แชร์

บทที่ 3 สมรสพระราชทาน

ผู้เขียน: กะปอมพ่นไฟ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-04 12:20:08

“น้องหญิงรองรีบเกินไปหรือไม่ งานเลี้ยงจัดปลายยามอู่ นี่เพิ่งจะต้นยามเซิ่นเท่านั้นเอง น้องหญิงรองคงจะตื่นเต้นมากเกินไปเป็นแน่อายุ 17 หนาวแล้วแต่พึ่งจะเคยได้ออกงานใหญ่เป็นครั้งแรก”

หยางซูมี่เหยียดยิ้มหวานปานน้ำผึ้ง แต่คำพูดนั้นกลับทำให้คนฟังรู้สึกเจ็บปวดใจ ด้วยฐานะของหยางเจียลี่เป็นเพียงแค่บุตรีที่ถือกำเนิดมาจากฮูหยินรอง

การที่หยางเจียลี่จะได้รับเทียบเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงนั้นมีจนนับนิ้วได้ และโดยเฉพาะงานเลี้ยงในพระราชวังนั้น นี่ถือเป็นครั้งแรกที่นางจะได้ร่วมงานเลี้ยง นางจึงอดจะตื่นเต้นตามที่หยางซูมี่เอ่ยมิได้จริงๆ หยางเจียลี่ได้แต่กัดฟันยิ้มหวานเอ่ยตอบไป

“เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ น้องตื่นเต้นมากเกินไป ต้องขออภัยพี่หญิงใหญ่ด้วยนะเจ้าคะ”

หยางซูมี่ทำเพียงโบกมือไปมาอย่างไม่ถือสา แล้วก้าวเดินขึ้นไปนั่งบนรถม้าโดยมีซินซินช่วยประคอง

เมื่อรถม้าตระกูลหยางจอดที่ด้านหน้าพระราชวัง ผู้คนโดยรอบต่างเมียงมองกันมาทางนี้ ภายในแคว้นเซี่ยนั้นตระกูลหยางนับเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจอีกสามตระกูลคือ ตระกูลจ้าวของท่านแม่ทัพจ้าวซีซวน ตระกูลหม่าของฮองเฮาหม่าลี่อิง และตระกูลมู่ของไทเฮามู่อิงฮวา ทั้งสี่ตระกูลล้วนคานอำนาจกันมาโดยตลอด

เสนาบดีหยางหมิงก้าวลงมาเป็นคนแรก แม้ว่าจะอยู่ในวัยกลางคนแล้ว แต่ก็มิอาจลดทอนความหล่อเหลา สง่างามของเขาได้เลยกลับกันยิ่งอายุเยอะกลับยิ่งดูภูมิฐานและมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก คุณชายใหญ่หยางเฟยเทียน ก้าวลงมาเป็นคนที่สอง เขามีใบหน้าคมเข้มที่ถอดแบบหยางหมิง มีเพียงนัยน์ตาที่เรียวคมดุจนัยน์ตาเหยี่ยว ผิวของเขาคล้ำเข้มอย่างผู้ที่ฝึกยุทธ์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นถึงรองแม่ทัพแห่งทิศประจิม ภายใต้การนำทัพของท่านแม่ทัพจ้าวซีซวนผู้เป็นตา

เมื่อหยางซูมี่ก้าวลงมาจากรถม้าคันที่สอง ทั้งบุรุษและสตรีต่างพากันหยุดหายใจไปหนึ่งจังหวะ โฉมสะคราญที่มีใบหน้ารูปหัวใจ คิ้วโก่งดั่งคันศร สอดรับกับจมูกโด่งรั้นสวย นัยน์ตากลมโตแวววาวดั่งนัยน์ตากวาง ปลายหางตาเชิดขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากสีแดงก่ำดั่งผลอิงเถา วันนี้หยางซูมี่สวมใส่อาภรณ์สีขาวปักลายดอกอิงฮวาสีแดง ปักปิ่นหยกสีเขียวมันแพะที่แกะสลักเป็นดอกอิงฮวา ความงามของหยางซูมี่ให้ความรู้สึกงดงามสูงค่าประหนึ่งเซียนสาวลงมาเที่ยวเล่นยังแดนมนุษย์

หยางซูมี่เดินเข้าไปหาหยางเฟยเทียน นางยอบกายคารวะผู้อาวุโสที่เดินเข้ามาทักทายบิดา และพี่ชายใหญ่ด้วยท่วงท่างดงามถูกต้องตามหลักการแบบแผนของสตรีชนชั้นสูง

หยางเจียลี่และหยางเฟยหรง ก้าวลงมาจากรถม้าเป็นคนสุดท้าย สองพี่น้องพากันเดินไปสมทบกับเสนาบดีหยางหมิง แม้ว่าวันนี้หยางเจียลี่จะสวมอาภรณ์สีเหลืองอ่อนปักลายดอกเหลียนฮวา ให้ความรู้สึกน่ารัก สดใสสมวัย แต่เมื่อยืนใกล้กับหยางซูมี่แล้วความงามของนางยังด้อยกว่าถึงสามส่วน

หยางเฟยหรงคือบุตรชายคนเล็กที่ถือกำเนิดจากหม่าอี่นั่ว ปีนี้เขาอายุได้ 10 หนาวแล้วจึงสามารถมาร่วมงานเลี้ยงที่พระราชวังได้ หยางเฟยหรงอายุได้เพียง 10 หนาว แต่ก็ได้ฉายแววความหล่อเหลาออกมาให้เริ่มมองเห็นแล้ว ใบหน้าของเขาถอดแบบเสนาบดีหยางหมิงถึงแปดส่วน คนตระกูลหยางนั้นขึ้นชื่อเรื่องหน้าตาที่งดงามหล่อเหลาทั้งสิ้น

งานเลี้ยงจะเริ่มเมื่อปลายยามอู่แต่เวลานี้เพิ่งต้นยามเซิ่นเท่านั้น คุณหนูคุณชายที่มาถึงก่อนเวลาจึงได้ใช้ช่วงเวลานั้นเพื่อพูดคุยพบปะกับสหายกันที่อุทยานหลวงที่ถูกจัดไว้ให้ ขุนนางที่สนิทสนมกันต่างก็พากันจับกลุ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนข่าวสารกัน งานเลี้ยงวันนี้ถือว่าเป็นการผ่อนคลายจากการทำงานอย่างหนักของเหล่าขุนนาง

หยางหมิงได้เดินแยกไปหาสหายที่เป็นขุนนาง หยางเฟยเทียนได้ชวนหยางเฟยหรงไปยังลานยิงธนู หยางซูมี่นั้นจำต้องพาหยางเจียลี่ไปด้วยกัน เดินมาได้สักพักหยางเจียลี่ก็พบกับสหายทั้งคู่จึงได้เดินแยกทางกัน จะมาพบกันอีกครั้งเมื่อถึงเวลาที่งานเลี้ยงเริ่ม

