Share

บทที่ 4 คำสัญญา

last update Last Updated: 2024-12-04 12:20:16

บทที่ 4

คำสัญญา

           

            เมื่องานเลี้ยงเลิกราทุกคนต่างพากันแยกย้ายกลับจวน เหตุการณ์ในวันนี้นั้นทำให้ภายในรถม้าตระกูลหยางที่กำลังเดินทางกลับรู้สึกกังวลและอึดอัดใจ หยางหมิงนั้นรักฮูหยินเอกจ้าวอ้ายฉิงมาก แม้ว่านางจะจากไปได้หลายปีแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะยกใครขึ้นมาแทนที่จ้าวอ้ายฉิงเลย บุตรชายหญิงที่เกิดจากจ้าวอ้ายฉิงเขาก็รักมากกว่าบุตรธิดาที่เกิดจากเสิ่นอี๋นั่วผู้เป็นภรรยารองของเขาเสียอีก

            สิ่งใดที่บอกว่าดีเขาล้วนสรรหามามอบให้หยางเฟยเทียนกับหยางซูมี่ก่อนเสมอ แต่นี่ฮ่องเต้กลับทรงมอบสมรสพระราชทานให้หยางซูมี่แต่งเข้าจวนชินอ๋อง ตัวเขาในฐานะที่เป็นขุนนางผู้เป็นข้ารองบาทจะกล้าเอ่ยปากปฏิเสธได้อย่างไรกัน แค่คิดว่าบุตรสาวของเขาจะต้องออกเรือนไป ใจของเขาก็พลันรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา

            “ท่านพ่ออย่าเพิ่งคิดมากเลยขอรับ การสมรสในครั้งนี้ของมี่เอ๋อร์อาจจะผลดีกับตัวนางก็เป็นได้”

หยางเฟยเทียนเอ่ยปลอบผู้เป็นบิดา แม้เขาจะรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้เหมือนกับฮ่องเต้ทรงกำลังบีบคั้นตระกูลหยางก็ตามที แต่ว่าที่น้องเขยผู้เป็นถึงชินอ๋องนั้นเป็นคนที่อุปนิสัยใช้ได้เลยทีเดียว แม้ใบหน้าจะเงียบขรึมเย็นชาไปบ้าง แต่ก็ถือว่าพอจะวางใจฝากชีวิตน้องสาวของเขาให้ชินอ๋องดูแลได้

            “อาจจะจริงตามที่เจ้าว่า พ่อคิดว่านับตั้งแต่ที่มี่เอ๋อร์โดนปฏิเสธงานหมั้นในครั้งนั้น จนทำให้มี่เอ๋อร์คิดสั้นกระโดดน้ำหวังปลิดชีพตนเองแต่รอดกลับมาได้ หลังจากมี่เอ๋อร์ฟื้นขึ้นมา นางก็ดูโตขึ้นจนพ่อใจหาย คิดไม่ถึงว่าผ่านมาเพียงแค่สามปี มี่เอ๋อร์จะต้องออกเรือนเสียแล้ว”

หยางหมิงเอ่ยพลางถอนหายใจ เขานั้นยังรู้สึกว่าบุตรสาวของเขายังเด็กเกินไป ยังไม่อยากจะรีบร้อนให้นางออกเรือนเลย

            “ท่านพ่อโปรดวางใจขอรับ มี่เอ๋อร์นั้นมีจวนตระกูลหยางและตระกูลจ้าวคอยหนุนหลัง หากมี่เอ๋อร์โดนรังแก ข้าผู้เป็นพี่ชายจะทวงคืนความยุติธรรมให้เอง”

            ภายในรถม้าอีกคันกลับเต็มไปด้วยบรรยากาศเงียบสงบ หยางซูมี่นั่งหลับตาพร้อมกับนึกไว้อาลัยในชะตาชีวิตของตนเอง เดิมทีนั้นเธอคือไผ่หลิว สาวลูกครึ่งไทยจีนอาศัยอยู่กับคุณตาที่ประเทศไทยตั้งแต่สามขวบ หลังจากที่พ่อแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางเครื่องบินขณะที่กำลังเดินทางมาประเทศจีน เธออยู่กับคุณตามาตั้งแต่เด็กจนอายุได้ 18 ปี คุณตาก็มาเสียไปอีกคนชีวิตของเธอจึงเคว้งคว้างเป็นอย่างมาก ยังดีที่เธอมีเพื่อนรักอย่างบัวชมพูที่คอยให้กำลังใจและช่วยเหลือเธอเสมอมา

            หลังจากเรียนจบปริญญาตรีคณะจิตวิทยา เธอก็ได้ทำงานที่เป็นนักจิตวิทยากับโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งของเมืองไทย เธอใช้ชีวิตเรียบง่ายเพียงแค่ 25 ปี กลับต้องมาถูกรถชนตายฟื้นขึ้นมาอีกทีก็มาอยู่ในร่างของหยางซูมี่ ที่น่าแปลกคือเธอกับหยางซูมี่มีใบหน้าที่เหมือนกันอย่างกับคนเดียวกัน เธอจึงสันนิษฐานว่าเธอกับหยางซูมี่อาจจะเป็นคนคนเดียวกัน เพียงแค่อยู่คนละยุคเท่านั้น แต่กว่าที่เธอจะปรับตัวได้  และอาศัยอยู่ในร่างนี้ประหนึ่งว่าเธอนั้นคือ หยางซูมี่จริงๆนั้นก็ใช้เวลานานพอสมควร

            เธอคิดเสมอว่าที่เธอได้มาอยู่ในร่างของหยางซูมี่นั้น คงจะเป็นเพราะสวรรค์เมตตาให้เธอได้กลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง เธอเองก็จะขอใช้ชีวิตนี้ให้คุ้มค่าที่สุด แต่ก็มีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงคือเธอกลับต้องมาโดนคลุมถุงชนให้แต่งงาน นี่สวรรค์กำลังเล่นตลกกับชีวิตของเธอมากเกินไปหรือไม่

            “พี่หญิงใหญ่ช่างวาสนาดียิ่งนักนะเจ้าคะ ตัวข้านั้นจะมีวาสนาดั่งเช่นพี่หญิงใหญ่บ้างหรือไม่กันนะ”

หยางเจียลี่เอ่ยทำลายความเงียบ นัยน์ตาทอประกายความอิจฉาออกมาอย่างไม่ปิดบัง

            “หากน้องรองอยากวาสนาดีเช่นข้าก็จงทำตัวให้สมกับที่เป็นบุตรีของท่านพ่อ แล้วก็เก็บปากสงบคำ และแววตาริษยาของเจ้าด้วย”

หยางซูมี่เอ่ยอย่างไม่รักษาน้ำใจหยางเจียลี่อีกต่อไป น้องรองต่างแม่ผู้นี้นางไม่อยากจะมานั่งปั้นหน้าพูดดีด้วยอีกต่อไปแล้ว

            “เจ้า!!”

