มิวรู้สึกว่าตัวเองพลาดไปแล้ว เมื่อบอกเขาไปแบบนั้นมันก็ไม่เท่ากับว่าเธอได้จับตัวเองใส่พานให้เขาด้วยตัวเองหรอกเหรอ สายตาของภาวินทร์ในตอนนี้เองก็ใช่ว่าจะน่าไว้ใจ เขาโยนบางอย่างให้เธอ
“นี่อะไรคะ”
“กุญแจห้องนี้”
“แล้ว?”
“จากนี้มาที่นี่อาทิตย์ละสามวัน จะวันไหนก็แล้วแต่เธอ”
“มาที่นี่เหรอคะ”
“ใช่ ทางที่ดีมาตอนกลางวัน ค่ำ ๆ หน่อยก็ได้”
“นี่คือ…”
“ทำความสะอาด ทำอาหาร พี่ไม่ค่อยกลับมาแต่ช่วงนี้คงต้องมาบ่อย ๆ เพราะต้องทำโปรเจคจบ”
“เอ่อ…แค่นี้”
“ทำไมล่ะ ไหนบอกทำได้ทุกอย่าง”
“ค่ะ! ถ้าเป็นแบบนี้ก็ได้ค่ะ มิวยินดีค่ะจะทำให้ดีที่สุดค่ะ เอาเป็นวันจันทร์ พุธ กับศุกร์ช่วงบ่ายนะคะจะไม่ขาดสักวันเลยค่ะ”
“ได้งานคนใช้ต้องดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ค่ะ ดีใจค่ะถ้าอย่างนั้นมิวกลับได้เลยใช่ไหม”
“เดี๋ยว…”
“คะ?"
“ทำไมต้องแต่งตัวแบบนี้หรือว่ามันเป็นกฎของร้าน”
มิวก้มลงมองตัวเองที่แต่งตัวค่อนข้างโป๊และโชว์รูปร่างที่ซ่อนรูปของเธอที่ค่อนข้างเซ็กซี่เกินคาดไปมาก เขาไม่เคยนึกเลยว่าภายใต้ชุดนักศึกษาและกระโปรงหลวม ๆ แล้วยังรองเท้าผ้าใบสีชมพูที่น่ารำคาญนั่นจะซ่อนรูปร่างที่สวยและเซ็กซี่มากกว่าดาวมหาลัยยังชิดซ้ายเอาไว้
“คือว่า… เป็นชุดที่พี่หญิงผู้จัดการร้านเตรียมไว้ให้ แต่งตามเทศกาลค่ะ”
“แล้วทำไมวันนี้ไม่เปลี่ยนชุดก่อนกลับบ้านจะไปไหนต่อ”
“คือว่า... วันนี้….”
“ทำไม”
เธอจะบอกเขาได้ยังไงว่าเธอมีรอบเดือนและชุดที่เธอสวมมาก่อนเข้าทำงานเปื้อนทำให้เธอไม่สามารถกลับไปใส่มันได้
“คือว่ามิวไม่สะดวกจะเปลี่ยนก็เลย...”
“ทำไมหน้าซีดล่ะ”
เขารู้สึกแปลกใจที่เห็นหน้าเธอซีดลงและเริ่มกุมที่ท้อง นี่เป็นสาเหตุที่เธอไม่ดื่มน้ำเย็นและไม่กลัวที่จะต้องเข้ามาที่นี่กับเขานี่เอง คนที่เจนจัดเรื่องผู้หญิงอย่างภาวินทร์รู้ได้ทันที
“เอาน้ำอุ่นไหมพี่จะไปเอามาให้”
“ไม่ค่ะ ไม่เป็นไรมิวขอกลับบ้านเลยนะคะ”
“เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง ไหน ๆ ก็มาถึงนี่แล้วส่งขึ้นรถไปทั้งแบบนี้คงไม่ดีแน่”
“แต่ว่า... ที่นี่เหมือนจะไม่ได้ไกลจากหอพัก”
“อย่าเรื่องเยอะ ก่อนที่จะรับแม่บ้านก็ต้องรู้สิว่าเมดของตัวเองพักอยู่ที่ไหน”
“เมด?”
“เมดที่แปลว่าแม่บ้าน ผิดตรงไหน”
“ก็ได้ เมดก็เมด”
“ลุกไหวไหม”
“ค่ะ”
เขาเดินเข้าไปพยุงเธอเล็กน้อย มือที่เย็นเฉียบดูก็รู้ว่าเธออดทนมานานแล้วทั้ง ๆ ที่ปวดท้องประจำเดือนแต่ก็ต้องมาทำงานดึก แบบนี้ทั้ง ๆ ที่ควรจะนอนพักผ่อน เขาค่อย ๆ พาเธอกลับไปที่รถและขับไปส่งที่หน้าหอพักของเธอ
“ขอบคุณนะคะ”
“ห้องอะไร”
“คะ?"
