บทที่1.ทาสในเรือนเบี้ย
“อลิส! อีอลิส” เสียงตะโกนเรียกชื่อเธอดังโหวกเหวกอยู่หน้าห้อง หญิงสาวร่างเล็กบอบบางงัวเงียตื่นจากห้วงฝัน มือเรียวหยาบกร้านยกขึ้นเสยผมสีน้ำตาลอ่อนยับยุ่งให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะโผเผเดินไปเปิดประตูและขานรับ “ขาป้า...จะใช้อะไรอลิสเหรอคะ?”
ฉลวยเบ้ปากมองสภาพแสนโทรมของหลานสาวด้วยสายตาดูถูก ร่างเล็กบางผอมแห้ง เหมือนมีแต่กระดูกมากกว่ามีเนื้อมีหนัง
“สายโด่งป่านนี้ไม่คิดจะลุกมาทำอะไรให้ฉันกินหรือไงยะ!!?”
เสียงแหลมปรี๊ดเพราะกำลังหิวจัด กรรโชกข่ม
“ขอโทษค่ะ เดี๋ยวอลิสออกไปเตรียมไว้ให้”
หญิงสาวก้มหน้ารับคำสั่ง เธอปิดงับประตูพร้อมกับที่คนสั่งเดินสะบัดก้นไปอีกทาง...
ลมหายใจถูกพ่นออกมาแรงๆ มือเรียวผอมบางคว้าผ้าเช็ดตัวผืนเก่าพาดไว้บนบ่า แล้วจึงเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเล็กๆ ภายในห้องนอน
“คุณนายไปลากมาจากที่นอนอีกล่ะสิ” ติ๋มร้องทัก นางกำลังสาละวนกับงานในครัวอย่างขะมักเขม้น
อลิชายิ้มกร่อยๆ ส่งให้ เธอคว้าหม้อใบขนาดพอเหมาะมือจัดแจงตักข้าวสารใส่ลงไป ทำตามด้วยกระบวนวิธีปรุงอาหาร เพื่อทำอาหารมื้อเช้าให้คนบนตึกได้รับประทาน...
“คุณนายนี่ก็แปลกคน ติ๋มจะทำให้เอง...ก็ไม่ยอม ต้องไปลากหนูอลิสมาทำให้กิน...”
แววตาห่วงปนสมเพชทอดมองร่างเล็กบางของเจ้านายสาว สภาพกึ่งๆ คนรับใช้เหมือนตนเอง
อลิชาไม่ได้ตอบ เธอตั้งหม้อไว้บนเตาแก๊ส สาละวนง่วนกับภารกิจที่ต้องแข่งกับเวลา
เกือบยี่สิบนาที อาหารมื้อเช้าก็เสร็จเรียบร้อย หญิงสาวยกหม้อใบนั้นเดินไปบนตัวตึก เธอวางหม้อไว้ห้องอาหารของบ้าน ก่อนจะถอยกลับลงมาแบบคนรู้หน้าที่...
“ทำกับหลานเหมือนไม่ใช่คน...ใจดำฉิบหายคนบ้านนี้”
ติ๋มบ่นตามหลังอลิชาไป เมื่อคนบนตัวตึกกีดกันหญิงอาภัพผู้นี้...ทั้งที่หล่อนก็เป็นญาติคนหนึ่ง...
