ต้วนเหนียงก้าวตรงไปยังหน้าประตูใหญ่ นางอยากที่จะไปหาเชียวอวิ๋นสักครั้ง คราก่อนมัวปะทะคารมกันจนมิได้ทันได้ทักทาย หากเทียบกับบุตรสาวของนางที่แต่งไปอยู่ถึงชายแดนเหนือแล้ว เชียวอวิ๋นน่าเห็นใจกว่าหลายเท่านัก
เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งก้านธูป รถม้าสกุลเชียวได้หยุดอยู่หน้าจวนแม่ทัพ ก่อนที่ฮูหยินรองจะเดินเข้าไปภายในจวน โดยมีพ่อบ้านสกุลกวงเป็นผู้นำทางเพื่อไปพบกับเจ้าของบ้าน
“ต้วนเหนียงคารวะใต้เท้ากวง ฮูหยินกวงเจ้าค่ะ”
ต้วนเหนียงทักทายเจ้าของบ้าน ก่อนจะหันไปรับของฝากจากสาวใช้ ซึ่งได้แวะซื้อมาระหว่างทาง
“ขอบคุณเจ้าค่ะสำหรับของฝาก ฮูหยินรองมาพบอวิ๋นเอ๋อร์ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
กวงฮูหยินรับของจากมือแขกผู้มาเยือน ก่อนถามถึงจุดประสงค์ของอีกฝ่าย จะชอบหรือไม่นี่คือแขกนางหาได้คิดปฏิเสธไมตรี
“เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นรอสักครู่นะเจ้าคะ อวิ๋นเอ๋อร์คงอยู่ในครัวกับหลิวหลี”
การสนทนาของสตรีทั้งสอง ต่างเป็นสัพเพเหระตามประสาแม่บ้าน ส่วนกวงเจี้ยนขอตัวไปทำงาของตน ต้วนเหนียงรับรู้ได้ว่าสองสามีเมตตาต่อเชียวอวิ๋นอยู่ไม่น้อย
“อวิ๋นเอ๋อร์ ฮูหยินรองเชียวมาเยี่ยมเจ้า”
เชียวอวิ๋นย่อกายให้แก่ฮูหยินรองเชียว นางแปลกใจเล็กน้อย ที่อยู่ ๆ ภรรยารองของบิดามาพบนางถึงที่นี่ หญิงสาวพร้อมน้องสามีพากันเข้ามานั่งร่วมกับมารดาทั้งสอง
“ข้ามาในวันนี้ก็เพียงห่วงใย เจ้าอยู่ต่างเมืองมาเสียนาน เกรงว่าจะทำเรื่องขายหน้า จนเป็นที่ตำหนิของจวนแม่ทัพเอาได้”
‘ท่านแม่รองอย่าได้กังวล ท่านพ่อท่านแม่เมตตาต่อข้ายิ่งนักเจ้าค่ะ’
เชียวอวิ๋นยื่นส่งกระดานไม้ให้แก่แม่รองของตน ดวงตาที่มองกันในวันนี้มันแตกต่างกว่าวันแรกที่พบหน้า นางไม่เข้าใจว่าทำไมใจลึก ๆ ถึงได้อบอุ่นนัก
หรือเพราะนางไกลบ้าน คิดถึงแม่จากอีกโลกกระมัง แต่ใจดวงนี้เป็นของเชียวอวิ๋น นางอาจสุขใจที่มีคนห่วงหา จากทุกคำพูดบอกชัดว่ามารดารองมาที่นี่ โดยไม่มีจุดประสงค์อื่นใดแอบแฝง นอกจากการมาเยี่ยมเยียนทั่ว ๆ ไป
“ขอบคุณฮูหยินกวงที่เมตตาบุตรสาวของข้า แม้ว่านางจะมิได้กำเนิดจาดครรภ์ของข้า แต่อย่างไรก็เอ็นดูกันมาตั้งแต่เล็ก”
“มิต้องเกรงใจไป อวิ๋นเอ๋อร์คือครอบครัวของเราเจ้าค่ะ”
‘ท่านแม่รอง กินขนมฝีมือข้าสักหน่อยไหมเจ้าคะ’
“ได้สิ!”
