“เฮ้ยน้อง ปากแบบนี้มันน่า…”
ภาวินทร์ดึงนิธิศออกไปโดยมี “ชินกร” และ “วีรภัทธ”เพื่อนของเขาดึงเอาไว้ด้วยเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ สาวแว่นคณะพยาบาลที่พวกเขาชอบล้อเธอมากว่าสองปีจู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมาสู้กลับซึ่งทำให้พวกเขาแปลกใจไม่น้อย โดยเฉพาะภาวินทร์
“พูดใหม่อีกทีสิ”
“พูดอะไร”
“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรล่ะยัยแว่น”
สายตาแข็งกร้าวของเธอแม้เขาจะมองผ่านแว่นแต่ก็รู้ว่าเธอกำลังโกรธจัด ซึ่งเขาเองก็พอเข้าใจได้เพราะเธอถูกพวกเขาล้อตั้งแต่เข้ามหาลัยใหม่ ๆ แต่ให้ตายเถอะพอเห็นเธอทีไรมันก็อดไม่ได้จริง ๆ นี่นา ผ่านมาสองปีแม่สาวเจ้าไม่เคยเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวเลยสักนิด
“ผ่านมาสามปีก็ไม่มีพัฒนาการขึ้นเลยสักนิด”
“แล้วมันหนักส่วนไหนของพี่ล่ะคะ”
“ไม่หนักหรอกก็แค่อยากรู้เท่านั้นว่าวัน ๆ นอกจากท่องหนังสือสอบหอบตำราเข้าห้องสมุดแล้วทำอะไรเป็นอีกบ้าง”
“ก็ดีกว่าพวกที่ดีแต่พกปากมามากกว่าสมอง แล้วมานั่งเห่าหอนไปวัน ๆ เหมือนพวกหมาหมู่แถวนี้ก็แล้วกัน”
“เธอว่าใครเป็นหมา”
“ถ้าไม่อยากรับก็อย่าเดือดร้อนสิ”
“แล้วเมื่อกี้ว่าให้ใคร เธอเป็นรุ่นน้องนะ”
“สันดานต่ำ”
“อะไรนะ!”
“เอาสิ จะได้รู้ไปเลยว่านอกจากปากหมาแล้วยังกล้าทำร้ายผู้หญิงด้วย”
“ไปซะ”
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเขาพูดออกมาเบา ๆ
“อะไรนะ”
“ฉันบอกว่าไปซะ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าเธออีก”
มิวยกมุมปากยิ้มเหยียดให้เขาอีกครั้ง นี่ถือเป็นการประกาศสงครามกับหนุ่ม ๆ วิศวะของเธอเมื่อกาวินทร์เริ่มกำหมัดแน่นและมองเธออย่างเอาเรื่อง
“รอให้พี่เป็นเจ้าของมหาลัยก่อนก็แล้วกันค่อยมาไล่คนอื่นแบบนี้ ถ้าตอนนี้ยังไม่ใช่ก็ช่วยหลีกทางด้วยเพราะฉันมีธุระที่ตึกนี้ ถ้าไม่ได้มาเรียนก็อย่ามานั่งเกะกะหายใจทิ้งไร้ค่าไปวัน ๆ มันน่ารำคาญ”
มิวเดินผ่านเขาไปอีกครั้งโดยไม่มองหน้าอีก ใบหน้าเชิดพร้อมกับแว่นตานั่นทำให้เขาโกรธและหงุดหงิด นี่ถ้าเธอไม่เป็นผู้หญิงเขาคงต่อยหน้าเธอไปแล้ว ตอนนี้คนอื่น ๆ เริ่มหันมามองทั้งคู่ ทุกคำที่เธอด่าพวกเขาเริ่มทำให้กลุ่มของภาวินทร์เริ่มอาย
“ปากดีนักนะ เจ้าของมหาลัยงั้นเหรอ”
“ไอ้วินทร์ ปล่อยไปได้ยังไงวะปากดีฉิบหาย”
“คิดไม่ถึงละสิที่จู่ ๆ ลูกแกะน้อยก็ลุกขึ้นมาด่าพวกมึงอ่ะ”
“เชี่ย แซวมาเกือบสามปีพึ่งจะมาด่าเอาวันนี้ นี่น้องมันความรู้สึกช้าหรือไงวะ”
“ไม่ได้รู้สึกช้าแต่ว่าวันนี้คงเป็นเมนส์ล่ะมั้ง ฮ่า ๆ ๆ”
จากนั้นพวกเขาก็ไม่พูดถึงเรื่องของเธออีก เวลาที่เจอเธอพวกเขาก็จะแค่มองส่วนเธอนั้นไม่มองมาที่พวกเขาสี่คนอีกเลย และหากมีโอกาสได้พบเจอที่ไหนก็จะหนีห่างเหมือนกับเจอเชื้อโรค ซึ่งพวกเขาเองก็ไม่สนใจเธอเช่นกัน
ช่วงนี้เธอแทบจะไม่พบพวกเขาเพราะพวกนักศึกษาปีสี่ต้องทำโปรเจค ซึ่งทำให้พวกเขายุ่งและไม่มีเวลามาเหล่สาว ๆ แถวนี้อีก
“นี่ค่ะเครื่องดื่มของคุณ”
“ขอบใจ”
เขาวางเงินและทิปเอาไว้ให้เธอก่อนที่จะมีสาว ๆ เดินเข้ามาทักทายเขาซึ่งไม่ใช่แค่ทักทายเมื่อเธอคนนั้นเดินเข้ามาถึงตัวก็ดึงเขามาหอมแก้มทันที
“ว่าไงคะฮันนี่วินทร์ ไม่ค่อยเห็นมาเที่ยวเลยนะวันนี้ว่างเหรอคะ”
“เบื่อ ๆ นิดหน่อยน่ะแล้วคุณล่ะ”
“ขอสั่งเครื่องดื่มก่อนนะคะเดี๋ยวค่อยคุยกัน”
“ได้สิ เอาอะไรล่ะผมเลี้ยงเอง”
เธอหันไปหอมแก้มเขาอีกครั้งเป็นการขอบคุณ ภาวินทร์ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาชินแล้วกับการสกินชิพแบบนี้ อีกอย่างเสือผู้หญิงอย่างเขามีหรือที่มาเที่ยวแบบนี้แล้วจะไม่หิ้วใครสักคนกลับไปกินต่อ
“ขอคอสโมที่หนึ่งค่ะ”
“ได้ค่ะ”
โชคร้ายที่ทั้งคู่เลือกที่จะนั่งตรงหน้าเธอซึ่งทำให้มิวหนีไม่ได้ เมื่อเธอเริ่มผสมเครื่องดื่มสายตาของภาวินทร์ก็หันมามองด้วยความสนใจ แม้ว่าเขาจะมาที่นี่บ่อย ๆ แต่ไม่เคยคุ้นหน้าบาร์เทนเดอร์ที่เป็นผู้หญิงซึ่งน่าแปลกที่เธอชงเครื่องดื่มได้อร่อยกว่าคนอื่นจนเขายินดีให้ทิปก้อนใหญ่
