“เจ้าไปพักเรือนกับย่านะ”
ไท้ฮูหยินเลือกที่จะไม่สนใจเชียวเยี่ยน ทว่าเอ่ยชวนหลานสาวคนโตไปอยู่ร่วมเรือนแทน เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้งระหว่างอยู่ที่สกุลเชียว แม้ว่าสกุลกวงจะไม่อาจเทียบราชวงศ์ แต่ก็นับว่ามีอำนาจไม่น้อย หากเจ้าสาวของแม่ทัพกวงเฉินหนานเกิดอะไรขึ้น คงยากที่จะหาข้อแก้ตัวได้ เชียวอวิ๋นพยักหน้ารับน้อย ๆ ก่อนจะก้าวตามแรงจับจูงของหญิงชรา โดยไม่สนใจสายตาของพ่อแม่และพี่น้องคนอื่น ๆ วันนี้มันยังเป็นแค่น้ำจิ้ม ยังไม่ได้วางจานหลักลง ฉะนั้นนางไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ว่าพวกเขาอยากจะเห็นสิ่งใดจากนางเจ็ดวันถัดมา กลางดึก ณ กระท่อมชานเมือง
หลังฉากกั้นสีเข้ม ร่างในชุดสีดำสนิทนั่งนิ่ง ฟังการสนทนาของผู้ร่วมประชุม ขุนนางหลายฝ่ายที่ทำการสนับสนุนสายเลือดราชวงศ์เดิม ได้รวมตัวกันเพื่อผลักดันให้มีการทวงคืนบัลลังก์ “อีกไม่เกินครึ่งปี องค์ชายก็พร้อมที่จะกลับมา ข้าหวังว่าพวกท่านทุกคนคงไม่ทำให้ข้ากับองค์ชายผิดหวัง” เสียงที่เปล่งออกมา ถูกดัดแปลงเสียจนยากจะบอกได้ว่าคนที่อยู่หลังม่าน เป็นชายหรือหญิง “นายท่านมิต้องกังวลไปขอรับ ตอนนี้แผนการของเรากำลังสำเร็จไปทีละขั้นแล้วขอรับ” “กวงเฉินหลางไม่ควรที่จะอยู่เมืองหลวงนานเกินไป หลังแต่งงานส่งเขาออกจากเมืองหลวงไปเสีย หวังว่าการทำเช่นนี้ ท่านเสนาบดีจะไม่ขัดเคืองใช่หรือไม่” คำถามของคนหลังม่าน เรียกให้ท่านเสนาบดีหันไปมองยังผู้ถาม ก่อนจะค้อมหัวเล็กน้อย อย่างยำเกรงต่อผู้เหนือกว่าด้วยอำนาจ “นางเป็นเพียงจุดด่างพร้อยของสกุลเชียว ย่อมไม่มีสิ่งใดที่ข้าน้อยจะรู้สึกขัดเคืองขอรับ” “หึ ๆ ดี! ทุกการก้าวเดินย่อมต้องมีการเสียสละ บางทีนางอาจมีความสุขที่ได้เกิดใหม่ และสมบูรณ์แบบในชาติหน้า” “ขอรับ” เชียวอวี้จิ้งรับคำอย่างว่าง่าย ความสงบเยือกเย็นของเขา ยากนักที่ใครจะคาดเดาความรู้สึกได้ ทว่าความภักดีของเขา ไร้สิ่งที่คนหลังม่านรู้สึกเคลือบแคลง การประชุมยังคงมีอย่างต่อเนื่อง จนใกล้รุ่งสางจึงได้มีการแยกย้ายกันกลับสู่ที่พำนักของแต่ละคน คงจะมีเพียงท่านเสนาบดีเชียวเท่านั้น ที่ต้องจัดการตรวจความเรียบร้อยทุกอย่างให้เสร็จสิ้น ก่อนกลับจวนเป็นคนสุดท้าย ซึ่งมันเป็นเช่นนี้ในทุกครั้งที่มีการประชุม และเขาไม่เคยที่จะขัดข้องกับเรื่องเล็กน้อยนี้เลยสิบห้าวันถัดมา