“ห้องของมิวน่ะ”
“คือว่า ต้องบอกด้วยเหรอคะ”
“เกิดป่วย หรือตายขึ้นมาจะได้รู้ว่าจะหาตัวได้ที่ไหนรีบบอกมา”
“สี่สี่สามเอ”
“เดินไหวไหมพี่จะเดินไปส่ง”
“ไม่ต้องค่ะ ไม่เป็นไรมิวเดินไหวขอบคุณนะคะแล้ว... วันจันทร์จะรีบไปทำความสะอาดให้”
“อืม ขอบใจ”
“เอ่อ คือว่าเรื่องนี้…”
“ไม่ต้องห่วงหรอกเห็นพี่เป็นแบบนี้พี่ก็รักษาคำพูด เรื่องนี้จะมีแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้”
“ขอบคุณมากนะคะ”
เธอเดินลงจากรถของเขาและรีบขึ้นไปที่ห้องทันที ส่วนภาวินทร์ที่พึ่งขับรถออกมาถึงกับยิ้มให้กับเรื่องในวันนี้ แม้ว่าจะไม่เป็นไปตามที่หวัง
“อย่างน้อยก็ได้แม่บ้านมาหนึ่งคนแหละนะ”
เขารู้สึกขำเมื่อเห็นสีหน้าที่กลัวเขาจนสั่นเหมือนลูกแกะตัวเล็ก ๆ จนทำให้เขาคิดจะแกล้งเธอก็ทำไม่ลง และไม่กล้าจะทำอะไรโชคดีที่เขายังไม่คิดเพราะวันนี้ไม่ใช่วันที่ถูกจังหวะเอาเสียเลย
“ไอ้เสือเอ๊ย ออกจากบ้านก้าวขาไม่ถูกข้างสินะวันนี้ หึ”
วันถัดมา Q - Bar
ภาวินทร์เดินเข้ามาที่บาร์และต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเธอกลับมาทำงานในวันนี้ ที่จริงถ้าหากเธอป่วยก็น่าจะลาหยุดไปไม่ใช่เหรอ เขารีบเดินไปนั่งที่บาร์และสั่งเครื่องดื่มกับเธออีกครั้ง เมื่อมิวเริ่มชงและนำมาวางให้ตรงหน้าเขาจึงรีบถาม
“ทำไมไม่หยุดสักวันล่ะ ไม่ปวดท้องแล้วเหรอ”
“ยังปวดนิดหน่อยค่ะ”
ท่าทางของเธอหลังจากที่เขารู้ความลับดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าเธอจะกลัวเขาจนไม่กล้าจะพูดจาแรง ๆ ใส่เหมือนตอนที่ด่าพวกเขาหน้าคณะวิศวะจนพวกเขารู้สึกอายและไม่กล้าที่จะแซวหรือล้อเลียนเธออีกเลย
“กินยามาหรือยัง”
“กินไปตอนบ่ายค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะพรุ่งนี้มิวจะไปตามนัดแน่ไม่เบี้ยวหรอกค่ะ”
“ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น ถ้ายังไม่ไหวก็ยังไม่ต้องมา ค่อยมาวันพุธทีเดียวก็ได้”
“ขอบคุณค่ะ”
“อืม แล้วกินข้าวแล้วเหรอถึงได้มายืนตัวบิดอยู่หน้าบาร์แบบนี้”
“คือว่า…”
“ว่าแล้วเชียวมิน่าล่ะ”
ภาวินทร์เองก็รู้สึกแปลกใจตัวเองเหมือนกันที่เอาแต่มายืนถามเธออยู่แบบนี้ แม้ว่าจะมีสาว ๆ มามักทายแต่หลังจากเกิดเรื่องในวันนั้นสาว ๆ ก็ไม่ค่อยกล้าเข้ามาหาเขาเพราะกลัวจะถูกด่าและไล่เหมือนที่นินนี่โดนเมื่อหลายวันก่อน
“เลิกเวลาเดิมหรือเปล่า”
“ค่ะ”
“จะไหวเหรอเนี่ยเรียกคนมาช่วยดีกว่า”
“เรเน่….”
“ได้เลย”
เธอหันไปชงเครื่องดื่มอีกครั้งและพยายามควบคุมอาการเอาไว้ทั้ง ๆที่ปวดท้องมากเพราะวันนี้พึ่งจะเป็นวันที่สามที่มีประจำเดือนดังนั้นเธอจึงรู้สึกปวดท้องมาก
“นี่..มิว…เรเน่ ไหวหรือเปล่า”
เธอชงเครื่องดื่มและเทแก้วสุดท้ายเสร็จก็เรียกพนักงานมารับไปก่อนจะค่อย ๆ นั่งลงที่เก้าอี้หัวโล้นด้านในบาร์และดึงแก้วมาเช็ดเพื่อไม่ให้ดูว่าง
“ทำไมต้องฝืนตัวเองขนาดนี้ พี่ให้ทิปไม่มากพอเหรอ”
"ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ แต่มันอยู่ที่… ความรับผิดชอบต่างหาก"
“โดยที่ไม่ห่วงสุขภาพเนี่ยนะ นี่เธอเรียนพยาบาลจริง ๆ ใช่ไหม”
“พี่จะมาชวนทะเลาะทำไม”
“ก็ได้ ๆ อีกยี่สิบนาทีจะเลิกงานแล้วนี่ รอที่เดิมนะอย่าช้าล่ะ”
“อะไรคะ”
“หรือจะให้ไปรับที่ห้องเปลี่ยนชุดพนักงาน”
“ไม่ค่ะ!”
“งั้นก็ตามนั้น”
ภาวินทร์ดึงเงินออกมาจ่ายค่าเครื่องดื่มก่อนจะเดินออกไปรอเธอข้างนอก แน่นอนว่าเขาไม่ไปรอเธอที่รถหรอกเพราะเธออาจจะหนีกลับ ซึ่งเขาก็คาดเอาไว้ไม่ผิดเพราะเธอกำลังมองหาแท็กซี่อยู่จริง ๆ วินทร์จึงเดินมาดึงแขนเธอเอาไว้
“นึกแล้วเชียวลูกแกะน้อยหัดโกหกแล้วเหรอ”
“พี่วินทร์ วันนี้ฉัน...”
