วันถัดมา Q-Bar
วันนี้ภาวินทร์ตั้งใจจะมาที่นี่เพื่อจะมองหน้าบาร์เทนเดอร์สาวอีกครั้งเพื่อความแน่ใจกับสิ่งที่เขาเห็นเมื่อคืนนี้ หากว่าเธอคือลักษิการุ่นน้องสาวแว่นตัวแสบที่เขารู้จัก คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะแก้แค้นเธอแล้ว
“ดราย์ มาร์ตินี่”
“ค่ะ”
มิวหันไปมองแขกที่มักจะมาประจำในช่วงนี้ ตอนนี้เธอลดความกลัวเขาลงไปมากแล้ว เพราะดูเหมือนว่าภาวินทร์จะไม่ได้ใส่ใจเธอและมาที่นี่เพื่อท่องราตรีเพียงอย่างเดียว เรเน่ชงตามสูตรและส่งเครื่องดื่มที่เขาสั่งประจำให้เขา
“ขอบใจนะสำหรับเครื่องดื่มแก้แฮงค์เมื่อวาน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณสำหรับทิปด้วยค่ะคุณผู้ชาย”
“ไม่เป็นไรเพราะผมจะเอาคืนมากกว่าทิปแน่…เรเน่”
เธอหันไปยิ้มให้เขา รอยยิ้มของเธอทำให้เขามั่นใจว่าเธอคือ “ยัยลูกแกะน้อย” ที่เขาเจอในห้องสมุดครั้งก่อนตอนที่เพื่อนของเขาไปยืมหนังสือ นึกไม่ถึงเลยว่าเวลาที่เธอแต่งตัวเซ็กซี่และหมุนแก้วชงของบาร์เทนเดอร์พร้อมลีลาการหมุนผสมเครื่องดื่มทำให้เขาตื่นตาตื่นใจทุกครั้งจนละสายตาไม่ได้
เครื่องดื่มน้ำเมาแก้วต่อแก้วที่เธอชงส่งต่อให้สาว ๆ ออกไปเสิร์ฟให้ลูกค้าทำให้เขาเผลอมองอย่างลืมตัว มารู้ตัวอีกทีก็ชอบมองเธอชงเมนูต่าง ๆ อย่างตั้งใจ
‘เก่งหลายอย่างเลยนี่นา ให้ตายสิภาวินทร์ มึงมาเพื่อแก้แค้นที่เธอทำมึงขายหน้านะโว้ยอย่าไขว้เขวสิวะ’
ภาวินทร์ครุ่นคิดในใจก่อนจะหันไปสั่งเครื่องดื่มอีกแก้ว เธอหันมามองหน้าเขาที่เริ่มตาเยิ้มเพราะคิดว่าเขาเมาแล้วหลังจากดื่มแก้วที่สามไป ดังนั้นวันนี้เธอจึงเสิร์ฟมะนาวโรยเกลือให้เขาเพิ่มอีกหนึ่งจาน
“หวังว่าคุณคงจะไม่ขับรถกลับเองหรอกนะคะเพราะมันผิดกฎหมาย”
“แน่นอน และผมคิดว่าจะไม่กลับบ้านคนเดียวด้วย”
“ปกติคุณผู้ชายก็ไม่ค่อยกลับบ้านคนเดียวอยู่แล้วนี่คะ”
“เรเน่ บลูมากาเรเน่สาม”
“ได้เลย”
นี่แหละไม่ผิดแน่ แม้ว่าจะเป็นบาร์เทนเดอร์บริการนักดื่มยามค่ำคืนแต่ความหยิ่งยโสและคำพูดเหน็บแนมพวกนี้เป็นเหมือนนิสัยเฉพาะตัวของเธอไปแล้วโดยที่เธอก็ไม่ทันได้รู้ตัว ภาวินทร์นั่งมองนาฬิกาสุดหรูก่อนจะมองไปที่บาร์เทนเดอร์สาวที่กำลังสนุกกับการโยนแก้วชงเพื่อผสมเครื่องดื่มให้ลูกค้า
“หึ เดี๋ยวก็รู้ยัยลูกแกะน้อย”
เขาเดินออกมาจากร้านก่อนเวลาเลิกงานของเธอ เมื่อเห็นว่ามิวเดินออกมาแล้วเขาจึงได้เดินตามเธอไปด้านหลัง ลักษิกาพยายามมองหารถที่จะกลับบ้านแต่โชคร้ายที่วันนี้เป็นวันเสาร์ นักท่องราตรีจึงได้มีมากจนรถไม่พอก่อนที่จะมีบางคนมาสะกิดเธอ มิวหันไปและต้องตกใจแต่ว่าวันนี้เธอไม่ได้ลบเครื่องสำอางออกเพราะเป็นวันเสาร์
“สวัสดีเรเน่”
“คุณ!!”
“ใช่ ผมเอง จะให้ผมเรียกคุณว่าเรเน่… หรือว่า "น้องมิว" ดีล่ะ"
มิวนิ่งไปเมื่อเขาเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหู ที่แท้เขาก็รู้แล้วว่าเป็นเธอแต่ว่าเขามาคนเดียว เธอหันไปมองรอบ ๆ ก็ไม่มีทางให้หนีเพราะเขามองเธออย่างผู้ชนะ
“มองอะไรที่นี่ตอนนี้นอกจากพี่ไม่มีใครอยู่ ทางที่ดีเรามาคุยกันหน่อยไหมว่าจากนี้จะเอายังไงต่อ”
“คุณ… คุณผู้ชายคุณจำคนผิดแล้วฉันไม่ใช่… ไม่ใช่”
“งั้นเหรอ โอ้ ถ้างั้นผมก็มองคนผิดสินะที่มาเรียกรถกลับบ้านที่นี่ทุกคืนวันศุกร์ เสาร์เพื่อจะกลับไปที่หอพักหน้ามหาลัย อีกอย่างนะ ผมยังรู้มาอีกว่าคุณอยู่หอพักเดียวกับน้องสาวเพื่อนผม ถูกต้อง น้องของไอ้ภัทรก็อยู่ที่เดียวกับคุณ เธอบอกว่าคุณกลับหอดึก ๆ ทุกศุกร์ เสาร์ แล้วผมก็คงเข้าใจผิดที่…รอยยิ้มของคุณบังเอิญเหมือนกับยัยลูกแกะน้อยคนนั้น”
“คุณ!! นี่คุณกำลังล่วงละเมิด..อ๊ะ”
เธอถอยจนเกือบจะล้ม เขาดึงเธอเข้ามากอดเอาไว้ได้ กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ชงด้วยมือเธอที่ตัวเขาทำให้ใจของมิวสั่นเล็กน้อย แต่ก็ยอมรับว่าพอมองใกล้ ๆ แบบนี้ ภาวินทร์ก็หล่อจนเธอใจเต้นแรง
“ปล่อยนะ”
“คุยกันก่อนสิ”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับลูกค้า”
“ผมออกมานอกร้านแล้ว อีกอย่างคุณก็เลิกงานแล้วตอนนี้ไม่ใช่เรเน่กับลูกค้า แต่เป็นพี่วินทร์กับน้องมิวต่างหาก”
“ปล่อยนะไม่งั้นฉันจะ…”
“จะอะไร”
“ฉันจะจูบคุณ”
ภาวินทร์ตาแข็งใส่เธอทันที แม้ว่าจะดันตัวเธอออกไปนิดหน่อยแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยและดึงแขนเธอเดินตามเขามาที่รถที่จอดรออยู่ในที่จอด
“ปล่อยนะ พี่ภาวินทร์ปล่อยนะ!!”
