แชร์

บทที่ 3 สมรสพระราชทาน

ผู้เขียน: กะปอมพ่นไฟ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-04 12:20:08

“น้องหญิงรองรีบเกินไปหรือไม่ งานเลี้ยงจัดปลายยามอู่ นี่เพิ่งจะต้นยามเซิ่นเท่านั้นเอง น้องหญิงรองคงจะตื่นเต้นมากเกินไปเป็นแน่อายุ 17 หนาวแล้วแต่พึ่งจะเคยได้ออกงานใหญ่เป็นครั้งแรก”

หยางซูมี่เหยียดยิ้มหวานปานน้ำผึ้ง แต่คำพูดนั้นกลับทำให้คนฟังรู้สึกเจ็บปวดใจ ด้วยฐานะของหยางเจียลี่เป็นเพียงแค่บุตรีที่ถือกำเนิดมาจากฮูหยินรอง

การที่หยางเจียลี่จะได้รับเทียบเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงนั้นมีจนนับนิ้วได้ และโดยเฉพาะงานเลี้ยงในพระราชวังนั้น นี่ถือเป็นครั้งแรกที่นางจะได้ร่วมงานเลี้ยง นางจึงอดจะตื่นเต้นตามที่หยางซูมี่เอ่ยมิได้จริงๆ หยางเจียลี่ได้แต่กัดฟันยิ้มหวานเอ่ยตอบไป

“เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ น้องตื่นเต้นมากเกินไป ต้องขออภัยพี่หญิงใหญ่ด้วยนะเจ้าคะ”

หยางซูมี่ทำเพียงโบกมือไปมาอย่างไม่ถือสา แล้วก้าวเดินขึ้นไปนั่งบนรถม้าโดยมีซินซินช่วยประคอง

เมื่อรถม้าตระกูลหยางจอดที่ด้านหน้าพระราชวัง ผู้คนโดยรอบต่างเมียงมองกันมาทางนี้ ภายในแคว้นเซี่ยนั้นตระกูลหยางนับเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจอีกสามตระกูลคือ ตระกูลจ้าวของท่านแม่ทัพจ้าวซีซวน ตระกูลหม่าของฮองเฮาหม่าลี่อิง และตระกูลมู่ของไทเฮามู่อิงฮวา ทั้งสี่ตระกูลล้วนคานอำนาจกันมาโดยตลอด

เสนาบดีหยางหมิงก้าวลงมาเป็นคนแรก แม้ว่าจะอยู่ในวัยกลางคนแล้ว แต่ก็มิอาจลดทอนความหล่อเหลา สง่างามของเขาได้เลยกลับกันยิ่งอายุเยอะกลับยิ่งดูภูมิฐานและมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก คุณชายใหญ่หยางเฟยเทียน ก้าวลงมาเป็นคนที่สอง เขามีใบหน้าคมเข้มที่ถอดแบบหยางหมิง มีเพียงนัยน์ตาที่เรียวคมดุจนัยน์ตาเหยี่ยว ผิวของเขาคล้ำเข้มอย่างผู้ที่ฝึกยุทธ์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นถึงรองแม่ทัพแห่งทิศประจิม ภายใต้การนำทัพของท่านแม่ทัพจ้าวซีซวนผู้เป็นตา

เมื่อหยางซูมี่ก้าวลงมาจากรถม้าคันที่สอง ทั้งบุรุษและสตรีต่างพากันหยุดหายใจไปหนึ่งจังหวะ โฉมสะคราญที่มีใบหน้ารูปหัวใจ คิ้วโก่งดั่งคันศร สอดรับกับจมูกโด่งรั้นสวย นัยน์ตากลมโตแวววาวดั่งนัยน์ตากวาง ปลายหางตาเชิดขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากสีแดงก่ำดั่งผลอิงเถา วันนี้หยางซูมี่สวมใส่อาภรณ์สีขาวปักลายดอกอิงฮวาสีแดง ปักปิ่นหยกสีเขียวมันแพะที่แกะสลักเป็นดอกอิงฮวา ความงามของหยางซูมี่ให้ความรู้สึกงดงามสูงค่าประหนึ่งเซียนสาวลงมาเที่ยวเล่นยังแดนมนุษย์

หยางซูมี่เดินเข้าไปหาหยางเฟยเทียน นางยอบกายคารวะผู้อาวุโสที่เดินเข้ามาทักทายบิดา และพี่ชายใหญ่ด้วยท่วงท่างดงามถูกต้องตามหลักการแบบแผนของสตรีชนชั้นสูง

หยางเจียลี่และหยางเฟยหรง ก้าวลงมาจากรถม้าเป็นคนสุดท้าย สองพี่น้องพากันเดินไปสมทบกับเสนาบดีหยางหมิง แม้ว่าวันนี้หยางเจียลี่จะสวมอาภรณ์สีเหลืองอ่อนปักลายดอกเหลียนฮวา ให้ความรู้สึกน่ารัก สดใสสมวัย แต่เมื่อยืนใกล้กับหยางซูมี่แล้วความงามของนางยังด้อยกว่าถึงสามส่วน

หยางเฟยหรงคือบุตรชายคนเล็กที่ถือกำเนิดจากหม่าอี่นั่ว ปีนี้เขาอายุได้ 10 หนาวแล้วจึงสามารถมาร่วมงานเลี้ยงที่พระราชวังได้ หยางเฟยหรงอายุได้เพียง 10 หนาว แต่ก็ได้ฉายแววความหล่อเหลาออกมาให้เริ่มมองเห็นแล้ว ใบหน้าของเขาถอดแบบเสนาบดีหยางหมิงถึงแปดส่วน คนตระกูลหยางนั้นขึ้นชื่อเรื่องหน้าตาที่งดงามหล่อเหลาทั้งสิ้น

งานเลี้ยงจะเริ่มเมื่อปลายยามอู่แต่เวลานี้เพิ่งต้นยามเซิ่นเท่านั้น คุณหนูคุณชายที่มาถึงก่อนเวลาจึงได้ใช้ช่วงเวลานั้นเพื่อพูดคุยพบปะกับสหายกันที่อุทยานหลวงที่ถูกจัดไว้ให้ ขุนนางที่สนิทสนมกันต่างก็พากันจับกลุ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนข่าวสารกัน งานเลี้ยงวันนี้ถือว่าเป็นการผ่อนคลายจากการทำงานอย่างหนักของเหล่าขุนนาง

หยางหมิงได้เดินแยกไปหาสหายที่เป็นขุนนาง หยางเฟยเทียนได้ชวนหยางเฟยหรงไปยังลานยิงธนู หยางซูมี่นั้นจำต้องพาหยางเจียลี่ไปด้วยกัน เดินมาได้สักพักหยางเจียลี่ก็พบกับสหายทั้งคู่จึงได้เดินแยกทางกัน จะมาพบกันอีกครั้งเมื่อถึงเวลาที่งานเลี้ยงเริ่ม

