เขาคิดว่าเธอคือความรัก แต่สำหรับเธอแล้วมันเป็นเพียงแค่การแก้แค้นเท่านั้น!!
더 보기“ฉันยอมรับนะคะว่าตอนแรกฉันทำไปเพราะต้องการที่จะแก้แค้น…” ปรางทิพย์ก้มหน้าไม่กล้าที่จะสบสายตากับชายหนุ่ม“แต่ตอนนี้ฉันเริ่มไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองแล้ว” หญิงสาวยังคงก้มหน้าก้มตาพูดออกมาเสียงเบา“หมายความว่ายังไงครับ” ไตรภพไม่เข้าใจในประโยคที่เธอพูดออกมาจึงเอ่ยถามต่อด้วยความสงสัย“เวลาที่ฉันได้อยู่กับคุณมันทำให้ฉันรู้สึกดีและมีความสุขอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน อีกอย่างฉันรู้สึกว่าฉันไม่ชอบเวลาที่คุณอยู่กับผู้หญิงคนอื่น” ปรางทิพย์อธิบายถึงแม้จะไม่พอใจกับภาพที่เห็น แต่อีกใจเธอก็ไม่อยากเสียไตรภพให้กับผู้หญิงคนอื่นเหมือนกัน“คุณจะบอกว่าคุณรักผมงั้นเหรอ” ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วถามด้วยท่าทางทะเล้น“เปล่าค่ะ ตอนนี้ฉันยังไม่มั่นใจในความรู้สึกตัวเองขนาดนั้น” ปรางทิพย์ปฏิเสธแบบอ้อมๆ ด้วยความไม่แน่ใจ เธอไม่รู้เลยว่าความรู้สึกที่เธอมีให้เขานั้นเรียกว่าอะไรกันแน่“แล้วต้องทำยังไงคุณถึงจะมั่นใจ” ไตรภพยังคงถามต่อ เพราะเขาเองก็รู้สึกดีกับเธอไม่ต่างจากที่เธอรู้สึก“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” ใบหน้าสวยส่ายหน้าไปมารัวๆ“แต่งงานกับผมไหม” ไตรภพเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบและท่าทางที่จริงจัง“อะไรนะ” ปรางทิพ
@บริษัทของไตรภพ“เป็นยังไงบ้าง พร้อมหรือเปล่า” ใบบัวถามขึ้นขณะที่เตชินทร์จอดรถอยู่ที่หน้าบริษัทของไตรภพซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายในครั้งนี้ปรางทิพย์ส่ายหน้ารัวๆ แทนคำตอบ ความมั่นใจที่มีก็เริ่มหายไปจนหมด“ไม่ต้องกลัวนะ” เตชินทร์พูดให้กำลังใจอีกคน“รู้สึกยังไงก็พูดออกมา ไม่ต้องคิดมากและไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น” ใบบัวยังคอยแนะนำและให้คำปรึกษาจนวินาทีสุดท้ายปรางทิพย์นั่งตัวตรงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเตรียมความพร้อม มือบางเอื้อมไปเปิดประตูรถก่อนจะก้าวลงจากรถ“สู้ๆ นะ” ใบบัวเลื่อนกระจกลงแล้วยกมือขึ้นสองนิ้วเพื่อให้กำลังใจปรางทิพย์ใบหน้าสวยยิ้มให้เพื่อนทั้งสองคนที่นั่งรออยู่ในรถ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินตรงเข้าไปยังบริษัทใหญ่โตทันทีตึกตัก ตึกตักเสียงหัวใจดวงน้อยเต้นถี่รัวและแรงขึ้นเมื่อเดินเข้ามาภายในบริษัทที่มีพนักงานหลายคนต่างจ้องมองมาที่เธอเป็นสายตาเดียวกัน“ติดต่อเรื่องอะไรคะ” พนักงานผู้หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้นขณะที่ปรางทิพย์เดินเข้ามาหยุดยังหน้าฝ่ายประสานงาน“มาหาคุณไตรภพค่ะ” ปรางทิพย์ตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ พยายามเก็บอาการเอาไว้ให้ดูปกติที่สุด“ได้นัดไว้หรือเปล่าคะ” หญิงสาววัยกลางคนถาม
