Share

บทที่1.ทาสในเรือนเบี้ย 1

บทที่1.ทาสในเรือนเบี้ย

“อลิส! อีอลิส” เสียงตะโกนเรียกชื่อเธอดังโหวกเหวกอยู่หน้าห้อง หญิงสาวร่างเล็กบอบบางงัวเงียตื่นจากห้วงฝัน มือเรียวหยาบกร้านยกขึ้นเสยผมสีน้ำตาลอ่อนยับยุ่งให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะโผเผเดินไปเปิดประตูและขานรับ “ขาป้า...จะใช้อะไรอลิสเหรอคะ?”

ฉลวยเบ้ปากมองสภาพแสนโทรมของหลานสาวด้วยสายตาดูถูก ร่างเล็กบางผอมแห้ง เหมือนมีแต่กระดูกมากกว่ามีเนื้อมีหนัง

“สายโด่งป่านนี้ไม่คิดจะลุกมาทำอะไรให้ฉันกินหรือไงยะ!!?”

เสียงแหลมปรี๊ดเพราะกำลังหิวจัด กรรโชกข่ม

“ขอโทษค่ะ เดี๋ยวอลิสออกไปเตรียมไว้ให้”

หญิงสาวก้มหน้ารับคำสั่ง เธอปิดงับประตูพร้อมกับที่คนสั่งเดินสะบัดก้นไปอีกทาง...

ลมหายใจถูกพ่นออกมาแรงๆ มือเรียวผอมบางคว้าผ้าเช็ดตัวผืนเก่าพาดไว้บนบ่า แล้วจึงเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเล็กๆ ภายในห้องนอน

“คุณนายไปลากมาจากที่นอนอีกล่ะสิ” ติ๋มร้องทัก นางกำลังสาละวนกับงานในครัวอย่างขะมักเขม้น

อลิชายิ้มกร่อยๆ ส่งให้ เธอคว้าหม้อใบขนาดพอเหมาะมือจัดแจงตักข้าวสารใส่ลงไป ทำตามด้วยกระบวนวิธีปรุงอาหาร เพื่อทำอาหารมื้อเช้าให้คนบนตึกได้รับประทาน...

“คุณนายนี่ก็แปลกคน ติ๋มจะทำให้เอง...ก็ไม่ยอม ต้องไปลากหนูอลิสมาทำให้กิน...”

แววตาห่วงปนสมเพชทอดมองร่างเล็กบางของเจ้านายสาว สภาพกึ่งๆ คนรับใช้เหมือนตนเอง

อลิชาไม่ได้ตอบ เธอตั้งหม้อไว้บนเตาแก๊ส สาละวนง่วนกับภารกิจที่ต้องแข่งกับเวลา

เกือบยี่สิบนาที อาหารมื้อเช้าก็เสร็จเรียบร้อย หญิงสาวยกหม้อใบนั้นเดินไปบนตัวตึก เธอวางหม้อไว้ห้องอาหารของบ้าน ก่อนจะถอยกลับลงมาแบบคนรู้หน้าที่...

“ทำกับหลานเหมือนไม่ใช่คน...ใจดำฉิบหายคนบ้านนี้”

ติ๋มบ่นตามหลังอลิชาไป เมื่อคนบนตัวตึกกีดกันหญิงอาภัพผู้นี้...ทั้งที่หล่อนก็เป็นญาติคนหนึ่ง...