“มานี่ จะพากลับบ้าน”
“แต่ว่า…”
“ไม่ต้องพูดมากเก็บแรงไว้กินข้าวเถอะ”
เขาพาเธอมาที่รถและขับออกจากบาร์ทันที มิวพอขึ้นรถได้ก็นั่งห่อตัวเพราะความปวด เขารู้ดีว่าเธอต้องใช้อะไรเพราะก่อนหน้านี้เขาก็เคยทำ ถุงร้อนถูกยื่นให้เธอ
“อะไรคะ”
“เอาอังไว้สิ นี่น้ำอุ่น ค่อย ๆ จิบ”
แม้ว่าจะอยากถามแต่มิวก็เลือกที่จะไม่พูดและรับถุงน้ำร้อนมาจากเขา ความอบอุ่นแผ่เข้ามาโดยที่ไม่ได้มาจากถุงน้ำร้อนนี่ น้ำอุ่นที่เธอได้จิบก็ทำให้เธอเริ่มรู้สึกดีขึ้น
“ทำไมพี่ถึงรู้ว่า…”
“ก่อนหน้านี้เคยทำน่ะสิก็เลยรู้”
เธอหันหน้าหนีอีกครั้งและมองออกไปข้างนอก นั่นสินะเขาเป็นเพลย์บอยตัวพ่อจะไม่รู้วิธีดูแลผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง เธอน่าจะรู้ดีเพราะชื่อเสียงของภาวินทร์เรื่องผู้หญิงที่ควงไม่เกินเดือนและเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ ดังกระฉ่อนไปทั่วมหาลัยตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามาเรียน
“นี่เราจะไปไหนกันคะ ทางนี้มันไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่คะ”
“พูดมากจริง ๆ นี่คงไม่คิดว่าพี่จะเอามาขายหรอกนะ”
“แล้วพาไปไหนคะ”
“ปวดท้องขนาดนี้ก็ต้องหาข้าวร้อน ๆ กินแล้วกินยาสิถามได้ อดข้าวตั้งหลายชั่วโมงต้องหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยกินยา”
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ มิวกลับไปกินที่หอได้”
“ไม่ต้องพูดมาก หากเธอเป็นอะไรไปพี่ก็…. ไม่มีแม่บ้านคอยทำความสะอาดน่ะสิ นั่งเฉย ๆ ใกล้จะถึงแล้ว”
เมื่อเขาพามาจอดที่ร้านข้าวต้มและเริ่มสั่ง มิวก็เริ่มหันไปมองรอบ ๆ ตอนนี้ถุงร้อนของเธอเริ่มเย็นแล้วเขาจึงได้บอกให้เธอเอาออกมาให้“เอามาสิ”“ทำไมคะ”“บอกให้เอามาก็เอามาเถอะ”เธอยื่นถุงน้ำร้อนไปให้เขาตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ภาวินทร์ลุกขึ้นเดินนำถุงน้ำร้อนนั้นเอาไปให้เด็กในร้าน เขาพูดไม่กี่ประโยคเธอก็ยิ้มและโค้งให้เขาก่อนจะหายไปพร้อมกับถุงน้ำร้อน“รอเดี๋ยวนะ”“พี่วินทร์ให้เขาไปทำอะไรเหรอคะ”“เปลี่ยนน้ำร้อนให้เธอน่ะสิ”“คะ? แล้วเขาทำให้ได้ด้วยเหรอคะ ที่จริงไม่ต้องลำบากถึงขนาดนั้นก็ได้”ไม่ทันที่จะได้ตอบอาหารหอม ๆ ที่ทำใหม่ ๆ ก็เริ่มทยอยมาวางตรงหน้า มิวรู้สึกหิวขึ้นมาเล็กน้อยจากที่ไม่ได้คิดอะไรแต่เพราะอาหารที่น่ากินและข้าวต้มร้อน ๆ ที่นำมาวางก็ทำให้เธอไม่มีสมาธิ“กินเถอะ อาหารพวกนี้ดีต่อสุขภาพ เดี๋ยวจะพาไปซื้อยา”“ขอบคุณค่ะ”เธอไม่พูดอะไรเมื่อเขาอนุญาตให้เธอกินก่อน อาหารที่ทำมาไม่ว่าจะเป็นผัดผักบุ้งไฟแดง หัวไชโป๊ผัดไข่ ไข่เจียวหมูสับกรอบ ๆ เมื่อได้กินข้าวต้มร้อน ๆ มิวก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น ภาวินทร์ที่กินไปด้วยและมองข้าวของเธอที่หมดก่อนเขาก็นึกประหลาดใจไม่น้อย“เอาข้าวเพิ่มอีกไหม”“อื้ม ขอบคุณค่ะ
ภาวินทร์หันไปมองคนที่พูด ลักษิกายังไม่ทิ้งความปากเปราะที่ชอบพูดขยี้จิตใจคนอื่น แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะทำอะไรเขาไม่ได้เพราะภาวินทร์ไม่แม้แต่จะไปหยิบดูเลยด้วยซ้ำ“เอาไปทิ้งให้หมด”“อะไรนะคะ ทิ้งหมดนี่เลยเหรอคะ”“เอาเก็บไว้ทำไมล่ะ ขยะก็ต้องทิ้งถูกแล้วนี่”“ขยะเหรอคะ แต่ว่านี่… บางชิ้นเหมือนจะเป็นของแบรนด์เนมเลยนะคะ”“ขยะก็คือขยะ เก็บไว้ทำไมหรือถ้าเธอเสียดายก็เก็บไปขายสิ น่าจะได้หลายพันอยู่นะ”“ฉันไม่ใช่ขโมยนะคะ”“ก็ถึงได้บอกให้เอาไปทิ้งยังไงล่ะ ฟังไม่รู้เรื่องเหรอยัยลูกแกะน้อย”“ฉันไม่ใช่...”“รีบเอาไปทิ้งจะได้พาไปกินข้าว”“ไม่ดีกว่าค่ะ ทำงานเสร็จแล้วมิวขอตัวกลับเลยนะคะวันนี้มีนัดต่อ”“อะไรนะ มีนัดเหรอ?”“ค่ะ ถ้าอย่างนั้น…”เธอรวบห่อบนโต๊ะทั้งหมดใส่กระเป๋าไปอีกครั้ง ภาวินทร์ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขามอบหน้าที่นี้ให้เธอจัดการแล้ว“อันนี้มิวขอนะคะ แล้วก็ขอตัวเลยค่ะเจอกันวันพุธ”“มีนัดกับใคร”“เรื่องส่วนตัวค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”เธอไม่ตอบยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด เธอยิ้มก่อนจะออกไปพร้อมกับถุงขยะย่อม ๆ โดยทิ้งเขาให้ยืนโมโหอยู่ที่เดิมก่อนจะเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อมองดูว่าเธอขึ้นรถอะไรกลับบ้านสักพัก