หนึ่งเดือนต่อมาหลังจากที่ความจริงปรากฏและประวิทย์ถูกตำรวจจับไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ทุกคนต่างใช้ชีวิตกันแบบเงียบๆ ถึงแม้ความจริงทุกอย่างจะกระจ่างแน่ชัดแล้ว แต่ก็ยังคงต้องใช้เวลาเพื่อปรับตัวกับเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นปรางทิพย์เลือกที่จะเอางานมาทำที่บ้านและเอาแต่เก็บตัวไม่ยอมออกไปไหนตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาก๊อก!! ก๊อก!!เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานดังขึ้นทำให้ปรางทิพย์ต้องละสายตาจากงานที่อยู่ตรงหน้ามาสนใจเสียงที่อยู่ด้านนอกแทน“เข้ามาค่ะ” หญิงสาวเอ่ยอนุญาตพร้อมกับจ้องมองที่ประตู“ขอโทษที่รบกวนนะคะ คุณเตชินทร์กับคุณใบบัวมารอพบที่ห้องรับแขกค่ะ” แม่บ้านรายงานขึ้นมาด้วยความเกรงใจ เพราะเห็นปรางทิพย์ตั้งใจทำงานแบบนี้ทุกวัน“ค่ะ เดี๋ยวปรางออกไป”นานแล้วเหมือนกันที่ปรางทิพย์ไม่ได้เจอเพื่อนและไม่ได้ออกไปเจอใครเลย หรือแม้แต่โทรศัพท์เธอยังเปลี่ยนเบอร์ใหม่เพื่อที่จะหนีจากเรื่องราวต่างๆทางด้านเตชินทร์กับใบบัวก็นั่งรออยู่ภายในห้องรับแขก ทั้งสองคนคิดถึงและเป็นห่วงปรางทิพย์จึงได้ชวนกันมาหาที่บ้านหลังใหญ่“ทำไมถึงมาพร้อมกันได้เนี่ย” ปรางทิพย์ถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาภายในห้องรับแขกและเห็นว่าเตชิ
“โทรหาอากิ่งให้แม่หน่อยสิ” คุณหญิงหันไปบอกลูกสาวทันที เพราะเรื่องแบบนี้จะปล่อยไว้นานไม่ได้“ค่ะ” ปรางทิพย์ตอบพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะกดโทรหาคุณอากิ่งแก้วใช้เวลาไม่นานคุณอากิ่งแก้วก็เดินเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ ใบหน้าดูสดใสมีความสุข“คุณพี่มีเรื่องด่วนอะไรเหรอคะ” กิ่งแก้วเอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาข้างๆ พี่สะใภ้“ทำไมถึงต้องทำหน้าซีเรียสขนาดนี้คะ” กิ่งแก้วถามขึ้นอีกครั้ง แล้วมองหน้าคุณหญิงประไพพรรณกับปรางทิพย์ที่ดูเคร่งเครียดจนเกินไป“ปรางกับคุณแม่มีเรื่องสำคัญจะบอกอากิ่งค่ะ” ปรางทิพย์พยายามพูดอย่างใจเย็นและมีสติ“เรื่องอะไรเหรอ” กิ่งแก้วถามด้วยความสงสัย ในใจเริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมา ราวกับเป็นรางสังหรณ์อะไรบางอย่าง“ก่อนที่คุณแม่จะพูด ปรางอยากให้อากิ่งตั้งสติให้ดีก่อนนะคะ” ปรางทิพย์บอกพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะยื่นมือไปกุมมือของคุณอากิ่งแก้วเอาไว้เพื่อเป็นการให้กำลังใจจากนั้นคุณหญิงประไพพรรณก็เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กิ่งแก้วฟังอย่างละเอียดตามที่ปรางทิพย์เล่าให้ฟังกิ่งแก้วนั่งนิ่งด้วยหัวใจที่แตกสลาย เมื่อได้รู้ความจริงทั้งหมดทุกอย่าง ความรักที่เธอมีความสุขตอนนี้
