อี้หรูเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้ามา หญิงสาวรอจนท่านแม่ทัพจากไป แล้วค่อยเข้ามาพบผู้เป็นนาย โดยให้ผู้ติดตามอีกสองคนเฝ้าดูความปลอดภัยอยู่ในเงามืดด้านนอก
“หึ ๆ เจ้าก็ทำเสียเหมือนตัวข้าเป็นโจร ต้องดูลาดเลาก่อนออกปล้น”
เชียวอวิ๋นเย้าอี้หรู ซึ่งนางพอใจกับความรอบคอบของอี้หรูยิ่งนัก นางไม่ต้องมีองครักษ์มากมาย แค่อี้หรูกับชายหนุ่มทั้งสองด้านนอกก็มากพอแล้ว
“ว่าได้หรือเจ้าคะ สกุลแม่ทัพหูตาราวสับปะรด นี่เจ้าค่ะท่านผู้คุ้มร้านขายข่าวเพิ่งส่งมาเจ้าค่ะ”
เชียวอวิ๋นรับจดหมายจากอี้หรู ก่อนจะคลี่กระดาษออกอ่านอย่างใจเย็น สายตาคู่งามไล่ไปตามตัวอักษรที่สั้นกระชับ แต่ครบถ้วนในสิ่งที่นางต้องรู้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“เขาส่งคนไปแล้วใช่ไหม”
“เจ้าค่ะ”
“หมากกระดานนี้ไม่ยากไม่ง่ายเลยจริง ๆ”
“ฮูหยินไม่เห็นต้องช่วยพวกเขาเลยนะเจ้าคะ”
“เอาไว้เจ้าแต่งงานเข้าสกุลใหญ่ แล้วจะรู้ว่ามันยุ่งยากวุ่นวายแค่ไหน เขาตายข้าก็ต้องตาย ต่อให้ข้ามิได้ทำสิ่งใดผิดก็ตาม”
“ใครว่าบ่าวคิดจะแต่งงาน บ่าวจะอยู่กับฮูหยินไปเช่นนี้แหละเจ้าค่ะ”
“แน่รึ!”
“มาเจ้าค่ะ บ่าวจะเช็ดผมให้”
อี้หรูเปลี่ยนเรื่องในทันที เมื่อสายตามีความนัยของผู้เป็นนายส่งมาให้ เชียวอวิ๋นจ่อจดหมายในมือกับเทียนที่กำลังลุกโซน หมากกระดานนี้มันเริ่มขึ้นนานแล้ว แค่เหมือนคนในเงามืดกำลังรอบางอย่างอยู่เช่นกัน
และนั่นนับว่าเป็นจังหวะที่นางต้องรีบฉวยเอาไว้ เพื่อเพิ่มทางรอดให้แก่ตัวนางและสกุลกวง ในเมื่อสกุลเชียวทิ้งขว้างเบี้ยเช่นนาง ก็ไม่จำเป็นที่นางต้องแบกสกุลเดิมไว้บนบ่าให้หนัก
เสียงนกกลางคืนขับขาน ทำให้สองนายบ่าวหยุดการสนทนา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่กระดาษจดหมาย กลายเป็นเถ้าหมดแล้วเช่นกัน เสียงเคาะประตูจะดังขึ้น อี้หรูจึงเดินไปเปิดตามหน้าที่ กวงฮูหยินก้าวเข้ามาด้านใน ด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
“อวิ๋นเอ๋อร์ แม่ต้องขอโทษแทนเฉินหลางด้วย ที่ทำให้เจ้าต้องอับอายเยี่ยงนี้”
กวงฮูหยินรู้สึกอับอายต่อสิ่งที่บุตรชายกระทำ แต่ก็ไม่อาจจะสอดแทรกเรื่องภาระหน้าที่ของลูกได้ นางจึงต้องมาพบลูกสะใภ้เพื่อปลอบประโลม ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน ย่อมเข้าใจดีว่าคืนแรกของการแต่งงานมันสำคัญแค่ไหน