“เหตุใดเจ้าถึงได้พาน้องสาวมาด้วยเล่ามี่เอ๋อร์”

หม่าฮุ่ยหลิงเอ่ยถามสหายสนิทของตน เมื่อหยางซูมี่เข้ามานั่งที่ศาลา

“ท่านพ่ออยากให้นางได้มาเปิดหูเปิดตา ปีนี้นางจะอายุ 17 หนาวแล้ว สมควรมองหาคู่ครองได้แล้ว” หยางซูมี่เอ่ยตอบสหายอย่างไม่ใส่ใจนัก

“แล้วเจ้าเล่ามี่เอ๋อร์ ปีนี้เจ้าก็อายุ 18 หนาวแล้วได้เริ่มมองหาคู่ครองบ้างหรือยังเล่า มีคุณชายตระกูลไหนที่เจ้าหมายตาไว้บ้าง”

“ข้าอยากจะเป็นสาวเทื้อขึ้นคานเสียมากกว่า”

หยางซูมี่เอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก สหายที่นั่งในศาลาต่างพากันหัวเราะ ถ้าโฉมสะคราญดั่งหยางซูมี่ขึ้นคานกลายเป็นสาวเทื้อ สตรีในใต้หล้านี้ก็ไม่มีผู้ใดได้แต่งงานออกเรือนแล้ว

“เจ้าอย่าได้พูดเล่น ข้าได้ข่าวจากข้างในว่าฮ่องเต้จะทรงพระราชทานสมรสให้กับท่านอ๋องเซี่ยเหวินหรง ในแคว้นเรามีเพียงหญิงงามสามคนเท่านั้นที่เหมาะสม

เถาซูเม่ยเอ่ยด้วยเสียงเบาราวกับกระซิบ

“เม่ยเอ๋อร์เจ้าจะกระซิบไปทำไม ข่าวลือนี้เขารู้กันไปทั่ว แม้แต่ชาวบ้านยังรู้เลย”

หม่าฮุ่ยหลิงส่ายหน้าอย่างอ่อนใจกับสหายของตน นี่นางตกข่าวไปหรือไม่

“อันนั้นคือข่าวทั่วไป แต่ข้านั้นรู้แล้วว่าผู้ใดจะได้สมรสพระราชทานกับท่านอ๋องเซี่ยเหวินหรง”

เถาซูเม่ยเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ ใบหน้ากระหยิ่มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“เจ้ารู้สิ่งใดก็รีบคลายออกมาเลยนะ”

หม่าฮุ่ยหลิงเริ่มตื่นเต้นไปกับข่าวของเถาซูเม่ย

“ไทเฮาทรงประสงค์จะให้คุณหนูมู่เหลียนฮวาแต่งเข้ามาเป็นพระชายา แต่ฮ่องเต้กับฮองเฮาทรงประสงค์ที่จะให้คุณหนู...”

เถาซูเม่ยยังเอ่ยไม่ทันจบ นางกำนัลก็ได้เข้ามาเชิญให้พวกนางกลับเข้าไปที่งานเลี้ยง เพราะอีกไม่นานงานเลี้ยงจะเริ่มขึ้นแล้ว หม่าฮุ่ยหลิงกับหยางซูมี่ได้แต่ทำหน้าเสียดาย แต่จนใจที่ต้องเดินตามนางกำนัลออกไป เถาซูเม่ยส่งสายตาหยอกล้อมาที่สหายของตน พลางหัวเราะออกมาเสียงเบา สร้างความหมั่นไส้ให้กับหยางซูมี่และหม่าฮุ่ยหลิง

เมื่อทุกคนนั่งประจำที่กันเรียบร้อยแล้ว เสียงประกาศของขันทีดังลั่นเป็นสัญญาณเพื่อบอกให้ทุกคนทราบว่าตอนนี้โอรสสวรรค์ได้ทรงเสด็จเข้ามายังงานเลี้ยงแล้ว

“ฮ่องเต้เสด็จ ฮองเฮาเสด็จ ไทเฮาเสด็จ”

ทุกคนต่างรีบลุกขึ้นยืนแล้วถวายความเคารพอย่างพร้อมเพรียงกัน

เมื่อฮ่องเต้ทรงประทับนั่งบนบัลลังก์มังกรสีเหลืองอร่ามเรียบร้อยแล้ว จึงโบกพระหัตถ์เพื่อให้ทุกคนนั่งลงได้ ที่นั่งของแต่ละพระองค์ถูกจัดไว้ตามลำดับขั้นฐานะ ที่นั่งทางด้านขวาพระหัตถ์ของฮ่องเต้ทรงมีฮองเฮาประทับอยู่ ส่วนทางด้านซ้ายของพระหัตถ์นั้นเป็นไทเฮา

เก้าอี้ถัดมานั้นทางด้านซ้ายจะเป็นที่นั่งของบุรุษ โดยคนแรกคือท่านอ๋องเซี่ยเหวินหรง ถัดไปเป็น จวิ้นอ๋องเซี่ยเหวินหลิน เป้ยเล่อเซี่ยป๋อหลิน และถัดไปเป็นครอบครัวของขุนนางที่เป็นบุรุษ

ส่วนทางด้านขวานั้นจะเป็นที่นั่งของบรรดาเหล่าสนมทั้งหลายของฮ่องเต้ และครอบครัวของเหล่าขุนนางที่เป็นสตรีทั้งหมด

ท่านอ๋องเซี่ยเหวินหรงนั้นถือกำเนิดมาจากพระสนมเว่ยกุ้ยเฟยทรงพระนามว่าเว่ยซูฉี ส่วนท่านอ๋องทั้งสองนั้นล้วนถือกำเนิดจากพระสนมขั้นผิน หลังจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ ฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงได้ทรงพระราชทานตำแหน่งอ๋องและตำหนักให้ มีเพียงเซี่ยเหวินหรงที่ไม่ได้ตำแหน่งอ๋องที่ชัดเจน มีเพียงตำแหน่งท่านแม่ทัพแห่งกองทัพพยัคฆ์ทมิฬเท่านั้น แต่ทุกคนต่างรู้กันดีว่าอำนาจของท่านอ๋องเซี่ยเหวินหรงเปรียบดั่งตำแหน่งของชินอ๋อง

เซี่ยเฟยหลงเอ่ยเปิดงานเพื่อเริ่มงานเลี้ยงได้ จากนั้นจึงได้มีการแสดงต่างๆ ตรงกลางลานแสดง นางกำนัลต่างยกอาหารและสุรามารับรองแขกทั้งหลาย น้ำชาก็ล้วนเป็นชาชั้นดี หยางซูมี่นั่งชมการแสดงอย่างสุนทรีย์

