สายหยุดกล่าวเสียงเย็น ฉากหน้าของหล่อนคือเศรษฐีใจบุญ ทำทานไม่เคยขาด แต่เบื้องหลังแล้ว สายหยุดทำธุรกิจบนหลังคน ปล่อยกู้ดอกแพงมหาโหด แต่ก็ยังมีคนหน้ามืดแวะเวียนไปมาหาสู่ไม่ขาดสาย รวมทั้งฉลวยด้วย
“อีคุณนายหน้าเลือด ตามจิกยิกๆ เชียวมึง!” หลังกดวางสาย ฉลวยก่นด่าสายหยุดไม่หยุดปาก นางฉวยกระเป๋าสตางค์ล้วงธนบัตรออกมานับเงินมือเป็นระวิง “ขาดไปห้าพัน เอาไงดีล่ะ” เพิ่งควักกระเป๋าจ่ายให้อลินดาไป เงินที่ต้องจ่ายดอกสายหยุดจึงไม่พอ ฉลวยขมวดคิ้วจนหน้าย่น คิดหาทางเอาตัวรอด ไม่อย่างนั้นคงได้ขายขี้หน้าเพราะปากสายหยุด นางถนัดนักล่ะการประจานคน...ชื่อเสียงของครอบครัวนางคงได้ป่นปี้ครานี้
ปฏิทินข้างผนังบ้าน วันที่ตรงกับวันเงินเดือนออกของอลิชาพอดี มุมปากสีซีดเหยียดยิ้ม คงต้อง ‘ขูด’ มาจากหลานสาวอีกครั้ง
นางลุกขึ้นยืน...เดินฉับๆ ไปด้านหลังบ้าน ห้องพักที่สร้างให้อลิชาพักอาศัย สถานที่ที่เธอจะได้สิ่งที่หวัง
ก๊อกๆ
นางบรรจงเคาะประตูไม้เนื้อแข็งแรงๆ
“คะ ใครคะ?” เสียงหวานๆ ร้องถาม
“ฉันเองยะ!” นางตอบพร้อมกับถอยหลังมายืนห่างประตูเล็กน้อย
“คุณป้ามีอะไรใช้อลิสอีกเหรอคะ?” หญิงสาวรีบดันประตูเปิด เธออยู่ในสภาพพร้อมที่จะไปทำงาน
“เปล่า ฉันไม่ได้ใช้อะไรแก แต่เงินเดือนแกออกแล้วนี่” นางเปรยเสียงเย็น
“ค่ะ อลิสว่าจะเอาไปให้คุณป้าพอดี” ซองสีขาวยับเล็กน้อย ถูกล้วงออกมาจากซอกกางเกง หล่อนยื่นส่งให้กับผู้เป็นป้า
“ถ้าฉันไม่มาทวง หล่อนก็คงนิ่งสินะ...อย่าลืมล่ะ ข้าวแดงแกงร้อนที่รดหัวแกทุกวันนี้น่ะเป็นของฉัน”
นางเปรยขณะล้วงธนบัตรใหม่เอี่ยมในซองออกมานับ
“เอะ!” เสียงแหวะดังไม่ใช่เล่น เมื่อมูลค่าสตางค์ในมือตนเองน้อยลงกว่าเดิม “ขาดไปพันนึงนะ แกคิดจะอมเหรอนังอลิส”
ฉลวยกระโชกเสียงขุ่น ยื่นธนบัตรในมือเกือบกระแทกหน้าอลิชา
“เดือนนี้อลิสต้องจ่ายค่าเรียนน่ะค่ะ เลยให้คุณป้าได้ไม่เท่าเดิม”
อลิชาเรียนมหาวิทยาลัยเปิด เธอลงเรียนเพื่ออนาคตตัวเอง หากวันหน้าเรียนจบ หน้าที่การงานเธอคงดีกว่านี้
“หล่อนจะเอาเงินไปทำอะไรฉันไม่สนหรอกนะแม่อลิส แต่ส่วนที่ต้องจ่ายให้ฉัน...ต้องเท่าเดิม ไม่อย่างนั้นก็ไสหัวออกไป...ไม่มีที่ไหนสบายเท่าบ้านฉันหรอกนะยะ”
เสียงแหวดังลั่น จนติ๋มที่กำลังซักผ้ายังต้องชะโงกหน้ามอง สาวใช้สูงวัยเบ้ปาก หล่อนอยากยุส่งให้อลิชาหอบผ้าไปอยู่ที่อื่นเสียเหลือเกิน กับแค่ที่หลับที่นอน อาหารเหลือๆ ที่ฉลวยหยิบยื่นให้ แลกกับหยาดเหงื่อของหญิงสาวเกือบทั้งหมด มันไม่เห็นจะคุ้ม
ธนบัตรยับๆ มูลค่าตามจำนวนที่ฉลวยเรียกร้อง อลิชากัดฟันยื่นให้ ก่อนจะก้มหน้าลง หลบสายตาดุดันของญาติคนสุดท้าย
“ต้องให้ฉันลำเลิก หล่อนถึงจะยอมดีๆ ...อย่าให้บ่อยนักล่ะ หากฉันเบื่อขึ้นมา ฉันคงอับเปหิหล่อนออกไปอยู่ข้างนอกนั่น ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกสาวน้องชายฉัน ฉันไม่เก็บหล่อนมาเลี้ยงให้เปลืองข้าวเปลืองน้ำหรอกนะ”
ฉลวยบ่นๆ นางเดินจากไปเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ
มือผอมบางยกขึ้นกรีดหยดน้ำตาทิ้ง เก็บกดความเจ็บช้ำไว้ในใจ เมื่อตนเอง...เป็นแค่คนอาศัย ไร้ญาติมิตรเหมือนคนอื่นๆ
“อดข้าวเอาแล้วกันอลิส ไม่ตายหรอก”
เงินก้อนสุดท้ายที่เธอเจียดไว้สำหรับอาหารมื้อกลางวัน...เมื่อหยิบยื่นให้ฉลวย เธอคงต้องอดไปก่อน...