“ช่วงนี้คุณคงยุ่งสิคะเรียนปีสุดท้ายแล้วนี่ จบแล้วเอายังไงต่อละคะ”
“อย่าพูดถึงเลย น่าเบื่อจะตาย”
“ถ้าอย่างนั้น… คุยเรื่องต่อจากนี้ดีไหม”
“แบบนี้สิถึงน่าคุย”
มิวแทบอยากจะเดินออกจากบาร์ไปเพื่ออาเจียน ชื่อเสียงความเจ้าชู้ของภาวินทร์ไม่ได้เป็นแค่ข่าวลือเมื่อเขาเริ่มรวบเอวของสาวคนข้าง ๆ เข้ามาและค่อย ๆ หันมาจับเครื่องดื่มที่มิววางเอาให้เสิร์ฟถึงปากอีกฝ่ายพร้อมกับธนบัตรใบสีเทาที่จ่ายให้เธอเป็นค่าเครื่องดื่ม
“เรเน่ กลับได้แล้วล่ะฉันมาแทนให้”
"ขอบใจนะเชนไปก่อนล่ะ"
มิวรีบเดินออกไปทันทีก่อนที่ภาวินทร์ที่กำลังนัวเนียสาวอยู่หน้าบาร์จะทันได้หันมามอง แม้เขาจะสะดุดกับแววตานั้นแต่ก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ เพราะเพื่อนร่วมงานเรียกเธอว่า “เรเน่” ซึ่งเขาแค่สนใจเล็กน้อยก่อนจะหันมาสนใจสาวเซ็กซี่ตรงหน้า
“ไปกันเลยไหม”
“ไปไหนดีล่ะคะ”
“โรงแรมพ่อผมอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง ไม่ยากนี่”
แต่พอเขาพาเธอออกมาเธอก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ภาวินทร์จึงได้เดินออกมารอเธอข้างนอก ซึ่งนั่นเป็นเวลาเลิกงานของลักษิกาพอดี เขาทันได้เห็นตอนที่เธอเดินออกจากประตูหลังบาร์เพื่อมาเรียกรถเพื่อจะกลับบ้าน
“อะไรกัน ยัยแว่นนั่นมาทำอะไรที่นี่”
ภาวินทร์เองก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่หรือเปล่าแต่ว่าเขาจำรองเท้าผ้าใบสีขาวชมพูที่เธอใส่ตั้งแต่ปีหนึ่งนั่นได้ดี แต่วันนี้เธอไม่ได้ใส่แว่น จะเป็นไปได้เหรอที่จะมีคนที่รสนิยมเดียวกันสวมรองเท้าสีแบบนั้นในเวลาแบบนี้ ความอยากรู้ทำให้เขาแอบเดินตามเธอไปโดยไม่ได้สนใจสาวสวยอีกคนที่เตรียมจะพาไปที่โรงแรมในคืนนี้
“ไปหน้ามหาลัย…ค่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงเธอบอกปลายทางเขาก็เริ่มแน่ใจว่าต้องใช่ยัยแว่นจอมเฉิ่มคณะพยาบาลที่มีเรื่องกับพวกเขาไปหลายวันก่อนแน่นอน แต่ถ้าเขาเห็นเธอเขาก็ต้องจำได้สิ นี่เขาก็เดินทั่วร้านแต่ไม่เห็นจะเจอเธอเลยนี่
“มาทำอะไรกันแน่ เป็นแม่บ้านเหรอ”
สองวันถัดมา
“เอาไปสิไอ้วินทร์ มึงยังยุ่งไม่พอเหรอวะจู่ ๆ ให้กูไปหาข้อมูลของยัยน้องแว่นนั่น”
“เออ ขอบใจไปก่อนนะ”
“อ่าวเฮ้ยไอ้วินทร์ มันจะรีบไปไหนของมัน ไอ้กรมันให้มึงไปหาอะไรวะ”
“ให้กูแฮกเข้าไปหาข้อมูลนักศึกษา มึงลองทายดูสิว่ามันให้กูหาใคร”
“น้องรินคณะมนุษย์ หุ่นสะบึ้มขาเรียว พริตตี้คนสวยที่มันควงเดือนก่อน”
“ไม่ใช่”
“น้องรีญ่า คณะนิเทศว่าที่ไอดอลที่...”
“โอย นั่นแค่ควงเล่น ๆ ไอ้วินทร์ไม่ลากขึ้นโรงแรมด้วยซ้ำจำไม่ได้เหรอ แอ๊บซะมันหมดอารมณ์”
“เออว่ะ แล้วมันหาประวัติใครวะ”
“ยัยแว่นเฉิ่มเนิร์ดคณะพยาบาล”
""ห๊ะ!!""
“ตะโกนห้าป้ามึงเหรอ น้อง ๆ ตกใจหมด ไปได้แล้วไปทำโปรเจค”
“โธ่…เฮ้ยไอ้กรเล่าให้กูฟังหน่อยมันยังไงกันวะทำไมจู่ ๆ ไอ้วินทร์อยากรู้เรื่องของยัยแว่นเฉิ่มเนิร์ดนั่นได้”
“กูจะไปรู้มันเหรอ นี่ไอ้ธิศกูแนะนำว่าอยากรู้มึงก็ไปถามมันดูสิ”
“หรือว่าไอ้วินทร์มันชอบแบบนี้วะ”
“โธ่ไอ้ภัทร มันจะเป็นไปได้ยังไงขนาดดาวคณะกับรองดาวมหาลัยไอวินทร์มันยังควงไม่กี่วันแล้วทิ้ง มึงคิดว่ายัยแว่นนั่นมีอะไรดึงดูดคนอย่างไอ้วินทร์ได้นอกจากคำด่าที่น่าเจ็บใจวันก่อนนั่น”
“หรือว่าไอ้วินทร์มันอยากจะได้เมียแบบคุณแม่วะ”
“ฮ่า ๆ ๆ”
เสียงหัวเราะของเพื่อนสนิททั้งสามของภาวินทร์ยังดังจนทั้งหมดเดินขึ้นรถของวีรภัทรเพื่อกลับไปทำโปรเจคกลุ่มของตัวเอง
คอนโดภาวินทร์
“พี่วินทร์คะ พอได้แล้วมั้งคะเลิกอ่านเถอะค่ะมาสนุกกับนุ๊กกี้ดีกว่า”
“วันนี้พี่ต้องทำงาน กลับไปก่อนเถอะ”
“อะไรกันคะไหนบอกว่า…”
ภาวินทร์เดินมาหยิบมือถือและกดรายการบางอย่าง ไม่นานเสียงเตือนมือถือของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นเธอจึงรีบกดดูทันทีเลย
“อะไรกันคะ ห้าพันพี่วินทร์โอนมาให้นุ๊กเหรอ”
“เอาไปซื้อของที่อยากได้เถอะ วันนี้พี่ไม่มีอารมณ์”
“พี่วินทร์...”