“คุณแม่ขา อลินขอสตางค์เพิ่มสักห้าพันได้มั้ยคะ ต้องทำรายงานส่งอาจารย์อะค่ะ”
ข้ออ้างอย่างดีสำหรับใช้ฉกเงินในกระเป๋าของมารดาคือใช้เรื่องการเรียนบังหน้า อลินดามักมีข้ออ้างแบบนี้บ่อยครั้ง และมันได้ผลเสมอ
“ใช้ให้มันประหยัดๆ หน่อยสิยัยหนู...เดือนนี้แกเอาเงินจากแม่ไปร่วมหมื่นแล้วนะ”
ฉลวยบ่นพึม แต่ก็ไม่วายควักธนบัตรจากกระเป๋าส่งให้บุตรสาว
“อะไรนะคุณ!” สมภพลดหนังสือพิมพ์ในมือลง เขาพับโยนไว้ข้างตัว ดวงตาคมดุกวาดมองทั้งศรีภรรยาและบุตรสาวเพียงคนเดียว
“จะโวยทำไมคะคุณพี่ ลูกขอไปใช้เรื่องเรียน ไม่ได้ขอไปเที่ยวเตร่เสียหน่อย” ฉลวยตอบสามีเสียงแข็ง
“แน่ใจเหรอว่าเรื่องเรียน หากขยันอย่างคุณว่า เกรดยัยอลินน่าจะดีกว่านี่สิ ไม่ใช่ร่อแร่ จนต้องลุ้น รอให้มหาลัย’ เขาเชิญออกแบบนี้ ผมว่า... ส่งยัยอลิสเรียนยังมีความหวังเสียมากกว่า” ประมุขของบ้านเอ่ยโยงถึงหลานสาวภรรยา เพราะหากเป็นอลิชา...ท่านคงไม่ปวดหัวแบบตอนนี้ เมื่อผลการเรียนของอลิชาไม่เคยทำให้ผิดหวัง ทั้งที่เวลาอ่านทบทวนแทบไม่มี ทำงานบ้านจนหัวหมุน
“คุณพ่อทำไมชอบเอาอลินไปเปรียบกับแม่นั่นจังคะ อลินรู้ แม่นั่นหัวดี เรียนเก่ง...” หญิงสาวเถียงหน้าแดงก่ำ บิดาชอบให้ท้ายเด็กก้นครัว ยกมาเปรียบเทียบกับตนเองเป็นประจำ
“พ่อไม่ได้ยกอลิสขึ้นมาเสมอลูกหรอกนะอลิน พ่อแค่ชี้ให้ลูกเห็น ในขณะที่ลูกใช้จ่ายฟุ่มเฟือย อลิสทำงานตัวเป็นเกลียว” ประมุขของบ้านพยายามอธิบาย
“แล้วไงคะ... ช่วยไม่ได้ แม่นั่นอยากไม่มีพ่อ ไม่มีแม่เองนี่คะ” สาวรุ่นไหวไหล่ เบ้ปากให้คู่อริตั้งแต่เยาว์วัย
“คิดในมุมกลับกัน หากอลิสมีพร้อม เราสิจะอาย”
ท่านถอนใจเฮือก บุตรสาวเป็นไม้แข็งยากที่จะดัด เพราะภรรยาคอยให้ท้ายจนเกือบจะเสียคน
“ทำไมต้องอายคะ...มันไม่มีวันนั้นหรอก” อลินดาย้อนเสียงแข็ง...อลิชาจะต้องถูกกด และมีชีวิตต่ำต้อยไปจนตาย
“พอๆ อย่าไปพูดถึงแม่อลิสให้เสียอารมณ์เลย...ทานเถอะค่ะ เดี๋ยวข้าวต้มเย็นหมด” ฉลวยโบกมือห้าม เธอดันชามข้าวต้มควันกรุ่นให้สามี พลางปรามด้วยสายตา
“คุณน่ะ ปรามๆ ลูกบ้าง ไม่ใช่ยุส่ง ให้ท้ายแบบนี้ มันจะเรียนไม่จบเอานา”
ชายสูงวัยถอนใจแรงๆ บุตรสาวไม่ได้ดั่งใจ สร้างความหนักใจให้ตลอด ผิดกับหลานสาวภรรยา ขานั้นไม่มีปากมีเสียง ก้มหน้าทำงานไม่มีปริปาก ทั้งที่หากจะเรียกร้อง อลิชาก็มีสิทธิ เพราะที่มีกินมีใช้ทุกวันนี้ก็เพราะเอาสมบัติเก่าเก็บของบิดามารดาอลิชามาขาย เป็นการยักย้ายถ่ายเท โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ ลำพังเงินเดือนข้าราชการซีต่ำๆ หรือจะพอเลี้ยงปากท้องคนทั้งครอบครัว เมื่อฉลวยและอลินดาจมไม่ลง ทำตัวฟุ้งเฟ้อเหมือนมีเงินถุง เงินถัง
“ผมไปทำงานล่ะ...คุณก็อย่าออกไปก่อหนี้อีกแล้วกัน” สมภพปรามภรรยา เขาดันตัวลุกขึ้นยืน คว้ากุญแจรถยนต์คันเก่าเดินออกไปนอกบ้าน เริ่มต้นวันทำงานด้วยอารมณ์ไม่คงที่ ปวดหัวกับปัญหาที่ภรรยาก่อ ปวดหัวกับพฤติกรรมของบุตรสาว แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้เหมือนเดิม
“ที่คุณพ่อพูดหมายถึงอะไรคะคุณแม่?” อลินดาหันมาถาม
“อย่าไปสนใจเลย พ่อแกก็บ่นตามประสาคนแก่นั่นแหละ” ฉลวยบอกปัด...เสก้มหน้าลงรับประทานอาหารต่อ...
