สิ่งที่หมอศุภกิตต์พูดออกมาดังพอที่คนในกาแฟนั้นจะได้ยินจนหมด และทุกสายตาก็กลับมาจดจ้องอยู่ที่อลิศแทนเมื่อถูกคุณหมอหนุ่มเนื้อหอมของโรงพยาบาลมาขอเป็นแฟนในร้านกาแฟของโรงพยาบาล
“เอ่อ….”
“พี่ว่าเราไปหาที่นั่งก่อนดีไหม”
“ค่ะ ดีค่ะ”
อลิศทำตัวไม่ถูกเธอทั้งดีใจ ทั้งอายและก็ตกใจเมื่อคนที่เป็นรักแรกของเธอมาเอ่ยปากขอคบกับเธอ ก่อนหน้านี้เธอแอบเอาขนม คุกกี้และของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปให้เขาตลอด เจอบ้างไม่เจอบ้างแล้วแต่โอกาส
มาจนถึงวันนี้ไม่นึกว่าเขาจะมองเห็นความพยายามของเธอจนได้ อลิศนั่งลงเพื่อสงบจิตใจแต่คุณหมอกลับเลือกจะมานั่งข้าง ๆ เธอ
“พี่สั่งให้แล้วนะ”
“ค่ะ”
“แล้วคำตอบล่ะ”
“คะ??”
“ที่พี่ถามไปเมื่อกี้นี้ไงลืมแล้วเหรอ”
“คุณหมอคะ…คือ…เมื่อกี้นี้พูด…จริงเหรอคะ”
“เอ๊าน้องอลิศครับมีใครจะพูดเล่นกันเรื่องนี้ล่ะ”
“ตะ…ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ที่…”
“หมายถึงพี่น่ะเหรอ พี่ชอบอลิศมานานแล้วตั้งแต่อลิศเรียนปีสองแต่ตอนนั้นพี่ต้องทำงานแล้วพึ่งเป็นหมอเต็มตัวช่วงนั้นก็เลยไม่มีเวลาน่ะ ว่ายังไง อลิศจะลองให้โอกาสพี่สักครั้งได้ไหมครับ”
“ให้โอกาสงั้นเหรอคะ อลิศ….ไม่คิดแบบนั้น คือว่าที่จริงแล้ว…”
“ครับ”
อลิศคิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ วันที่เธอได้คบกับคนที่เธอชอบอย่างหมอกิต เธอเฝ้ามองเขาตั้งแต่วันแรกที่เขาแนะนำตัวเองในบ้านวันงานเลี้ยงวันเกิดคุณพ่อของเธอ นึกไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนเอ่ยปากเรื่องนี้เอง
“ค่ะ ตกลงค่ะ เรา…ลองคบกันก่อนก็ได้ค่ะ”
“เยี่ยมไปเลย งั้นวันนี้พี่ไปส่งอลิศนะ”
“คะ??”
“อลิศพักคอนโดไม่ใช่เหรอ พี่ถามรวิศมาก่อนแล้วเห็นบอกว่าแยกมาอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะวันนี้อลิศนัดนิวเอาไว้ว่าจะไปซื้อของด้วยกัน”
“งั้นเหรอ ไม่เป็นไรเอาไว้โอกาสหน้าก็แล้วกัน ว่าแต่วันเสาร์นี้ว่างไหมไปดูหนังกัน”
“ว่างค่ะ ว่าง….”
“งั้นวันเสาร์พี่ไปรับ”
“ค่ะ”
เรื่องที่เธอคบกับหมอกิตเป็นข่าวลือไปทั่วโรงพยาบาลจนเธอแทบจะนั่งไม่ติดเมื่อมีหลายคนที่พยายามมองเข้ามาที่เค้าน์เตอร์จัดยาที่เธอทำอยู่
“อลิศ เรื่องจริงเหรอที่แกกับหมอกิต…”
“ใช่ ๆ แต่เอาไว้คุยกันที่อื่นเถอะ วันนี้….”
“พวกเธอ ตามฉันมา”
นิศาเดินมาที่เธอสองคนอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรอีกเมื่อพวกเธอถูกเรียกไปแบบนี้ อลิศส่งยาถาดสุดท้ายให้เจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์และเดินตามนิศาเข้าไป พี่หนิงรอพวกเธออยู่ในห้อง
“สวัสดีค่ะพี่หนิง”
“มาพอดีเลย เก็บของเถอะ พี่จะพาไปที่แผนกศัลยกรรม”
""อะไรนะคะ!!""