"นุ๊กเธอรู้ข้อตกลงระหว่างเราดี เธอมาที่นี่เพื่อให้พี่ช่วย ตอนนี้พี่ช่วยแล้วก็หมดธุระของเธอแล้ว หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่นี่อีก เรียกรถเองนะพี่คงไม่ไปส่ง”
“พี่วินทร์จะทิ้งนุ๊กเหรอคะ ไม่กลัวว่า…”“อยากพูดอะไรก็พูดไปสิ ชื่อเสียงพี่ไม่ได้ดีอยู่แล้ว อีกอย่างปีนี้ก็เป็นปีสุดท้ายแล้วพี่ไม่สนใจหรอกนะว่าจะต้องเสียชื่อเสียงอีกแค่ไหน เพราะสุดท้ายคนที่พูดเรื่องโกหกก็ต้องรับผลของมันอยู่ดี”“พี่วินทร์! นี่พี่จะบอกว่าฉันโกหกเหรอคะ"“ไม่ทำก็ดีแล้ว รีบไปเถอะพี่จะรีบทำงาน”อีกฝ่ายรีบคว้ากระเป๋าและมือถือเดินออกจากคอนโดนหรูของภาวินทร์ทันที เมื่อเสียงประตูปิดลงภาวินทร์ก็รวบถือแฟ้มที่เพื่อนสนิทเขาเอามาให้เดินเข้าไปในห้องและเอนตัวลงกับเตียงและอ่านอีกครั้ง“นักศึกษาพยาบาล รับทุนเรียนดีทุกปีเพื่อชำระค่าเทอมแล้วยังมีสิทธิ์สอบชิงทุนเรียนต่อระดับปริญญาโทและบรรจุเข้าทำงานในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย เก่งไม่เบาเลยนี่ยัยแว่น”เขามองรูปถ่ายของเธอและเพ่งดูอีกครั้ง ซึ่งเมื่อมองดูช้า ๆ แบบนี้ก็ยังไม่คุ้นเคยว่าเคยเจอเธอในบาร์นั้นหรือเปล่า เพราะเขาไม่เห็นคนที่มีลักษณะสาวเฉิ่มแบบนี้ในสถานที่แบบนั้น“จะเป็นไปได้ยังไงที่มองพลาด ถ้ารู้จักและเคยเห็นแค่ผ่านหน้าก็ต้องรู้สึกคุ้นหน้าสิวะ”ลักษิกาเข้ามาเรียนได้เพราะการสอบชิงทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัยได้และยังเป็นที่หนึ่งในคณะพยาบาลมาสอ
“ช่างเถอะ ๆ ว่าแต่มึงบอกว่าน้องมิวไม่น่าสนใจแล้วทำไมถึงให้กูหาประวัติมาให้ล่ะ”“เรื่องนั้นน่ะเหรอ เพราะว่ากูสงสัยอะไรบางอย่างน่ะสิ”"อะไรวะ"“เออ ไม่มีอะไรรอกูพิสูจน์ให้รู้เรื่องก่อนถ้าใช่แล้วจะบอกมึงเป็นคนแรกเลย”“เออ ๆ ก็ดีแต่กูขอล่ะไอ้วินทร์ วันนั้นที่โดนด่ากันไปเซตใหญ่กูว่ามึงก็บอกไอ้พวกนั้นปล่อยน้องมันไปเหอะ เห็นแล้วสงสารว่ะ กูยังต้องขอให้น้องมันช่วยอีกเยอะ”“เออ กูจะบอกให้แต่พักหลังพวกมันก็ไม่แซวแล้วนี่”“ก็คงไม่กล้าแล้วละมั้ง สงสัยจะกลัวปากใบมีดโกนของน้องมิวไปอีกนานเลยล่ะ”“น้องมิวเหรอ”“ใช่ ชื่อเล่นชื่อมิวไง กูถามน้องวันที่เจอที่หอสมุด”“เหอะ ไม่ใช่ว่ามึงจะจีบน้องแว่นเฉิ่มเนิร์ดนี่หรอกเหรอไอ้กรเห็นพูดถึงบ่อย ๆ”“ส้นตึกเถอะไอ้วินทร์อย่าพูดอะไรน่าขนลุกแบบนั้นได้ไหม รุ่นน้องก็คือรุ่นน้องโว้ย ไปได้แล้ว”“เออ ๆ”วันศุกร์ / Q-Bar“สุดหล่อมาแล้วเหรอ”“หวัดดีครับ”“ไฮพี่วินทร์”“หวัดดีคนสวย”ภาวินทร์เดินเข้ามาผ่อนคลายที่บาร์เพราะสองวันที่ผ่านมาเขากับเพื่อน ๆ แทบจะไม่ได้นอนเพราะลุยทำงานโปรเจคจบส่งอาจารย์ ทั้งกลุ่มตกลงกันว่าศุกร์ เสาร์จะเป็นวันพักผ่อนที่ไม่ต้องมาทำรายงานอีกเพื่อไม่ให้เ
วันถัดมา Q-Barวันนี้ภาวินทร์ตั้งใจจะมาที่นี่เพื่อจะมองหน้าบาร์เทนเดอร์สาวอีกครั้งเพื่อความแน่ใจกับสิ่งที่เขาเห็นเมื่อคืนนี้ หากว่าเธอคือลักษิการุ่นน้องสาวแว่นตัวแสบที่เขารู้จัก คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะแก้แค้นเธอแล้ว“ดราย์ มาร์ตินี่”“ค่ะ”มิวหันไปมองแขกที่มักจะมาประจำในช่วงนี้ ตอนนี้เธอลดความกลัวเขาลงไปมากแล้ว เพราะดูเหมือนว่าภาวินทร์จะไม่ได้ใส่ใจเธอและมาที่นี่เพื่อท่องราตรีเพียงอย่างเดียว เรเน่ชงตามสูตรและส่งเครื่องดื่มที่เขาสั่งประจำให้เขา“ขอบใจนะสำหรับเครื่องดื่มแก้แฮงค์เมื่อวาน”“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณสำหรับทิปด้วยค่ะคุณผู้ชาย”“ไม่เป็นไรเพราะผมจะเอาคืนมากกว่าทิปแน่…เรเน่”เธอหันไปยิ้มให้เขา รอยยิ้มของเธอทำให้เขามั่นใจว่าเธอคือ “ยัยลูกแกะน้อย” ที่เขาเจอในห้องสมุดครั้งก่อนตอนที่เพื่อนของเขาไปยืมหนังสือ นึกไม่ถึงเลยว่าเวลาที่เธอแต่งตัวเซ็กซี่และหมุนแก้วชงของบาร์เทนเดอร์พร้อมลีลาการหมุนผสมเครื่องดื่มทำให้เขาตื่นตาตื่นใจทุกครั้งจนละสายตาไม่ได้ เครื่องดื่มน้ำเมาแก้วต่อแก้วที่เธอชงส่งต่อให้สาว ๆ ออกไปเสิร์ฟให้ลูกค้าทำให้เขาเผลอมองอย่างลืมตัว มารู้ตัวอีกทีก็ชอบมองเธอชงเมนูต่าง ๆ อย่างตั
