บทที่3.ผู้หญิงไม่มีราคา
“โอยไม่เอาหรอก พันธะ ภาระผูกพันนี่น่าเบื่อตายห่า! ผมซื้อกินดีกว่าสบายใจด้วย”
คำตอบที่แมทธิว ไบเลย์ใช้ตอบคนรอบตัว หนุ่มโสดที่ทั้งหล่อและรวย ใช้ชีวิตคุ้มค่าตามประสาลูกหลานคนมีเงิน ชายหนุ่มไม่เคยอายที่จะใช้บริการผู้หญิงหากิน แต่เขาก็ไม่ได้มั่วกินไม่เลือก ชายหนุ่มมีสถานที่ประจำ ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เดินเข้ามาหาเขา ไม่ใช่ผู้หญิงช้ำๆ ผู้ชายที่เพียบพร้อมแบบเขา หาผู้หญิงมานอนด้วยไม่ยาก เมื่อชายหนุ่มเข้าขั้นรูปหล่อพอฟัดพอเหวี่ยงกับดาราดังๆ หลายคน ณเดชที่ว่าหล่ออารมณ์ดี หากมายืนเทียบกับแมทธิวตอนนี้ สง่าราศีของชายหนุ่มอาจนำโด่ง...ผู้หญิงเป็นร้อยพร้อมที่จะเดินขึ้นเตียงกับแมทธิวฟรีๆ แต่...ชายหนุ่มไม่นิยม เขาตัดความรำคาญโดยการไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงรอบตัว เขาจ่ายเงินเพื่อความสบายใจ...ง่ายกว่ามาปวดหัวกับเรื่องหยุมหยิม...
ในวันที่น่าเบื่อวันหนึ่ง...แมทธิวนั่งจมกับกองขวดเหล้า เขาดื่มเพื่อให้ลืมความเจ็บปวดในใจ...
ใช่...เพราะอดีตในเยาว์วัย ชายหนุ่มจึงแอนตี้ผู้หญิง...
แมทธิวโตมากับความรักของบิดา...ส่วนมารดาของเขานั้น หล่อนทิ้งแมทธิวกับคุณแอนเดอสันไปตั้งแต่ชายหนุ่มจำความได้ กนกรดาหอบผ้า เหินฟ้าไปตามล่าความฝันของตนเอง ทิ้งลูกน้อยและสามีสุดรักไปอย่างคนไม่มีหัวใจ เมื่อหล่อนเลือกเอาชื่อเสียงมากกว่าครอบครัวอบอุ่น ความฝันของมารดาคือ การได้เดินเฉิดฉายบนแคทวอล์ค ใช่...กนกรดาอยากเป็นนางแบบ หล่อนได้เป็นสิ่งที่ตนเองต้องการสมใจ โอกาสนั่นมาเยือนกนกรดาหลังจากที่แต่งงานกับแอนเดอสัน และมีแมทธิวแล้ว
ความผิดหวังครั้งนั้นทำให้แมทธิวเกลียดผู้หญิง เขาทนรับความผิดหวังไม่ได้ เลยทำให้ชายหนุ่มปิดกั้นตัวเอง
แมทธิวซึมซับความเศร้าเสียใจของบิดามาตั้งแต่เด็ก เขาเลยแอนตี้ผู้หญิงโดยไม่รู้ตัว ชายหนุ่มไม่ต้องการครอบครัว เขาไม่พร้อมที่จะยอมรับใครอีกคนมายืนข้างๆ
“เมาแต่หัววันเลยนะเพื่อน”
เสียงเพื่อนหนุ่มร้องทัก ก่อนจะทิ้งตัวนั่งข้างๆ
“อืม...” แมทธิวครางรับ เขาฉวยแก้วบรั่นดีขึ้นมากระดกอึกๆ
“ทำไมนั่งคนเดียววะ ไม่มีสาวมาคอยคลอเคลียไง?” มันไม่ใช่ภาพที่ชินตานัก เมื่อข้างกายหนุ่มนักรักว่างเปล่า
“กำลังรอว่ะ!” ชายหนุ่มตอบ ก่อนจะเอนตัวพิงพนักโซฟาเนื้อนุ่ม
