Share

ตอนที่ 2. อยากเล่นสนุก

            “เจ้าอยากเล่นสนุกก่อนสินะ สาวน้อย”

            ชายหนุ่มยิ้มอย่างคนนึกสนุก ก่อนจะใช้มืออีกข้างปลดมือของหญิงสาวออกอย่างช้า ๆ ยิ่งเมื่อเห็นสายตาของหญิงสาว แสดงออกถึงความท้าทาย ทั้งยังปล่อยให้เขาปลดมือนางออกอย่างว่าง่าย

            ร่างสูงก้าวคร่อมเหนือร่างหญิงสาว ก่อนที่จะก้มลงเพื่อหวังเชยชมความหอมหวานของสาวบริสุทธิ์ ปึก! ชายหนุ่มถึงกับใบหน้าเขียวคล้ำสลับขาวซีด เมื่อจุดลับถูกกระแทกอย่างแรง ด้วยเข่าของคนใต้ร่าง

            ชายหนุ่มเจ็บแค้นนัก จึงใช้มือคว้าเข้าที่ลำคอของหญิงสาว ก่อนจะออกแรงบีบด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว หญิงสาวจ้องเขม็งที่ใบหน้าของชายหนุ่มไม่คิดหลบ แม้ว่าอากาศที่เข้าไปในปอดจะน้อยนิดก็ตามที

            หญิงสาวรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ผั๊วะ! ฝ่ามือสองข้างตบเข้าที่หูทั้งสองของชายหนุ่ม โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทันคิดสิ่งใด นิ้วเรียวทิ่มเข้าที่หน่วยตาของเขาอย่างรวดเร็ว

            “อ๊าก!!!”

            เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เรียกให้คนด้านนอกทั้งสี่รีบพุ่งเข้ามาข้างในอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นสภาพของสหาย ที่คดคู้อยู่กับพื้น ส่วนหญิงสาวที่คิดว่าสิ้นสติ กำลังยืนจังก้าพร้อมท่อนไม้ในมือ ก่อนที่พวกเขาจะดวงตาเบิกกว้าง เมื่อท่อนไม้ในมือของหญิงสาว ได้หวดลงไปบนหัวของสหายที่นอนคดคู้อยู่อย่างเต็มแรง

ก่อนที่เขาจะชักกระตุกอยู่หลายที แล้วแน่นิ่งไปเสียอย่างนั้น นางเป็นแค่คุณหนูพิการ แค่แรงจะตบยุงยังไม่มี แล้วนี่มันคืออะไรกัน! เหตุใดถึงได้ทำให้สหายของพวกเขาสิ้นสภาพได้เล่า

อวิ๋นชีมีเวลาทบทวนทุกอย่างได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในตอนที่เธอรู้สึกตัวพร้อมความทรงจำของผู้หญิงอีกคน ทำให้เธอทั้งสับสนและเจ็บร้าวที่หัวอย่างหนัก

สลับกับสิ่งที่ได้ยินจากคนทั้งห้า ทำให้เธอไม่มีทางเลือกอื่นเลยจริง ๆ ร่างกายที่เธอใช้หายใจอยู่ในตอนนี้ อ่อนแอและบอบบางยิ่งกว่ากระเบื้องเคลือบ ถูกผลักเบา ๆ ก็พร้อมแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

สิ่งเดียวที่เธอคิดได้ในตอนนี้ คือสู้เท่าที่จะไหว แต่จะให้มาทนรับเรื่องอดสูยากที่เธอจะยอมรับมัน หญิงสาวไม่คิดหลบสายตาของชายหนุ่มทั้งสี่ ที่จ้องเธอตาไม่กระพริบ เป็นการกดดันเธอตามหลักจิตวิทยา

แต่น่าเสียดายสำหรับความคิดนั้นของชายหนุ่มทั้งหลาย เพราะเธอผ่านการฝึกเรื่องพวกนี้มา จนกลายเป็นเรื่องปกติของชีวิตไปแล้ว คิดที่จะกดดันเธอมันไม่ง่ายเหมือนทำกับเจ้าของร่างนี้แน่นอน

“ฤทธิ์มากนักนะ! คิดว่าจะรอดไปได้สักกี่ก้านธูปกัน”

หนึ่งในชายหนุ่มที่เหลือเอ่ยขึ้น เมื่อสายตาของพวกเขา ดูจะไม่เป็นผลกับนางเท่าใดนัก หากนางรอดไปได้พวกเขาคงไม่อาจแบกรับความอับอายนี้ได้ สตรีบอบบางคนเดียวยังสยบไม่ได้ ใครหน้าไหนจะมากริ่งเกรงพวกเขากัน

            อวิ๋นชีเงียบไม่เอ่ยตอบ เพราะตอนนี้สมองของนางกำลังคิดหาหนทางรอด อีกอย่างเท่าที่รับรู้ก่อนหน้า หญิงสาวคนนี้เป็นใบ้ ดังนั้นไม่ว่าเธอจะเงียบนับว่าไม่แปลก

            “ในเมื่อมอบความสุขให้ดี ๆ ไม่ชอบ เช่นนั้นพวกข้าไม่สนว่าเจ้าจะชื่นชอบความพร้อมเพรียงไหม!”

