Share

ตอนที่6. เสแสร้งนัก!

“นางมีปากทำไมไม่พูดเองล่ะ อ่อ...ข้าลืมไปว่าปากนางมี แต่ไม่มีเสียงที่จะพูด ฮ่า ๆ”

            “จะมากเกินไปแล้วนะเจ้าคะ”

            “นังสวะ!”

            หมับ! ก่อนที่ฝ่ามือของเชียวเยี่ยนจะถึงใบหน้าของอี้หรู มือหยาบกร้านจากการจับอาวุธของเชียวอวิ๋น ได้คว้าจับข้อมือของน้องสาวเอาไว้แน่น พร้อมออกแรงบีบให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว

            แม้จะขัดใจอยู่บ้าง ที่ไม่อาจเอ่ยตอบโต้หรือสั่งสอนคนตรงหน้าได้ แต่นางมีความอดทนมากพอที่จะรอ และการรอมิได้แปลว่านางต้องนิ่งเฉยให้คนรังแก

            “เจ้าคิดจะทำร้ายข้าเช่นนั้นรึ!”

            “…”

            เชียวอวิ๋นยิ้มน้อย ๆ ทว่ามันกลับทำให้คนมองหนาวสะท้านไปทั้งกาย การอยู่ต่างเมืองไม่มีใครบอกได้ ว่าเชียวอวิ๋นพบเจอสิ่งใดมาบ้าง และการกระทำที่แสดงออก บอกชัดว่าพี่สาวของนางเลือกปกป้องสาวใช้ มากกว่าจะให้นางที่เป็นน้องสาว ลงโทษบ่าวปากดี

            “ทำสิ่งใดกัน!”

            เสียงกัมปนาทดังขึ้นจากทางเดินด้านหลัง ทำให้เชียวอวิ๋นจำต้องคลายมือออกอย่างใจเย็น นางไม่ได้ตื่นกลัวกับครอบครัวที่มิเห็นค่าของนางเท่าใดนัก

            ท่านเสนาบดีเชียวก้าวมาหยุดอยู่ข้างบุตรสาวคนรอง โดยมีภรรยาเอกและสมาชิกคนอื่นในครอบครัว ติดตามมาอย่างพร้อมหน้า ทำให้เชียวอวิ๋นพร้อมผู้ติดตามย่อกายให้บิดา และสมาชิกทุกคนอย่างอ่อนน้อม

            “ท่านพ่อนางทำร้ายข้า ทั้งที่ตัวข้ามาต้อนรับนางด้วยความคิดถึง”

            “มะ...”

            เชียวอวิ๋นคว้าจับข้อมือของอี้หรูเอาไว้ พร้อมบีบเบา ๆ เป็นการเตือนให้นิ่งไว้ ปล่อยให้น้องสาวของนางพูดในสิ่งที่ต้องการ แบบนี้มันจะเป็นผลดีต่อนางในภายหน้า

            “ข้ามั่นใจว่าอาของเจ้าไม่เคยพูดสักคำ ว่าเจ้าเป็นคนหยาบช้านะเชียวอวิ๋น หรือที่ผ่านมาเจ้ากับอาของเจ้าหลอกลวงข้า”

            คำถามของผู้เป็นพ่อ ทำให้เชียวอวิ๋นบิดเรียวปากขึ้นเล็กน้อย นางคิดไว้อยู่แล้วว่าบิดาคงรักลูกไม่เท่ากัน ต่อให้ตอนนี้นางนอนจมกองเลือดอยู่ต่อหน้า เขาก็จะต้องบอกว่านางผิดอยู่ดี

            “เจ้าเป็นบิดา! ไยจึงได้เชื่อเพียงคำของคนที่มีปากพูด ซึ่งอยากจะพ่นสิ่งใดออกมาก็ได้ แต่กลับลำเอียง ไม่คิดฟังความจากลูกอีกคนเยี่ยงนี้”

            เชียวเยี่ยนรีบขยับไปหลบหลังผู้เป็นพ่อในทันที เมื่อผู้เป็นย่าปรากฏตัวขึ้น ทั้งยังยืนอยู่ข้างพี่สาวอีกด้วย นางไม่เคยเป็นที่โปรดปราณของท่านย่ามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มีเพียงลูกที่เกิดจากภรรยารองของบิดา ที่ได้รับการเอ็นดูมากกว่านางที่เกิดจากสะใภ้เอก

            “ก็ข้าเห็นกับตานะขอรับท่านแม่ ว่าเชียวอวิ๋นกำลังทำร้ายเยี่ยนเอ๋อร์ แล้วแบบนี้จะให้ข้าคิดอย่างไร”

            “ไหนล่ะ! ร่องรอยถูกทำร้าย หรือลูกสาวสุดที่รักของเจ้าทำร้ายตนเองไม่ทันจะใส่ความผู้อื่นเล่า อย่านึกว่าข้าไม่รู้นิสัยของนางนะ คงมีแค่เจ้าที่หูหนวกตาบอดรักลูกลำเอียง”

            เชียวอวิ๋น อดแปลกใจความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวอยู่พอสมควร เท่าที่นางรู้ก็แค่ตัวบุคคล นิสัยภายนอกเท่านั้น เรื่องภายในจวนย่อมยากที่จะสืบหา เพราะทุกคนถือกฎว่าเรื่องในบ้านมิควรแพร่งพราย

            “แต่สาวใช้ของนาง หาได้ยำเกรงต่อข้าเลยนะเจ้าคะท่านย่า”

            “เจ้าทำอันใดกับนายเขาก่อนเล่า หากไม่ทำสิ่งใดผิดต่ออวิ๋นเอ๋อร์ มีหรือบ่าวจะกล้ากำแหงต่อนาย พวกนางมาจากต่างเมือง มิใช่คนของเจ้าที่อยากกดขี่เยี่ยงไรก็ได้”