“งั้นอลินไปมหาลัย’ นะคะ”
สาวสวยดันตัวลุกขึ้นยืน เดินฮัมเพลงไปตลอดทาง เมื่อมีสตางค์อัดแน่นเต็มกระเป๋า วันนี้คงไม่เสียเวลาไปกับเรื่องน่าเบื่อในคลาสเรียน ไปเดินเฉิดฉายที่ห้างสรรพสินค้า กับการหาอาหารอร่อยๆ กินแก้เซ็งดีกว่า
สำหรับอลินดาแล้ว...หล่อนไม่ห่วงเรื่องการเรียนเลย เพราะหากไม่ไหวจริงๆ มารดาก็คงไม่ว่า ครอบครัวเธอไม่ได้อดอยากปากแห้ง จนต้องไปนั่งหลังขดหลังแข็งเรียนหนังสือหนังหา
นั่นคือความคิดของอลินดา หล่อนไม่รู้ว่าเบื้องหลังหน้ากากคนร่ำรวย ครอบครัวฉัตรสุวรรณกำลังประสบภาวะสภาพคล่องเพียงใด เพราะหล่อนใช้อย่างเดียว ไม่เคยได้เป็นคนหา...
“อะไรอีกล่ะ!” ฉลวยฉวยโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นมาแนบหู พลางส่งเสียงแข็งๆ ตอบกลับไป เมื่อมีเสียงเรียกเข้าถี่ยิบ
“อย่ามาเสียงแข็งกับฉันนะแม่หลวย ถึงวันจ่ายดอกแล้ว ทำไมหล่อนยังเงียบยะ!” เสียงแหวดังสวนกลับมาทันควัน จากคนปลายสายที่ต่อสายมาหานาง...
ฉลวยตาเหลือก แบนโทรศัพท์ออกห่างจากใบหู บ่นพึมพำเบาๆ “อีคุณนายสายหยุดนี่เอง...ดันทะลึ่งรับไม่ดูเบอร์”
หลังปรับน้ำเสียงลง ฉลวยพูดเสียงหวานตอบกลับเจ้าหนี้ไป
“อุ้ยตาย...กำลังจะออกไปหาพอดีเลยค่ะ เพิ่งจะกินข้าวอิ่ม...ใจเย็นๆ ค่ะคุณนาย”
“ย่ะ... อย่าให้เกินเที่ยงแล้วกัน เดือนนี้ฉันไม่ผ่อนผันให้แล้วนะ หล่อนน่ะผิดนัดมาหลายงวดแล้ว”
สายหยุดกล่าวเสียงเย็น ฉากหน้าของหล่อนคือเศรษฐีใจบุญ ทำทานไม่เคยขาด แต่เบื้องหลังแล้ว สายหยุดทำธุรกิจบนหลังคน ปล่อยกู้ดอกแพงมหาโหด แต่ก็ยังมีคนหน้ามืดแวะเวียนไปมาหาสู่ไม่ขาดสาย รวมทั้งฉลวยด้วย“อีคุณนายหน้าเลือด ตามจิกยิกๆ เชียวมึง!” หลังกดวางสาย ฉลวยก่นด่าสายหยุดไม่หยุดปาก นางฉวยกระเป๋าสตางค์ล้วงธนบัตรออกมานับเงินมือเป็นระวิง “ขาดไปห้าพัน เอาไงดีล่ะ” เพิ่งควักกระเป๋าจ่ายให้อลินดาไป เงินที่ต้องจ่ายดอกสายหยุดจึงไม่พอ ฉลวยขมวดคิ้วจนหน้าย่น คิดหาทางเอาตัวรอด ไม่อย่างนั้นคงได้ขายขี้หน้าเพราะปากสายหยุด นางถนัดนักล่ะการประจานคน...ชื่อเสียงของครอบครัวนางคงได้ป่นปี้ครานี้ปฏิทินข้างผนังบ้าน วันที่ตรงกับวันเงินเดือนออกของอลิชาพอดี มุมปากสีซีดเหยียดยิ้ม คงต้อง ‘ขูด’ มาจากหลานสาวอีกครั้งนางลุกขึ้นยืน...เดินฉับๆ ไปด้านหลังบ้าน ห้องพักที่สร้างให้อลิชาพักอาศัย สถานที่ที่เธอจะได้สิ่งที่หวังก๊อกๆ นางบรรจงเคาะประตูไม้เนื้อแข็งแรงๆ“คะ ใครคะ?” เสียงหวานๆ ร้องถาม“ฉันเองยะ!” นางตอบพร้อมกับถอยหลังมายืนห่างประตูเล็กน้อย“คุณป้ามีอะไรใช้อลิสอีกเหรอคะ?” หญิงสาวรีบดันประตูเปิด เธออยู่ในสภาพพร้อมที่จะไปทำงา