หลังจากอ่านข้อความจากกระดานไม้ ต้วนเหนียงรีบตอบรับ ก่อนจะหยิบขนมขึ้นมาพินิจ รูปลักษณ์อาจไม่งดงามเท่าใดนัก แต่กลิ่นอันหอมหวนชวนให้ลิ้มลองนัก
ต้วนเหนียงถึงกับทำตาโต เมื่อขนมคำแรกผ่านเขาไปในปาก ความหอมหวานละมุนลงตัวนัก ทั้งยังเป็นขนมที่นางไม่เคยกินมาก่อนเลย เชียวอวิ๋นคลี่ยิ้มน้อย ๆ
นางทำขนมนี้ตามที่ผู้เป็นอาจารย์เคยสอน เพื่อให้กวงหลิวหลีและพ่อแม่สามีได้กินสมุนไพรบำรุงร่างกาย โดยไม่ต้องทนกลืนยาขม ๆ ซึ่งยากนักที่ทุกคนจะทนกินมันได้จนหมด
เหมือนการหลอกเด็กกินยา ต้องหาวิธีทำให้กินง่ายแต่คงประโยชน์ เห็นทีนางต้องทำให้แม่รองได้กินบ้างแล้ว จากสีหน้าแล้วนางคิดว่าแม่รองคงไม่ค่อยสบายเท่าใดนัก
“รสชาติหวานละมุน ข้าไม่เคยกินมาก่อน มันทำมาจากสิ่งใดบ้างเล่า”
‘เป็นขนมที่คนแก่ทางฮั่วโจวเคยสอน ข้าเรียกมันว่าบุพผาพร่างพราวเจ้าค่ะ มันทำจากดอกไม้และสมุนไพรล้ำค่าหลายชนิด ส่วนผสมล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกายเจ้าค่ะ’
“การอยู่ไกลบ้าน ทำให้เจ้าลำบากไม่น้อยเลยสินะ”
ต้วนเหนียงรู้สึกจุกอยู่ที่อกอย่างไรไม่รู้ มือนุ่มคว้ามือของลูกเลี้ยงมาบีบเบา ๆ สิ่งที่นางสัมผัสได้ ทำให้คนเป็นแม่ที่ต่อให้มิอุ้มท้องมาถึงกับน้ำตารื่น มันควรเนียนนุ่ม ทว่ามือของเชียวอวิ๋นกลับหยาบกระด้างนัก
“ท่านพี่ก็ช่างใจร้าย เจ้าคงลำบามากใช่หรือไม่”
‘ไม่เลยเจ้าค่ะ ข้าสบายกว่าอยู่เมืองหลวงเสียอีก ท่านแม่รองค่อย ๆ กินนะเจ้าคะ เย็นนี้ข้าจะทำอาหารให้ท่านแม่ลองได้ชิม’
ทุกตัวอักษร ที่ต้วนเหนียงไล่อ่านไปตามการเขียนของเชียวอวิ๋น ทำให้นางแทบอยากจะร้องโฮออกมาเสียให้ได้ บุตรสาวของนางตั้งแต่เล็กจนโต มักอยู่ในความดูแลของฮูหยินใหญ่ ไม่เคยแม้แต่จะทำขนมให้นางได้ชิมสักชิ้น