อาหารล้วนมีหลากหลายให้เลือกชิม ทั้งอาหารคาวและของหวาน ขึ้นชื่อว่านี่คืองานเลี้ยงในพระราชวัง สิ่งใดดีล้วนมีทั้งสิ้น สุราเองก็เป็นสุราที่ทำมาจากผลท้อที่ใช้เวลาหมักถึงห้าปี รสชาติหวานละมุนติดขมที่ปลายลิ้น หยางซูมี่ดื่มหมดไปถึงสามจอก หากเป็นสตรีอื่นคงเกิดอาการมึนเมาบ้างแล้ว แต่มิอาจจะทำอะไรกับหยางซูมี่ได้

เซี่ยเหวินหรงสนใจเพียงแค่จอกสุราในมือ และโฉมงามที่กำลังยกจอกสุราขึ้นดื่มเป็นจอกที่ห้า ประหนึ่งว่าในจอกนั้นเป็นเพียงน้ำชาหาใช่สุราไม่ ความสนใจของเขาที่มีต่อโฉมงามนั้นทำให้เขามิอาจจะละสายตาออกไปได้เลย แม้ว่าเขากำลังสนทนากับน้องชายอย่างเซี่ยเหวินหลิน แต่สายตาคมก็จะวกกลับไปหาที่นางตลอด

ช่วงเวลาสำคัญของงานเลี้ยงได้มาถึงแล้ว เซี่ยเฟยหลงทรงลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยด้วยพระสุรเสียงดังกังวาน

“งานเลี้ยงในวันนี้เจิ้นจัดขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะเหนือแคว้นฉิน แต่ถึงแม้เราจะเอาชนะมาได้ แต่เราก็ได้สูญเสียทหารกล้าที่พลีชีพเพื่อแผ่นดินบ้านเกิด เพื่อให้ลูกหลานของแคว้นเซี่ยได้ดำรงชีวิตอยู่ต่อไป จอกนี้เจิ้นขอดื่มเพื่อไว้อาลัยแด่ทหารกล้าที่พลีชีพเพื่อบ้านเมือง”

เซี่ยเฟยหลงยกจอกสุราขึ้นดื่ม ทุกคนต่างก็ทำตามเช่นกัน

“ครอบครัวของทหารกล้าที่พลีชีพจะได้รับเงินชดเชยจากเจิ้น ทหารที่ทำผลงานได้ดีเจิ้นจะตกรางวัลให้อย่างเหมาะสม และเซี่ยเหวินหรงแม่ทัพแห่งกองทัพพยัคฆ์ทมิฬผู้นำทัพที่สามารถรบชนะแคว้นฉินได้ เจิ้นมีรางวัลพิเศษให้”

ทุกคนต่างลุ้นระทึกและคาดเดาไปต่างๆ นานา ถึงรางวัลที่ฮ่องเต้จะทรงพระราชทานให้กับท่านอ๋องเซี่ยเหวินหรง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีข่าวลือออกมา ทุกคนต่างพากันคาดเดาว่าสตรีใดที่จะเป็นผู้โชคดีที่ได้แต่งเข้าจวนของท่านอ๋องเซี่ยเหวินหรง

“เซี่ยเหวินหรงพระอนุชาแห่งเราผู้นำทัพแห่งกองทัพพยัคฆ์ทมิฬสามารถนำชัยชนะแคว้นฉินได้ เราในฐานะโอรสสวรรค์ผู้ปกครองแคว้นเซี่ย ประสงค์มอบสมรสพระราชทานให้เซี่ยเหวินหรงกับคุณหนูใหญ่ หยางซูมี่ บุตรีของเสนาบดีกรมคลังหยางหมิง นับจากนี้อีกหนึ่งเดือนให้แต่งเข้ามาเป็นพระชายาเอกในชินอ๋องเซี่ยเหวินหรง”

สิ้นเสียงของโอรสสวรรค์ ดั่งมีสายฟ้าฟาดผ่าเปรี้ยงลงมา

นอกจากฮ่องเต้จะทรงพระราชทานสมรสแล้ว ยังทรงประกาศมอบตำแหน่งชินอ๋องให้กับเซี่ยเหวินหรงอีกด้วย แม้ว่าหลายคนพอจะคาดเดาได้ว่าผู้ใดจะได้แต่งเข้าจวนอ๋อง

แต่การที่ฮ่องเต้ทรงประกาศว่าหยางซูมี่จะถูกแต่งตั้งเป็นพระชายาเอกชินอ๋องนั้น แสดงให้เห็นว่าพระอนุชาผู้นี้มีน้ำหนักในพระทัยของพระองค์เป็นอย่างมาก ตำแหน่งชินอ๋องนั้นปกติจะเป็นรองเพียงองค์รัชทายาทเท่านั้น แต่ตอนนี้ฮ่องเต้ยังไม่มีพระโอรสหรือพระธิดา ดังนั้นตำแหน่งชินอ๋องจึงเป็นรองเพียงฮ่องเต้เท่านั้น

การที่ฮ่องเต้ทรงเลือกหยางซูมี่ให้เป็นพระชายาเอกของเซี่ยเหวินหรงนั้น มีทั้งผู้ที่ยินดีในวาสนาของหยางซูมี่ และก็มีหลายๆ คนที่ผิดหวังเสียใจ และริษยาที่วาสนานี้ไม่ได้ตกมาถึงตนเอง แต่กลับมีใครบางคนที่กำลังรู้สึกเกรี้ยวกราดจนยากจะสงบใจไว้ได้ แม้ใบหน้าจะยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ภายในใจกลับร้อนรุ่มไปด้วยเพลิงโทสะ แผนการที่วางไว้ในใจมานานหลายปี กลับพังทลายลง ก้าวช้าเพียงหนึ่งก้าวหมากล้มทั้งกระดาน