ปรางทิพย์ถึงกับนิ่งไปเมื่อคุณหญิงประไพพรรณบอกเรื่องที่ท่านไปหาไตรภพให้เธอรู้ ร่างบางถึงกับทำหน้าเศร้าและนึกสงสารเขาขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก“คุณแม่ไม่น่าไปว่าเขาแบบนั้นเลยนะคะ” ปรางทิพย์พูดออกมาเสียงเบาด้วยความสงสารไตรภพ“ก็ลูกนั่นแหละที่ทำให้แม่ต้องทำแบบนี้ แต่ก็ดีเหมือนกันอัดอั้นอยากด่าคนมานานแล้ว ก็เลยถือโอกาสด่าซะเลย เพราะมันคนเดียวที่ทำให้ยัยโปรดต้องตาย” คุณหญิงประไพพรรณพูดออกมาเสียงเข็ง และแววตาก็เต็มไปด้วยความแค้นที่ไม่มีวันหายและไม่มีวันที่จะลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย“คุณแม่คะ…” ปรางทิพย์พูดออกมาเสียงเบา แววตาของเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยความเศร้า“มีอะไรเหรอลูก ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น” คุณหญิงประไพพรรณถึงกับตกใจเมื่อได้เห็นสีหน้าและท่าทางของลูกสาวที่แสดงออกมา“ถ้าผู้ชายคนนั้นเขาไม่ได้เป็นต้นเหตุหรือไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพี่โปรดล่ะคะ คุณแม่จะว่ายังไง” ปรางทิพย์เอ่ยถามคุณหญิงเสียงเศร้า“ไม่มีทาง!! ก็มีแค่มันคนเดียวที่อยู่ใกล้ชิดและสนิทกับยัยโปรดมากที่สุด ยังไงแม่ก็มั่นใจว่าเป็นมันแน่ๆ” คุณหญิงประไพพรรณยังคงพูดออกมาด้วยความโกรธแค้นที่มีอยู่ในใจ“ปรางว่าเรื่องนี้คุณแม่คงเข้าใจผิด
ในขณะเดียวกันคุณหญิงประไพพรรณก็ได้มายังบริษัทที่เป็นที่ทำงานของไตรภพ และคงไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ดีว่าจุดประสงค์ของคุณหญิงคืออะไร“สวัสดีค่ะ มาหาใครเหรอคะ” เลขาสาวสวยที่นั่งทำงานอยู่หน้าห้องเอ่ยถามตามหน้าที่“มาหาเจ้าของบริษัทที่ชื่อไตรภพ”คุณหญิงตอบกลับก่อนจะมองสำรวจการแต่งตัวของหญิงสาวที่ดูวาบหวิวและเซ็กซี่จนเกินไป ไม่เหมาะกับการใส่มาทำงานเลยสักนิด เพราะแต่งตัวแบบนี้สิได้ถึงได้มาทำงานกับไตรภพได้ คุณหญิงได้แต่คิดในใจ“สักครู่นะคะ” เลขาสาวเอ่ยบอกก่อนจะกดโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรรายงานเจ้านาย“เชิญด้านในค่ะ”เมื่อคุยกับเจ้านายเสร็จ หญิงสาวก็เดินไปเคาะประตูหน้าห้อง ก่อนจะเปิดประตูให้คุณหญิงเข้าไปในห้องทำงานใหญ่ไตรภพลุกขึ้นต้อนรับคุณหญิงประไพพรรณอย่างสุภาพก่อนที่จะเชิญให้ไปที่ห้องรับแขกของบริษัทที่ถูกตกแต่งไว้อย่างอลังการ ชายหนุ่มมองผู้หญิงวัยกลางคนที่ดูกระชับกระเฉงดวงตาคมวาววับของท่านทำเอาไตรภพถึงกับรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ได้เหมือนกัน“คุณหญิงมาถึงที่นี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” ไตรภพเอ่ยทางถามคุณหญิงประไพพรรณด้วยน้ำเสียงและท่าทางสุภาพ“ฉันมาเพราะเรื่องของลูกสาวฉัน” คุณหญิงประไพพรรณไม่ปล่อยให้ไตร