เชียวอวิ๋นได้ก้าวขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวสกุลกวง โดยที่ไม่ได้มีการจัดขบวนใหญ่โตอันใด และนี่คือสิ่งที่หญิงสาวพึงพอใจยิ่งนัก ในยามแต่งมิให้เกียรติ ในยามแยกจากจะได้ไม่มีเรื่องให้เสียดาย กำหนดการแต่งงานถูกเลื่อนให้เร็วขึ้น เพราะแม่ทัพกวงเฉินหลางต้องออกเดินทางสู่ชายแดน จึงไม่อาจล่าช้าได้ ภายในเกี้ยวเจ้าสาวเชียวอวิ๋นจิบสุราหอมอย่างสบายอารมณ์ นางมั่นใจว่าการแต่งงานในวันนี้ คงเกิดขึ้นแบบขอไปที นั่นก็เป็นผลดีต่อนางเช่นกัน ที่จะได้ไม่ต้องเสแสร้งอ่อนหวานต่อหน้าผู้คน รีบเข้าพิธีรีบเสร็จ เพราะนางยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก “คุณหนูใกล้จะถึงแล้วนะเจ้าคะ” เชียวอวิ๋นหัวเราะในลำคอ ก่อนจะยืนกาสุราออกไปนอกหน้าต่าง และมันก็หายไปจากมือของนางอย่างรวดเร็ว อี้หรูได้แต่ค้อนผู้เป็นนายอยู่ด้านนอก ก่อนจะยิ้มละมุนเหมือนกำลังดีใจ กับการแต่งงานของนายสาวในครั้งนี้ แม้ใจจริงแล้วนางยิ้มไว้อาลัยให้แก่สกุลกวงเสียมากกว่า หลังจากเกี้ยวเจ้าสาวหยุดลงยังหน้าจวน ทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอน พิธีต่าง ๆ เป็นไปอย่างเรียบง่าย จนถึงเวลาส่งตัวเข้าหอ เชียวอวิ๋นนั่งรอสามีอย่างใจเย็น การที่นางได้มีลมหายใจอีกครั้ง ทำไมถึงไม่เกิดเป็นลูกคนธรรมดา ที่เลือกเส้นทางเองได้ ข้าจะทำเพื่อกอบกู้เกียรติให้แก่เจ้าก่อนเชียวอวิ๋น หลังจากนั้นข้าขอให้เป็นชีวิต ที่ข้ากำหนดเองก็แล้วกัน เสียงฝีเท้าจากด้านนอก ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นอะไรให้กับเจ้าสาวเลย เชียวอวิ๋นรู้ดีว่าสามีรูปงามของนาง มิได้เต็มใจรับสตรีใบ้มาเป็นภรรยา หากไม่เพราะคำว่าครอบครัวต้องเกื้อหนุน มีหรือจะได้มีวันนี้ “ข้าต้องออกเดินทางคืนนี้ เจ้าอยู่ที่นี่ให้สบาย อยากได้สิ่งใดให้บอกแก่พ่อบ้านได้เลย” หลังจากเปิดผ้าคลุมหน้า คำพูดของแม่ทัพหนุ่มก็รัวเร็ว คล้ายกลัวถูกสอดแทรก เชียวอวิ๋นเลิกคิ้วสูง ก่อนจะปลดเครื่องต่าง ๆ บนศีรษะที่นางต้องทนแบกมาตลอดทั้งวันออก การเป็นเจ้าสาวนี่มันทรมานใช่เล่นเลยจริง ๆ แม่ทัพหนุ่มแปลกใจอยู่ไม่น้อย ที่ภรรยาใบ้ของเขา ไม่แสดงออกใด ๆ ทางสีหน้า มิว่าเศร้าหรือต้องการคำอธิบายเพิ่มจากเขา