“หาเอาแถวนี้ก็ได้นี่หว่า ทำไมต้องเสียสตางค์”
ผีเสื้อแสนสวย บินโฉบไปมาหลอกล่อภมรตัวผู้ หากไม่เลือกนัก มีให้เลือกแบบนับไม่ถ้วน เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้ามาในสถานเริงรมย์ ส่วนมากก็เพราะหวังมาล่อผู้ชายทั้งนั้น ไม่มีผู้หญิงดีๆ คนไหนเที่ยวกลางคืน ดึกๆ ดื่นๆ มันอันตราย
“สบายใจดีว่ะ ไม่มีโรค ไม่มีปัญหาด้วย”
แมทธิวตอบตามจริง เรื่อง ‘โรค’ และการโวยวายหลังความสัมพันธ์ทางกายจบลง เขาจ่ายเงินเพื่อซื้อความสบายใจนั่น ไม่ต้องมานั่งปวดกระบาลกับการเรียกร้องของคู่นอนที่ไม่มีวันสิ้นสุด หากหล่อนไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ
“มันก็จริง...ไม่ปวดหัวดีว่ะ”
ผู้ชายมีเงินในสมัยนี้ เลยมักจะยอมจ่ายมากกว่าการหาคู่นอนข้างหน้า One night stand สมัยนี้เป็นแค่คำพูดลอยๆ พอเอาเข้าจริงๆ ผู้หญิงเรียกร้องไม่มีวันจบสิ้น เมื่อหล่อนยอมพลีกาย หมายความว่าสิ่งที่หล่อนหวังไว้ต้องได้ครบ ไม่อย่างนั้น หล่อนจะลุกมาร้องแร่เห่กระเสิงเพื่อให้ฝ่ายชายยอมจ่าย
สองหนุ่มดื่มไปเรื่อยๆ แมทธิวรอคู่นอนที่เอเย่นนำมาส่ง เขาดื่มฆ่าเวลา
ไทธัชดื่มเพราะเหงา เขาไม่ต้องผู้หญิงในเวลานี้ เมื่อตนเองมีภรรยารออยู่ที่บ้าน แค่เบื่อความจำเจ เลยหาที่พักสมองก่อนกลับเข้ากรงเหมือนเดิม
“ผมบอกคุณแล้วไม่เชื่อ”
ท่าทีเหมือนกำลังเบื่อโลกของเพื่อนหาได้เล็ดลอดสายตาเหยี่ยวอย่างแมทธิว
“อืม...ไม่คิดว่ามันจะอึดอัดขนาดนี้ว่ะ” ไทธัชตอบเสียงเนือยๆ เขาไม่ได้เบื่อการมีชีวิตคู่ แค่เบื่อความวุ่นวายในครอบครัวใหญ่ เมื่อน้ำอิงภรรยาไม่ยอมย้ายออกมาจากใต้ร่มเงาของครอบครัวเดิม
“การอยู่ร่วมกับคนอื่นที่ไม่ใช่คนที่เราแคร์...มันน่าเบื่อแบบนี้แหละ”
แมทธิวเปรย เขาพูดมาจากประสบการณ์ตรง...หลังบิดา-มารดาแยกทางกัน แอนเดอสันเปลี่ยนคู่ควงมากหน้าหลายตา จนทำให้แมทธิวเบื่อ เขาอึดอัดเมื่อสายตาผู้หญิงข้างกายบิดา มองเลยมาที่เขา บ่อยครั้งที่มีปากเสียงกับบิดาเพราะผู้หญิงเหล่านั้นมาเกาะแกะเขา และเขารำคาญ
“มันไม่เชิงเบื่อไปหมดหรอกนะแมท...แต่บางครั้งมันเยอะไป”
ผู้ชายส่วนมากไม่ชอบความวุ่นวาย เขารักภรรยา แต่ความรักนั้นไม่มากพอที่จะเผื่อแผ่ไปที่คนในครอบครัวเดิมของภรรยาด้วย
“ชวน ‘เมีย’ ออกมาอยู่ต่างหากสิ มันน่าจะดีขึ้นนะ”
แมทธิวแนะนำ มันน่าจะดีกว่าถ้าคนสองคนปรับตัวเข้าหากันได้มากขึ้น...