หยางเจียลี่ถลึงตาโตมองหยางซูมี่ด้วยความไม่พอใจแต่มิอาจจะทำอะไรนางได้

            เมื่อรถม้าจอดสนิทเจินเจินก็เข้ามาประคองหยางซูมี่ให้เดินลงมาจากรถม้า ทั้งสองตรงกลับไปที่เรือนไผ่หลิวทันที หยางซูมี่นั้นอยากจะรีบอาบน้ำแล้วเข้านอนแล้ว งานเลี้ยงในพระราชวังกินพลังงานชีวิตของนางเสียจริงๆ

            “ซินซินเจ้ารีบไปเตรียมน้ำให้คุณหนู ข้าจะไปช่วยคุณหนูเปลี่ยนชุด”

            “ทำไมวันนี้คุณหนูดูอารมณ์ไม่ดีเลยเล่า”

ซินซินเป็นคนช่างสังเกต นางเห็นว่าคุณหนูนั้นหลังจากกลับมาคิ้วเรียวกลับขมวดกันเป็นปม นัยน์ตาก็ทอประกายเหนื่อยล้าออกมาให้เห็น ไม่รู้ว่าภายในงานเลี้ยงเกิดเรื่องใดขึ้นหรือไม่ เพราะวันนี้นางไม่ได้ติดตามไปด้วย เจินเจินได้แต่ขบกัดริมฝีปากของตนเองอย่างเคร่งเครียดก่อนจะกระซิบบอกความแก่ซินซิน

            เมื่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วหยางซูมี่อยู่ในชุดนอนสีขาวโปร่งบาง นางปีนขึ้นไปบนเตียงนอนนุ่มเพื่อเตรียมตัวเข้านอน แล้วไล่สาวใช้ทั้งสองให้ออกไปนอนยังห้องด้านข้างแทน นางไม่ชมชอบให้มีคนมานอนเฝ้าด้วยคุ้นชินกับการนอนคนเดียวมากกว่าเหมือนตอนที่ยังเป็นไผ่หลิว

            คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงในห้องของโฉมงามมีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่สาดแสงเข้ามา พอเห็นเป็นเงารางเลือนเท่านั้น จู่ๆก็มีผู้บุกรุกแอบปีนเข้ามาทางหน้าต่างห้อง เจ้าของเงาดำก้าวย่างด้วยฝีเท้าแผ่วเบาขยับเข้าไปนั่งบนโต๊ะข้างเตียง เฝ้ามองหยางซูมี่ที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขอยู่บนเตียง

            ผู้บุกรุกนั้นแท้จริงก็คือเซี่ยเหวินหรง คืนนี้ที่เขาลอบเข้ามาเพราะอยากจะมาพบหน้ากับว่าที่พระชายาของเขาเสียก่อน ไม่คิดว่านางจะนอนเร็วถึงเพียงนี้ ขณะที่กำลังจะแอบออกไปนั้น เสียงหวานได้เอ่ยเรียกไว้

            “เหตุใดชินอ๋องต้องแอบปีนหน้าต่างลอบเข้ามาในห้องนอนของหม่อมฉันด้วยเพคะ กระทำตัวดั่งเช่นโจรเด็ดบุปผา”

หยางซูมี่ลืมตาขึ้นมามองผู้ที่บุกรุกห้องนอนของนาง จากนั้นลุกขึ้นนั่งทั้งยังไม่ลืมเอาผ้าห่มมาห่อตัวไว้

            "เสียมารยาทต่อคุณหนูหยางแล้ว เปิ่นหวางเพียงอยากมาสนทนากับเจ้าเพียงเท่านั้น"

หึ สนทนาอันใดในยามมืดค่ำ ทั้งยังแอบเข้ามาในห้องสตรี บุรุษหน้าไม่อาย หยางซูมี่ลอบก่นด่าภายในใจ

"ชินอ๋องเกรงใจเกินไปแล้ว มีเรื่องเร่งด่วนอันใดหรือเพคะ ถึงขนาดที่ชินอ๋องเซี่ยเหวินหรงทรงรอให้เช้าก่อนไม่ได้ แล้วค่อยเดินเข้ามาทางประตูหน้าจวนไม่ได้เลยหรือเพคะ"

ฝีปากของคุณหนูใหญ่ไม่อาจดูแคลนได้เลย ใครบอกกันว่าคุณหนูหยางซูมี่มีดีเพียงรูปโฉม สติปัญญาขลาดเขลา ศาสตร์ทั้งสี่ไม่อาจสู้ คุณหนูหม่า และคุณหนูจ้าวโฉมสะคราญอันดับหนึ่งและสองได้เลยกัน แค่ประโยคเดียวก็ตอกกลับชินอ๋องอย่างเขาให้แสบๆ คันๆ

"เปิ่นหวางมีคำถามหนึ่งข้อ หายเจ้าตอบเสร็จ เปิ่นหวางก็จะจากไปทันที เจ้าเต็มใจที่จะแต่งเป็นหวางเฟยของเปิ่นหวางหรือไม่"

ดวงตาคู่คมสบกับนัยน์ตากลมโตอย่างรอคอยคำตอบ

"บัญชาจากฝ่าบาท หม่อมฉันไม่อาจปฏิเสธได้เพคะ"

คำตอบจากโฉมงามทำให้คิ้วคมขมวดกัน บรรยากาศแฝงความอึดอัดเล็กน้อย

"เจ้าจงตอบอย่างใจคิด คำตอบของเจ้าเปิ่นหวางขอให้สัตย์ว่าจะไม่มีผลใดๆ ทั้งสิ้น เปิ่นหวางเพียงแค่อยากรู้ความคิดของเจ้า"

โฉมงามถอนหายใจอย่างผ่อนคลายเล็กน้อย หากเขาอยากได้คำตอบจริงๆ นางก็จะตอบให้ แล้วอย่ามาโกรธทีหลังแล้วกัน

"หากตอบด้วยเหตุผล การแต่งงานนับเป็นวาสนาของหม่อมฉันและตระกูลหยาง การเกี่ยวดองกับเชื้อพระวงศ์นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งแก่วงศ์ตระกูล แต่ถ้าถามใจของหม่อมฉัน หม่อมฉันขอตอบว่าไม่ต้องการแต่งงานเพคะ ไม่ว่าบุรุษใดในใต้หล้า หม่อมฉันก็ไม่อยากแต่งทั้งนั้น"