ทุกๆ เหตุการณ์ทุกๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดถูกบันทึกเอาไว้ในโน้ตบุ๊คส่วนตัวของโปรดปราน หรือแม้แต่ทุกครั้งที่โปรดปรานมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับคุณอาประวิทย์ โปรดปรานก็จะมาพิมพ์ความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้อย่างละเอียดในไฟล์ที่อยู่ในโน้ตบุ๊คเครื่องนี้ปรางทิพย์นั่งอ่านข้อมูลที่ถูกบันทึกเอาไว้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอข้อความที่โปรดปรานบันทึกเอาไว้ว่า…‘ฉันรู้ดีว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันผิด แต่ฉันก็รักอาวิทย์มากเช่นกัน รักมากจนบางทีฉันอาจจะลืมคิดถึงความเป็นจริงที่จะตามมาและอาจจะลืมนึกถึงความรู้สึกของคนอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวฉันด้วยถ้าหากว่าคุณอากิ่งแก้วรู้เรื่องนี้เข้าทุกอย่างจะต้องยุ่งยากวุ่นวายมากแค่ไหน ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง… แต่ในบางทีคุณอากิ่งแก้วอาจจะไม่กล้าที่จะโวยวายเรื่องนี้กับคุณแม่ก็ได้ เพราะถ้าหากว่าคุณแม่รู้เรื่องนี้ อาวิทย์คงต้องได้ออกไปจากบ้านและออกจากงานที่บริษัทอย่างแน่นอนซึ่งคุณอากิ่งแก้วคงต้องทนไม่ได้เหมือนกับที่ฉันต้องทนไม่ได้หากว่าฉันจะต้องใช้ชีวิตอยู่โดยที่ไม่มีอาวิทย์อาวิทย์ชดเชยส่วนที่ขาดของฉันได้อย่างเต็มที่ ฉันเองไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณอากิ่งแก้วถึงขาดอา
@บ้านหลังใหญ่ของปรางทิพย์ปรางทิพย์กลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยล้า ในหัวก็คิดถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันคืออะไรกันแน่ แล้วทั้งหมดนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของโปรดปรานหรือเปล่า เธอได้แต่คิดและสงสัยอยู่ภายในใจกับเรื่องทั้งหมดร่างบางเดินเข้ามาในห้องนอนของโปรดปรานด้วยความเหนื่อยล้า ห้องที่ไม่มีเจ้าของห้องอยู่แต่ทุกอย่างก็ยังถูกจัดไว้เหมือนเดิม เพราะคุณหญิงประไพพรรณนั้นยังทำใจกับการตายของลูกสาวไม่ได้ จึงสั่งให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดในห้องนี้อย่างสม่ำเสมอปรางทิพย์นั่งลงบนเตียงนอนกว้างอย่างครุ่นคิด เรื่องการตายของโปรดปรานมันต้องมีหลักฐานอะไรสักอย่างที่จะเป็นเบาะแสให้เธอได้ว่าต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อยู่เป็นแน่ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะหาหลักฐานนั้นได้จากที่ไหนร่างบางทำได้เพียงแค่นั่งมองไปรอบๆ ห้องนอนกว้าง พร้อมกับถอนหายใจยาวๆ ออกมา เพื่อหวังว่าจะทำให้ความเหนื่อยล้านั้นได้ระบายออกมาบ้างทว่าสายตาของปรางทิพย์ก็มองไปสะดุดกับโน้ตบุ๊คที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียงนอนของโปรดปราน เธอจึงรีบเดินตรงเข้าไปที่โน้ตบุ๊คเครื่องนั้นทันทีปรางทิพย์ตัดสินใจเปิดโน้ตบุ๊คขึ้นมา แล้วรีบค้นหาดูว่าจะม