“เหตุใดเจ้าถึงได้พาน้องสาวมาด้วยเล่ามี่เอ๋อร์”

หม่าฮุ่ยหลิงเอ่ยถามสหายสนิทของตน เมื่อหยางซูมี่เข้ามานั่งที่ศาลา

“ท่านพ่ออยากให้นางได้มาเปิดหูเปิดตา ปีนี้นางจะอายุ 17 หนาวแล้ว สมควรมองหาคู่ครองได้แล้ว” หยางซูมี่เอ่ยตอบสหายอย่างไม่ใส่ใจนัก

“แล้วเจ้าเล่ามี่เอ๋อร์ ปีนี้เจ้าก็อายุ 18 หนาวแล้วได้เริ่มมองหาคู่ครองบ้างหรือยังเล่า มีคุณชายตระกูลไหนที่เจ้าหมายตาไว้บ้าง”

“ข้าอยากจะเป็นสาวเทื้อขึ้นคานเสียมากกว่า”

หยางซูมี่เอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก สหายที่นั่งในศาลาต่างพากันหัวเราะ ถ้าโฉมสะคราญดั่งหยางซูมี่ขึ้นคานกลายเป็นสาวเทื้อ สตรีในใต้หล้านี้ก็ไม่มีผู้ใดได้แต่งงานออกเรือนแล้ว

“เจ้าอย่าได้พูดเล่น ข้าได้ข่าวจากข้างในว่าฮ่องเต้จะทรงพระราชทานสมรสให้กับท่านอ๋องเซี่ยเหวินหรง ในแคว้นเรามีเพียงหญิงงามสามคนเท่านั้นที่เหมาะสม

เถาซูเม่ยเอ่ยด้วยเสียงเบาราวกับกระซิบ

“เม่ยเอ๋อร์เจ้าจะกระซิบไปทำไม ข่าวลือนี้เขารู้กันไปทั่ว แม้แต่ชาวบ้านยังรู้เลย”

หม่าฮุ่ยหลิงส่ายหน้าอย่างอ่อนใจกับสหายของตน นี่นางตกข่าวไปหรือไม่

“อันนั้นคือข่าวทั่วไป แต่ข้านั้นรู้แล้วว่าผู้ใดจะได้สมรสพระราชทานกับท่านอ๋องเซี่ยเหวินหรง”

เถาซูเม่ยเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ ใบหน้ากระหยิ่มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“เจ้ารู้สิ่งใดก็รีบคลายออกมาเลยนะ”

หม่าฮุ่ยหลิงเริ่มตื่นเต้นไปกับข่าวของเถาซูเม่ย

“ไทเฮาทรงประสงค์จะให้คุณหนูมู่เหลียนฮวาแต่งเข้ามาเป็นพระชายา แต่ฮ่องเต้กับฮองเฮาทรงประสงค์ที่จะให้คุณหนู...”

เถาซูเม่ยยังเอ่ยไม่ทันจบ นางกำนัลก็ได้เข้ามาเชิญให้พวกนางกลับเข้าไปที่งานเลี้ยง เพราะอีกไม่นานงานเลี้ยงจะเริ่มขึ้นแล้ว หม่าฮุ่ยหลิงกับหยางซูมี่ได้แต่ทำหน้าเสียดาย แต่จนใจที่ต้องเดินตามนางกำนัลออกไป เถาซูเม่ยส่งสายตาหยอกล้อมาที่สหายของตน พลางหัวเราะออกมาเสียงเบา สร้างความหมั่นไส้ให้กับหยางซูมี่และหม่าฮุ่ยหลิง

เมื่อทุกคนนั่งประจำที่กันเรียบร้อยแล้ว เสียงประกาศของขันทีดังลั่นเป็นสัญญาณเพื่อบอกให้ทุกคนทราบว่าตอนนี้โอรสสวรรค์ได้ทรงเสด็จเข้ามายังงานเลี้ยงแล้ว

“ฮ่องเต้เสด็จ ฮองเฮาเสด็จ ไทเฮาเสด็จ”

ทุกคนต่างรีบลุกขึ้นยืนแล้วถวายความเคารพอย่างพร้อมเพรียงกัน

เมื่อฮ่องเต้ทรงประทับนั่งบนบัลลังก์มังกรสีเหลืองอร่ามเรียบร้อยแล้ว จึงโบกพระหัตถ์เพื่อให้ทุกคนนั่งลงได้ ที่นั่งของแต่ละพระองค์ถูกจัดไว้ตามลำดับขั้นฐานะ ที่นั่งทางด้านขวาพระหัตถ์ของฮ่องเต้ทรงมีฮองเฮาประทับอยู่ ส่วนทางด้านซ้ายของพระหัตถ์นั้นเป็นไทเฮา

เก้าอี้ถัดมานั้นทางด้านซ้ายจะเป็นที่นั่งของบุรุษ โดยคนแรกคือท่านอ๋องเซี่ยเหวินหรง ถัดไปเป็น จวิ้นอ๋องเซี่ยเหวินหลิน เป้ยเล่อเซี่ยป๋อหลิน และถัดไปเป็นครอบครัวของขุนนางที่เป็นบุรุษ

ส่วนทางด้านขวานั้นจะเป็นที่นั่งของบรรดาเหล่าสนมทั้งหลายของฮ่องเต้ และครอบครัวของเหล่าขุนนางที่เป็นสตรีทั้งหมด

ท่านอ๋องเซี่ยเหวินหรงนั้นถือกำเนิดมาจากพระสนมเว่ยกุ้ยเฟยทรงพระนามว่าเว่ยซูฉี ส่วนท่านอ๋องทั้งสองนั้นล้วนถือกำเนิดจากพระสนมขั้นผิน หลังจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ ฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงได้ทรงพระราชทานตำแหน่งอ๋องและตำหนักให้ มีเพียงเซี่ยเหวินหรงที่ไม่ได้ตำแหน่งอ๋องที่ชัดเจน มีเพียงตำแหน่งท่านแม่ทัพแห่งกองทัพพยัคฆ์ทมิฬเท่านั้น แต่ทุกคนต่างรู้กันดีว่าอำนาจของท่านอ๋องเซี่ยเหวินหรงเปรียบดั่งตำแหน่งของชินอ๋อง

เซี่ยเฟยหลงเอ่ยเปิดงานเพื่อเริ่มงานเลี้ยงได้ จากนั้นจึงได้มีการแสดงต่างๆ ตรงกลางลานแสดง นางกำนัลต่างยกอาหารและสุรามารับรองแขกทั้งหลาย น้ำชาก็ล้วนเป็นชาชั้นดี หยางซูมี่นั่งชมการแสดงอย่างสุนทรีย์