เชียวอวิ๋นส่งภาษามือเรียกอี้หรู เพื่อช่วยแปลคำพูดของนางให้แก่แม่สามี อี้หรูรีบเดินมาหยุดยืนข้างกายผู้เป็นนาย เพื่อถ่ายทอดคำพูดให้แก่กวงฮูหยินได้รับรู้
“ฮูหยินน้อยรู้สึกขอบคุณ กวงฮูหยินมากเจ้าค่ะที่เป็นห่วงเจ้าค่ะ”
“หากต้องการสิ่งใดบอกแม่ได้ทุกเมื่อนะจ๊ะ ดึกแล้วเจ้าพักผ่อนเถิด แม่จะกลับไปนอนแล้วเช่นกัน”
เชียวอวิ๋นย่อกายให้แก่แม่สามี แล้วช่วยประคองหญิงสูงวัยไปส่งยังหน้าประตู เชียวอวิ๋นมองไปยังลานด้านหน้าเรือน สมกับเป็นเรือนของแม่ทัพ ทุกอย่างล้วนไร้สีสันยิ่งนัก
“พรุ่งนี้เปลี่ยนสีที่นี่ให้สมกับมีนายหญิงด้วยล่ะ” หญิงสาวเอ่ยกระซิบกับอี้หรูเบา ๆ หลังแม่สามีลับสายตาไปแล้ว
“เจ้าค่ะ”
สองนายบ่าวกลับเข้าไปภายในห้อง ปล่อยให้การเฝ้ายามด้านนอก เป็นของสองผู้ติดตามที่ซ่อนตัวอยู่ภายในเงามืด ชีวิตนางมีสิ่งใดต้องหวาดกลัวอีกเล่า ขนาดอยู่ต่างโลกยังมายืนตรงนี้ได้เลย แม้ว่าจะไม่ใช่ด้วยร่างกายตัวเอง แต่นี่ก็นับว่าเหนือความเป็นจริงมากแล้ว
เจ็ดวันถัดมา ณ เรือนหลาง
เรือนที่เคยไร้สีสัน บัดนี้มันปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ดอกไม้นานาพันธุ์ถูกนำมาปลูกและจัดวางอย่างงดงาม โดยมีน้องสาวของสามีคอยมาพูดเจื้อยแจ้วอยู่ไม่ห่าง
แม้พี่สะใภ้ของนางจะพูดไม่ได้ แต่การได้อ่านข้อความผ่านตัวอักษร มันทำให้นางเพลิดเพลินอยู่ไม่น้อย การเป็นน้องสาวแม่ทัพ ทำให้นางมักถูกล้อเลียนว่าคงหยาบกระด้างเช่นพี่ชาย ทำให้นางไม่ชื่นชอบการออกไปพบปะสหายนอกจวน
ทว่าตลอดเจ็ดวันมานี้ นางคลุกอยู่กับพี่สะใภ้แทบจะตลอดเวลา ทำให้นางมีความสุขกว่าที่ผ่านมามากนัก กวงหลิวหลีถามนั่นนี่ เมื่อเห็นสมุนไพรที่ไม่เคยรู้จัก
“พี่สะใภ้ เบื่อข้าแล้วหรือไม่เจ้าคะ”
กวงหลิวหลีเอ่ยถามเสียงอ่อย เมื่อเห็นพี่สะใภ้ทำคิ้วขมวด ตอนที่สาวใช้ของพี่สะใภ้เข้ามากระซิบกระซาบอยู่ครู่หนึ่ง เชียวอวิ๋นคลี่ยิ้มละมุน ก่อนจะส่ายหน้าน้อย ๆ พร้อมจูงมือของน้องสามีไปดูปลาสวยงามที่อยู่ในอ่างบัว
หญิงสาวพอจะเข้าใจเด็กสาวได้เป็นอย่างดี หลังจากที่นางได้ให้คนสืบเรื่องราวของกวงหลิวหลี ว่าเหตุใดน้องสามีจึงมักเก็บตัวอยู่เพียงลำพัง
นางจึงยอมเป็นเพื่อนเล่นให้แก่เด็กสาว โดยไม่รู้สึกรำคาญอันใด แต่มันเป็นการดีเสียอีก เพราะมันช่วยปกปิดตัวตนอีกด้านของนาง จากสายตาผู้อื่นได้อย่างดีเยี่ยม
“ข้าอยากให้เรือนของข้าสวยแบบนี้บ้าง”
‘ได้สิ!’
