คุณแม่ทิ้งคุณพ่อไปตั้งแต่ตอนที่ไตรภพพึ่งจะได้สิบขวบเท่านั้นและมันเป็นปีที่เลวร้ายและทุกข์ทรมานมากสำหรับเขา เมื่อได้พบว่าครอบครัวของเขาไม่มีแม่อีกต่อไป เขาแทบจะไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ นอกจากวันก่อนที่คุณแม่จะไป คุณแม่กอดเขาไว้แน่น ซึ่งมันแน่นมากกว่าทุกครั้งทำให้เด็กในวัยรุ่นอย่างเขารู้สึกอึดอัดและรำคาญ จนเขาต้องดันคุณแม่เขาออกพร้อมกับถามคุณแม่ว่า…“แม่ร้องไห้ทำไมครับ” ไตรภพในวัยเด็กรู้สึกตกใจในความที่เป็นลูกผู้ชายและไม่คุ้นกับน้ำตาของผู้หญิงคนเป็นแม่“แม่ดีใจที่ได้เห็นลูกชายของแม่โตเป็นหนุ่มแล้ว” แม่พูดออกมาพร้อมทั้งน้ำตาแต่เขาเชื่อในสายตาตัวเองว่าคุณแม่ไม่ได้ดีใจอย่างที่บอกจริงๆ แต่คุณแม่กำลังเสียใจต่างหาก เมื่อเขากลับจากโรงเรียนจึงได้รู้ว่าคุณแม่นั้นได้จากคุณพ่อไปแล้ว…จากไปจนชั่วชีวิต…โดยที่คุณแม่ไปอยู่กับผู้ชายคนใหม่ที่ต่างประเทศ…เขาไม่เข้าใจผู้หญิงเลยสักนิด คุณพ่อรักคุณแม่มาก ไม่ว่าคุณแม่ต้องการอะไร คุณพ่อก็จะหามาให้คุณแม่หมดทุกอย่าง คุณพ่อไม่เจ้าชู้ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่เลยด้วยซ้ำการจากไปของคุณแม่ได้เอาชีวิตของคุณพ่อไปด้วย…และนั่นมันจึงทำให้เขาเกลียดคุณแม่ไปด้วย มันทำให้เขาไ
@ผับxxxปรางทิพย์เดินเข้ามาในผับก็พบกับผู้คนมากมายที่ต่างก็เข้ามาใช้บริการในผับแห่งนี้ ความสวยของเธอทำให้สายตาหลายคู่จ้องมองมาที่เธอ จนเธอรู้สึกเขินอาย นานแล้วที่เธอไม่ได้เข้ามาในสถานที่แบบนี้และครั้งนี้ก็ทำให้เธอทำตัวไม่ถูกกับสายตาที่มองมา ร่างบางจึงรีบเดินไปยังโต๊ะที่ไตรภพได้บอกเธอเอาไว้ทันทีเมื่อเดินมาถึงโต๊ะวีไอพีเก้าตามที่เขาบอก ก็เห็นว่ามีไตรภพนั่งรออยู่แล้วเมื่อไตรภพเห็นเธอเขาก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับเธอตามมารยาทและตามแบบอย่างของสุภาพบุรุษที่เขาทำกัน เพียงแค่เธอได้เห็นเขายืนขึ้นเท่านั้น เธอก็รู้แล้วว่าเขาคงนั่งรอเธออย่างใจจดใจจ่อ นี่ก็เท่ากับว่าเธอได้ชนะเขามาครึ่งทางแล้วผู้หญิงสมควรที่จะเรียนรู้ขีดจำกัดของความสามารถทางการใช้เสน่ห์ของตัวเองว่ามีมากแค่ไหนและสำหรับปรางทิพย์แล้วเธอจะพยายามใช้มันกับเขาอย่างไม่จำกัด“ขอโทษนะคะที่ทำให้รอ…” ปรางทิพย์นั่งลงตามที่เขาเลื่อนเก้าอี้ให้นั่งพร้อมกับพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม“ขอโทษทำไมครับ คุณไม่ได้มาสายสักหน่อยผมต่างหากที่ใจร้อนมารอคุณก่อนเวลา” ไตรภพพูดออกมาตามความเป็นจริง“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ร่างบางพูดออกมาด้วยท่าทางที่ดูเขินอาย“ก็มันเป็นไปแล้วหนิค
“คำถามแปลกๆ อย่างเช่นอะไรคะ” ปรางทิพย์ถามออกมาด้วยความสนใจทันที“อย่างเช่น… มีอยู่วันหนึ่งโปรดเขาถามผมว่า… ถ้าหากว่าเราทำผิดไปโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันส่งผลต่อคนรอบข้างอย่างหนัก แบบนี้จะถือว่าเราทำผิดได้ไหม” ไตรภพพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางจริงจัง“แล้วคุณตอบว่ายังไงคะ” ปรางทิพย์ยังคงถามต่อด้วยความสงสัย“ผมก็ตอบไปว่า… มันไม่ผิดหรอก แต่ถ้าเรารู้ว่าสิ่งนั้นมันผิดเราก็แค่อย่าไปทำซ้ำอีก