“ว่าจะ ไม่รู้ว่าคุณอิงจะเอาด้วยไหม?”
แก้วบรั่นดีถูกยกขึ้นจ่อปาก หลังพ่นลมหายใจแรงๆ ออกมาเพื่อระบายความอึดอัดในใจ
“ไม่หาห่วงมาคล้องคอตั้งแต่แรกก็ดีแล้วนี่” แมทธิวไม่ได้ซ้ำเติม หากเป็นตนเอง เหตุการณ์แบบนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น เพราะเขาจะไม่มีวันมี ‘ครอบครัว’ แน่ๆ
“มันก็ได้อย่างเสียอย่างนะแมท” ไทธัชพูดยิ้มๆ ไม่มีของฟรีบนโลกใบนี้ หากอยากได้บางอย่าง ก็ต้องแลกมาด้วยบางอย่างเช่นกัน
“ผมไม่เห็นว่าคุณจะได้อะไรเลย มีแต่เสียกับเสีย”
แมทธิวบ่น...สิ่งแรกที่เสียคืออิสรภาพ ตามมาด้วยปัญหาร้อยแปดพันเก้า...ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นหลังแต่งงาน
“มันก็จริง แต่อย่างหนึ่งที่ผมได้ คือคนข้างกายที่ไว้ใจได้” ไทธัชมั่นใจ น้ำอิงไว้ใจได้ หล่อนยอมกัดก้อนเกลือกินกับเข้าแน่ หากอนาคตนั้นชีวิตของเขาตกต่ำลง
“ถ้าแค่นั้น...หาเลขาฯ ดีๆ สักคนก็พอมั้ง ไม่ต้องถึงขั้นมีเมีย!” แมทธิวติง...
“ฮ่าๆ ผมเชื่อเลยแมท ชาตินี้คุณคงไม่คิดจะมีเมีย แอนตี้เสียขนาดนี้”
ไทธัชเงยหน้าหัวเราะลั่น ข้อคัดง้างของแมทธิวชัดเจนและมีจุดยืน ไม่ใช่เพราะเพื่อนหนุ่มหวงความโสด แมทธิวต้องมีปมบางอย่างฝังใจอย่างแน่นอน
แต่ก่อนที่สองหนุ่มจะ ‘ถก’ เรื่องครอบครัวต่อ สายหยุดเดินยิ้มหวานเข้ามาหาแมทธิวเสียก่อน สาวใหญ่กระซิบบางอย่างข้างหูแมทธิว ชายหนุ่มแสยะยิ้มกว้าง เขาพยักหน้ารับ และสายหยุดก็เดินจากไป พร้อมกับกระดาษชิ้นเล็กๆ ในมือที่แมทธิวยื่นให้
“ผมขอตัวนะไท ถึงเวลาแล้ว”
ชายหนุ่มกระดกแก้วบรั่นดีครั้งสุดท้าย เขาเสือกแก้วว่างเปล่าวางไว้บนโต๊ะก่อนจะยืดตัวยืนเต็มความสูง
“ตามสบาย...ขอนั่งปล่อยอารมณ์อีกพัก ก็จะกลับล่ะ” ไทธัชโบกมือให้ เขาคลึงแก้วทรงสูง เมื่อกำลังใช้ความคิด เขาคงต้องหาทางคุยกับภรรยา ก่อนที่ชีวิตแต่งงานจะล่มสลาย เขาไม่ชอบการวุ่นวายของครอบครัวใหญ่ที่มีแต่คนคอยจับตามองเพื่อหาข้อตำหนิ...มันอาจจะเป็นเพราะเขาใช้ชีวิตอิสระในต่างแดนนานเกินไป จึงชอบใช้ชีวิตเงียบๆ มากกว่าการมีวงศาคณาญาติอยู่รอบตัว
“จะดีเหรอแม่ แบบนี้อีอริสตื่นมามิโวยแหลกเหรอ?”