เชียวอวิ๋นเขียนลงไปในกระดานไม้ ที่หรูอี้คอยถือเดินติดตาม เพื่อให้นางสื่อสารกับทุกคนได้อย่างสะดวก แน่นอนว่าอุปกรณ์เช่นนี้นางสั่งทำขึ้นมาโดยเฉพาะ ทำแท่งสีจากส่วนผสมพิเศษ เอาไว้สำหรับเขียนบนกระดานไม้ที่ลบได้
“แต่ท่านพ่อคงไม่ยอมจ่ายค่าของพวกนี้ให้ข้า”
‘เด็กโง่! ไยต้องขอท่านพ่อเล่า ของพี่ชายเจ้าออกจะมีมากมาย’
“พี่ใหญ่จะไม่ว่าเอารึเจ้าคะ ข้ายังเด็กหากใช้เงินเกินตัวจะถูกลงโทษเอาได้นะเจ้าคะ”
‘ข้าจัดการให้เอง พรุ่งนี้เราไปเลือกของที่เจ้าต้องการกัน’
“ขอบคุณพี่สะใภ้”
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของกวงหลิวหลี ทำให้สองสามีภรรยาที่ยืนอยู่ห่างออกไปอีกด้าน รู้สึกดีขึ้นมามากทีเดียว หลายอย่างที่ทำให้บุตรสาวไม่อยากพูดคุยกับใคร ทว่าเวลานี้นางกลับมาสดใสตามวัยอีกครั้ง มันจะมีสุขใดเท่าสิ่งนี้อีกเล่า
“นางรู้จักเอาใจผู้คนเสียจริง ขนาดพูดไม่ได้”
“เจ้ามองอย่างไรว่านางเอาใจ นางแค่เป็นตัวเองก็เท่านั้น ตั้งแต่นางมาอยู่ที่จวนของเรา มีครั้งไหนไหมที่นางมาประจบประแจงกับเราสองคน เงินทองที่ใช้ตกแต่งเรือน ล้วนเป็นของนางทั้งสิ้น”
“ไหนว่าท่านเสนาบดี ไม่ได้มอบสินเดิมให้นางมากนักนี่เจ้าคะ”
“เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า บุตรสาวที่พ่อแม่แทบไม่ให้สินเดิม แต่กลับมีเงินทองใช้มากมาย เหมือนกับว่ามันมีมากเสียจนจะใช้อย่างไรก็ได้โดยไม่ต้องคิดคำนวณ นางทำอะไรอยู่ที่ฮั่วโจวถึงได้ร่ำรวยได้ขนาดนี้”
กวงเจี้ยนครุ่นคิดพร้อมกับมองไปที่ลูกสะใภ้ การที่เขาไม่ปฏิเสธเชียวอวิ๋นในตอนที่รู้เรื่องเปลี่ยนตัวเจ้าสาว เพราะเขาไม่อยากที่จะบาดหมางกับสกุลเชียว ด้วยถือเป็นคำมั่นของคนรุ่นพ่อแม่
แต่พอได้สัมผัสกับนิสัยของลูกสะใภ้แล้ว นางก็มิได้เลวร้ายอันใด และตอนนี้เขาเหมือนได้บุตรสาวคนเล็กกลับมาอีกครั้ง กวงหลิวหลีที่เคยหม่นหมอง บัดนี้สดใสราวเทพธิดาเลยทีเดียว“นางจะทำสิ่งใดก็ช่าง นับแต่นี้ไปหากสกุลเชียวคิดจะมาทวงคืน ข้าไม่ยินยอมเป็นอันขาด คนสกุลนั้นจงใจดูถูกเรา ข้าก็จะทำให้พวกเขารู้สึกเสียดายลูกสาวที่พวกเขาโยนทิ้งเช่นกันเจ้าค่ะ”กวงเจี้ยนหัวเราะในลำคอ ก่อนจะโอบกอดภรรยาอย่างรักใคร่ เพราะนางจิตใจดีเยี่ยงนี้อย่างไรเล่า เขาจึงไม่คิดมีภรรยาอื่นใดมาเพิ่มเติม จริงอย่างที่นางกล่าวมา