ปลายสายรับสาย น้ำเสียงของฟู่ชิงเยว่สงบลงแล้ว เธอถามขึ้นว่า “ฝานฝานหลับไปแล้วเหรอ?”“ครับ”ฟู่ชิงเยว่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ในน้ำเสียงเผยความจนใจออกมา “อาเจิง ที่อาทำก็เพื่อเธอทั้งนั้น ทำไมเธอถึงเอาแต่ดื้อรั้นล่ะ?”“นอกจากเวินเหลียงแล้ว ผมก็ไม่อยากแต่งงานกับใครอีก คุณอาไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความหรอกครับ ที่ผมโทรกลับหาคุณอา ก็เพราะอยากหารือเรื่องฝานฝาน”ในน้ำเสียงของฟู่ชิงเยว่แฝงไปด้วยความกังวล “ฉันว่าเธอถูกเวินเหลียงล่อให้หลงใหลเข้าจริง ๆ แล้ว! เธออย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ เวินเหลียงมีลูกไม่ได้ เธอก็เลยอยากรั้งฝานฝานให้อยู่ในประเทศ ให้ฝานฝานไปเป็นลูกสาวของเวินเหลียง?! ฉันจะบอกเธอให้นะ เรื่องนี้ฉันไม่ยอมหรอก!!”นัยน์ตาของฟู่เจิงประกายความเย็นชา บนใบหน้าปกคลุมไปด้วยความเย็นยะเยือกชั้นหนึ่ง “คุณอารู้ได้ยังไงครับ?”“ก็เวินเหลียง...” ฟู่ชิงเยว่หลุดปากโพล่งออกมา อยากพูดอะไรต่อทว่าก็กลั้นเอาไว้ “วันนั้นหลังจากที่เธอบอกว่าเวินเหลียงแท้ง ฉันก็ให้คนไปสืบดูที่โรงพยาบาล เป็นเพราะเธอมีลูกอีกไม่ได้ ฉันถึงยืนกรานต่อต้านไม่ให้เธอกับเวินเหลียงกลับมาแต่งงานกันใหม่ ตัวเธอเองก็คิดพิจารณาให้มันดี ๆ หรือว่าเธอ
เช้าวันเสาร์เก้าโมงครึ่ง เวินเหลียงมารับฟู่ซือฝานที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวาน พาเธอไปช็อปปิงที่ห้างเมื่อเห็นว่าใกล้ได้เวลาแล้ว ทั้งสองคนจึงกำลังจะเดินทางไปยังร้านอาหาร ทันใดนั้นเวินเหลียงก็ได้รับข้อความจากเมิ่งเซ่อ “พี่ครับ เจอร้านกาแฟร้านหนึ่งระหว่างทาง พี่อยากดื่มอะไรไหม?”ต่อจากนั้นเขาก็ถ่ายเมนูส่งมาเวินเหลียงกดดูเมนู แล้วเธอก็โน้มตัวลง “ฝานฝาน เธออยากดื่มอะไร?”ฟู่ซือฝานมองทีหนึ่ง นัยน์ตาดำขลับกลอกไปมาทีหนึ่ง สั่งของที่แพงที่สุด จากนั้นเธอก็กัดนิ้วพลางพูดขึ้นว่า “ป้าสะใภ้คะ หนูอยากได้สามแก้ว แก้วหนึ่งของหนู แก้วหนึ่งให้คุณลุง อีกแก้วหนึ่งให้คุณย่าหวังค่ะ”เวินเหลียง “...”เจ้าตัวน้อยคนนี้ เปลี่ยนวิธีมาขูดรีดเงินของเมิ่งเซ่อแทน“ได้ สามแก้วก็สามแก้ว” เวินเหลียงบอกชื่อเมนูกับเมิ่งเซ่อ พร้อมโอนเงินไปให้เขาเมิ่งเซ่อ “พี่ครับ ทำไมพี่ถึงโอนเงินมาให้ผมอีกแล้ว บอกแล้วไงว่าวันนี้ผมจะเลี้ยง!”คืนนั้นพอกลับไปถึงบ้าน เวินเหลียงก็โอนเงินค่าอาหารเที่ยงให้เมิ่งเซ่อทันที สุดท้ายเธอก็กินกับฟู่ซือฝานแค่สองคน จะให้เมิ่งเซ่อเป็นคนออกเงินได้ยังไงครั้งนั้นทีแรกเมิ่งเซ่อจะไม่ยอมรับเงินไป แต่เวิ
