คอนโด
“หยุด…พอก่อน อ๊ะ…อ๊าา”
เสียงขอร้องในค่ำคืนเร่าร้อนไม่มีผล บั้นท้ายงอนงามถูกหนุ่มกำยำดีกรีเดือนคณะวิศวะปีที่สี่ยังคงถูกกระแทกไม่หยุดเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่มุดหน้ากับหมอนเพื่อกั้นเสียงร้อง
“อื้อ… พี่วินทร์…ฮึก!!”
จังหวะสุดท้ายที่เข้าสอดลึกและแช่เอาไว้ “ลักษิกา” จึงรู้ว่าทุกอย่างจบลงแล้ว …แต่เธอเข้าใจผิดว่าเขาจะหยุดเพราะตอนนี้ “ภาวินทร์” กำลังถอดเครื่องป้องกันและจัดการตัวเอง ไม่ทันที่เธอจะได้ขยับดึงผ้าห่มก็ได้ยินเสียงฉีกซองป้องกันถุงใหม่อีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อนค่ะ พรุ่งนี้มิวมีสอบย่อย คืนนี้คง…”
“นอนลงไปดี ๆ เถอะมิวอย่าให้พี่โมโห พี่เคยบอกแล้วว่าอย่ากลับไปทำงานแบบนั้นอีกไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่นะคะพี่วินทร์เข้าใจผิด มิวแค่ อ๊าา!!”
เขากดศีรษะเธอลงและเริ่มสอดใส่เข้าไปด้านหลังอีกครั้ง แม้ว่ามิวจะไม่ต่อต้านแต่คืนนี้เขาทำแบบนี้มาเกินสองรอบแล้วซึ่งเธอเริ่มจะหมดแรงจนพูดไม่ออกแล้ว
“ฮึก!! เสียวฉิบหาย อาา… มิว”
“อื้อ….”
“มานี่ มาขึ้นให้หน่อย”
“ไม่เอานะพี่วินทร์ อย่าทำแบบนี้ อ๊าา”
เขาดึงตัวเธอมานั่งคร่อมตักและค่อย ๆ สอดอาวุธประจำตัวเข้าไป มิวที่ทั้งจุกและเสียวร้องครางกระเส่าเมื่อเขาสั่งให้เธอขยับเอวขึ้นอีก
“เร็วอีก!! อย่าดื้อสิมิว ไม่งั้นไม่จบแค่รอบนี้แน่ มิวก็รู้ว่าพี่กำลังโกรธหรือจะให้ทำทั้งคืน”
“อื้อ…อ๊าา อย่าจับเอว อย่า!! อ๊าาา กรี๊ด!!!”
เธอเสร็จไปอีกครั้งเมื่อเขาตกลงที่จะจัดการที่เหลือเองเพราะหากรอเธอทำเขาคงอารมณ์ค้างอยู่แบบนี้อีกนาน หน้าอกที่เคยขาวเนียนตอนนี้เต็มไปด้วยรอย แม้ว่าเธอจะขอร้องเขาไม่ให้ทำแต่สุดท้ายทุกครั้งเธอก็ไม่เคยได้กลับไปแบบไร้ริ้วรอยเลยสักครั้ง
“ให้รู้เสียบ้างว่าอย่าลองดีกับภูวินทร์ พี่เตือนเธอแล้วนะ”
ร่างบางถูกวางเบา ๆ ลงที่เตียงหลังจากกิจครั้งสุดท้ายจบลง ภูวินทร์เดินไปเทน้ำมาจิบก่อนจะหันมาถามคนที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียงในคอนโดหรูของเขา
“ดื่มน้ำหน่อยไหม”
เธอส่ายหัวเป็นคำตอบ เขารู้ว่าเธอคงโกรธไม่น้อยที่เขาทำแบบนี้แต่ระหว่างเขากับเธอ ไม่ใช่คู่รัก ไม่ใช่แฟน ไม่ได้คบกัน ทั้งสองคนเพียงแค่มีข้อตกลงกันอย่างลับ ๆ เท่านั้นเอง เมื่อภูวินทร์เดินไปอาบน้ำ ลักษิกาก็รีบจัดการตัวเองทันที
เธอค่อย ๆ ลุกจากเตียงและคว้าเสื้อผ้าที่กระจายอยู่รอบ ๆ ห้องมาใส่ทีละชิ้นและรีบออกจากคอนโดของเขาทันทีโดยไม่ลาเขา ส่วนคนที่อาบน้ำอยู่เมื่อออกมาไม่พบเธอก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่ตอนนี้ยังไม่ดึกมากเขาจึงไม่คิดจะไปตามเธอกลับมา
“ยังมีแรงเดินกลับได้อีกเหรอ ฮึ ดูเหมือนว่าฉันจะใจดีเกินไปสินะยัยลูกแกะน้อย”
หอพัก DC
“ลักษิกา” หอบร่างที่ขาสั่นและแทบหมดแรงเรียกรถให้พาเธอกลับมาถึงหอพักที่หน้ามหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่ มิวเป็นนักศึกษาคณะพยาบาลปีสาม ซึ่งปีนี้มีเรียนหนักขึ้นอีกอย่างนักศึกษาก็ต้องเวียนไปฝึกงานที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยเพื่อเก็บคะแนนก่อนจบ เมื่อเธอเปิดประตูเข้าห้องพักไปได้ก็พบกับ “แยม” เพื่อนสนิทคนเดียวที่รออยู่ที่ห้อง
“มิว! เชี่ย… นี่พี่วินทร์ทำแกถึงขนาดนี้เลยเหรอ”
“แยม... เราเหนื่อย หิวน้ำ หมดแรง”
“รอเดี๋ยวก่อนอยู่นิ่ง ๆ นะ”
“ธนัญญา” หรือแยมรีบวิ่งไปเปิดตู้เย็นและเทน้ำมาให้เพื่อนสนิทค่อย ๆ จิบก่อนที่มิวจะนั่งสงบอารมณ์ได้แยมก็หันมาโมโหและด่ากราดขึ้นทันที
“อีพี่วินทร์นี่ยังไงนะ ทำไมแม่งกินโหดขนาดนี้ ถ้าไม่ติดว่ามันมีความลับของแกอยู่ ฉันจะแฉให้ทั้งมหาลัยรู้เลยว่ามันชั่วขนาดไหน ไหวไหมมิว”
“ไม่มีประโยชน์หรอก มีใครไม่รู้บ้างว่าเขาเป็นคนยังไง”
“เฮ้อ ก็นั่นสินะ เสือผู้หญิง เพลย์บอยพวกเจ้าชู้ ใครจะไม่รู้ล่ะว่าแก๊งมันแต่ละคนสันดานเป็นยังไง เฮ้อ แกไหวแน่นะมิว”
“อืม ฉันไม่เป็นไร ฉันพลาดเองนี่ที่ทำให้เขาจับได้จนต้องเป็นแบบนี้”
“ไอ้ทุนเนี่ยฉันว่าถ้ามันยากนักแกก็ไม่ต้องเอาหรอก เอาแบบนี้ฉันบอกคุณพ่อให้ออกเงินกู้ให้แกเรียนต่อ เรียนจบแล้วค่อยทยอยใช้ไม่ดีกว่าเหรอ”
“ไม่ได้หรอก แกก็พูดเรื่องนี้มาหลายรอบแล้วนะแยมแต่ฉันไม่อยากเป็นหนี้ใคร ถ้าฉันตายหรือเป็นอะไรขึ้นมาละ หนี้ไม่สูญเปล่าเหรอ ไม่เอาหรอกฉันไม่อยากให้แกเสียชื่อเพราะฉัน”
“แต่ว่าแกจะไปทำงานแบบนี้มันก็อันตรายจริง ๆ นั่นแหละ อีกอย่างการที่แกรับปากไอ้พี่วินทร์นั่นมันก็…”
“ฉันอยากอาบน้ำสักหน่อย แกนอนก่อนได้เลยนะ”
“แกเดินไหวแน่นะ”
“ไหวสิแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวกินยาแล้วก็จะนอนแล้วพรุ่งนี้มีสอบแต่เช้า”
“อืม ค่อย ๆ เดินล่ะ”