อาหารล้วนมีหลากหลายให้เลือกชิม ทั้งอาหารคาวและของหวาน ขึ้นชื่อว่านี่คืองานเลี้ยงในพระราชวัง สิ่งใดดีล้วนมีทั้งสิ้น สุราเองก็เป็นสุราที่ทำมาจากผลท้อที่ใช้เวลาหมักถึงห้าปี รสชาติหวานละมุนติดขมที่ปลายลิ้น หยางซูมี่ดื่มหมดไปถึงสามจอก หากเป็นสตรีอื่นคงเกิดอาการมึนเมาบ้างแล้ว แต่มิอาจจะทำอะไรกับหยางซูมี่ได้

เซี่ยเหวินหรงสนใจเพียงแค่จอกสุราในมือ และโฉมงามที่กำลังยกจอกสุราขึ้นดื่มเป็นจอกที่ห้า ประหนึ่งว่าในจอกนั้นเป็นเพียงน้ำชาหาใช่สุราไม่ ความสนใจของเขาที่มีต่อโฉมงามนั้นทำให้เขามิอาจจะละสายตาออกไปได้เลย แม้ว่าเขากำลังสนทนากับน้องชายอย่างเซี่ยเหวินหลิน แต่สายตาคมก็จะวกกลับไปหาที่นางตลอด

ช่วงเวลาสำคัญของงานเลี้ยงได้มาถึงแล้ว เซี่ยเฟยหลงทรงลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยด้วยพระสุรเสียงดังกังวาน

“งานเลี้ยงในวันนี้เจิ้นจัดขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะเหนือแคว้นฉิน แต่ถึงแม้เราจะเอาชนะมาได้ แต่เราก็ได้สูญเสียทหารกล้าที่พลีชีพเพื่อแผ่นดินบ้านเกิด เพื่อให้ลูกหลานของแคว้นเซี่ยได้ดำรงชีวิตอยู่ต่อไป จอกนี้เจิ้นขอดื่มเพื่อไว้อาลัยแด่ทหารกล้าที่พลีชีพเพื่อบ้านเมือง”

เซี่ยเฟยหลงยกจอกสุราขึ้นดื่ม ทุกคนต่างก็ทำตามเช่นกัน

“ครอบครัวของทหารกล้าที่พลีชีพจะได้รับเงินชดเชยจากเจิ้น ทหารที่ทำผลงานได้ดีเจิ้นจะตกรางวัลให้อย่างเหมาะสม และเซี่ยเหวินหรงแม่ทัพแห่งกองทัพพยัคฆ์ทมิฬผู้นำทัพที่สามารถรบชนะแคว้นฉินได้ เจิ้นมีรางวัลพิเศษให้”

ทุกคนต่างลุ้นระทึกและคาดเดาไปต่างๆ นานา ถึงรางวัลที่ฮ่องเต้จะทรงพระราชทานให้กับท่านอ๋องเซี่ยเหวินหรง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีข่าวลือออกมา ทุกคนต่างพากันคาดเดาว่าสตรีใดที่จะเป็นผู้โชคดีที่ได้แต่งเข้าจวนของท่านอ๋องเซี่ยเหวินหรง

“เซี่ยเหวินหรงพระอนุชาแห่งเราผู้นำทัพแห่งกองทัพพยัคฆ์ทมิฬสามารถนำชัยชนะแคว้นฉินได้ เราในฐานะโอรสสวรรค์ผู้ปกครองแคว้นเซี่ย ประสงค์มอบสมรสพระราชทานให้เซี่ยเหวินหรงกับคุณหนูใหญ่ หยางซูมี่ บุตรีของเสนาบดีกรมคลังหยางหมิง นับจากนี้อีกหนึ่งเดือนให้แต่งเข้ามาเป็นพระชายาเอกในชินอ๋องเซี่ยเหวินหรง”

สิ้นเสียงของโอรสสวรรค์ ดั่งมีสายฟ้าฟาดผ่าเปรี้ยงลงมา

นอกจากฮ่องเต้จะทรงพระราชทานสมรสแล้ว ยังทรงประกาศมอบตำแหน่งชินอ๋องให้กับเซี่ยเหวินหรงอีกด้วย แม้ว่าหลายคนพอจะคาดเดาได้ว่าผู้ใดจะได้แต่งเข้าจวนอ๋อง

แต่การที่ฮ่องเต้ทรงประกาศว่าหยางซูมี่จะถูกแต่งตั้งเป็นพระชายาเอกชินอ๋องนั้น แสดงให้เห็นว่าพระอนุชาผู้นี้มีน้ำหนักในพระทัยของพระองค์เป็นอย่างมาก ตำแหน่งชินอ๋องนั้นปกติจะเป็นรองเพียงองค์รัชทายาทเท่านั้น แต่ตอนนี้ฮ่องเต้ยังไม่มีพระโอรสหรือพระธิดา ดังนั้นตำแหน่งชินอ๋องจึงเป็นรองเพียงฮ่องเต้เท่านั้น

การที่ฮ่องเต้ทรงเลือกหยางซูมี่ให้เป็นพระชายาเอกของเซี่ยเหวินหรงนั้น มีทั้งผู้ที่ยินดีในวาสนาของหยางซูมี่ และก็มีหลายๆ คนที่ผิดหวังเสียใจ และริษยาที่วาสนานี้ไม่ได้ตกมาถึงตนเอง แต่กลับมีใครบางคนที่กำลังรู้สึกเกรี้ยวกราดจนยากจะสงบใจไว้ได้ แม้ใบหน้าจะยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ภายในใจกลับร้อนรุ่มไปด้วยเพลิงโทสะ แผนการที่วางไว้ในใจมานานหลายปี กลับพังทลายลง ก้าวช้าเพียงหนึ่งก้าวหมากล้มทั้งกระดาน

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 4 คำสัญญา

    บทที่ 4คำสัญญา เมื่องานเลี้ยงเลิกราทุกคนต่างพากันแยกย้ายกลับจวน เหตุการณ์ในวันนี้นั้นทำให้ภายในรถม้าตระกูลหยางที่กำลังเดินทางกลับรู้สึกกังวลและอึดอัดใจ หยางหมิงนั้นรักฮูหยินเอกจ้าวอ้ายฉิงมาก แม้ว่านางจะจากไปได้หลายปีแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะยกใครขึ้นมาแทนที่จ้าวอ้ายฉิงเลย บุตรชายหญิงที่เกิดจากจ้าวอ้ายฉิงเขาก็รักมากกว่าบุตรธิดาที่เกิดจากเสิ่นอี๋นั่วผู้เป็นภรรยารองของเขาเสียอีก สิ่งใดที่บอกว่าดีเขาล้วนสรรหามามอบให้หยางเฟยเทียนกับหยางซูมี่ก่อนเสมอ แต่นี่ฮ่องเต้กลับทรงมอบสมรสพระราชทานให้หยางซูมี่แต่งเข้าจวนชินอ๋อง ตัวเขาในฐานะที่เป็นขุนนางผู้เป็นข้ารองบาทจะกล้าเอ่ยปากปฏิเสธได้อย่างไรกัน แค่คิดว่าบุตรสาวของเขาจะต้องออกเรือนไป ใจของเขาก็พลันรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา “ท่านพ่ออย่าเพิ่งคิดมากเลยขอรับ การสมรสในครั้งนี้ของมี่เอ๋อร์อาจจะผลดีกับตัวนางก็เป็นได้”หยางเฟยเทียนเอ่ยปลอบผู้เป็นบิดา แม้เขาจะรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้เหมือนกับฮ่องเต้ทรงกำลังบีบคั้นตระกูลหยางก็ตามที แต่ว่าที่น้องเขยผู้เป็นถึงชินอ๋องนั้นเป็นคนที่อุปนิสัยใช้ได้เลยทีเดียว แม้ใบหน้าจะเงียบขรึมเย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 5 งานมงคล

