรีบลงมาที่ลานจอดรถและขับกลับไปที่บ้านของอลิศในทันทีบ้านของอลิศ“ตามสบายนะภาสไม่ต้องเกรงใจหรอก ไม่ได้มาที่นี่นานเลยสินะ”“ครับ ยังไม่เปลี่ยนไปเลยนะครับ”“ก็มีอาอยู่คนเดียว รวิศก็ไปนอนคอนโดใกล้ ๆ โรงงาน อลิศก็ไปนอนหอพักบ้างคอนโดบ้างเพราะติดเรียนแล้วตอนนี้ก็ติดแฟนอีก อีก
แพนเดินออกไปจากห้องพร้อมกับน้ำตาที่ยังไม่หยุดไหล แต่อลิศเองก็ไม่ได้ตามเธอไปอีกเพราะหากไม่เด็ดขาดก็จะไม่จบเพียงเท่านี้ สิ่งที่ควรพูดเธอก็พูดไปหมดแล้ว เหลือแค่ว่าเพื่อนของเธอจะคิดได้หรือไม่เท่านั้น“เฮ้อ….ทีนี้คงหมดแล้วใช่ไหม”อลิศหันมามองหน้าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดที่ยืนขยับแว่นตาอยู่ข้างหลังเธอ“อะไร มองแบบนี้คุณจะโทษผมเหรอ ผมบอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมแค่ทำตามหน้าที่ ผมไม่ได้ให้ความหวังอะไรกับใครเลยสักคน”“เหนื่อยขนาดนี้…เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมคะ”หมอภาสเดินมารวบตัวเธอเข้าไปจนชิด หน้าของเธอแทบจะชนเข้ากับกรอบแว่นตาของเขา“คิดจะหนีตอนนี้เหรอ คิดว่าเป็นไปได้หรือยังไง”“หมอคะ ถ้าเป็นตอนที่ยังฝึกงานอยู่สายตาแบบนี้อลิศอาจจะยังกลัวอยู่นะคะ แต่ตอนนี้….”จูบของเขาทำให้เธอหยุดพูดทันที มันทั้งหนักหน่วงเรียกร้อง และต้องการเธอมากกว่าครั้งไหน ๆ ลิ้นหนาที่โจมตีเข้ามาทันทีโดยที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งรับทำเอาเธอแทบจะหมดแรงทรุดไปกับพื้น“แค่จูบยังจะละลายเลยแล้วแบบนี้น่ะเหรอที่คิดจะหนี ฝันไปเถอะชาตินี้ผมไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่อลิศ”“หมอ!! โรคจิต รุนแรงเกินไปแล้ว”“หืม…คุณบอกว่าผมโรคจิตงั้นเหรอ”อลิศที่เดินถอยออกมาเพ
หมอภาสประคองอลิศเดินหันกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานและหยิบกระดาษเปียกกับสเปรย์แอลกอฮอล์มา เขานั่งคุกเข่าและถอดรองเท้าของอลิศออกมาต่อหน้าสายตาของพยาบาลทั้งสองและ…..แพนที่ยืนดูอยู่ตรงนั้น“หมอคะ อลิศทำเองก็ได้”“อยู่เฉย ๆ ผมจะฆ่าเชื้อโรคให้”“หมอภาสคะ!!”“คุณเงียบก่อน ไม่เห็นเหรอว่าผมทำอะไรอยู่เสร็จจากเช็ดเชื้อโรคจากรองเท้าแฟนผมแล้วผมค่อยคุยกับคุณ”เมื่อเช็ดเสร็จแล้วเขาก็สวมรองเท้ากลับให้กับอลิศและเดินไปล้างมือ แพนที่ยืนโกรธจนตัวสั่นหันมามองทั้งคู่ อลิศเองเมื่อเห็นแบบนี้ก็คิดว่าเธออาจจะทำรุนแรงเกินไปเพราะหมอภาสเองก็ดูเหมือนจะไม่สนใจแพนเลย“แพนมีธุระ….”“ไม่ใช่เรื่องของแก!!”แต่แพนก็ยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม ซึ่งอลิศที่มองไปแล้วรู้สึกผิดที่แอบเห็นใจเธอเมื่อครู่ หมอภาสเช็ดมือและเดินกลับมาแล้ว เขายืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานที่มีอลิศนั่งอยู่โดยที่เขาไม่ให้เธอลุกขึ้นมา“พวกคุณออกไปเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว”""ค่ะคุณหมอ""พยาบาลทั้งสองเดินกลับออกไปพร้อมกับปิดประตูอีกครั้ง หมอภาสเช็ดมือและโยนทิชชูนั้นทิ้งลงถังขยะและหันมามองแพน“เอาล่ะ คุณมีธุระอะไรกับผมอีกถึงได้มาบุกรุกห้องพักส่วนตัวของแพทย์แบบนี้ ผมจะให้โอกาสคุณพูด