มิวรู้สึกว่าตัวเองพลาดไปแล้ว เมื่อบอกเขาไปแบบนั้นมันก็ไม่เท่ากับว่าเธอได้จับตัวเองใส่พานให้เขาด้วยตัวเองหรอกเหรอ สายตาของภาวินทร์ในตอนนี้เองก็ใช่ว่าจะน่าไว้ใจ เขาโยนบางอย่างให้เธอ “นี่อะไรคะ”“กุญแจห้องนี้”“แล้ว?”“จากนี้มาที่นี่อาทิตย์ละสามวัน จะวันไหนก็แล้วแต่เธอ”“มาที่นี่เหรอคะ”“ใช่ ทางที่ดีมาตอนกลางวัน ค่ำ ๆ หน่อยก็ได้”“นี่คือ…”“ทำความสะอาด ทำอาหาร พี่ไม่ค่อยกลับมาแต่ช่วงนี้คงต้องมาบ่อย ๆ เพราะต้องทำโปรเจคจบ”“เอ่อ…แค่นี้”“ทำไมล่ะ ไหนบอกทำได้ทุกอย่าง”“ค่ะ! ถ้าเป็นแบบนี้ก็ได้ค่ะ มิวยินดีค่ะจะทำให้ดีที่สุดค่ะ เอาเป็นวันจันทร์ พุธ กับศุกร์ช่วงบ่ายนะคะจะไม่ขาดสักวันเลยค่ะ”“ได้งานคนใช้ต้องดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ”“ค่ะ ดีใจค่ะถ้าอย่างนั้นมิวกลับได้เลยใช่ไหม”“เดี๋ยว…”“คะ?"“ทำไมต้องแต่งตัวแบบนี้หรือว่ามันเป็นกฎของร้าน”มิวก้มลงมองตัวเองที่แต่งตัวค่อนข้างโป๊และโชว์รูปร่างที่ซ่อนรูปของเธอที่ค่อนข้างเซ็กซี่เกินคาดไปมาก เขาไม่เคยนึกเลยว่าภายใต้ชุดนักศึกษาและกระโปรงหลวม ๆ แล้วยังรองเท้าผ้าใบสีชมพูที่น่ารำคาญนั่นจะซ่อนรูปร่างที่สวยและเซ็กซี่มากกว่าดาวมหาลัยยังชิดซ้ายเอาไว้“คือว่า… เป็น
เมื่อเขาพามาจอดที่ร้านข้าวต้มและเริ่มสั่ง มิวก็เริ่มหันไปมองรอบ ๆ ตอนนี้ถุงร้อนของเธอเริ่มเย็นแล้วเขาจึงได้บอกให้เธอเอาออกมาให้“เอามาสิ”“ทำไมคะ”“บอกให้เอามาก็เอามาเถอะ”เธอยื่นถุงน้ำร้อนไปให้เขาตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ภาวินทร์ลุกขึ้นเดินนำถุงน้ำร้อนนั้นเอาไปให้เด็กในร้าน เขาพูดไม่กี่ประโยคเธอก็ยิ้มและโค้งให้เขาก่อนจะหายไปพร้อมกับถุงน้ำร้อน“รอเดี๋ยวนะ”“พี่วินทร์ให้เขาไปทำอะไรเหรอคะ”“เปลี่ยนน้ำร้อนให้เธอน่ะสิ”“คะ? แล้วเขาทำให้ได้ด้วยเหรอคะ ที่จริงไม่ต้องลำบากถึงขนาดนั้นก็ได้”ไม่ทันที่จะได้ตอบอาหารหอม ๆ ที่ทำใหม่ ๆ ก็เริ่มทยอยมาวางตรงหน้า มิวรู้สึกหิวขึ้นมาเล็กน้อยจากที่ไม่ได้คิดอะไรแต่เพราะอาหารที่น่ากินและข้าวต้มร้อน ๆ ที่นำมาวางก็ทำให้เธอไม่มีสมาธิ“กินเถอะ อาหารพวกนี้ดีต่อสุขภาพ เดี๋ยวจะพาไปซื้อยา”“ขอบคุณค่ะ”เธอไม่พูดอะไรเมื่อเขาอนุญาตให้เธอกินก่อน อาหารที่ทำมาไม่ว่าจะเป็นผัดผักบุ้งไฟแดง หัวไชโป๊ผัดไข่ ไข่เจียวหมูสับกรอบ ๆ เมื่อได้กินข้าวต้มร้อน ๆ มิวก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น ภาวินทร์ที่กินไปด้วยและมองข้าวของเธอที่หมดก่อนเขาก็นึกประหลาดใจไม่น้อย“เอาข้าวเพิ่มอีกไหม”“อื้ม ขอบคุณค่ะ
ภาวินทร์หันไปมองคนที่พูด ลักษิกายังไม่ทิ้งความปากเปราะที่ชอบพูดขยี้จิตใจคนอื่น แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะทำอะไรเขาไม่ได้เพราะภาวินทร์ไม่แม้แต่จะไปหยิบดูเลยด้วยซ้ำ“เอาไปทิ้งให้หมด”“อะไรนะคะ ทิ้งหมดนี่เลยเหรอคะ”“เอาเก็บไว้ทำไมล่ะ ขยะก็ต้องทิ้งถูกแล้วนี่”“ขยะเหรอคะ แต่ว่านี่… บางชิ้นเหมือนจะเป็นของแบรนด์เนมเลยนะคะ”“ขยะก็คือขยะ เก็บไว้ทำไมหรือถ้าเธอเสียดายก็เก็บไปขายสิ น่าจะได้หลายพันอยู่นะ”“ฉันไม่ใช่ขโมยนะคะ”“ก็ถึงได้บอกให้เอาไปทิ้งยังไงล่ะ ฟังไม่รู้เรื่องเหรอยัยลูกแกะน้อย”“ฉันไม่ใช่...”“รีบเอาไปทิ้งจะได้พาไปกินข้าว”“ไม่ดีกว่าค่ะ ทำงานเสร็จแล้วมิวขอตัวกลับเลยนะคะวันนี้มีนัดต่อ”“อะไรนะ มีนัดเหรอ?”