จบคำยิ่งทำให้บรรยากาศคล้ายกับเย็นยะเยือกขึ้นมากกว่าเดิม

"เพราะเหตุใด เจ้าไม่ชอบบุรุษหรือ"

ร่างสูงเอ่ยถามอย่างสงสัย หรือนางจะชมชอบสตรีด้วยกันเอง

"เซี่ยเหวินหรง!! "

หยางซูมี่ตกใจจนเผลอเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัวอาญา

"ข้าหยางซูมี่ เป็นบุตรีของท่านเสนาบดีหยางหมิงกับจ้าวอ้ายฉิง ไม่ได้มีความคิดดั่งเช่นท่านว่า ข้าเพียงไม่ปรารถนาจะใช้สามีร่วมกับหญิงใด หากต้องใช้สามีร่วมกัน ข้าขออยู่เป็นสาวเทื้อเสียยังจะดีกว่า"

ด้วยอารมณ์โกรธทำให้หยางซูมี่เผลอใช้คำสามัญกับชินอ๋อง นางโกรธที่เขาคิดว่านางเป็นสตรีที่ชอบสตรีด้วยกันเอง ถึงแม้ยุคที่นางจากมาจะเปิดเสรีเรื่องความรักไม่แบ่งแยกเพศ แต่สำหรับยุคนี้แล้วไม่ใช่

เซี่ยเหวินหรงยืนอึ้ง จากนั้นก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมา เหมือนคำพูดของนางเป็นเรื่องตลก ในแผ่นดินนี้บุรุษที่มีภรรยาเพียงหนึ่งคนเห็นจะมีแต่ชาวบ้านที่ยากจน ด้วยธรรมเนียมการที่บุรุษมีภรรยาหลายคน และมีลูกหลานมาก ย่อมแสดงถึงความมั่งคั่งร่ำรวย และความเจริญรุ่งเรืองของตระกูล การที่นางกล่าวเช่นนี้ช่างผิดธรรมเนียมยิ่งนัก

"ขำอันใดกันเพคะ หม่อมฉันรู้ว่าที่หม่อมฉันพูดออกไปนั้นอาจจะผิดธรรมเนียม แต่ที่หม่อมฉันพูดเช่นนี้ เพราะการที่ในจวนนั้นมีภรรยา และบุตรธิดาหลายคนนั้น ล้วนทำให้ก่อปัญหาทั้งสิ้น ทั้งการอิจฉาริษยา การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน เลวร้ายสุดคือการลอบสังหารกัน เรื่องนี้พระองค์น่าจะเข้าใจดีนะเพคะ"

หยางซูมี่อธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง นัยน์ตากลมโตสบกับตาคมของอีกฝ่ายอย่างไม่ถอย

"เป็นเปิ่นหวางที่เข้าใจเจ้าผิดไป เจ้าสบายใจได้ในจวนของเปิ่นหวาง จะมีเจ้าเป็นนายหญิงแต่เพียงผู้เดียว"

เซี่ยเหวินหรงให้สัตย์กับหยางซูมี่อย่างจริงจัง

คำพูดของเขาเปรียบดั่งหินผา หยางซูมี่มองคนพูดพลันรู้สึกใจเต้นแรง ใบหน้าร้อนผ่าว นางไม่คิดว่าบุรุษผู้นี้จะพูดเช่นนี้ออกมา ใจหนึ่งก็ดีใจ แต่อีกใจก็ยังอดสงสัยไม่ได้ เขาเป็นถึงชินอ๋องการจะแต่งพระชายารอง และอนุเข้ามานั้นง่ายมาก แต่การไม่แต่งใครเข้ามา เขาจะทำได้จริงหรือ การแต่งงานของเชื้อพระวงศ์ล้วนเป็นการแต่งงานการเมืองทั้งสิ้น

"หม่อมฉันจะจดจำเอาไว้เพคะ"

หยางซูมี่พูดเพียงแค่นั้น ก่อนจะล้มตัวลงนอนเอาผ้าห่มคลุมมิดทั้งตัว เซี่ยเหวินหรงเพียงยกยิ้ม แล้วทะยานตัวออกไปจากห้องทันที

Related chapters

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 5 งานมงคล

    บทที่ 5งานมงคลนับจากพบหน้ากันครั้งนั้น หยางซูมี่ก็ไม่ได้พบเซี่ยเหวินหรงอีกเลย นางเพียงใช้ชีวิตไปอย่างปกติที่เพิ่มขึ้นมาคงจะมีเพียงการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวเท่านั้นฮ่องเต้ทรงส่งหมัวมามาให้มาอบรมมารยาท และแจ้งลำดับขั้นตอนพิธีการแก่นาง ส่วนเรื่องพิธีการต่างๆ นั้น จะมีขันทีจากในวังมากำกับดูแลอีกที เรื่องสินสอด สินเจ้าสาวนั้นท่านพ่อให้พ่อบ้านหยางเป็นผู้จัดการแทนฮูหยินรองทั้งหมด โดยทุกเรื่องจะต้องแจ้งให้หยางหมิงทราบก่อน นี่คงเป็นโชคดีของร่างนี้ที่มีท่านพ่อและพี่ชายที่รักใคร่อย่างใจจริงจวนชินอ๋อง ไป๋เย่องครักษ์คนสนิทของเซี่ยเหวินหรงเดินถือม้วนกระดาษเข้ามาในห้องหนังสือ โดยไม่รอให้เจ้าของห้องรอนาน เขารีบยื่นม้วนกระดาษให้ทันที แล้วเดินถอยหลังเพื่อรอคอยคำสั่งต่อไป เซี่ยเหวินหรงนั่งอ่านอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะเงยหน้าออกมาจากม้วนกระดาษ ในใจให้ขบคิดสงสัยถึงสิ่งที่เขียนอยู่ในนี้"ไป๋เย่ บุรุษที่ถอนหมั้นหวางเฟยของข้า มันมาจากตระกูลใด" เสียงทุ้มเข้มเอ่ยถามปลายเสียงติดเย็นชาเล็กน้อย"คุณชายใหญ่เสิ่นอวี้เหยาขอรับ""ตระกูลของฮูหยินรองหรือ" คิ้วคมเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ"ขอรับ คุณชายใหญ่เสิ่นอวี้เหยาเป็นบุตรชายข

    Last Updated : 2024-12-04
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 6 คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง

    บทที่ 6คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง หยางหมิงประคองหยางซูมี่ให้ขึ้นขี่หลังหยางเฟยเทียนด้วยความระมัดระวัง เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยดีแล้ว หยางเฟยเทียนจึงลุกขึ้นเต็มความสูงของตนเอง แล้วเดินแบกหยางซูมี่เพื่อขึ้นไปนั่งที่เกี้ยว เซี่ยเหวินหรงลงมาจากหลังม้าเข้ามาเพื่อช่วยประคองหยางซูมี่ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว เมื่อเจ้าสาวเข้าไปนั่งในเกี้ยวเรียบร้อยแล้ว ขบวนเจ้าสาวก็ออกเดินทางเพื่อไปยังจวนชินอ๋องเซี่ยเหวินหรงขี่ม้านำขบวน ตามด้วยเกี้ยวเจ้าสาวที่มี 8 คนหาม นอกจากนี้ยังมีทหารจากกองทัพพยัคฆ์ทมิฬ 1,000 นายคอยอารักขาขบวนเจ้าสาว สินสอดที่เจ้าบ่าวมอบให้เจ้าสาวนั้นมีมากถึง 50 หีบท่านเสนาบดีหยางมอบให้หยางซูมี่ทั้งหมด รวมกับสินเดิมที่ท่านเสนาบดีหยางหมิงจัดเตรียมมาให้ด้วยนั้น อีก 50 หีบ รวมกันมากถึง 100 หีบ สร้างความตกตะลึงแก่ผู้ที่พบเห็น ตระกูลหยางนั้นให้ความสำคัญกับบุตรีผู้นี้จริงๆสองข้างทางล้วนเต็มไปด้วยฝูงชนที่มารอดูขบวนเจ้าสาว กว่าที่จะเดินทางมาถึงจวนชินอ๋องต้องใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยามเมื่อถึงหน้าจวนชินอ๋อง เซี่ยเหวินหรงกระโดดลงมาจากหลังม้า

    Last Updated : 2024-12-06
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 7 มู่เหลียนฮวา

    บทที่ 7มู่เหลียนฮวา "อื้อ หนักจัง ต้าปิงเจ้าแมวอ้วนลุกออกไปจากท้องเลยนะ"หยางซูมี่พึมพำอย่างงัวเงีย คิ้วเรียวขมวดเพราะความอึดอัดที่ช่วงท้อง รู้สึกเหมือนมีอะไรทับ คิดว่าเป็นต้าปิงแมวอ้วนแสนรัก เอ๊ะ! แต่ต้าปิงไม่ได้ย้อนกลับมานี่น่าแล้วนางก็คือหยางซูมี่ไม่ใช่ไผ่หลิว แล้วอะไรทับท้องนัยน์ตากลมโตค่อยๆ ปรือตาขึ้นมอง แม้จะยังง่วงงุนอยู่มากแต่สิ่งที่เห็นก็คือแขนผู้ชายที่มาทับท้อง เมื่อเลื่อนสายตาไปพบหน้าอกแกร่ง ไล่ลงไปเป็นคอ ถัดไปเป็นปลายคาง ปากหยักหนา จมูกโด่งเป็นสัน และสายตาคมที่กำลังมองลงมา"ชินอ๋อง!"หยางซูมี่อุทานด้วยความตกใจจึงรีบลุกขึ้นนั่ง แต่ติดที่แขนแกร่งไม่ยอมปล่อยเอวคอดของนาง"เรียกท่านพี่"เซี่ยเหวินหรงเอ่ยเสียงเข้มเล็กน้อยที่ร่างบางเรียกยังเขาว่าชินอ๋อง"มี่มี่ลุกไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะต้องเข้าวังไปพบเสด็จพี่กับเสด็จแม่"เซี่ยเหวินหรงลุกขึ้นไปเรียกสาวใช้หน้าห้องให้มาปรนนิบัติ แล้วเดินหายเข้าไปหลังฉากกั้นเพื่ออาบน้ำหยางซูมี่ได้แต่มองตามเซี่ยเหวินหรงที่เดินหายเข้าไปหลังฉ

    Last Updated : 2024-12-06
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 8 พบหน้าไทเฮา

    บทที่ 8พบหน้าไทเฮา เซี่ยเหวินหรงและหยางซูมี่เดินทางมาถึงตำหนักหย่งเหิงของไทเฮา เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้าไปพบได้ ทั้งสองถวายความเคารพไทเฮาอย่างเต็มพิธีการ ฉีกงกงขันทีข้างกายของไทเฮาเดินถือถาดที่มีถ้วยน้ำชา 2 ใบ ยื่นให้ชินอ๋องกับพระชายาเซี่ยเหวินหรงกำลังยื่นถ้วยน้ำชาให้ไทเฮา แต่หันไปเห็นหยางซูมี่ถือถ้วยน้ำชาด้วยมืออันสั่นเทา อีกทั้งยังมีควันลอยกรุ่นออกมาจากถ้วยน้ำชา เห็นได้ชัดว่าถ้วยน้ำชาของหยางซูมี่นั้นร้อนมากเซี่ยเหวินหรงใช้มืออีกข้างหยิบถ้วยน้ำชาของหยางซูมี่ แล้วจงใจวางลงในถาดที่ฉีกงกงถือไว้อย่างแรง จนทำให้น้ำชาที่ร้อนนั้นกระเด็นไปโดนมือของฉีกงกง จนเผลอปล่อยถาดร่วงตกลงมา น้ำชาร้อนหกรดลวกขาฉีกงกงเซี่ยเหวินหรงเพียงปรายตามองฉีกงกงด้วยรอยยิ้ม บังอาจนักกล้ามาแตะต้องมี่มี่ของเขา“ลูกต้องขอประทานอภัยเสด็จแม่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ น้ำชาในถ้วยของหวางเฟยนั้นร้อนมาก ฉีกงกงคงชราเกินไปจนไม่ทันได้ตรวจดูให้ดีก่อน หวางเฟยของลูกมีความอดทนจึงไม่ทำให้น้ำชาร้อนพลาดไปหกใส่เสด็จแม่มิเช่นนั้นคงอาจจะทำให้ผิวของเสด็จแม่มีรอยแผลเป็นได้”เซี

    Last Updated : 2024-12-07
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 9 กลับบ้านเดิม