มิวค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อเธอถอดชุดออกก็เห็นหน้าตัวเองในกระจก ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยเครื่องสำอางที่ล้างออกไม่หมดและรอยจ้ำแดงที่หน้าอกนับสิบ แม้ว่าภาวินทร์จะใจดีไม่ทำที่คอก็ตาม
“ความสัมพันธ์แบบนี้มันควรจะจบไปได้แล้ว”
มิวลูบไปที่กระจกเพื่อปลอบใจตัวเองพร้อมกับน้ำตาที่ไหลไม่หยุด เรื่องราวทั้งหมดนี้มันจะไม่เกิดขึ้นหากว่าเธอไม่พบเขาและเกิดเรื่องไม่คาดคิดเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา
ก่อนหน้านั้นลักษิกาก็ยังเป็นแค่นักศึกษาพยาบาลธรรมดาที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร เธอมักจะสวมชุดนักศึกษาหลวม ๆ และกระโปรงยาวเลยเข่า รองเท้าผ้าใบสวมแว่นตาซึ่งเป็นปกติของเด็กเนิร์ดทั่ว ๆ ไป แต่เธอกลับมีความลับบางอย่างที่มีแค่แยมคนเดียวที่รู้
Q-Bar
“เยี่ยมเลยเรเน่ ขอ “มาการ์เรเน่” อีกสองที่นะ”
“ได้ค่ะ”
“เรเน่” คือชื่อที่ทุกคนเรียกเธอในบาร์แห่งนี้ซึ่งที่นี่เป็นร้านเหล้าในย่านดัง เธอเลือกทำงานที่นี่เพราะค่อนข้างห่างจากมหาวิทยาลัยและไม่เสี่ยงที่จะมีเพื่อนร่วมมหาลัยพบเข้า อีกอย่างเธอเองก็เปลี่ยนจากสาวแว่นเด็กเนิร์ดที่ใคร ๆ เห็นเป็นสาวเปรี้ยวเข็ดฟันแต่งตัววาบหวิวในชุดบาร์เทนเดอร์สาวสุดสวยในบาร์แห่งนี้
“เยี่ยมไปเลย นี่ทิปลูกค้าบอกว่าให้เธอ”
“ขอบคุณมากทอม”
“ยินดี เอาไว้เลี้ยงข้าวฉันด้วย”
“ได้เลย”
เงินค่าจ้างที่เยอะและทิปจากลูกค้าที่หนามากพอทำให้เธอเลือกอาชีพนี้ อีกอย่างเธอก็เป็น “บาร์เทนเดอร์” ที่มีลีลาดีและมีความสามารถซึ่งพรสวรรค์นี้เธอได้มาจากแม่ที่เคยสอนตอนเด็ก ๆ แม้ว่าเธอจะดื่มไม่เก่งเลยก็ตาม
“เดอร์ตี้ มาร์ตินี่ที่หนึ่ง”
“ได้ค่ะ”
มิวเกือบจะทำเครื่องผสมตกเมื่อหันมามองคนที่สั่งเครื่องดื่มของเธอซึ่งตอนนี้มานั่งที่บาร์ตรงหน้าเธอ เขาเป็นรุ่นพี่คณะวิศวะซึ่งเป็นที่รู้จักในหมู่สาว ๆ ดีว่าเขาเจ้าชู้และ “เอวไว” ซึ่งเป็นผู้ชายที่เธอเกลียดมากที่สุดเพราะตอนที่เธออยู่ปีหนึ่งเคยถูกเขาและเพื่อน ๆ แซวจนแทบจะไม่มีคนคบ
“ยัยแว่นเฉิ่มเบ๊อะ พยาบาลน่ะต้องสวย ๆ รูปร่างดี ๆ พี่จ้างสามพันไปซื้อชุดใหม่ดีไหม ไม่มีใครเอาชุดคุณแม่สมัยสาว ๆ มาใส่หรอกนะ”
เธอจำได้ว่าถูกล้อเลียนจากพวกเขาเพราะกลุ่มเพื่อน ๆ ของภาวินทร์มีแต่คนหล่อ ๆ และที่บ้านมีฐานะ แม้ว่าน้อยครั้งที่ภาวินทร์จะเข้าร่วมแซวเธอด้วยแต่เพราะเธอฝังใจจนเกลียดพวกเขาสี่คนไปแล้วดังนั้นจึงไม่อยากแม้แต่จะทักทาย
“ไอ้คนปากรั่ว มั่วผู้หญิงมาก ๆ ระวังนะคะรุ่นพี่จะเป็นโรคติดต่อเอา”