“ค่ะ ถ้าอย่างนั้น…”เธอรวบห่อบนโต๊ะทั้งหมดใส่กระเป๋าไปอีกครั้ง ภาวินทร์ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขามอบหน้าที่นี้ให้เธอจัดการแล้ว“อันนี้มิวขอนะคะ แล้วก็ขอตัวเลยค่ะเจอกันวันพุธ”“มีนัดกับใคร”“เรื่องส่วนตัวค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”เธอไม่ตอบยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด เธอยิ้มก่อนจะออกไปพร้อมกับถุงขยะย่อม ๆ โดยทิ้งเขาให้ยืนโมโหอยู่ที่เดิมก่อนจะเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อมองดูว่าเธอขึ้นรถอะไรกลับบ้านสักพัก
ภัทรและธิศกินเสร็จแล้วก็เดินออกไปจากโรงอาหารทันที ไม่นานเขาก็เห็นเธอเดินมาสั่งของหวานที่ร้านน้ำแข็งไสตรงหน้าส่วนเขาก็เดินไปสั่งข้าวแกงร้านข้าง ๆ เมื่อเธอเดินกลับไปนั่งที่เดิมเขาจึงเดินตามเธอไปนั่งตรงข้าม มิวถึงกับตกใจเมื่อหันไปมองและเห็นว่าเพื่อนของเขาไปหมดแล้ว“ไม่ต้องมองพวกมันไปหมดแล้ว”“แล้วทำไมต้องมานั่งที่นี่ล่ะคะ”“ก็อยากนั่ง มีเรื่องจะคุยด้วย”“อะไรคะ”“มิวทำพี่เป็นแผล คิดว่าอีกนานคงจะหายดังนั้นคงต้องรับผิดชอบสักหน่อย”“อะไรนะคะ ก็มิว….”เธอลดเสียงลงเมื่อหลาย ๆ คนเริ่มมองมาที่เธอ ทุกคนไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมภาวินทร์หนุ่มสุดหล่อคณะวิศวะที่สาว ๆ เฝ้าฝันว่าอยากจะกินข้าวกับเขาสักมื้อ ทำไมถึงต้องไปเลือกนั่งกับคนหน้าตาเฉิ่มแว่นหนาอย่างมิวคณะพยาบาล คนที่จืดชืดเหมือนกับกาแฟเย็นที่น้ำแข็งละลายผสมจนหมดรสชาติแบบนั้น“เบาหน่อยสิ แต่ว่าพี่ต้องใช้นิ้วมือในการทำโปรเจคแต่ตอนนี้มันบาดเจ็บดังนั้นก็ต้องเป็นหน้าที่มิวที่จะต้อง…”“อะไรนะคะ เดี๋ยวก่อนนะคะแค่หน้าที่แม่บ้านสามวันต่อสัปดาห์…”"ทุกวันพุธและวันศุกร์ไม่ต้องทำความสะอาด ทำแค่วันจันทร์วันเดียวพอ"“ทำไมล่ะคะ”“เพราะว่าพี่มีงานอื่นให้ทำ”“งา
“มิว แกจะเหนื่อยไปหรือเปล่าถ้าไม่ไหวก็หยุดสักงานเถอะโดยเฉพาะงานที่ไม่ได้เงิน”“แกคิดว่าฉันอยากทำเหรอ แต่เพราะเขารู้ความลับนี้ถ้าหากเขาจะแก้แค้นแล้วบอกเรื่องนี้กับทางมหาลัย ฉันก็ต้องหาเงินมาจ่ายค่าเทอมเองแล้วอีกอย่างก็จะช่วยคุณยายไม่ได้”“มิว… หรือว่าแกจะลองติดต่อพ่อ...”“อย่าพูดถึงเขาเลย”“ก็ได้”แยมไม่พูดต่อเพราะเรื่องนี้เธอรู้ดีว่ามิวไม่มีทางยอมรับ แม้ว่าคุณยายของเธอจะป่วยเป็นโรคหัวใจ แต่มิวไม่เคยขอความช่วยเหลือจากพ่อของเธอเลยสักนิดทั้ง ๆ ที่พ่อของมิวก็เป็นนักธุรกิจและมีบริษัทใหญ่โต แต่เมื่อแม่ของมิวแยกทางกับพ่อมิวก็ไม่เคยติดต่อพ่อของเธออีกเลยสองวันถัดมา / คอนโดภาวินทร์มิวมาทำความสะอาดให้เขาตามที่ตกลงเอาไว้จนครบหนึ่งเดือน แม้ว่าภาวินทร์บอกว่าไม่ต้องทำแล้วแต่ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มงานโปรเจคที่เขาบอกเอาไว้ เธอจึงมาทำให้เขาตามที่ตกลงและได้แลกเบอร์กันเอาไว้เพื่อจะได้สะดวกในการติดต่อ“นี่อะไรคะ”“ค่าจ้างไง คิดว่าพี่จะให้มิวทำฟรี ๆ เหรอ”“แต่นี่มันไม่มากเกินไปเหรอคะ”“ก็ไม่ได้ต่างกับทิปที่ให้ที่ผับนี่นา”“ทำความสะอาดทีละห้าพัน ยอดไปเลยแต่ว่ามิวไม่อยากเอาเปรียบพี่วินทร์หรอกค่ะ”“ไม่เอาใช่ไ