    บทที่ 9กลับบ้านเดิม สามวันหลังแต่งงาน หนึ่งวันก่อนออกเดินทางไปชายแดนเหนือเซี่ยเหวินหรงพาหยางซูมี่มาเยี่ยมบ้านเดิมหลังจากแต่งงานได้สามวัน ซึ่งเป็นธรรมเนียมของคู่บ่าวสาวที่เจ้าบ่าวต้องพาเจ้าสาวกลับมาเยี่ยมบ้านเดิม ทั้งสองเดินทางมาถึงจวนตระกูลหยางตั้งแต่ยามเฉิน ทุกคนในจวนตระกูลหยางต่างออกมารอต้อนรับชินอ๋องกับพระชายาหยางหมิงยืนอยู่ด้านหน้า ถัดมาเป็นหยางเฟยเทียน เสิ่นอี๋นั่ว หยางฟางหรง หยางเจียลี่ และบรรดาบ่าวรับใช้ทั้งหมด เมื่อทั้งสองลงมาจากรถม้า ทุกคนต่างยอบกายถวายความเคารพตามบรรดาศักดิ์ฐานะหยางซูมี่รีบเข้าไปประคองท่านพ่อและพี่ชายให้รีบลุกขึ้น นางไม่ชินกับการที่ทุกคนต้องมาถวายความเคารพเช่นนี้เลยแม้จะทำตามตำแหน่งฐานะพระชายาชินอ๋องก็ตาม“เชิญเสด็จเข้าไปด้านในดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”หยางหมิงเสนอให้ทั้งสองเข้าไปด้านในจะดีกว่า เพราะในเวลานี้ที่ด้านนอกจวนล้วนมีชาวบ้านที่มามุงดูกันหลายคนนัก เซี่ยเหวินหรงตรงเข้าไปจูงมือหยางซูมี่เดินเข้าไปในเรือนหลักคล้อยหลังทั้งสองคนเดินจากไป มีสายตาริษยาที่มองมาด้วยความร้อนรุ่ม ย

    Last Updated : 2024-12-07
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 10 ธิดาเทพลี่จิน

    บทที่ 10ธิดาเทพลี่จิน วันออกเดินทางของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬ แม่ทัพใหญ่ผู้นำทัพในครั้งนี้คือชินอ๋องเซี่ยเหวินหรง ฉายาอ๋องทมิฬ ตัวตนในเมืองหลวงของเขานั้นเปรียบดั่งคุณชายผู้สูงศักดิ์ แต่เมื่อเขาสวมเกราะสีดำเงาวาว ขี่อาชาโลหิตสีนิลนั้น รูปลักษณ์ช่างดูน่าเกรงขาม ประกอบกับหน้ากากสีดำปีกนกอินทรีสยายปีก ปิดเพียงครึ่งหน้าบนเผยให้เห็นปากหยักหนาที่ออกคำสั่งเคลื่อนทัพหยางซูมี่มองตามร่างสูงใหญ่ที่ค่อยๆ ห่างไกลไปจากสายตา นางนึกถึงร่างสูงเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน ที่เข้ามาออดอ้อนให้นางสวมชุดเกราะให้ ก่อนจะลาจากกัน ยังมารังแกกันอีก ริมฝีปากหยักหนาที่ฉกมาขโมยจูบหอมหวานจากนางราวกับจะกลืนกินดวงวิญญาณของนางให้ออกจากร่างไป รสสัมผัสจากคราแรกอ่อนโยนดั่งปีกผีเสื้อกลับร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเมื่อเห็นว่านางหายใจไม่ออก เขาถึงได้ผละออกมา แล้ววนกลับมาจูบอีกครั้งจนปากของนางบวมเจ่อ แดงก่ำไปหมดแล้ว ฮือออ ท่านอ๋องบ้า“พี่จะรีบไปรีบกลับ หลังจากเสร็จศึกนี้ พี่จะมารับรางวัลจากเจ้านะมี่มี่” เซี่ยเหวินหรงยิ้มกริ่ม ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ส่งมาให้หยางซูมี่ นางถึงกับวางหน

    Last Updated : 2024-12-07
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 11 โทสะของพระชายาชินอ๋อง

    บทที่ 11โทสะของพระชายาชินอ๋อง จวนชินอ๋อง พ่อบ้านหลินคือคนที่ท่านอ๋องไว้ใจให้มาดูแลจวนชินอ๋อง แม้จะอายุ 50 ปี แต่ยังดูคล่องแคล่ว แข็งแรง สมกับเป็นคนที่เซี่ยเหวินหรงไว้ใจ แต่วันนี้เขากลับอยากจะกัดลิ้นให้ตายไปเสีย ไม่รู้ว่าเหตุใดพระชายาถึงกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้ หากชินอ๋องทรงทราบ คงได้มีใครตายเป็นแน่หลังจากวันนั้นที่พระชายาไปเยี่ยมบ้านเดิม แล้วมีสาวใช้ลอบออกจากจวนไป ไป๋เยียนองครักษ์ ไป๋หู่ได้ลอบติดตามไปด้วย หลังจากนั้นจึงลอบสืบความจนทราบว่าพระชายาคือ หิมะสีชาด เจ้าของนามปากกาที่กำลังโด่งดังในเวลานี้ เพราะหิมะสีชาดได้แต่งนิยายประโลมโลกที่มีฉากร่วมรักเร่าร้อนดุเดือดเผ็ดมัน หนังสือที่ออกมาต่างมีราคาแพงถึงเล่มละ 10 เหรียญทองแม้แต่พระสนมในวังยังลอบให้คนออกมาซื้อ ตัวเขาที่เป็นพ่อบ้านยังแอบซื้อมาอ่านเลย ทั้งยังเคยวิจารณ์ว่าหิมะสีชาด ช่างเป็นบุรุษที่ยอดเยี่ยมนัก แต่งหนังสือออกมาได้สนุกและตื่นเต้นเร้าใจมาก ทั้งเนื้อเรื่องก็มีความหลากหลาย เขาไม่คิดเลยจริงๆ ว่าหิมะสีชาดจะคือพระชายาหยางซูมี่ หากชินอ๋องทรงทราบต้องกริ้วมากเป็นแน่ แล้วถ้าหากม

    Last Updated : 2024-12-07
  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 12 ชำระหนี้แค้น