เขาหันมามองหน้าเธอที่มองเขาอย่างโมโหที่ถูกลากมาถึงที่ลานจอด เดิมทีเขาก็ไม่อยากจะทำอะไรเธอหรอกแต่ใครบอกให้เธอเอาแต่หนีล่ะ
“ยอมรับแล้วเหรอน้องมิว”
“พอทีจะแกล้งไปถึงไหน เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันพี่ต้องการอะไร”
“ไปคุยกัน”
“ไม่!! ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ โอ๊ย เจ็บนะปล่อยมือนะพี่วินทร์”
“ได้ข่าวว่าเด็กทุนห้ามทำงานกลางคืนไม่ใช่เหรอ ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปพี่อยากรู้นักว่ามิวจะทำยังไง”
มิวนิ่งไปเมื่อเขารู้แม้กระทั่งเรื่องที่เธอต้องใช้ทุนการศึกษาของมหาลัยในการเรียน อีกอย่างเธอที่เป็นทั้งนักศึกษาที่มีคะแนนดีและไม่เคยทำเรื่องเสียหาย แต่หากทางมหาลัยรู้ว่าเธอทำงานกลางคืนแบบนี้ซึ่งเป็นข้อห้ามในการรับทุนการศึกษา เธออาจจะต้องถูกตัดสิทธิ์ในการรับเงินทุนการศึกษา
“นิ่งแบบนี้ยอมฟังแล้วใช่ไหม ขึ้นรถแล้วหาที่คุยกัน”
“ไม่ ฉัน…ไม่ไป นี่คุณกำลังจะพาฉันไปไหนคุณ… กำลังจะแก้แค้นที่ฉันด่าคุณไป”
“ก็รู้นี่ว่าทำอะไรไว้แต่เธอต้องรู้อีกอย่าง คนอย่างภาวินทร์ไม่ยอมโดนด่าฟรี ขึ้นรถ”
มิวจำใจเดินขึ้นรถของเขา แม้ว่าภาวินทร์จะไม่เมาแต่เขาก็ดื่มเครื่องดื่มที่ค่อนข้างแรง แต่คนอย่างภาวินทร์ก็รู้ตัวดีว่าเวลาไหนควรดื่มเท่าไหร
คอนโดภาวินทร์
“เข้าไปสิ”
“ทำไมต้องมาที่นี่”
“เข้าไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เธอเดินนำเขาเข้าไป ภาวินทร์เปิดไฟในห้องเมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปแล้วมิวจึงได้เดินไปที่ห้องรับแขก ภาวินทร์ที่เดินมาเปิดตู้เย็นเพื่อรินน้ำยื่นให้เธอแต่มิวมองอย่างระแวง
“น้ำเปล่า ผมไม่ใส่ยาให้คุณดื่มหรอกไม่ต้องห่วง เพราะผมก็จะดื่มเหมือนกัน”
เธอแค่รับไว้แต่ก็ไม่กล้าดื่มอะไรที่รับจากเขา มิวไม่เคยกลัวใครเท่าเขามาก่อน แต่ตอนนี้เธอกลับเดินเข้ามาในกรงเล็บของเขาเองโดยไม่รู้ตัวทั้ง ๆ ที่คิดว่าระวังตัวอย่างดีแล้วแต่กลับไม่พ้นสายตาของ “เจ้าชายปีศาจ” อย่างภาวินทร์
“ไม่จิบหน่อยเหรอ เก่งนะทนได้ด้วย ต้องอยู่กับเหล้าครึ่งค่อนคืนผู้จัดการเธอใจร้ายจังนะ”
“พี่วินทร์มีอะไรก็รีบพูดมาเถอะค่ะฉันจะได้รีบกลับ”
“จะรีบไปไหนล่ะ ไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้วน่าจะต้องคุยกันยาวนะน้องมิว”
“แต่มิวไม่มีอะไรจะคุย ในเมื่อพี่รู้แล้วว่ามิวทำงานที่นี่ดังนั้น…”
“เด็กทุนอย่างลูกแกะน้อย กำลังจะขอร้องปีศาจเหรอรู้หรือเปล่าว่าค่าแลกเปลี่ยนมันมีราคาสูง”
“ฉัน… ฉันยอมได้หมดยกเว้น... เรื่องที่ไม่สมควร”
ภาวินทร์หันไปมองหน้ามิวที่นั่งอยู่ที่โซฟา เขาเดินมานั่งข้าง ๆ ก่อนจะหันมามองหน้าเธออีกครั้ง เวลาที่เธอแต่งหน้าแบบนี้ก็ดูสวยไปอีกแบบ เขาชอบที่เธอไม่ต้องสวมแว่นตาหนา ๆ นั่นแต่ตอนนี้สิ่งที่กวนใจเขาอยู่ก็คือหน้าอกอวบที่สวมชุดรัด ๆ นั่นต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกคอแห้งตั้งแต่พาเธอขึ้นรถมาถึงคอนโด
“แย่จังเลยนะ เพราะว่าพี่เองก็ไม่ได้อยากจะทำข้อตกลงที่ไม่ได้ประโยชน์ อีกอย่างเรื่องนี้หากว่าพูดออกไปชื่อเสียงของนักศึกษาระดับท็อปของคณะแล้วก็ทุนการศึกษา”
“ขอร้องล่ะค่ะ จะให้มิวทำอะไร ช่วยงานหรือทำรายงานหรือ… อะไรก็ได้แต่ขอเรื่องเดียว อย่าพูดเรื่องนี้กับคนอื่น”
“ทุกอย่างได้จริง ๆ เหรอ เธอพูดออกมาเองนะมิว”