“โอ้โหน้องมิว วันนี้สวยเหมือนนางฟ้าจริง ๆ เลย”นิธิศเอ่ยปากชมด้วยใจจริง เขาเคยเห็นมิวมาก่อนหน้านี้แล้วในชุดบาร์เทนเดอร์และเห็นด้วยกับวินทร์ว่ามิวต้องสวยโดดเด่นในชุดไทยแน่ ๆ แต่ชินกรและวีรภัทรที่ไม่เคยเห็นถึงกับยืนอึ้งอ้าปากค้าง รวมถึงคนที่เริ่มมามุงดูกันและเริ่มสงสัยว่าเธอเป็นใคร“นั่นใครวะ คนของคณะพยาบาลเหรอ”“นั่นสิหน้าไม่คุ้นเลยแต่สวยฉิบหาย มึงดูรูปร่างสิอย่างกับนางแบบ”“นั่งรถหรูมาขนาดนั้นลูกนักการเมืองหรือเปล่าวะ”“แต่รุ่นพี่วิศวะคนนั้น….เขาแฟนของ…”“เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าแฟนพี่ภาวินทร์คณะวิศวะเครื่องกลปีสี่คนนั้นน่ะ ที่ใส่แว่นหนา ๆ”“เชี่ย!! สวยขนาดนี้เลยเหรอวะ”ไม่ใช่แค่พวกเขาที่ตกตะลึงในความขาวและความสวยของลักษิกาตรงหน้า แม้แต่คณะอาจารย์และกรรมการที่เริ่มเดินมาให้คะแนนในรอบแรกที่จะขึ้นรถที่ตกแต่งเอาไว้แล้ว ซึ่งครั้งนี้ชินกรให้คนของคณะวิศวะมาช่วยแต่งรถของมิวด้วยดอกไม้สดทั้งคัน วินทร์เดินเข้ามาหาและถามเธอ“เป็นยังไงบ้างเมื่อยไหม”“ไม่ค่ะแล้วพี่วินทร์ละคะ เหนื่อยไหม”“ไม่เหนื่อยแค่เห็นหน้ามิวก็หายเหนื่อยแล้ว วันนี้มิวสวยมากที่สุดเลย สวยจนอยากขอแต่งงานเลย”“พี่วินทร์ พูดอะไรน่ะ”“หนัก
“คิดเอาไว้ไม่มีผิดเลยว่าต้องมีเรื่องแบบนี้”มิวพูดขึ้นมาหลังจากที่ริชชี่เดินออกมาจากร้านยืมชุดร้านที่สี่ที่เธอรู้จัก “นั่นสิ จะเป็นไปได้ยังไงที่จะไม่มีร้านไหนเลยที่มีชุดเหลือ แบบนี้มันเหมือนแกล้งกันชัด ๆ เลย”“กลับกันเถอะ”“อ้าว แล้วจะทำยังไงละมิว”“ค่อยกลับไปคิดกันใหม่”“แต่ว่าเหลืออีกแค่อาทิตย์เดียวเอง ช่างแต่งหน้าก็ยังหาไม่ได้แล้วไหนจะชุดอีก”“เอาไว้ค่อยคิด”เย็นวันนั้น วินทร์ที่พึ่งกลับมาจากเรียนช่วงบ่ายเข้ามาในห้องก็เห็นว่ามิวนอนอยู่ที่โซฟาโดยมีมือถือวางอยู่ แต่เธอหลับสนิทจึงไม่เห็นข้อความของแยมที่ส่งมาให้“ริชชี่บอกว่าหาไปถึงร้านเวดดิ้งที่ทองหล่อก็ยังหาไม่ได้เหมือนกัน สงสัยงานนี้คงได้ตัดชุดใส่เองแล้วมั้ง ฮ่า ๆ”เขาไม่ได้แอบอ่านเพราะข้อความมันเด้งขึ้นมาเองจากหน้าจอภาวินทร์ถึงได้รู้ว่าเกิดปัญหาขึ้นแต่เขาเห็นว่ามิวยังหลับสนิทอยู่จึงได้โทรไปหาริชชี่เพื่อนสนิทของมิวโดยตรงซึ่งเขามีเบอร์ของเพื่อนมิวเอาไว้ทุกคน“โอเคพี่รู้แล้ว ขอบใจมากนะริชชี่”วินทร์วางหูไปแล้วและรีบกดเบอร์โทรที่คุ้นเคยทันที เสียงปลายสายรับอย่างงัวเงียเพราะยังไม่ถึงเวลาตื่น“ว่าไงไอ้ตัวแสบยังจำเบอร์พี่สาวแกได้อยู่เหร
“ต้องแบบนี้สิวะถึงจะเรียกว่าน้องเขย”วินทร์หันมายักคิ้วให้ชินกรก่อนจะดูดกาแฟเย็นของเขาต่อ วินทร์ยื่นชาเขียวแก้วใหม่ให้มิว“ไม่ต้องห่วงพี่อยู่ข้างมิวเสมอ ไม่ต้องกลัวเพราะแพรวากับพี่ไม่ได้มีอะไรเกินเลยและพี่ไม่เคยล่วงเกินเธอ”“พี่เป็นพยานให้ไอ้วินทร์ได้ในเรื่องนี้ น้องแพรคนนั้นถ้ากูจำไม่ผิดมากับดาวคณะที่บอกว่าเป็นเพื่อนกัน สุดท้ายมาเพื่อจะเข้าหามึงใช่ไหม”“พอไอ้ธิศพูดกูก็นึกออกเพราะพวกเธอตบตีกันเองมึงเลยเลิกติดต่อทั้งคู่ น้องแพรวาอะไรนี่ดูเหมือนจะยังไม่ทันได้คบหากับมึงเลยด้วยนี่ แค่ให้มึงเดินไปที่คณะด้วยกันเพราะเป็นทางผ่าน ตอนนั้นกูก็ไปด้วย”“ไอ้ภัทรมึงความจำแม่นใช้ได้เลยนี่กูก็ลืมไปแล้ว”“ก็หลังจากวันนั้นพวกพยาบาลมาใช้ห้องของคณะเราไงล่ะ มึงกับไอ้ธิศเลยโดนน้องมิวด่าที่หน้าคณะจำได้ไหมล่ะ”“ไอ้เชี่ยภัทรไม่พูดก็ไม่มีใครว่านะ มึงรื้อฟื้นทำไมวะกูอุตส่าห์ลืมไปแล้ว”วินทร์หันมามองหน้ามิวและยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ มิวรู้ดีว่าตอนนี้วินทร์จะอยู่ข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจยังไงก็ยังมีวินทร์และชินกร พี่ชายของเธอที่พร้อมจะช่วยเหลืออยู่เสมอ“มิว พ่อโทรมาหาพี่บอกว่าเรื่องที่จะเข้าประกวดพ่อบอกว่าให้มิวทำ