“ย้ายแผนกยังไงล่ะ โชคดีนะอยากก่อเรื่องดีนักนี่”
อลิศหันไปมองหน้านิศาที่เธอพึ่งจะมีเรื่องด้วยเมื่อวานนี้และยังเป็นเธอที่แจ้งเรื่องนี้ไปกับหมอภาส แต่นึกไม่ถึงว่านอกจากเขาจะไม่ทำอะไรญานิศาแล้วยังสั่งย้ายเธอกับนิวไปที่แผนกอื่นอีก
แต่ดูท่าทางของนิวจะดีใจมากกว่าที่จะอยู่ที่นี่ อลิศมองหน้าหนิงและรีบเก็บของโดยไม่ได้สอบถามอะไรเพิ่มเติม แต่ในใจนั้นทั้งโกรธและไม่พอใจคุณหมอหน้าโหดที่เธอคุยด้วยเมื่อวานนี้
“เป็นเขาใช่ไหมคะพี่หนิง”
“อะไรเหรอคะ”
“คนที่สั่งให้พวกเราย้ายแผนก”
“เฮ้อ…ใช่แล้วล่ะ”
“ทำไมคะ แทนที่จะ…”
“ฟังพี่ก่อนนะ เรื่องนี้หมอภาสมาปรึกษาพี่แล้วและคิดว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุด”
“เพราะอะไรคะ ทั้ง ๆ ที่คนที่กลั่นแกล้งคนอื่น ทำผิดซึ่ง ๆ หน้าคือ…”
“อลิศ!! พอเถอะ”
“นิวอย่าพึ่งพูด อลิศเกือบจะได้หลักฐานแล้วแต่ทางคุณหมอภาสกลับ….”
“รีบไปรายงานตัวเถอะ ถ้ามีคำถามก็ลองไปถามคุณหมอที่ดูแลต่อจากนี้เถอะนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่หนิง”
นิวดึงแขนเพื่อปรามอลิศเอาไว้เพราะพี่หนิงเองแม้จะเข้าใจว่าอลิศไม่พอใจแต่เธอเป็นเพียงแอตมินที่ทำหน้าที่ประสานงานและดูแลความเรียบร้อยรับคำสั่งจากที่ประชุมมาเท่านั้น
“ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย”
“เอาเถอะฉันโอเคมากเลยที่ได้ย้ายแผนก”
“นิว แล้วแกแน่ใจได้เหรอว่าอยู่แผนกนี้แล้วแกจะไม่เจอคนอย่าง…ช่างเถอะเราก็แค่เด็กฝึกงานนี่นะ ฉันจะจำเอาไว้ว่าจะไม่มีทางใช้วิธีนี้แก้ปัญหาที่บริษัทเด็ดขาด”
“น้องคะ ที่นี่เราดำเนินการโดยอาศัยคนหมู่มากและมีกฎระเบียบ ถ้าน้องไม่พอใจทำไมไม่เลือกฝึกงานกับบริษัทที่บ้านแทนล่ะคะ พี่เองไม่เข้าใจว่าน้องต้องการจะให้ผู้ใหญ่จัดการอะไรแต่เท่าที่หาทางออกกันทางนี้ในเวลานี้เหมาะสมที่สุดแล้วหากว่าน้องไม่พอใจ เชิญค่ะ เข้าไปคุยเองเลย”
พี่หนิงหันมามองหน้าอลิศที่ยังคงดื้ออยู่เพราะเธอเป็นลูกคนเล็กและไม่ชอบการเอารัดเอาเปรียบแบบนี้ที่สุด เธอไม่ได้ทำผิดอะไรแต่ทำไมต้องถูกย้ายแผนกแต่คนที่ทำผิดกลับลอยหน้าอยู่ที่เดิม