“คุณแม่ขา อลินขอสตางค์เพิ่มสักห้าพันได้มั้ยคะ ต้องทำรายงานส่งอาจารย์อะค่ะ”

ข้ออ้างอย่างดีสำหรับใช้ฉกเงินในกระเป๋าของมารดาคือใช้เรื่องการเรียนบังหน้า อลินดามักมีข้ออ้างแบบนี้บ่อยครั้ง และมันได้ผลเสมอ

“ใช้ให้มันประหยัดๆ หน่อยสิยัยหนู...เดือนนี้แกเอาเงินจากแม่ไปร่วมหมื่นแล้วนะ”

ฉลวยบ่นพึม แต่ก็ไม่วายควักธนบัตรจากกระเป๋าส่งให้บุตรสาว

“อะไรนะคุณ!” สมภพลดหนังสือพิมพ์ในมือลง เขาพับโยนไว้ข้างตัว ดวงตาคมดุกวาดมองทั้งศรีภรรยาและบุตรสาวเพียงคนเดียว

“จะโวยทำไมคะคุณพี่ ลูกขอไปใช้เรื่องเรียน ไม่ได้ขอไปเที่ยวเตร่เสียหน่อย” ฉลวยตอบสามีเสียงแข็ง

“แน่ใจเหรอว่าเรื่องเรียน หากขยันอย่างคุณว่า เกรดยัยอลินน่าจะดีกว่านี่สิ ไม่ใช่ร่อแร่ จนต้องลุ้น รอให้มหาลัย’ เขาเชิญออกแบบนี้ ผมว่า... ส่งยัยอลิสเรียนยังมีความหวังเสียมากกว่า” ประมุขของบ้านเอ่ยโยงถึงหลานสาวภรรยา เพราะหากเป็นอลิชา...ท่านคงไม่ปวดหัวแบบตอนนี้ เมื่อผลการเรียนของอลิชาไม่เคยทำให้ผิดหวัง ทั้งที่เวลาอ่านทบทวนแทบไม่มี ทำงานบ้านจนหัวหมุน

“คุณพ่อทำไมชอบเอาอลินไปเปรียบกับแม่นั่นจังคะ อลินรู้ แม่นั่นหัวดี เรียนเก่ง...” หญิงสาวเถียงหน้าแดงก่ำ บิดาชอบให้ท้ายเด็กก้นครัว ยกมาเปรียบเทียบกับตนเองเป็นประจำ

“พ่อไม่ได้ยกอลิสขึ้นมาเสมอลูกหรอกนะอลิน พ่อแค่ชี้ให้ลูกเห็น ในขณะที่ลูกใช้จ่ายฟุ่มเฟือย อลิสทำงานตัวเป็นเกลียว” ประมุขของบ้านพยายามอธิบาย

“แล้วไงคะ... ช่วยไม่ได้ แม่นั่นอยากไม่มีพ่อ ไม่มีแม่เองนี่คะ” สาวรุ่นไหวไหล่ เบ้ปากให้คู่อริตั้งแต่เยาว์วัย

“คิดในมุมกลับกัน หากอลิสมีพร้อม เราสิจะอาย”

ท่านถอนใจเฮือก บุตรสาวเป็นไม้แข็งยากที่จะดัด เพราะภรรยาคอยให้ท้ายจนเกือบจะเสียคน

“ทำไมต้องอายคะ...มันไม่มีวันนั้นหรอก” อลินดาย้อนเสียงแข็ง...อลิชาจะต้องถูกกด และมีชีวิตต่ำต้อยไปจนตาย

“พอๆ อย่าไปพูดถึงแม่อลิสให้เสียอารมณ์เลย...ทานเถอะค่ะ เดี๋ยวข้าวต้มเย็นหมด” ฉลวยโบกมือห้าม เธอดันชามข้าวต้มควันกรุ่นให้สามี พลางปรามด้วยสายตา

“คุณน่ะ ปรามๆ ลูกบ้าง ไม่ใช่ยุส่ง ให้ท้ายแบบนี้ มันจะเรียนไม่จบเอานา”