หญิงสาวจัดแจงล็อกประตูห้อง เดินลากขาไปทำงานด้วยความรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งใจ
สายลมเย็นๆ พัดความสดชื่นปะทะใบหน้า เสียงนกตัวเล็กๆ ร้องกล่อมช่วยให้ความตึงเครียดผ่อนคลายลง รอยยิ้มอ่อนแต้มมุมปาก เมื่อสายตาทอดมองไปรอบๆ ตัว สิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ ต่างไม่เคยหยุดนิ่ง แต่สิ่งต่อสู้เพื่อตัวเองแล้วเธอจะท้อไปทำไม...วันหนึ่งเมื่อสิ่งที่หวังสามารถคว้ามาอยู่ในกำมือได้ ความทุกข์ยาก เหนื่อยล้าก็คงจะหมดสิ้นไป...
“หนูอลิสๆ” แม่ค้าขนมครกหน้าปากซอยบ้านโบกมือเรียกอลิชาไหวๆ
“จ้าป้า...มีอะไรเหรอจ๊ะ อลิสสายแล้วเดี๋ยวคุณเพลินบ่น”
หญิงสาวขานรับ เดินไปหยุดหน้าร้านขายขนมครก ก่อนจะฉีกยิ้มแป้น
“เอาขนมนี่ไปกินลูก ผอมจนลมจะหอบขึ้นฟ้าไปอยู่แล้วเนี้ย...ไม่ต้องจ่ายป้า...ตอบแทนที่ช่วยสอนหนังสือไอ้แดงมัน”
แม่ค้าขนมครกยัดถุงพลาสติกใส่มืออลิชา นางตอบเสียงใส ยิ้มให้ทั้งที่กำลังยุ่ง เมื่อลูกค้ามายืนออเต็มหน้าเตาขนม
“ขอบคุณจ้ะป้า...กำลังอยากกินพอดี”
หญิงสาวรีบขอบคุณ เธอฉวยขนมครกร้อนๆ ใส่ปาก “ขนมครกป้าอร่อยที่สุดในโลก” ก่อนจะกล่าวชมเสียงร่าเริง
“กินเข้าไปเยอะๆ จะได้มีเนื้อมีหนังกับเขาบ้าง สตางค์น่ะ ไม่ต้องไปให้อีคุณนายนั่นนักหรอก แค่ที่ซุกหัวนอนเก็บเสียแพงเชียว”
ติ๋มชอบมาเม้าท์ให้คนนอกฟัง แต่ละคนที่รับรู้ล้วนเห็นใจอลิชา แต่ก็พูดไม่ได้มากเมื่อฉลวยเป็นคนอุ้มชูอลิชามาตั้งแต่ยังเด็ก คนอื่นๆ เป็นแค่คนนอก ได้แต่วิจารณ์แค่นั้นเอง
หญิงสาวยิ้มแหยๆ ให้ เธอรีบเอ่ยปากขอตัว “อลิสต้องไปแล้วป้า...สายโด่งแล้ว” หล่อนวิ่งฉิวไปทันทีที่พูดจบ
“เห้อ...คนดีมักโดนเอาเปรียบแบบนี้ล่ะ น่าสงสารจริงๆ”
แม่ค้าขนมครกยังบ่นตามหลัง
“หลานสาวบ้านหลังใหญ่สุดซอยใช่มั้ยป้า?” ลูกค้าหนึ่งในสองคนที่ยืนอยู่ร้องถาม
“อืม...ใช่ บ้านอีคุณนายฉลวยนั่นล่ะ”
“โตไวดีน่ะ ไม่ได้เรียนต่อหรือไง แต่งตัวเหมือนไปทำงานมากกว่าไปเรียน” หล่อนยังคงพูดต่อ
“ได้เรียนที่ไหนล่ะ อีคุณนายมันบอกไม่มีเงิน แต่...ส่งให้คนโง่เรียนแทน อย่างว่าแหละ ขี้จะดีกว่าไส้ได้ยังไงวะ” ป้าขายขนมบ่นพึม มือก็สาละวนแคะขนมครกร้อนๆ ในเตาไปด้วย
“น่าสงสารเนอะ...เสียดายมันสมอง”
ผู้คนในชุมชนรับรู้ความเก่งกาจของอลิชาแทบทั้งนั้น หล่อนหัวไว ฉลาดใฝ่รู้ และเป็นเด็กเรียนดีเสียดายที่ทางชีวิตของหล่อนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
“เห็นว่าเรียนมหาลัย’ เปิด เจ้เพลินเขาสนับสนุน...คนดีก็งี้แหละ ไปไหนมีแต่คนรัก”
ป้าขายขนมพูดไปยิ้มไป แม้จะไม่ใช่ญาติสนิท นางก็พลอยดีใจไปกับหญิงสาวด้วย
“ขอให้รุ่งเรืองเถอะ จะได้ออกมาจากขุมนรกนั่นเสียที” มือหยาบกร้านยกขึ้นบนบานเหนือหัว อยากจะยื่นมือเข้าไปช่วย แต่ตนเองก็อัตคัดสุดพรรณนา ได้แต่ปลอบใจกันไปตามประสาเพื่อนร่วมโลก
“อืมๆ เห็นด้วยเลยป้า...”
ชื่อเสียของฉลวยคนในย่านนี้รู้เกือบทั้งหมด...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อเป็นแค่เพื่อนร่วมโลก...
อลิชาเลยต้องแบกรับความทุกข์ต่อไป...