“นิธิศ” เพื่อนในกลุ่มของภาวินทร์เดินเข้ามาเพื่อจะเอาเรื่องเธอแต่ลักษิกาที่โกรธจัดก็ไม่ยอมแล้วเช่นกัน จนกระทั่งเธออยู่ปีสามเมื่อเจอพวกเขาเมื่อไหร่ก็เป็นต้องถูกล้ออยู่จนเธอทนไม่ไหว
“เฮ้ย!! ปากแบบนี้มันน่า…”
“เดี๋ยวไอ้ธิศ น้องมันก็แค่โมโหที่พวกมึงล้อน้องมาหลายปีแล้วนี่น้องสาว ไม่ใช่ว่าจะปลงจนอยากไปบวชชีเสียล่ะ”
ลักษิกาหันมามองหน้าภาวินทร์ที่ดึงนิธิศออกไปและหันมายิ้มกวน ๆ ให้เธอแทน มิวโกรธจนแทบจะคุมสติไม่อยู่และยิ่งเห็นภาวินทร์พูดแบบนี้เธอจึงเผลอพูดเหน็บแรง ๆ กลับไปสักครั้งหนึ่ง
“ค่ะ บวชให้พ่อพี่ตอนตายน่ะค่ะ จะได้ไม่ต้องเสียใจที่มีลูกสันดานแบบนี้”
“เฮ้ยน้อง ปากแบบนี้มันน่า…”ภาวินทร์ดึงนิธิศออกไปโดยมี “ชินกร” และ “วีรภัทธ”เพื่อนของเขาดึงเอาไว้ด้วยเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ สาวแว่นคณะพยาบาลที่พวกเขาชอบล้อเธอมากว่าสองปีจู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมาสู้กลับซึ่งทำให้พวกเขาแปลกใจไม่น้อย โดยเฉพาะภาวินทร์“พูดใหม่อีกทีสิ”“พูดอะไร”“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรล่ะยัยแว่น”สายตาแข็งกร้าวของเธอแม้เขาจะมองผ่านแว่นแต่ก็รู้ว่าเธอกำลังโกรธจัด ซึ่งเขาเองก็พอเข้าใจได้เพราะเธอถูกพวกเขาล้อตั้งแต่เข้ามหาลัยใหม่ ๆ แต่ให้ตายเถอะพอเห็นเธอทีไรมันก็อดไม่ได้จริง ๆ นี่นา ผ่านมาสองปีแม่สาวเจ้าไม่เคยเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวเลยสักนิด“ผ่านมาสามปีก็ไม่มีพัฒนาการขึ้นเลยสักนิด”“แล้วมันหนักส่วนไหนของพี่ล่ะคะ”“ไม่หนักหรอกก็แค่อยากรู้เท่านั้นว่าวัน ๆ นอกจากท่องหนังสือสอบหอบตำราเข้าห้องสมุดแล้วทำอะไรเป็นอีกบ้าง”“ก็ดีกว่าพวกที่ดีแต่พกปากมามากกว่าสมอง แล้วมานั่งเห่าหอนไปวัน ๆ เหมือนพวกหมาหมู่แถวนี้ก็แล้วกัน”“เธอว่าใครเป็นหมา”“ถ้าไม่อยากรับก็อย่าเดือดร้อนสิ”“แล้วเมื่อกี้ว่าให้ใคร เธอเป็นรุ่นน้องนะ”“สันดานต่ำ”“อะไรนะ!”“เอาสิ จะได้รู้ไปเลยว่านอกจากปากหมาแล้วยังกล้าทำร้ายผู้หญิงด้วย”“ไปซะ
