Share

ตอนที่9.  สัมผัส

แต่พอได้สัมผัสกับนิสัยของลูกสะใภ้แล้ว นางก็มิได้เลวร้ายอันใด และตอนนี้เขาเหมือนได้บุตรสาวคนเล็กกลับมาอีกครั้ง กวงหลิวหลีที่เคยหม่นหมอง บัดนี้สดใสราวเทพธิดาเลยทีเดียว

“นางจะทำสิ่งใดก็ช่าง นับแต่นี้ไปหากสกุลเชียวคิดจะมาทวงคืน ข้าไม่ยินยอมเป็นอันขาด คนสกุลนั้นจงใจดูถูกเรา ข้าก็จะทำให้พวกเขารู้สึกเสียดายลูกสาวที่พวกเขาโยนทิ้งเช่นกันเจ้าค่ะ”

กวงเจี้ยนหัวเราะในลำคอ ก่อนจะโอบกอดภรรยาอย่างรักใคร่ เพราะนางจิตใจดีเยี่ยงนี้อย่างไรเล่า เขาจึงไม่คิดมีภรรยาอื่นใดมาเพิ่มเติม จริงอย่างที่นางกล่าวมา สกุลเชียวตั้งใจทำให้เขาขายหน้า เรื่องเปลี่ยนตัวเจ้าสาว แต่เหมือนสวรรค์เมตตาสกุลกวงที่สะใภ้คนนี้รู้ความ

หนึ่งเดือนต่อมา ณ ชายแดนตะวันตก

            แม่ทัพหนุ่มก้าวเข้าไปภายในค่ายทหาร ด้วยใบหน้าเรียบตึง เขาใช้เวลาเดินทางออกจากเมืองหลวงในยามค่ำคืน สำคัญไปกว่านั้นเขาแทบไม่หยุดพัก ด้วยมีข่าวเรื่องการส่องสุมกำลังของแคว้นข้างเคียง ไหนจะมีการสูญหายของเสบียงจำนวนมาก

            เรื่องนี้เขายังไม่อาจแพร่งพรายออกไปได้ จำต้องทิ้งภรรยาไว้ในห้องหอเพียงลำพัง เพื่อกลับมาจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เพราะหากมันไม่เป็นอย่างที่คิด เรื่องเลวร้ายต้องเกิดแก่เขาและสกุลกวงอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง

            “เรียนท่านแม่ทัพ ตอนนี้ท่านเจ้าเมืองมารออยู่ในกระโจมบัญชาการแล้วขอรับ”

            “อืม!”

            แม่ทัพหนุ่มก้าวยาว ๆ เข้าไปภายในกระโจมบัญชาการ ก่อนที่คิ้วเข้มจะขมวดเป็นปม เพราะมิได้มีเพียงแค่ท่านเจ้าเมืองเท่านั้น ทว่าบุตรสาวคนรองของท่านเจ้าเมืองก็อยู่ด้วย

            “คารวะท่านแม่ทัพ”

            “ผินหยางคารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”

            “คารวะท่านเจ้าเมือง คุณหนูหว่าน”

            แม่ทัพหนุ่มกล่าวตอบรับการทักทายของสองพ่อลูก ก่อนจะเดินไปนั่งยังเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ใบหน้าหล่อเหลาถึงกับเลิ่กลั่กไปชั่วขณะ เมื่ออยู่ ๆ หว่านผิงหยางได้เดินมารินชาให้ ทั้งยังเรียกให้สาวใช้นำอาหารเข้ามาวางมากมาย

            “ท่านแม่ทัพเดินทางมาไกล ผิงหยางเลยเสียมารยาททำอาหารมาต้อนรับเจ้าค่ะ”

            แม่ทัพหนุ่มยิ้มรับน้อย ๆ ทว่าเขารู้แน่ชัดแล้วว่าสองพ่อลูก หาได้มีเรื่องการงานอันใดมาปรึกษา ทั้งยังบีบบังคับเขาทางอ้อมด้วยคำว่ามารยาท ซึ่งเจ้าเมืองคนใหม่ดูเหมือนจะยังไม่รู้จักเขาดีพอกระมัง อยู่มาได้เพียงปีเศษ ลวดลายก็เริ่มจะออกมาให้เห็นแล้วสินะ

            “ต้องขอบคุณ ท่านเจ้าเมืองกับคุณหนูหว่าน ที่เสียเวลานำอาหารมาให้ข้า หากไม่เป็นการเสียมารยาท ข้าขอมอบอาหารเหล่านี้แบ่งปันให้แก่ทหารที่ร่วมเดินทางมาด้วยจะได้หรือไม่”

            “อะ...เอ่อ...” หว่านผิงหยางอึกอักไปชั่วขณะ

            “หือ! มีปัญหาเช่นนั้นหรือขอรับ”

            “ย่อมไม่มีเจ้าค่ะ”

            “ชูเป่า! นำออกไปแจกจ่าย แก่ทหารที่เดินทางมาจากเมืองหลวงด้วย ข้ายังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”

            “ขอรับ”

            “ท่านเจ้าเมืองมีเรื่องสำคัญอันใดจึงมารอข้าที่นี่ พอดีว่าข้าเองมีเรื่องด่วนที่ต้องกลับมาจัดการ หวังว่าท่านเจ้าเมืองจะเข้าใจนะขอรับ”

            “ข้าย่อมต้องเข้าใจท่านแม่ทัพขอรับ เช่นนั้นข้ากับผิงหยางขอตัวก่อน แล้วพบกันใหม่”