บทที่2.นางบำเรอขัดดอก“อีตอนมาเอาเงินนี่... กราบฉันเสียเป็นร้อยๆ ครั้ง แต่เวลามาคืนนี่... ต้องให้จิกซ้ำถึงจะยอมโผล่หน้ามาให้เห็นนะยะ”ปลายเล็บเคลือบยาทาเล็บสีแดงสดกรีดไปตามธนบัตรใหม่เอี่ยม ปากสีแดงแจ๊ดพร่ำบ่นเสียงไม่ต่างอะไรกับแม่ค้าหาบเร่ เมื่อทั้งดังและแหลมปรี๊ด“เงินมันหายากนี่คุณนาย...ดอกก็แพงด้วย” หางเสียงแผ่วๆ ก่อนจะเสหลบตา เพราะสายตาคมดุตวัดมามองพอดี“ฉันบอกหล่อนแล้วนี่ยะ ก่อนที่หล่อนจะมาหยิบยืม ตอนนั้นทำไมไม่ท้วงล่ะ พอตอนจะคืนมาโวย”หญิงสาวผู้นั้นก้มหน้าลง เพราะขัดสนจึงต้องใช้บริการคุณนายสายหยุดหน้าเลือด ดอกเบี้ยแพงและโตไว้ยิ่งกว่าเมล็ดข้าวโพดโดนความร้อนเสียอีก“นั่นใครล่ะ อ๋อ! แม่ฉลวยเข้ามาเลย ฉันกำลังรออยู่”ฉลวยเดินหน้าม่อยเข้ามา นางทิ้งตัวลงนั่ง กระแทกลมหายใจแรงๆ ตอนที่ล้วงธนบัตรในกระเป๋าออกมาทั้งหมด“เหลือเท่าไหร่แล้วคะคุณนาย ฉันส่งมาหลายงวดแล้วนะเมื่อไหร่จะหมดสักที” ฉลวยบ่นอุบ หาเงินตัวเป็นเกลียวเพื่อจะมาใช้หนี้สายหยุด โดยไม่รู้ว่าจะหมดเมื่อไหร่สมุดเล่มโตถูกเปิดออกด้วยนิ้วป้อมๆ ปลายเล็บเคลือบสีสันฉูดฉาดไล่เลียงหารายชื่อ ก่อนจะยิ้มมุมปากหยันๆ “หล่อนต้องหาอีกนานเลยล่ะแม่ส
“หามาเถอะน่า...แล้วแม่จะอธิบายให้ฟัง...” ฉลวยบอกปัด เริ่มละอายใจเล็กน้อย“อลินอยากรู้ค่ะ” อลินดากังขา เธออยากรู้วัตถุประสงค์ของคนเป็นแม่ฉลวยมองสบนัยน์ตาบุตรสาว นางถอนใจเฮือก ก่อนจะเปิดปากเล่าความคิดในใจให้อลินดาฟังสาวรุ่นยิ้มกริ่ม “ได้ค่ะ อลินจะหาให้...ให้อลินช่วยนะคะแม่...” หล่อนออกตัว อยากช่วยมารดาจนเนื้อเต้น เมื่อได้กำจัดศัตรูทางอ้อม อยากเห็นวันที่อลิชาถูกย่ำยี...วันนั้นอลินดาคงมีความสุข เมื่อถีบส่งคนที่ตนเองเกลียดลงไปในขุมนรกหญิงสาวผู้นั้นเป็นหนามแหลมๆ ตำใจตนเองมาตั้งแต่เด็ก อะไรก็ตามที่อลิชาทำ คนรอบตัวมักจะชื่นชม และนำมาเปรียบเทียบกับตนเองบ่อยครั้ง ผลการเรียนของอลิชานำโด่ง จนไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีทางตามทัน ทั้งที่เจ้าหล่อนอัตคัดเหลือทน การเป็นอยู่อดๆ อยากๆ แต่มันสมองนั่นก้าวล้ำกว่าคนที่เพียบพร้อมอย่างเธอหลายขุมอะไรก็ตามที่ทำให้หนามตำใจของตนเองตกต่ำลงได้อลินดาไม่รอช้าที่จะทำ เธอไม่เคยคิดสักนิดว่าอลิชาเป็นพี่ น้อง...เธอเกลียดหญิงสาวผู้นั้น และพร้อมที่จะเหยียบซ้ำ หากอลิชาก้าวพลาด“อย่าให้คุณพ่อแกรู้เชียวนะอลิน...เพราะพ่อแก เขาไม่ชอบเรื่องพรรค์นี้”ฉลวยกำชับบุตรสาว“ค่ะ
บทที่3.ผู้หญิงไม่มีราคา“โอยไม่เอาหรอก พันธะ ภาระผูกพันนี่น่าเบื่อตายห่า! ผมซื้อกินดีกว่าสบายใจด้วย”คำตอบที่แมทธิว ไบเลย์ใช้ตอบคนรอบตัว หนุ่มโสดที่ทั้งหล่อและรวย ใช้ชีวิตคุ้มค่าตามประสาลูกหลานคนมีเงิน ชายหนุ่มไม่เคยอายที่จะใช้บริการผู้หญิงหากิน แต่เขาก็ไม่ได้มั่วกินไม่เลือก ชายหนุ่มมีสถานที่ประจำ ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เดินเข้ามาหาเขา ไม่ใช่ผู้หญิงช้ำๆ ผู้ชายที่เพียบพร้อมแบบเขา หาผู้หญิงมานอนด้วยไม่ยาก เมื่อชายหนุ่มเข้าขั้นรูปหล่อพอฟัดพอเหวี่ยงกับดาราดังๆ หลายคน ณเดชที่ว่าหล่ออารมณ์ดี หากมายืนเทียบกับแมทธิวตอนนี้ สง่าราศีของชายหนุ่มอาจนำโด่ง...ผู้หญิงเป็นร้อยพร้อมที่จะเดินขึ้นเตียงกับแมทธิวฟรีๆ แต่...ชายหนุ่มไม่นิยม เขาตัดความรำคาญโดยการไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงรอบตัว เขาจ่ายเงินเพื่อความสบายใจ...ง่ายกว่ามาปวดหัวกับเรื่องหยุมหยิม...ในวันที่น่าเบื่อวันหนึ่ง...แมทธิวนั่งจมกับกองขวดเหล้า เขาดื่มเพื่อให้ลืมความเจ็บปวดในใจ...ใช่...เพราะอดีตในเยาว์วัย ชายหนุ่มจึงแอนตี้ผู้หญิง...แมทธิวโตมากับความรักของบิดา...ส่วนมารดาของเขานั้น หล่อนทิ้งแมทธิวกับคุณแอนเดอสันไปตั้งแต่ชายหนุ่มจำความได้ กนกรดาหอบผ