มิวรู้สึกว่าตัวเองพลาดไปแล้ว เมื่อบอกเขาไปแบบนั้นมันก็ไม่เท่ากับว่าเธอได้จับตัวเองใส่พานให้เขาด้วยตัวเองหรอกเหรอ สายตาของภาวินทร์ในตอนนี้เองก็ใช่ว่าจะน่าไว้ใจ เขาโยนบางอย่างให้เธอ “นี่อะไรคะ”“กุญแจห้องนี้”“แล้ว?”“จากนี้มาที่นี่อาทิตย์ละสามวัน จะวันไหนก็แล้วแต่เธอ”“มาที่นี่เหรอคะ”“ใช่ ทางที่ดีมาตอนกลางวัน ค่ำ ๆ หน่อยก็ได้”“นี่คือ…”“ทำความสะอาด ทำอาหาร พี่ไม่ค่อยกลับมาแต่ช่วงนี้คงต้องมาบ่อย ๆ เพราะต้องทำโปรเจคจบ”“เอ่อ…แค่นี้”“ทำไมล่ะ ไหนบอกทำได้ทุกอย่าง”“ค่ะ! ถ้าเป็นแบบนี้ก็ได้ค่ะ มิวยินดีค่ะจะทำให้ดีที่สุดค่ะ เอาเป็นวันจันทร์ พุธ กับศุกร์ช่วงบ่ายนะคะจะไม่ขาดสักวันเลยค่ะ”“ได้งานคนใช้ต้องดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ”“ค่ะ ดีใจค่ะถ้าอย่างนั้นมิวกลับได้เลยใช่ไหม”“เดี๋ยว…”“คะ?"“ทำไมต้องแต่งตัวแบบนี้หรือว่ามันเป็นกฎของร้าน”มิวก้มลงมองตัวเองที่แต่งตัวค่อนข้างโป๊และโชว์รูปร่างที่ซ่อนรูปของเธอที่ค่อนข้างเซ็กซี่เกินคาดไปมาก เขาไม่เคยนึกเลยว่าภายใต้ชุดนักศึกษาและกระโปรงหลวม ๆ แล้วยังรองเท้าผ้าใบสีชมพูที่น่ารำคาญนั่นจะซ่อนรูปร่างที่สวยและเซ็กซี่มากกว่าดาวมหาลัยยังชิดซ้ายเอาไว้“คือว่า… เป็น
เมื่อเขาพามาจอดที่ร้านข้าวต้มและเริ่มสั่ง มิวก็เริ่มหันไปมองรอบ ๆ ตอนนี้ถุงร้อนของเธอเริ่มเย็นแล้วเขาจึงได้บอกให้เธอเอาออกมาให้“เอามาสิ”“ทำไมคะ”“บอกให้เอามาก็เอามาเถอะ”เธอยื่นถุงน้ำร้อนไปให้เขาตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ภาวินทร์ลุกขึ้นเดินนำถุงน้ำร้อนนั้นเอาไปให้เด็กในร้าน เขาพูดไม่กี่ประโยคเธอก็ยิ้มและโค้งให้เขาก่อนจะหายไปพร้อมกับถุงน้ำร้อน“รอเดี๋ยวนะ”“พี่วินทร์ให้เขาไปทำอะไรเหรอคะ”“เปลี่ยนน้ำร้อนให้เธอน่ะสิ”“คะ? แล้วเขาทำให้ได้ด้วยเหรอคะ ที่จริงไม่ต้องลำบากถึงขนาดนั้นก็ได้”ไม่ทันที่จะได้ตอบอาหารหอม ๆ ที่ทำใหม่ ๆ ก็เริ่มทยอยมาวางตรงหน้า มิวรู้สึกหิวขึ้นมาเล็กน้อยจากที่ไม่ได้คิดอะไรแต่เพราะอาหารที่น่ากินและข้าวต้มร้อน ๆ ที่นำมาวางก็ทำให้เธอไม่มีสมาธิ“กินเถอะ อาหารพวกนี้ดีต่อสุขภาพ เดี๋ยวจะพาไปซื้อยา”“ขอบคุณค่ะ”เธอไม่พูดอะไรเมื่อเขาอนุญาตให้เธอกินก่อน อาหารที่ทำมาไม่ว่าจะเป็นผัดผักบุ้งไฟแดง หัวไชโป๊ผัดไข่ ไข่เจียวหมูสับกรอบ ๆ เมื่อได้กินข้าวต้มร้อน ๆ มิวก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น ภาวินทร์ที่กินไปด้วยและมองข้าวของเธอที่หมดก่อนเขาก็นึกประหลาดใจไม่น้อย“เอาข้าวเพิ่มอีกไหม”“อื้ม ขอบคุณค่ะ
ภาวินทร์หันไปมองคนที่พูด ลักษิกายังไม่ทิ้งความปากเปราะที่ชอบพูดขยี้จิตใจคนอื่น แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะทำอะไรเขาไม่ได้เพราะภาวินทร์ไม่แม้แต่จะไปหยิบดูเลยด้วยซ้ำ“เอาไปทิ้งให้หมด”“อะไรนะคะ ทิ้งหมดนี่เลยเหรอคะ”“เอาเก็บไว้ทำไมล่ะ ขยะก็ต้องทิ้งถูกแล้วนี่”“ขยะเหรอคะ แต่ว่านี่… บางชิ้นเหมือนจะเป็นของแบรนด์เนมเลยนะคะ”“ขยะก็คือขยะ เก็บไว้ทำไมหรือถ้าเธอเสียดายก็เก็บไปขายสิ น่าจะได้หลายพันอยู่นะ”“ฉันไม่ใช่ขโมยนะคะ”“ก็ถึงได้บอกให้เอาไปทิ้งยังไงล่ะ ฟังไม่รู้เรื่องเหรอยัยลูกแกะน้อย”“ฉันไม่ใช่...”“รีบเอาไปทิ้งจะได้พาไปกินข้าว”“ไม่ดีกว่าค่ะ ทำงานเสร็จแล้วมิวขอตัวกลับเลยนะคะวันนี้มีนัดต่อ”“อะไรนะ มีนัดเหรอ?”“ค่ะ ถ้าอย่างนั้น…”เธอรวบห่อบนโต๊ะทั้งหมดใส่กระเป๋าไปอีกครั้ง ภาวินทร์ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขามอบหน้าที่นี้ให้เธอจัดการแล้ว“อันนี้มิวขอนะคะ แล้วก็ขอตัวเลยค่ะเจอกันวันพุธ”“มีนัดกับใคร”“เรื่องส่วนตัวค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”เธอไม่ตอบยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด เธอยิ้มก่อนจะออกไปพร้อมกับถุงขยะย่อม ๆ โดยทิ้งเขาให้ยืนโมโหอยู่ที่เดิมก่อนจะเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อมองดูว่าเธอขึ้นรถอะไรกลับบ้านสักพัก