“พี่ครับ ฝานฝาน กินเลย ไม่ต้องเกรงใจ”ฟู่ซือฝานไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่นิดเดียว เธอหยิบตะเกียบขึ้นมาได้ก็เริ่มคีบหลังจากนั้นจานที่สาม จานที่สี่ จานที่ห้า จานที่หกก็มาเสิร์ฟ...หลังเสิร์ฟจานที่หกมา เวินเหลียงเห็นอาหารเต็มโต๊ะไปหมด เธอจึงพลั้งพูดขึ้นว่า “คงหมดแล้วใช่ไหม? ทำไมสั่งเยอะขนาดนี้ล่ะ พวกเรากินกันไม่หมดแน่?”เมิ่งเซ่อเงยหน้ามองเวินเหลียงทีหนึ่ง พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ “ยังเหลืออีกสองสามอย่างครับ เป็นเมนูที่พี่ส่งมาให้ผมไม่ใช่เหรอครับ?”“หา?” เวินเหลียงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ หลังเปิดอ่านข้อความในห้องแชตของเมิ่งเซ่อ เธอเกือบจะโยนฟู่ซือฝานออกไปนอกร้านแล้ว!เธอปิดหน้าจอโทรศัพท์ แล้วมองไปที่ฟู่ซือฝานอย่างเย็นชาฟู่ซือฝานก้มหน้าลงเงียบ ๆ พลางเกี่ยวนิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจเวินเหลียงหันไปยิ้มแสดงความขอโทษกับเมิ่งเซ่อทีหนึ่ง “ขอโทษนะ”“พี่พูดขอโทษอะไรกันครับ เดิมทีผมก็บอกว่าจะเป็นคนเลี้ยง พวกพี่อยากกินอะไรก็ได้ทั้งนั้น” เมิ่งเซ่อรีบพูดขึ้น ทว่าก็เดาต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวได้ที่แท้ก็เป็นอาหารที่ฟู่ซือฝานสั่งนี่เองมิน่าล่ะ!เขาร
ในจังหวะนี้เอง เวินเหลียงก็รีบชักมือออกแล้วยกมือขึ้นก่อนจะพูดว่า “กระหายจัง ช่วยหยิบกาแฟมาให้ฉันแก้วหนึ่งสิ คาปูชิโน่แก้วนั้นน่ะ”เธอคิดในใจถ้ามือเธอข้างหนึ่งจูงฟู่ซือฝาน ส่วนมืออีกข้างถือกาแฟ แบบนี้ก็จะไม่ไปแตะโดนแล้วใช่ไหม?มือของเมิ่งเซ่อแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง เขาชักกลับมาเงียบ ๆ ก่อนจะล้วงคาปูชิโน่แก้วหนึ่งออกมาจากในถุงพร้อมหลอดส่งให้เวินเหลียง “นี่ครับ”“ขอบคุณนะ”“ไม่เป็นไรครับ”เมื่อมาถึงโรงหนัง เวินเหลียงก็หาการ์ตูนและรอบฉายของวันนี้บนหน้าจอขนาดใหญ่ พร้อมทั้งหาการแนะนำในอินเทอร์เน็ต แล้วให้ฟู่ซือฝานเป็นคนเลือกเวลาเริ่มฉายคือบ่ายสอง ยังมีเวลาอีกประมาณยี่สิบนาทีเวินเหลียงมองซ้ายมองขวา ด้านข้างขวาของโถงมีเก้าอี้แถวหนึ่ง เธอจูงมือฟู่ซือฝานไปนั่งผ่านไปยี่สิบนาทีขณะเข้าไปในโรง เวินเหลียงพบว่าคนด้านในส่วนมากล้วนพาลูกมาดูกันทั้งนั้นบนหน้าจอขนาดใหญ่กำลังเริ่มฉายแล้วทั้งสามคนนั่งลงบนที่นั่ง เวินเหลียงนั่งตรงกลาง ฝั่งซ้ายและฝั่งขวาเป็นฟู่ซือฝานและเมิ่งเซ่อแม้จะเป็นการ์ตูน ทว่าพล็อตเรื่องกลับไม่ไก่กาไร้เดียงสาเลยสักนิด เวินเหลียงค่อย ๆ จมดิ่งลงไปอยู่ในพล็อตเรื่องทว่าเมิ่งเซ