หนึ่งเดือนต่อมา@ร้านกาแฟวันนี้เป็นวันที่ปรางทิพย์นัดกับนักสืบที่เธอได้ไปจ้างเอาไว้ เพื่อที่จะได้รู้ว่าเด็กผู้ชายที่คุณอาประวิทย์เดินจูงมือมานั้นคือใครถึงได้ดูสนิทสนมกันขนาดนั้น และเธอยังจะได้รู้อีกว่าคนอาประวิทย์เป็นคนดูแลเรื่องค่ารักษาโรงพยาบาลให้กับใครกันแน่ปรางทิพย์เลือกที่จะเจอกับนักสืบที่ร้านกาแฟร้านใหม่ ซึ่งเป็นร้านที่ค่อนข้างเงียบ ผู้คนไม่ค่อยวุ่นวายมากนัก เหมาะกับการคุยงานและคุยธุระส่วนตัวเป็นอย่างมากปรางทิพย์ร้อนใจรีบมานั่งรอนักสืบในร้านกาแฟก่อนเวลา วันนี้เธอมาคนเดียวเพราะใบบัวเพื่อนสนิทของเธอติดถ่ายแบบก็เลยไม่สามารถมาเป็นเพื่อนเธอได้เหมือนกับครั้งก่อน“สวัสดีครับ” เสียงทุ่มต่ำของภากรณ์ที่เป็นนักสืบที่เธอจ้างเอ่ยทักทายเมื่อมาถึงโต๊ะที่เธอนั่งรออยู่“สวัสดีค่ะ” ปรางทิพย์พูดออกมาเสียงเรียบใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หัวใจเต้นรัวอย่างบอกไม่ถูก“ขอโทษที่มาช้านะครับ” ภากรณ์ที่ทำหน้าที่นักสืบรีบกล่าวขอโทษออกมาทันที“ไม่เป็นไรค่ะ เชิญนั่งก่อนค่ะ” หญิงสาวบอกด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้จะพยายามเก็บความตื่นเต้นเอาไว้แล้วก็ตาม“ขอบคุณครับ” ภากรณ์เอ่ยขอบคุณตามมารยาท ก่อนจะนั่งลงเก้าอี
“โปรดท้องได้สองเดือนแล้วค่ะ” หญิงสาวใบหน้าสวยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางนิ่งเรียบ หลังจากที่เธอคิดทบทวนมาหลายวันแล้วว่าจะบอกเรื่องนี้กับเขาดีหรือเปล่า“ท้องเหรอ?” ชายวัยกลางคนถามย้ำออกมาอีกครั้งอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน“ใช่ค่ะ” หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้ายังคงยืนยันคำตอบเดิมพร้อมรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เมื่อเธอกำลังจะมีลูกกับผู้ชายที่เธอรัก“ไปเอาเด็กออกซะ!” น้ำเสียงและท่าทางดุดันออกมาจากปากผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของเด็กในท้อง“แต่ว่า…” หญิงสาวพูดออกมาเสียงเบาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอาบสองแก้มเนียน“โปรดต้องไปเอาเด็กออก เรื่องนี้จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด!!” ชายวัยกลางคนยังคงพูดเสียงแข็งและยืนยันคำพูดเดิม“แต่เขาเป็นลูกของเรานะคะ” โปรดปรานพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ความเจ็บปวดมันจุกอยู่ในอกจนเธอแทบจะพูดอะไรไม่ออก“แล้วโปรดจะไปบอกคุณหญิงว่ายังไง จะเดินเข้าไปบอกความจริงกับคุณหญิงเหรอ” ชายหนุ่มถามขึ้นเสียงดังโปรดปรานนิ่งไม่พูดอะไรออกมามีเพียงน้ำตาที่ยังคงไหลออกมาไม่ยอมหยุด“โปรดลองกลับไปคิดดูให้ดีนะ ถ้าทุกคนรู้เรื่องนี้แล้วคนในครอบครัวโปรดจะมองโปรดยังไง”สายต...
댓글