“พี่จะเตือนอะไรให้นะ เรื่องบางเรื่องแม้ว่าเราไม่ได้เห็นแต่ก็ไม่ใช่ว่าผู้ใหญ่จะไม่รู้และไม่จัดการ แต่เขามีวิธีการจัดการที่เด็ดขาดมากกว่าจะฟังความอย่างเดียว”
อลิศเริ่มคิดได้จากที่พี่หนิงพูดขึ้นมานี่เองเพราะสายตาของหนิงอลิศเป็นคนที่มีความสามารถเพียงแต่เธอดื้อรั้นและหัวแข็งไปหน่อยเท่านั้นเอง การไปชนตรง ๆ กับญานิศาถือว่าเธอเสียเปรียบ เธอเข้าใจเหตุผลของหมอภาสที่สั่งย้ายเด็กฝึกงานในครั้งนี้ดี อลิศยกมือขึ้นไหว้หนิงอีกครั้ง
“หนูขอโทษค่ะพี่หนิง หนูใจร้อนเกินไปหน่อย”
หนิงยิ้มและตบไหล่ของอลิศเบา ๆ ด้วยความเข้าใจ
“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจอลิศนะเพราะพี่รู้และพี่ก็เสียดายความสามารถของเด็กฝึกงานชุดนี้ ดีแล้วที่ย้ายแผนกมาที่นี่ ไม่ต้องไปทนกับเรื่องงี่เง่าที่นั่นหรอก คนเก่งอยู่ที่ไหนก็ฉายแววได้เสมอ สู้ ๆ นะ”
“ขอบคุณค่ะพี่หนิง”
“รีบไปรายงานตัวเถอะ”
พวกเธอเดินเข้าไปในห้องเพื่อรายงานตัวกับคุณหมอในแผนก พี่หนิงเป็นคนแนะนำพวกเธอ มีเพียงคนเดียวที่ไม่อยู่ในห้องนี้คือคุณหมอภาสเพราะเขามีผ่าตัดใหญ่ตั้งแต่เช้า
“ฝากตัวด้วยนะคะ”
“เอาล่ะอลิศ นี่เป็นหน้าที่คร่าว ๆ ที่ทางคุณหมอลิสต์ออกมา ลองดูหน่อยนะติดขัดยังไงบอกพวกพี่ได้เลย”
“ไปรับยาและส่งรายงาน ตรวจยาที่รับมาจากห้องยาเพื่อส่งให้แพทย์”
นับว่าการย้ายแผนกครั้งนี้เธอได้ทำหน้าที่ที่ดีกว่าการจัดยาเพราะพวกเธอมีโอกาสที่จะได้เรียนรู้สรรพคุณและคุณสมบัติบางตัวของยาบางประเภทผ่านจากคุณหมอผู้ชำนาญการ
และทุกครั้งคุณหมอที่สั่งให้พวกเธอเช็กรายงานก็จะถามเธอเกี่ยวกับยาที่ต้องไปเอาก่อนทุกครั้งซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างดีกว่าการนั่งอยู่เฉย ๆ ที่ห้องยามากนัก และที่สำคัญคือไม่ต้องเจอคนอย่างญานิศาอีก
“เฮ้อ…วันนี้เหนื่อยจริง ๆ”
“เหนื่อยแต่ทำไมถึงยิ้มล่ะ คิดถึงหมอกิตอีกแล้วเหรอ”
“บ้าเหรอไม่ใช่ เหนื่อยแต่ก็สนุกมากเลยได้ความรู้ใหม่ ๆ อีกเยอะเลย”
“นั่นสิ นึกไม่ถึงว่าสิ่งที่เรียนในแล็บกับสถานการณ์จริงจะแตกต่างกันขนาดนี้ สนุกกว่า….”