    บทที่ 5งานมงคลนับจากพบหน้ากันครั้งนั้น หยางซูมี่ก็ไม่ได้พบเซี่ยเหวินหรงอีกเลย นางเพียงใช้ชีวิตไปอย่างปกติที่เพิ่มขึ้นมาคงจะมีเพียงการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวเท่านั้นฮ่องเต้ทรงส่งหมัวมามาให้มาอบรมมารยาท และแจ้งลำดับขั้นตอนพิธีการแก่นาง ส่วนเรื่องพิธีการต่างๆ นั้น จะมีขันทีจากในวังมากำกับดูแลอีกที เรื่องสินสอด สินเจ้าสาวนั้นท่านพ่อให้พ่อบ้านหยางเป็นผู้จัดการแทนฮูหยินรองทั้งหมด โดยทุกเรื่องจะต้องแจ้งให้หยางหมิงทราบก่อน นี่คงเป็นโชคดีของร่างนี้ที่มีท่านพ่อและพี่ชายที่รักใคร่อย่างใจจริงจวนชินอ๋อง ไป๋เย่องครักษ์คนสนิทของเซี่ยเหวินหรงเดินถือม้วนกระดาษเข้ามาในห้องหนังสือ โดยไม่รอให้เจ้าของห้องรอนาน เขารีบยื่นม้วนกระดาษให้ทันที แล้วเดินถอยหลังเพื่อรอคอยคำสั่งต่อไป เซี่ยเหวินหรงนั่งอ่านอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะเงยหน้าออกมาจากม้วนกระดาษ ในใจให้ขบคิดสงสัยถึงสิ่งที่เขียนอยู่ในนี้"ไป๋เย่ บุรุษที่ถอนหมั้นหวางเฟยของข้า มันมาจากตระกูลใด" เสียงทุ้มเข้มเอ่ยถามปลายเสียงติดเย็นชาเล็กน้อย"คุณชายใหญ่เสิ่นอวี้เหยาขอรับ""ตระกูลของฮูหยินรองหรือ" คิ้วคมเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ"ขอรับ คุณชายใหญ่เสิ่นอวี้เหยาเป็นบุตรชายข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 6 คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง

    บทที่ 6คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง หยางหมิงประคองหยางซูมี่ให้ขึ้นขี่หลังหยางเฟยเทียนด้วยความระมัดระวัง เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยดีแล้ว หยางเฟยเทียนจึงลุกขึ้นเต็มความสูงของตนเอง แล้วเดินแบกหยางซูมี่เพื่อขึ้นไปนั่งที่เกี้ยว เซี่ยเหวินหรงลงมาจากหลังม้าเข้ามาเพื่อช่วยประคองหยางซูมี่ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว เมื่อเจ้าสาวเข้าไปนั่งในเกี้ยวเรียบร้อยแล้ว ขบวนเจ้าสาวก็ออกเดินทางเพื่อไปยังจวนชินอ๋องเซี่ยเหวินหรงขี่ม้านำขบวน ตามด้วยเกี้ยวเจ้าสาวที่มี 8 คนหาม นอกจากนี้ยังมีทหารจากกองทัพพยัคฆ์ทมิฬ 1,000 นายคอยอารักขาขบวนเจ้าสาว สินสอดที่เจ้าบ่าวมอบให้เจ้าสาวนั้นมีมากถึง 50 หีบท่านเสนาบดีหยางมอบให้หยางซูมี่ทั้งหมด รวมกับสินเดิมที่ท่านเสนาบดีหยางหมิงจัดเตรียมมาให้ด้วยนั้น อีก 50 หีบ รวมกันมากถึง 100 หีบ สร้างความตกตะลึงแก่ผู้ที่พบเห็น ตระกูลหยางนั้นให้ความสำคัญกับบุตรีผู้นี้จริงๆสองข้างทางล้วนเต็มไปด้วยฝูงชนที่มารอดูขบวนเจ้าสาว กว่าที่จะเดินทางมาถึงจวนชินอ๋องต้องใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยามเมื่อถึงหน้าจวนชินอ๋อง เซี่ยเหวินหรงกระโดดลงมาจากหลังม้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 7 มู่เหลียนฮวา

    บทที่ 7มู่เหลียนฮวา "อื้อ หนักจัง ต้าปิงเจ้าแมวอ้วนลุกออกไปจากท้องเลยนะ"หยางซูมี่พึมพำอย่างงัวเงีย คิ้วเรียวขมวดเพราะความอึดอัดที่ช่วงท้อง รู้สึกเหมือนมีอะไรทับ คิดว่าเป็นต้าปิงแมวอ้วนแสนรัก เอ๊ะ! แต่ต้าปิงไม่ได้ย้อนกลับมานี่น่าแล้วนางก็คือหยางซูมี่ไม่ใช่ไผ่หลิว แล้วอะไรทับท้องนัยน์ตากลมโตค่อยๆ ปรือตาขึ้นมอง แม้จะยังง่วงงุนอยู่มากแต่สิ่งที่เห็นก็คือแขนผู้ชายที่มาทับท้อง เมื่อเลื่อนสายตาไปพบหน้าอกแกร่ง ไล่ลงไปเป็นคอ ถัดไปเป็นปลายคาง ปากหยักหนา จมูกโด่งเป็นสัน และสายตาคมที่กำลังมองลงมา"ชินอ๋อง!"หยางซูมี่อุทานด้วยความตกใจจึงรีบลุกขึ้นนั่ง แต่ติดที่แขนแกร่งไม่ยอมปล่อยเอวคอดของนาง"เรียกท่านพี่"เซี่ยเหวินหรงเอ่ยเสียงเข้มเล็กน้อยที่ร่างบางเรียกยังเขาว่าชินอ๋อง"มี่มี่ลุกไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะต้องเข้าวังไปพบเสด็จพี่กับเสด็จแม่"เซี่ยเหวินหรงลุกขึ้นไปเรียกสาวใช้หน้าห้องให้มาปรนนิบัติ แล้วเดินหายเข้าไปหลังฉากกั้นเพื่ออาบน้ำหยางซูมี่ได้แต่มองตามเซี่ยเหวินหรงที่เดินหายเข้าไปหลังฉ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 8 พบหน้าไทเฮา