แต่วันนี้บุตรสาวของสตรีผู้นั้น กลับเป็นคนทำให้นางได้ลิ้มรส ทั้งยังเชิญชวนนางร่วมมื้ออาหาร ที่ปกตินางกินเพียงลำพังมาตลอดหลายปี มันรู้สึกอิ่มเอมใจยิ่งนัก
“เย็นนี้กินข้าวด้วยกันนะเจ้าคะฮูหยิน นาน ๆ เราจะได้มีโอกาสได้สนทนากัน อวิ๋นเอ๋อร์มักทำอาหารของฮั่วโจวให้เราได้กินอยู่บ่อยครั้ง ถ้ารสชาติจะแปลกไปก็คงต้องทำใจสักนิด เพราะหลิวหลีช่วยปรุง”
“เช่นนั้นข้ามิเกรงใจแล้วนะเจ้าคะ”
สตรีทั้งสองผูกขาดการสนทนา เสียงหัวเราะสลับการหวีดร้องเบา ๆ ของกวงหลิวหลี ทำให้บรรยากาศภายในจวนสดใสขึ้นกว่าที่เคยหลายเท่า แม้ว่าจะมีเรื่องให้เคร่งเครียดอยู่มาก แต่สตรีในบ้านไม่ควรต้องแบกสิ่งใดให้หนัก นั่นคือความคิดของบุรุษสกุลกวง ที่มักใช้เสมอยามมีเรื่องหนักหนายากแก้ไข
ยามค่ำคืนได้มาเยือน หลังมือค่ำเสร็จสิ้นลง เชียวอวิ๋นขอที่จะเป็นคนไปส่งมารดาเลี้ยงที่จวนด้วยตนเอง การที่ภรรยารองของบิดามาหานาง ย่อมตกเป็นเป้าสายตา และความปลอดภัยคงยากจะมีอยู่เช่นเดิม
“ไม่น่าต้องลำบากเลย ข้ากลับเองได้”
‘ให้ข้าทำหน้าที่ลูกนะจ้าคะ’
“ขอบคุณนะ อวิ๋นเอ๋อร์”
ทั้งคู่ก้าวขึ้นรถม้าสกุลกวง ก่อนที่จะเคลื่อนตัวออกไปอย่างเชื่องช้า หายเข้าไปในความมืดมดยามค่ำคืน ดวงตาของต้วนเหนียงรู้สึกหนักอึ้งด้วยความง่วง เชียวอวิ๋นประคองใบหน้าของมารดาเลี้ยงให้พิงไหล่ของตนเอง
ตลอดสองข้างทางที่เริ่มเป็นป่า ทำให้เชียวอวิ๋นและผู้ติดตามทั้งหมดระวังตัวเป็นพิเศษ ศัตรูของพวกนางอาจไม่มี แต่ของสามีนั้นรอบด้านเลยก็ว่าได้
การที่นางไม่ยินยอมให้พ่อสามีออกมาส่งมารดารอง เพราะถ้าเกิดสิ่งใดขึ้นกับเขา นั่นอาจทำให้สามีของนางขาดสติ และมันจะส่งผลอีกมากต่อสกุลกวง
‘ไม่รู้ข้าแต่งงานมาเป็นองครักษ์ หรือแต่งมาเป็นเมียที่ควรอยู่สวย ๆ รวย ๆ เห้อ!’