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 4 คำสัญญา

    บทที่ 4คำสัญญา เมื่องานเลี้ยงเลิกราทุกคนต่างพากันแยกย้ายกลับจวน เหตุการณ์ในวันนี้นั้นทำให้ภายในรถม้าตระกูลหยางที่กำลังเดินทางกลับรู้สึกกังวลและอึดอัดใจ หยางหมิงนั้นรักฮูหยินเอกจ้าวอ้ายฉิงมาก แม้ว่านางจะจากไปได้หลายปีแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะยกใครขึ้นมาแทนที่จ้าวอ้ายฉิงเลย บุตรชายหญิงที่เกิดจากจ้าวอ้ายฉิงเขาก็รักมากกว่าบุตรธิดาที่เกิดจากเสิ่นอี๋นั่วผู้เป็นภรรยารองของเขาเสียอีก สิ่งใดที่บอกว่าดีเขาล้วนสรรหามามอบให้หยางเฟยเทียนกับหยางซูมี่ก่อนเสมอ แต่นี่ฮ่องเต้กลับทรงมอบสมรสพระราชทานให้หยางซูมี่แต่งเข้าจวนชินอ๋อง ตัวเขาในฐานะที่เป็นขุนนางผู้เป็นข้ารองบาทจะกล้าเอ่ยปากปฏิเสธได้อย่างไรกัน แค่คิดว่าบุตรสาวของเขาจะต้องออกเรือนไป ใจของเขาก็พลันรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา “ท่านพ่ออย่าเพิ่งคิดมากเลยขอรับ การสมรสในครั้งนี้ของมี่เอ๋อร์อาจจะผลดีกับตัวนางก็เป็นได้”หยางเฟยเทียนเอ่ยปลอบผู้เป็นบิดา แม้เขาจะรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้เหมือนกับฮ่องเต้ทรงกำลังบีบคั้นตระกูลหยางก็ตามที แต่ว่าที่น้องเขยผู้เป็นถึงชินอ๋องนั้นเป็นคนที่อุปนิสัยใช้ได้เลยทีเดียว แม้ใบหน้าจะเงียบขรึมเย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 5 งานมงคล

    บทที่ 5งานมงคลนับจากพบหน้ากันครั้งนั้น หยางซูมี่ก็ไม่ได้พบเซี่ยเหวินหรงอีกเลย นางเพียงใช้ชีวิตไปอย่างปกติที่เพิ่มขึ้นมาคงจะมีเพียงการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวเท่านั้นฮ่องเต้ทรงส่งหมัวมามาให้มาอบรมมารยาท และแจ้งลำดับขั้นตอนพิธีการแก่นาง ส่วนเรื่องพิธีการต่างๆ นั้น จะมีขันทีจากในวังมากำกับดูแลอีกที เรื่องสินสอด สินเจ้าสาวนั้นท่านพ่อให้พ่อบ้านหยางเป็นผู้จัดการแทนฮูหยินรองทั้งหมด โดยทุกเรื่องจะต้องแจ้งให้หยางหมิงทราบก่อน นี่คงเป็นโชคดีของร่างนี้ที่มีท่านพ่อและพี่ชายที่รักใคร่อย่างใจจริงจวนชินอ๋อง ไป๋เย่องครักษ์คนสนิทของเซี่ยเหวินหรงเดินถือม้วนกระดาษเข้ามาในห้องหนังสือ โดยไม่รอให้เจ้าของห้องรอนาน เขารีบยื่นม้วนกระดาษให้ทันที แล้วเดินถอยหลังเพื่อรอคอยคำสั่งต่อไป เซี่ยเหวินหรงนั่งอ่านอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะเงยหน้าออกมาจากม้วนกระดาษ ในใจให้ขบคิดสงสัยถึงสิ่งที่เขียนอยู่ในนี้"ไป๋เย่ บุรุษที่ถอนหมั้นหวางเฟยของข้า มันมาจากตระกูลใด" เสียงทุ้มเข้มเอ่ยถามปลายเสียงติดเย็นชาเล็กน้อย"คุณชายใหญ่เสิ่นอวี้เหยาขอรับ""ตระกูลของฮูหยินรองหรือ" คิ้วคมเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ"ขอรับ คุณชายใหญ่เสิ่นอวี้เหยาเป็นบุตรชายข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 6 คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง

    บทที่ 6คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง หยางหมิงประคองหยางซูมี่ให้ขึ้นขี่หลังหยางเฟยเทียนด้วยความระมัดระวัง เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยดีแล้ว หยางเฟยเทียนจึงลุกขึ้นเต็มความสูงของตนเอง แล้วเดินแบกหยางซูมี่เพื่อขึ้นไปนั่งที่เกี้ยว เซี่ยเหวินหรงลงมาจากหลังม้าเข้ามาเพื่อช่วยประคองหยางซูมี่ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว เมื่อเจ้าสาวเข้าไปนั่งในเกี้ยวเรียบร้อยแล้ว ขบวนเจ้าสาวก็ออกเดินทางเพื่อไปยังจวนชินอ๋องเซี่ยเหวินหรงขี่ม้านำขบวน ตามด้วยเกี้ยวเจ้าสาวที่มี 8 คนหาม นอกจากนี้ยังมีทหารจากกองทัพพยัคฆ์ทมิฬ 1,000 นายคอยอารักขาขบวนเจ้าสาว สินสอดที่เจ้าบ่าวมอบให้เจ้าสาวนั้นมีมากถึง 50 หีบท่านเสนาบดีหยางมอบให้หยางซูมี่ทั้งหมด รวมกับสินเดิมที่ท่านเสนาบดีหยางหมิงจัดเตรียมมาให้ด้วยนั้น อีก 50 หีบ รวมกันมากถึง 100 หีบ สร้างความตกตะลึงแก่ผู้ที่พบเห็น ตระกูลหยางนั้นให้ความสำคัญกับบุตรีผู้นี้จริงๆสองข้างทางล้วนเต็มไปด้วยฝูงชนที่มารอดูขบวนเจ้าสาว กว่าที่จะเดินทางมาถึงจวนชินอ๋องต้องใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยามเมื่อถึงหน้าจวนชินอ๋อง เซี่ยเหวินหรงกระโดดลงมาจากหลังม้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 7 มู่เหลียนฮวา

    บทที่ 7มู่เหลียนฮวา "อื้อ หนักจัง ต้าปิงเจ้าแมวอ้วนลุกออกไปจากท้องเลยนะ"หยางซูมี่พึมพำอย่างงัวเงีย คิ้วเรียวขมวดเพราะความอึดอัดที่ช่วงท้อง รู้สึกเหมือนมีอะไรทับ คิดว่าเป็นต้าปิงแมวอ้วนแสนรัก เอ๊ะ! แต่ต้าปิงไม่ได้ย้อนกลับมานี่น่าแล้วนางก็คือหยางซูมี่ไม่ใช่ไผ่หลิว แล้วอะไรทับท้องนัยน์ตากลมโตค่อยๆ ปรือตาขึ้นมอง แม้จะยังง่วงงุนอยู่มากแต่สิ่งที่เห็นก็คือแขนผู้ชายที่มาทับท้อง เมื่อเลื่อนสายตาไปพบหน้าอกแกร่ง ไล่ลงไปเป็นคอ ถัดไปเป็นปลายคาง ปากหยักหนา จมูกโด่งเป็นสัน และสายตาคมที่กำลังมองลงมา"ชินอ๋อง!"หยางซูมี่อุทานด้วยความตกใจจึงรีบลุกขึ้นนั่ง แต่ติดที่แขนแกร่งไม่ยอมปล่อยเอวคอดของนาง"เรียกท่านพี่"เซี่ยเหวินหรงเอ่ยเสียงเข้มเล็กน้อยที่ร่างบางเรียกยังเขาว่าชินอ๋อง"มี่มี่ลุกไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะต้องเข้าวังไปพบเสด็จพี่กับเสด็จแม่"เซี่ยเหวินหรงลุกขึ้นไปเรียกสาวใช้หน้าห้องให้มาปรนนิบัติ แล้วเดินหายเข้าไปหลังฉากกั้นเพื่ออาบน้ำหยางซูมี่ได้แต่มองตามเซี่ยเหวินหรงที่เดินหายเข้าไปหลังฉ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 8 พบหน้าไทเฮา