อลินดาท้วงเสียงอ่อยๆ หล่อนและมารดาวางยานอนหลับ ผสมยาปลุกอารมณ์ที่อลินดาขอปันมาจากเพื่อนคนหนึ่งเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่พอเอาเข้าจริงๆ เธอเกิดปอดแหกขึ้นมา เพราะหากอลิชาไม่ยอม หล่อนลุกขึ้นมาโวยวาย คงได้เดินเข้าซังเตทั้งแม่ ทั้งลูก
“ก็ลองดูสิ ฉันเลี้ยงมันมาตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น มันกล้าเนรคุณฉันเชียวเหรอ”
ฉลวยเอ่ยแบบคนเห็นแก่ตัว ข้าวแดงแกงร้อนที่รินรดหัว ถึงจะสำคัญ แต่หล่อนก็ไม่มีสิทธิทำตามอำเภอใจเช่นนี้“คุกนะแม่...หากอีนี่มันโวยขึ้นมา”อลินดายังพยายามท้วง...ถึงอยากให้อลิชาตกต่ำ แต่ความกลัวมีมากกว่า“มันจะกล้าโวยเหรอลูก...มันน่าจะอายมากกว่า”ผู้หญิงที่ถูกย่ำยีโดยผู้ชายที่ตนเองไม่รู้จักแม้แต่ชื่อแซ่ สิ่งแรกหล่อนน่าจะอับอาย และอลิชาหน้าบาง หล่อนไม่น่าจะโวยวาย“เอาไงก็เอา...มาถึงขึ้นนี้แล้ว...เราคงถอยไม่ได้แล้วล่ะแม่”สาวรุ่นสูดลมหายใจลึกๆ วางแผนมาอย่างดิบดี และแผนการนี้ดำเนินมาเกินครึ่ง...หากถอยคงไม่ทัน“ใช่...เพราะหากเปลี่ยนใจตอนนี้ แม่นี่แหละที่จะตาย...ไม่ใช่แกหรืออีอลิสหรอก... อีคุณนายนั่น ถลกหนังหัวแม่แน่”สายหยุดคงไม่ปล่อยเธอแน่ ไหนจะหนี้ที่พอกพูนเหมือนดินพอกหางหมู...ที่แน่ๆ หากงานวันนี้จบลง เธอปลดหนี้ได้ แถมมีเงินติดกระเป๋ากลับบ้านด้วยอลินดาตัดใจเปลี่ยนเสื้อผ้าเก่าๆ ปอนๆ ของอลิชาออก เธอแต่งตัวให้อลิชาใหม่ ด้วยเสื้อผ้าเก่าๆ ของตนเองหญิงสาวโชคร้ายนอนหลับไม่รู้เรื่อง ผิวหน้าของอลิชาเริ่มเปลี่ยนสี มีเม็ดเหงื่อไหลซึมออกมา และผิวแก้มมีริ้วแดงๆ เพราะความคุคลั่งภายในร่างกาย“เร็วๆ เถอะแ
อลิชาปรือตาขึ้นมอง สายตาของเธอมองเห็นทุกอย่างรอบตัวไม่ชัดเท่าไหร่...เนื้อตัวคันยุบยับ เหมือนมีแมลงตัวเล็กๆ มาชอนไช เธอพยายามเกา พยายามช่วยเหลือตัวเอง แบบคนที่มีสติไม่เต็มร้อย ผ้าเนื้อหนาบนร่างกายเสียดสีกับผิวเนื้อทำให้ผิวของเธอแสบทรมาน หญิงสาวดึงทึ้งอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายออกไปจากร่างกายอ่อนบาง พร้อมกับประตูที่เปิดอ้าขึ้น...