นิวส่งสายตาให้อลิศมองสาวสวยที่เดินมาที่เค้าน์เตอร์พยาบาลและถามหาหมอภาส ซึ่งเขายังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัดเลยตั้งแต่เช้า
“เธอก็มาที่นี่ทุกวันนั่นแหละ”
“จริงเหรอ มาทำไม”
คำตอบไม่ได้อยู่ที่ไหนไกลเมื่อนิศาเดินกลับออกไปแล้วเพราะพี่ ๆ พยาบาลที่แผนกยืนคุยกันจนพวกเธอได้ยิน
“เธอไม่รู้เหรอว่าหมอภาสดุขนาดไหน ทำแบบนี้บ่อย ๆ มีหวังโดนคุณหมอภาสทิ้งเข้าสักวัน”
“เหอะ ๆ ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”“อลิศ มีอะไรเหรอ”“ที่แท้พวกเขาก็เป็นแฟนกันนี่เองถึงว่าล่ะถึงได้สั่งให้พวกเราย้ายแผนก ที่แท้ก็คงกลัวแฟนตัวเองโดนสอบสวนสินะ ทุเรศที่สุด”“อลิศแกเบาเสียงหน่อย”“เอาเถอะ ทนอีกแค่สองเดือนก็จะไปให้พ้น ๆ ที่นี่แล้ว”เธอนั่งดื่มน้ำจนหมดและหันไปมองสายตาที่หันมามองเธอแวบหนึ่งของหมอภาส เขายังไม่ได้ถอดชุดสำหรับผ่าตัดสีฟ้าออก อลิศหันไปมองและเบ้ปากไปทางอื่นก่อนจะบีบแก้วกระดาษในมือและโยนทิ้งถังขยะ“อลิศ จะไปไหน”“กลับห้องทำงาน”“ไปด้วยสิ”หมอภาสที่หรี่ตามองพวกเธอที่เดินออกไปจากที่นั่งในห้องเบรกและกำลังจะเดินตามอลิศไปแต่พยาบาลที่เค้าน์เตอร์เรียกเขาเอาไว้ก่อน“คุณหมอคะ ช่วยเซ็นเอกสารตรงนี้หน่อยค่ะ คนไข้จะออกจากโรงพยาบาลวันนี้ค่ะ”“อย่าลืมตรวจสอบเอกสารให้ดีก่อนที่คนไข้จะออกจากโรงพยาบาล เคสนี้ต้องนัดมาตรวจเพิ่ม”สามสี่วันที่เหลืออลิศก็ยังทำงานตามที่ได้รับมอบหมายตามปกติ เธอรู้สึกสนุกกับงานและคุ้นเคยกับพี่ ๆ พยาบาลในแผนกนี้แล้วเพราะทุกคนต่างก็เป็นกันเองกับพวกเธอและยังรู้ว่าเธอเป็นแฟนสาวของคุณหมอกิตที่มักจะแวะมาหาเธอและรับเธอไปนั่งกินข้าวด้วยที่ห้องอาหารของแพทย์“น่าอิจฉาจั
อลิศหันไปมองหน้าที่เย็นชาไร้ความรู้สึกที่พูดเสียงเรียบ ๆ นั้นออกมา เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขากับญานิศาถึงได้มีปัญหากับเธอนัก แล้วทำไมยัยนั่นต้องมีปัญหาทุกครั้งที่เธอต้องเป็นคนไปรับยามาให้เขาทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอก็ทำงานของเธอปกติ“คุณหมอคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวและอลิศเองก็ไม่เคยเอาเรื่องของคุณหมอกิตมาเกี่ยวข้องกับการทำงาน อลิศทำงานเต็มที่ที่ได้รับมอบหมายแต่พวกคุณต่างหากที่ต้องการอะไรกันแน่ ทำไมคนที่ทำผิดยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในโรงพยาบาลได้แต่คนที่ถูกตำหนิและสั่งย้ายแผนกถึงต้องเป็นพวกอลิศ”“นี่คุณคิดว่าการที่คุณถูกสั่งย้ายมานี่…คือการกลั่นแกล้งงั้นเหรอ”“แล้วไม่ใช่เหรอคะ พวกคุณแค่สั่งย้ายแต่ไม่ได้อธิบายเหตุผลอะไรให้ทราบเลยนี่คะ”หมอภาสนั่งลงที่เก้าอี้ของเขาและเป็นครั้งแรกที่เขาถอดแว่นออกมา สายตาของเขาอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดเพราะก่อนหน้านี้เขาอยู่ในห้องผ่าตัดมาเกือบแปดชั่วโมงและเมื่อออกมาต้องมาพบความผิดพลาดเดิม ๆ อีกครั้ง และครั้งนี้เขาจะไม่อยู่เฉย ๆ อีกแล้ว“คุณเข้าใจแบบนั้นมาตลอดเลยสินะถึงได้…ช่างเถอะ เหลืออีกแค่ไม่กี่วัน ฝืนใจหน่อยก็แล้วกัน ออกไปได้แล้ว”อลิศอดไม่ได้ที่จะหันไปมองใบหน้า