ภัทรและธิศกินเสร็จแล้วก็เดินออกไปจากโรงอาหารทันที ไม่นานเขาก็เห็นเธอเดินมาสั่งของหวานที่ร้านน้ำแข็งไสตรงหน้าส่วนเขาก็เดินไปสั่งข้าวแกงร้านข้าง ๆ เมื่อเธอเดินกลับไปนั่งที่เดิมเขาจึงเดินตามเธอไปนั่งตรงข้าม มิวถึงกับตกใจเมื่อหันไปมองและเห็นว่าเพื่อนของเขาไปหมดแล้ว“ไม่ต้องมองพวกมันไปหมดแล้ว”“แล้วทำไมต้องมานั่งที่นี่ล่ะคะ”“ก็อยากนั่ง มีเรื่องจะคุยด้วย”“อะไรคะ”“มิวทำพี่เป็นแผล คิดว่าอีกนานคงจะหายดังนั้นคงต้องรับผิดชอบสักหน่อย”“อะไรนะคะ ก็มิว….”เธอลดเสียงลงเมื่อหลาย ๆ คนเริ่มมองมาที่เธอ ทุกคนไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมภาวินทร์หนุ่มสุดหล่อคณะวิศวะที่สาว ๆ เฝ้าฝันว่าอยากจะกินข้าวกับเขาสักมื้อ ทำไมถึงต้องไปเลือกนั่งกับคนหน้าตาเฉิ่มแว่นหนาอย่างมิวคณะพยาบาล คนที่จืดชืดเหมือนกับกาแฟเย็นที่น้ำแข็งละลายผสมจนหมดรสชาติแบบนั้น“เบาหน่อยสิ แต่ว่าพี่ต้องใช้นิ้วมือในการทำโปรเจคแต่ตอนนี้มันบาดเจ็บดังนั้นก็ต้องเป็นหน้าที่มิวที่จะต้อง…”“อะไรนะคะ เดี๋ยวก่อนนะคะแค่หน้าที่แม่บ้านสามวันต่อสัปดาห์…”"ทุกวันพุธและวันศุกร์ไม่ต้องทำความสะอาด ทำแค่วันจันทร์วันเดียวพอ"“ทำไมล่ะคะ”“เพราะว่าพี่มีงานอื่นให้ทำ”“งา
“มิว แกจะเหนื่อยไปหรือเปล่าถ้าไม่ไหวก็หยุดสักงานเถอะโดยเฉพาะงานที่ไม่ได้เงิน”“แกคิดว่าฉันอยากทำเหรอ แต่เพราะเขารู้ความลับนี้ถ้าหากเขาจะแก้แค้นแล้วบอกเรื่องนี้กับทางมหาลัย ฉันก็ต้องหาเงินมาจ่ายค่าเทอมเองแล้วอีกอย่างก็จะช่วยคุณยายไม่ได้”“มิว… หรือว่าแกจะลองติดต่อพ่อ...”“อย่าพูดถึงเขาเลย”“ก็ได้”แยมไม่พูดต่อเพราะเรื่องนี้เธอรู้ดีว่ามิวไม่มีทางยอมรับ แม้ว่าคุณยายของเธอจะป่วยเป็นโรคหัวใจ แต่มิวไม่เคยขอความช่วยเหลือจากพ่อของเธอเลยสักนิดทั้ง ๆ ที่พ่อของมิวก็เป็นนักธุรกิจและมีบริษัทใหญ่โต แต่เมื่อแม่ของมิวแยกทางกับพ่อมิวก็ไม่เคยติดต่อพ่อของเธออีกเลยสองวันถัดมา / คอนโดภาวินทร์มิวมาทำความสะอาดให้เขาตามที่ตกลงเอาไว้จนครบหนึ่งเดือน แม้ว่าภาวินทร์บอกว่าไม่ต้องทำแล้วแต่ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มงานโปรเจคที่เขาบอกเอาไว้ เธอจึงมาทำให้เขาตามที่ตกลงและได้แลกเบอร์กันเอาไว้เพื่อจะได้สะดวกในการติดต่อ“นี่อะไรคะ”“ค่าจ้างไง คิดว่าพี่จะให้มิวทำฟรี ๆ เหรอ”“แต่นี่มันไม่มากเกินไปเหรอคะ”“ก็ไม่ได้ต่างกับทิปที่ให้ที่ผับนี่นา”“ทำความสะอาดทีละห้าพัน ยอดไปเลยแต่ว่ามิวไม่อยากเอาเปรียบพี่วินทร์หรอกค่ะ”“ไม่เอาใช่ไ
สายตาของภาวินทร์เหมือนจะฆ่าคนได้อยู่แล้วเมื่อนิรุตเพื่อนสนิทของวิทขอร้องให้เขาปล่อยเพื่อน ก่อนที่จะถูกภาวินทร์รัดคอจนตาย“ปล่อยก่อนพี่ ผมจะรีบเล่าให้ฟังเอง”เขาหันไปมองรุตก่อนจะปล่อยวิท และหันมาลากคอรุตไปที่โต๊ะและถามอีกที“มึงรีบเล่ามาก่อนที่กูจะกระทืบมึง”“คืออย่างนี้พี่ ผู้จัดการที่นี่...พี่หญิงน่ะ ถ้ามีเสี่ยคนไหนถูกใจเด็กแกก็จะทาบทามให้ แต่ว่าครั้งนี้เรเน่ไม่ใช่เด็กของแกและเป็นบาร์เทนเดอร์ อีกอย่างเรเน่ไม่ใช่เด็กแบบนั้นพี่หญิงก็เลยวางแผนกับไอ้เสี่ยนั่นจัดปาร์ตี้ลับขึ้นเพื่อจะพาเรเน่…อย่าชกผม!”ภาวินทร์ยั้งมือได้และรีบวิ่งออกไปจากผับทันที เขาไม่เคยรู้สึกรีบร้อนถึงขนาดนี้ โชคดีที่ถนนช่วงนี้โล่งเพราะเป็นวันอาทิตย์ ใช้เวลาแค่สิบนาทีก็มาถึงโรงแรมที่ว่านั่น“มิว!! อยู่ไหนมิว”มิวที่แทบจะหมดแรงเริ่มทนไม่ไหว สาธิตใส่ยากระตุ้นให้เธอกินและตอนนี้เธอก็เริ่มร้อนและหมดแรงแต่ก็ต้องพยายามกลั้นเสียงเอาไว้เพื่อไม่ให้คนที่ตามมาได้ยิน ชุดที่เธอใส่เริ่มเปียกจนเธอไม่สบายตัว“มิว! ได้ยินพี่ไหม มิว!”เขายังวิ่งหาเธอไปทั่วบันไดหนีไฟ ไม่นานก็เห็นเธอยืนหอบอยู่ที่ทางออก แต่พยายามปิดปากตัวเองเพื่อกลั้นเสียง เ