อลินดาเหลียวมองผู้ชายหนุ่มฉกรรจ์ที่เดินผ่านตนเองกับมาดาไป แพขนตากะพริบถี่ๆ เขาผู้นั้นหล่อวายร้าย ลุคเถื่อนๆ มองแค่แผ่นหลัง ยังเสียววาบไปถึงท้องน้อย...ไหล่กว้างทรงพลัง เรียวขาบึกบึนกำยำ ผู้ชายแบบนี้ถ้าได้นอนใต้ร่าง เธอคงได้ครางเสียงแหบทั้งคืน พลังเพศผู้ของเขาแผ่ซ่านมายังเธอ แม้จะอยู่ห่างไกลยังสัมผัสถึงได้ หญิงสาวแลบลิ้นเลียริมฝีปาก...กัดริมฝีปากร่างเพื่อกลั้นความกระหาย...เพี้ยะ!ฝ่ามือผอมบางของมารดาฟาดโผว๊ะมาที่ท้องแขนตนเอง อลินดาสะดุ้ง!“คุณแม่อะ ตีอลินทำไมคะ?” หญิงสาวโวยเสียงอ่อย ไม่วายชำเลืองมองแมทธิวที่เดินหายลับมุมตึกไป“ดูทำเข้า มองผู้ชายเหมือนอยากจะขย้ำ ทำตัวดีๆ หน่อยแม่ไม่อยากให้ใครว่าตามหลัง”ฉลวยเหลือบเห็นปฏิกิริยาของบุตรสาวเข้าพอดี เธอจึงอดไม่ได้ที่จะตำหนิ อล
จูบ!! เธอกำลังถูกจูบจากผู้ชายแปลกหน้า เป็นความฝันแน่ๆ อลิชาคิดในใจแบบนั้น ความฝันวาบหวิวที่สุดในรอบ10ปี นับตั้งแต่แตกเนื้อสาวแมทธิวครางงึมงำ จุมพิตแผ่วๆ แต่กลับซ่านทรวง รสหวานซ่านที่แผ่เต็มอุ้งปากเหมือนกำลังได้ดื่มหยดน้ำค้างแรกเช้า ชายหนุ่มบดริมฝีปากแรงขึ้นอีกนิด แทรกปลายลิ้นตวัดเร้าโรมเรียวลิ้นเล็กๆ ที่ถอยหนี เป็นเกมสนุกในอุ้งปากที่น่าสุนทรีเสียจนแมทธิวใช้เวลานานกว่าทุกครั้ง มือแข็งแรงเคลื่อนที่ลงไปลูบไล้ผิวกายเนียนละเอียด เขาเกลี่ยปลายนิ้วไปตามส่วนคอดเว้าของโค้งสะโพก ก่อนจะวกกลับมาด้านหน้า เพื่อค้นหาเป้าหมายที่น่าสนใจ เรียวขาเพรียวถูกดันให้แยกออกจากกันด้วยความชำนาญ ขาแข็งแรงสอดกั้นไว้ ครั้นเมื่ออลิชาบีบเรียวขาชิดกันเธอจึงทำไม่ได้ ปลายนิ้วร้อนผ่าว กรีดตามรอยแยกปริ่มน้ำ หญิงสาวใต้ร่างสะดุ้งเยือก ร่างกายเกร็งแข็งขึ้นมาแบบฉับพลัน เพียงแค่ของสงวนกลางร่างกายถูกแตะต้อง“ยะ อย่า...อย่าทำแบบนั้นกับอลิสเลยค่ะ” เสียงหวานปนหอบกระซิบวอนขอ“อลิส เธอชื่ออลิสอย่างนั้นเหรอ?” ชายหนุ่มถามกลับเสียงปร่า เขาดันตัวชะโงกอยู่เหนือร่างกายอวบอัด“ค่ะ...ปล่อยอลิสไปนะคะ” อลิชาพยายามร้องขอครั้งสุดท้าย สำนึกดีชั