“พี่วินทร์จะทิ้งนุ๊กเหรอคะ ไม่กลัวว่า…”“อยากพูดอะไรก็พูดไปสิ ชื่อเสียงพี่ไม่ได้ดีอยู่แล้ว อีกอย่างปีนี้ก็เป็นปีสุดท้ายแล้วพี่ไม่สนใจหรอกนะว่าจะต้องเสียชื่อเสียงอีกแค่ไหน เพราะสุดท้ายคนที่พูดเรื่องโกหกก็ต้องรับผลของมันอยู่ดี”“พี่วินทร์! นี่พี่จะบอกว่าฉันโกหกเหรอคะ"“ไม่ทำก็ดีแล้ว รีบไปเถอะพี่จะรีบทำงาน”อีกฝ่ายรีบคว้ากระเป๋าและมือถือเดินออกจากคอนโดนหรูของภาวินทร์ทันที เมื่อเสียงประตูปิดลงภาวินทร์ก็รวบถือแฟ้มที่เพื่อนสนิทเขาเอามาให้เดินเข้าไปในห้องและเอนตัวลงกับเตียงและอ่านอีกครั้ง“นักศึกษาพยาบาล รับทุนเรียนดีทุกปีเพื่อชำระค่าเทอมแล้วยังมีสิทธิ์สอบชิงทุนเรียนต่อระดับปริญญาโทและบรรจุเข้าทำงานในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย เก่งไม่เบาเลยนี่ยัยแว่น”เขามองรูปถ่ายของเธอและเพ่งดูอีกครั้ง ซึ่งเมื่อมองดูช้า ๆ แบบนี้ก็ยังไม่คุ้นเคยว่าเคยเจอเธอในบาร์นั้นหรือเปล่า เพราะเขาไม่เห็นคนที่มีลักษณะสาวเฉิ่มแบบนี้ในสถานที่แบบนั้น“จะเป็นไปได้ยังไงที่มองพลาด ถ้ารู้จักและเคยเห็นแค่ผ่านหน้าก็ต้องรู้สึกคุ้นหน้าสิวะ”ลักษิกาเข้ามาเรียนได้เพราะการสอบชิงทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัยได้และยังเป็นที่หนึ่งในคณะพยาบาลมาสอ
“ช่างเถอะ ๆ ว่าแต่มึงบอกว่าน้องมิวไม่น่าสนใจแล้วทำไมถึงให้กูหาประวัติมาให้ล่ะ”“เรื่องนั้นน่ะเหรอ เพราะว่ากูสงสัยอะไรบางอย่างน่ะสิ”"อะไรวะ"“เออ ไม่มีอะไรรอกูพิสูจน์ให้รู้เรื่องก่อนถ้าใช่แล้วจะบอกมึงเป็นคนแรกเลย”“เออ ๆ ก็ดีแต่กูขอล่ะไอ้วินทร์ วันนั้นที่โดนด่ากันไปเซตใหญ่กูว่ามึงก็บอกไอ้พวกนั้นปล่อยน้องมันไปเหอะ เห็นแล้วสงสารว่ะ กูยังต้องขอให้น้องมันช่วยอีกเยอะ”“เออ กูจะบอกให้แต่พักหลังพวกมันก็ไม่แซวแล้วนี่”“ก็คงไม่กล้าแล้วละมั้ง สงสัยจะกลัวปากใบมีดโกนของน้องมิวไปอีกนานเลยล่ะ”“น้องมิวเหรอ”“ใช่ ชื่อเล่นชื่อมิวไง กูถามน้องวันที่เจอที่หอสมุด”“เหอะ ไม่ใช่ว่ามึงจะจีบน้องแว่นเฉิ่มเนิร์ดนี่หรอกเหรอไอ้กรเห็นพูดถึงบ่อย ๆ”“ส้นตึกเถอะไอ้วินทร์อย่าพูดอะไรน่าขนลุกแบบนั้นได้ไหม รุ่นน้องก็คือรุ่นน้องโว้ย ไปได้แล้ว”“เออ ๆ”วันศุกร์ / Q-Bar“สุดหล่อมาแล้วเหรอ”“หวัดดีครับ”“ไฮพี่วินทร์”“หวัดดีคนสวย”ภาวินทร์เดินเข้ามาผ่อนคลายที่บาร์เพราะสองวันที่ผ่านมาเขากับเพื่อน ๆ แทบจะไม่ได้นอนเพราะลุยทำงานโปรเจคจบส่งอาจารย์ ทั้งกลุ่มตกลงกันว่าศุกร์ เสาร์จะเป็นวันพักผ่อนที่ไม่ต้องมาทำรายงานอีกเพื่อไม่ให้เ