ทว่านางกลับจัดการปลดเปลื้องเครื่องแต่งกาย และเดินหายไปยังหลังฉาก เพื่อชำระร่างกายเอาเสียดื้อ ๆ นางทำเหมือนเขาที่กำลังจัดเตรียมสิ่งของอยู่ เป็นเพียงอากาศธาตุ อย่างน้อยนางควรขอบคุณเขาสักคำ ที่ให้นางได้อยู่ในห้องของเขา แทนการอยู่อีกเรือนหรือห้องอื่น แม่ทัพหนุ่มหันกลับไปยังด้านหน้าประตู เมื่อพ่อบ้านเปิดเข้ามา เพื่อรอรับคำสั่งการ “นางต้องการสิ่งใดก็จัดหาให้ นอกเหนือสิ่งที่ท่านคิดว่าไม่ควรมอบ ก็สามารถเลี่ยงได้โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากข้า และข้าหวังยิ่งนักว่าในฐานะพ่อบ้านท่านจะทำตัวเป็นกลาง ให้สมกับที่ข้าวางใจ” “ข้าน้อยจะมิทำให้ท่านแม่ทัพผิดหวังขอรับ” เมื่อจัดสิ่งของที่จำเป็นเรียบร้อย พ่อบ้านสูงวัยได้เข้ามาช่วยยกออกไป โดยไม่เอ่ยถามสิ่งใดให้มากความ แม่ทัพหนุ่มมองไปยังฉากกั้น ก่อนจะถอนหายใจหนัก ๆ นางคือภรรยาที่ถูกต้อง แต่น่าเสียดายที่นางกับเขา คงอยากที่จะเคียงข้างกันได้เช่นคู่สามีภรรยาอื่น และที่แย่ไปกว่านั้น นางต้องมาเสี่ยงชีวิตไปกับเขาผู้มีภัยอยู่รอบด้าน ประตูปิดลงได้เพียงครู่เดียว ร่างระหงได้ก้าวออกมาจากด้านหลังฉากกั้น รอยยิ้มของหญิงสาวยากที่จะบอกได้ถึงอารมณ์ของนาง คนพวกนี้ช่างกล้ามากที่คิดจะให้นางตายแทนคนอื่น สกุลเชียวรู้อยู่แล้วว่ากวงเฉินหลางตกอยู่ในสภาพเช่นไร พวกเขาเลือกส่งนางมาแทนน้องสาว เพราะถ้ากวงเฉินหลางพลาดพลั้งมา นางก็ยากที่จะรอดชีวิตไปได้ ตามกฎสามีภรรยาที่ต้องรับชะตาร่วมกัน ‘คนเยี่ยงข้ายอมได้ในบางเรื่อง แต่ในบางเรื่องข้าไม่จำเป็นต้องยอม’ “ฮูหยิน”อี้หรูเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้ามา หญิงสาวรอจนท่านแม่ทัพจากไป แล้วค่อยเข้ามาพบผู้เป็นนาย โดยให้ผู้ติดตามอีกสองคนเฝ้าดูความปลอดภัยอยู่ในเงามืดด้านนอก“หึ ๆ เจ้าก็ทำเสียเหมือนตัวข้าเป็นโจร ต้องดูลาดเลาก่อนออกปล้น” เชียวอวิ๋นเย้าอี้หรู ซึ่งนางพอใจกับความรอบคอบของอี้หรูยิ่งนัก นางไม่ต้องมีองครักษ์มากมาย แค่อี้หรูกับชายหนุ่มทั้งสองด้านนอกก็มากพอแล้ว “ว่าได้หรือเจ้าคะ สกุลแม่ทัพหูตาราวสับปะรด นี่เจ้าค่ะท่านผู้คุ้มร้านขายข่าวเพิ่งส่งมาเจ้าค่ะ” เชียวอวิ๋นรับจดหมายจากอี้หรู ก่อนจะคลี่กระดาษออกอ่านอย่างใจเย็น สายตาคู่งามไล่ไปตามตัวอักษรที่สั้นกระชับ แต่ครบถ้วนในสิ่งที่นางต้องรู้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง “เขาส่งคนไปแล้วใช่ไหม” “เจ้าค่ะ” “หมากกระดานนี้ไม่ยากไม่ง่ายเลยจริง ๆ” “ฮูหยินไม่เห็นต้องช่วยพวกเขาเลยนะเจ้าคะ” “เอาไว้เจ้าแต่งงานเข้าสกุลใหญ่ แล้วจะรู้ว่ามันยุ่งยากวุ่นวายแค่ไหน เขาตายข้าก็ต้องตาย ต่อให้ข้ามิได้ทำสิ่งใดผิดก็ตาม” “ใครว่าบ่าวคิดจะแต่งงาน บ่าวจะอยู่กับฮูหยินไป
แต่พอได้สัมผัสกับนิสัยของลูกสะใภ้แล้ว นางก็มิได้เลวร้ายอันใด และตอนนี้เขาเหมือนได้บุตรสาวคนเล็กกลับมาอีกครั้ง กวงหลิวหลีที่เคยหม่นหมอง บัดนี้สดใสราวเทพธิดาเลยทีเดียว“นางจะทำสิ่งใดก็ช่าง นับแต่นี้ไปหากสกุลเชียวคิดจะมาทวงคืน ข้าไม่ยินยอมเป็นอันขาด คนสกุลนั้นจงใจดูถูกเรา ข้าก็จะทำให้พวกเขารู้สึกเสียดายลูกสาวที่พวกเขาโยนทิ้งเช่นกันเจ้าค่ะ”กวงเจี้ยนหัวเราะในลำคอ ก่อนจะโอบกอดภรรยาอย่างรักใคร่ เพราะนางจิตใจดีเยี่ยงนี้อย่างไรเล่า เขาจึงไม่คิดมีภรรยาอื่นใดมาเพิ่มเติม จริงอย่างที่นางกล่าวมา สกุลเชียวตั้งใจทำให้เขาขายหน้า เรื่องเปลี่ยนตัวเจ้าสาว แต่เหมือนสวรรค์เมตตาสกุลกวงที่สะใภ้คนนี้รู้ความหนึ่งเดือนต่อมา ณ ชายแดนตะวันตก แม่ทัพหนุ่มก้าวเข้าไปภายในค่ายทหาร ด้วยใบหน้าเรียบตึง เขาใช้เวลาเดินทางออกจากเมืองหลวงในยามค่ำคืน สำคัญไปกว่านั้นเขาแทบไม่หยุดพัก ด้วยมีข่าวเรื่องการส่องสุมกำลังของแคว้นข้างเคียง ไหนจะมีการสูญหายของเสบียงจำนวนมาก เรื่องนี้เขายังไม่อาจแพร่งพรายออกไปได้ จำต้องทิ้งภรรยาไว้ในห้องหอเพียงลำพัง เพื่อกลับมาจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เพราะหากมันไม่เป็นอย่างที
ต้วนเหนียงก้าวตรงไปยังหน้าประตูใหญ่ นางอยากที่จะไปหาเชียวอวิ๋นสักครั้ง คราก่อนมัวปะทะคารมกันจนมิได้ทันได้ทักทาย หากเทียบกับบุตรสาวของนางที่แต่งไปอยู่ถึงชายแดนเหนือแล้ว เชียวอวิ๋นน่าเห็นใจกว่าหลายเท่านักเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งก้านธูป รถม้าสกุลเชียวได้หยุดอยู่หน้าจวนแม่ทัพ ก่อนที่ฮูหยินรองจะเดินเข้าไปภายในจวน โดยมีพ่อบ้านสกุลกวงเป็นผู้นำทางเพื่อไปพบกับเจ้าของบ้าน“ต้วนเหนียงคารวะใต้เท้ากวง ฮูหยินกวงเจ้าค่ะ”ต้วนเหนียงทักทายเจ้าของบ้าน ก่อนจะหันไปรับของฝากจากสาวใช้ ซึ่งได้แวะซื้อมาระหว่างทาง“ขอบคุณเจ้าค่ะสำหรับของฝาก ฮูหยินรองมาพบอวิ๋นเอ๋อร์ใช่หรือไม่เจ้าคะ”กวงฮูหยินรับของจากมือแขกผู้มาเยือน ก่อนถามถึงจุดประสงค์ของอีกฝ่าย จะชอบหรือไม่นี่คือแขกนางหาได้คิดปฏิเสธไมตรี“เจ้าค่ะ”“เช่นนั้นรอสักครู่นะเจ้าคะ อวิ๋นเอ๋อร์คงอยู่ในครัวกับหลิวหลี”การสนทนาของสตรีทั้งสอง ต่างเป็นสัพเพเหระตามประสาแม่บ้าน ส่วนกวงเจี้ยนขอตัวไปทำงาของตน ต้วนเหนียงรับรู้ได้ว่าสองสามีเมตตาต่อเชียวอวิ๋นอยู่ไม่น้อย“อวิ๋นเอ๋อร์ ฮูหยินรองเชียวมาเยี่ยมเจ้า”เชียวอวิ๋นย่อกายให้แก่ฮูหยินรองเชียว นางแปลกใจเล็กน้อย ที่อยู่ ๆ ภรรยาร
ถนนเส้นรอบเมือง อวิ๋นชีกำลังขับรถพร้อมเปิดเพลงเบา ๆ เธอพักร้อนยาวจากกองทัพ ซึ่งมันไม่ง่ายเลยสำหรับหน่วยรบพิเศษ และมีตำแหน่งสูงแบบเธอที่จะได้หยุดพักยาว ๆหญิงสาวเลือกที่จะไปหาครอบครัวที่อยู่นอกเมือง เพื่อใช้เวลาทั้งหมดกับพ่อแม่และน้องสาว ผู้พันสาวเอื้อมมือไปปิดเพลง เมื่อเห็นได้ถึงความผิดปกติจากรถคันหลัง“วันพักผ่อนของฉันแท้ ๆ”หญิงสาวเอื้อมไปหยิบปืนที่อยู่เบาะข้างคนขับ มาวางไว้บนตักเพื่อเป็นการไม่ประมาท ถึงเธอจะไม่ได้เปิดเผยเรื่องหน้าที่การงานให้ใครรู้มากนัก แต่จะว่าไปแล้วคนในมักมีเกลือเป็นหนอนตัวตนของเธออาจถูกเปิดเผย กับพวกธุรกิจสีมืดไปบ้างแล้วก็ได้ หญิงสาวเลือกที่จะเปลี่ยนเส้นทาง เพราะไม่อยากนำอันตรายไปหาครอบครัวและดูเหมือนกับว่าสิ่งที่เธอคิดอยู่นั้น จะเป็นเรื่องจริงเสียซะแล้ว เพราะรถสองคันด้านหลังเปลี่ยนทิศทางตามเธอมาติด ๆ ปิ๊ด! ปิ๊ด! ปิ๊ด! ปี๊ดดดด!!! เสียงแตรรถจากสั้น ๆ เปลี่ยนเป็นลากยาว เพื่อให้รถบรรทุกสองคันด้านหน้า ที่กำลังขับคู่กันมารู้ว่ามีรถอยู่ด้านหน้าตูม! โครม! ทว่ามันกลับไม่เป็นผล รถของผู้พันสาวหักหลบรถบรรทุกเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ตูม! รถบรรทุกหนึ่งใน
“เจ้าอยากเล่นสนุกก่อนสินะ สาวน้อย” ชายหนุ่มยิ้มอย่างคนนึกสนุก ก่อนจะใช้มืออีกข้างปลดมือของหญิงสาวออกอย่างช้า ๆ ยิ่งเมื่อเห็นสายตาของหญิงสาว แสดงออกถึงความท้าทาย ทั้งยังปล่อยให้เขาปลดมือนางออกอย่างว่าง่าย ร่างสูงก้าวคร่อมเหนือร่างหญิงสาว ก่อนที่จะก้มลงเพื่อหวังเชยชมความหอมหวานของสาวบริสุทธิ์ ปึก! ชายหนุ่มถึงกับใบหน้าเขียวคล้ำสลับขาวซีด เมื่อจุดลับถูกกระแทกอย่างแรง