ภัทรและธิศกินเสร็จแล้วก็เดินออกไปจากโรงอาหารทันที ไม่นานเขาก็เห็นเธอเดินมาสั่งของหวานที่ร้านน้ำแข็งไสตรงหน้าส่วนเขาก็เดินไปสั่งข้าวแกงร้านข้าง ๆ เมื่อเธอเดินกลับไปนั่งที่เดิมเขาจึงเดินตามเธอไปนั่งตรงข้าม มิวถึงกับตกใจเมื่อหันไปมองและเห็นว่าเพื่อนของเขาไปหมดแล้ว“ไม่ต้องมองพวกมันไปหมดแล้ว”“แล้วทำไมต้องมานั่งที่นี่ล่ะคะ”“ก็อยากนั่ง มีเรื่องจะคุยด้วย”“อะไรคะ”“มิวทำพี่เป็นแผล คิดว่าอีกนานคงจะหายดังนั้นคงต้องรับผิดชอบสักหน่อย”“อะไรนะคะ ก็มิว….”เธอลดเสียงลงเมื่อหลาย ๆ คนเริ่มมองมาที่เธอ ทุกคนไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมภาวินทร์หนุ่มสุดหล่อคณะวิศวะที่สาว ๆ เฝ้าฝันว่าอยากจะกินข้าวกับเขาสักมื้อ ทำไมถึงต้องไปเลือกนั่งกับคนหน้าตาเฉิ่มแว่นหนาอย่างมิวคณะพยาบาล คนที่จืดชืดเหมือนกับกาแฟเย็นที่น้ำแข็งละลายผสมจนหมดรสชาติแบบนั้น“เบาหน่อยสิ แต่ว่าพี่ต้องใช้นิ้วมือในการทำโปรเจคแต่ตอนนี้มันบาดเจ็บดังนั้นก็ต้องเป็นหน้าที่มิวที่จะต้อง…”“อะไรนะคะ เดี๋ยวก่อนนะคะแค่หน้าที่แม่บ้านสามวันต่อสัปดาห์…”"ทุกวันพุธและวันศุกร์ไม่ต้องทำความสะอาด ทำแค่วันจันทร์วันเดียวพอ"“ทำไมล่ะคะ”“เพราะว่าพี่มีงานอื่นให้ทำ”“งา
“มิว แกจะเหนื่อยไปหรือเปล่าถ้าไม่ไหวก็หยุดสักงานเถอะโดยเฉพาะงานที่ไม่ได้เงิน”“แกคิดว่าฉันอยากทำเหรอ แต่เพราะเขารู้ความลับนี้ถ้าหากเขาจะแก้แค้นแล้วบอกเรื่องนี้กับทางมหาลัย ฉันก็ต้องหาเงินมาจ่ายค่าเทอมเองแล้วอีกอย่างก็จะช่วยคุณยายไม่ได้”“มิว… หรือว่าแกจะลองติดต่อพ่อ...”“อย่าพูดถึงเขาเลย”“ก็ได้”แยมไม่พูดต่อเพราะเรื่องนี้เธอรู้ดีว่ามิวไม่มีทางยอมรับ แม้ว่าคุณยายของเธอจะป่วยเป็นโรคหัวใจ แต่มิวไม่เคยขอความช่วยเหลือจากพ่อของเธอเลยสักนิดทั้ง ๆ ที่พ่อของมิวก็เป็นนักธุรกิจและมีบริษัทใหญ่โต แต่เมื่อแม่ของมิวแยกทางกับพ่อมิวก็ไม่เคยติดต่อพ่อของเธออีกเลยสองวันถัดมา / คอนโดภาวินทร์มิวมาทำความสะอาดให้เขาตามที่ตกลงเอาไว้จนครบหนึ่งเดือน แม้ว่าภาวินทร์บอกว่าไม่ต้องทำแล้วแต่ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มงานโปรเจคที่เขาบอกเอาไว้ เธอจึงมาทำให้เขาตามที่ตกลงและได้แลกเบอร์กันเอาไว้เพื่อจะได้สะดวกในการติดต่อ“นี่อะไรคะ”“ค่าจ้างไง คิดว่าพี่จะให้มิวทำฟรี ๆ เหรอ”“แต่นี่มันไม่มากเกินไปเหรอคะ”“ก็ไม่ได้ต่างกับทิปที่ให้ที่ผับนี่นา”“ทำความสะอาดทีละห้าพัน ยอดไปเลยแต่ว่ามิวไม่อยากเอาเปรียบพี่วินทร์หรอกค่ะ”“ไม่เอาใช่ไ
สายตาของภาวินทร์เหมือนจะฆ่าคนได้อยู่แล้วเมื่อนิรุตเพื่อนสนิทของวิทขอร้องให้เขาปล่อยเพื่อน ก่อนที่จะถูกภาวินทร์รัดคอจนตาย“ปล่อยก่อนพี่ ผมจะรีบเล่าให้ฟังเอง”เขาหันไปมองรุตก่อนจะปล่อยวิท และหันมาลากคอรุตไปที่โต๊ะและถามอีกที“มึงรีบเล่ามาก่อนที่กูจะกระทืบมึง”“คืออย่างนี้พี่ ผู้จัดการที่นี่...พี่หญิงน่ะ ถ้ามีเสี่ยคนไหนถูกใจเด็กแกก็จะทาบทามให้ แต่ว่าครั้งนี้เรเน่ไม่ใช่เด็กของแกและเป็นบาร์เทนเดอร์ อีกอย่างเรเน่ไม่ใช่เด็กแบบนั้นพี่หญิงก็เลยวางแผนกับไอ้เสี่ยนั่นจัดปาร์ตี้ลับขึ้นเพื่อจะพาเรเน่…อย่าชกผม!”ภาวินทร์ยั้งมือได้และรีบวิ่งออกไปจากผับทันที เขาไม่เคยรู้สึกรีบร้อนถึงขนาดนี้ โชคดีที่ถนนช่วงนี้โล่งเพราะเป็นวันอาทิตย์ ใช้เวลาแค่สิบนาทีก็มาถึงโรงแรมที่ว่านั่น“มิว!! อยู่ไหนมิว”มิวที่แทบจะหมดแรงเริ่มทนไม่ไหว สาธิตใส่ยากระตุ้นให้เธอกินและตอนนี้เธอก็เริ่มร้อนและหมดแรงแต่ก็ต้องพยายามกลั้นเสียงเอาไว้เพื่อไม่ให้คนที่ตามมาได้ยิน ชุดที่เธอใส่เริ่มเปียกจนเธอไม่สบายตัว“มิว! ได้ยินพี่ไหม มิว!”เขายังวิ่งหาเธอไปทั่วบันไดหนีไฟ ไม่นานก็เห็นเธอยืนหอบอยู่ที่ทางออก แต่พยายามปิดปากตัวเองเพื่อกลั้นเสียง เ