สามวันที่เหลือนี้อลิศช่วยงานของหมอภาสได้มากทีเดียวทั้งช่วยตรวจสอบยาและเตรียมยาสำหรับผู้ป่วยที่จะออกจากโรงพยาบาลโดยที่เขาไม่ต้องตรวจซ้ำพยาบาลที่กำลังยุ่งกับเรื่องอื่นมีเธอช่วยก็ผ่อนแรงไปได้มากจนตอนนี้หมอภาสแทบจะเดินติดกับอลิศเวลาที่จะมีผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล“เดี๋ยวคุณสั่งเพิ่มโดสของยาแก้ปวด อ้อแล้วก็เพิ่มปลาสเตอร์กันน้ำไปด้วยกันแผลปริระหว่างที่ผู้ป่วยรอนัดอีกครั้ง”“ทราบแล้วค่ะคุณหมองั้นอลิศส่งรายการไปที่ห้องยาเลยนะ”“อ้อเดี๋ยวนะอลิศ คุณช่วยเพิ่มยาทาป้องกันรอยแผลเป็นไปด้วยผมเกือบลืมไปเลยคนไข้ค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องรอยแผลเป็นหลังจากการผ่าตัดน่ะ”“ได้ค่ะ แต่ว่ายานี้ต้องทาหลังจากที่เปลี่ยนเป็นปลาสเตอร์ธรรมดาแล้วนะคะคุณหมอจะจ่ายให้ตอนนี้เลยเหรอ”“เอ่อ นั่นสิ…ดูผมสิ มั่วไปหมดแล้ว เอาเป็นว่า…”“งั้นให้เธอกินยาไปก่อนดีไหมคะ ยาตัวนี้แก้ผลข้างเคียงได้หากว่าเธอกลัว นัดครั้งหน้าตอนที่แกะปลาสเตอร์เปลี่ยนเป็นแบบธรรมดาแล้วค่อยสั่งจ่ายอีกครั้ง”“ได้ เอาตามคุณว่ามาเลย ไปเถอะ ฝ่ายการเงินน่าจะมาถึงตอนก่อนเที่ยงจะได้ไม่เสียเวลาคุณไปทานข้าว”“ได้ค่ะคุณหมอ ไม่มีรายการอื่นเพิ่มแล้วใช่ไหมคะ”“ไม่มีแล้วรีบไป
ราวกับทุกอย่างตรงหน้าหยุดลงกะทันหัน และดูเหมือนกับบางอย่างในร่างกายของทั้งคู่เต้นเป็นจังหวะเดียวกันเมื่อหมอภาสค่อย ๆ บดริมฝีปากหนาที่ถูกเธอกัดเมื่อครู่นี้ลงไปและละเมียดสอนเธอเบา ๆ อย่างใจเย็นอลิศค่อย ๆ ใช้มือเรียวโอบรอบคอของหมอภาสเบา ๆ ลิ้นหนาค่อย ๆ ส่งเข้าไปในปากเธออย่างระมัดระวังเพราะเขาไม่อยากถูกกัดอีกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นแบบนั้น เธอเรียนรู้ได้ไวเกินกว่าที่เขาจะคิด“อลิศ พอแค่นี้ก่อนไหม”เธอดันตัวเขาล้มลงไปที่เตียงอย่างไม่ทันตั้งตัวและขึ้นมาคร่อมตัวเขาทันทีพร้อมกับก้มลงจูบเขาอีกครั้ง หมอภาสรู้สึกว่าความอดทนของเขาขาดผึงลงในตอนนี้เองที่เธอตัดสินใจ เขาจับร่างบางพลิกลงไปและเปลี่ยนเป็นคนเดินเกมเองในทันที“คุณแน่ใจแล้วนะ ถ้าเรามาถึงขั้นนี้ จะถอยตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว อลิศ ผมให้โอกาสคุณ….”แต่เธอไม่ให้โอกาสเขาได้พูดเลยเมื่อเธอลุกขึ้นมาและจูบเขาอีกครั้ง เดรสสวยถูกเขากระชากออกมา ไหล่ขาวเนียนปรากฏแก่สายตา หมอภาสถอดแว่นออกแล้วและเริ่มดึงเสื้อเชิ้ตของเขาโดยมีเธอที่ช่วยปลดกระดุมให้ ปากของทั้งคู่แทบจะไม่ห่างกันเมื่อเริ่มปลดปล่อยสิ่งที่กีดขวางทางออก“อ๊าา….นี่มันอะไร”“ใจเย็น ๆ เราพึ่งเริ่ม ไม่ต้องรีบ”