“ฉันว่าคนที่น่าห่วงน่ะไม่ใช่มิวหรอก แต่เป็นคนขี้อิจฉาอย่างเธอมากกว่า”“ยัยแคร์ หมายความว่ายังไง”แคร์ ริชชี่และแยมเดินมาพอดีพร้อมกับดึงมิวเข้ามา ดูท่าทางแพรวาเองก็เหมือนจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ “ก็เธอโดนทิ้งก็ไม่ได้หมายความว่ามิวจะเป็นอย่างเธอ ที่ฉันเห็นนะมิวกับพี่วินทร์คบหากันมานานเกินครึ่งปีแล้ว อีกอย่างตอนที่มิวโกรธ พี่วินทร์ถึงกับตามไปง้อถึงที่เลยนะ เรื่องแบบนี้เธอเคยเจอบ้างหรือเปล่า”“แก!”“อ๊ะ ๆ แคร์พูดไม่จบฉันขอต่อให้ก็แล้วกันนะ เรื่องของเธอกับมิวมันเอามาเทียบกันไม่ได้ แค่คนที่เคยคุยกับ "แฟน" น่ะ มันก็คนละเรื่องกันแล้ว อีกอย่างนะตอนนี้พี่วินทร์ก็ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนอีกเลย ไม่คิดเลยนะว่าพี่วินทร์จะคลั่งรักขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าไหมริชชี่"แพรวากำหมัดแน่นเพราะความอิจฉา เธอเคยคุยกับภาวินทร์และเคยควงเขาอยู่ไม่ถึงสิบวัน อาจเพราะเธอเซ้าซี้เขามากเกินไปและเรียกร้องขอให้เขามารับมาส่ง แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่ภาวินทร์จะทำตามที่เธอขอ ไม่เหมือนกับที่เขาถึงกับขับรถมาส่งมิวที่หน้าคณะอย่างเต็มใจแบบนี้“งานลอยกระทงปีนี้ ถ้าเธอคิดว่าเธอแน่จริงกล้ามาแข่งกับฉันไหมล่ะ”“อะไรนะ”“งานลอยกระทงของมหาวิทยาลั
มิวหันมามองหน้าเขาเมื่อรับจานจากวินทร์มาเข้าเครื่องล้างจาน“ทำไมจู่ ๆ พี่วินทร์มาถามเรื่องนี้กับมิวละคะ ไหนบอกว่าไม่อยากให้มิวทำยังไงล่ะ”“ก็ถ้า…พี่เรียนจบแล้วและต้องทำงาน อีกอย่างที่ร้านนั้นตอนนี้พ่อพี่ก็เป็นหุ้นส่วนใหญ่ ถ้าแต่งตัวให้ดี ๆ บาร์เทนเดอร์ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวโป๊นี่จริงไหม”“ก็จริงค่ะ ที่จริงมิวก็ไม่ได้ชอบการแต่งตัวแบบนั้นเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ตอนนั้นมันเลือกไม่ได้”“อีกอย่างตอนนี้มิวก็ไม่ต้องห่วงเรื่องทุนการศึกษาแล้วด้วย ไม่จำเป็นต้องปิดบัง พี่แค่อยากถามว่ามิวอยากทำหรือเปล่า แต่ใจพี่ยังไม่อยากให้มิวไปทำหรอกนะ เพราะปีหน้ามิวก็เรียนปีสุดท้ายแล้ว พี่อยากให้มิวเรียนให้จบก่อน”“ที่จริงมิวก็รักงานนี้นะคะ แต่ก็อย่างที่พี่วินทร์พูดนั่นแหละค่ะว่าคงต้องตั้งใจเรียนก่อน เอาเป็นว่าไปช่วยแค่ชั่วครั้งชั่วคราวได้เหมือนกับงานที่แล้ว”“แต่พี่จะไม่ให้ใส่ชุดแบบนั้นแล้วนะ ใส่ให้มันรัดกุมให้ดูเป็นผับที่ดูดีหน่อยไม่ใช่…”“ตอนนี้ที่นั่นมีใครดูแลอยู่เหรอคะ”“พี่รินทร์กับสามีไง วันนี้เธอมาที่นี่เพราะจะคุยเรื่องมิวนั่นแหละ พ่อคงไปบอกเรื่องของเราหมดแล้วเพราะคืนนั้นพ่อเห็นพี่ลากมิวออกมาจากงาน วันนี้พี่ร
มิวที่ช็อกอยู่หน้าประตูพยายามก้าวขาออกจากห้อง แต่ภาพตรงหน้าทำให้เธอตกใจจนขาแทบไม่กระดิก เมื่อสาวสวยคนนั้นหันมามองหน้าเธอ ส่วนภาวินทร์พยายามลุกขึ้นมา“ฟังพี่ก่อนนะ”“เธอเป็นใครน่ะวินทร์”มิวพยายามกลั้นน้ำตาและหันออกไปจากห้องแต่ภาวินทร์ที่พยายามลุกจากโซฟามาหาเธอกลับล้มตึงลงไปกับพื้นจนเธอตกใจและหันมา“ว้าย! ไอ้วินทร์! น้องคะมาช่วยพี่หน่อยเร็ว ๆ เข้า ไอ้บ้านี่ตัวอย่างกับยักษ์ แกไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะค่อย ๆ ลุก”“พี่รินทร์หลีกไปเลยผมบอกว่า…โอ๊ย!!”มิวตกใจแต่ก็ไม่ทันได้ถาม แต่สรรพนามที่ผู้หญิงสวยคนนั้นเรียกแฟนหนุ่มของเธอ หากฟังไม่ผิดพวกเขาน่าจะไม่ใช่อย่างที่มิวคิดเอาไว้ เธอรีบวิ่งมาประคองภาวินทร์ที่ล้มให้ลุกขึ้น ซึ่งตัวภาวินทร์ร้อนเหมือนไฟ“พี่วินทร์…ไม่สบายเหรอคะ”“ใช่ค่ะ มันไม่ยอมให้พี่โทรบอก น้องมิวใช่ไหมอย่าพึ่งถามตอนนี้ช่วยพี่ลากไอ้เด็กดื้อนี่เข้าห้องนอนก่อน”“เอ่อ ค่ะ ๆ”“ไม่ต้อง พี่รินทร์กลับไปเถอะ ผมมีมิวแล้วเดี๋ยวมิวจัดการเอง โอย…”“พี่วินทร์ อย่าพึ่งพูดเข้าไปในห้องก่อน”“กลับมาแล้วเหรอ กลับมาได้เสียที”แม้แต่เสียงของวินทร์ก็แหบจนแทบไม่มีเสียง มิวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เธอก็รีบให้เขา