    บทที่ 12ชำระหนี้แค้น จวนตระกูลเถา หลังจากลงจากรถม้า เถาซูเม่ยรีบตรงกลับไปที่เรือนนอนของนางทันที ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด สั่งให้สาวใช้ข้างกายออกไปเฝ้าหน้าห้อง ห้ามผู้ใดเข้ามารบกวนโดยเด็ดขาด เมื่อในห้องปลอดคนแล้วเถาซูเม่ยจึงบรรจงหยิบกล่องไม้ออกมาค่อยๆ เปิดออกดู ภายในกล่องไม้บรรจุกำไลหยกสีเขียวกระจ่างใส 1 วง เมื่อลองเพ่งพิศจะเห็นว่าด้านในของกำไลหยกมีอักษรแกะสลักไว้อ่านว่า ‘เฟยเทียน’ นอกจากจะมีกำไลหยกยังมีกระดาษแนบมาด้วยหนึ่งแผ่น เถาซูเม่ยคลี่กระดาษเปิดอ่านดู"เพียงแรกพบสบตา ใจของข้าก็สั่นไหว เสียงสกุณณาในพงไพร ไม่อาจเทียบเสียงหัวเราะของเจ้าเลยกำไลหยกวงนี้คือตัวแทนแห่งข้า"หยางเฟยเทียนเมื่ออ่านจบในใจของเถาซูเม่ยให้รู้สึกอุ่นวาบในอก ใจของนางก็เฝ้าเพ้อฝันถึงบุรุษผู้นี้มานานแล้ว ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งบุรุษที่นางหลงรักจะใจตรงกับนางเช่นกันเถาซูเม่ยนั้นได้เพียงแค่แอบมองคุณชายหยางเฟยเทียนเพียงไกลๆ ไม่เคยอาจหาญไปบอกความในใจให้เขารู้ มีเพียงเมื่อหนึ่งปีก่อนที่นางได้พบกับเขาที่เหลาอาหาร ระหว่างกำล

    Last Updated : 2024-12-08

Latest chapter

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   ตอนพิเศษ 4 (ตอนปลาย)

    ตอนพิเศษ 4 (ตอนปลาย) “คุณหนูกู่เกรงใจเกินไปแล้ว ในฐานะตัวแทนของฝ่าบาทพวกข้าต้องมาร่วมยินดีอยู่แล้ว”หยางซูมี่เดินเข้างานไปเลย ไม่ได้สนใจสตรีนางนี้มากนัก ทำเพียงเหมือนกับว่านางไม่คู่ควรที่จะให้พระชายาเช่นนางต้องมาเสวนาด้วย กู่เจียอีได้แต่ลอบกำมือแน่น คอยดูเถอะวันนี้ข้าจะเหยียบหน้าจมให้จมดิน และจะกลายมาเป็นพระชายาของชินอ๋องให้จงได้“เจ้าอยากเล่นกับนางหรือไม่” เซี่ยเหวินหรงหันมาเอ่ยถามภรรยาคนงาม“ให้บทเรียนกับนางเบาๆ ก็พอเจ้าค่ะ” หยางซูมี่หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่พระสวามีงานเลี้ยงในจวนเจ้าเมืองวันนี้ กลับพบว่าขณะที่ทั้งหมดกำลังสนุกสนานกันภายในงานเลี้ยงนั้น กลับพบว่าคุณหนูกู่เจียอีผลัดตกลงไปในสระน้ำ แต่โชคดีที่มีคุณชายท่านหนึ่งช่วยเอาไว้ได้ แต่เพราะตอนเปียกน้ำทำให้ทั้งสองได้แนบชิดกัน และด้วยอาภรณ์ของกู่เจียอีนั้นที่เป็นสีขาว ทำให้มองเห็นเรือนร่างของนาง จนมองเห็นไปถึงเอี๊ยมตัวใน และคุณชายผู้นี้ก็ได้แตะต้องนางไปแล้วแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ด้วยเหตุนี้ในหนึ่งเดือนต่อมาจึงได้เกิดงานมงคลขึ้นกู่เจียอีได้แต่งเข้าไปเป็นฮูหยินรอง เน

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   ตอนพิเศษ 4 (ตอนต้น)

    ตอนพิเศษ 4 (ตอนต้น) หลังจากงานแต่งผ่านไปได้หนึ่งเดือน คนในตระกูลหยางนำโดยท่านเสนาบดีหยางหมิงได้เดินทางกลับเมืองหลวง พวกเขานั้นได้จากเมืองหลวงมานานมากแล้ว สมควรต้องไปจัดการงานที่ค้างคาเอาไว้ แม้จะเสียดายที่หยางซูมี่กับเซี่ยเหวินหรงไม่ได้กลับไปด้วยก็ตาม“ท่านพ่อเดินทางกลับดีๆ นะเจ้าคะ อีก 3 เดือนลูกจะกลับเมืองหลวงพร้อมท่านอ๋องเจ้าค่ะ”“ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยมี่เอ๋อร์ ข้าน้อยขอฝากบุตรสาวด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ประโยคท้ายหยางหมิงหันไปเอ่ยกับเซี่ยเหวินหรง“ท่านพ่อตาอย่าได้เป็นห่วง มี่เอ๋อร์อยู่กับข้าย่อมต้องปลอดภัย”เซี่ยเหวินหรงให้คำมั่น ทั้งสองยืนส่งจนขบวนรถม้าเคลื่อนตัวห่างไปเรื่อยๆ“พี่ต้องกลับไปยังจวนเจ้าเมืองเพื่อพบหน้ากับเจ้าเมืองคนใหม่ เจ้าอยู่ที่นี่ดีๆ แล้วพี่จะรีบกลับมา” เซี่ยเหวินหรงลูบหัวหยางซูมี่ด้วยความเอ็นดู“เจ้าค่ะท่านพี่”หยางซูมี่พยักหน้ารับ แล้วเขย่งปลายเท้ายื่นหน้าไปจูบแก้มสาก จนใบหูของเขาขึ้นสีแดงก่ำ“รีบกลับมานะเจ้าคะ ข้าจะรออาบน้ำพร้อมกับท่านพี่”หยางซูมี่ขยิบตาใส่เซี่ยเหวินหรง

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   ตอนพิเศษ 3 (ตอนปลาย)

    ตอนพิเศษ 3 (ตอนปลาย) เซี่ยเหวินหรงเองก็รีบปลดอาภรณ์ของเขาออกเช่นกัน ร่างกายสูงใหญ่ไร้อาภรณ์ปกปิดกาย มองเห็นกล้ามหน้าท้องหนั่นแน่นที่เป็นลอนสวยอย่างคนที่ออกกำลังกาย ตรงกึ่งกลางเห็นแท่งหยกที่เริ่มจะขยายตัวอวดความศักดิ์ดาของตน หยางซูมี่ลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นแท่งหยกของเขาหยางซูมี่เนื้อตัวแดงก่ำด้วยความเขินอาย แม้จะเคยร่วมรักกับเขามาหลายครั้ง แต่นางกับเขาก็ห่างหายกันไป 2 ปีกว่า นางจึงรู้สึกประหม่ามากนัก แต่เพราะไม่อยากจะให้เขารู้ว่านางนั้นเขินอายมากเพียงใด จึงทำใจกล้าเงยหน้ามองร่างสูง ยกยิ้มอ่อนหวานแล้วเอื้อมมือไปปลดสายผูกเอี๊ยมออก ทำให้ปราการชิ้นสุดท้ายหลุดร่วงลงมา มองเห็นก้อนเต้าหู้อวบอิ่มสองก้อนและเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อเซี่ยเหวินหรงไม่อาจจะอดใจได้อีกต่อไป เขาช้อนร่างบางของหยางซูมี่อุ้มลงไปในถังอาบน้ำด้วยกัน เขานั่งพิงขอบอ่างให้หยางซูมี่นั่งบนตักแกร่ง มือข้างหนึ่งบีบสะโพกกลมกลึง อีกข้างก็ยื่นไปข้างหน้ากอบกุมก้อนเต้าหู้บีบคลึงอย่างอ่อนโยน นิ้วชี้เขี่ยเม็ดทับทิมสีชมพูจนตั้งช่อชูชันขึ้นมา“อ๊าาาา ท่านพี่”เซี่ยเหวินหรงจับร่างบางหั