หญิงสาวได้แต่ถอดถอนหายใจ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ต้องพบเจอ นับตั้งแต่ก้าวเข้าจวนสามีแล้ว แต่ทำอย่างไรได้ชีวิตเขาและนางแขวนไว้คู่กัน เขาตายนางก็ตายอยู่ดี หนีได้ก็จะนานสักแค่ไหนกัน แล้วทำไมต้องหนี ในเมื่อนางไม่ได้ทำสิ่งใดผิด
ถนนเส้นรอบเมือง อวิ๋นชีกำลังขับรถพร้อมเปิดเพลงเบา ๆ เธอพักร้อนยาวจากกองทัพ ซึ่งมันไม่ง่ายเลยสำหรับหน่วยรบพิเศษ และมีตำแหน่งสูงแบบเธอที่จะได้หยุดพักยาว ๆหญิงสาวเลือกที่จะไปหาครอบครัวที่อยู่นอกเมือง เพื่อใช้เวลาทั้งหมดกับพ่อแม่และน้องสาว ผู้พันสาวเอื้อมมือไปปิดเพลง เมื่อเห็นได้ถึงความผิดปกติจากรถคันหลัง“วันพักผ่อนของฉันแท้ ๆ”หญิงสาวเอื้อมไปหยิบปืนที่อยู่เบาะข้างคนขับ มาวางไว้บนตักเพื่อเป็นการไม่ประมาท ถึงเธอจะไม่ได้เปิดเผยเรื่องหน้าที่การงานให้ใครรู้มากนัก แต่จะว่าไปแล้วคนในมักมีเกลือเป็นหนอนตัวตนของเธออาจถูกเปิดเผย กับพวกธุรกิจสีมืดไปบ้างแล้วก็ได้ หญิงสาวเลือกที่จะเปลี่ยนเส้นทาง เพราะไม่อยากนำอันตรายไปหาครอบครัวและดูเหมือนกับว่าสิ่งที่เธอคิดอยู่นั้น จะเป็นเรื่องจริงเสียซะแล้ว เพราะรถสองคันด้านหลังเปลี่ยนทิศทางตามเธอมาติด ๆ ปิ๊ด! ปิ๊ด! ปิ๊ด! ปี๊ดดดด!!! เสียงแตรรถจากสั้น ๆ เปลี่ยนเป็นลากยาว เพื่อให้รถบรรทุกสองคันด้านหน้า ที่กำลังขับคู่กันมารู้ว่ามีรถอยู่ด้านหน้าตูม! โครม! ทว่ามันกลับไม่เป็นผล รถของผู้พันสาวหักหลบรถบรรทุกเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ตูม! รถบรรทุกหนึ่งใน
“เจ้าอยากเล่นสนุกก่อนสินะ สาวน้อย” ชายหนุ่มยิ้มอย่างคนนึกสนุก ก่อนจะใช้มืออีกข้างปลดมือของหญิงสาวออกอย่างช้า ๆ ยิ่งเมื่อเห็นสายตาของหญิงสาว แสดงออกถึงความท้าทาย ทั้งยังปล่อยให้เขาปลดมือนางออกอย่างว่าง่าย ร่างสูงก้าวคร่อมเหนือร่างหญิงสาว ก่อนที่จะก้มลงเพื่อหวังเชยชมความหอมหวานของสาวบริสุทธิ์ ปึก! ชายหนุ่มถึงกับใบหน้าเขียวคล้ำสลับขาวซีด เมื่อจุดลับถูกกระแทกอย่างแรง ด้วยเข่าของคนใต้ร่าง ชายหนุ่มเจ็บแค้นนัก จึงใช้มือคว้าเข้าที่ลำคอของหญิงสาว ก่อนจะออกแรงบีบด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว หญิงสาวจ้องเขม็งที่ใบหน้าของชายหนุ่มไม่คิดหลบ แม้ว่าอากาศที่เข้าไปในปอดจะน้อยนิดก็ตามที หญิงสาวรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ผั๊วะ! ฝ่ามือสองข้างตบเข้าที่หูทั้งสองของชายหนุ่ม โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทันคิดสิ่งใด นิ้วเรียวทิ่มเข้าที่หน่วยตาของเขาอย่างรวดเร็ว “อ๊าก!!!” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เรียกให้คนด้านนอกทั้งสี่รีบพุ่งเข้ามาข้างในอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นสภาพของสหาย ที่คดคู้อยู่กับพื้น ส่วนหญิงสาวที่คิดว่าสิ้นสติ กำลังยืนจังก้าพร้อมท่อนไ