    บทที่ 8พบหน้าไทเฮา เซี่ยเหวินหรงและหยางซูมี่เดินทางมาถึงตำหนักหย่งเหิงของไทเฮา เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้าไปพบได้ ทั้งสองถวายความเคารพไทเฮาอย่างเต็มพิธีการ ฉีกงกงขันทีข้างกายของไทเฮาเดินถือถาดที่มีถ้วยน้ำชา 2 ใบ ยื่นให้ชินอ๋องกับพระชายาเซี่ยเหวินหรงกำลังยื่นถ้วยน้ำชาให้ไทเฮา แต่หันไปเห็นหยางซูมี่ถือถ้วยน้ำชาด้วยมืออันสั่นเทา อีกทั้งยังมีควันลอยกรุ่นออกมาจากถ้วยน้ำชา เห็นได้ชัดว่าถ้วยน้ำชาของหยางซูมี่นั้นร้อนมากเซี่ยเหวินหรงใช้มืออีกข้างหยิบถ้วยน้ำชาของหยางซูมี่ แล้วจงใจวางลงในถาดที่ฉีกงกงถือไว้อย่างแรง จนทำให้น้ำชาที่ร้อนนั้นกระเด็นไปโดนมือของฉีกงกง จนเผลอปล่อยถาดร่วงตกลงมา น้ำชาร้อนหกรดลวกขาฉีกงกงเซี่ยเหวินหรงเพียงปรายตามองฉีกงกงด้วยรอยยิ้ม บังอาจนักกล้ามาแตะต้องมี่มี่ของเขา“ลูกต้องขอประทานอภัยเสด็จแม่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ น้ำชาในถ้วยของหวางเฟยนั้นร้อนมาก ฉีกงกงคงชราเกินไปจนไม่ทันได้ตรวจดูให้ดีก่อน หวางเฟยของลูกมีความอดทนจึงไม่ทำให้น้ำชาร้อนพลาดไปหกใส่เสด็จแม่มิเช่นนั้นคงอาจจะทำให้ผิวของเสด็จแม่มีรอยแผลเป็นได้”เซี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 9 กลับบ้านเดิม

    บทที่ 9กลับบ้านเดิม สามวันหลังแต่งงาน หนึ่งวันก่อนออกเดินทางไปชายแดนเหนือเซี่ยเหวินหรงพาหยางซูมี่มาเยี่ยมบ้านเดิมหลังจากแต่งงานได้สามวัน ซึ่งเป็นธรรมเนียมของคู่บ่าวสาวที่เจ้าบ่าวต้องพาเจ้าสาวกลับมาเยี่ยมบ้านเดิม ทั้งสองเดินทางมาถึงจวนตระกูลหยางตั้งแต่ยามเฉิน ทุกคนในจวนตระกูลหยางต่างออกมารอต้อนรับชินอ๋องกับพระชายาหยางหมิงยืนอยู่ด้านหน้า ถัดมาเป็นหยางเฟยเทียน เสิ่นอี๋นั่ว หยางฟางหรง หยางเจียลี่ และบรรดาบ่าวรับใช้ทั้งหมด เมื่อทั้งสองลงมาจากรถม้า ทุกคนต่างยอบกายถวายความเคารพตามบรรดาศักดิ์ฐานะหยางซูมี่รีบเข้าไปประคองท่านพ่อและพี่ชายให้รีบลุกขึ้น นางไม่ชินกับการที่ทุกคนต้องมาถวายความเคารพเช่นนี้เลยแม้จะทำตามตำแหน่งฐานะพระชายาชินอ๋องก็ตาม“เชิญเสด็จเข้าไปด้านในดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”หยางหมิงเสนอให้ทั้งสองเข้าไปด้านในจะดีกว่า เพราะในเวลานี้ที่ด้านนอกจวนล้วนมีชาวบ้านที่มามุงดูกันหลายคนนัก เซี่ยเหวินหรงตรงเข้าไปจูงมือหยางซูมี่เดินเข้าไปในเรือนหลักคล้อยหลังทั้งสองคนเดินจากไป มีสายตาริษยาที่มองมาด้วยความร้อนรุ่ม ย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 10 ธิดาเทพลี่จิน

    บทที่ 10ธิดาเทพลี่จิน วันออกเดินทางของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬ แม่ทัพใหญ่ผู้นำทัพในครั้งนี้คือชินอ๋องเซี่ยเหวินหรง ฉายาอ๋องทมิฬ ตัวตนในเมืองหลวงของเขานั้นเปรียบดั่งคุณชายผู้สูงศักดิ์ แต่เมื่อเขาสวมเกราะสีดำเงาวาว ขี่อาชาโลหิตสีนิลนั้น รูปลักษณ์ช่างดูน่าเกรงขาม ประกอบกับหน้ากากสีดำปีกนกอินทรีสยายปีก ปิดเพียงครึ่งหน้าบนเผยให้เห็นปากหยักหนาที่ออกคำสั่งเคลื่อนทัพหยางซูมี่มองตามร่างสูงใหญ่ที่ค่อยๆ ห่างไกลไปจากสายตา นางนึกถึงร่างสูงเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน ที่เข้ามาออดอ้อนให้นางสวมชุดเกราะให้ ก่อนจะลาจากกัน ยังมารังแกกันอีก ริมฝีปากหยักหนาที่ฉกมาขโมยจูบหอมหวานจากนางราวกับจะกลืนกินดวงวิญญาณของนางให้ออกจากร่างไป รสสัมผัสจากคราแรกอ่อนโยนดั่งปีกผีเสื้อกลับร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเมื่อเห็นว่านางหายใจไม่ออก เขาถึงได้ผละออกมา แล้ววนกลับมาจูบอีกครั้งจนปากของนางบวมเจ่อ แดงก่ำไปหมดแล้ว ฮือออ ท่านอ๋องบ้า“พี่จะรีบไปรีบกลับ หลังจากเสร็จศึกนี้ พี่จะมารับรางวัลจากเจ้านะมี่มี่” เซี่ยเหวินหรงยิ้มกริ่ม ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ส่งมาให้หยางซูมี่ นางถึงกับวางหน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 11 โทสะของพระชายาชินอ๋อง