ด้วยเข่าของคนใต้ร่าง ชายหนุ่มเจ็บแค้นนัก จึงใช้มือคว้าเข้าที่ลำคอของหญิงสาว ก่อนจะออกแรงบีบด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว หญิงสาวจ้องเขม็งที่ใบหน้าของชายหนุ่มไม่คิดหลบ แม้ว่าอากาศที่เข้าไปในปอดจะน้อยนิดก็ตามที หญิงสาวรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ผั๊วะ! ฝ่ามือสองข้างตบเข้าที่หูทั้งสองของชายหนุ่ม โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทันคิดสิ่งใด นิ้วเรียวทิ่มเข้าที่หน่วยตาของเขาอย่างรวดเร็ว “อ๊าก!!!” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เรียกให้คนด้านนอกทั้งสี่รีบพุ่งเข้ามาข้างในอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นสภาพของสหาย ที่คดคู้อยู่กับพื้น ส่วนหญิงสาวที่คิดว่าสิ้นสติ กำลังยืนจังก้าพร้อมท่อนไ
“ขาวหรือดำเล่า” อวิ๋นชีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเนิบช้า ทว่ายังคงแหบแห้งอยู่มาก “ฮ่า ๆ ดี ๆ ข้าชอบความตรงไปตรงมาของเจ้านัก ตาแก่อย่างข้าเป็นผู้เรียนรู้ยาสมุนไพรและการต่อสู้พอได้ป้องกันตัว ไม่ชอบความดำมืดเพราะมันเหนื่อย ข้าเป็นคนขี้เกียจ” ชายวัยกลางคนตอบด้วยน้ำเสียงติดตลก “ถามแค่นิดเดียว ตอบเสียอ้อมขุนเขา” อวิ๋นชีพูดด้วยน้ำเสียงประชดก่อนจะคลี่ยิ้มน้อย คนตรงหน้านางน่ากลัวใช่เล่น เพราะคนที่มองทุกอย่างเหมือนเป็นเรื่องตลกขบขัน เท่าที่เธอเคยสัมผัสกับคนประเภทนี้ บอกเลยว่าเป็นคนที่มากด้วยเรื่องภายในใจ และถ้าลงมือเมื่อไหร่ไม่มีคำว่าปราณี “บ๊ะ! เจ้าเด็กคนนี้ พอพูดได้ก็วาจาเลาะร้ายเชียวนะ ตกลงเจ้าจะกราบข้าเป็นอาจารย์หรือไม่” “ศิษย์คารวะ ท่านอาจารย์” ร่างบางคุกเข่าลงประสานมือ เหมือนที่เคยเห็นในหนังย้อนยุค มีแค่คนโง่เท่านั้นที่จะปฏิเสธคนแบบนี้ได้ เธอขอเลือกก้มหัวเพื่ออยู่รอดในยามที่ตัวเองไร้เรี่ยวแรง ดีกว่าทำตัวผยองทั้งที่ไม่มีอะไรสู้ใครได้ ไม่ว่าตอนนี้จะเรื่องจริงหรือความฝัน สิ่งแรกต้องทำคือแสดงเป็นเจ้าของร่