“ขาวหรือดำเล่า” อวิ๋นชีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเนิบช้า ทว่ายังคงแหบแห้งอยู่มาก “ฮ่า ๆ ดี ๆ ข้าชอบความตรงไปตรงมาของเจ้านัก ตาแก่อย่างข้าเป็นผู้เรียนรู้ยาสมุนไพรและการต่อสู้พอได้ป้องกันตัว ไม่ชอบความดำมืดเพราะมันเหนื่อย ข้าเป็นคนขี้เกียจ” ชายวัยกลางคนตอบด้วยน้ำเสียงติดตลก “ถามแค่นิดเดียว ตอบเสียอ้อมขุนเขา” อวิ๋นชีพูดด้วยน้ำเสียงประชดก่อนจะคลี่ยิ้มน้อย คนตรงหน้านางน่ากลัวใช่เล่น เพราะคนที่มองทุกอย่างเหมือนเป็นเรื่องตลกขบขัน เท่าที่เธอเคยสัมผัสกับคนประเภทนี้ บอกเลยว่าเป็นคนที่มากด้วยเรื่องภายในใจ และถ้าลงมือเมื่อไหร่ไม่มีคำว่าปราณี “บ๊ะ! เจ้าเด็กคนนี้ พอพูดได้ก็วาจาเลาะร้ายเชียวนะ ตกลงเจ้าจะกราบข้าเป็นอาจารย์หรือไม่” “ศิษย์คารวะ ท่านอาจารย์” ร่างบางคุกเข่าลงประสานมือ เหมือนที่เคยเห็นในหนังย้อนยุค มีแค่คนโง่เท่านั้นที่จะปฏิเสธคนแบบนี้ได้ เธอขอเลือกก้มหัวเพื่ออยู่รอดในยามที่ตัวเองไร้เรี่ยวแรง ดีกว่าทำตัวผยองทั้งที่ไม่มีอะไรสู้ใครได้ ไม่ว่าตอนนี้จะเรื่องจริงหรือความฝัน สิ่งแรกต้องทำคือแสดงเป็นเจ้าของร่
คำถามของผู้เป็นอา หาได้ละมุนหูแม้แต่น้อย คนพวกนี้อาศัยเงินทองจากบิดาของนาง แต่กลับไม่เคยใยดีนางเท่าที่ควร สายตาที่เปลี่ยนไปของหลานสาว ทำให้เชียวหลางขมวดคิ้วจนชิดกัน เขากลับมาจากการค้า ก็ได้ยินว่าหลานสาวหนีออกไปเที่ยวเล่นยังไม่กลับบ้านมาหลายวัน แน่นอนว่าเขาย่อมต้องมีโทสะอยู่แล้ว แต่จากที่เขาเห็นในตอนนี้เห็นทีต้องสืบสาวราวเรื่องให้ดี หาไม่แล้วคงต้องมีเรื่องใหญ่โตเกิดข้นเป็นแน่ กระดาษกับพู่กันถูกนำมาให้แก่เชียวอวิ๋น เพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นแก่ผู้เป็นอา หญิงสาวมองเลยไปยังอาสะใภ้ ก่อนจะจรดปลายพู่กันเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นลงไปแน่นอนว่าก่อนกลับมา นางเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี พยานที่มีย่อมยากที่ใครจะชนะได้ เพราะตัวนางยังต้องก้มหัวให้แก่เขา หญิงสาวยื่นส่งกระดาษให้แก่ผู้เป็นอา ก่อนจะมองไปยังห่อผ้าที่อยู่บนพื้นตรงหน้าของสาวใช้เมื่อเห็นสายตาของคุณหนู สาวใช้รีบคว้าห่อผ้าแล้วซ่อนไว้ในแขนเสื้อ ทุกการกระทำหาได้รอดพ้นสายตาของเชียวหลาง เขาได้พยักหน้าให้แก่คนสนิทเข้าคุมตัวสาวใช้เอาไว้“เจ้ารู้หรือไม่ว่าบ่าวที่ละเลยต่อนาย จะต้องรับโทษเช่นไร”“นายท่านบ่าวมิได้ทำนะเจ