ฉลวยเอ่ยแบบคนเห็นแก่ตัว ข้าวแดงแกงร้อนที่รินรดหัว ถึงจะสำคัญ แต่หล่อนก็ไม่มีสิทธิทำตามอำเภอใจเช่นนี้“คุกนะแม่...หากอีนี่มันโวยขึ้นมา”อลินดายังพยายามท้วง...ถึงอยากให้อลิชาตกต่ำ แต่ความกลัวมีมากกว่า“มันจะกล้าโวยเหรอลูก...มันน่าจะอายมากกว่า”ผู้หญิงที่ถูกย่ำยีโดยผู้ชายที่ตนเองไม่รู้จักแม้แต่ชื่อแซ่ สิ่งแรกหล่อนน่าจะอับอาย และอลิชาหน้าบาง หล่อนไม่น่าจะโวยวาย“เอาไงก็เอา...มาถึงขึ้นนี้แล้ว...เราคงถอยไม่ได้แล้วล่ะแม่”สาวรุ่นสูดลมหายใจลึกๆ วางแผนมาอย่างดิบดี และแผนการนี้ดำเนินมาเกินครึ่ง...หากถอยคงไม่ทัน“ใช่...เพราะหากเปลี่ยนใจตอนนี้ แม่นี่แหละที่จะตาย...ไม่ใช่แกหรืออีอลิสหรอก... อีคุณนายนั่น ถลกหนังหัวแม่แน่”สายหยุดคงไม่ปล่อยเธอแน่ ไหนจะหนี้ที่พอกพูนเหมือนดินพอกหางหมู...ที่แน่ๆ หากงานวันนี้จบลง เธอปลดหนี้ได้ แถมมีเงินติดกระเป๋ากลับบ้านด้วยอลินดาตัดใจเปลี่ยนเสื้อผ้าเก่าๆ ปอนๆ ของอลิชาออก เธอแต่งตัวให้อลิชาใหม่ ด้วยเสื้อผ้าเก่าๆ ของตนเองหญิงสาวโชคร้ายนอนหลับไม่รู้เรื่อง ผิวหน้าของอลิชาเริ่มเปลี่ยนสี มีเม็ดเหงื่อไหลซึมออกมา และผิวแก้มมีริ้วแดงๆ เพราะความคุคลั่งภายในร่างกาย“เร็วๆ เถอะแ
อลิชาปรือตาขึ้นมอง สายตาของเธอมองเห็นทุกอย่างรอบตัวไม่ชัดเท่าไหร่...เนื้อตัวคันยุบยับ เหมือนมีแมลงตัวเล็กๆ มาชอนไช เธอพยายามเกา พยายามช่วยเหลือตัวเอง แบบคนที่มีสติไม่เต็มร้อย ผ้าเนื้อหนาบนร่างกายเสียดสีกับผิวเนื้อทำให้ผิวของเธอแสบทรมาน หญิงสาวดึงทึ้งอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายออกไปจากร่างกายอ่อนบาง พร้อมกับประตูที่เปิดอ้าขึ้น...อลินดาเหลียวมองผู้ชายหนุ่มฉกรรจ์ที่เดินผ่านตนเองกับมาดาไป แพขนตากะพริบถี่ๆ เขาผู้นั้นหล่อวายร้าย ลุคเถื่อนๆ มองแค่แผ่นหลัง ยังเสียววาบไปถึงท้องน้อย...ไหล่กว้างทรงพลัง เรียวขาบึกบึนกำยำ ผู้ชายแบบนี้ถ้าได้นอนใต้ร่าง เธอคงได้ครางเสียงแหบทั้งคืน พลังเพศผู้ของเขาแผ่ซ่านมายังเธอ แม้จะอยู่ห่างไกลยังสัมผัสถึงได้ หญิงสาวแลบลิ้นเลียริมฝีปาก...กัดริมฝีปากร่างเพื่อกลั้นความกระหาย...เพี้ยะ!ฝ่ามือผอมบางของมารดาฟาดโผว๊ะมาที่ท้องแขนตนเอง อลินดาสะดุ้ง!“คุณแม่อะ ตีอลินทำไมคะ?” หญิงสาวโวยเสียงอ่อย ไม่วายชำเลืองมองแมทธิวที่เดินหายลับมุมตึกไป“ดูทำเข้า มองผู้ชายเหมือนอยากจะขย้ำ ทำตัวดีๆ หน่อยแม่ไม่อยากให้ใครว่าตามหลัง”ฉลวยเหลือบเห็นปฏิกิริยาของบุตรสาวเข้าพอดี เธอจึงอดไม่ได้ที่จะตำหนิ อล
จูบ!! เธอกำลังถูกจูบจากผู้ชายแปลกหน้า เป็นความฝันแน่ๆ อลิชาคิดในใจแบบนั้น ความฝันวาบหวิวที่สุดในรอบ10ปี นับตั้งแต่แตกเนื้อสาวแมทธิวครางงึมงำ จุมพิตแผ่วๆ แต่กลับซ่านทรวง รสหวานซ่านที่แผ่เต็มอุ้งปากเหมือนกำลังได้ดื่มหยดน้ำค้างแรกเช้า ชายหนุ่มบดริมฝีปากแรงขึ้นอีกนิด แทรกปลายลิ้นตวัดเร้าโรมเรียวลิ้นเล็กๆ ที่ถอยหนี เป็นเกมสนุกในอุ้งปากที่น่าสุนทรีเสียจนแมทธิวใช้เวลานานกว่าทุกครั้ง มือแข็งแรงเคลื่อนที่ลงไปลูบไล้ผิวกายเนียนละเอียด เขาเกลี่ยปลายนิ้วไปตามส่วนคอดเว้าของโค้งสะโพก ก่อนจะวกกลับมาด้านหน้า เพื่อค้นหาเป้าหมายที่น่าสนใจ เรียวขาเพรียวถูกดันให้แยกออกจากกันด้วยความชำนาญ ขาแข็งแรงสอดกั้นไว้ ครั้นเมื่ออลิชาบีบเรียวขาชิดกันเธอจึงทำไม่ได้ ปลายนิ้วร้อนผ่าว กรีดตามรอยแยกปริ่มน้ำ หญิงสาวใต้ร่างสะดุ้งเยือก ร่างกายเกร็งแข็งขึ้นมาแบบฉับพลัน เพียงแค่ของสงวนกลางร่างกายถูกแตะต้อง“ยะ อย่า...