    บทที่ 11โทสะของพระชายาชินอ๋อง จวนชินอ๋อง พ่อบ้านหลินคือคนที่ท่านอ๋องไว้ใจให้มาดูแลจวนชินอ๋อง แม้จะอายุ 50 ปี แต่ยังดูคล่องแคล่ว แข็งแรง สมกับเป็นคนที่เซี่ยเหวินหรงไว้ใจ แต่วันนี้เขากลับอยากจะกัดลิ้นให้ตายไปเสีย ไม่รู้ว่าเหตุใดพระชายาถึงกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้ หากชินอ๋องทรงทราบ คงได้มีใครตายเป็นแน่หลังจากวันนั้นที่พระชายาไปเยี่ยมบ้านเดิม แล้วมีสาวใช้ลอบออกจากจวนไป ไป๋เยียนองครักษ์ ไป๋หู่ได้ลอบติดตามไปด้วย หลังจากนั้นจึงลอบสืบความจนทราบว่าพระชายาคือ หิมะสีชาด เจ้าของนามปากกาที่กำลังโด่งดังในเวลานี้ เพราะหิมะสีชาดได้แต่งนิยายประโลมโลกที่มีฉากร่วมรักเร่าร้อนดุเดือดเผ็ดมัน หนังสือที่ออกมาต่างมีราคาแพงถึงเล่มละ 10 เหรียญทองแม้แต่พระสนมในวังยังลอบให้คนออกมาซื้อ ตัวเขาที่เป็นพ่อบ้านยังแอบซื้อมาอ่านเลย ทั้งยังเคยวิจารณ์ว่าหิมะสีชาด ช่างเป็นบุรุษที่ยอดเยี่ยมนัก แต่งหนังสือออกมาได้สนุกและตื่นเต้นเร้าใจมาก ทั้งเนื้อเรื่องก็มีความหลากหลาย เขาไม่คิดเลยจริงๆ ว่าหิมะสีชาดจะคือพระชายาหยางซูมี่ หากชินอ๋องทรงทราบต้องกริ้วมากเป็นแน่ แล้วถ้าหากม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07

บทล่าสุด

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   ตอนพิเศษ 4 (ตอนปลาย)

    ตอนพิเศษ 4 (ตอนปลาย) “คุณหนูกู่เกรงใจเกินไปแล้ว ในฐานะตัวแทนของฝ่าบาทพวกข้าต้องมาร่วมยินดีอยู่แล้ว”หยางซูมี่เดินเข้างานไปเลย ไม่ได้สนใจสตรีนางนี้มากนัก ทำเพียงเหมือนกับว่านางไม่คู่ควรที่จะให้พระชายาเช่นนางต้องมาเสวนาด้วย กู่เจียอีได้แต่ลอบกำมือแน่น คอยดูเถอะวันนี้ข้าจะเหยียบหน้าจมให้จมดิน และจะกลายมาเป็นพระชายาของชินอ๋องให้จงได้“เจ้าอยากเล่นกับนางหรือไม่” เซี่ยเหวินหรงหันมาเอ่ยถามภรรยาคนงาม“ให้บทเรียนกับนางเบาๆ ก็พอเจ้าค่ะ” หยางซูมี่หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่พระสวามีงานเลี้ยงในจวนเจ้าเมืองวันนี้ กลับพบว่าขณะที่ทั้งหมดกำลังสนุกสนานกันภายในงานเลี้ยงนั้น กลับพบว่าคุณหนูกู่เจียอีผลัดตกลงไปในสระน้ำ แต่โชคดีที่มีคุณชายท่านหนึ่งช่วยเอาไว้ได้ แต่เพราะตอนเปียกน้ำทำให้ทั้งสองได้แนบชิดกัน และด้วยอาภรณ์ของกู่เจียอีนั้นที่เป็นสีขาว ทำให้มองเห็นเรือนร่างของนาง จนมองเห็นไปถึงเอี๊ยมตัวใน และคุณชายผู้นี้ก็ได้แตะต้องนางไปแล้วแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ด้วยเหตุนี้ในหนึ่งเดือนต่อมาจึงได้เกิดงานมงคลขึ้นกู่เจียอีได้แต่งเข้าไปเป็นฮูหยินรอง เน

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   ตอนพิเศษ 4 (ตอนต้น)

    ตอนพิเศษ 4 (ตอนต้น) หลังจากงานแต่งผ่านไปได้หนึ่งเดือน คนในตระกูลหยางนำโดยท่านเสนาบดีหยางหมิงได้เดินทางกลับเมืองหลวง พวกเขานั้นได้จากเมืองหลวงมานานมากแล้ว สมควรต้องไปจัดการงานที่ค้างคาเอาไว้ แม้จะเสียดายที่หยางซูมี่กับเซี่ยเหวินหรงไม่ได้กลับไปด้วยก็ตาม“ท่านพ่อเดินทางกลับดีๆ นะเจ้าคะ อีก 3 เดือนลูกจะกลับเมืองหลวงพร้อมท่านอ๋องเจ้าค่ะ”“ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยมี่เอ๋อร์ ข้าน้อยขอฝากบุตรสาวด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ประโยคท้ายหยางหมิงหันไปเอ่ยกับเซี่ยเหวินหรง“ท่านพ่อตาอย่าได้เป็นห่วง มี่เอ๋อร์อยู่กับข้าย่อมต้องปลอดภัย”เซี่ยเหวินหรงให้คำมั่น ทั้งสองยืนส่งจนขบวนรถม้าเคลื่อนตัวห่างไปเรื่อยๆ“พี่ต้องกลับไปยังจวนเจ้าเมืองเพื่อพบหน้ากับเจ้าเมืองคนใหม่ เจ้าอยู่ที่นี่ดีๆ แล้วพี่จะรีบกลับมา” เซี่ยเหวินหรงลูบหัวหยางซูมี่ด้วยความเอ็นดู“เจ้าค่ะท่านพี่”หยางซูมี่พยักหน้ารับ แล้วเขย่งปลายเท้ายื่นหน้าไปจูบแก้มสาก จนใบหูของเขาขึ้นสีแดงก่ำ“รีบกลับมานะเจ้าคะ ข้าจะรออาบน้ำพร้อมกับท่านพี่”หยางซูมี่ขยิบตาใส่เซี่ยเหวินหรง

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   ตอนพิเศษ 3 (ตอนปลาย)