เวินเหลียงยิ้มอย่างจนใจ เข้าใจในทันทีว่าเมื่อกี้เธอแสร้งทำ “งั้นตอนนี้เราจะไปเที่ยวเล่นที่ไหนกันดี? หรือว่ากลับบ้านเลย?”“หนูอยากไปดูแมวค่ะ”“โอเค เดี๋ยวอาจะพาหนูกลับบ้านอานะ”กลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์ พอฟู่ซือฝานเข้ามาก็ไปหาปุ๊กลุกเลยเวินเหลียงล้างผลไม้ หยิบของว่างมา แล้ววางทุกอย่างไว้บนโต๊ะเมื่อเห็นเครื่องดื่มกาแฟสองแก้วที่ยังไม่ละลายที่วางอยู่บนโต๊ะ เวินเหลียงก็นึกถึงเรื่องดี ๆ ที่ฟู่ซือฝานทำ น้ำเสียงของเธอพลันเคร่งขรึมลง “ฟู่ซือฝาน มานี่หน่อย”ฝานฝานกำลังหยอกกับแมวอยู่ เมื่อได้ยินดังนั้นก็หันหน้ามามองเวินเหลียงทีหนึ่ง เห็นสีหน้าเวินเหลียงคล้ำดำหมองขึ้น ก็รู้ในทันทีว่าตัวเองกำลังจะถูกคิดบัญชีแล้วเธอกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก ทว่าก็ยังทำหน้าไร้เดียงสา นัยน์ตาทั้งสองเปล่งประกาย “ป้าสะใภ้คะ มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”“เธอมานี่สิ”“หนู...หนูกำลังเล่นกับปุ๊กลุกอยู่นะคะ”“มานี่ก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยเล่นกับปุ๊กลุก”ฟู่ซือฝานเก็บสีหน้าบนหน้าตัวเองไม่มิดอยู่นิดหน่อย เธอก้มหน้าอย่างกระวนกระวายใจ พร้อมเดินเข้าไปหาเวินเหลียง “ป้าสะใภ้คะ เรื่องอะไรเหรอคะ?”เวินเหลียงเปิดหน้าประวัติการสนทนากับเมิ
เมื่อฟู่ซือฝานเห็นบทสนทนาของทั้งสองคน เธอก็แค่นเสียงฮึเบา ๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นไปห้องน้ำเธอแอบต่อสายโทรออกหาฟู่เจิงเงียบ ๆ พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “คุณลุงคะ ตอนนี้หนูอยู่บ้านป้าสะใภ้ค่ะ”“ให้ลุงไปรับเธอตอนนี้?” มีเสียงของฟู่เจิงแว่วดังขึ้นมาจากปลายสาย“อืม คุณลุงคะ หนู...หนูคิดว่า...”“เธอคิดว่าอะไร?”“หนูคิดว่าคุณลุงคงไม่มีโอกาสแล้วละค่ะ”ฟู่เจิง “...”“เกิดเรื่องอะไรขึ้นตอนพวกเธอกินข้าวเที่ยงกันวันนี้เหรอ?”“ป้าสะใภ้สนใจแต่อยากพูดคุยกับเขา ถึงขั้นไม่สนใจหนูเลย กินข้าวเสร็จเขาก็ชวนป้าสะใภ้ไปดูหนังด้วยกัน ป้าสะใภ้ก็ไม่ปฏิเสธเลย”ขณะที่พูดประโยคนี้ออกมา ฟู่ซือฝานหน้าไม่แดงใจไม่เต้นเลยฟู่เจิงเงียบไปอยู่สองสามวินาที “ยังมีอะไรอีก?”หรือว่าเวินเหลียงจะชอบเมิ่งเซ่อจริง ๆ?เขามักรู้สึกว่ามีตรงไหนมันดูไม่ชอบมาพากลอยู่นิดหน่อย“แล้วก็ หนูอยากขูดรีดเงินของเขานิดหน่อย ก็เลยสั่งอาหารมาเพิ่มอีกสองสามอย่าง ป้าสะใภ้บอกไม่ให้หนูไปพุ่งเป้ารังแกเขา บอกว่า...บอกว่าต่อไปเขาอาจมาเป็นอาเขยของหนู ถ้าหนูยังทำแบบนี้อีก เธอจะตีตัวออกห่างจากหนู แล้วก็ พวกเขาเพิ่งนัดไปกินข้าวด้วยกันครั้งต่อ