อย่าทำแบบนั้นกับอลิสเลยค่ะ” เสียงหวานปนหอบกระซิบวอนขอ“อลิส เธอชื่ออลิสอย่างนั้นเหรอ?” ชายหนุ่มถามกลับเสียงปร่า เขาดันตัวชะโงกอยู่เหนือร่างกายอวบอัด“ค่ะ...ปล่อยอลิสไปนะคะ” อลิชาพยายามร้องขอครั้งสุดท้าย สำนึกดีชั
บทที่4.กาลเวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นเองอลิชาตื่นตามเวลา เธอปรือเปลือกตาขึ้นมอง สิ่งที่สายตาจับภาพได้... เป็นภาพที่ไม่คุ้นชิน เพดานห้องเธอเป็นไม้อัดเก่าๆ ผุๆ แต่ที่เห็นนี่ คือโคมไฟห้อยระย้า แสงสะท้อนของมันสวยเหมือนเกล็ดเพชรยามล้อเล่นกับแสงไฟ...หญิงสาวผวา!! แล้วเธอก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติอีกครั้ง... ข้างกายของเธอมีผู้ชายรูปร่างกำยำนอนแนบชิด เท่าที่สำรวจคร่าวๆ เขา ‘เปลือย’ เมื่อชายผ้าที่พาดไว้หมิ่นๆ ช่วงเอว มันปิดไม่มิด แก้มก้นผู้ชายที่ชาตินี้อลิชาคงไม่มีวันได้เห็น เมื่อเธอตั้งใจจะอยู่คนเดียว ไม่อยากสร้างภาระให้กับใคร หญิงสาวยกมือขยี้ดวงตาแรงๆ ก่อนจะสูดปากคราง เมื่อร่างกายประท้วงการออกแรง เนื้อตัวของเธอร้าวระบม เหมือนทำงานหนักมาทั้งวัน เธอแน่ใจว่าตนเองหลับสนิท หลังดื่มนมอุ่นๆ ที่ฉลวยยกมาให้หน้าห้อง...เอะ!หญิงสาวรวบผ้าห่มแนบลำตัวมากขึ้น ใบหน้าซีดเผือดเมื่อพอจะเดาเหตุการณ์ออกอลิชาไม่กล้าแม้แต่จะก้มมองตัวเอง ร่างกายเธอร้าวระบม แถมว่างเปล่า เหมือนกับว่าใต้ผ้าห่มนี่ เธอไม่ได้สวมอะไรเลยน้ำตาหยดเล็กๆ ไหลพรู มันเจ็บแปลบเหมือนจะขาดใจ เมื่อคนที่ไว้ใจ หักหลัง ทำลายเธอจนยับเยิน...รอยยิ้มหยันๆ แต้
หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ กัดริมฝีปากล่างจนห้อเลือด กลั้นสะอื้นไว้สุดฤทธิ์ เมื่อไม่อยากให้คนนอกรู้เรื่องอดสูที่เกิดขึ้นกับตัวเอง“ไม่ต้องมาปิดติ๋มค่ะ...ติ๋มพอจะเดาออก อีคุณนายบนตึกนั่นเดินเข้า เดินออกบ้านเจ้สายหยุดทางเป็นมัน มันเอาหนูอลิสไปขายสิท่า” ติ๋มกล่าวเสียงเคียดแค้น...เจ็บใจที่ช่วยเหลือคนน่าสงสารอย่างอลิสชาไม่ได้ เรื่องมันสายเกินกว่าจะแก้ไขเสียแล้วอลิชาผงะ แม้แต่สาวใช้ก้นครัวอย่างติ๋มยังรู้“ไปเก็บของค่ะ หนูอริสอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วล่ะ มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป อีคุณนายใจดำนั่น คงไม่หยุดง่ายๆ”มือหยาบกร้านดันแผ่นหลังบอบบางของหญิงสาว เธอกระซิบเสียงแผ่วๆ เพราะกลัวบุคคลที่สามได้ยิน“อลิสไม่มีที่ไปนะติ๋ม” หญิงสาวท้วง นอกจากฉลวยแล้ว เธอไม่มีใครที่พอจะพึ่งพาได้จริงๆ“ไม่ต้องกลัวค่ะ หลบไปก่อน เดี๋ยวติ๋มหางานให้ทำเอง... ไปให้พ้นจากบ้านนี้ บุญคุณท่วมหัวที่อีคุณนายมันอ้างอย่าไปนึกถึง... ความระยำที่อีคุณนายมันทำลบล้างหมดแล้วค่ะ”ถึงไม่ใช่ญาติ แต่เห็นกันมาตั้งหลายปี สิ่งที่ฉลวยและครอบครัวทำกับอลิชา เกินกว่าที่ติ๋มจะรับไหว ถึงเธอจะจนกร็อบ ต้องอาศัยใบบุญบ้านฉัตรสุวรรณ แต่เรื่องระยำตำบอนอย่างน