บทที่2.นางบำเรอขัดดอก“อีตอนมาเอาเงินนี่... กราบฉันเสียเป็นร้อยๆ ครั้ง แต่เวลามาคืนนี่... ต้องให้จิกซ้ำถึงจะยอมโผล่หน้ามาให้เห็นนะยะ”ปลายเล็บเคลือบยาทาเล็บสีแดงสดกรีดไปตามธนบัตรใหม่เอี่ยม ปากสีแดงแจ๊ดพร่ำบ่นเสียงไม่ต่างอะไรกับแม่ค้าหาบเร่ เมื่อทั้งดังและแหลมปรี๊ด“เงินมันหายากนี่คุณนาย...ดอกก็แพงด้วย” หางเสียงแผ่วๆ ก่อนจะเสหลบตา เพราะสายตาคมดุตวัดมามองพอดี“ฉันบอกหล่อนแล้วนี่ยะ ก่อนที่หล่อนจะมาหยิบยืม ตอนนั้นทำไมไม่ท้วงล่ะ พอตอนจะคืนมาโวย”หญิงสาวผู้นั้นก้มหน้าลง เพราะขัดสนจึงต้องใช้บริการคุณนายสายหยุดหน้าเลือด ดอกเบี้ยแพงและโตไว้ยิ่งกว่าเมล็ดข้าวโพดโดนความร้อนเสียอีก“นั่นใครล่ะ อ๋อ! แม่ฉลวยเข้ามาเลย ฉันกำลังรออยู่”ฉลวยเดินหน้าม่อยเข้ามา นางทิ้งตัวลงนั่ง กระแทกลมหายใจแรงๆ ตอนที่ล้วงธนบัตรในกระเป๋าออกมาทั้งหมด“เหลือเท่าไหร่แล้วคะคุณนาย ฉันส่งมาหลายงวดแล้วนะเมื่อไหร่จะหมดสักที” ฉลวยบ่นอุบ หาเงินตัวเป็นเกลียวเพื่อจะมาใช้หนี้สายหยุด โดยไม่รู้ว่าจะหมดเมื่อไหร่สมุดเล่มโตถูกเปิดออกด้วยนิ้วป้อมๆ ปลายเล็บเคลือบสีสันฉูดฉาดไล่เลียงหารายชื่อ ก่อนจะยิ้มมุมปากหยันๆ “หล่อนต้องหาอีกนานเลยล่ะแม่ส
“หามาเถอะน่า...แล้วแม่จะอธิบายให้ฟัง...” ฉลวยบอกปัด เริ่มละอายใจเล็กน้อย“อลินอยากรู้ค่ะ” อลินดากังขา เธออยากรู้วัตถุประสงค์ของคนเป็นแม่ฉลวยมองสบนัยน์ตาบุตรสาว นางถอนใจเฮือก ก่อนจะเปิดปากเล่าความคิดในใจให้อลินดาฟังสาวรุ่นยิ้มกริ่ม “ได้ค่ะ อลินจะหาให้...ให้อลินช่วยนะคะแม่...” หล่อนออกตัว อยากช่วยมารดาจนเนื้อเต้น เมื่อได้กำจัดศัตรูทางอ้อม อยากเห็นวันที่อลิชาถูกย่ำยี...