“อื้อ…ตกลง อ๊ะ”เขาค่อย ๆ เปิดทางและเริ่มสอดใส่เข้าไปพร้อมกับดูดและโลมเลียหน้าอกของเธอไปด้วยเพื่อให้เธอคลายความเจ็บปวดกับครั้งแรกที่อาจจะทำให้เธอเจ็บ เพราะขนาดที่ใหญ่ของเขาอาจจะทำให้เธอบาดเจ็บได้“อ๊ะ!! เดี๋ยวก่อนค่ะ มันเจ็บ โอ๊ย!! มัน อ๊าา…”แต่เขาทนไม่ไหวแล้ว เสียงที่เธอพยายามขอร้องและเล็บที่เริ่มจิก ข่วนที่หลังของเขากลับทำให้เขายิ่งต้องการเธอมากขึ้นและในที่สุดก็สอดใส่เข้าไปจนสุด“อ๊าา!!”ด้านในที่คับแน่นและตอดรัดเกือบทำให้เขาตายคาอกเธอแทน ตัวเขาสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่าจะผ่านผู้หญิงมากี่คนก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน จากที่รำคาญและเกลียดลักษิกาจนอยากจะแก้แค้นเพราะเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่กล้ายืนด่าเขา จากที่อยากแก้แค้นโดยการแกล้งเธอให้ทำความสะอาดและหลอกให้ช่วยงานโปรเจค แต่ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นเขาที่ตื่นเต้นในการมีเซ็กส์ครั้งแรกกับเธอเสียเอง“แย่แล้ว อาา!!”เขายังไม่ทันขยับแต่ความเสียวจากการบีบรัดนี้ก็ทำให้เขาทนไม่ไหว ไม่คิดว่าเขาจะแตกออกมาได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ไม่ทันได้ขยับเลยด้วยซ้ำ อีกอย่างก็พึ่งจะสอดเข้าไปเท่านั้นก็ทนไม่ไหวแล้วโชคดีที่อีกฝ่ายไม่ทันได้รู้ตัว เขาค่อย ๆ ดึงอ
วันถัดมามิวค่อย ๆ ลุกขึ้นมาแต่เธอรู้สึกว่าขยับตัวแทบไม่ได้โดยเฉพาะช่วงตั้งแต่เอวลงไปนั้นแทบจะไร้ความรู้สึก แต่ที่น่าตกใจมากกว่านั้นกลับเป็นเสียงลมหายใจที่อยู่ข้าง ๆ หูของภาวินทร์ที่นอนอยู่ข้างเธอตอนนี้มากกว่า “เมื่อคืน…”มิวค่อย ๆ ลุกจากเตียงให้เบาที่สุดเพราะตอนนี้ภาวินทร์นอนกอดเธออยู่แต่เขาหลับสนิท เธอค่อย ๆ หันไปมองชุดเสื้อผ้าที่ถูกฉีกขาดจนน่าจะใส่ไม่ได้แล้วจึงได้หันมามองเขาอีกครั้ง“มิวไม่ได้ขโมยนะ แค่จะยืมใส่ชั่วคราวเท่านั้นเองมีโอกาสจะเอามาคืน”เธอเดินไปคว้าผ้าขนหนูมาพันรอบตัวและแอบเปิดตู้เพื่อหาเสื้อเชิ้ตของภาวินทร์มาสวมเอาไว้ลวก ๆ ก่อนจะรีบหันไปหยิบกระเป๋าที่เขาเอาวางให้เธอที่โซฟาในห้องนอนและค่อย ๆ เดินไปที่ประตู มิวกำลังจะบิดลูกบิดออกไปเสียงกระซิบข้างหลังก็ดังขึ้นมา“จะรีบไปไหนเหรอยัยลูกแกะน้อย”มิวยืนตัวแข็งทื่ออยู่หน้าประตู เมื่อภาวินทร์เดินมาประชิดตัวเธอ โชคดีที่เขายังใส่กางเกงชุดนอนแม้ว่าจะไม่สวมเสื้อเมื่อยืนอยู่ข้างหลังและใช้มือดันประตูเอาไว้ที่จริงเขาตื่นตั้งแต่มิวค่อย ๆ ลงจากเตียงแล้ว แต่ไม่อยากให้เธอตกใจก็เลยแอบมองดูเธอทำท่าทางน่ารัก ๆ ในห้องเงียบ ๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ
“ฉันว่าคนที่น่าห่วงน่ะไม่ใช่มิวหรอก แต่เป็นคนขี้อิจฉาอย่างเธอมากกว่า”“ยัยแคร์ หมายความว่ายังไง”แคร์ ริชชี่และแยมเดินมาพอดีพร้อมกับดึงมิวเข้ามา ดูท่าทางแพรวาเองก็เหมือนจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ “ก็เธอโดนทิ้งก็ไม่ได้หมายความว่ามิวจะเป็นอย่างเธอ ที่ฉันเห็นนะมิวกับพี่วินทร์คบหากันมานานเกินครึ่งปีแล้ว อีกอย่างตอนที่มิวโกรธ พี่วินทร์ถึงกับตามไปง้อถึงที่เลยนะ เรื่องแบบนี้เธอเคยเจอบ้างหรือเปล่า”“แก!”