สกุลเชียวตั้งใจทำให้เขาขายหน้า เรื่องเปลี่ยนตัวเจ้าสาว แต่เหมือนสวรรค์เมตตาสกุลกวงที่สะใภ้คนนี้รู้ความหนึ่งเดือนต่อมา ณ ชายแดนตะวันตก แม่ทัพหนุ่มก้าวเข้าไปภายในค่ายทหาร ด้วยใบหน้าเรียบตึง เขาใช้เวลาเดินทางออกจากเมืองหลวงในยามค่ำคืน สำคัญไปกว่านั้นเขาแทบไม่หยุดพัก ด้วยมีข่าวเรื่องการส่องสุมกำลังของแคว้นข้างเคียง ไหนจะมีการสูญหายของเสบียงจำนวนมาก เรื่องนี้เขายังไม่อาจแพร่งพรายออกไปได้ จำต้องทิ้งภรรยาไว้ในห้องหอเพียงลำพัง เพื่อกลับมาจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เพราะหากมันไม่เป็นอย่างที
ต้วนเหนียงก้าวตรงไปยังหน้าประตูใหญ่ นางอยากที่จะไปหาเชียวอวิ๋นสักครั้ง คราก่อนมัวปะทะคารมกันจนมิได้ทันได้ทักทาย หากเทียบกับบุตรสาวของนางที่แต่งไปอยู่ถึงชายแดนเหนือแล้ว เชียวอวิ๋นน่าเห็นใจกว่าหลายเท่านักเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งก้านธูป รถม้าสกุลเชียวได้หยุดอยู่หน้าจวนแม่ทัพ ก่อนที่ฮูหยินรองจะเดินเข้าไปภายในจวน โดยมีพ่อบ้านสกุลกวงเป็นผู้นำทางเพื่อไปพบกับเจ้าของบ้าน“ต้วนเหนียงคารวะใต้เท้ากวง ฮูหยินกวงเจ้าค่ะ”ต้วนเหนียงทักทายเจ้าของบ้าน ก่อนจะหันไปรับของฝากจากสาวใช้ ซึ่งได้แวะซื้อมาระหว่างทาง“ขอบคุณเจ้าค่ะสำหรับของฝาก ฮูหยินรองมาพบอวิ๋นเอ๋อร์ใช่หรือไม่เจ้าคะ”กวงฮูหยินรับของจากมือแขกผู้มาเยือน ก่อนถามถึงจุดประสงค์ของอีกฝ่าย จะชอบหรือไม่นี่คือแขกนางหาได้คิดปฏิเสธไมตรี“เจ้าค่ะ”“เช่นนั้นรอสักครู่นะเจ้าคะ อวิ๋นเอ๋อร์คงอยู่ในครัวกับหลิวหลี”การสนทนาของสตรีทั้งสอง ต่างเป็นสัพเพเหระตามประสาแม่บ้าน ส่วนกวงเจี้ยนขอตัวไปทำงาของตน ต้วนเหนียงรับรู้ได้ว่าสองสามีเมตตาต่อเชียวอวิ๋นอยู่ไม่น้อย“อวิ๋นเอ๋อร์ ฮูหยินรองเชียวมาเยี่ยมเจ้า”เชียวอวิ๋นย่อกายให้แก่ฮูหยินรองเชียว นางแปลกใจเล็กน้อย ที่อยู่ ๆ ภรรยาร
ถนนเส้นรอบเมือง อวิ๋นชีกำลังขับรถพร้อมเปิดเพลงเบา ๆ เธอพักร้อนยาวจากกองทัพ ซึ่งมันไม่ง่ายเลยสำหรับหน่วยรบพิเศษ และมีตำแหน่งสูงแบบเธอที่จะได้หยุดพักยาว ๆหญิงสาวเลือกที่จะไปหาครอบครัวที่อยู่นอกเมือง เพื่อใช้เวลาทั้งหมดกับพ่อแม่และน้องสาว ผู้พันสาวเอื้อมมือไปปิดเพลง เมื่อเห็นได้ถึงความผิดปกติจากรถคันหลัง“วันพักผ่อนของฉันแท้ ๆ”หญิงสาวเอื้อมไปหยิบปืนที่อยู่เบาะข้างคนขับ มาวางไว้บนตักเพื่อเป็นการไม่ประมาท ถึงเธอจะไม่ได้เปิดเผยเรื่องหน้าที่การงานให้ใครรู้มากนัก แต่จะว่าไปแล้วคนในมักมีเกลือเป็นหนอนตัวตนของเธออาจถูกเปิดเผย กับพวกธุรกิจสีมืดไปบ้างแล้วก็ได้ หญิงสาวเลือกที่จะเปลี่ยนเส้นทาง เพราะไม่อยากนำอันตรายไปหาครอบครัวและดูเหมือนกับว่าสิ่งที่เธอคิดอยู่นั้น จะเป็นเรื่องจริงเสียซะแล้ว เพราะรถสองคันด้านหลังเปลี่ยนทิศทางตามเธอมาติด ๆ ปิ๊ด! ปิ๊ด! ปิ๊ด! ปี๊ดดดด!!! เสียงแตรรถจากสั้น ๆ เปลี่ยนเป็นลากยาว เพื่อให้รถบรรทุกสองคันด้านหน้า ที่กำลังขับคู่กันมารู้ว่ามีรถอยู่ด้านหน้าตูม! โครม! ทว่ามันกลับไม่เป็นผล รถของผู้พันสาวหักหลบรถบรรทุกเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ตูม! รถบรรทุกหนึ่งใน
“เจ้าอยากเล่นสนุกก่อนสินะ สาวน้อย” ชายหนุ่มยิ้มอย่างคนนึกสนุก ก่อนจะใช้มืออีกข้างปลดมือของหญิงสาวออกอย่างช้า ๆ ยิ่งเมื่อเห็นสายตาของหญิงสาว แสดงออกถึงความท้าทาย ทั้งยังปล่อยให้เขาปลดมือนางออกอย่างว่าง่าย ร่างสูงก้าวคร่อมเหนือร่างหญิงสาว ก่อนที่จะก้มลงเพื่อหวังเชยชมความหอมหวานของสาวบริสุทธิ์ ปึก! ชายหนุ่มถึงกับใบหน้าเขียวคล้ำสลับขาวซีด เมื่อจุดลับถูกกระแทกอย่างแรง ด้วยเข่าของคนใต้ร่าง ชายหนุ่มเจ็บแค้นนัก จึงใช้มือคว้าเข้าที่ลำคอของหญิงสาว ก่อนจะออกแรงบีบด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว หญิงสาวจ้องเขม็งที่ใบหน้าของชายหนุ่มไม่คิดหลบ แม้ว่าอากาศที่เข้าไปในปอดจะน้อยนิดก็ตามที หญิงสาวรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ผั๊วะ! ฝ่ามือสองข้างตบเข้าที่หูทั้งสองของชายหนุ่ม โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทันคิดสิ่งใด นิ้วเรียวทิ่มเข้าที่หน่วยตาของเขาอย่างรวดเร็ว “อ๊าก!!!” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เรียกให้คนด้านนอกทั้งสี่รีบพุ่งเข้ามาข้างในอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นสภาพของสหาย ที่คดคู้อยู่กับพื้น ส่วนหญิงสาวที่คิดว่าสิ้นสติ กำลังยืนจังก้าพร้อมท่อนไ