คำถามของผู้เป็นอา หาได้ละมุนหูแม้แต่น้อย คนพวกนี้อาศัยเงินทองจากบิดาของนาง แต่กลับไม่เคยใยดีนางเท่าที่ควร สายตาที่เปลี่ยนไปของหลานสาว ทำให้เชียวหลางขมวดคิ้วจนชิดกัน เขากลับมาจากการค้า ก็ได้ยินว่าหลานสาวหนีออกไปเที่ยวเล่นยังไม่กลับบ้านมาหลายวัน แน่นอนว่าเขาย่อมต้องมีโทสะอยู่แล้ว แต่จากที่เขาเห็นในตอนนี้เห็นทีต้องสืบสาวราวเรื่องให้ดี หาไม่แล้วคงต้องมีเรื่องใหญ่โตเกิดข้นเป็นแน่ กระดาษกับพู่กันถูกนำมาให้แก่เชียวอวิ๋น เพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นแก่ผู้เป็นอา หญิงสาวมองเลยไปยังอาสะใภ้ ก่อนจะจรดปลายพู่กันเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นลงไปแน่นอนว่าก่อนกลับมา นางเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี พยานที่มีย่อมยากที่ใครจะชนะได้ เพราะตัวนางยังต้องก้มหัวให้แก่เขา หญิงสาวยื่นส่งกระดาษให้แก่ผู้เป็นอา ก่อนจะมองไปยังห่อผ้าที่อยู่บนพื้นตรงหน้าของสาวใช้เมื่อเห็นสายตาของคุณหนู สาวใช้รีบคว้าห่อผ้าแล้วซ่อนไว้ในแขนเสื้อ ทุกการกระทำหาได้รอดพ้นสายตาของเชียวหลาง เขาได้พยักหน้าให้แก่คนสนิทเข้าคุมตัวสาวใช้เอาไว้“เจ้ารู้หรือไม่ว่าบ่าวที่ละเลยต่อนาย จะต้องรับโทษเช่นไร”“นายท่านบ่าวมิได้ทำนะเจ
“เชิญท่านเจ้าเมืองทำตามกฎหมายเถอะขอรับ ข้าน้อยต้องขอตัวก่อน ชิงชิงไปกับพ่อ” เชียวหลางเอ่ยได้เพียงเท่านั้น ก็ได้คว้าแขนลูกสาวพากลับเข้าเรือน ปล่อยให้ภรรยาหวีดร้องด่าทอเขาอยู่ด้านหลัง สิ่งที่นางทำเขาไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนบ่าวไพร่เก่าแก่ที่นี่ก็มีมาก ทุกคนจะคิดอย่างไรที่ภรรยาเขาคิดจะสลับตัวลูกของตัวเองกับหลานสาว เพียงเพื่อให้ได้แต่งงานกับคนในราชวงศ์ โดยที่นางไม่รู้เลยว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซึ่งเขาไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ เพราะเป็นสิ่งที่พี่ชายกำชับมาเชียวอวิ๋นค้อมศีรษะให้แก่ท่านเจ้าเมือง เพื่อเป็นการขอบคุณ ก่อนจะเดินกลับไปยังเรือนของตนเอง โดยอาศัยความทรงจำเจ้าของร่างนำทาง เย็นนี้ท่านอาจารย์คงจะส่งสาวใช้คนใหม่มาให้นางและนับจากนี้ไปนางต้องทุ่มเทเวลา ศึกษาร่ำเรียนวิชาอย่างหนัก เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก นางไว้ใจใครไม่ได้เลยในจวนแห่งนี้ เพราะจากสายตาของผู้เป็นอาแล้ว มันไม่ยุติลงแค่นี้อย่างแน่นอนสามปีต่อมา เมืองหลวง ณ สกุลเชียว รถม้าจากจวนเชียเมืองฮั่วโจว ได้หยุดลงยังหน้าจวนสกุลเชียว ก่อนที่ชายหนุ่มในชุดสีเข้มสองคน จะก้าวมายืนรอ