วันนั้นอลินดาคงมีความสุข เมื่อถีบส่งคนที่ตนเองเกลียดลงไปในขุมนรกหญิงสาวผู้นั้นเป็นหนามแหลมๆ ตำใจตนเองมาตั้งแต่เด็ก อะไรก็ตามที่อลิชาทำ คนรอบตัวมักจะชื่นชม และนำมาเปรียบเทียบกับตนเองบ่อยครั้ง ผลการเรียนของอลิชานำโด่ง จนไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีทางตามทัน ทั้งที่เจ้าหล่อนอัตคัดเหลือทน การเป็นอยู่อดๆ อยากๆ แต่มันสมองนั่นก้าวล้ำกว่าคนที่เพียบพร้อมอย่างเธอหลายขุมอะไรก็ตามที่ทำให้หนามตำใจของตนเองตกต่ำลงได้อลินดาไม่รอช้าที่จะทำ เธอไม่เคยคิดสักนิดว่าอลิชาเป็นพี่ น้อง...เธอเกลียดหญิงสาวผู้นั้น และพร้อมที่จะเหยียบซ้ำ หากอลิชาก้าวพลาด“อย่าให้คุณพ่อแกรู้เชียวนะอลิน...เพราะพ่อแก เขาไม่ชอบเรื่องพรรค์นี้”ฉลวยกำชับบุตรสาว“ค่ะ
บทที่3.ผู้หญิงไม่มีราคา“โอยไม่เอาหรอก พันธะ ภาระผูกพันนี่น่าเบื่อตายห่า! ผมซื้อกินดีกว่าสบายใจด้วย”คำตอบที่แมทธิว ไบเลย์ใช้ตอบคนรอบตัว หนุ่มโสดที่ทั้งหล่อและรวย ใช้ชีวิตคุ้มค่าตามประสาลูกหลานคนมีเงิน ชายหนุ่มไม่เคยอายที่จะใช้บริการผู้หญิงหากิน แต่เขาก็ไม่ได้มั่วกินไม่เลือก ชายหนุ่มมีสถานที่ประจำ ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เดินเข้ามาหาเขา ไม่ใช่ผู้หญิงช้ำๆ ผู้ชายที่เพียบพร้อมแบบเขา หาผู้หญิงมานอนด้วยไม่ยาก เมื่อชายหนุ่มเข้าขั้นรูปหล่อพอฟัดพอเหวี่ยงกับดาราดังๆ หลายคน ณเดชที่ว่าหล่ออารมณ์ดี หากมายืนเทียบกับแมทธิวตอนนี้ สง่าราศีของชายหนุ่มอาจนำโด่ง...ผู้หญิงเป็นร้อยพร้อมที่จะเดินขึ้นเตียงกับแมทธิวฟรีๆ แต่...ชายหนุ่มไม่นิยม เขาตัดความรำคาญโดยการไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงรอบตัว เขาจ่ายเงินเพื่อความสบายใจ...ง่ายกว่ามาปวดหัวกับเรื่องหยุมหยิม...ในวันที่น่าเบื่อวันหนึ่ง...แมทธิวนั่งจมกับกองขวดเหล้า เขาดื่มเพื่อให้ลืมความเจ็บปวดในใจ...ใช่...เพราะอดีตในเยาว์วัย ชายหนุ่มจึงแอนตี้ผู้หญิง...แมทธิวโตมากับความรักของบิดา...ส่วนมารดาของเขานั้น หล่อนทิ้งแมทธิวกับคุณแอนเดอสันไปตั้งแต่ชายหนุ่มจำความได้ กนกรดาหอบผ
ฉลวยเอ่ยแบบคนเห็นแก่ตัว ข้าวแดงแกงร้อนที่รินรดหัว ถึงจะสำคัญ แต่หล่อนก็ไม่มีสิทธิทำตามอำเภอใจเช่นนี้“คุกนะแม่...หากอีนี่มันโวยขึ้นมา”อลินดายังพยายามท้วง...ถึงอยากให้อลิชาตกต่ำ แต่ความกลัวมีมากกว่า“มันจะกล้าโวยเหรอลูก...มันน่าจะอายมากกว่า”ผู้หญิงที่ถูกย่ำยีโดยผู้ชายที่ตนเองไม่รู้จักแม้แต่ชื่อแซ่ สิ่งแรกหล่อนน่าจะอับอาย และอลิชาหน้าบาง หล่อนไม่น่าจะโวยวาย“เอาไงก็เอา...