“ขอบคุณ” ฟู่เจิงยกน้ำร้อนขึ้นมา พลางแหงนหน้ามองเธอด้วยแววตาเปล่งประกายเวินเหลียงทำราวกับมองไม่เห็น เธอหมุนตัวไปนั่งลงอีกด้าน แล้วหยิบกล้องขึ้นมาตรวจดูรูปภาพที่ถ่ายไปวันนี้พูดตามตรง เธอยังคิดไม่ตกเรื่องธีมซีรีส์ของการแข่งขันถ่ายภาพ ตอนนี้เพียงแค่กำลังหาอารมณ์ความรู้สึกเธอตั้งใจดูเป็นอย่างมาก ชนิดว่าใจจดใจจ่อทันใดนั้นก็รู้สึกจั๊กจี้ที่หูข้างซ้ายเวินเหลียงยื่นมือไปบีบทีหนึ่ง ก่อนจะดูภาพต่อหูข้างขวาก็จั๊กจี้ขึ้นมาอีกเธอยกมือไปบีบ ๆหูข้างซ้ายก็ยังรู้สึกจั๊กจี้ปนร้อนผ่าว ติ่งหูอดไม่ได้ที่จะแดงระเรื่อขึ้นมา แปลก ๆเธอเด้งนั่งตัวตรง เมื่อหันหน้าไปก็พบว่า ไม่รู้ฟู่เจิงมาอยู่ด้านหลังเธอตั้งแต่เมื่อไร สองมือของเขาพาดอยู่บนพนักพิงโซฟา กำลังโน้มตัวลงมาเป่าลมข้างหูเธอติ่งหูของเวินเหลียงแดงจนเลือดจะหยดออกมาอยู่แล้ว จากนั้นก็ค่อย ๆ ลามไปที่ใบหู เธอเดือดดาลจนกระหืดกระหอบ “ฟู่เจิง นี่คุณบ้าไปหรือเปล่าเนี่ย!”เธอด่าใครไม่ค่อยเป็น เลยมักจะพูดได้แค่ประโยคนี้ออกมานัยน์ตาของฟู่เจิงแฝงรอยยิ้มที่ดูเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มเอาไว้ สีหน้าเต็มไปด้วยการหยอกล้อ “ใช่ ฉันบ้า พอไม่เห็นเธอก็เป็นไข้ใ
ฟู่เจิงส่ายหน้า “ถ้าคุณอาสนใจเธอจริง ๆ คงไม่บังคับให้ฝานฝานอยู่ห่างจากเธอ เพราะความชอบและความเกลียดชังของตัวเองหรอก”หนึ่งเวินเหลียงจะไม่มีทางทำร้ายฝานฝาน สองจะไม่มีวันพาฝานฝานเสียคน และฝานฝานก็ชอบเธอ ทำไมถึงให้เธอเลี้ยงไม่ได้ล่ะ?เวินเหลียงหัวเราะขึ้นมาทีหนึ่ง “ตามหลักธรรมชาติที่มนุษย์ต้องเจอ ถ้าเป็นลูกฉัน ฉันก็จะไม่ให้คนที่ฉันเกลียดมาสุงสิงด้วย แต่ไม่จำเป็นต้องดุด่าอย่างรุนแรง”เมื่อได้ยินที่เวินเหลียงพูด แล้วนึกถึงคำสบประมาทที่ฟู่ชิงเยว่พูดว่าเวินเหลียง ฟู่เจิงก็ขมวดคิ้ว เขามองไปที่เวินเหลียง “ถ้าฝานฝานยอมอยู่ต่อ ฉันจะให้เธอทำสำมะโนครัวในฐานะลูกสาวของฉัน เพื่อให้เธอได้เติบโตไปอย่างแข็งแรง ถึงเวลานั้นจะเขียนชื่อของเธอลงไปในช่องแม่ผู้ให้กำเนิด”เวินเหลียงตกตะลึงไปเลย พลางมองฟู่เจิงอย่างอึ้งทึ่งสีหน้าของฟู่เจิงคงเดิม “นี่เป็นผลลัพธ์ที่ฉันคิดมาอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว เธอคิดว่าไง?”คนนอกไม่ค่อยรู้เรื่องการแต่งงานของพวกเขา หากป่าวประกาศต่อภายนอกว่าฟู่ซือฝานเป็นลูกสาวของพวกเขา คิดว่าคงไม่มีคนสงสัยอะไรเพื่อไม่ให้คนนอกไปวิพากษ์วิจารณ์ บางทีแบบนี้อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเวินเหลียง
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง