จากคนไม่ชอบขี้หน้ากัน ด่ากันหน้าคณะจนอับอาย แต่จู่ๆเขาก็พบกับความลับของเธอทำให้อยากแก้แค้น แต่กลับพาตัวเองไปวนอยู่รอบเธอจนกลายเป็นตกหลุมรักเธอโดยไม่รู้ตัวจนสุดท้าย.... "มาเป็นเด็กเลี้ยงของพี่เถอะมิว" “ผ่านมาสามปีก็ไม่มีพัฒนาการขึ้นเลยสักนิด” “แล้วมันหนักส่วนไหนของพี่ล่ะคะ” “ไม่หนักหรอกก็แค่อยากรู้เท่านั้นว่าวัน ๆ นอกจากท่องหนังสือสอบหอบตำราแล้วทำอะไรเป็นอีกบ้าง” “ก็ดีกว่าพวกที่ดีแต่พกปากมามากกว่าสมอง แล้วมานั่งเห่าหอนไปวัน ๆ เหมือนพวกหมาหมู่แถวนี้ก็แล้วกัน” “เธอว่าใครเป็นหมา” “ถ้าไม่อยากรับก็อย่าเดือดร้อนสิ” “แล้วเมื่อกี้ว่าให้ใคร เธอเป็นรุ่นน้องนะ” “สันดานต่ำ” “อะไรนะ!” ทั้งสองเหมือนจะไม่มีทางที่จะมาคุยกันดี ๆ ได้เลย ยิ่งเพื่อน ๆ ในกลุ่มของเขาแล้วยิ่งเกลียดเธอเข้าไส้ แต่โอกาสแก้แค้นของภาวินทร์ก็มาถึงเร็วกว่าที่คิด เมื่อเขาได้รับรู้ความลับบางอย่างของเธอ "ได้เวลาแก้แค้นแล้ว ยัยลูกแกะน้อย"
view moreคอนโด
“หยุด…พอก่อน อ๊ะ…อ๊าา”
เสียงขอร้องในค่ำคืนเร่าร้อนไม่มีผล บั้นท้ายงอนงามถูกหนุ่มกำยำดีกรีเดือนคณะวิศวะปีที่สี่ยังคงถูกกระแทกไม่หยุดเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่มุดหน้ากับหมอนเพื่อกั้นเสียงร้อง
“อื้อ… พี่วินทร์…ฮึก!!”
จังหวะสุดท้ายที่เข้าสอดลึกและแช่เอาไว้ “ลักษิกา” จึงรู้ว่าทุกอย่างจบลงแล้ว …แต่เธอเข้าใจผิดว่าเขาจะหยุดเพราะตอนนี้ “ภาวินทร์” กำลังถอดเครื่องป้องกันและจัดการตัวเอง ไม่ทันที่เธอจะได้ขยับดึงผ้าห่มก็ได้ยินเสียงฉีกซองป้องกันถุงใหม่อีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อนค่ะ พรุ่งนี้มิวมีสอบย่อย คืนนี้คง…”
“นอนลงไปดี ๆ เถอะมิวอย่าให้พี่โมโห พี่เคยบอกแล้วว่าอย่ากลับไปทำงานแบบนั้นอีกไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่นะคะพี่วินทร์เข้าใจผิด มิวแค่ อ๊าา!!”
เขากดศีรษะเธอลงและเริ่มสอดใส่เข้าไปด้านหลังอีกครั้ง แม้ว่ามิวจะไม่ต่อต้านแต่คืนนี้เขาทำแบบนี้มาเกินสองรอบแล้วซึ่งเธอเริ่มจะหมดแรงจนพูดไม่ออกแล้ว
“ฮึก!! เสียวฉิบหาย อาา… มิว”
“อื้อ….”
“มานี่ มาขึ้นให้หน่อย”
“ไม่เอานะพี่วินทร์ อย่าทำแบบนี้ อ๊าา”
เขาดึงตัวเธอมานั่งคร่อมตักและค่อย ๆ สอดอาวุธประจำตัวเข้าไป มิวที่ทั้งจุกและเสียวร้องครางกระเส่าเมื่อเขาสั่งให้เธอขยับเอวขึ้นอีก
“เร็วอีก!! อย่าดื้อสิมิว ไม่งั้นไม่จบแค่รอบนี้แน่ มิวก็รู้ว่าพี่กำลังโกรธหรือจะให้ทำทั้งคืน”
“อื้อ…อ๊าา อย่าจับเอว อย่า!! อ๊าาา กรี๊ด!!!”
เธอเสร็จไปอีกครั้งเมื่อเขาตกลงที่จะจัดการที่เหลือเองเพราะหากรอเธอทำเขาคงอารมณ์ค้างอยู่แบบนี้อีกนาน หน้าอกที่เคยขาวเนียนตอนนี้เต็มไปด้วยรอย แม้ว่าเธอจะขอร้องเขาไม่ให้ทำแต่สุดท้ายทุกครั้งเธอก็ไม่เคยได้กลับไปแบบไร้ริ้วรอยเลยสักครั้ง
“ให้รู้เสียบ้างว่าอย่าลองดีกับภูวินทร์ พี่เตือนเธอแล้วนะ”
ร่างบางถูกวางเบา ๆ ลงที่เตียงหลังจากกิจครั้งสุดท้ายจบลง ภูวินทร์เดินไปเทน้ำมาจิบก่อนจะหันมาถามคนที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียงในคอนโดหรูของเขา
“ดื่มน้ำหน่อยไหม”
เธอส่ายหัวเป็นคำตอบ เขารู้ว่าเธอคงโกรธไม่น้อยที่เขาทำแบบนี้แต่ระหว่างเขากับเธอ ไม่ใช่คู่รัก ไม่ใช่แฟน ไม่ได้คบกัน ทั้งสองคนเพียงแค่มีข้อตกลงกันอย่างลับ ๆ เท่านั้นเอง เมื่อภูวินทร์เดินไปอาบน้ำ ลักษิกาก็รีบจัดการตัวเองทันที
เธอค่อย ๆ ลุกจากเตียงและคว้าเสื้อผ้าที่กระจายอยู่รอบ ๆ ห้องมาใส่ทีละชิ้นและรีบออกจากคอนโดของเขาทันทีโดยไม่ลาเขา ส่วนคนที่อาบน้ำอยู่เมื่อออกมาไม่พบเธอก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่ตอนนี้ยังไม่ดึกมากเขาจึงไม่คิดจะไปตามเธอกลับมา
“ยังมีแรงเดินกลับได้อีกเหรอ ฮึ ดูเหมือนว่าฉันจะใจดีเกินไปสินะยัยลูกแกะน้อย”
หอพัก DC
“ลักษิกา” หอบร่างที่ขาสั่นและแทบหมดแรงเรียกรถให้พาเธอกลับมาถึงหอพักที่หน้ามหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่ มิวเป็นนักศึกษาคณะพยาบาลปีสาม ซึ่งปีนี้มีเรียนหนักขึ้นอีกอย่างนักศึกษาก็ต้องเวียนไปฝึกงานที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยเพื่อเก็บคะแนนก่อนจบ เมื่อเธอเปิดประตูเข้าห้องพักไปได้ก็พบกับ “แยม” เพื่อนสนิทคนเดียวที่รออยู่ที่ห้อง
“มิว! เชี่ย… นี่พี่วินทร์ทำแกถึงขนาดนี้เลยเหรอ”
“แยม... เราเหนื่อย หิวน้ำ หมดแรง”
“รอเดี๋ยวก่อนอยู่นิ่ง ๆ นะ”
“ธนัญญา” หรือแยมรีบวิ่งไปเปิดตู้เย็นและเทน้ำมาให้เพื่อนสนิทค่อย ๆ จิบก่อนที่มิวจะนั่งสงบอารมณ์ได้แยมก็หันมาโมโหและด่ากราดขึ้นทันที
“อีพี่วินทร์นี่ยังไงนะ ทำไมแม่งกินโหดขนาดนี้ ถ้าไม่ติดว่ามันมีความลับของแกอยู่ ฉันจะแฉให้ทั้งมหาลัยรู้เลยว่ามันชั่วขนาดไหน ไหวไหมมิว”
“ไม่มีประโยชน์หรอก มีใครไม่รู้บ้างว่าเขาเป็นคนยังไง”
“เฮ้อ ก็นั่นสินะ เสือผู้หญิง เพลย์บอยพวกเจ้าชู้ ใครจะไม่รู้ล่ะว่าแก๊งมันแต่ละคนสันดานเป็นยังไง เฮ้อ แกไหวแน่นะมิว”
“อืม ฉันไม่เป็นไร ฉันพลาดเองนี่ที่ทำให้เขาจับได้จนต้องเป็นแบบนี้”
“ไอ้ทุนเนี่ยฉันว่าถ้ามันยากนักแกก็ไม่ต้องเอาหรอก เอาแบบนี้ฉันบอกคุณพ่อให้ออกเงินกู้ให้แกเรียนต่อ เรียนจบแล้วค่อยทยอยใช้ไม่ดีกว่าเหรอ”
“ไม่ได้หรอก แกก็พูดเรื่องนี้มาหลายรอบแล้วนะแยมแต่ฉันไม่อยากเป็นหนี้ใคร ถ้าฉันตายหรือเป็นอะไรขึ้นมาละ หนี้ไม่สูญเปล่าเหรอ ไม่เอาหรอกฉันไม่อยากให้แกเสียชื่อเพราะฉัน”
“แต่ว่าแกจะไปทำงานแบบนี้มันก็อันตรายจริง ๆ นั่นแหละ อีกอย่างการที่แกรับปากไอ้พี่วินทร์นั่นมันก็…”
“ฉันอยากอาบน้ำสักหน่อย แกนอนก่อนได้เลยนะ”
“แกเดินไหวแน่นะ”
“ไหวสิแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวกินยาแล้วก็จะนอนแล้วพรุ่งนี้มีสอบแต่เช้า”
“อืม ค่อย ๆ เดินล่ะ”
มิวค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อเธอถอดชุดออกก็เห็นหน้าตัวเองในกระจก ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยเครื่องสำอางที่ล้างออกไม่หมดและรอยจ้ำแดงที่หน้าอกนับสิบ แม้ว่าภาวินทร์จะใจดีไม่ทำที่คอก็ตาม
“ความสัมพันธ์แบบนี้มันควรจะจบไปได้แล้ว”
มิวลูบไปที่กระจกเพื่อปลอบใจตัวเองพร้อมกับน้ำตาที่ไหลไม่หยุด เรื่องราวทั้งหมดนี้มันจะไม่เกิดขึ้นหากว่าเธอไม่พบเขาและเกิดเรื่องไม่คาดคิดเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา
ก่อนหน้านั้นลักษิกาก็ยังเป็นแค่นักศึกษาพยาบาลธรรมดาที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร เธอมักจะสวมชุดนักศึกษาหลวม ๆ และกระโปรงยาวเลยเข่า รองเท้าผ้าใบสวมแว่นตาซึ่งเป็นปกติของเด็กเนิร์ดทั่ว ๆ ไป แต่เธอกลับมีความลับบางอย่างที่มีแค่แยมคนเดียวที่รู้
Q-Bar
“เยี่ยมเลยเรเน่ ขอ “มาการ์เรเน่” อีกสองที่นะ”
“ได้ค่ะ”
“เรเน่” คือชื่อที่ทุกคนเรียกเธอในบาร์แห่งนี้ซึ่งที่นี่เป็นร้านเหล้าในย่านดัง เธอเลือกทำงานที่นี่เพราะค่อนข้างห่างจากมหาวิทยาลัยและไม่เสี่ยงที่จะมีเพื่อนร่วมมหาลัยพบเข้า อีกอย่างเธอเองก็เปลี่ยนจากสาวแว่นเด็กเนิร์ดที่ใคร ๆ เห็นเป็นสาวเปรี้ยวเข็ดฟันแต่งตัววาบหวิวในชุดบาร์เทนเดอร์สาวสุดสวยในบาร์แห่งนี้
“เยี่ยมไปเลย นี่ทิปลูกค้าบอกว่าให้เธอ”
“ขอบคุณมากทอม”
“ยินดี เอาไว้เลี้ยงข้าวฉันด้วย”
“ได้เลย”
เงินค่าจ้างที่เยอะและทิปจากลูกค้าที่หนามากพอทำให้เธอเลือกอาชีพนี้ อีกอย่างเธอก็เป็น “บาร์เทนเดอร์” ที่มีลีลาดีและมีความสามารถซึ่งพรสวรรค์นี้เธอได้มาจากแม่ที่เคยสอนตอนเด็ก ๆ แม้ว่าเธอจะดื่มไม่เก่งเลยก็ตาม
“เดอร์ตี้ มาร์ตินี่ที่หนึ่ง”
“ได้ค่ะ”
มิวเกือบจะทำเครื่องผสมตกเมื่อหันมามองคนที่สั่งเครื่องดื่มของเธอซึ่งตอนนี้มานั่งที่บาร์ตรงหน้าเธอ เขาเป็นรุ่นพี่คณะวิศวะซึ่งเป็นที่รู้จักในหมู่สาว ๆ ดีว่าเขาเจ้าชู้และ “เอวไว” ซึ่งเป็นผู้ชายที่เธอเกลียดมากที่สุดเพราะตอนที่เธออยู่ปีหนึ่งเคยถูกเขาและเพื่อน ๆ แซวจนแทบจะไม่มีคนคบ
“ยัยแว่นเฉิ่มเบ๊อะ พยาบาลน่ะต้องสวย ๆ รูปร่างดี ๆ พี่จ้างสามพันไปซื้อชุดใหม่ดีไหม ไม่มีใครเอาชุดคุณแม่สมัยสาว ๆ มาใส่หรอกนะ”
เธอจำได้ว่าถูกล้อเลียนจากพวกเขาเพราะกลุ่มเพื่อน ๆ ของภาวินทร์มีแต่คนหล่อ ๆ และที่บ้านมีฐานะ แม้ว่าน้อยครั้งที่ภาวินทร์จะเข้าร่วมแซวเธอด้วยแต่เพราะเธอฝังใจจนเกลียดพวกเขาสี่คนไปแล้วดังนั้นจึงไม่อยากแม้แต่จะทักทาย
“ไอ้คนปากรั่ว มั่วผู้หญิงมาก ๆ ระวังนะคะรุ่นพี่จะเป็นโรคติดต่อเอา”
“นิธิศ” เพื่อนในกลุ่มของภาวินทร์เดินเข้ามาเพื่อจะเอาเรื่องเธอแต่ลักษิกาที่โกรธจัดก็ไม่ยอมแล้วเช่นกัน จนกระทั่งเธออยู่ปีสามเมื่อเจอพวกเขาเมื่อไหร่ก็เป็นต้องถูกล้ออยู่จนเธอทนไม่ไหว
“เฮ้ย!! ปากแบบนี้มันน่า…”
“เดี๋ยวไอ้ธิศ น้องมันก็แค่โมโหที่พวกมึงล้อน้องมาหลายปีแล้วนี่น้องสาว ไม่ใช่ว่าจะปลงจนอยากไปบวชชีเสียล่ะ”
ลักษิกาหันมามองหน้าภาวินทร์ที่ดึงนิธิศออกไปและหันมายิ้มกวน ๆ ให้เธอแทน มิวโกรธจนแทบจะคุมสติไม่อยู่และยิ่งเห็นภาวินทร์พูดแบบนี้เธอจึงเผลอพูดเหน็บแรง ๆ กลับไปสักครั้งหนึ่ง
“ค่ะ บวชให้พ่อพี่ตอนตายน่ะค่ะ จะได้ไม่ต้องเสียใจที่มีลูกสันดานแบบนี้”
“ฉันว่าคนที่น่าห่วงน่ะไม่ใช่มิวหรอก แต่เป็นคนขี้อิจฉาอย่างเธอมากกว่า”“ยัยแคร์ หมายความว่ายังไง”แคร์ ริชชี่และแยมเดินมาพอดีพร้อมกับดึงมิวเข้ามา ดูท่าทางแพรวาเองก็เหมือนจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ “ก็เธอโดนทิ้งก็ไม่ได้หมายความว่ามิวจะเป็นอย่างเธอ ที่ฉันเห็นนะมิวกับพี่วินทร์คบหากันมานานเกินครึ่งปีแล้ว อีกอย่างตอนที่มิวโกรธ พี่วินทร์ถึงกับตามไปง้อถึงที่เลยนะ เรื่องแบบนี้เธอเคยเจอบ้างหรือเปล่า”“แก!”“อ๊ะ ๆ แคร์พูดไม่จบฉันขอต่อให้ก็แล้วกันนะ เรื่องของเธอกับมิวมันเอามาเทียบกันไม่ได้ แค่คนที่เคยคุยกับ "แฟน" น่ะ มันก็คนละเรื่องกันแล้ว อีกอย่างนะตอนนี้พี่วินทร์ก็ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนอีกเลย ไม่คิดเลยนะว่าพี่วินทร์จะคลั่งรักขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าไหมริชชี่"แพรวากำหมัดแน่นเพราะความอิจฉา เธอเคยคุยกับภาวินทร์และเคยควงเขาอยู่ไม่ถึงสิบวัน อาจเพราะเธอเซ้าซี้เขามากเกินไปและเรียกร้องขอให้เขามารับมาส่ง แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่ภาวินทร์จะทำตามที่เธอขอ ไม่เหมือนกับที่เขาถึงกับขับรถมาส่งมิวที่หน้าคณะอย่างเต็มใจแบบนี้“งานลอยกระทงปีนี้ ถ้าเธอคิดว่าเธอแน่จริงกล้ามาแข่งกับฉันไหมล่ะ”“อะไรนะ”“งานลอยกระทงของมหาวิทยาลั
มิวหันมามองหน้าเขาเมื่อรับจานจากวินทร์มาเข้าเครื่องล้างจาน“ทำไมจู่ ๆ พี่วินทร์มาถามเรื่องนี้กับมิวละคะ ไหนบอกว่าไม่อยากให้มิวทำยังไงล่ะ”“ก็ถ้า…พี่เรียนจบแล้วและต้องทำงาน อีกอย่างที่ร้านนั้นตอนนี้พ่อพี่ก็เป็นหุ้นส่วนใหญ่ ถ้าแต่งตัวให้ดี ๆ บาร์เทนเดอร์ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวโป๊นี่จริงไหม”“ก็จริงค่ะ ที่จริงมิวก็ไม่ได้ชอบการแต่งตัวแบบนั้นเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ตอนนั้นมันเลือกไม่ได้”“อีกอย่างตอนนี้มิวก็ไม่ต้องห่วงเรื่องทุนการศึกษาแล้วด้วย ไม่จำเป็นต้องปิดบัง พี่แค่อยากถามว่ามิวอยากทำหรือเปล่า แต่ใจพี่ยังไม่อยากให้มิวไปทำหรอกนะ เพราะปีหน้ามิวก็เรียนปีสุดท้ายแล้ว พี่อยากให้มิวเรียนให้จบก่อน”“ที่จริงมิวก็รักงานนี้นะคะ แต่ก็อย่างที่พี่วินทร์พูดนั่นแหละค่ะว่าคงต้องตั้งใจเรียนก่อน เอาเป็นว่าไปช่วยแค่ชั่วครั้งชั่วคราวได้เหมือนกับงานที่แล้ว”“แต่พี่จะไม่ให้ใส่ชุดแบบนั้นแล้วนะ ใส่ให้มันรัดกุมให้ดูเป็นผับที่ดูดีหน่อยไม่ใช่…”“ตอนนี้ที่นั่นมีใครดูแลอยู่เหรอคะ”“พี่รินทร์กับสามีไง วันนี้เธอมาที่นี่เพราะจะคุยเรื่องมิวนั่นแหละ พ่อคงไปบอกเรื่องของเราหมดแล้วเพราะคืนนั้นพ่อเห็นพี่ลากมิวออกมาจากงาน วันนี้พี่ร
มิวที่ช็อกอยู่หน้าประตูพยายามก้าวขาออกจากห้อง แต่ภาพตรงหน้าทำให้เธอตกใจจนขาแทบไม่กระดิก เมื่อสาวสวยคนนั้นหันมามองหน้าเธอ ส่วนภาวินทร์พยายามลุกขึ้นมา“ฟังพี่ก่อนนะ”“เธอเป็นใครน่ะวินทร์”มิวพยายามกลั้นน้ำตาและหันออกไปจากห้องแต่ภาวินทร์ที่พยายามลุกจากโซฟามาหาเธอกลับล้มตึงลงไปกับพื้นจนเธอตกใจและหันมา“ว้าย! ไอ้วินทร์! น้องคะมาช่วยพี่หน่อยเร็ว ๆ เข้า ไอ้บ้านี่ตัวอย่างกับยักษ์ แกไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะค่อย ๆ ลุก”“พี่รินทร์หลีกไปเลยผมบอกว่า…โอ๊ย!!”มิวตกใจแต่ก็ไม่ทันได้ถาม แต่สรรพนามที่ผู้หญิงสวยคนนั้นเรียกแฟนหนุ่มของเธอ หากฟังไม่ผิดพวกเขาน่าจะไม่ใช่อย่างที่มิวคิดเอาไว้ เธอรีบวิ่งมาประคองภาวินทร์ที่ล้มให้ลุกขึ้น ซึ่งตัวภาวินทร์ร้อนเหมือนไฟ“พี่วินทร์…ไม่สบายเหรอคะ”“ใช่ค่ะ มันไม่ยอมให้พี่โทรบอก น้องมิวใช่ไหมอย่าพึ่งถามตอนนี้ช่วยพี่ลากไอ้เด็กดื้อนี่เข้าห้องนอนก่อน”“เอ่อ ค่ะ ๆ”“ไม่ต้อง พี่รินทร์กลับไปเถอะ ผมมีมิวแล้วเดี๋ยวมิวจัดการเอง โอย…”“พี่วินทร์ อย่าพึ่งพูดเข้าไปในห้องก่อน”“กลับมาแล้วเหรอ กลับมาได้เสียที”แม้แต่เสียงของวินทร์ก็แหบจนแทบไม่มีเสียง มิวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เธอก็รีบให้เขา
มิวรีบเดินออกมาจากห้องน้ำและไม่พูดอะไรกับเข้าอีก ปล่อยให้ภาวินทร์ยืนงงอยู่ในห้องน้ำ เขารีบอาบน้ำตามเธอออกมาเพื่อจะมาง้อแฟนสาวที่นั่งเป่าผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง“เอ่อ…”เธอเปิดเสียงไดร์เป่าผมให้ดังขึ้นและไม่สนใจเขาอีก วินทร์พยายามเดินวนรอบ ๆ จนต้องยอมถอยเพราะมิวคงไม่ฟังที่เขาพูดแน่ ดังนั้นจึงเดินไปเปลี่ยนชุดนอน มิวปิดที่เป่าผมและเดินมาเปลี่ยนชุดเช่นกัน“เอ่อ…”“ปิดไฟด้วยนะคะ”“เดี๋ยว… คุยกันก่อนไม่ได้เหรอครับ เมียจ๋า”“อย่ารบกวนคนจะนอนถ้ายังพูดอีกพรุ่งนี้มิวจะกลับหอ”วินทร์รูดซิปปากจนสนิทและยอมที่จะปิดไฟนอนแต่โดยดี มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขากลัวเธอมากขนาดนี้ ไม่สิเขาคิดว่าเข้าไม่ได้กลัว เขาแค่รักเธอมากขึ้นทุก ๆ วันจนไม่อยากเสียเธอไปต่างหากจึงได้ยอมลดนิสัยเอาแต่ใจของเขาลง อีกอย่างมิวแทบจะไม่เคยโกรธเขาจริง ๆ มาก่อนเลยถ้าไม่นับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่ยายของมิวจะเสีย“ขยับออกไป ร้อน”“แต่ว่าพี่นอนไม่หลับ”“มิวบอกว่ามิวร้อนไม่ได้ยินเหรอคะ จะนอนที่นี่หรือว่าจะไปนอนห้องนอนเล็ก”“ก็ได้ ๆ ไม่กวนแล้วก็ได้อย่าแยกห้องนอนเลยนะครับ”มิวขยับหนีเขาไปเกือบสุดเตียง คนตัวโตได้แต่นอนถอนหายใจและทำท่าเห
ภาวินทร์คว้าข้อมมือของมิวเดินผ่านผู้หญิงสองคนที่ซุบซิบพวกเขาอยู่ พวกเธอหลบตาเขาจนเขาเดินผ่านไปและไม่กล้าแม้แต่จะตอบโต้ มิวเห็นท่าทางโกรธของเขาจึงได้ยิ้มออกมา“ขำอะไรกัน ไม่โมโหเหรอที่ถูกคนว่าลับหลังแบบนั้น”“แล้วพี่วินทร์จะไปฟังทำไมละคะ”“ก็มันน่าโมโหนี่ ถ้ามิวแต่งตัวแต่งหน้าจัดเต็ม สวยกว่าพวกปากมากนั่นอีก”“เฮ้อ… ความปากดีของพี่วินทร์ไม่เคยลดลงเลยนะคะ”“แล้วไม่ชอบเหรอ”ภาวินทร์หันมาคว้าเอวของแฟนสาวเข้ามากอดพร้อมกับค่อย ๆ เอียงหน้าเข้ามาใกล้ ๆ มิวเบี่ยงหลบและตีไปที่ไหล่ของเขาจนวินทร์หัวเราะเพราะเธอเริ่มอายอีกแล้ว“เมือไหร่จะเลิกทำหน้าตาน่ารักนั่นเสียทีนะ พี่จะทนไม่ไหวอีกแล้ว”“พอเลยค่ะรีบกลับเถอะ ผักก็เลือกมาได้ไม่เท่าไหร่เองก็ไปหาเรื่องคนอื่น”“ไปซื้อที่อื่นก็ได้ไม่เห็นจะยากเลย พี่ไม่ชอบให้ใครมาพูดลับหลังแฟนพี่แบบนี้”“รีบไปเถอะค่ะเสียเวลา”“ครับผม”“แล้ววันหลังอย่าไปพูดแบบนี้อีกนะคะ ยังไงพวกเขาก็เป็นผู้หญิง”“ทำไมล่ะพวกนั้นนินทาได้แล้วพี่ตอบโต้กลับไม่ได้เหรอ…. ก็ได้ ๆ ไม่พูดก็ได้ครับ ไปคิดเงินกันนะอย่าโมโหสิ”วินทร์หยุดพูดเมื่อเห็นสายตาขุ่นเขียวที่ส่งมาให้เขา ตอนนี้เขาจะไม่ยั่วโมโหเ
“อะไรวะไอ้กร อย่ามาขู่กูเลย”“กูไม่ได้ขู่แต่มึงไม่เห็นเหรอ พ่อพยายามมาหลายปีให้มิวยอมรับ มึงว่ามหาลัยเรามีทุนให้เรียนมากขนาดนั้นเลยเหรอ”“มึงจะบอกว่าทุนที่มิวคิดว่าเป็นทุนจากมหาลัยนั่นที่จริงแล้ว…”“ทุนจากพ่อทั้งนั้นแหละ พ่อจัดการและคุยกับคณบดีโดยตรงโดยที่มิวไม่รู้มาสามปี ทั้งค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลของยายและงานศพทั้งหมดนี่ก็ด้วย น้าสายรู้ดีที่สุดแต่มิวไม่รู้คิดว่าน้าสายจะเคลียร์หลังงานจบน่ะ”“กูเริ่มจะกลัวขึ้นมาจริง ๆ แล้วสิทีนี้”“ไม่ต้องห่วงหรอก แม้ว่าพ่อจะดีใจที่ได้ลูกสาวคืนแต่ก็คงไม่ถึงกับสั่งห้ามมิวเรื่องมึงหรอก แค่ต้องระวังให้มาก ๆ หน่อยเท่านั้น เกิดมึงอะไรพลาดขึ้นมากูแค่จะเตือนว่าแม้แต่กูก็ช่วยมึงไม่ได้เท่านั้นเอง”“เฮ้อ จากมิวคนเดียวที่ว่าง้อยากแล้ว นี่ยังเพิ่มพ่อตามาอีกคน กูตายแน่ ๆ ไม่เคยคิดเลยว่ามีเมียมันจะยากขนาดนี้”“เฮ้ย นี่มึงจะถอยตอนนี้เหรอวะ”“ฝันไปเถอะ กูรักของกูขนาดนี้มีเหรอจะยอมแพ้”“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ดูเหมือนว่ามึงจะทิ้งลายเจ้าชู้แล้วจริง ๆ เหรอวะไอ้วินทร์”“เออ ตั้งแต่กูเจอมิวกูก็ไม่ต้องการผู้หญิงคนอื่น ไม่คิดอยากจะหาและไม่มีอารมณ์กับใครด้วยนอกจากมิว”“มึงกล้าพูดแ
“ไอ้ธิศเนี่ยนะ! ไปยกของบ้าไปแล้วแน่ ๆ คนอย่างมันน่ะเหรอจะ…”“เอาไปไว้ทางโน้นค่ะ เร็ว ๆ เลยเหลืออีกหลายตัว”“ครับ ๆ รู้แล้ว ๆ ไม่ต้องดุมากได้ไหมชาติก่อนเป็นแมวเหรอขู่เก่งจัง”วีรภัทรหันไปมองนิธิศที่กำลังช่วยเพื่อนของมิวอีกคนยกพานพุ่มเข้าไปเก็บข้างใน ดูเหมือนจะเป็นพานที่ใช้ประกอบพิธีในคืนพรุ่งนี้ ตามไปด้วยเพื่อนที่เป็นสาวสองที่ชื่อริชชี่และแยมที่ช่วยกันยก “มีอีกไหม แรงพี่ยังเหลือนะ”“โน่นค่ะ แล้วอย่าบ่นนะว่าหนักขนาดริชชี่เป็นสาวยังยกไหวเลย”“ใครจะไปถึกเหมือนไอ้บ้านั่น”“พี่ธิศ!”“ครับ ๆ ไม่ว่า ๆ น้องริชชี่คนสวยมีอะไรให้พี่ช่วยอีกไหมครับ”“แหมยังเหลืออีกไม่เยอะค่ะ แยมแกก็อย่าไปขู่พี่เขามากสิ เดี๋ยวเขาก็ไม่ช่วยหรอก”“ก็….”“ไปน่า ๆ น้องแยมไม่ต้องพูด ไปช่วยพี่ยกของก่อนดีกว่ามาเถอะ ๆ”“นี่! ปล่อยมือนะพี่ธิศ บ้าเหรอมาลากแยมทำไม”แคร์หันไปแค่ยิ้มและหันมาจัดการข้าวต้มในชามตัวเองก่อนจะหันมามองท่าทางตกตะลึงของวีรภัทรที่ไม่เคยเห็นเพื่อนของเขาทำแบบนี้มาก่อน นิธิศเป็นคนปากดีและหยิ่งในศักดิ์ศรีมาก นอกจากมิวที่เคยด่าเขาหน้าคณะจนอายแล้วยังไม่เคยเห็นนิธิศยอมให้ผู้หญิงคนไหนใช้งานแบบนี้มาก่อน“เป็นไปได้
มิวเองก็รู้ตัวว่าเคยทะเลาะกับน้าเรื่องนี้บ่อย ๆ หลายครั้งที่น้าสายบอกให้มิวลองติดต่อพ่อเพราะยายต้องรักษาตัว แต่เป็นมิวที่ดื้อและยืนยันว่าจะทำงานและหาเงินมารักษายายให้ได้ จนอาการของยายทรุดหนักลงเธอจึงหยุดเถียงน้าสาย และตัวน้าเองก็เลือกจะเงียบไปเพราะกลัวว่าอาการของยายจะแย่ลง“มิว…”“น้าไม่โทษแกหรอกเพราะแกก็ดื้อไม่ต่างกับแม่ แต่สุดท้ายแล้วแม่ก็ให้อภัยและยอมรับพ่อของมิว แม้ว่าจะยังไม่ทันได้จดทะเบียนสมรสแต่พ่อของมิวก็ตั้งใจที่จะมาที่นี่และอยู่กับแม่ของมิว”มิวปล่อยโฮเมื่อความจริงทั้งหมดออกมาจากน้าสาย เป็นเธอที่ดื้อรั้นไม่รับฟังจนยายเสียไป เวลานานเป็นสิบปีกว่าที่เธอจะเข้าใจ บัญชีเงินฝากมีเงินในนั้นเกือบสามล้านบาทเพราะพ่อของเธอโอนมาฝากให้เป็นประจำโดยที่ไม่มีการถอนออกมา ค่ารักษาของยายและทุนการศึกษาที่เธอได้เรียนทุกวันนี้ก็เป็นพ่อที่จ่ายให้“น้าสายมิวควรจะทำยังไงดี มิวไม่เคยรู้ว่าแม่อภัยให้เขาแล้วแต่ว่ามิว…”“น้าเข้าใจที่มิวโกรธ แต่ตอนนั้นมิวยังเด็กจึงดื้อไม่ฟังใครน้ากับยายก็เข้าใจ ทุกครั้งที่มีใครพูดถึงพ่อมิวก็จะโกรธและไม่คุยกับคนอื่น ยายไม่อยากเห็นมิวเป็นแบบนั้นก็เลยเลี่ยงไม่พูดมาตลอด น้าผิด
“ถ้าอย่างนั้นนี่ก็เป็นสาเหตุที่มิวเกลียดพ่อสินะ”"ใช่ พ่อเองก็รู้ตัวว่าทำผิด แต่ทุกเรื่องมันมีเหตุผล อีกอย่างเรื่องที่แม่ทำก็ไม่ได้ถูกต้องแม้ว่าพ่อจะรับผิดชอบ แต่ก็ไม่เคยละเลยน้าสุดากับมิว แม้ว่าน้าสุดาจะไม่ยอมรับจนถึงวันสุดท้ายก็ตาม ยายกับน้าสายรู้ดีว่าเธอปากแข็งไปเท่านั้นเพราะก่อนจะสิ้นใจพ่อได้มีโอกาสมาหาเธอและกอดเธอเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันจนน้าสุดาเสีย แต่เรื่องนี้มิวไม่รู้เรื่องและพ่อก็ไม่เคยปริปากบอกเธอเพราะยังรู้สึกผิดอยู่“ฉิบหายทำไมเรื่องมันวุ่นวายขนาดนี้วะ แล้วกูจะพูดยังไงกับมิวดี จะช่วยมึงกับคุณอายังไงวะ”“ไม่ต้องหรอกพ่อบอกแล้วว่ายังไงเรื่องแบบนี้ก็คงต้องใช้เวลา พ่อบอกรอได้จนกว่ามิวจะพร้อม อีกอย่างคุณย่าก็ไม่อยู่แล้ว ส่วนแม่ก็หย่ากับพ่อแยกทางกันนานแล้วต่อไปก็คงไม่มีอะไรต้องห่วงอีก วันนี้ที่พ่อมาก็แค่อยากมาส่งยายครั้งสุดท้ายเท่านั้นเอง”“เข้าใจแล้วเอาเป็นว่ากูจะค่อย ๆ พูดกับมิวให้ ยังไงท่านก็เป็นพ่อ อีกอย่างพ่อมึงก็ไม่ได้จะขาดความรับผิดชอบ แม่่ของมิวรู้ทุกเรื่องแต่ไม่มีโอกาสได้บอกมิว”“มึงก็รู้ว่ามิว…”“กูต้องรู้สิ มิวปากแข็งแต่ใจอ่อน นิสัยคงไม่ต่างกับแม่ของเ
Mga Comments