“ช่างเถอะ ๆ ว่าแต่มึงบอกว่าน้องมิวไม่น่าสนใจแล้วทำไมถึงให้กูหาประวัติมาให้ล่ะ”“เรื่องนั้นน่ะเหรอ เพราะว่ากูสงสัยอะไรบางอย่างน่ะสิ”"อะไรวะ"“เออ ไม่มีอะไรรอกูพิสูจน์ให้รู้เรื่องก่อนถ้าใช่แล้วจะบอกมึงเป็นคนแรกเลย”“เออ ๆ ก็ดีแต่กูขอล่ะไอ้วินทร์ วันนั้นที่โดนด่ากันไปเซตใหญ่กูว่ามึงก็บอกไอ้พวกนั้นปล่อยน้องมันไปเหอะ เห็นแล้วสงสารว่ะ กูยังต้องขอให้น้องมันช่วยอีกเยอะ”“เออ กูจะบอกให้แต่พักหลังพวกมันก็ไม่แซวแล้วนี่”“ก็คงไม่กล้าแล้วละมั้ง สงสัยจะกลัวปากใบมีดโกนของน้องมิวไปอีกนานเลยล่ะ”“น้องมิวเหรอ”“ใช่ ชื่อเล่นชื่อมิวไง กูถามน้องวันที่เจอที่หอสมุด”“เหอะ ไม่ใช่ว่ามึงจะจีบน้องแว่นเฉิ่มเนิร์ดนี่หรอกเหรอไอ้กรเห็นพูดถึงบ่อย ๆ”“ส้นตึกเถอะไอ้วินทร์อย่าพูดอะไรน่าขนลุกแบบนั้นได้ไหม รุ่นน้องก็คือรุ่นน้องโว้ย ไปได้แล้ว”“เออ ๆ”วันศุกร์ / Q-Bar“สุดหล่อมาแล้วเหรอ”“หวัดดีครับ”“ไฮพี่วินทร์”“หวัดดีคนสวย”ภาวินทร์เดินเข้ามาผ่อนคลายที่บาร์เพราะสองวันที่ผ่านมาเขากับเพื่อน ๆ แทบจะไม่ได้นอนเพราะลุยทำงานโปรเจคจบส่งอาจารย์ ทั้งกลุ่มตกลงกันว่าศุกร์ เสาร์จะเป็นวันพักผ่อนที่ไม่ต้องมาทำรายงานอีกเพื่อไม่ให้เ
“พี่วินทร์จะทิ้งนุ๊กเหรอคะ ไม่กลัวว่า…”“อยากพูดอะไรก็พูดไปสิ ชื่อเสียงพี่ไม่ได้ดีอยู่แล้ว อีกอย่างปีนี้ก็เป็นปีสุดท้ายแล้วพี่ไม่สนใจหรอกนะว่าจะต้องเสียชื่อเสียงอีกแค่ไหน เพราะสุดท้ายคนที่พูดเรื่องโกหกก็ต้องรับผลของมันอยู่ดี”“พี่วินทร์! นี่พี่จะบอกว่าฉันโกหกเหรอคะ"“ไม่ทำก็ดีแล้ว รีบไปเถอะพี่จะรีบทำงาน”อีกฝ่ายรีบคว้ากระเป๋าและมือถือเดินออกจากคอนโดนหรูของภาวินทร์ทันที เมื่อเสียงประตูปิดลงภาวินทร์ก็รวบถือแฟ้มที่เพื่อนสนิทเขาเอามาให้เดินเข้าไปในห้องและเอนตัวลงกับเตียงและอ่านอีกครั้ง“นักศึกษาพยาบาล รับทุนเรียนดีทุกปีเพื่อชำระค่าเทอมแล้วยังมีสิทธิ์สอบชิงทุนเรียนต่อระดับปริญญาโทและบรรจุเข้าทำงานในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย เก่งไม่เบาเลยนี่ยัยแว่น”เขามองรูปถ่ายของเธอและเพ่งดูอีกครั้ง ซึ่งเมื่อมองดูช้า ๆ แบบนี้ก็ยังไม่คุ้นเคยว่าเคยเจอเธอในบาร์นั้นหรือเปล่า เพราะเขาไม่เห็นคนที่มีลักษณะสาวเฉิ่มแบบนี้ในสถานที่แบบนั้น“จะเป็นไปได้ยังไงที่มองพลาด ถ้ารู้จักและเคยเห็นแค่ผ่านหน้าก็ต้องรู้สึกคุ้นหน้าสิวะ”ลักษิกาเข้ามาเรียนได้เพราะการสอบชิงทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัยได้และยังเป็นที่หนึ่งในคณะพยาบาลมาสอ