บทที่4.กาลเวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นเองอลิชาตื่นตามเวลา เธอปรือเปลือกตาขึ้นมอง สิ่งที่สายตาจับภาพได้... เป็นภาพที่ไม่คุ้นชิน เพดานห้องเธอเป็นไม้อัดเก่าๆ ผุๆ แต่ที่เห็นนี่ คือโคมไฟห้อยระย้า แสงสะท้อนของมันสวยเหมือนเกล็ดเพชรยามล้อเล่นกับแสงไฟ...หญิงสาวผวา!! แล้วเธอก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติอีกครั้ง... ข้างกายของเธอมีผู้ชายรูปร่างกำยำนอนแนบชิด เท่าที่สำรวจคร่าวๆ เขา ‘เปลือย’ เมื่อชายผ้าที่พาดไว้หมิ่นๆ ช่วงเอว มันปิดไม่มิด แก้มก้นผู้ชายที่ชาตินี้อลิชาคงไม่มีวันได้เห็น เมื่อเธอตั้งใจจะอยู่คนเดียว ไม่อยากสร้างภาระให้กับใคร หญิงสาวยกมือขยี้ดวงตาแรงๆ ก่อนจะสูดปากคราง เมื่อร่างกายประท้วงการออกแรง เนื้อตัวของเธอร้าวระบม เหมือนทำงานหนักมาทั้งวัน เธอแน่ใจว่าตนเองหลับสนิท หลังดื่มนมอุ่นๆ ที่ฉลวยยกมาให้หน้าห้อง...เอะ!หญิงสาวรวบผ้าห่มแนบลำตัวมากขึ้น ใบหน้าซีดเผือดเมื่อพอจะเดาเหตุการณ์ออกอลิชาไม่กล้าแม้แต่จะก้มมองตัวเอง ร่างกายเธอร้าวระบม แถมว่างเปล่า เหมือนกับว่าใต้ผ้าห่มนี่ เธอไม่ได้สวมอะไรเลยน้ำตาหยดเล็กๆ ไหลพรู มันเจ็บแปลบเหมือนจะขาดใจ เมื่อคนที่ไว้ใจ หักหลัง ทำลายเธอจนยับเยิน...รอยยิ้มหยันๆ แต้
หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ กัดริมฝีปากล่างจนห้อเลือด กลั้นสะอื้นไว้สุดฤทธิ์ เมื่อไม่อยากให้คนนอกรู้เรื่องอดสูที่เกิดขึ้นกับตัวเอง“ไม่ต้องมาปิดติ๋มค่ะ...ติ๋มพอจะเดาออก อีคุณนายบนตึกนั่นเดินเข้า เดินออกบ้านเจ้สายหยุดทางเป็นมัน มันเอาหนูอลิสไปขายสิท่า” ติ๋มกล่าวเสียงเคียดแค้น...เจ็บใจที่ช่วยเหลือคนน่าสงสารอย่างอลิสชาไม่ได้ เรื่องมันสายเกินกว่าจะแก้ไขเสียแล้วอลิชาผงะ แม้แต่สาวใช้ก้นครัวอย่างติ๋มยังรู้“ไปเก็บของค่ะ หนูอริสอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วล่ะ มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป อีคุณนายใจดำนั่น คงไม่หยุดง่ายๆ”มือหยาบกร้านดันแผ่นหลังบอบบางของหญิงสาว เธอกระซิบเสียงแผ่วๆ เพราะกลัวบุคคลที่สามได้ยิน“อลิสไม่มีที่ไปนะติ๋ม” หญิงสาวท้วง