อลิศที่ยืนตัวแข็งทื่อถึงกับต้องหันไปมองพวกเขาอีกครั้ง“นี่…อื้ออ”ทั้งสองคนที่สุดทางเดินหันมามองแต่ทางเดินก็ไร้ผู้คน ไม่มีใครอยู่“อ๊าา อย่าเลียตรงนี้สิคะ เปิดห้องเร็วเข้าที่นี่ไม่ใช่คอนโดคุณนะคะหมอกิตเร็วเถอะค่ะจอยทนไม่ไหวอยากจะกินคุณแล้ว”“อย่ารีบร้อนสิ ไหนบอกว่าคืนนี้จะทำทั้งคืนไงล่ะคนสวย”“คุณนี่มันร้ายนะคะ พอรู้ว่าจะมาที่นี่ก็เตรียมตัวเลยสินะ”“พูดมากรีบไปเถอะผมทนไม่ไหวแล้ว”“อ๊าา…หมอกิตคะ อ๊า”น้ำตาอลิศไหลลงไปโดนฝ่ามือของหมอภาสที่ปิดปากเธออยู่ทำให้เขารู้ว่าเธอคงเจ็บปวดมากแค่ไหนที่ต้องมาเห็นภาพของแฟนหนุ่มในสภาพนี้ เขาพึ่งตามมาในตอนเย็นนี้เองแต่ก็พอจะรู้ว่าหมอกิตหายไปจากปาร์ตี้และเขาเห็นแล้วว่าอลิศเองก็กำลังจะขึ้นมา แต่ไม่คิดว่าสองคนนั้นจะ…..“อลิศ คุณ….ไหวไหม”“ฮือ…”“เข้ามาก่อนไหม”เขาเปิดห้องแล้วเธอจึงรีบวิ่งเข้าไป เมื่อครู่นี้เขาดึงตัวเธอเข้ามาที่ซอกของห้องพักได้ทันก่อนที่หมอกิตจะหันมาเห็นพวกเขา แต่นึกไม่ถึงว่าจะทำให้อลิศได้รับฟังเรื่องที่ไม่สมควรจะได้ฟัง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หมอกิตหักหลังเธอ และไม่ใช่กับใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนของเธอเองที่ย้ายไปที่แผนกของเขา หมอภาสปิดประตูและถ
อลิศรีบลุกจากเตียงทันทีและเริ่มเก็บของรวมถึงชุดของเธอและค่อย ๆ ย่องเข้าห้องน้ำเมื่อเธอสวมชุดเสร็จแล้วเดินออกจากห้องน้ำก็พบว่าคุณหมอภาสยืนรอเธออยู่หน้าห้องน้ำเขาสวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำแค่ตัวเดียว“จะไปไหนแต่เช้าเหรอ”“หมอภาสคะ คือ….เมื่อคืนนี้อลิศ…”“คุณคิดจะรับผิดชอบผมยังไง”“คะ??”อลิศหันมาถลึงตามองเขาอีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตาและไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ออกมา ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้เธอเป็นคนเสียหายหรอกเหรอ แต่คนที่กำลังถามหาความรับผิดชอบอยู่ตรงนี้…กลับเป็นเขางั้นเหรอ“เอ่อ…หมอคะ เมื่อกี้นี้คุณบอกว่า…”“คุณทำให้ผมเสียหาย แล้วคิดจะกินทิ้งกินขว้างแบบนี้เลยเหรอง่ายไปหน่อยมั้ง”“เดี๋ยวนะคะอลิศยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยค่ะหมอ ใจเย็น ๆ แล้วค่อย ๆ คุยกันนะคะ”เขาเดินเข้ามาดึงรวบตัวเธอมากอดและอุ้มไปที่เตียงอีกครั้ง อลิศตอนนี้ได้สติเต็มที่ ความทรงจำเมื่อคืนนี้เริ่มกลับมาครบถ้วนก็ตอนที่หมอภาสอุ้มเธอกลับมาที่เตียงนี้อีกครั้งนี่เอง“หมอคะ….”“ผมถามคุณคำเดียว คุณจำเรื่องเมื่อคืนนี้ได้บ้างไหม”อลิศสบตาเขา ในตอนเช้าที่เขาไม่สวมแว่นและมีแค่เสื้อคลุมตัวเดียวเมื่อเธอได้มองแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาช่างน่ามองมากจร