มาถึงขึ้นนี้แล้ว...เราคงถอยไม่ได้แล้วล่ะแม่”สาวรุ่นสูดลมหายใจลึกๆ วางแผนมาอย่างดิบดี และแผนการนี้ดำเนินมาเกินครึ่ง...หากถอยคงไม่ทัน“ใช่...เพราะหากเปลี่ยนใจตอนนี้ แม่นี่แหละที่จะตาย...ไม่ใช่แกหรืออีอลิสหรอก... อีคุณนายนั่น ถลกหนังหัวแม่แน่”สายหยุดคงไม่ปล่อยเธอแน่ ไหนจะหนี้ที่พอกพูนเหมือนดินพอกหางหมู...ที่แน่ๆ หากงานวันนี้จบลง เธอปลดหนี้ได้ แถมมีเงินติดกระเป๋ากลับบ้านด้วยอลินดาตัดใจเปลี่ยนเสื้อผ้าเก่าๆ ปอนๆ ของอลิชาออก เธอแต่งตัวให้อลิชาใหม่ ด้วยเสื้อผ้าเก่าๆ ของตนเองหญิงสาวโชคร้ายนอนหลับไม่รู้เรื่อง ผิวหน้าของอลิชาเริ่มเปลี่ยนสี มีเม็ดเหงื่อไหลซึมออกมา และผิวแก้มมีริ้วแดงๆ เพราะความคุคลั่งภายในร่างกาย“เร็วๆ เถอะแ
อลิชาปรือตาขึ้นมอง สายตาของเธอมองเห็นทุกอย่างรอบตัวไม่ชัดเท่าไหร่...เนื้อตัวคันยุบยับ เหมือนมีแมลงตัวเล็กๆ มาชอนไช เธอพยายามเกา พยายามช่วยเหลือตัวเอง แบบคนที่มีสติไม่เต็มร้อย ผ้าเนื้อหนาบนร่างกายเสียดสีกับผิวเนื้อทำให้ผิวของเธอแสบทรมาน หญิงสาวดึงทึ้งอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายออกไปจากร่างกายอ่อนบาง พร้อมกับประตูที่เปิดอ้าขึ้น...อลินดาเหลียวมองผู้ชายหนุ่มฉกรรจ์ที่เดินผ่านตนเองกับมาดาไป แพขนตากะพริบถี่ๆ เขาผู้นั้นหล่อวายร้าย ลุคเถื่อนๆ มองแค่แผ่นหลัง ยังเสียววาบไปถึงท้องน้อย...ไหล่กว้างทรงพลัง เรียวขาบึกบึนกำยำ ผู้ชายแบบนี้ถ้าได้นอนใต้ร่าง เธอคงได้ครางเสียงแหบทั้งคืน พลังเพศผู้ของเขาแผ่ซ่านมายังเธอ แม้จะอยู่ห่างไกลยังสัมผัสถึงได้ หญิงสาวแลบลิ้นเลียริมฝีปาก...กัดริมฝีปากร่างเพื่อกลั้นความกระหาย...เพี้ยะ!ฝ่ามือผอมบางของมารดาฟาดโผว๊ะมาที่ท้องแขนตนเอง อลินดาสะดุ้ง!“คุณแม่อะ ตีอลินทำไมคะ?” หญิงสาวโวยเสียงอ่อย ไม่วายชำเลืองมองแมทธิวที่เดินหายลับมุมตึกไป“ดูทำเข้า มองผู้ชายเหมือนอยากจะขย้ำ ทำตัวดีๆ หน่อยแม่ไม่อยากให้ใครว่าตามหลัง”ฉลวยเหลือบเห็นปฏิกิริยาของบุตรสาวเข้าพอดี เธอจึงอดไม่ได้ที่จะตำหนิ อล