            ชายหนุ่มทั้งสี่พุ่งเข้าหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว อวิ๋นชีเลือกที่จะตอบโต้ไปที่จุดสำคัญของมนุษย์ เพื่อให้ตนเองไม่เสียเปรียบจนเกินไป ด้วยร่างกายบอบบางแบบนี้ หากปะทะโดยไม่เลือกลงมือต่อจุดสำคัญของคู่ต่อสู้ ยากที่จะรับมือได้

            ปึก! ครืน! ตุบ! ร่างบางเจ็บร้าวไปทั้งตัว เมื่อถูกเหวี่ยงทะลุผนังผุพังของวัดร้างออกมากองอยู่กับพื้นด้านนอก ร่างกายนี้ไม่พร้อมสำหรับการต่อสู้ ยืนมาได้ขนาดนี้ถือว่าสุดยอดแล้ว

            “ฮ่า ๆ คิดว่าฝีมือแค่ไก่กา จะทำอันใดพวกข้าได้เช่นนั้นรึ! คุณหนูใบ้ รู้ไหมทำไมไม่มีใครคิดตามหาเจ้าเลย เพราะเจ้ามันไร้ค่าอย่างไรเล่า เกิดมาสูงส่ง แต่กลับพูดไม่ได้ ต่อให้เจ้าตายก็หาได้มีใครเสียน้ำตาให้แม้แต่หยดเดียว ฮ่า ๆ”

            แปะๆ เสียงปรบมือจากป่า ซึ่งอยู่ด้านข้างดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มทั้งสี่หันไปยังที่มาของเสียงด้วยความแตกตื่น

            “หึ ๆ พวกเจ้า ช่างเป็นบุรุษที่น่ายกย่องยิ่งนัก”

            ร่างสูงของบุรุษวัยกลางคนได้ก้าวออกมา พร้อมรอยยิ้มกว้าง ก่อนที่เขาจะมองไปที่หญิงสาว ที่ลุกขึ้นยืนโอนเอนไปมา ตามเนื้อตัวมีร่องรอยบาดแผลอยู่หลายแห่ง

            “ตาแก่! อย่าได้คิดจะสอดมือเรื่องผู้อื่น หาไม่แล้วจะมิได้แก่ตาย” หนึ่งในสี่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกึ่งเย้ยหยัน

            “เช่นนั้นรึ!”

            ชายชรายังคงมีสีหน้าเบิกบานอยู่เช่นเดิม ก่อนจะหันไปยังหญิงสาวอีกครั้ง

            “อยากให้ข้าทำเยี่ยงไรกับพวกเขาแม่หนูน้อย” ชายวัยกลางคนเอ่ยถามหญิงสาวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

            “...”

            “ฮ่า ๆ นางเป็นใบ้จะบอกเจ้าได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าอยากสอดมือนัก ข้าจะทำให้เจ้าได้จดจำนางเป็นภาพสุดท้ายก่อนตาย”

            ชายหนุ่มคนเดิมเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมชักกระบี่ออกจากฝัก เพื่อข่มขวัญคนแก่กับสตรีไร้วิชา

            “เก็บไว้ก็รังแต่จะเผยความลับของข้า หากท่านผู้เฒ่าช่วยข้าได้จริง ทำให้มันหายไปได้หรือไม่เล่า”

            คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของหญิงสาว แม้มันจะแหบแห้ง แต่กลับเด็ดเดี่ยว เป็นที่ถูกใจของชายวัยกลางคนยิ่งนัก ไหนจะแววตาและรอยยิ้มที่บอกชัด ว่านางไม่แยแสกับการที่เขาจะฆ่าใครต่อหน้านาง

ทางด้านชายหนุ่มทั้งสี่ต่างพากันแตกตื่น กับคำพูดของคุณหนูใบ้ที่อยู่ ๆ กลับพูดได้เสียอย่างนั้น แล้วนี่ยังคิดที่จะให้ตาแก่ไร้หัวนอนสังหารพวกเขาอีก นางไม่คิดบ้างหรือว่าถ้าฆ่าพวกเขาได้ คนผู้นี้ก็ฆ่านางได้เช่นกัน

            “พวกเจ้ารู้ใช่ไหม ว่าสิ่งใดคือการรักษาความลับได้ดีที่สุด”

            ชายวัยกลางคนหันกลับไปถามคนทั้งสี่ ทว่า...ฟิ้ว! ฉึก ๆ ยังไม่ทันที่คนทั้งสี่จะได้ตอบ หรือขยับกายไปที่ใด อาวุธลับได้ปักเข้าที่ลำคอของพวกเขา พร้อมลมหายใจที่หายไปโดยมิทันตั้งตัว

            อวิ๋นชียอมรับว่าคนตรงหน้าไม่ชอบพูดอะไรมาก พอบอกว่าจะฆ่าถามเสร็จลงมือโดยไม่คิดรอคำตอบ หากเป็นมิตรย่อมเป็นมิตรที่ล้ำค่า แต่หากเป็นศัตรูนับว่าสุดแสนจะอันตราย

            “เป็นศิษย์ข้าไหม!”

            เป็นคำถามที่ไม่ค่อยจะเหนือความคาดหมายเท่าไหร่ เพราะไม่มีใครก้าวเข้ามาช่วยคน แล้วไร้ข้อแลกเปลี่ยน ไม่เงินก็ชีวิตหรือการผูกติดอะไรสักอย่าง ขึ้นอยู่กับผู้ที่ยื่นมือช่วยต้องการ

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status