    บทที่ 8พบหน้าไทเฮา เซี่ยเหวินหรงและหยางซูมี่เดินทางมาถึงตำหนักหย่งเหิงของไทเฮา เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้าไปพบได้ ทั้งสองถวายความเคารพไทเฮาอย่างเต็มพิธีการ ฉีกงกงขันทีข้างกายของไทเฮาเดินถือถาดที่มีถ้วยน้ำชา 2 ใบ ยื่นให้ชินอ๋องกับพระชายาเซี่ยเหวินหรงกำลังยื่นถ้วยน้ำชาให้ไทเฮา แต่หันไปเห็นหยางซูมี่ถือถ้วยน้ำชาด้วยมืออันสั่นเทา อีกทั้งยังมีควันลอยกรุ่นออกมาจากถ้วยน้ำชา เห็นได้ชัดว่าถ้วยน้ำชาของหยางซูมี่นั้นร้อนมากเซี่ยเหวินหรงใช้มืออีกข้างหยิบถ้วยน้ำชาของหยางซูมี่ แล้วจงใจวางลงในถาดที่ฉีกงกงถือไว้อย่างแรง จนทำให้น้ำชาที่ร้อนนั้นกระเด็นไปโดนมือของฉีกงกง จนเผลอปล่อยถาดร่วงตกลงมา น้ำชาร้อนหกรดลวกขาฉีกงกงเซี่ยเหวินหรงเพียงปรายตามองฉีกงกงด้วยรอยยิ้ม บังอาจนักกล้ามาแตะต้องมี่มี่ของเขา“ลูกต้องขอประทานอภัยเสด็จแม่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ น้ำชาในถ้วยของหวางเฟยนั้นร้อนมาก ฉีกงกงคงชราเกินไปจนไม่ทันได้ตรวจดูให้ดีก่อน หวางเฟยของลูกมีความอดทนจึงไม่ทำให้น้ำชาร้อนพลาดไปหกใส่เสด็จแม่มิเช่นนั้นคงอาจจะทำให้ผิวของเสด็จแม่มีรอยแผลเป็นได้”เซี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 9 กลับบ้านเดิม

    บทที่ 9กลับบ้านเดิม สามวันหลังแต่งงาน หนึ่งวันก่อนออกเดินทางไปชายแดนเหนือเซี่ยเหวินหรงพาหยางซูมี่มาเยี่ยมบ้านเดิมหลังจากแต่งงานได้สามวัน ซึ่งเป็นธรรมเนียมของคู่บ่าวสาวที่เจ้าบ่าวต้องพาเจ้าสาวกลับมาเยี่ยมบ้านเดิม ทั้งสองเดินทางมาถึงจวนตระกูลหยางตั้งแต่ยามเฉิน ทุกคนในจวนตระกูลหยางต่างออกมารอต้อนรับชินอ๋องกับพระชายาหยางหมิงยืนอยู่ด้านหน้า ถัดมาเป็นหยางเฟยเทียน เสิ่นอี๋นั่ว หยางฟางหรง หยางเจียลี่ และบรรดาบ่าวรับใช้ทั้งหมด เมื่อทั้งสองลงมาจากรถม้า ทุกคนต่างยอบกายถวายความเคารพตามบรรดาศักดิ์ฐานะหยางซูมี่รีบเข้าไปประคองท่านพ่อและพี่ชายให้รีบลุกขึ้น นางไม่ชินกับการที่ทุกคนต้องมาถวายความเคารพเช่นนี้เลยแม้จะทำตามตำแหน่งฐานะพระชายาชินอ๋องก็ตาม“เชิญเสด็จเข้าไปด้านในดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”หยางหมิงเสนอให้ทั้งสองเข้าไปด้านในจะดีกว่า เพราะในเวลานี้ที่ด้านนอกจวนล้วนมีชาวบ้านที่มามุงดูกันหลายคนนัก เซี่ยเหวินหรงตรงเข้าไปจูงมือหยางซูมี่เดินเข้าไปในเรือนหลักคล้อยหลังทั้งสองคนเดินจากไป มีสายตาริษยาที่มองมาด้วยความร้อนรุ่ม ย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 10 ธิดาเทพลี่จิน

    บทที่ 10ธิดาเทพลี่จิน วันออกเดินทางของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬ แม่ทัพใหญ่ผู้นำทัพในครั้งนี้คือชินอ๋องเซี่ยเหวินหรง ฉายาอ๋องทมิฬ ตัวตนในเมืองหลวงของเขานั้นเปรียบดั่งคุณชายผู้สูงศักดิ์ แต่เมื่อเขาสวมเกราะสีดำเงาวาว ขี่อาชาโลหิตสีนิลนั้น รูปลักษณ์ช่างดูน่าเกรงขาม ประกอบกับหน้ากากสีดำปีกนกอินทรีสยายปีก ปิดเพียงครึ่งหน้าบนเผยให้เห็นปากหยักหนาที่ออกคำสั่งเคลื่อนทัพหยางซูมี่มองตามร่างสูงใหญ่ที่ค่อยๆ ห่างไกลไปจากสายตา นางนึกถึงร่างสูงเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน ที่เข้ามาออดอ้อนให้นางสวมชุดเกราะให้ ก่อนจะลาจากกัน ยังมารังแกกันอีก ริมฝีปากหยักหนาที่ฉกมาขโมยจูบหอมหวานจากนางราวกับจะกลืนกินดวงวิญญาณของนางให้ออกจากร่างไป รสสัมผัสจากคราแรกอ่อนโยนดั่งปีกผีเสื้อกลับร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเมื่อเห็นว่านางหายใจไม่ออก เขาถึงได้ผละออกมา แล้ววนกลับมาจูบอีกครั้งจนปากของนางบวมเจ่อ แดงก่ำไปหมดแล้ว ฮือออ ท่านอ๋องบ้า“พี่จะรีบไปรีบกลับ หลังจากเสร็จศึกนี้ พี่จะมารับรางวัลจากเจ้านะมี่มี่” เซี่ยเหวินหรงยิ้มกริ่ม ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ส่งมาให้หยางซูมี่ นางถึงกับวางหน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 11 โทสะของพระชายาชินอ๋อง

    บทที่ 11โทสะของพระชายาชินอ๋อง จวนชินอ๋อง พ่อบ้านหลินคือคนที่ท่านอ๋องไว้ใจให้มาดูแลจวนชินอ๋อง แม้จะอายุ 50 ปี แต่ยังดูคล่องแคล่ว แข็งแรง สมกับเป็นคนที่เซี่ยเหวินหรงไว้ใจ แต่วันนี้เขากลับอยากจะกัดลิ้นให้ตายไปเสีย ไม่รู้ว่าเหตุใดพระชายาถึงกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้ หากชินอ๋องทรงทราบ คงได้มีใครตายเป็นแน่หลังจากวันนั้นที่พระชายาไปเยี่ยมบ้านเดิม แล้วมีสาวใช้ลอบออกจากจวนไป ไป๋เยียนองครักษ์ ไป๋หู่ได้ลอบติดตามไปด้วย หลังจากนั้นจึงลอบสืบความจนทราบว่าพระชายาคือ หิมะสีชาด เจ้าของนามปากกาที่กำลังโด่งดังในเวลานี้ เพราะหิมะสีชาดได้แต่งนิยายประโลมโลกที่มีฉากร่วมรักเร่าร้อนดุเดือดเผ็ดมัน หนังสือที่ออกมาต่างมีราคาแพงถึงเล่มละ 10 เหรียญทองแม้แต่พระสนมในวังยังลอบให้คนออกมาซื้อ ตัวเขาที่เป็นพ่อบ้านยังแอบซื้อมาอ่านเลย ทั้งยังเคยวิจารณ์ว่าหิมะสีชาด ช่างเป็นบุรุษที่ยอดเยี่ยมนัก แต่งหนังสือออกมาได้สนุกและตื่นเต้นเร้าใจมาก ทั้งเนื้อเรื่องก็มีความหลากหลาย เขาไม่คิดเลยจริงๆ ว่าหิมะสีชาดจะคือพระชายาหยางซูมี่ หากชินอ๋องทรงทราบต้องกริ้วมากเป็นแน่ แล้วถ้าหากม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07

บทล่าสุด

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 38 เริ่มต้นใหม่

    บทที่ 38เริ่มต้นใหม่ หลังจากได้รับราชโองการการหย่าขาดกันแล้วนั้น หยางซูมี่ก็กลับมาที่จวนตระกูลหยาง ทุกคนต่างมารอต้อนรับนางอย่างอบอุ่น ผู้คนในจวนนั้นไม่ได้สนใจคำครหาจากคนภายนอก ใครจะนินทาว่าร้ายอย่างไรพวกเขาก็ไม่สนใจ ขอแค่เพียงสิ่งนี้คือความสุขของหยางซูมี่ พวกเขาก็พร้อมจะยืนเคียงข้างนางหยางซูมี่ลงมาจากรถม้า นางส่งมือให้ซินซินจับแล้วก้าวเดินลงมาอย่างมั่นคง คนแรกที่รีบเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้านางคือท่านพ่อ ถัดไปเป็นท่านพี่และสหายของนาง“กลับบ้านเราก็ดีแล้วเข้าไปข้างในกันเถอะ”หยางหมิงเข้ามาลูบหัวหยางซูมี่แล้วพานางเดินเข้าไปที่โถงหลัก หยางเฟยเทียนกับเถาซูเม่ยก็พากันตามเข้าไปด้วย เมื่อนั่งลงตรงตำแหน่งกันเรียบร้อยแล้ว หยางซูมี่ลุกออกมาคุกเข่าข้างหน้าหยางหมิง นางโขกศีรษะสามครั้งจนหน้าผากปริแตกมีเลือดไหลซึมออกมา“ลูกอกตัญญูทำให้จวนตระกูลหยางของเราต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ขอท่านพ่อลงโทษลูกด้วยเจ้าค่ะ”“รีบลุกขึ้น เสื่อมเสียอะไรกัน ที่เจ้าต้องหย่าขาดกับชินนอ๋องก็เพราะชินอ๋องทรงไม่รักษาคำพูด เช่นนี้จะเป็นเพราะเจ้าได้อย่

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 37 กอดครั้งสุดท้าย

    บทที่ 37กอดครั้งสุดท้าย ภายในห้องต่างเงียบกริบ กว่าสองเค่อที่ทั้งสองต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง หยางซูมี่ได้สติกลับมาก่อน หยางซูมี่มองเห็นว่าเซี่ยเหวินหรงนั้นมีความลับที่ปิดบังนางมาโดยตลอดแม้แต่เหตุการณ์ในวัยเด็กเขาก็ปกปิดนางไว้เช่นกัน ถ้าไม่ใช่เพราะนางสลบไปเมื่อตอนที่พลัดตกจากหน้าผา เมื่อตื่นมาอีกครั้งความทรงจำทั้งหมดของหยางซูมี่ตัวจริงได้ย้อนกลับมาในหัวของนางอีกครั้ง นางคงยังไม่รู้ว่าหยางซูมี่ตัวจริงกับเซี่ยเหวินหรงเคยพบกันมาก่อน นี่ถือได้ว่าเซี่ยเหวินหรงจงใจปิดบังเรื่องนี้คงเป็นเพราะรอยแผลเป็นนั้นที่เขาไม่ต้องการให้นางจดจำได้เป็นแน่ 10 ปีก่อนที่งานล่าสัตว์สายฝนตกลงมาไม่ขาดสาย ร่างเล็กของเด็กหญิงช่วยประคองร่างสูงของเด็กหนุ่มที่โดนดาบฟันที่แขนข้างซ้าย แต่ใจของเขายังฮึดสู้อยู่ ทั้งคู่ต่างพากันเดินเรื่อยมาจนมาหยุดที่ถ้ำแห่งหนึ่งที่มีเถาวัลย์ห้อยระย้าลงมาปิดทางเข้าของถ้ำ เพราะว่าเด็กหญิงนั้นเคยมาเที่ยวเล่นกับพี่ชายใหญ่บ่อยครั้งและถ้ำแห่งนี้ก็เป็นที่สถานที่ลับระหว่างนางกับพี่ชาย“พี่ชาย อดทนหน่อยใกล้จะ