“อ๊ะ ๆ แคร์พูดไม่จบฉันขอต่อให้ก็แล้วกันนะ เรื่องของเธอกับมิวมันเอามาเทียบกันไม่ได้ แค่คนที่เคยคุยกับ "แฟน" น่ะ มันก็คนละเรื่องกันแล้ว อีกอย่างนะตอนนี้พี่วินทร์ก็ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนอีกเลย ไม่คิดเลยนะว่าพี่วินทร์จะคลั่งรักขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าไหมริชชี่"แพรวากำหมัดแน่นเพราะความอิจฉา เธอเคยคุยกับภาวินทร์และเคยควงเขาอยู่ไม่ถึงสิบวัน อาจเพราะเธอเซ้าซี้เขามากเกินไปและเรียกร้องขอให้เขามารับมาส่ง แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่ภาวินทร์จะทำตามที่เธอขอ ไม่เหมือนกับที่เขาถึงกับขับรถมาส่งมิวที่หน้าคณะอย่างเต็มใจแบบนี้“งานลอยกระทงปีนี้ ถ้าเธอคิดว่าเธอแน่จริงกล้ามาแข่งกับฉันไหมล่ะ”“อะไรนะ”“งานลอยกระทงของมหาวิทยาลั
มิวหันมามองหน้าเขาเมื่อรับจานจากวินทร์มาเข้าเครื่องล้างจาน“ทำไมจู่ ๆ พี่วินทร์มาถามเรื่องนี้กับมิวละคะ ไหนบอกว่าไม่อยากให้มิวทำยังไงล่ะ”“ก็ถ้า…พี่เรียนจบแล้วและต้องทำงาน อีกอย่างที่ร้านนั้นตอนนี้พ่อพี่ก็เป็นหุ้นส่วนใหญ่ ถ้าแต่งตัวให้ดี ๆ บาร์เทนเดอร์ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวโป๊นี่จริงไหม”“ก็จริงค่ะ ที่จริงมิวก็ไม่ได้ชอบการแต่งตัวแบบนั้นเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ตอนนั้นมันเลือกไม่ได้”“อีกอย่างตอนนี้มิวก็ไม่ต้องห่วงเรื่องทุนการศึกษาแล้วด้วย ไม่จำเป็นต้องปิดบัง พี่แค่อยากถามว่ามิวอยากทำหรือเปล่า แต่ใจพี่ยังไม่อยากให้มิวไปทำหรอกนะ เพราะปีหน้ามิวก็เรียนปีสุดท้ายแล้ว พี่อยากให้มิวเรียนให้จบก่อน”“ที่จริงมิวก็รักงานนี้นะคะ แต่ก็อย่างที่พี่วินทร์พูดนั่นแหละค่ะว่าคงต้องตั้งใจเรียนก่อน เอาเป็นว่าไปช่วยแค่ชั่วครั้งชั่วคราวได้เหมือนกับงานที่แล้ว”“แต่พี่จะไม่ให้ใส่ชุดแบบนั้นแล้วนะ ใส่ให้มันรัดกุมให้ดูเป็นผับที่ดูดีหน่อยไม่ใช่…”“ตอนนี้ที่นั่นมีใครดูแลอยู่เหรอคะ”“พี่รินทร์กับสามีไง วันนี้เธอมาที่นี่เพราะจะคุยเรื่องมิวนั่นแหละ พ่อคงไปบอกเรื่องของเราหมดแล้วเพราะคืนนั้นพ่อเห็นพี่ลากมิวออกมาจากงาน วันนี้พี่ร
มิวที่ช็อกอยู่หน้าประตูพยายามก้าวขาออกจากห้อง แต่ภาพตรงหน้าทำให้เธอตกใจจนขาแทบไม่กระดิก เมื่อสาวสวยคนนั้นหันมามองหน้าเธอ ส่วนภาวินทร์พยายามลุกขึ้นมา“ฟังพี่ก่อนนะ”“เธอเป็นใครน่ะวินทร์”มิวพยายามกลั้นน้ำตาและหันออกไปจากห้องแต่ภาวินทร์ที่พยายามลุกจากโซฟามาหาเธอกลับล้มตึงลงไปกับพื้นจนเธอตกใจและหันมา“ว้าย! ไอ้วินทร์! น้องคะมาช่วยพี่หน่อยเร็ว ๆ เข้า ไอ้บ้านี่ตัวอย่างกับยักษ์ แกไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะค่อย ๆ ลุก”“พี่รินทร์หลีกไปเลยผมบอกว่า…โอ๊ย!!”มิวตกใจแต่ก็ไม่ทันได้ถาม แต่สรรพนามที่ผู้หญิงสวยคนนั้นเรียกแฟนหนุ่มของเธอ หากฟังไม่ผิดพวกเขาน่าจะไม่ใช่อย่างที่มิวคิดเอาไว้ เธอรีบวิ่งมาประคองภาวินทร์ที่ล้มให้ลุกขึ้น ซึ่งตัวภาวินทร์ร้อนเหมือนไฟ“พี่วินทร์…ไม่สบายเหรอคะ”“ใช่ค่ะ มันไม่ยอมให้พี่โทรบอก น้องมิวใช่ไหมอย่าพึ่งถามตอนนี้ช่วยพี่ลากไอ้เด็กดื้อนี่เข้าห้องนอนก่อน”“เอ่อ ค่ะ ๆ”“ไม่ต้อง พี่รินทร์กลับไปเถอะ ผมมีมิวแล้วเดี๋ยวมิวจัดการเอง โอย…”“พี่วินทร์ อย่าพึ่งพูดเข้าไปในห้องก่อน”“กลับมาแล้วเหรอ กลับมาได้เสียที”แม้แต่เสียงของวินทร์ก็แหบจนแทบไม่มีเสียง มิวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เธอก็รีบให้เขา