“อื้อ…ตกลง อ๊ะ”เขาค่อย ๆ เปิดทางและเริ่มสอดใส่เข้าไปพร้อมกับดูดและโลมเลียหน้าอกของเธอไปด้วยเพื่อให้เธอคลายความเจ็บปวดกับครั้งแรกที่อาจจะทำให้เธอเจ็บ เพราะขนาดที่ใหญ่ของเขาอาจจะทำให้เธอบาดเจ็บได้“อ๊ะ!! เดี๋ยวก่อนค่ะ มันเจ็บ โอ๊ย!! มัน อ๊าา…”แต่เขาทนไม่ไหวแล้ว เสียงที่เธอพยายามขอร้องและเล็บที่เริ่มจิก ข่วนที่หลังของเขากลับทำให้เขายิ่งต้องการเธอมากขึ้นและในที่สุดก็สอดใส่เข้าไปจนสุด“อ๊าา!!”ด้านในที่คับแน่นและตอดรัดเกือบทำให้เขาตายคาอกเธอแทน ตัวเขาสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่าจะผ่านผู้หญิงมากี่คนก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน จากที่รำคาญและเกลียดลักษิกาจนอยากจะแก้แค้นเพราะเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่กล้ายืนด่าเขา จากที่อยากแก้แค้นโดยการแกล้งเธอให้ทำความสะอาดและหลอกให้ช่วยงานโปรเจค แต่ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นเขาที่ตื่นเต้นในการมีเซ็กส์ครั้งแรกกับเธอเสียเอง“แย่แล้ว อาา!!”เขายังไม่ทันขยับแต่ความเสียวจากการบีบรัดนี้ก็ทำให้เขาทนไม่ไหว ไม่คิดว่าเขาจะแตกออกมาได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ไม่ทันได้ขยับเลยด้วยซ้ำ อีกอย่างก็พึ่งจะสอดเข้าไปเท่านั้นก็ทนไม่ไหวแล้วโชคดีที่อีกฝ่ายไม่ทันได้รู้ตัว เขาค่อย ๆ ดึงอ
วันถัดมามิวค่อย ๆ ลุกขึ้นมาแต่เธอรู้สึกว่าขยับตัวแทบไม่ได้โดยเฉพาะช่วงตั้งแต่เอวลงไปนั้นแทบจะไร้ความรู้สึก แต่ที่น่าตกใจมากกว่านั้นกลับเป็นเสียงลมหายใจที่อยู่ข้าง ๆ หูของภาวินทร์ที่นอนอยู่ข้างเธอตอนนี้มากกว่า “เมื่อคืน…”มิวค่อย ๆ ลุกจากเตียงให้เบาที่สุดเพราะตอนนี้ภาวินทร์นอนกอดเธออยู่แต่เขาหลับสนิท เธอค่อย ๆ หันไปมองชุดเสื้อผ้าที่ถูกฉีกขาดจนน่าจะใส่ไม่ได้แล้วจึงได้หันมามองเขาอีกครั้ง“มิวไม่ได้ขโมยนะ แค่จะยืมใส่ชั่วคราวเท่านั้นเองมีโอกาสจะเอามาคืน”เธอเดินไปคว้าผ้าขนหนูมาพันรอบตัวและแอบเปิดตู้เพื่อหาเสื้อเชิ้ตของภาวินทร์มาสวมเอาไว้ลวก ๆ ก่อนจะรีบหันไปหยิบกระเป๋าที่เขาเอาวางให้เธอที่โซฟาในห้องนอนและค่อย ๆ เดินไปที่ประตู มิวกำลังจะบิดลูกบิดออกไปเสียงกระซิบข้างหลังก็ดังขึ้นมา“จะรีบไปไหนเหรอยัยลูกแกะน้อย”มิวยืนตัวแข็งทื่ออยู่หน้าประตู เมื่อภาวินทร์เดินมาประชิดตัวเธอ โชคดีที่เขายังใส่กางเกงชุดนอนแม้ว่าจะไม่สวมเสื้อเมื่อยืนอยู่ข้างหลังและใช้มือดันประตูเอาไว้ที่จริงเขาตื่นตั้งแต่มิวค่อย ๆ ลงจากเตียงแล้ว แต่ไม่อยากให้เธอตกใจก็เลยแอบมองดูเธอทำท่าทางน่ารัก ๆ ในห้องเงียบ ๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ
มิวช็อกและนั่งนิ่งไปพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลรื้นออกมาเมื่อฟังเรื่องที่ภาวินทร์พูดจบ ถ้าอย่างนั้นทั้งงานเมื่อคืนนี้ พี่หญิงที่เป็นผู้จัดการที่หันมาให้เธอยอมดื่มกับลูกค้า “ทั้งหมดนั่น…”“มิว ใจเย็น ๆ นะไม่ต้องตกใจตอนนี้ไม่มีใครทำอะไรมิวได้แล้ว”เธอไม่ได้คิดเรื่องนั้นแค่รู้สึกว่าเธอหลงไว้ใจ เชื่อใจคนผิด ทั้งพี่หญิงที่รับเธอเข้าทำงานรอยยิ้มที่มักจะบอกว่าเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวและให้เงินพิเศษในทุก ๆ เดือน กลับเป็นคนพาเธอไปส่งถึงมือเสี่ยบ้าเซ็กส์คนนั้นจนถึงกับยอมให้เธอถูกวางยา หากเมื่อคืนไม่มีภาวินทร์ คนที่เธอนอนด้วยก็คงจะเป็น….“ฮือ…”“ไม่เป็นไรนะมิว ไม่ต้องร้องแล้ว”ภาวินทร์ไม่เคยเห็นเธอในสภาพนี้มาก่อน แม้เขาจะเคยเห็นเวลาผู้หญิงร้องไห้มาบ่อย ๆ จนชินเพราะเธอมักจะใช้มุกนี้เพื่อรั้งเขาแต่กับลักษิกา เธอไม่ได้ใช้มันเพื่อขอให้เขาสงสารหรือเห็นใจ เธอร้องเพราะเสียใจจริง ๆ“มิว ใจเย็น ๆ นะ เรื่องนี้พี่จัดการไปแล้ว”มิวนิ่งเร็วกว่าที่เขาคิดเพราะไม่นานเธอก็ตั้งสติได้จนเขานึกทึ่งกับผู้หญิงคนนี้ สายตาเธอเต็มไปด้วยความโกรธแต่ก็หันมาถามเขาทั้ง ๆ ที่ตาและจมูกแดงเพราะร้องไห้“จริงสิคะ แล้วพี่วินทร์ไปช่วยมิ