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 36 ผู้อยู่เบื้องหลัง

    บทที่ 36ผู้อยู่เบื้องหลัง วันนี้เป็นวันสำเร็จโทษของคุณชายรองลู่ชุนกับลี่จิ่น หยางซูมี่ออกจากจวนชินอ๋องตั้งแต่เช้าเพื่อมาส่งลี่จิ่นเป็นครั้งสุดท้าย วันนี้นางตั้งใจสวมชุดสีแดงปักลายหงส์สยายปีก บนมวยผมปักปิ่นหงส์สีทองอร่าม หยางซูมี่มายืนรอดูลี่จิ่นยังแท่นประหาร คุณชายรองลู่ชุนนั้นถูกพาตัวให้มาดูทัณฑ์ทรมานของลี่จิ่น เพื่อให้เห็นชัดว่าลูกของเขาได้หลุดออกมาแล้วทัณฑ์ทรมานของลี่จิ่นนั้นคือการที่นางจะถูกโซ่เหล็กพันธนาการมือและเท้า โดยให้นางนอนราบกับพื้นที่มีเสื่อวางรองร่างของนางไว้ ไม่ไกลนักมีวัวสองตัวยืนอยู่โดยทั้งสองตัวจะมีเชือกผูกเอาไว้ที่ขากับไม้ท่อนใหญ่อยู่ด้วย คนบังคับวัวจะบังคับให้วัวลากท่อนไม้ให้ทับหน้าท้องของลี่จิ่นเพื่อให้เด็กหลุดออกมาครั้งแรกที่ลี่จิ่นโดนท่อนไม้ทับผ่านตัวไป เลือดของนางไหลออกจากทวารทั้ง 5 นัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวด ไม่อาจจะกรีดร้องได้เพราะมีผ้าอุดปากไว้ เพียงโดนท่อนไม้ลากผ่าน 2 ครั้งก็มีก้อนเลือดหลุดออกมา จากนั้นการทรมานจึงได้หยุดลง ทหารที่ลงทัณฑ์มาลากตัวนางกับคุณชายรองลู่ชุนไปยังลานประหารที่มีเพชฌฆา

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 35 บิดาของบุตรในท้องลี่จิ่น

    บทที่ 35บิดาของบุตรในท้องลี่จิ่น เช้าวันนี้ที่ท้องพระโรงเต็มไปด้วยเสียงถกเถียงเรื่องการลอบสังหารของพระชายาเอกชินอ๋อง วันนี้ฝ่าบาทได้เปิดท้องพระโรงเพื่อไต่สวนเรื่องนี้ด้วยพระองค์เอง ขุนนางต่างพากันมารวมตัวกันตั้งแต่เช้าตรู่ พวกเขามารอดูความสนุกกันอย่างคึกคัก ความทุกข์ของผู้อื่นกลับเป็นดั่งความสนุกของตนเอง“ฮ่องเต้เสด็จแล้วววว”เกากงกงเอ่ยเสียงดัง ขุนนางทั้งหมดต่างค้อมหัวคารวะการมาเยือนของฮ่องเต้ เมื่อฮ่องเต้นั่งลงตรงบัลลังก์มังกรแล้ว พระองค์โบกพระหัตถ์ให้ลุกขึ้นได้ พวกเขาจึงกล้าลุกขึ้นยืน“เบิกตัวพระชายาเอกหยางซูมี่ เบิกตัวพระชายารองลี่จิ่น”เกากงกงเป็นผู้เอ่ยขึ้นหลังจากได้รับสัญญาณจากฮ่องเต้หยางซูมี่เดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย วันนี้นางสวมชุดเต็มพิธีการ ผิดกับลี่จิ่นที่ถูกพาตัวเข้ามาอย่างเหม่อลอยไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำคล้ายสัตว์ร้ายที่กำลังบาดเจ็บและเคียดแค้น“หม่อมฉันหยางซูมี่ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี”หยางซูมี่คารวะอย่างเต็มพิธีการ ส่วนลี

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 34 โดนหลอก

    บทที่ 34โดนหลอก เรื่องของจวนตระกูลเกาจบลงไปด้วยดี จะมีก็แต่ตระกูลหม่าสายรองที่ต้องรับโทษจากฝ่าบาท และจวิ้นอ๋องที่เพิ่งได้รับราชโองการให้ไปจัดการเรื่องเกลือเถื่อนที่แดนใต้ กว่าจะจัดการเสร็จคงอีกราว 3-6เดือนถึงจะกลับมาที่เมืองหลวงได้ เวลานั้นอำนาจที่เขาเคยสร้างมาจากการเชื่อมสัมพันธ์ผ่านทางการแต่งงานก็คงจะหยุดชะงักลง คงจะไม่มีตระกูลใดกล้าเสี่ยงให้บุตรีแต่งเข้ามาเป็นพระชายาเอกเป็นแน่ หมากตานี้ของเซี่ยเหวินหลินแพ้ยับทั้งกระดานหยางซูมี่กลับมาที่จวนชินอ๋องได้สามวันแล้ว นางรอให้เรื่องของเกาซูเจินกับหม่าลี่เหมยจบลงก่อน นางถึงจะเดินหน้ามาทวงหนี้แค้นที่ลี่จิ่นได้ทำไว้กับนางหยางซูมี่เดินทางมาที่กรมสืบสวน นางขอเข้าพบท่านเสนาบดีเพื่อยื่นหลักฐานการจ้างวานฆ่านางที่มีตั๋วเงินลงตราประทับของลี่จิ่นเอาไว้ ท่านเสนาบดีรับมาด้วยมืออันสั่นเทา เขาพึ่งจะจัดการสืบสวนเรื่องของจวนจวิ้นอ๋องไปเอง มาตอนนี้ยังต้องมาจัดการเรื่องของจวนชินอ๋องอีก ช่วงนี้เขาดวงตกหรือไม่“เปิ่นหวางเฟยรบกวนให้ท่านเสนาบดีจัดการสืบสวนเรื่องนี้อย่างเป็นธรรมด้วย” หยางซูมี่ยิ้มหวานส่ง

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 33 คำตัดสินของฮ่องเต้ 

    บทที่ 33คำตัดสินของฮ่องเต้ “กระหม่อมขอร้องเรียนจวิ้นอ๋องต่อฝ่าบาท ด้วยหลักฐานทั้งหมดที่นำมาถวายฝ่าบาทนั้น ทำให้ขจัดมลทินที่พระชายาเอกได้รับได้ อีกทั้งจวิ้นอ๋องทรงไต่สวนไม่เป็นธรรม สั่งลงโทษพระชายาเอกเสียแล้ว ครอบครัวของกระหม่อมทุกข์ใจยิ่งนักที่จะต้องมาโดนสาดโคลนเช่นนี้ เมื่อความจริงปรากฏแล้ว ขอให้ฝ่าบาทโปรดลงโทษหม่าลี่เหมยและจวิ้นอ๋องด้วยพ่ะย่ะค่ะ โปรดคืนความเป็นธรรมให้บุตรสาวของกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เกาซีฮั่นคุกเข่าลงโขกศีรษะถึงสามครั้งจนหน้าผากปริแตกมีเลือดไหลซึมออกมาเซี่ยเหวินหลินยิ่งได้ฟังก็ยิ่งเดือดดาล นอกจากจะกำจัดเกาซูเจินไม่ได้แล้ว เขายังจะโดนผู้คนหัวเราะเยาะว่าถูกภรรยาสวมหมวกเขียว ทั้งเสนาบดีเกายังกล้ากล่าวโทษเขาเช่นนี้อีก“ท่านเสนาบดีลุกขึ้นเถอะ เรื่องนี้เจิ้นจะต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าอย่างแน่นอน”เซี่ยเฟยหลงเรียกเกากงกงให้เข้ามา แล้วยื่นหลักฐานทั้งหมดส่งให้เกากงกง“นำหลักฐานทั้งหมดส่งไปที่กรมสืบสวน ต้องเร่งสืบหาความจริงให้กระจ่าง เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงหน้าตาของราชวงศ์ ข้าให้