“เชิญท่านเจ้าเมืองทำตามกฎหมายเถอะขอรับ ข้าน้อยต้องขอตัวก่อน ชิงชิงไปกับพ่อ” เชียวหลางเอ่ยได้เพียงเท่านั้น ก็ได้คว้าแขนลูกสาวพากลับเข้าเรือน ปล่อยให้ภรรยาหวีดร้องด่าทอเขาอยู่ด้านหลัง สิ่งที่นางทำเขาไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนบ่าวไพร่เก่าแก่ที่นี่ก็มีมาก ทุกคนจะคิดอย่างไรที่ภรรยาเขาคิดจะสลับตัวลูกของตัวเองกับหลานสาว เพียงเพื่อให้ได้แต่งงานกับคนในราชวงศ์ โดยที่นางไม่รู้เลยว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซึ่งเขาไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ เพราะเป็นสิ่งที่พี่ชายกำชับมาเชียวอวิ๋นค้อมศีรษะให้แก่ท่านเจ้าเมือง เพื่อเป็นการขอบคุณ ก่อนจะเดินกลับไปยังเรือนของตนเอง โดยอาศัยความทรงจำเจ้าของร่างนำทาง เย็นนี้ท่านอาจารย์คงจะส่งสาวใช้คนใหม่มาให้นางและนับจากนี้ไปนางต้องทุ่มเทเวลา ศึกษาร่ำเรียนวิชาอย่างหนัก เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก นางไว้ใจใครไม่ได้เลยในจวนแห่งนี้ เพราะจากสายตาของผู้เป็นอาแล้ว มันไม่ยุติลงแค่นี้อย่างแน่นอนสามปีต่อมา เมืองหลวง ณ สกุลเชียว รถม้าจากจวนเชียเมืองฮั่วโจว ได้หยุดลงยังหน้าจวนสกุลเชียว ก่อนที่ชายหนุ่มในชุดสีเข้มสองคน จะก้าวมายืนรอ
“นางมีปากทำไมไม่พูดเองล่ะ อ่อ...ข้าลืมไปว่าปากนางมี แต่ไม่มีเสียงที่จะพูด ฮ่า ๆ” “จะมากเกินไปแล้วนะเจ้าคะ” “นังสวะ!” หมับ! ก่อนที่ฝ่ามือของเชียวเยี่ยนจะถึงใบหน้าของอี้หรู มือหยาบกร้านจากการจับอาวุธของเชียวอวิ๋น ได้คว้าจับข้อมือของน้องสาวเอาไว้แน่น พร้อมออกแรงบีบให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว แม้จะขัดใจอยู่บ้าง ที่ไม่อาจเอ่ยตอบโต้หรือสั่งสอนคนตรงหน้าได้ แต่นางมีความอดทนมากพอที่จะรอ และการรอมิได้แปลว่านางต้องนิ่งเฉยให้คนรังแก “เจ้าคิดจะทำร้ายข้าเช่นนั้นรึ!” “…” เชียวอวิ๋นยิ้มน้อย ๆ ทว่ามันกลับทำให้คนมองหนาวสะท้านไปทั้งกาย การอยู่ต่างเมืองไม่มีใครบอกได้ ว่าเชียวอวิ๋นพบเจอสิ่งใดมาบ้าง และการกระทำที่แสดงออก บอกชัดว่าพี่สาวของนางเลือกปกป้องสาวใช้ มากกว่าจะให้นางที่เป็นน้องสาว ลงโทษบ่าวปากดี “ทำสิ่งใดกัน!” เสียงกัมปนาทดังขึ้นจากทางเดินด้านหลัง ทำให้เชียวอวิ๋นจำต้องคลายมือออกอย่างใจเย็น นางไม่ได้ตื่นกลัวกับครอบครัวที่มิเห็นค่าของนางเท่าใดนัก ท่านเสนาบดีเชียวก้าวมาหยุดอยู่ข้างบุตรสาวคนร