“ขาวหรือดำเล่า” อวิ๋นชีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเนิบช้า ทว่ายังคงแหบแห้งอยู่มาก “ฮ่า ๆ ดี ๆ ข้าชอบความตรงไปตรงมาของเจ้านัก ตาแก่อย่างข้าเป็นผู้เรียนรู้ยาสมุนไพรและการต่อสู้พอได้ป้องกันตัว ไม่ชอบความดำมืดเพราะมันเหนื่อย ข้าเป็นคนขี้เกียจ” ชายวัยกลางคนตอบด้วยน้ำเสียงติดตลก “ถามแค่นิดเดียว ตอบเสียอ้อมขุนเขา” อวิ๋นชีพูดด้วยน้ำเสียงประชดก่อนจะคลี่ยิ้มน้อย คนตรงหน้านางน่ากลัวใช่เล่น เพราะคนที่มองทุกอย่างเหมือนเป็นเรื่องตลกขบขัน เท่าที่เธอเคยสัมผัสกับคนประเภทนี้ บอกเลยว่าเป็นคนที่มากด้วยเรื่องภายในใจ และถ้าลงมือเมื่อไหร่ไม่มีคำว่าปราณี “บ๊ะ! เจ้าเด็กคนนี้ พอพูดได้ก็วาจาเลาะร้ายเชียวนะ ตกลงเจ้าจะกราบข้าเป็นอาจารย์หรือไม่” “ศิษย์คารวะ ท่านอาจารย์” ร่างบางคุกเข่าลงประสานมือ เหมือนที่เคยเห็นในหนังย้อนยุค มีแค่คนโง่เท่านั้นที่จะปฏิเสธคนแบบนี้ได้ เธอขอเลือกก้มหัวเพื่ออยู่รอดในยามที่ตัวเองไร้เรี่ยวแรง ดีกว่าทำตัวผยองทั้งที่ไม่มีอะไรสู้ใครได้ ไม่ว่าตอนนี้จะเรื่องจริงหรือความฝัน สิ่งแรกต้องทำคือแสดงเป็นเจ้าของร่
คำถามของผู้เป็นอา หาได้ละมุนหูแม้แต่น้อย คนพวกนี้อาศัยเงินทองจากบิดาของนาง แต่กลับไม่เคยใยดีนางเท่าที่ควร สายตาที่เปลี่ยนไปของหลานสาว ทำให้เชียวหลางขมวดคิ้วจนชิดกัน เขากลับมาจากการค้า ก็ได้ยินว่าหลานสาวหนีออกไปเที่ยวเล่นยังไม่กลับบ้านมาหลายวัน แน่นอนว่าเขาย่อมต้องมีโทสะอยู่แล้ว แต่จากที่เขาเห็นในตอนนี้เห็นทีต้องสืบสาวราวเรื่องให้ดี หาไม่แล้วคงต้องมีเรื่องใหญ่โตเกิดข้นเป็นแน่ กระดาษกับพู่กันถูกนำมาให้แก่เชียวอวิ๋น เพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นแก่ผู้เป็นอา หญิงสาวมองเลยไปยังอาสะใภ้ ก่อนจะจรดปลายพู่กันเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นลงไปแน่นอนว่าก่อนกลับมา นางเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี พยานที่มีย่อมยากที่ใครจะชนะได้ เพราะตัวนางยังต้องก้มหัวให้แก่เขา หญิงสาวยื่นส่งกระดาษให้แก่ผู้เป็นอา ก่อนจะมองไปยังห่อผ้าที่อยู่บนพื้นตรงหน้าของสาวใช้เมื่อเห็นสายตาของคุณหนู สาวใช้รีบคว้าห่อผ้าแล้วซ่อนไว้ในแขนเสื้อ ทุกการกระทำหาได้รอดพ้นสายตาของเชียวหลาง เขาได้พยักหน้าให้แก่คนสนิทเข้าคุมตัวสาวใช้เอาไว้“เจ้ารู้หรือไม่ว่าบ่าวที่ละเลยต่อนาย จะต้องรับโทษเช่นไร”“นายท่านบ่าวมิได้ทำนะเจ