“ฉันว่าคนที่น่าห่วงน่ะไม่ใช่มิวหรอก แต่เป็นคนขี้อิจฉาอย่างเธอมากกว่า”“ยัยแคร์ หมายความว่ายังไง”แคร์ ริชชี่และแยมเดินมาพอดีพร้อมกับดึงมิวเข้ามา ดูท่าทางแพรวาเองก็เหมือนจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ “ก็เธอโดนทิ้งก็ไม่ได้หมายความว่ามิวจะเป็นอย่างเธอ ที่ฉันเห็นนะมิวกับพี่วินทร์คบหากันมานานเกินครึ่งปีแล้ว อีกอย่างตอนที่มิวโกรธ พี่วินทร์ถึงกับตามไปง้อถึงที่เลยนะ เรื่องแบบนี้เธอเคยเจอบ้างหรือเปล่า”“แก!”“อ๊ะ ๆ แคร์พูดไม่จบฉันขอต่อให้ก็แล้วกันนะ เรื่องของเธอกับมิวมันเอามาเทียบกันไม่ได้ แค่คนที่เคยคุยกับ "แฟน" น่ะ มันก็คนละเรื่องกันแล้ว อีกอย่างนะตอนนี้พี่วินทร์ก็ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนอีกเลย ไม่คิดเลยนะว่าพี่วินทร์จะคลั่งรักขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าไหมริชชี่"แพรวากำหมัดแน่นเพราะความอิจฉา เธอเคยคุยกับภาวินทร์และเคยควงเขาอยู่ไม่ถึงสิบวัน อาจเพราะเธอเซ้าซี้เขามากเกินไปและเรียกร้องขอให้เขามารับมาส่ง แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่ภาวินทร์จะทำตามที่เธอขอ ไม่เหมือนกับที่เขาถึงกับขับรถมาส่งมิวที่หน้าคณะอย่างเต็มใจแบบนี้“งานลอยกระทงปีนี้ ถ้าเธอคิดว่าเธอแน่จริงกล้ามาแข่งกับฉันไหมล่ะ”“อะไรนะ”“งานลอยกระทงของมหาวิทยาลั
มิวหันมามองหน้าเขาเมื่อรับจานจากวินทร์มาเข้าเครื่องล้างจาน“ทำไมจู่ ๆ พี่วินทร์มาถามเรื่องนี้กับมิวละคะ ไหนบอกว่าไม่อยากให้มิวทำยังไงล่ะ”“ก็ถ้า…พี่เรียนจบแล้วและต้องทำงาน อีกอย่างที่ร้านนั้นตอนนี้พ่อพี่ก็เป็นหุ้นส่วนใหญ่ ถ้าแต่งตัวให้ดี ๆ บาร์เทนเดอร์ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวโป๊นี่จริงไหม”“ก็จริงค่ะ ที่จริงมิวก็ไม่ได้ชอบการแต่งตัวแบบนั้นเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ตอนนั้นมันเลือกไม่ได้”“อีกอย่างตอนนี้มิวก็ไม่ต้องห่วงเรื่องทุนการศึกษาแล้วด้วย ไม่จำเป็นต้องปิดบัง พี่แค่อยากถามว่ามิวอยากทำหรือเปล่า แต่ใจพี่ยังไม่อยากให้มิวไปทำหรอกนะ เพราะปีหน้ามิวก็เรียนปีสุดท้ายแล้ว พี่อยากให้มิวเรียนให้จบก่อน”“ที่จริงมิวก็รักงานนี้นะคะ แต่ก็อย่างที่พี่วินทร์พูดนั่นแหละค่ะว่าคงต้องตั้งใจเรียนก่อน เอาเป็นว่าไปช่วยแค่ชั่วครั้งชั่วคราวได้เหมือนกับงานที่แล้ว”“แต่พี่จะไม่ให้ใส่ชุดแบบนั้นแล้วนะ ใส่ให้มันรัดกุมให้ดูเป็นผับที่ดูดีหน่อยไม่ใช่…”“ตอนนี้ที่นั่นมีใครดูแลอยู่เหรอคะ”“พี่รินทร์กับสามีไง วันนี้เธอมาที่นี่เพราะจะคุยเรื่องมิวนั่นแหละ พ่อคงไปบอกเรื่องของเราหมดแล้วเพราะคืนนั้นพ่อเห็นพี่ลากมิวออกมาจากงาน วันนี้พี่ร
มิวที่ช็อกอยู่หน้าประตูพยายามก้าวขาออกจากห้อง แต่ภาพตรงหน้าทำให้เธอตกใจจนขาแทบไม่กระดิก เมื่อสาวสวยคนนั้นหันมามองหน้าเธอ ส่วนภาวินทร์พยายามลุกขึ้นมา“ฟังพี่ก่อนนะ”“เธอเป็นใครน่ะวินทร์”มิวพยายามกลั้นน้ำตาและหันออกไปจากห้องแต่ภาวินทร์ที่พยายามลุกจากโซฟามาหาเธอกลับล้มตึงลงไปกับพื้นจนเธอตกใจและหันมา“ว้าย! ไอ้วินทร์! น้องคะมาช่วยพี่หน่อยเร็ว ๆ เข้า ไอ้บ้านี่ตัวอย่างกับยักษ์ แกไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะค่อย ๆ ลุก”“พี่รินทร์หลีกไปเลยผมบอกว่า…โอ๊ย!!”มิวตกใจแต่ก็ไม่ทันได้ถาม แต่สรรพนามที่ผู้หญิงสวยคนนั้นเรียกแฟนหนุ่มของเธอ หากฟังไม่ผิดพวกเขาน่าจะไม่ใช่อย่างที่มิวคิดเอาไว้ เธอรีบวิ่งมาประคองภาวินทร์ที่ล้มให้ลุกขึ้น ซึ่งตัวภาวินทร์ร้อนเหมือนไฟ“พี่วินทร์…ไม่สบายเหรอคะ”“ใช่ค่ะ มันไม่ยอมให้พี่โทรบอก น้องมิวใช่ไหมอย่าพึ่งถามตอนนี้ช่วยพี่ลากไอ้เด็กดื้อนี่เข้าห้องนอนก่อน”“เอ่อ ค่ะ ๆ”“ไม่ต้อง พี่รินทร์กลับไปเถอะ ผมมีมิวแล้วเดี๋ยวมิวจัดการเอง โอย…”“พี่วินทร์ อย่าพึ่งพูดเข้าไปในห้องก่อน”“กลับมาแล้วเหรอ กลับมาได้เสียที”แม้แต่เสียงของวินทร์ก็แหบจนแทบไม่มีเสียง มิวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เธอก็รีบให้เขา