เขายืนบังอลิศเอาไว้ซึ่งเธอก็ไม่ได้จะกลัวหมอกิตเลยแม้แต่น้อยและจับแขนหมอภาสเอาไว้ เมื่อหมอกิตโกรธจนหน้าแดงและต้องการคุยกับเธอ“อลิศ พี่ถามว่า….”“ถามตัวเองก่อนเถอะค่ะ ทำไมหมอกิตออกมาจากห้องคนเดียวล่ะคะ”“แล้วจะให้พี่ออกมากับใคร”“ยังจะถามอีกเหรอคะ เมื่อคืนหมอกิตไม่ได้เข้าห้องไปกับจอยงั้นเหรอคะ ที่อลิศกับหมอภาสเห็นพวกคุณแทบจะยืนขี่กันหน้าห้องอยู่แล้ว”“อลิศ!! ทำไมพูดไม่เพราะแบบนี้”“หมอภาสคะ อลิศ…”“เงียบไปเลย เอากระเป๋าเข้าห้องไปก่อน”“ไม่เอาค่ะ อลิศจะพูดกับเขาให้รู้เรื่อง”“ยังไม่ต้อง…หมอกิต อีกยี่สิบนาทีผมกับอลิศจะลงไปคุยกับคุณที่ห้องอาหารก็แล้วกัน เวลานี้น่าจะกินกันครบแล้ว”“ทำไมผมต้อง….”หมอภาสใช้มือกันอลิศเอาไว้จนมิดเพื่อไม่เปิดโอกาสให้หมอกิตได้คุยกับเธออีก สายตาของหมอภาสนิ่งและเยือกเย็นจนหมอกิตไม่กล้าพูดมาก ในเมื่อพวกเขารู้เรื่องของจอยเมื่อคืนแล้ว….“ก็ได้ ผมจะลงไปรอพวกคุณข้างล่าง”หมอกิตเดินผ่านทั้งคู่ไป หมอภาสกันอลิศเอาไว้ไม่ให้เธอมองหน้าหมอกิตได้อีกเพราะเขากลัวว่าเธอจะเผลอร้องไห้ออกมา เขาหันกลับมามองเธอที่ก้มหน้าอยู่ข้างหลังเขา“อลิศ เป็นอะไร….คุณทำอะไรเนี่ย”เขาหันไปและตะคอกค
“วะ…ว่ายังไงนะ”“แพน ไปเถอะ”“เดี๋ยวก่อน!! อลิศนี่หมายความว่ายังไง เธอจะเหมาหมอทั้งโรงพยาบาลเลยงั้นเหรอ พึ่งรู้นะว่าเธอสำส่อนขนาดนี้”“เพี๊ยะ!!”“อลิศ!!”หมอกิตและหมอภาสเดินกลับมา ฝ่ามือบางฟาดไปที่หน้าบอบบางของแพนจนเกิดรอยแดง ตอนนี้ไม่เพียงแค่พวกเธอแต่คนอื่น ๆ ด้านนอกก็เริ่มหันมามองแล้วว่าด้านในนี้เกิดอะไรขึ้น“อลิศ…แกตบฉันเหรอ”“หนึ่ง แพนเธอเข้าใจผิดที่บอกว่าฉันเหมาหมอทั้งโรงพยาบาลเพราะว่าฉันกับหมอกิตแค่คบกันเป็นแฟน และความสัมพันธ์นั้น มันจบไปตั้งแต่เมื่อคืนที่เขาเข้าห้องไปกับเพื่อนของเธอแล้ว”“อลิศ เรา…”“พอเถอะจอย เรื่องก็เกิดขึ้นแล้วนอนก็นอนด้วยกันแล้วนี่”“เราขอโทษ”“สองก็คือเรื่องส่วนตัวของฉันไม่จำเป็นต้องบอกกับเธอทุกเรื่อง พอสักทีกับท่าทีเสแสร้งอ่อนแอและเป็นคุณหนูที่น่าสงสารนี่ แพนเธอก็รู้ว่าคนอย่างฉันไม่ได้ยอมให้ใครมายืนด่าง่าย ๆ ตบนี้แค่สั่งสอนเรื่องที่เธอพูดออกมาวันนี้ หากไม่มีอะไรแล้ว พวกเธอก็กลับเถอะ ครั้งนี้ฉันจะลืมไปเสียว่ามันเคยเกิดขึ้น”“ลืมเหรอ อลิศเธอก็รู้ว่าฉัน…ฉันชอบคุณหมอภาส”อลิศยืนกอดอกและหันไปชี้ให้หมอภาสไปนั่งรอกับหมอกิต สายตาเธอดุเอาเรื่องทั้งเขาทั้งหมอกิตจึง