เพราะถ้ารู้ว่าผิดแล้วเรายังทำซ้ำอีกก็แสดงว่าเราตั้งใจทำ” ร่างหนาอธิบายต่อด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น“คุณพูดมาแบบนั้น… แล้วพี่โปรดเขาว่ายังไงบ้างคะ” ปรางทิพย์ยังคงถามต่อด้วยความอยากรู้“โปรดเขาเงียบ… แล้วบอกผมว่า บางทีคนเราอาจจะต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำก็ได้” ไตรภพยังคงพูดออกมาด้วยท่าทางที่จริงจัง“เหรอคะ”ปรางทิพย์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย พร้อมกับมองหน้าไตรภพด้วยความแปลกใจ ไม่คิดเลยว่าพี่สาวของเธอจะไว้ใจไตรภพมากขนาดนี้“คุณคิดว่าผมกับโปรดคบหากันแบบไหนครับ”“ฉันไม่รู้ค่ะ”“เราเป็นแค่เพื่อนกัน คุณปรางเข้าใจคำว่าเพื่อนไหม ในสายตาของคนอื่นอาจจะคิดว่าผมเป็นพวกเสือผู้หญิง ชอบหลอกผู้หญิงไปเรื่อย แต่ผมเ
“ปรางไม่กล้ารักคุณหรอกค่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธออกมาตามความเป็นจริงปรางทิพย์เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้ไตรภพรู้สึกสนุกสนานและมีความสุขได้ เธอทำในสิ่งที่ผู้หญิงหลายๆ คนไม่เคยทำได้ นอกจากเรื่องนี้เธอก็ไม่ได้ดูพิเศษกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ เลยแม้แต่นิดเดียว“ทำไมล่ะครับ” ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากหญิงสาวตรงหน้าทำเอาชายหนุ่มเสียอาการจนแทบจะควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่อยู่“เราพึ่งจะรู้จักกันเองนะคะ” ปรางทิพย์เอาเรื่องเวลามาอ้างทันที เธอต้องห้ามใจตัวเองเอาไว้และพยายามนึกถึงเหตุผลที่เธอเข้าหาเขา เพื่อที่จะได้ตอกย้ำและบอกใจตัวเองไม่ให้หลงไปกับคำพูดของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้า“เวลาไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ” ไตรภพยังคงพยายามพูดเพื่อให้หญิงสาวตรงหน้ารับรู้ว่าเขาต้องการเธอมากแค่ไหน เพราะสำหรับเขาไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว“งั้นเราก็ทำความรู้จักและเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ ก่อนดีกว่านะคะ” หญิงสาวยิ้มสวยให้ชายหนุ่มตรงหน้า“แต่ว่า…” ไตรภพกำลังจะพูดขึ้นแต่ก็โดนอีกฝ่ายพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน“ปล่อยให้เวลาเป็นสิ่งพิสูจน์ดีกว่านะคะ” ร่างบางพยายามพูดเพื่อเอาตัวรอดจากเรื่องนี้“….” ชายหนุ่มถึงกับนิ
“ดีสิครับเดี๋ยวผมไปส่ง” ใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มที่มุมปากด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์และดีใจในเวลาเดียวกัน“ค่ะ” ปรางทิพย์ไม่มีทางเลือกอื่นจึงต้องพยักหน้าให้เขาไปส่งเธอผู้หญิงที่ไม่ชอบดื่มไม่ชอบเที่ยว พอได้มาลองดื่มแอลกอฮอล์ก็ถึงกับเสียอาการ เมาจนแทบจะไม่ได้สติอะไร“เชิญครับ” ไตรภพทำหน้าที่สุภาพบุรุษเปิดประตูรถยนต์คันหรูให้หญิงสาวได้เข้าไปนั่งด้านใน“ขอบคุณค่ะ” ปรางทิพย์เอ่ยขอบคุณด้วยสติที่เหลืออยู่อย่างน้อยนิดเมื่อไตรภพขับรถออกมาได้สักพักหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เผลอหลับไป ไม่ว่าเขาจะเรียกหรือปลุกยังไงเธอก็ไม่ยอมตื่นไตรภพจึงขับรถมาที่คอนโดตัวเองทันที เหยื่อติดกับดักแล้ว เสืออย่างเขาคงไม่ยอมปล่อยให้เหยื่อหลุดมือไปได้อย่างแน่นอน“ถึงแล้วครับ”ใช้เวลาไม่นานรถยนต์คันหรูก็มาจอดที่คอนโดใจกลางเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากผับ ไตรภพสะกิดหญิงสาวที่นอนหลับอยู่เพื่อให้เธอรู้สึกตัว“อือออ” คนตัวเล็กอู้อี้อยู่ในลำคอ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรแขนแกร่งโอบอุ้มคนตัวเล็กขึ้นไปบนห้องอย่างไม่รีรอ ร่างกายร้อนรุ่มเมื่อได้สัมผัสกับเรือนร่างขาวเนียนพนักงานสาวสวยที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ต่างจ้องมองที่ไตรภพด้วยความสงสัย เมื่อเขาเดิน