“ค่ะ” อลิชายิ้มรับ เธอเงยหน้าขึ้น รับจูบหวานๆ จากแมทธิวโดยไม่ขัดขืนเป็นการยินยอมพร้อมใจ หลังจากไตร่ตรองจนแน่ใจ ไม่มีอะไรดีขึ้น หากตนเองยังหลบอยู่หลังเกราะที่สร้างไว้ป้องกันตัวเอง...ในเมื่อแมทธิวยอมถอยให้หนึ่งก้าว เธอก็ควรเปิดใจกว้างๆ ยอมรับสิ่งที่เขามอบให้ เพราะมัวแต่วิ่งหนี ชั่วชีวิตนี้ เธอคงต้องหนีไปตลอด ไม่มีใครไม่เคยทำผิด มนุษย์ทุกคนบนโลกล้วนแล้วแต่เคยผ่านความผิดพลาดมาแล้วทั้งนั้นมันขึ้นอยู่ว่าคนเหล่านั้น จะแก้ปัญหา หรือฝังกลบไว้ แสร้งทำเป็นลืม แต่...ความลับไม่มีในโลก สักวันสิ่งที่ขุดหลุมกลบเอาไว้ก็จะโผล่ขึ้นมาเตือนความจำอยู่ดี ปัญหามีไว้ให้แก้ ใช้สติตรึกตรอง และก้าวผ่านมันไปให้ได้ ใช้อดีตเป็นบทเรียน เพื่ออนาคตจะไม่เดินซ้ำรอยเดิม...ถนนชีวิต ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต่อให้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด หนทางเดินก็มักจะมีขวางหนาม เป็นอุปสรรค เพื่อวัดความอดทนของคนเมื่อก้าวผ่านสิ่งเหล่านั้นไปได้ ไม่ว่าปัญหาจะเล็กหรือใหญ่ ทุกปัญหาที่ผ่านเข้ามาคือบทเรียนเช้าวันใหม่...แอนเดอสันยิ้มตาม เมื่อสายตาของท่านมอง
อลิชาเสก้มหน้าหลบสายตาวาววามคู่นั้น หัวใจเธอเต้นถี่ยิบ และหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ หัวใจดวงน้อยของตนเองอาจจะหยุดเต้น เพราะความตื่นเต้นก็เป็นได้“จะถือกระดาษนั่นอีกนานแค่ไหน...เซ็นๆ มาเถอะ”ชายหนุ่มปรายตามองกระดาษสีขาวแผ่นเดียวที่อลิชาถือไว้ในมือ“คุณจะเอาไปทำอะไรคะ?” หญิงสาวถามแบบไม่ใคร่เข้าใจ กระดาษเปล่าไร้ข้อความ หากชายหนุ่มคิดร้าย คนที่ซวยคงเป็นเธอ“เอาไปยื่นคำร้องเป็นพ่อให้หนูนั่นไง ลูกผม ก็ต้องใช้นามสกุลผมสิ ใช้นามสกุลบ้านนั้นทำไม...”แมทธิวเฉลย...มันคันยิบๆ ในใจ ทุกครั้งที่เห็นชื่อ นามสกุลของบุตรชายที่ตนเองไม่มีส่วนร่วมอลิชาหัวเราะคิก เมฆสีดำทะมึน เคลื่อนผ่านไปจากชีวิตตนเอง นับจากนี้ไป อนาคตของเธอและบุตรชายคงมั่นคงขึ้น เธอจรดปลายปากกาเซ็นชื่อตนเองโดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะยื่นส่งให้แมทธิว พร้อมกับยิ้มน้อยๆแมทธิวเดินไปเก็บที่โต๊ะตัวใหญ่ เขาเดินโทงๆ จนอลิชาอายจนแก้มแดง เมื่อมองเห็นสรีระชายหนุ่มหมดทุกซอกทุกมุมดังนั้น...เมื่อแมทธิวเดินกลับมา เขาจึงได้เห็นสายตาเป็นประกายของหญิงสาว ชายหน
ชายหนุ่มกระเด้งตัวลุกขึ้น เขาเดินอาดๆ ไปที่โต๊ะตัวใหญ่กลางห้อง ชายหนุ่มฉวยกระดาษขนาด A4 เดินกลับมายื่นส่งให้อลิชา หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่ง มองกระดาษแผ่นนั้นงงๆ“เซ็นชื่อซะ...” ปากกาสีทอง แมทธิวยื่นใส่หน้าอลิชา เกือบจะทิ่มตาหญิงสาวผวา เธอส่ายหน้าแรงๆ เก็บมือไว้ ไม่ยอมยื่นออกไปรับกระดาษเปล่าแผ่นนั้นเด็ดขาด...“อย่าคิดมากน่า ผมไม่ได้ทำเรื่องร้ายหรอก ...แค่อยากให้สิทธิพิเศษบางอย่างกับเธอ...อย่ากลัวล่วงหน้าสิ...ยิ่งกว่านี้เธอก็เคยผ่านมาแล้ว จะกลัวอะไรอีก” ชายหนุ่มติง เขาขยายความเข้าใจของอลิชาเสียใหม่ ถึงเขาจะเป็นคนเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่ชั่วช้า จนต้องทำอะไรเลวทราม“เธอต้องการอะไรล่ะ บอกมาได้เลย...” ชายหนุ่มเอ่ยปาก เขามองสบนัยน์ตากลมโตแบบคนอารมณ์ดี หลังขจัดความหวาดระแวงในใจจนหมดสิ้น“อลิสไม่เคยอยากได้อะไรจากคุณเลยค่ะ” อลิชาตอบตามตรง รับกระดาษแผ่นนั้น กับปากกามาถือไว้ โดยยังไม่ได้ขยับทำอะไรอย่างที่แมทธิวต้องการ เธอไม่เคยอยากได้อะไรจากแมทธิว เธอปรารถนาอยากมีชีวิตสุขสงบ อยู่กันตามประสาแม่ลูก มีบ้านคุ้มหัว มีที่นอนอุ่น