“เฮ้ยน้อง ปากแบบนี้มันน่า…”ภาวินทร์ดึงนิธิศออกไปโดยมี “ชินกร” และ “วีรภัทธ”เพื่อนของเขาดึงเอาไว้ด้วยเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ สาวแว่นคณะพยาบาลที่พวกเขาชอบล้อเธอมากว่าสองปีจู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมาสู้กลับซึ่งทำให้พวกเขาแปลกใจไม่น้อย โดยเฉพาะภาวินทร์“พูดใหม่อีกทีสิ”“พูดอะไร”“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรล่ะยัยแว่น”สายตาแข็งกร้าวของเธอแม้เขาจะมองผ่านแว่นแต่ก็รู้ว่าเธอกำลังโกรธจัด ซึ่งเขาเองก็พอเข้าใจได้เพราะเธอถูกพวกเขาล้อตั้งแต่เข้ามหาลัยใหม่ ๆ แต่ให้ตายเถอะพอเห็นเธอทีไรมันก็อดไม่ได้จริง ๆ นี่นา ผ่านมาสองปีแม่สาวเจ้าไม่เคยเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวเลยสักนิด“ผ่านมาสามปีก็ไม่มีพัฒนาการขึ้นเลยสักนิด”“แล้วมันหนักส่วนไหนของพี่ล่ะคะ”“ไม่หนักหรอกก็แค่อยากรู้เท่านั้นว่าวัน ๆ นอกจากท่องหนังสือสอบหอบตำราเข้าห้องสมุดแล้วทำอะไรเป็นอีกบ้าง”“ก็ดีกว่าพวกที่ดีแต่พกปากมามากกว่าสมอง แล้วมานั่งเห่าหอนไปวัน ๆ เหมือนพวกหมาหมู่แถวนี้ก็แล้วกัน”“เธอว่าใครเป็นหมา”“ถ้าไม่อยากรับก็อย่าเดือดร้อนสิ”“แล้วเมื่อกี้ว่าให้ใคร เธอเป็นรุ่นน้องนะ”“สันดานต่ำ”“อะไรนะ!”“เอาสิ จะได้รู้ไปเลยว่านอกจากปากหมาแล้วยังกล้าทำร้ายผู้หญิงด้วย”“ไปซะ
คอนโด “หยุด…พอก่อน อ๊ะ…อ๊าา”เสียงขอร้องในค่ำคืนเร่าร้อนไม่มีผล บั้นท้ายงอนงามถูกหนุ่มกำยำดีกรีเดือนคณะวิศวะปีที่สี่ยังคงถูกกระแทกไม่หยุดเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่มุดหน้ากับหมอนเพื่อกั้นเสียงร้อง“อื้อ… พี่วินทร์…ฮึก!!”จังหวะสุดท้ายที่เข้าสอดลึกและแช่เอาไว้ “ลักษิกา” จึงรู้ว่าทุกอย่างจบลงแล้ว …แต่เธอเข้าใจผิดว่าเขาจะหยุดเพราะตอนนี้ “ภาวินทร์” กำลังถอดเครื่องป้องกันและจัดการตัวเอง ไม่ทันที่เธอจะได้ขยับดึงผ้าห่มก็ได้ยินเสียงฉีกซองป้องกันถุงใหม่อีกครั้ง“เดี๋ยวก่อนค่ะ พรุ่งนี้มิวมีสอบย่อย คืนนี้คง…”“นอนลงไปดี ๆ เถอะมิวอย่าให้พี่โมโห พี่เคยบอกแล้วว่าอย่ากลับไปทำงานแบบนั้นอีกไม่ใช่เหรอ”“ไม่ใช่นะคะพี่วินทร์เข้าใจผิด มิวแค่ อ๊าา!!”เขากดศีรษะเธอลงและเริ่มสอดใส่เข้าไปด้านหลังอีกครั้ง แม้ว่ามิวจะไม่ต่อต้านแต่คืนนี้เขาทำแบบนี้มาเกินสองรอบแล้วซึ่งเธอเริ่มจะหมดแรงจนพูดไม่ออกแล้ว“ฮึก!! เสียวฉิบหาย อาา… มิว”“อื้อ….”“มานี่ มาขึ้นให้หน่อย”“ไม่เอานะพี่วินทร์ อย่าทำแบบนี้ อ๊าา”เขาดึงตัวเธอมานั่งคร่อมตักและค่อย ๆ สอดอาวุธประจำตัวเข้าไป มิวที่ทั้งจุกและเสียวร้องครางกระเส่าเมื่อเขาสั่งให้เธอขยับเอวขึ้นอี