มิวรีบเดินออกมาจากห้องน้ำและไม่พูดอะไรกับเข้าอีก ปล่อยให้ภาวินทร์ยืนงงอยู่ในห้องน้ำ เขารีบอาบน้ำตามเธอออกมาเพื่อจะมาง้อแฟนสาวที่นั่งเป่าผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง“เอ่อ…”เธอเปิดเสียงไดร์เป่าผมให้ดังขึ้นและไม่สนใจเขาอีก วินทร์พยายามเดินวนรอบ ๆ จนต้องยอมถอยเพราะมิวคงไม่ฟังที่เขาพูดแน่ ดังนั้นจึงเดินไปเปลี่ยนชุดนอน มิวปิดที่เป่าผมและเดินมาเปลี่ยนชุดเช่นกัน“เอ่อ…”“ปิดไฟด้วยนะคะ”“เดี๋ยว… คุยกันก่อนไม่ได้เหรอครับ เมียจ๋า”“อย่ารบกวนคนจะนอนถ้ายังพูดอีกพรุ่งนี้มิวจะกลับหอ”วินทร์รูดซิปปากจนสนิทและยอมที่จะปิดไฟนอนแต่โดยดี มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขากลัวเธอมากขนาดนี้ ไม่สิเขาคิดว่าเข้าไม่ได้กลัว เขาแค่รักเธอมากขึ้นทุก ๆ วันจนไม่อยากเสียเธอไปต่างหากจึงได้ยอมลดนิสัยเอาแต่ใจของเขาลง อีกอย่างมิวแทบจะไม่เคยโกรธเขาจริง ๆ มาก่อนเลยถ้าไม่นับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่ยายของมิวจะเสีย“ขยับออกไป ร้อน”“แต่ว่าพี่นอนไม่หลับ”“มิวบอกว่ามิวร้อนไม่ได้ยินเหรอคะ จะนอนที่นี่หรือว่าจะไปนอนห้องนอนเล็ก”“ก็ได้ ๆ ไม่กวนแล้วก็ได้อย่าแยกห้องนอนเลยนะครับ”มิวขยับหนีเขาไปเกือบสุดเตียง คนตัวโตได้แต่นอนถอนหายใจและทำท่าเห
ภาวินทร์คว้าข้อมมือของมิวเดินผ่านผู้หญิงสองคนที่ซุบซิบพวกเขาอยู่ พวกเธอหลบตาเขาจนเขาเดินผ่านไปและไม่กล้าแม้แต่จะตอบโต้ มิวเห็นท่าทางโกรธของเขาจึงได้ยิ้มออกมา“ขำอะไรกัน ไม่โมโหเหรอที่ถูกคนว่าลับหลังแบบนั้น”“แล้วพี่วินทร์จะไปฟังทำไมละคะ”“ก็มันน่าโมโหนี่ ถ้ามิวแต่งตัวแต่งหน้าจัดเต็ม สวยกว่าพวกปากมากนั่นอีก”“เฮ้อ… ความปากดีของพี่วินทร์ไม่เคยลดลงเลยนะคะ”“แล้วไม่ชอบเหรอ”ภาวินทร์หันมาคว้าเอวของแฟนสาวเข้ามากอดพร้อมกับค่อย ๆ เอียงหน้าเข้ามาใกล้ ๆ มิวเบี่ยงหลบและตีไปที่ไหล่ของเขาจนวินทร์หัวเราะเพราะเธอเริ่มอายอีกแล้ว“เมือไหร่จะเลิกทำหน้าตาน่ารักนั่นเสียทีนะ พี่จะทนไม่ไหวอีกแล้ว”“พอเลยค่ะรีบกลับเถอะ ผักก็เลือกมาได้ไม่เท่าไหร่เองก็ไปหาเรื่องคนอื่น”“ไปซื้อที่อื่นก็ได้ไม่เห็นจะยากเลย พี่ไม่ชอบให้ใครมาพูดลับหลังแฟนพี่แบบนี้”“รีบไปเถอะค่ะเสียเวลา”“ครับผม”“แล้ววันหลังอย่าไปพูดแบบนี้อีกนะคะ ยังไงพวกเขาก็เป็นผู้หญิง”“ทำไมล่ะพวกนั้นนินทาได้แล้วพี่ตอบโต้กลับไม่ได้เหรอ…. ก็ได้ ๆ ไม่พูดก็ได้ครับ ไปคิดเงินกันนะอย่าโมโหสิ”วินทร์หยุดพูดเมื่อเห็นสายตาขุ่นเขียวที่ส่งมาให้เขา ตอนนี้เขาจะไม่ยั่วโมโหเ
“อะไรวะไอ้กร อย่ามาขู่กูเลย”“กูไม่ได้ขู่แต่มึงไม่เห็นเหรอ พ่อพยายามมาหลายปีให้มิวยอมรับ มึงว่ามหาลัยเรามีทุนให้เรียนมากขนาดนั้นเลยเหรอ”“มึงจะบอกว่าทุนที่มิวคิดว่าเป็นทุนจากมหาลัยนั่นที่จริงแล้ว…”“ทุนจากพ่อทั้งนั้นแหละ พ่อจัดการและคุยกับคณบดีโดยตรงโดยที่มิวไม่รู้มาสามปี ทั้งค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลของยายและงานศพทั้งหมดนี่ก็ด้วย น้าสายรู้ดีที่สุดแต่มิวไม่รู้คิดว่าน้าสายจะเคลียร์หลังงานจบน่ะ”“กูเริ่มจะกลัวขึ้นมาจริง ๆ แล้วสิทีนี้”“ไม่ต้องห่วงหรอก แม้ว่าพ่อจะดีใจที่ได้ลูกสาวคืนแต่ก็คงไม่ถึงกับสั่งห้ามมิวเรื่องมึงหรอก แค่ต้องระวังให้มาก ๆ หน่อยเท่านั้น เกิดมึงอะไรพลาดขึ้นมากูแค่จะเตือนว่าแม้แต่กูก็ช่วยมึงไม่ได้เท่านั้นเอง”“เฮ้อ จากมิวคนเดียวที่ว่าง้อยากแล้ว นี่ยังเพิ่มพ่อตามาอีกคน กูตายแน่ ๆ ไม่เคยคิดเลยว่ามีเมียมันจะยากขนาดนี้”“เฮ้ย นี่มึงจะถอยตอนนี้เหรอวะ”“ฝันไปเถอะ กูรักของกูขนาดนี้มีเหรอจะยอมแพ้”“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ดูเหมือนว่ามึงจะทิ้งลายเจ้าชู้แล้วจริง ๆ เหรอวะไอ้วินทร์”“เออ ตั้งแต่กูเจอมิวกูก็ไม่ต้องการผู้หญิงคนอื่น ไม่คิดอยากจะหาและไม่มีอารมณ์กับใครด้วยนอกจากมิว”“มึงกล้าพูดแ