    ตอนพิเศษ 3 (ตอนปลาย) เซี่ยเหวินหรงเองก็รีบปลดอาภรณ์ของเขาออกเช่นกัน ร่างกายสูงใหญ่ไร้อาภรณ์ปกปิดกาย มองเห็นกล้ามหน้าท้องหนั่นแน่นที่เป็นลอนสวยอย่างคนที่ออกกำลังกาย ตรงกึ่งกลางเห็นแท่งหยกที่เริ่มจะขยายตัวอวดความศักดิ์ดาของตน หยางซูมี่ลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นแท่งหยกของเขาหยางซูมี่เนื้อตัวแดงก่ำด้วยความเขินอาย แม้จะเคยร่วมรักกับเขามาหลายครั้ง แต่นางกับเขาก็ห่างหายกันไป 2 ปีกว่า นางจึงรู้สึกประหม่ามากนัก แต่เพราะไม่อยากจะให้เขารู้ว่านางนั้นเขินอายมากเพียงใด จึงทำใจกล้าเงยหน้ามองร่างสูง ยกยิ้มอ่อนหวานแล้วเอื้อมมือไปปลดสายผูกเอี๊ยมออก ทำให้ปราการชิ้นสุดท้ายหลุดร่วงลงมา มองเห็นก้อนเต้าหู้อวบอิ่มสองก้อนและเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อเซี่ยเหวินหรงไม่อาจจะอดใจได้อีกต่อไป เขาช้อนร่างบางของหยางซูมี่อุ้มลงไปในถังอาบน้ำด้วยกัน เขานั่งพิงขอบอ่างให้หยางซูมี่นั่งบนตักแกร่ง มือข้างหนึ่งบีบสะโพกกลมกลึง อีกข้างก็ยื่นไปข้างหน้ากอบกุมก้อนเต้าหู้บีบคลึงอย่างอ่อนโยน นิ้วชี้เขี่ยเม็ดทับทิมสีชมพูจนตั้งช่อชูชันขึ้นมา“อ๊าาาา ท่านพี่”เซี่ยเหวินหรงจับร่างบางหั

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   ตอนพิเศษ 3 (ตอนต้น)

    ตอนพิเศษ 3 (ตอนต้น) ขบวนเจ้าบ่าวนำโดยชินอ๋องเซี่ยเหวินหรง พระองค์ขี่อาชาโลหิตสีขาวนำขบวนสินสอดมากกว่า 100 หีบ โดยมีทหารของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬคอยดูแล แม้ว่าหยางซูมี่จะเอ่ยว่าต้องการจัดงานแต่งงานแบบเรียบง่ายแต่เมื่อฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงทรงทราบก็รีบส่งม้าเร็วนำราชโองการสมรสพระราชทานมามอบให้ ทั้งยังระบุว่าชินอ๋องจะมีหยางซูมี่เป็นพระชายาแต่เพียงผู้เดียวจวบจนทั้งคู่สิ้นอายุขัยข่าวการแต่งงานครั้งที่สองของทั้งคู่แพร่สะพัดไปทั่วแคว้นเซี่ย บางคนต่างก็ยินดีที่ทั้งสองกลับมาใช้ชีวิตร่วมกัน แต่บางคนก็ค่อนขอดที่ทั้งสองเลิกรากันไปแล้วแต่ยังกลับมาแต่งงานกันอีกครั้ง ไม่ว่าผู้คนจะพูดกันอย่างไร แต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็หาได้สนใจไม่ เพราะทั้งคู่ได้ตกลงใจที่จะกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง คำพูดของผู้อื่นหาได้สลักสำคัญกับพวกเขาทั้งสองคนไม่เซี่ยเหวินหรงขี่ม้ามาหยุดที่หน้าประตูบ้านพักของหยางซูมี่ เมื่อเขาเดินเข้าไปยังห้องโถงหลักก็พบว่าหยางซูมี่นั้นยืนรอเขาอยู่ก่อนแล้ว วันนี้นางสวมชุดสีแดงมงคลปักลายหงส์สยายปีก และมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสวมทับเอาไว้ที่ศีรษะ ทำให้เขาไม่

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   ตอนพิเศษ 2

    ตอนพิเศษ 2 ริมชายหาดแห่งหมู่บ้านผิงอัน มีสตรีร่างบอบบาง กับบุรุษร่างสูงใหญ่นั่งอิงแอบกันอยู่ใต้ต้นมะพร้าว สายตาทั้งคู่ทอดมองออกไปยังน้ำทะเลใสสีเขียวมรกต หาดทรายสีขาวละเอียด ลมทะเลพัดมาเป็นระยะๆ คล้ายกับกำลังปลอบประโลมคนทั้งคู่ ทั้งสองปล่อยให้จิตใจได้ซึมซับกับธรรมชาติที่สวยงามนี้“เจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด” เซี่ยเหวินหรงหันมาเอ่ยถามในสิ่งที่เขาสงสัย“ข้ามาถึงเมื่อสามวันก่อนเจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมาทำให้ท่านแปลกใจเล่น” หยางซูมี่เอ่ยพลางหัวเราะ นัยน์ตาพราวระยับดั่งดวงดารา“รู้หรือไม่ว่าทำข้าเป็นห่วง ตอนที่ข้ารู้ว่าเจ้าหายตัวไป”เซี่ยเหวินหรงเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งรั้นอย่างมันเขี้ยว“ข้าเจ็บนะเหวินหรง”หยางซูมี่หันมาดุเขาอย่างไม่จริงจังนัก เซี่ยเหวินหรงเอื้อมมือไปกอบกุมที่มือขาวบางอย่างทะนุถนอม“ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าเร็วถึงเพียงนี้ ที่นี่มีเรื่องให้ข้าจัดการมากมายนัก ข้ายังคิดว่าอย่างเร็วก็คงอีกสักปีสองปีถึงจะกลับไปหาเจ้าที่เมืองหลวงได้”“ข้ารู้ว่าท่านทำงานหนักมากเพียงได ดูสิชินอ๋องผู้สง่างามกลายร่

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   ตอนพิเศษ 1

    ตอนพิเศษ 1 2 ปีต่อมาชายแดนใต้ของแคว้นเซี่ยที่ติดกับทะเล เมื่อ 2 ปีก่อนมีการค้าเกลือเถื่อนเกิดขึ้น เซี่ยเหวินหลินที่ได้ออกมาจัดการนั้น กลับจัดการแบบปล่อยผ่าน อนึ่งเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกับพ่อค้าที่ค้าเกลือเถื่อนแต่หลังจากที่ชินอ๋องเซี่ยเหวินหรงจัดการปราบปรามกบฏได้หมดสิ้น จึงได้ทูลขอฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงมาปราบปรามการค้าเกลือเถื่อน และมาจัดระบบการปกครองใหม่ของชายแดนใต้ ซึ่งฮ่องเต้ก็ได้ออกพระราชโองการมอบอำนาจทุกอย่างให้ชินอ๋องเป็นผู้จัดการทั้งหมดตลอดเวลากว่าสองปีที่ผ่านมานี้เซี่ยเหวินหรงออกรบไปปราบปรามโจรสลัดทั้งในน่านน้ำ และบนเรือ โจรสลัดนั้นชอบขึ้นมาดักปล้นฆ่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่ง แต่หลังจากที่ชินอ๋องมาโจรสลัดก็หนีหายไปหมดด้วยหวาดเกรงชินอ๋องนอกจากจะปราบโจรสลัดแล้ว เซี่ยเหวินหรงยังต้องเข้ามาปราบปรามพ่อค้าเกลือเถื่อน และยังต้องมาจัดระเบียบเมืองหนานผิงใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเจ้าเมืองหนานผิงปกครองเมืองชายแดนใต้อย่างไร้ความยุติธรรม กดขี่ข่มเหงชาวเมืองหนานผิง ทหารประจำเมืองก็ชอบรีดไถจากชาวบ้าน เรียกร้องค่าคุ้มครอง หากครอบค