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   ตอนพิเศษ 3 (ตอนต้น)

    ตอนพิเศษ 3 (ตอนต้น) ขบวนเจ้าบ่าวนำโดยชินอ๋องเซี่ยเหวินหรง พระองค์ขี่อาชาโลหิตสีขาวนำขบวนสินสอดมากกว่า 100 หีบ โดยมีทหารของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬคอยดูแล แม้ว่าหยางซูมี่จะเอ่ยว่าต้องการจัดงานแต่งงานแบบเรียบง่ายแต่เมื่อฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงทรงทราบก็รีบส่งม้าเร็วนำราชโองการสมรสพระราชทานมามอบให้ ทั้งยังระบุว่าชินอ๋องจะมีหยางซูมี่เป็นพระชายาแต่เพียงผู้เดียวจวบจนทั้งคู่สิ้นอายุขัยข่าวการแต่งงานครั้งที่สองของทั้งคู่แพร่สะพัดไปทั่วแคว้นเซี่ย บางคนต่างก็ยินดีที่ทั้งสองกลับมาใช้ชีวิตร่วมกัน แต่บางคนก็ค่อนขอดที่ทั้งสองเลิกรากันไปแล้วแต่ยังกลับมาแต่งงานกันอีกครั้ง ไม่ว่าผู้คนจะพูดกันอย่างไร แต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็หาได้สนใจไม่ เพราะทั้งคู่ได้ตกลงใจที่จะกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง คำพูดของผู้อื่นหาได้สลักสำคัญกับพวกเขาทั้งสองคนไม่เซี่ยเหวินหรงขี่ม้ามาหยุดที่หน้าประตูบ้านพักของหยางซูมี่ เมื่อเขาเดินเข้าไปยังห้องโถงหลักก็พบว่าหยางซูมี่นั้นยืนรอเขาอยู่ก่อนแล้ว วันนี้นางสวมชุดสีแดงมงคลปักลายหงส์สยายปีก และมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสวมทับเอาไว้ที่ศีรษะ ทำให้เขาไม่

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   ตอนพิเศษ 2

    ตอนพิเศษ 2 ริมชายหาดแห่งหมู่บ้านผิงอัน มีสตรีร่างบอบบาง กับบุรุษร่างสูงใหญ่นั่งอิงแอบกันอยู่ใต้ต้นมะพร้าว สายตาทั้งคู่ทอดมองออกไปยังน้ำทะเลใสสีเขียวมรกต หาดทรายสีขาวละเอียด ลมทะเลพัดมาเป็นระยะๆ คล้ายกับกำลังปลอบประโลมคนทั้งคู่ ทั้งสองปล่อยให้จิตใจได้ซึมซับกับธรรมชาติที่สวยงามนี้“เจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด” เซี่ยเหวินหรงหันมาเอ่ยถามในสิ่งที่เขาสงสัย“ข้ามาถึงเมื่อสามวันก่อนเจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมาทำให้ท่านแปลกใจเล่น” หยางซูมี่เอ่ยพลางหัวเราะ นัยน์ตาพราวระยับดั่งดวงดารา“รู้หรือไม่ว่าทำข้าเป็นห่วง ตอนที่ข้ารู้ว่าเจ้าหายตัวไป”เซี่ยเหวินหรงเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งรั้นอย่างมันเขี้ยว“ข้าเจ็บนะเหวินหรง”หยางซูมี่หันมาดุเขาอย่างไม่จริงจังนัก เซี่ยเหวินหรงเอื้อมมือไปกอบกุมที่มือขาวบางอย่างทะนุถนอม“ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าเร็วถึงเพียงนี้ ที่นี่มีเรื่องให้ข้าจัดการมากมายนัก ข้ายังคิดว่าอย่างเร็วก็คงอีกสักปีสองปีถึงจะกลับไปหาเจ้าที่เมืองหลวงได้”“ข้ารู้ว่าท่านทำงานหนักมากเพียงได ดูสิชินอ๋องผู้สง่างามกลายร่

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   ตอนพิเศษ 1

    ตอนพิเศษ 1 2 ปีต่อมาชายแดนใต้ของแคว้นเซี่ยที่ติดกับทะเล เมื่อ 2 ปีก่อนมีการค้าเกลือเถื่อนเกิดขึ้น เซี่ยเหวินหลินที่ได้ออกมาจัดการนั้น กลับจัดการแบบปล่อยผ่าน อนึ่งเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกับพ่อค้าที่ค้าเกลือเถื่อนแต่หลังจากที่ชินอ๋องเซี่ยเหวินหรงจัดการปราบปรามกบฏได้หมดสิ้น จึงได้ทูลขอฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงมาปราบปรามการค้าเกลือเถื่อน และมาจัดระบบการปกครองใหม่ของชายแดนใต้ ซึ่งฮ่องเต้ก็ได้ออกพระราชโองการมอบอำนาจทุกอย่างให้ชินอ๋องเป็นผู้จัดการทั้งหมดตลอดเวลากว่าสองปีที่ผ่านมานี้เซี่ยเหวินหรงออกรบไปปราบปรามโจรสลัดทั้งในน่านน้ำ และบนเรือ โจรสลัดนั้นชอบขึ้นมาดักปล้นฆ่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่ง แต่หลังจากที่ชินอ๋องมาโจรสลัดก็หนีหายไปหมดด้วยหวาดเกรงชินอ๋องนอกจากจะปราบโจรสลัดแล้ว เซี่ยเหวินหรงยังต้องเข้ามาปราบปรามพ่อค้าเกลือเถื่อน และยังต้องมาจัดระเบียบเมืองหนานผิงใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเจ้าเมืองหนานผิงปกครองเมืองชายแดนใต้อย่างไร้ความยุติธรรม กดขี่ข่มเหงชาวเมืองหนานผิง ทหารประจำเมืองก็ชอบรีดไถจากชาวบ้าน เรียกร้องค่าคุ้มครอง หากครอบค