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 32 พลิกผัน

    บทที่ 32พลิกผัน ไป๋เฟิงใช้วิชาตัวเบาหลบเลี่ยงองครักษ์ของจวนตระกูลเกา จนมาหยุดที่ห้องหนังสือที่มีเสนาบดีกรมวังนามว่าเกาซีฮั่น กับฮูหยินใหญ่นามว่าอ้ายฉิง อยู่ด้วย ทั้งสองปรึกษากันอย่างเคร่งเครียดเรื่องของเกาซูเจินนางผู้เป็นแม่ไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าบุตรีของนางนั้นจะโง่เขลาถึงขนาดทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้ เกาซีฮั่นเองก็โกรธแค้นจวิ้นอ๋องที่ไม่ทรงเห็นไมตรีระหว่างเขา กลับกล้าทำโทษบุตรสาวของเขาโดยยังไม่ได้ไต่สวนก่อน เรื่องนี้เห็นทีจะเป็นเพราะเขานั้นหมดประโยชน์กับจวิ้นอ๋องแล้วเป็นแน่ พระองค์ถึงได้สละเรือของเขาทิ้งอย่างไม่แยแสเช่นนี้ไป๋เฟิงทะยานเข้ามาที่หน้าต่าง ทั้งสองตกใจมากกำลังจะตะโกนเรียกให้คนช่วยแต่ก็โดนไป๋เฟิงสะกดจุดเอาไว้ก่อน นางยื่นจดหมายให้เสนาบดีเกาซีฮั่นก่อนจะค้อมตัวคารวะอีกฝ่าย“ข้าน้อยเป็นองครักษ์ของพระชายาชินอ๋อง พระชายาเห็นแก่ความดีที่เสนาบดีเกาเคยช่วยท่านพ่อของพระชายาเอาไว้ จึงได้เขียนคำชี้แนะมาให้ท่านเสนาบดีเกา”ไป๋เฟิงยื่นจดหมายปิดผนึกให้เสนาบดีเกาซีฮั่น เมื่อหมดธุระแล้วนางก็ทะยานออกไปทางหน้าต่างทันที

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 31 ข่าวร้ายของหม่าลี่เหมย

    บทที่ 31ข่าวร้ายของหม่าลี่เหมย ข่าวการตั้งครรภ์ของเถาซูเม่ยสร้างความยินดีให้กับทุกคนในจวนตระกูลหยาง หยางหมิงมอบหมายงานเล็กใหญ่ภายในจวนให้พ่อบ้านหยางเป็นผู้ดูแล ส่วนสมุดบัญชีต่างๆ ก็ให้พ่อบ้านหยางเป็นผู้จัดการไปก่อน แล้วค่อยส่งมอบให้เถาซูเม่ยตรวจทานเดือนละครั้ง เขานั้นอยากจะอุ้มหลานมานานมากแล้ว หลานคนนี้ถือเป็นหลานคนแรกของตระกูลเขาจึงใส่ใจเป็นพิเศษ ทั้งไม่อยากให้เถาซูเม่ยต้องโหมงานหนัก อยากให้พักผ่อนให้มากๆหยางซูมี่เองเมื่อรู้ข่าวนี้ก็ดีใจกับสหายของนางมากนัก ตัวนางเองก็ย้อนกลับไปคิดเรื่องราวแต่หนหลัง แววตาของนางมักสะท้อนความเศร้าออกมาบ่อยครั้งซินซินตามมาดูแลรับใช้หยางซูมี่ที่จวนตระกูลหยางเช่นเดิม คงมีเพียงเจินเจินที่ยังต้องรักษาตัวอยู่ หยางซูมี่เมื่อพบซินซินก็เอ่ยถามถึงเจินเจินนางกลัวเหลือเกินว่าอาจจะต้องเสียเจินเจินไป แต่สวรรค์ยังคงเห็นใจนางบ้าง ยังคงให้เจินเจินที่เกือบไปเยือนปรภพได้กลับมาหานางอีกครั้งเถาซูเม่ยยังคงจะไปตุ๋นน้ำแกงมาให้หยางซูมี่อีก แต่หยางเฟยเทียนได้เอ่ยปากห้ามไว้ เรื่องนี้ให้บ่าวไพร่จัดการไปจะดีกว่า เขาเองไม

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 30 ข่าวดีของเถาซูเม่ย

    บทที่ 30ข่าวดีของเถาซูเม่ย เมื่ออาเปียวกับอาเมี่ยวเดินทางกลับไปแล้ว เซี่ยเหวินหรงสั่งให้ทหารออกไปรออีกทางหนึ่ง ส่วนเขาสั่งให้ไป๋ลู่คอยอารักขาอยู่รอบๆ เขาจูงมือของหยางซูมี่มาหยุดยืนที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีก้อนหินก้อนหนึ่งวางอยู่ ที่นี่ก็คือหลุมฝังศพของบุตรของเขากับหยางซูมี่นั่นเอง“พี่เลือกสถานที่นี้ให้กับลูกของเรา เขาจะอยู่ที่นี่อย่างสงบสุข”เซี่ยเหวินหรงเอ่ยบอก มือหนาโอบกอดร่างบางของหยางซูมี่ด้วยความทะนุถนอม“ข้าขออยู่เป็นเพื่อนลูกสักครู่นะเจ้าคะ”หยางซูมี่หันมาบอกร่างสูง นางค่อยๆ นั่งลงตรงข้างหลุมศพ ใบหน้าหวานที่ยังคงซีดเซียวอยู่นั่งทอดมองที่หลุมฝังศพ จิตใจเลื่อนลอยไปไกลแสนไกล นานจนเกือบชั่วยามร่างบางถึงได้สติ ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากัน ดวงตาที่มีรอยเศร้าหมองแฝงประกายเข้มแข็งอันเยือกเย็น บรรยากาศรอบตัวของนางดูเย็นชาขึ้นหลายส่วนหลังจากผ่านเรื่องราวมามากมายนางก็คิดขึ้นได้ว่าหากจะอยู่บนโลกใบนี้มีเพียงต้องเข้มแข็งเท่านั้น ถึงจะปกป้องคนที่ตนรักได้ ร่างบางลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาเซี่ยเหวินหรงที่ยืนอยู่ไม่ไกล สายตาก็พลัน

DMCA.com Protection Status