            “ท่านย่าลำเอียง! ท่านพ่อเรื่องนี้ข้ามิผิดนะเจ้าคะ”

            เชียวเยี่ยนรู้สึกอับอายที่ถูกผู้เป็นย่าตำหนิ ต่อหน้าสมาชิกในบ้านและบ่าวไพร่ หากเรื่องนี้นางกลายเป็นฝ่ายแพ้ แล้วผู้ใดจะยำเกรงต่ออำนาจของนางอยู่อีกเล่า

            “เอาล่ะ! ถือว่าเป็นเรื่องหยอกเย้าระหว่างพี่น้อง”

            ท่านเสนาบดีเสหลบสาตาของมารดา ก่อนจะมองไปที่บุตรสาวคนโต มิว่าหน้าตาหรือความสูงสง่าของนาง ล้วนบอกถึงชาติกำเนิดโดยแท้ น่าเสียดายที่นางไม่อาจพูดได้เท่านั้น และเขามิได้รักนางมากพอ

            “ท่านพ่อ”

            “เยี่ยนเอ๋อร์ เจ้ากับพี่ใหญ่กำเนิดจากมารดาคนเดียวกัน จะมีเรื่องบาดหมางกันไปทำไมเล่า พี่ใหญ่ของเจ้าเดินทางมาไกล เอาเป็นว่าเรื่องนี้ให้จบลงแค่นี้เถอะนะ ภายหน้าเจ้าต้องเป็นพระชายา จะมาทำเรื่องเล็กน้อยให้ใหญ่โตไปทำไม รู้จักที่จะใจกว้างให้มากเข้าไว้”

            เชียวฮูหยินก้าวขึ้นมาโอบประคองบุตรสาว พร้อมปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะมองไปที่บุตรสาวคนโต แววตาที่มองมานั้นอวิ๋นเชียวสัมผัสได้ถึงความเฉยชา

            ดูเหมือนมารดาของนางอ่อนหวานงดงาม แต่มิใช่กับลูกคนแรกเยี่ยงนาง มีสิ่งใดกันหนอที่ทำให้มารดาผู้หนึ่ง เมินเฉยต่อบุตรสาวผู้อาภัพต่อชะตาเช่นนี้ได้ หากเป็นเรื่องความพิการทางเสียง มันไม่ควรจะเป็นเหตุผลกล่าวอ้างได้เลย

            เท่าที่นางเห็นมานักต่อนัก ถ้าเกิดเรื่องร้ายใดกับลูกในไส้ คนแรกที่จะกางปีกปกป้อง ย่อมต้องเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด นางเจ็บป่วยจนไม่อาจพูดได้ มิใช่เป็นมาแต่กำเนิดเสียเมื่อไหร่ แล้วตรงไหนกันที่ทำให้ความเป็นแม่ลูกห่างเหินต่อกันเหลือเกิน

            “เห็นแก่ท่านแม่ เรื่องนี้ข้าจะไม่ถือสา แต่อย่าได้คิดว่าตนเองเป็นลูกคนโต อยากทำสิ่งใดตามอำเภอใจก็ได้ ให้รู้สำนึกว่าตอนนี้เจ้ากับข้า...”

            “สามหาว! ยังมีหน้ามาพูดจาเยี่ยงนี้ต่อหน้าข้าอีกเช่นนั้นรึ! นี่เจ้าไม่สำนึก แล้วยังไม่เห็นหัวของข้าที่ยืนอยู่ตรงนี้เลยหรือเชียวเยี่ยน”

            ไท้ฮูหยินโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ นางไม่คิดเลยว่าจะมีลูกหลานที่นิสัยต่ำช้าได้เพียงนี้ แค่ตอนที่มาขอให้มีการเลื่อนการแต่งงานของหลานสาวคนโต เพื่อจะได้เปลี่ยนตัวเจ้าสาว ทำให้ต้องรอจนเชียวเยี่ยนถึงวัยออกเรือน นางก็ยินยอมมาแล้วหนหนึ่ง

            แล้วนี่อะไรกัน! ความกำแหงไม่เห็นหัวผู้ใดของเชียวเยี่ยน มันสมควรแล้วหรือที่บุตรชายของนางยังนิ่งเฉยอยู่ ไท้ฮูหยินตวัดสายตาไปยังลูกสะใภ้ ที่เอาแต่ยืนนิ่งเอ่ยสิ่งใด นอกจากลูบแขนเชียวเยี่ยนเพื่อปลอบประโลม

            “ว่าอย่างไรอวิ๋นเอ๋อร์”

            เชียวอวิ๋นคว้ามือผู้เป็นย่ามาบีบเบา ๆ ก่อนจะส่ายหน้าน้อย ๆ เป็นการบอกว่านางไม่อยากให้มีเรื่องราวไปมากกว่านี้ ทว่าแท้จริงแล้วนางกำลังอึดอัดอยากที่จะพูดยิ่งนัก เลยเลือกที่จะเลี่ยงจากสิ่งเล็กน้อยนี้ไปเสีย เวลาสำหรับเรื่องไร้สาระยังมีอีกมาก

            “เสแสร้งนัก!”

            ยังมิวายที่จะถูกเหน็บแนมจากน้องสาว เชียวอวิ๋นหันไปยิ้มละมุน ทว่ามันเต็มไปด้วยความขบขัน ใบหน้าบูดบึ้งของเชียวเยี่ยนมิได้น่าเอ็นดู แต่มันคือการเสแสร้งอย่างแท้จริงมากกว่า

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status