จูบ!! เธอกำลังถูกจูบจากผู้ชายแปลกหน้า เป็นความฝันแน่ๆ อลิชาคิดในใจแบบนั้น ความฝันวาบหวิวที่สุดในรอบ10ปี นับตั้งแต่แตกเนื้อสาวแมทธิวครางงึมงำ จุมพิตแผ่วๆ แต่กลับซ่านทรวง รสหวานซ่านที่แผ่เต็มอุ้งปากเหมือนกำลังได้ดื่มหยดน้ำค้างแรกเช้า ชายหนุ่มบดริมฝีปากแรงขึ้นอีกนิด แทรกปลายลิ้นตวัดเร้าโรมเรียวลิ้นเล็กๆ ที่ถอยหนี เป็นเกมสนุกในอุ้งปากที่น่าสุนทรีเสียจนแมทธิวใช้เวลานานกว่าทุกครั้ง มือแข็งแรงเคลื่อนที่ลงไปลูบไล้ผิวกายเนียนละเอียด เขาเกลี่ยปลายนิ้วไปตามส่วนคอดเว้าของโค้งสะโพก ก่อนจะวกกลับมาด้านหน้า เพื่อค้นหาเป้าหมายที่น่าสนใจ เรียวขาเพรียวถูกดันให้แยกออกจากกันด้วยความชำนาญ ขาแข็งแรงสอดกั้นไว้ ครั้นเมื่ออลิชาบีบเรียวขาชิดกันเธอจึงทำไม่ได้ ปลายนิ้วร้อนผ่าว กรีดตามรอยแยกปริ่มน้ำ หญิงสาวใต้ร่างสะดุ้งเยือก ร่างกายเกร็งแข็งขึ้นมาแบบฉับพลัน เพียงแค่ของสงวนกลางร่างกายถูกแตะต้อง“ยะ อย่า...อย่าทำแบบนั้นกับอลิสเลยค่ะ” เสียงหวานปนหอบกระซิบวอนขอ“อลิส เธอชื่ออลิสอย่างนั้นเหรอ?” ชายหนุ่มถามกลับเสียงปร่า เขาดันตัวชะโงกอยู่เหนือร่างกายอวบอัด“ค่ะ...ปล่อยอลิสไปนะคะ” อลิชาพยายามร้องขอครั้งสุดท้าย สำนึกดีชั
บทที่4.กาลเวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นเองอลิชาตื่นตามเวลา เธอปรือเปลือกตาขึ้นมอง สิ่งที่สายตาจับภาพได้... เป็นภาพที่ไม่คุ้นชิน เพดานห้องเธอเป็นไม้อัดเก่าๆ ผุๆ แต่ที่เห็นนี่ คือโคมไฟห้อยระย้า แสงสะท้อนของมันสวยเหมือนเกล็ดเพชรยามล้อเล่นกับแสงไฟ...หญิงสาวผวา!! แล้วเธอก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติอีกครั้ง... ข้างกายของเธอมีผู้ชายรูปร่างกำยำนอนแนบชิด เท่าที่สำรวจคร่าวๆ เขา ‘เปลือย’ เมื่อชายผ้าที่พาดไว้หมิ่นๆ ช่วงเอว มันปิดไม่มิด แก้มก้นผู้ชายที่ชาตินี้อลิชาคงไม่มีวันได้เห็น เมื่อเธอตั้งใจจะอยู่คนเดียว ไม่อยากสร้างภาระให้กับใคร หญิงสาวยกมือขยี้ดวงตาแรงๆ ก่อนจะสูดปากคราง เมื่อร่างกายประท้วงการออกแรง เนื้อตัวของเธอร้าวระบม เหมือนทำงานหนักมาทั้งวัน เธอแน่ใจว่าตนเองหลับสนิท หลังดื่มนมอุ่นๆ ที่ฉลวยยกมาให้หน้าห้อง...เอะ!หญิงสาวรวบผ้าห่มแนบลำตัวมากขึ้น ใบหน้าซีดเผือดเมื่อพอจะเดาเหตุการณ์ออกอลิชาไม่กล้าแม้แต่จะก้มมองตัวเอง ร่างกายเธอร้าวระบม แถมว่างเปล่า เหมือนกับว่าใต้ผ้าห่มนี่ เธอไม่ได้สวมอะไรเลยน้ำตาหยดเล็กๆ ไหลพรู มันเจ็บแปลบเหมือนจะขาดใจ เมื่อคนที่ไว้ใจ หักหลัง ทำลายเธอจนยับเยิน...รอยยิ้มหยันๆ แต้