นอกจากฉลวยแล้ว เธอไม่มีใครที่พอจะพึ่งพาได้จริงๆ“ไม่ต้องกลัวค่ะ หลบไปก่อน เดี๋ยวติ๋มหางานให้ทำเอง... ไปให้พ้นจากบ้านนี้ บุญคุณท่วมหัวที่อีคุณนายมันอ้างอย่าไปนึกถึง... ความระยำที่อีคุณนายมันทำลบล้างหมดแล้วค่ะ”ถึงไม่ใช่ญาติ แต่เห็นกันมาตั้งหลายปี สิ่งที่ฉลวยและครอบครัวทำกับอลิชา เกินกว่าที่ติ๋มจะรับไหว ถึงเธอจะจนกร็อบ ต้องอาศัยใบบุญบ้านฉัตรสุวรรณ แต่เรื่องระยำตำบอนอย่างน
ชายหนุ่มไหวไหล่ เขาเดินเข้าไปด้านใน และลงมืออาบน้ำ เพื่อชำระคราบไคล่ต่างๆ บนร่างกาย “อูยยย!” แมทธิวเผลอตัวอุทานออกมาเสียงหลง เมื่อสายน้ำเย็นรินรดร่างกาย ผิวหนังที่แผ่นหลังก็ประท้วง มันเจ็บแปลบเนื่องจากแผลสด เขาเอี้ยวตัวตะแคงร่างกายมองผ่านกระจกเงา ริ้วรอยนูนเด่น ฝีมือแม่ม้าพยศเมื่อคืนนี้ หล่อนฝากรอยรักไว้บนแผ่นหลังเขา เสียงเป็นทางยาวมุมปากสีเข้มกระตุกยิ้ม บทรักสุดโลดโผนเมื่อค่ำคืน ทำให้แมทธิวคิดถึงหล่อนขึ้นมาติดหมัด ไอ้ที่เคยปฏิบัติมา คงถูกแหก เมื่อในสมองของแมทธิวตอนนี้ เขาติดใจจนอยากพบหล่อนอีกสักครั้ง...หลังแต่งตัวเรียบร้อย ชายหนุ่มซ่อนรอยแผลเล็กๆ บนร่างกายไว้ด้วยเสื้อผ้าชุดเดิม เขาเดินผิวปากออกจากห้องสวีทแบบคนอารมณ์ดี ความเครียดที่สะสมในร่างกาย ถูกระบายไปกับบทรักร้อนแรงจนหมดโทรศัพท์เครื่องบางเฉียบถูกล้วงออกมาจากซอกกระเป๋าเสื้อ แมทธิวกดโทร. ออก ต่อสายหาคนจัดหาผู้หญิงเพื่อเจรจา เขาต้องการเจอหล่อนอีกครั้ง...แต่คงไม่ใช่วันนี้“มีอะไรคะ? ทำไมแม่นั่งยิ้มอยู่คนเดียว”อลินดาที่เพิ่งจะตื่นนอน หล่อนย่างกรายลงมาชั้นล่างของบ้าน เอาเมื่อตะวันขึ้นตรงศีรษะพอดี“ไม่ดีใจได้ยังไงลูก อีคุณนายนั่นโทร
“ดูๆ คนของคุณอิง มีงอนด้วย”“ฝีมือใช้ได้เลยค่ะ หน้าตายังเด็กๆ อยู่เลยด้วยไม่คิดว่ารสมือจะดีขนาดนี้” น้ำอิงชมซ้ำ เธอเปรยให้สามีฟัง“บอกบ้านใหญ่หรือยังล่ะ...เดี๋ยวจะมีปัญหาทีหลังนะ...” ไทธัชเตือน ความเคลื่อนไหวภายในบ้านเขา ถูกสอดส่องจากคนบ้านใหญ่ จนบางครั้งเขาก็เอือมระอา...