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 67  จุดจบ (ตอนปลาย)

    บทที่ 67 จุดจบ (ตอนปลาย) “ถ้าเช่นนั้น ท่านก็คงเป็นผู้ที่นำแท่งเหล็กรูปพระอาทิตย์ที่เป็นเครื่องหมายประจำเผ่าหูเจี๋ยน่ามอบให้ไทเฮาเช่นนั้นสินะ”“ใช่แล้ว เป็นข้าเอง นางอยากจะทำให้ร่างกายของเจ้ามีมลทิน ข้าเลยเสนอวิธีนี้และมอบแท่งเหล็กร้อนนั้นให้กับนางเอง ฮ่าฮ่าฮ่า”เซี่ยเฟยหงหัวเราะออกมาด้วยความสาสมใจ ชินอ๋องที่แกร่งกล้ากลับมีตราประทับอยู่บนร่างกาย ช่างน่าอดสู่ยิ่งนัก“ส่วนท่านก็เป็นคนคอยชื่นชมข้า เพื่อหวังให้ไทเฮาหวาดระแวงข้าใช่หรือไม่” เซี่ยเหวินหรงหันไปถามไป๋วั่งซู“ทุกแผนการต้องมีผู้เสียสละเสมอพ่ะย่ะค่ะ”ไป๋วั่งซูเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะอีกไม่นานศีรษะของเขาก็จะไม่อยู่บนบ่าแล้ว“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้หมดความสงสัยเสียที ทหาร! นำเข้ามา”เซี่ยเหวินหรงเอ่ยสั่งเสียงเหี้ยม ไม่นานก็มีทหารกว่า 10 นายเดินเข้ามา มีหนึ่งนายถือกระถางไฟ และอีกหนึ่งนายถือแท่งเหล็กที่ตรงปลายหล่อหลอมเป็นรูปพระอาทิตย์เฉกเช่นดั่งรอยแผลเป็นของเซี่ยเหวินหรง“จัดการซะ” เซี่ยเหวินหรงเอ่ยเสียงเหี้ยม“พ่ะย่ะค่ะ

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 66 จุดจบ (ตอนต้น)

    บทที่ 66จุดจบ (ตอนต้น) เหตุการณ์ในท้องพระโรงในวันนี้ ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างในหมู่ครอบครัวของขุนนาง เรื่องราวในครั้งนี้หนักหนายิ่งนัก นอกจากจะเป็นเรื่องของกบฏ ยังมีเรื่องการปรากฏตัวของเซี่ยเฟยหงและไป๋วั่งซู เรื่องของไทเฮาสตรีที่ได้ขึ้นชื่อว่าเคยเป็นโฉมงามอันดับหนึ่ง และยังเคยเป็นมารดาของแผ่นดิน ซึ่งตอนนี้ก็เป็นถึงไทเฮาพระมารดาของฮ่องเต้ แต่กลับทำตัวเฉกเช่นหญิงแพศยา สวมหมวกเขียวให้พระสวามี จนถึงขนาดวางยาฆ่าพระสวามีของตนเองผู้เป็นถึงฮ่องเต้เรื่องราวครั้งนี้สะเทือนฟ้าสะเทือนดินเป็นอย่างมาก ลุกลามใหญ่โตจนกระทั่งล่วงรู้ไปถึงราษฎรแห่งแคว้นเซี่ย มีบัณฑิตร่วมออกมาประท้วงเขียนฎีกาเพื่อขอให้ฮ่องเต้ลงโทษไทเฮา จวนตระกูลมู่ตอนนี้ถูกปิดตายไปแล้ว แต่กลับถูกเหล่าชาวบ้านพากันมาโยนก้อนหินและเศษผักเน่าเข้ามาในจวน จนส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วเช่นเดียวกับที่ชายแดนที่คนของตระกูลมู่เองก็ถูกเหล่าทหารและผู้คุมคอยกลั่นแกล้ง ด้วยรังเกียจคนตระกูลมู่ จนกระทั่งมีอดีตเจ้านายหลายคนทนความอัปยศไม่ไหว ตัดสินใจผูกคอฆ่าตัวตายไป รวมถึงมู่เจ๋อจ้านและเจียงเจี๋ยอีมู

  • สามี ท่านหย่ากับข้าเถอะ   บทที่ 65 อดีตขององค์ชายผู้สาบสูญ (ตอนปลาย)

    บทที่ 65 อดีตขององค์ชายผู้สาบสูญ (ตอนปลาย) แต่หลังจากนั้นเพียงหนึ่งปีก็มีข่าวออกมาว่าลี่เหมยผูกคอตายที่ตำหนักเย็น เขาเสียใจเป็นอย่างมากด้วยความมึนเมาในฤทธิ์สุราจึงลอบเข้ามาหามู่อิงฮวา เขาเข้ามาตัดพ้อต่อว่ามู่อิงฮวา แต่เพราะความเมาจึงทำให้เขาได้มีความสัมพันธ์กับมู่อิงฮวา นับจากนั้นเป็นต้นมาเขาจึงได้ลอบเสพสังวาสกับมู่อิงฮวาเรื่อยมา ส่วนหนึ่งก็เพื่อแก้แค้นเสด็จพี่ของเขา ลอบสวมหมวกเขียวให้พี่ชายของตนเองหลังจากที่ลี่เหมยตายไป จึงได้กลับไปหานายท่านตระกูลกู้ บอกเพียงว่าตระกูลของเขาได้ตายกันไปหมดแล้ว จึงกลับมาขอนายท่านกู้ทำงาน นายท่านกู้นั้นเห็นว่าเขาฉายแววฉลาดเฉลียวจึงสอนงานทุกอย่างให้แก่เขา เพียงไม่นานก็ได้ขึ้นมาเป็นมือขวาของนายท่านกู้ด้วยรูปโฉมหล่อเหลา และความสุภาพของเขานั้น จึงสามารถทำให้บุตรสาวของนายท่านกู้ ผู้มีนามว่าเฉินเย่วเล่อหลงรักได้ เหตุที่เฉินเย่วเล่อไม่ได้ใช้แซ่กู้เพราะว่ามารดาของนางได้ขอไว้ ด้วยความรักที่นายท่านกู้มีต่อภรรยา เขาจึงได้ยินยอมให้บุตรสาวใช้แซ่ 'เฉิน' ในที่สุดเขาจึงได้แต่งงานกับเฉินเย่วเล่อ มีบุตรสาวด้วยกันหนึ่งคนนามว่า กู

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status