“เจ้าไปพักเรือนกับย่านะ” ไท้ฮูหยินเลือกที่จะไม่สนใจเชียวเยี่ยน ทว่าเอ่ยชวนหลานสาวคนโตไปอยู่ร่วมเรือนแทน เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้งระหว่างอยู่ที่สกุลเชียว แม้ว่าสกุลกวงจะไม่อาจเทียบราชวงศ์ แต่ก็นับว่ามีอำนาจไม่น้อย หากเจ้าสาวของแม่ทัพกวงเฉินหนานเกิดอะไรขึ้น คงยากที่จะหาข้อแก้ตัวได้ เชียวอวิ๋นพยักหน้ารับน้อย ๆ ก่อนจะก้าวตามแรงจับจูงของหญิงชรา โดยไม่สนใจสายตาของพ่อแม่และพี่น้องคนอื่น ๆ วันนี้มันยังเป็นแค่น้ำจิ้ม ยังไม่ได้วางจานหลักลง ฉะนั้นนางไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ว่าพวกเขาอยากจะเห็นสิ่งใดจากนางเจ็ดวันถัดมา กลางดึก ณ กระท่อมชานเมือง หลังฉากกั้นสีเข้ม ร่างในชุดสีดำสนิทนั่งนิ่ง ฟังการสนทนาของผู้ร่วมประชุม ขุนนางหลายฝ่ายที่ทำการสนับสนุนสายเลือดราชวงศ์เดิม ได้รวมตัวกันเพื่อผลักดันให้มีการทวงคืนบัลลังก์ “อีกไม่เกินครึ่งปี องค์ชายก็พร้อมที่จะกลับมา ข้าหวังว่าพวกท่านทุกคนคงไม่ทำให้ข้ากับองค์ชายผิดหวัง” เสียงที่เปล่งออกมา ถูกดัดแปลงเสียจนยากจะบอกได้ว่าคนที่อยู่หลังม่าน เป็นชายหรือหญิง “นายท่านมิต้องกังวลไปขอรับ ตอนนี้แผนการของเรากำลังสำเร็จไปทีละขั้นแล้วขอรับ” “กวงเฉินหลางไม่ควรที่จะอยู่เมือ
อี้หรูเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้ามา หญิงสาวรอจนท่านแม่ทัพจากไป แล้วค่อยเข้ามาพบผู้เป็นนาย โดยให้ผู้ติดตามอีกสองคนเฝ้าดูความปลอดภัยอยู่ในเงามืดด้านนอก“หึ ๆ เจ้าก็ทำเสียเหมือนตัวข้าเป็นโจร ต้องดูลาดเลาก่อนออกปล้น” เชียวอวิ๋นเย้าอี้หรู ซึ่งนางพอใจกับความรอบคอบของอี้หรูยิ่งนัก นางไม่ต้องมีองครักษ์มากมาย แค่อี้หรูกับชายหนุ่มทั้งสองด้านนอกก็มากพอแล้ว “ว่าได้หรือเจ้าคะ สกุลแม่ทัพหูตาราวสับปะรด นี่เจ้าค่ะท่านผู้คุ้มร้านขายข่าวเพิ่งส่งมาเจ้าค่ะ” เชียวอวิ๋นรับจดหมายจากอี้หรู ก่อนจะคลี่กระดาษออกอ่านอย่างใจเย็น สายตาคู่งามไล่ไปตามตัวอักษรที่สั้นกระชับ แต่ครบถ้วนในสิ่งที่นางต้องรู้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง “เขาส่งคนไปแล้วใช่ไหม” “เจ้าค่ะ” “หมากกระดานนี้ไม่ยากไม่ง่ายเลยจริง ๆ” “ฮูหยินไม่เห็นต้องช่วยพวกเขาเลยนะเจ้าคะ” “เอาไว้เจ้าแต่งงานเข้าสกุลใหญ่ แล้วจะรู้ว่ามันยุ่งยากวุ่นวายแค่ไหน เขาตายข้าก็ต้องตาย ต่อให้ข้ามิได้ทำสิ่งใดผิดก็ตาม” “ใครว่าบ่าวคิดจะแต่งงาน บ่าวจะอยู่กับฮูหยินไป