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 67  จุดจบ (ตอนปลาย)

    บทที่ 67 จุดจบ (ตอนปลาย) “ถ้าเช่นนั้น ท่านก็คงเป็นผู้ที่นำแท่งเหล็กรูปพระอาทิตย์ที่เป็นเครื่องหมายประจำเผ่าหูเจี๋ยน่ามอบให้ไทเฮาเช่นนั้นสินะ”“ใช่แล้ว เป็นข้าเอง นางอยากจะทำให้ร่างกายของเจ้ามีมลทิน ข้าเลยเสนอวิธีนี้และมอบแท่งเหล็กร้อนนั้นให้กับนางเอง ฮ่าฮ่าฮ่า”เซี่ยเฟยหงหัวเราะออกมาด้วยความสาสมใจ ชินอ๋องที่แกร่งกล้ากลับมีตราประทับอยู่บนร่างกาย ช่างน่าอดสู่ยิ่งนัก“ส่วนท่านก็เป็นคนคอยชื่นชมข้า เพื่อหวังให้ไทเฮาหวาดระแวงข้าใช่หรือไม่” เซี่ยเหวินหรงหันไปถามไป๋วั่งซู“ทุกแผนการต้องมีผู้เสียสละเสมอพ่ะย่ะค่ะ”ไป๋วั่งซูเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะอีกไม่นานศีรษะของเขาก็จะไม่อยู่บนบ่าแล้ว“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้หมดความสงสัยเสียที ทหาร! นำเข้ามา”เซี่ยเหวินหรงเอ่ยสั่งเสียงเหี้ยม ไม่นานก็มีทหารกว่า 10 นายเดินเข้ามา มีหนึ่งนายถือกระถางไฟ และอีกหนึ่งนายถือแท่งเหล็กที่ตรงปลายหล่อหลอมเป็นรูปพระอาทิตย์เฉกเช่นดั่งรอยแผลเป็นของเซี่ยเหวินหรง“จัดการซะ” เซี่ยเหวินหรงเอ่ยเสียงเหี้ยม“พ่ะย่ะค่ะ

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 66 จุดจบ (ตอนต้น)

    บทที่ 66จุดจบ (ตอนต้น) เหตุการณ์ในท้องพระโรงในวันนี้ ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างในหมู่ครอบครัวของขุนนาง เรื่องราวในครั้งนี้หนักหนายิ่งนัก นอกจากจะเป็นเรื่องของกบฏ ยังมีเรื่องการปรากฏตัวของเซี่ยเฟยหงและไป๋วั่งซู เรื่องของไทเฮาสตรีที่ได้ขึ้นชื่อว่าเคยเป็นโฉมงามอันดับหนึ่ง และยังเคยเป็นมารดาของแผ่นดิน ซึ่งตอนนี้ก็เป็นถึงไทเฮาพระมารดาของฮ่องเต้ แต่กลับทำตัวเฉกเช่นหญิงแพศยา สวมหมวกเขียวให้พระสวามี จนถึงขนาดวางยาฆ่าพระสวามีของตนเองผู้เป็นถึงฮ่องเต้เรื่องราวครั้งนี้สะเทือนฟ้าสะเทือนดินเป็นอย่างมาก ลุกลามใหญ่โตจนกระทั่งล่วงรู้ไปถึงราษฎรแห่งแคว้นเซี่ย มีบัณฑิตร่วมออกมาประท้วงเขียนฎีกาเพื่อขอให้ฮ่องเต้ลงโทษไทเฮา จวนตระกูลมู่ตอนนี้ถูกปิดตายไปแล้ว แต่กลับถูกเหล่าชาวบ้านพากันมาโยนก้อนหินและเศษผักเน่าเข้ามาในจวน จนส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วเช่นเดียวกับที่ชายแดนที่คนของตระกูลมู่เองก็ถูกเหล่าทหารและผู้คุมคอยกลั่นแกล้ง ด้วยรังเกียจคนตระกูลมู่ จนกระทั่งมีอดีตเจ้านายหลายคนทนความอัปยศไม่ไหว ตัดสินใจผูกคอฆ่าตัวตายไป รวมถึงมู่เจ๋อจ้านและเจียงเจี๋ยอีมู

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 65 อดีตขององค์ชายผู้สาบสูญ (ตอนปลาย)

    บทที่ 65 อดีตขององค์ชายผู้สาบสูญ (ตอนปลาย) แต่หลังจากนั้นเพียงหนึ่งปีก็มีข่าวออกมาว่าลี่เหมยผูกคอตายที่ตำหนักเย็น เขาเสียใจเป็นอย่างมากด้วยความมึนเมาในฤทธิ์สุราจึงลอบเข้ามาหามู่อิงฮวา เขาเข้ามาตัดพ้อต่อว่ามู่อิงฮวา แต่เพราะความเมาจึงทำให้เขาได้มีความสัมพันธ์กับมู่อิงฮวา นับจากนั้นเป็นต้นมาเขาจึงได้ลอบเสพสังวาสกับมู่อิงฮวาเรื่อยมา ส่วนหนึ่งก็เพื่อแก้แค้นเสด็จพี่ของเขา ลอบสวมหมวกเขียวให้พี่ชายของตนเองหลังจากที่ลี่เหมยตายไป จึงได้กลับไปหานายท่านตระกูลกู้ บอกเพียงว่าตระกูลของเขาได้ตายกันไปหมดแล้ว จึงกลับมาขอนายท่านกู้ทำงาน นายท่านกู้นั้นเห็นว่าเขาฉายแววฉลาดเฉลียวจึงสอนงานทุกอย่างให้แก่เขา เพียงไม่นานก็ได้ขึ้นมาเป็นมือขวาของนายท่านกู้ด้วยรูปโฉมหล่อเหลา และความสุภาพของเขานั้น จึงสามารถทำให้บุตรสาวของนายท่านกู้ ผู้มีนามว่าเฉินเย่วเล่อหลงรักได้ เหตุที่เฉินเย่วเล่อไม่ได้ใช้แซ่กู้เพราะว่ามารดาของนางได้ขอไว้ ด้วยความรักที่นายท่านกู้มีต่อภรรยา เขาจึงได้ยินยอมให้บุตรสาวใช้แซ่ 'เฉิน' ในที่สุดเขาจึงได้แต่งงานกับเฉินเย่วเล่อ มีบุตรสาวด้วยกันหนึ่งคนนามว่า กู

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status