มิวรีบเดินออกมาจากห้องน้ำและไม่พูดอะไรกับเข้าอีก ปล่อยให้ภาวินทร์ยืนงงอยู่ในห้องน้ำ เขารีบอาบน้ำตามเธอออกมาเพื่อจะมาง้อแฟนสาวที่นั่งเป่าผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง“เอ่อ…”เธอเปิดเสียงไดร์เป่าผมให้ดังขึ้นและไม่สนใจเขาอีก วินทร์พยายามเดินวนรอบ ๆ จนต้องยอมถอยเพราะมิวคงไม่ฟังที่เขาพูดแน่ ดังนั้นจึงเดินไปเปลี่ยนชุดนอน มิวปิดที่เป่าผมและเดินมาเปลี่ยนชุดเช่นกัน“เอ่อ…”“ปิดไฟด้วยนะคะ”“เดี๋ยว… คุยกันก่อนไม่ได้เหรอครับ เมียจ๋า”“อย่ารบกวนคนจะนอนถ้ายังพูดอีกพรุ่งนี้มิวจะกลับหอ”วินทร์รูดซิปปากจนสนิทและยอมที่จะปิดไฟนอนแต่โดยดี มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขากลัวเธอมากขนาดนี้ ไม่สิเขาคิดว่าเข้าไม่ได้กลัว เขาแค่รักเธอมากขึ้นทุก ๆ วันจนไม่อยากเสียเธอไปต่างหากจึงได้ยอมลดนิสัยเอาแต่ใจของเขาลง อีกอย่างมิวแทบจะไม่เคยโกรธเขาจริง ๆ มาก่อนเลยถ้าไม่นับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่ยายของมิวจะเสีย“ขยับออกไป ร้อน”“แต่ว่าพี่นอนไม่หลับ”“มิวบอกว่ามิวร้อนไม่ได้ยินเหรอคะ จะนอนที่นี่หรือว่าจะไปนอนห้องนอนเล็ก”“ก็ได้ ๆ ไม่กวนแล้วก็ได้อย่าแยกห้องนอนเลยนะครับ”มิวขยับหนีเขาไปเกือบสุดเตียง คนตัวโตได้แต่นอนถอนหายใจและทำท่าเห
ภาวินทร์คว้าข้อมมือของมิวเดินผ่านผู้หญิงสองคนที่ซุบซิบพวกเขาอยู่ พวกเธอหลบตาเขาจนเขาเดินผ่านไปและไม่กล้าแม้แต่จะตอบโต้ มิวเห็นท่าทางโกรธของเขาจึงได้ยิ้มออกมา“ขำอะไรกัน ไม่โมโหเหรอที่ถูกคนว่าลับหลังแบบนั้น”“แล้วพี่วินทร์จะไปฟังทำไมละคะ”“ก็มันน่าโมโหนี่ ถ้ามิวแต่งตัวแต่งหน้าจัดเต็ม สวยกว่าพวกปากมากนั่นอีก”“เฮ้อ… ความปากดีของพี่วินทร์ไม่เคยลดลงเลยนะคะ”“แล้วไม่ชอบเหรอ”ภาวินทร์หันมาคว้าเอวของแฟนสาวเข้ามากอดพร้อมกับค่อย ๆ เอียงหน้าเข้ามาใกล้ ๆ มิวเบี่ยงหลบและตีไปที่ไหล่ของเขาจนวินทร์หัวเราะเพราะเธอเริ่มอายอีกแล้ว“เมือไหร่จะเลิกทำหน้าตาน่ารักนั่นเสียทีนะ พี่จะทนไม่ไหวอีกแล้ว”“พอเลยค่ะรีบกลับเถอะ ผักก็เลือกมาได้ไม่เท่าไหร่เองก็ไปหาเรื่องคนอื่น”“ไปซื้อที่อื่นก็ได้ไม่เห็นจะยากเลย พี่ไม่ชอบให้ใครมาพูดลับหลังแฟนพี่แบบนี้”“รีบไปเถอะค่ะเสียเวลา”“ครับผม”“แล้ววันหลังอย่าไปพูดแบบนี้อีกนะคะ ยังไงพวกเขาก็เป็นผู้หญิง”“ทำไมล่ะพวกนั้นนินทาได้แล้วพี่ตอบโต้กลับไม่ได้เหรอ…. ก็ได้ ๆ ไม่พูดก็ได้ครับ ไปคิดเงินกันนะอย่าโมโหสิ”วินทร์หยุดพูดเมื่อเห็นสายตาขุ่นเขียวที่ส่งมาให้เขา ตอนนี้เขาจะไม่ยั่วโมโหเ
“อะไรวะไอ้กร อย่ามาขู่กูเลย”“กูไม่ได้ขู่แต่มึงไม่เห็นเหรอ พ่อพยายามมาหลายปีให้มิวยอมรับ มึงว่ามหาลัยเรามีทุนให้เรียนมากขนาดนั้นเลยเหรอ”“มึงจะบอกว่าทุนที่มิวคิดว่าเป็นทุนจากมหาลัยนั่นที่จริงแล้ว…”“ทุนจากพ่อทั้งนั้นแหละ พ่อจัดการและคุยกับคณบดีโดยตรงโดยที่มิวไม่รู้มาสามปี ทั้งค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลของยายและงานศพทั้งหมดนี่ก็ด้วย น้าสายรู้ดีที่สุดแต่มิวไม่รู้คิดว่าน้าสายจะเคลียร์หลังงานจบน่ะ”“กูเริ่มจะกลัวขึ้นมาจริง ๆ แล้วสิทีนี้”“ไม่ต้องห่วงหรอก แม้ว่าพ่อจะดีใจที่ได้ลูกสาวคืนแต่ก็คงไม่ถึงกับสั่งห้ามมิวเรื่องมึงหรอก แค่ต้องระวังให้มาก ๆ หน่อยเท่านั้น เกิดมึงอะไรพลาดขึ้นมากูแค่จะเตือนว่าแม้แต่กูก็ช่วยมึงไม่ได้เท่านั้นเอง”“เฮ้อ จากมิวคนเดียวที่ว่าง้อยากแล้ว นี่ยังเพิ่มพ่อตามาอีกคน กูตายแน่ ๆ ไม่เคยคิดเลยว่ามีเมียมันจะยากขนาดนี้”“เฮ้ย นี่มึงจะถอยตอนนี้เหรอวะ”“ฝันไปเถอะ กูรักของกูขนาดนี้มีเหรอจะยอมแพ้”“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ดูเหมือนว่ามึงจะทิ้งลายเจ้าชู้แล้วจริง ๆ เหรอวะไอ้วินทร์”“เออ ตั้งแต่กูเจอมิวกูก็ไม่ต้องการผู้หญิงคนอื่น ไม่คิดอยากจะหาและไม่มีอารมณ์กับใครด้วยนอกจากมิว”“มึงกล้าพูดแ