“เชิญท่านเจ้าเมืองทำตามกฎหมายเถอะขอรับ ข้าน้อยต้องขอตัวก่อน ชิงชิงไปกับพ่อ” เชียวหลางเอ่ยได้เพียงเท่านั้น ก็ได้คว้าแขนลูกสาวพากลับเข้าเรือน ปล่อยให้ภรรยาหวีดร้องด่าทอเขาอยู่ด้านหลัง สิ่งที่นางทำเขาไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนบ่าวไพร่เก่าแก่ที่นี่ก็มีมาก ทุกคนจะคิดอย่างไรที่ภรรยาเขาคิดจะสลับตัวลูกของตัวเองกับหลานสาว เพียงเพื่อให้ได้แต่งงานกับคนในราชวงศ์ โดยที่นางไม่รู้เลยว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซึ่งเขาไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ เพราะเป็นสิ่งที่พี่ชายกำชับมาเชียวอวิ๋นค้อมศีรษะให้แก่ท่านเจ้าเมือง เพื่อเป็นการขอบคุณ ก่อนจะเดินกลับไปยังเรือนของตนเอง โดยอาศัยความทรงจำเจ้าของร่างนำทาง เย็นนี้ท่านอาจารย์คงจะส่งสาวใช้คนใหม่มาให้นางและนับจากนี้ไปนางต้องทุ่มเทเวลา ศึกษาร่ำเรียนวิชาอย่างหนัก เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก นางไว้ใจใครไม่ได้เลยในจวนแห่งนี้ เพราะจากสายตาของผู้เป็นอาแล้ว มันไม่ยุติลงแค่นี้อย่างแน่นอนสามปีต่อมา เมืองหลวง ณ สกุลเชียว รถม้าจากจวนเชียเมืองฮั่วโจว ได้หยุดลงยังหน้าจวนสกุลเชียว ก่อนที่ชายหนุ่มในชุดสีเข้มสองคน จะก้าวมายืนรอ
“นางมีปากทำไมไม่พูดเองล่ะ อ่อ...ข้าลืมไปว่าปากนางมี แต่ไม่มีเสียงที่จะพูด ฮ่า ๆ” “จะมากเกินไปแล้วนะเจ้าคะ” “นังสวะ!” หมับ! ก่อนที่ฝ่ามือของเชียวเยี่ยนจะถึงใบหน้าของอี้หรู มือหยาบกร้านจากการจับอาวุธของเชียวอวิ๋น ได้คว้าจับข้อมือของน้องสาวเอาไว้แน่น พร้อมออกแรงบีบให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว แม้จะขัดใจอยู่บ้าง ที่ไม่อาจเอ่ยตอบโต้หรือสั่งสอนคนตรงหน้าได้ แต่นางมีความอดทนมากพอที่จะรอ และการรอมิได้แปลว่านางต้องนิ่งเฉยให้คนรังแก “เจ้าคิดจะทำร้ายข้าเช่นนั้นรึ!” “…” เชียวอวิ๋นยิ้มน้อย ๆ ทว่ามันกลับทำให้คนมองหนาวสะท้านไปทั้งกาย การอยู่ต่างเมืองไม่มีใครบอกได้ ว่าเชียวอวิ๋นพบเจอสิ่งใดมาบ้าง และการกระทำที่แสดงออก บอกชัดว่าพี่สาวของนางเลือกปกป้องสาวใช้ มากกว่าจะให้นางที่เป็นน้องสาว ลงโทษบ่าวปากดี “ทำสิ่งใดกัน!” เสียงกัมปนาทดังขึ้นจากทางเดินด้านหลัง ทำให้เชียวอวิ๋นจำต้องคลายมือออกอย่างใจเย็น นางไม่ได้ตื่นกลัวกับครอบครัวที่มิเห็นค่าของนางเท่าใดนัก ท่านเสนาบดีเชียวก้าวมาหยุดอยู่ข้างบุตรสาวคนร