“ไอ้ธิศเนี่ยนะ! ไปยกของบ้าไปแล้วแน่ ๆ คนอย่างมันน่ะเหรอจะ…”“เอาไปไว้ทางโน้นค่ะ เร็ว ๆ เลยเหลืออีกหลายตัว”“ครับ ๆ รู้แล้ว ๆ ไม่ต้องดุมากได้ไหมชาติก่อนเป็นแมวเหรอขู่เก่งจัง”วีรภัทรหันไปมองนิธิศที่กำลังช่วยเพื่อนของมิวอีกคนยกพานพุ่มเข้าไปเก็บข้างใน ดูเหมือนจะเป็นพานที่ใช้ประกอบพิธีในคืนพรุ่งนี้ ตามไปด้วยเพื่อนที่เป็นสาวสองที่ชื่อริชชี่และแยมที่ช่วยกันยก “มีอีกไหม แรงพี่ยังเหลือนะ”“โน่นค่ะ แล้วอย่าบ่นนะว่าหนักขนาดริชชี่เป็นสาวยังยกไหวเลย”“ใครจะไปถึกเหมือนไอ้บ้านั่น”“พี่ธิศ!”“ครับ ๆ ไม่ว่า ๆ น้องริชชี่คนสวยมีอะไรให้พี่ช่วยอีกไหมครับ”“แหมยังเหลืออีกไม่เยอะค่ะ แยมแกก็อย่าไปขู่พี่เขามากสิ เดี๋ยวเขาก็ไม่ช่วยหรอก”“ก็….”“ไปน่า ๆ น้องแยมไม่ต้องพูด ไปช่วยพี่ยกของก่อนดีกว่ามาเถอะ ๆ”“นี่! ปล่อยมือนะพี่ธิศ บ้าเหรอมาลากแยมทำไม”แคร์หันไปแค่ยิ้มและหันมาจัดการข้าวต้มในชามตัวเองก่อนจะหันมามองท่าทางตกตะลึงของวีรภัทรที่ไม่เคยเห็นเพื่อนของเขาทำแบบนี้มาก่อน นิธิศเป็นคนปากดีและหยิ่งในศักดิ์ศรีมาก นอกจากมิวที่เคยด่าเขาหน้าคณะจนอายแล้วยังไม่เคยเห็นนิธิศยอมให้ผู้หญิงคนไหนใช้งานแบบนี้มาก่อน“เป็นไปได้
มิวเองก็รู้ตัวว่าเคยทะเลาะกับน้าเรื่องนี้บ่อย ๆ หลายครั้งที่น้าสายบอกให้มิวลองติดต่อพ่อเพราะยายต้องรักษาตัว แต่เป็นมิวที่ดื้อและยืนยันว่าจะทำงานและหาเงินมารักษายายให้ได้ จนอาการของยายทรุดหนักลงเธอจึงหยุดเถียงน้าสาย และตัวน้าเองก็เลือกจะเงียบไปเพราะกลัวว่าอาการของยายจะแย่ลง“มิว…”“น้าไม่โทษแกหรอกเพราะแกก็ดื้อไม่ต่างกับแม่ แต่สุดท้ายแล้วแม่ก็ให้อภัยและยอมรับพ่อของมิว แม้ว่าจะยังไม่ทันได้จดทะเบียนสมรสแต่พ่อของมิวก็ตั้งใจที่จะมาที่นี่และอยู่กับแม่ของมิว”มิวปล่อยโฮเมื่อความจริงทั้งหมดออกมาจากน้าสาย เป็นเธอที่ดื้อรั้นไม่รับฟังจนยายเสียไป เวลานานเป็นสิบปีกว่าที่เธอจะเข้าใจ บัญชีเงินฝากมีเงินในนั้นเกือบสามล้านบาทเพราะพ่อของเธอโอนมาฝากให้เป็นประจำโดยที่ไม่มีการถอนออกมา ค่ารักษาของยายและทุนการศึกษาที่เธอได้เรียนทุกวันนี้ก็เป็นพ่อที่จ่ายให้“น้าสายมิวควรจะทำยังไงดี มิวไม่เคยรู้ว่าแม่อภัยให้เขาแล้วแต่ว่ามิว…”“น้าเข้าใจที่มิวโกรธ แต่ตอนนั้นมิวยังเด็กจึงดื้อไม่ฟังใครน้ากับยายก็เข้าใจ ทุกครั้งที่มีใครพูดถึงพ่อมิวก็จะโกรธและไม่คุยกับคนอื่น ยายไม่อยากเห็นมิวเป็นแบบนั้นก็เลยเลี่ยงไม่พูดมาตลอด น้าผิด
“ถ้าอย่างนั้นนี่ก็เป็นสาเหตุที่มิวเกลียดพ่อสินะ”"ใช่ พ่อเองก็รู้ตัวว่าทำผิด แต่ทุกเรื่องมันมีเหตุผล อีกอย่างเรื่องที่แม่ทำก็ไม่ได้ถูกต้องแม้ว่าพ่อจะรับผิดชอบ แต่ก็ไม่เคยละเลยน้าสุดากับมิว แม้ว่าน้าสุดาจะไม่ยอมรับจนถึงวันสุดท้ายก็ตาม ยายกับน้าสายรู้ดีว่าเธอปากแข็งไปเท่านั้นเพราะก่อนจะสิ้นใจพ่อได้มีโอกาสมาหาเธอและกอดเธอเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันจนน้าสุดาเสีย แต่เรื่องนี้มิวไม่รู้เรื่องและพ่อก็ไม่เคยปริปากบอกเธอเพราะยังรู้สึกผิดอยู่“ฉิบหายทำไมเรื่องมันวุ่นวายขนาดนี้วะ แล้วกูจะพูดยังไงกับมิวดี จะช่วยมึงกับคุณอายังไงวะ”“ไม่ต้องหรอกพ่อบอกแล้วว่ายังไงเรื่องแบบนี้ก็คงต้องใช้เวลา พ่อบอกรอได้จนกว่ามิวจะพร้อม อีกอย่างคุณย่าก็ไม่อยู่แล้ว ส่วนแม่ก็หย่ากับพ่อแยกทางกันนานแล้วต่อไปก็คงไม่มีอะไรต้องห่วงอีก วันนี้ที่พ่อมาก็แค่อยากมาส่งยายครั้งสุดท้ายเท่านั้นเอง”“เข้าใจแล้วเอาเป็นว่ากูจะค่อย ๆ พูดกับมิวให้ ยังไงท่านก็เป็นพ่อ อีกอย่างพ่อมึงก็ไม่ได้จะขาดความรับผิดชอบ แม่่ของมิวรู้ทุกเรื่องแต่ไม่มีโอกาสได้บอกมิว”“มึงก็รู้ว่ามิว…”“กูต้องรู้สิ มิวปากแข็งแต่ใจอ่อน นิสัยคงไม่ต่างกับแม่ของเ