มิวรีบเดินออกมาจากห้องน้ำและไม่พูดอะไรกับเข้าอีก ปล่อยให้ภาวินทร์ยืนงงอยู่ในห้องน้ำ เขารีบอาบน้ำตามเธอออกมาเพื่อจะมาง้อแฟนสาวที่นั่งเป่าผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง“เอ่อ…”เธอเปิดเสียงไดร์เป่าผมให้ดังขึ้นและไม่สนใจเขาอีก วินทร์พยายามเดินวนรอบ ๆ จนต้องยอมถอยเพราะมิวคงไม่ฟังที่เขาพูดแน่ ดังนั้นจึงเดินไปเปลี่ยนชุดนอน มิวปิดที่เป่าผมและเดินมาเปลี่ยนชุดเช่นกัน“เอ่อ…”“ปิดไฟด้วยนะคะ”“เดี๋ยว… คุยกันก่อนไม่ได้เหรอครับ เมียจ๋า”“อย่ารบกวนคนจะนอนถ้ายังพูดอีกพรุ่งนี้มิวจะกลับหอ”วินทร์รูดซิปปากจนสนิทและยอมที่จะปิดไฟนอนแต่โดยดี มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขากลัวเธอมากขนาดนี้ ไม่สิเขาคิดว่าเข้าไม่ได้กลัว เขาแค่รักเธอมากขึ้นทุก ๆ วันจนไม่อยากเสียเธอไปต่างหากจึงได้ยอมลดนิสัยเอาแต่ใจของเขาลง อีกอย่างมิวแทบจะไม่เคยโกรธเขาจริง ๆ มาก่อนเลยถ้าไม่นับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่ยายของมิวจะเสีย“ขยับออกไป ร้อน”“แต่ว่าพี่นอนไม่หลับ”“มิวบอกว่ามิวร้อนไม่ได้ยินเหรอคะ จะนอนที่นี่หรือว่าจะไปนอนห้องนอนเล็ก”“ก็ได้ ๆ ไม่กวนแล้วก็ได้อย่าแยกห้องนอนเลยนะครับ”มิวขยับหนีเขาไปเกือบสุดเตียง คนตัวโตได้แต่นอนถอนหายใจและทำท่าเห
ภาวินทร์คว้าข้อมมือของมิวเดินผ่านผู้หญิงสองคนที่ซุบซิบพวกเขาอยู่ พวกเธอหลบตาเขาจนเขาเดินผ่านไปและไม่กล้าแม้แต่จะตอบโต้ มิวเห็นท่าทางโกรธของเขาจึงได้ยิ้มออกมา“ขำอะไรกัน ไม่โมโหเหรอที่ถูกคนว่าลับหลังแบบนั้น”“แล้วพี่วินทร์จะไปฟังทำไมละคะ”“ก็มันน่าโมโหนี่ ถ้ามิวแต่งตัวแต่งหน้าจัดเต็ม สวยกว่าพวกปากมากนั่นอีก”“เฮ้อ… ความปากดีของพี่วินทร์ไม่เคยลดลงเลยนะคะ”“แล้วไม่ชอบเหรอ”ภาวินทร์หันมาคว้าเอวของแฟนสาวเข้ามากอดพร้อมกับค่อย ๆ เอียงหน้าเข้ามาใกล้ ๆ มิวเบี่ยงหลบและตีไปที่ไหล่ของเขาจนวินทร์หัวเราะเพราะเธอเริ่มอายอีกแล้ว“เมือไหร่จะเลิกทำหน้าตาน่ารักนั่นเสียทีนะ พี่จะทนไม่ไหวอีกแล้ว”“พอเลยค่ะรีบกลับเถอะ ผักก็เลือกมาได้ไม่เท่าไหร่เองก็ไปหาเรื่องคนอื่น”“ไปซื้อที่อื่นก็ได้ไม่เห็นจะยากเลย พี่ไม่ชอบให้ใครมาพูดลับหลังแฟนพี่แบบนี้”“รีบไปเถอะค่ะเสียเวลา”“ครับผม”“แล้ววันหลังอย่าไปพูดแบบนี้อีกนะคะ ยังไงพวกเขาก็เป็นผู้หญิง”“ทำไมล่ะพวกนั้นนินทาได้แล้วพี่ตอบโต้กลับไม่ได้เหรอ…. ก็ได้ ๆ ไม่พูดก็ได้ครับ ไปคิดเงินกันนะอย่าโมโหสิ”วินทร์หยุดพูดเมื่อเห็นสายตาขุ่นเขียวที่ส่งมาให้เขา ตอนนี้เขาจะไม่ยั่วโมโหเ
“อะไรวะไอ้กร อย่ามาขู่กูเลย”“กูไม่ได้ขู่แต่มึงไม่เห็นเหรอ พ่อพยายามมาหลายปีให้มิวยอมรับ มึงว่ามหาลัยเรามีทุนให้เรียนมากขนาดนั้นเลยเหรอ”“มึงจะบอกว่าทุนที่มิวคิดว่าเป็นทุนจากมหาลัยนั่นที่จริงแล้ว…”“ทุนจากพ่อทั้งนั้นแหละ พ่อจัดการและคุยกับคณบดีโดยตรงโดยที่มิวไม่รู้มาสามปี ทั้งค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลของยายและงานศพทั้งหมดนี่ก็ด้วย น้าสายรู้ดีที่สุดแต่มิวไม่รู้คิดว่าน้าสายจะเคลียร์หลังงานจบน่ะ”“กูเริ่มจะกลัวขึ้นมาจริง ๆ แล้วสิทีนี้”“ไม่ต้องห่วงหรอก แม้ว่าพ่อจะดีใจที่ได้ลูกสาวคืนแต่ก็คงไม่ถึงกับสั่งห้ามมิวเรื่องมึงหรอก แค่ต้องระวังให้มาก ๆ หน่อยเท่านั้น เกิดมึงอะไรพลาดขึ้นมากูแค่จะเตือนว่าแม้แต่กูก็ช่วยมึงไม่ได้เท่านั้นเอง”“เฮ้อ จากมิวคนเดียวที่ว่าง้อยากแล้ว นี่ยังเพิ่มพ่อตามาอีกคน กูตายแน่ ๆ ไม่เคยคิดเลยว่ามีเมียมันจะยากขนาดนี้”“เฮ้ย นี่มึงจะถอยตอนนี้เหรอวะ”“ฝันไปเถอะ กูรักของกูขนาดนี้มีเหรอจะยอมแพ้”“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ดูเหมือนว่ามึงจะทิ้งลายเจ้าชู้แล้วจริง ๆ เหรอวะไอ้วินทร์”“เออ ตั้งแต่กูเจอมิวกูก็ไม่ต้องการผู้หญิงคนอื่น ไม่คิดอยากจะหาและไม่มีอารมณ์กับใครด้วยนอกจากมิว”“มึงกล้าพูดแ