ชายสูงวัยถอนใจแรงๆ บุตรสาวไม่ได้ดั่งใจ สร้างความหนักใจให้ตลอด ผิดกับหลานสาวภรรยา ขานั้นไม่มีปากมีเสียง ก้มหน้าทำงานไม่มีปริปาก ทั้งที่หากจะเรียกร้อง อลิชาก็มีสิทธิ เพราะที่มีกินมีใช้ทุกวันนี้ก็เพราะเอาสมบัติเก่าเก็บของบิดามารดาอลิชามาขาย เป็นการยักย้ายถ่ายเท โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ ลำพังเงินเดือนข้าราชการซีต่ำๆ หรือจะพอเลี้ยงปากท้องคนทั้งครอบครัว เมื่อฉลวยและอลินดาจมไม่ลง ทำตัวฟุ้งเฟ้อเหมือนมีเงินถุง เงินถัง

“ผมไปทำงานล่ะ...คุณก็อย่าออกไปก่อหนี้อีกแล้วกัน” สมภพปรามภรรยา เขาดันตัวลุกขึ้นยืน คว้ากุญแจรถยนต์คันเก่าเดินออกไปนอกบ้าน เริ่มต้นวันทำงานด้วยอารมณ์ไม่คงที่ ปวดหัวกับปัญหาที่ภรรยาก่อ ปวดหัวกับพฤติกรรมของบุตรสาว แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้เหมือนเดิม

“ที่คุณพ่อพูดหมายถึงอะไรคะคุณแม่?” อลินดาหันมาถาม

“อย่าไปสนใจเลย พ่อแกก็บ่นตามประสาคนแก่นั่นแหละ” ฉลวยบอกปัด...เสก้มหน้าลงรับประทานอาหารต่อ...

“งั้นอลินไปมหาลัย’ นะคะ”

สาวสวยดันตัวลุกขึ้นยืน เดินฮัมเพลงไปตลอดทาง เมื่อมีสตางค์อัดแน่นเต็มกระเป๋า วันนี้คงไม่เสียเวลาไปกับเรื่องน่าเบื่อในคลาสเรียน ไปเดินเฉิดฉายที่ห้างสรรพสินค้า กับการหาอาหารอร่อยๆ กินแก้เซ็งดีกว่า

สำหรับอลินดาแล้ว...หล่อนไม่ห่วงเรื่องการเรียนเลย เพราะหากไม่ไหวจริงๆ มารดาก็คงไม่ว่า ครอบครัวเธอไม่ได้อดอยากปากแห้ง จนต้องไปนั่งหลังขดหลังแข็งเรียนหนังสือหนังหา

นั่นคือความคิดของอลินดา หล่อนไม่รู้ว่าเบื้องหลังหน้ากากคนร่ำรวย ครอบครัวฉัตรสุวรรณกำลังประสบภาวะสภาพคล่องเพียงใด เพราะหล่อนใช้อย่างเดียว ไม่เคยได้เป็นคนหา...

“อะไรอีกล่ะ!” ฉลวยฉวยโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นมาแนบหู พลางส่งเสียงแข็งๆ ตอบกลับไป เมื่อมีเสียงเรียกเข้าถี่ยิบ

“อย่ามาเสียงแข็งกับฉันนะแม่หลวย ถึงวันจ่ายดอกแล้ว ทำไมหล่อนยังเงียบยะ!” เสียงแหวดังสวนกลับมาทันควัน จากคนปลายสายที่ต่อสายมาหานาง...

ฉลวยตาเหลือก แบนโทรศัพท์ออกห่างจากใบหู บ่นพึมพำเบาๆ “อีคุณนายสายหยุดนี่เอง...ดันทะลึ่งรับไม่ดูเบอร์”

หลังปรับน้ำเสียงลง ฉลวยพูดเสียงหวานตอบกลับเจ้าหนี้ไป

“อุ้ยตาย...กำลังจะออกไปหาพอดีเลยค่ะ เพิ่งจะกินข้าวอิ่ม...ใจเย็นๆ ค่ะคุณนาย”

“ย่ะ... อย่าให้เกินเที่ยงแล้วกัน เดือนนี้ฉันไม่ผ่อนผันให้แล้วนะ หล่อนน่ะผิดนัดมาหลายงวดแล้ว”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status