“อิงว่าจะไปเรียนให้ท่านทราบวันนี้ค่ะ” น้ำอิงตอบเสียงแผ่ว เธอรับรู้กระแสความไม่พอใจผ่านทางน้ำเสียงที่สามีใช้“อืม...” ไทธัชไม่ได้พูดต่อ เขารับชามข้าวต้มจากฟักทอง ก่อนจะตักใส่ปาก... “อร่อยจริงๆ” ชายหนุ่มเปรยหลังจากลิ้มรส รสมือของอลิชาเข้าไปแล้ว“ฟักคงตกกระป๋อง...ขนาดคุณไทยังชม” ฟักทองบ่นกระปอดกระแปด เมื่อเจ้านายทั้งสองคน มีความเห็นตรงกัน“งานอื่นมีเยอะแยะ ส่วนหน้าที่ทำอาหาร ฟักเป็นแค่ลูกมือก็พอ...” ไทธัชกล่าวยิ้มๆ เขาเป็นกันเองกับคนในบ้าน ไม่ถือตัวว่าเป็นเจ้านาย“ฟักไปตามอลิสมาสิ จะได้รู้จักกันไว้ ใครเป็นใคร เดี๋ยวจะงง”น้ำอิงสั่งฟักทอง อลิชาจะได้ทำความรู้จักกับสามีของเธอด้วยหญิงสาวร่างเล็กบาง เดินตามหลังฟักทองเข้ามา“สวัสดีค่ะคุณ” อลิชายกมือขึ้นทำความเคารพโดยไม่ต้องให้ใครบอก เธอยิ้มเซียวๆ ให้เจ้านายหนุ่ม“อายุเท่าไหร
ใบหน้าเล็กๆ ส่ายไปมา...น้ำตาทะลักรินโดยไม่รู้สาเหตุ เป็นความหวาดกลัวจับจิต หากสิ่งที่กำลังกลัวเกิดขึ้นจริงๆ“อลิสมีแฟน หรือมีผู้ชายที่คบหามั้ย?”น้ำอิงถามเสียงแผ่ว เธอกำลังหาทางช่วย หากอลิชาก้าวพลาดหญิงสาวส่ายใบหน้าแรงๆ ใช้หลังมือปาดน้ำตา ก่อนจะย่อตัวลงนั่งบนพื้นเจ้านายสาวหันมาเผชิญหน้า เธอสูดลมหายใจแรงๆ “อาการที่เป็นอยู่ อิงไม่อยากฟันธงนะอลิส...ที่อิงถามแบบนั้นเพราะอิงจะได้วิเคราะห์ถูก ถ้าอลิสไม่เคยมีแฟน ไม่เคยคบผู้ชาย ปัญหาที่อิงกลัวก็ไม่น่าใช่” เสียงอธิบายเนิบนาบ หัวใจของอลิชาหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอไม่เคยคบค้าสมาคมกับเพศตรงข้าม ไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับผู้ชายคนไหน แต่...เธอมีความสัมพัธ์กับผู้ชายที่ไม่รู้จักชื่อ...ครั้งเดียวก่อนจะหนีเตลิดมาที่นี่“คุณอิงคะ อลิส...” หญิงสาวเรียบเรียงคำพูด “ก่อนมาที่นี่ อลิสมีอะไรกับผู้ชายคนหนึ่ง อลิสไม่รู้จักเขาเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร มันเป็นคราวซวยของอลิส แบบนี้อลิสคงจะท้องใช่มั้ยคะ?”เสียงติดๆ ขัดๆ เพราะกลั้นสะอื้นไปพร้อมๆ กับการพูด น้ำตาไหลอาบหน้า เสียใจกับโชคชะตาตนเอง เคราะห์ซ้ำกรรมซัดใส่ตนเองไม่หยุดน้ำอิงกะพริบเปลือกตาถี่ๆ เธอเ