“ไอ้ธิศเนี่ยนะ! ไปยกของบ้าไปแล้วแน่ ๆ คนอย่างมันน่ะเหรอจะ…”“เอาไปไว้ทางโน้นค่ะ เร็ว ๆ เลยเหลืออีกหลายตัว”“ครับ ๆ รู้แล้ว ๆ ไม่ต้องดุมากได้ไหมชาติก่อนเป็นแมวเหรอขู่เก่งจัง”วีรภัทรหันไปมองนิธิศที่กำลังช่วยเพื่อนของมิวอีกคนยกพานพุ่มเข้าไปเก็บข้างใน ดูเหมือนจะเป็นพานที่ใช้ประกอบพิธีในคืนพรุ่งนี้ ตามไปด้วยเพื่อนที่เป็นสาวสองที่ชื่อริชชี่และแยมที่ช่วยกันยก “มีอีกไหม แรงพี่ยังเหลือนะ”“โน่นค่ะ แล้วอย่าบ่นนะว่าหนักขนาดริชชี่เป็นสาวยังยกไหวเลย”“ใครจะไปถึกเหมือนไอ้บ้านั่น”“พี่ธิศ!”“ครับ ๆ ไม่ว่า ๆ น้องริชชี่คนสวยมีอะไรให้พี่ช่วยอีกไหมครับ”“แหมยังเหลืออีกไม่เยอะค่ะ แยมแกก็อย่าไปขู่พี่เขามากสิ เดี๋ยวเขาก็ไม่ช่วยหรอก”“ก็….”“ไปน่า ๆ น้องแยมไม่ต้องพูด ไปช่วยพี่ยกของก่อนดีกว่ามาเถอะ ๆ”“นี่! ปล่อยมือนะพี่ธิศ บ้าเหรอมาลากแยมทำไม”แคร์หันไปแค่ยิ้มและหันมาจัดการข้าวต้มในชามตัวเองก่อนจะหันมามองท่าทางตกตะลึงของวีรภัทรที่ไม่เคยเห็นเพื่อนของเขาทำแบบนี้มาก่อน นิธิศเป็นคนปากดีและหยิ่งในศักดิ์ศรีมาก นอกจากมิวที่เคยด่าเขาหน้าคณะจนอายแล้วยังไม่เคยเห็นนิธิศยอมให้ผู้หญิงคนไหนใช้งานแบบนี้มาก่อน“เป็นไปได้
มิวเองก็รู้ตัวว่าเคยทะเลาะกับน้าเรื่องนี้บ่อย ๆ หลายครั้งที่น้าสายบอกให้มิวลองติดต่อพ่อเพราะยายต้องรักษาตัว แต่เป็นมิวที่ดื้อและยืนยันว่าจะทำงานและหาเงินมารักษายายให้ได้ จนอาการของยายทรุดหนักลงเธอจึงหยุดเถียงน้าสาย และตัวน้าเองก็เลือกจะเงียบไปเพราะกลัวว่าอาการของยายจะแย่ลง“มิว…”“น้าไม่โทษแกหรอกเพราะแกก็ดื้อไม่ต่างกับแม่ แต่สุดท้ายแล้วแม่ก็ให้อภัยและยอมรับพ่อของมิว แม้ว่าจะยังไม่ทันได้จดทะเบียนสมรสแต่พ่อของมิวก็ตั้งใจที่จะมาที่นี่และอยู่กับแม่ของมิว”มิวปล่อยโฮเมื่อความจริงทั้งหมดออกมาจากน้าสาย เป็นเธอที่ดื้อรั้นไม่รับฟังจนยายเสียไป เวลานานเป็นสิบปีกว่าที่เธอจะเข้าใจ บัญชีเงินฝากมีเงินในนั้นเกือบสามล้านบาทเพราะพ่อของเธอโอนมาฝากให้เป็นประจำโดยที่ไม่มีการถอนออกมา ค่ารักษาของยายและทุนการศึกษาที่เธอได้เรียนทุกวันนี้ก็เป็นพ่อที่จ่ายให้“น้าสายมิวควรจะทำยังไงดี มิวไม่เคยรู้ว่าแม่อภัยให้เขาแล้วแต่ว่ามิว…”“น้าเข้าใจที่มิวโกรธ แต่ตอนนั้นมิวยังเด็กจึงดื้อไม่ฟังใครน้ากับยายก็เข้าใจ ทุกครั้งที่มีใครพูดถึงพ่อมิวก็จะโกรธและไม่คุยกับคนอื่น ยายไม่อยากเห็นมิวเป็นแบบนั้นก็เลยเลี่ยงไม่พูดมาตลอด น้าผิด
“ถ้าอย่างนั้นนี่ก็เป็นสาเหตุที่มิวเกลียดพ่อสินะ”"ใช่ พ่อเองก็รู้ตัวว่าทำผิด แต่ทุกเรื่องมันมีเหตุผล อีกอย่างเรื่องที่แม่ทำก็ไม่ได้ถูกต้องแม้ว่าพ่อจะรับผิดชอบ แต่ก็ไม่เคยละเลยน้าสุดากับมิว แม้ว่าน้าสุดาจะไม่ยอมรับจนถึงวันสุดท้ายก็ตาม ยายกับน้าสายรู้ดีว่าเธอปากแข็งไปเท่านั้นเพราะก่อนจะสิ้นใจพ่อได้มีโอกาสมาหาเธอและกอดเธอเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันจนน้าสุดาเสีย แต่เรื่องนี้มิวไม่รู้เรื่องและพ่อก็ไม่เคยปริปากบอกเธอเพราะยังรู้สึกผิดอยู่“ฉิบหายทำไมเรื่องมันวุ่นวายขนาดนี้วะ แล้วกูจะพูดยังไงกับมิวดี จะช่วยมึงกับคุณอายังไงวะ”“ไม่ต้องหรอกพ่อบอกแล้วว่ายังไงเรื่องแบบนี้ก็คงต้องใช้เวลา พ่อบอกรอได้จนกว่ามิวจะพร้อม อีกอย่างคุณย่าก็ไม่อยู่แล้ว ส่วนแม่ก็หย่ากับพ่อแยกทางกันนานแล้วต่อไปก็คงไม่มีอะไรต้องห่วงอีก วันนี้ที่พ่อมาก็แค่อยากมาส่งยายครั้งสุดท้ายเท่านั้นเอง”“เข้าใจแล้วเอาเป็นว่ากูจะค่อย ๆ พูดกับมิวให้ ยังไงท่านก็เป็นพ่อ อีกอย่างพ่อมึงก็ไม่ได้จะขาดความรับผิดชอบ แม่่ของมิวรู้ทุกเรื่องแต่ไม่มีโอกาสได้บอกมิว”“มึงก็รู้ว่ามิว…”“กูต้องรู้สิ มิวปากแข็งแต่ใจอ่อน นิสัยคงไม่ต่างกับแม่ของเ