บทที่19.สุดสวาทนางบำเรอที่รัก!น้ำตาไหลรินเป็นสาย เรียวปากอิ่มเม้มแน่น อลิชากำลังชั่งใจ หากเธอพูดความจริง...อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป หลังจากนี้!!“บอกมา!” น้ำเสียงทุ้มต่ำ แมทธิวพยายามข่มความโกรธ“มันผ่านไปนานแล้ว... คุณลืมไปเถอะค่ะ” หญิงสาวกลั้นใจตอบ เธอกลัว...กลัวที่จะถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง“อลิชา! ที่เธอพยายามเลี่ยงนี่ เพราะไอ้หนูนั่นเกี่ยวพันกับผมใช่มั้ย?”แมทธิวตะคอก มือจับบ่าบอบบาง เขย่าหล่อนจนตัวสั่น“มะ ไม่ค่ะ ไม่ใช่!” หญิงสาวตอบเสียงสั่น น้ำตากลบดวงตากลมโต“ผมไม่ได้โง่นะอลิส...ผมรู้ แค่ผมไม่แน่ใจ...” น้ำเสียงที่ใช้อ่อนลง แมทธิวรู้สึกเวทนาผู้หญิงตรงหน้า หล่อนถูกคนชั่วหลอกลวง แถมยังต้องแบกรับความทุกข์ไว้คนเดียว เวลาเกือบสามปี อลิชาต้องผ่านความลำบากมามากขนาดไหน? หล่อนแกร่งมาก ถึงผ่านความทุกข์ระทมนั่นมาได้ ผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่หัวใจหล่อนประเสริฐยิ่งนักดวงตากลมโตเบิกกว้าง มือเรียวยกปาดคราบน้ำต
“อ้ายยยย” หญิงสาวผวาเฮือก เรือนกายเกร็งกระตุก ร่างกายอ่อนยวบหลังตะเกียงตะกายคว้าดวงดาวมาไว้ในอุ้งมือสำเร็จแมทธิวทิ้งตัวนอนแผ่ สูดลมหายใจแรงๆ จนซี่โครงยุบวาบ ชายหนุ่มควานมือด้านข้าง ก่อนจะรั้งเรือนกายชื้นเหงื่อของอลิชามาแนบอกอุ่น พึมพำเบาๆ พอให้ได้ยินกันสองคน “เธอยอมแพ้ผมมั่งก็ได้นะอลิส...ถ้าเธอไม่พูด ผมคงได้ขาดใจตายก่อนแน่”รอยยิ้มอ่อนแต้มมุมปาก มือไล้ผิวกายเรียบลื่นเล่นอลิชาแอบมอง เธอไม่เข้าใจความคิดของแมทธิวสักนิด ชายหนุ่มต้องการอะไรกันแน่ เขาดูยาก อ่านไม่ออก ภายในหัวเขา กำลังคิดอะไรอยู่?“ผมต้องการเธอ ทั้งตัว แล้วก็หัวใจ ไม่ต้องเก็บไว้หรอก ผมจะดูแลให้เอง”เสียงชายหนุ่มเปรยเบาๆ หญิงสาวเม้มปากแน่น สิ่งที่เขาต้องการนั้น หากไม่มอบให้ก่อน มีหรือจะได้อย่างที่เขาต้องการ“ไม่เอาเปรียบไปหน่อยหรือคะ คุณเอาแต่ได้...แล้วอลิสได้อะไรตอบแทนล่ะคะ”ความอยากรู้ทำให้อลิชาลืมตัว เธอโพล่งถาม ก่อนจะรีบกัดปากตัวเอง...แมทธิวพลิกตัวกลับอย่างรวดเร็ว เขากางแขนคร่อมเรื
“เห็นจะไม่ได้” เสียงเย็นชาตอบกลับมา จนอลิชาต้องลืมตามอง แววตาตัดพ้อของเธอทำให้แมทธิวสะดุด เขาหรี่เปลือกตาลง ก่อนจะพูดเสียงเนิบนาบ “เธอคงไม่ได้ ‘ท้อง’ ใช่มั้ย?” คำถามของชายหนุ่ม เล่นเอาอลิชาใจโหวงวูบ! เหตุการณ์เดิมๆ ย้อนกลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้คงเป็นหายนะสำหรับตัวเธอเอง ทำไมเธอถึงได้ลืมเรื่องสำคัญ การป้องกันที่เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง เหตุใดเล่า ครั้งนี้เธอจึงลืมเสียสนิทหญิงสาวกลั้นใจตอบ ดันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างโผเผ “อลิสคงไม่โชคร้ายหรอกมั้งคะ”“นั่นสินะ ผมลืมได้ยังไง เธอเคยมีประสบการณ์เรื่องแบบนี้มาก่อน คงไม่พลาดแบบโง่ๆ” น้ำเสียงที่ฟังไม่ออกกล่าวขึ้นอีกครั้ง มันฟังแปลกๆ เหมือนชายหนุ่มกำลังแดกดันเธอ แต่...เพื่ออะไรล่ะ เมื่อเขาเองก็ไม่ได้ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นเช่นกันนี่“คุณอย่าห่วงไปเลยค่ะ...” น้ำตาเกือบทะลัก แต่ก็ยังสู้อุตส่าห์กลั้นไว้ จนเผลอตัวกัดกระพุ้งตนเอง มันเจ็บน้อยกว่าหัวใจที่กำลังร่ำไห้ขณะนี้เสียอีกแมทธิวเดินเข้ามาหา แววตาของเขาอ่านไม่ออก จนกระทั่งชายหนุ่ม