            เจ้าเมืองหว่านมิอาจหน้าทนอยู่ต่อไปได้ เมื่อแม่ทัพหนุ่มออกปากไล่เขาอยู่กลาย ๆ ถ้ายังขืนดื้อดึง เห็นทีความสัมพันธ์อันดีอาจสั่นคลอน เขามาที่นี่ก็ด้วยการรบเร้าของบุตรสาว เมื่ออีกฝ่ายออกปากเสียขนาดนี้ก็คงต้องกลับไปก่อน

            “ขอรับ”

            หลังจากสองพ่อลูกจากไปแล้ว แม่ทัพหนุ่มได้เรียกเหล่าแม่ทัพนายกองคนอื่น ๆ เข้ามาหารือกัน แน่นอนว่ามีเรื่องของการสูญหายไปของเสบียงจำนวนมาก และไหนจะกำลังลับของแคว้นฉู่ที่เขาได้รับรายงาน

            ทุกอย่างไยล้วนปะดังปะเดเข้ามา ในเวลาที่เขาจากชายแดนไปเพียงมิถึงสามเดือนได้เล่า เหมือนมีการวางหมากเอาไว้แล้ว สิ่งที่เขาทำได้คือแก้ไขให้ผ่านไปได้

            “หากเราให้ความกระจ่างแก่ราชสำนักไม่ได้ เห็นทีครานี้ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ขอรับ”

            แม่ทัพซ้ายเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เพราะจำนวนเสบียงที่สูญหาย เทียบเท่ากับการสั่งสมเสบียงเพื่อก่อกบฏได้เลย และเรื่องนี้มันไม่ควรที่จะเกิดขึ้น ทั้งที่พวกเขารอบคอบในทุกเส้นทางแล้วแท้ ๆ

            “ต่อให้ข้ามีเงิน ก็ยังไม่มากพอที่จะหาซื้อกลับเข้ามาทดแทนได้ทัน แบ่งกำลังกันออกค้นหาตัวการให้เร็วที่สุด”

            “ขอรับ”

            หลังจากเลิกประชุม แม่ทัพหนุ่มอดไม่ได้ที่จะยกสุราในจอกขึ้นดื่ม เพื่อดับความกังวลภายในใจ หากเขากลายเป็นผู้ร้าย ยากนักที่ครอบครัวจะรอดไปได้ พ่อแม่ก็ชรามากแล้ว น้องสาวยังมิทันปักปิ่น ภรรยาแม้จะมิทันร่วมหอ แต่นางก็มิได้รู้เรื่องราวใดด้วย ทุกอย่างช่างหนักหน่วงนักในเวลานี้

จวนสกุลเชียว

          เรือนเยี่ยน

            “ท่านแม่ไยต้องให้ข้าแต่งกับท่านอ๋องกั๋วด้วยเจ้าคะ เขาเป็นสกุลอ๋องตราตั้งหาใช่เชื้อพระวงศ์โดยสายเลือดนะเจ้าคะ”

“เยี่ยนเอ๋อร์ รู้ไหมสิ่งที่คนเราต้องรักษาให้มากคือชีวิต หากเกิดความสั่นคลอนในเชื้อพระวงศ์ขึ้นมา เจ้าจะปลอดภัยเพราะสกุลกั๋วมิใช่สายเลือดมังกรโดยกำเนิด แม่ย่อมเลือกสิ่งที่ดีให้แก่เจ้า”

“แล้วเชียวหยางลูกอนุทำไมท่านแม่ต้องเอ็นดูนาง แล้วมอบสามีที่ทัดเทียมข้าให้แก่นางด้วยด้วยเจ้าคะ ข้าข้าเกลียดมารดาของนางนัก”

“จะเป็นใหญ่ต้องรู้จักเลี้ยงคน พี่เขยของเจ้าเป็นเจ้าเมืองอยู่ชายแดนเหนือ ทั้งยังเป็นบุตรชายสกุลแม่ทัพใหญ่ อำนาจในมือมากมาย นางจะสำนึกบุญคุณของแม่ปกป้องเจ้าด้วยชีวิต”

“แล้วทำไม ท่านแม่เลือกส่งพี่ใหญ่ไปตายเล่าเจ้าคะ”

“นางต้องทดแทนสกุลเชียวในฐานะลูกคนโต เจ้านี่นะ! มากด้วยคำถามเสียจริง มาดูเครื่องประดับที่เจ้าต้องสวมใส่ในงานแต่งกันดีกว่า อย่ามัวถามแม่กับเรื่องไร้สาระพวกนี้อยู่เลย”

การสนทนาของสองแม่ลูก ทำให้คนที่เพิ่งเดินมาถึงหยุดนิ่งอยู่กับที่ ก่อนจะหมุนกายจากไป นางเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงได้รู้สึกห่วงในตัวของลูกเลี้ยงนัก

นางเข้าใจการเป็นลูกคนโตดี แต่มันใช่แล้วหรือที่แม่แท้ ๆ เอ็นดูลูกเมียรองทอดทิ้งลูกที่อุ้มท้องมานานเก้าเดือนอย่างไม่คิดไยดี ฮูหยินรองเดินคล้ายคนละเมอ ก่อนจะหยุดมองไปโดยรอบ นางมายืนทำอะไรหน้าจวนกันนี่!

“ฮูหยินจะไปที่ใดเจ้าคะ”

“ข้าจะไปจวนแม่ทัพกวง เจ้าไปเตรียมรถม้าที”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status