บทที่18.ยกให้ทั้งตัว...และใจอลิชาไม่ได้รู้สึกไปเอง...หลังแมทธิว กลับมาจากการไปทำงาน เขาดูเงียบผิดปกติ สายตาคมดุคู่นั่น หยุดมองที่หน้าท้องเธอบ่อยๆ“วันนี้ลาบรสจัดนิดนะคะ...” ติ๋มกระซิบบอกนายสาวเมื่ออลิชาไม่ได้ลงครัวเอง เธอรู้สึกเวียนศีรษะ หลังน้ำอิงกลับไปแล้ว จึงพักผ่อนอยู่บนห้อง ติ๋มเลยอาสาลงไปช่วยในครัวจัดการอาหารมื้อนี้ด้วย“ไม่นี่ อร่อยดี” แมทธิวท้วง เขากำลังอร่อยกับรสชาติจัดจ้านจนตักอาหารจานนั้นถี่ๆแอนเดอสันแหล่มองบุตรชาย แมทธิวไม่ใช่คนรับประทานอาหารรสจัด ชายหนุ่มนิยมนม เนยมากกว่า อาหารที่รสจัดจ้าน แต่วันนี้มาแปลก สีสันบ่งบอกว่ารสชาติไม่ธรรมดา ท่านเองยังขยาด แต่คนไม่คุ้นกลับชื่นชมติ๋มยิ้มแป้น นางเอ่ยแนะนำเจ้านายหนุ่ม เมื่ออาหารมื้อนี้ นางเป็นคนออกความคิด“ต้ำยำนี่ก็แซ่บเจ้าค่ะ คล่องคอดีค่ะ”ต้มยำกระดูกอ่อนรสจัดจ้านพอกัน...อลิชาเหลือบมอง อาหารมื้อนี้ออกไปทางรสจัด เธอรับประทานได้ แต่ไม่แน่ใจว่าแมทธิวกับแอนเดอสันจะชอบ
“เขาคงไม่ต้องการหรอกค่ะ”อลิชาตอบเสียงเศร้า รณฤทธิ์คนเดียว เขายังไม่รู้เลยว่าเป็นลูก คนอย่างแมทธิว ไม่ได้ต้องการบุตร เขาต้องการแค่เสพสมกับเธอแค่นั้น ถึงวันที่เบื่อ คงเขี่ยเธอทิ้งเหมือนผู้หญิงคนก่อนๆแอนเดอสันสะกิดใจ ความนัยในคำพูดของน้ำอิง มันบอกอะไรบางอย่าง และสิ่งนั้น เขาก็ตงิดๆ ในใจอยู่แล้ว คนเราจะคล้ายคลึงกันโดยไม่มีสายเลือดเกี่ยวพันกันได้ยังไง? มันต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกันสิ ไม่อย่างนั้น อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น เมื่อเด็กชายผู้นั้น ถอดเค้าหน้ามาจากแมทธิวเกือบทุกส่วนชายสูงวัยจึงนิ่งฟังสองสาวสนทนากัน เขาทำเป็นสนใจทิวทัศน์ด้านนอก ปล่อยให้สองหญิงกระซิบ กระซาบคุยกันตามสบายเท่าที่จับใจความได้ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แมทธิวบุตรชายของท่าน เคยพบเจอกับหญิงผู้นี้มาก่อน และอาจจะถึงขั้นมีความสัมพันธ์ทางกายต่อกัน จนเกิดบางอย่างขึ้นมา ก่อนที่อลิชาจะหายไปจากชีวิตแมทธิวมือเหี่ยวๆ ยกขึ้นเกาคาง ลองคิดเล่นๆ ในใจ หาก เด็กชายผู้นั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลูกติดอลิชามา เขาอาจจะเป็นสายเลือดของแมทธิวก็ได้ เปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้มีเกินครึ่ง การป้
“ป้าจ๋า...ไปตักข้าวต้มในครัวมาให้ท่านสิจ๊ะ” หญิงสาวหันไปสั่งติ๋มเสียงหวาน เมื่อประมุขเฒ่าของบ้านไบเล่ย์ ไม่ถือตัวกับบุตรชายของตนเอง เหมือนกับเขาจะรู้ลึกถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือดมื้อเช้ามื้อแรกที่รังรักที่จากไปนาน ความสุขที่เหือดหายไป เริ่มไหลเข้ามาในใจทีละน้อย มีเสียงหัวเราะ ผสมกับเสียงพูด ดังขึ้นหลายรอบ เมื่อคนแก่คนหนึ่ง กับเด็กชายดูเหมือนจะเข้าขากันดีแอนเดอสันมีความสุขมาก เขารู้สึกเหมือนกับว่าความอบอุ่นครั้งเก่าย้อนกลับมา เพียงแค่มีเด็กชายช่างพูดคนนี้อยู่ใกล้ๆ ชายสูงวัยนึกละอายใจ...ในอดีตเพราะความผิดหวัง เขาทิ้งขว้างปล่อยให้บุตรชายโดดเดี่ยว แม้จะห้อมล้อมไปด้วยบริวาร แต่จะเหมือนมีพ่อ-แม่เคียงข้างได้อย่างไร ถึงกนกลดาจะสลัดท่านและบุตรชายทิ้ง ตัวท่านเองก็ไม่น่าปล่อยปละละเลยบุตรชายไปด้วย แอนเดอสันนึกอยากจะขอโทษแมทธิวขึ้นมาทันใด เมื่อมองเห็นความเหงาในหน่วยตาของรณฤทธิ์ ถึงจะอายุเพียงน้อยนิด แต่ความอ้างว้างที่ท่านพอจะมองออก ก็เพราะเด็กชายคนนี้ ไร้บิดานำพาเช่นเดียวกัน รณฤทธิ์ โชคดีที่มารดาคอยอยู่ข้างๆ แม้จะขาดผู้ให้กำเนิด แต่ก็ไม่เลวร้ายเหมือนที่แมทธิวผจญ