เช้าวันต่อมา@บ้านของปรางทิพย์เตชินทร์ที่พยายามติดต่อปรางทิพย์อยู่หลายครั้ง และไม่ว่าเขาจะโทรหาเธอกี่ครั้งเธอก็ไม่รับสาย เขารู้สึกเป็นห่วงเธอขึ้นมา จึงต้องรีบขับรถมาหาเธอถึงที่บ้านทันทีเมื่อเตชินทร์ขับรถมาถึงบ้านหลังใหญ่ของปรางทิพย์ ชายหนุ่มก็รีบเดินเข้าไปภายในบ้านของเธอด้วยท่าทางเร่งรีบราวกับมีเรื่องด่วนอะไร“ปรางอยู่บ้านไหมครับ”เตชินทร์เดินเข้าไปภายในบ้านก็ได้เจอกับแม่บ้านจึงรีบเอ่ยถามแม่บ้านออกมาเสียงดังด้วยความสงสัย เพราะเขาโทรหาเธอเกือบร้อยสายแต่ก็ไม่มีใครรับสายเลย“อยู่ค่ะ… แต่ว่าคุณปรางยังไม่ตื่นค่ะ” ป้าแม่บ้านก็ตอบออกมาเสียงสั่น เพราะกลัวในท่าทางของเตชินทร์ที่ดูจะเป็นห่วงปรางทิพย์มากเกินไป“ว่ายังไงนะครับ” เตชินทร์ถึงกับตกใจเมื่อได้รู้ว่าหญิงสาวยังไม่ตื่น ปกติปรางทิพย์ไม่ใช่คนที่จะตื่นสายขนาดนี้ เขาจึงรีบทวนคำตอบซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง“คุณปรางยังไม่ตื่นค่ะ… เดี๋ยวป้าไปตามคุณปรางให้นะคะ” ป้าแม่บ้านก็สงสัยไม่แพ้เตชินทร์ เพราะปรางทิพย์ไม่เคยตื่นสายแบบนี้มาก่อน ป้าแม่บ้านจึงอาสาจะไปตามปรางทิพย์ที่ห้องนอนให้เตชินทร์ยืนมองป้าแม่บ้านที่กำลังเดินขึ้นบันไดเพื่อไปตามปรางทิพย์ ก่อนที่เขาจ
สองอาทิตย์ต่อมาหลังจากที่ปรางทิพย์รีบไล่ให้เตชินทร์กลับบ้านในวันนั้น เธอก็ไม่ได้เจอหรือคุยกับเตชินทร์อีกเลย วันนี้เธอก็เลยโทรนัดกับเตชินทร์ไปทานข้าวด้วยกันในตอนเที่ยง เพื่อเป็นการไถ่โทษเตชินทร์ในวันนั้น“เตอยู่ไหน” ปรางทิพย์ถามขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าเตชินทร์นั้นรับสายแล้ว(เตอยู่โรงพยาบาล ปรางมีอะไรหรือเปล่า) เตชินทร์ที่อยู่ในสายก็ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจ เพียงแค่เห็นเธอโทรมาเขาก็มีความสุขแล้ว“ตอนเที่ยงเตว่างหรือเปล่า” ปรางทิพย์รีบถามเข้าเรื่องทันที(ทำไมเหรอ) คนในสายเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย“ไปทานข้าวกันไหม” หญิงสาวเอ่ยชวนทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เพราะตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว(ไปสิ… ว่าแต่ปรางอารมณ์ไหนเนี่ยถึงได้โทรมาชวนเตไปทานข้าว) เตชินทร์ถึงกับสงสัยที่อยู่ๆ ปรางทิพย์ก็โทรมาชวนเขาไปกินข้าวแบบนี้“ก็วันนั้นปรางบอกแล้วไงว่าเราจะนัดทานข้าวกันอะ” ปรางทิพย์เอ่ยบอกอย่างรู้สึกผิดเมื่อถึงวันที่เธอไล่ให้เขากลับ(งั้นปรางเข้ามาหาเตที่โรงบาลก่อนนะ เตขอเคลียร์งานก่อนแล้วค่อยออกไปทานข้าวด้วยกัน) เตชินทร์ที่ยังเคลียร์งานไม่เสร็จจึงหาวิธีให้เธอมาหา“โอเค… แล้วเจอกันนะ” ปรางทิพย์ตอบตกลงท
หนึ่งเดือนต่อมาหลังจากที่ปรางทิพย์ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับไตรภพในวันนั้น… เธอก็ไม่ได้คุยหรือติดต่ออะไรกับเขาอีกเลย จนกระทั่งมาถึงวันนี้ก็ผ่านมาเกือบจะสองเดือนแล้ว ซึ่งไตรภพก็พยายามติดต่อเธอมาโดยตลอด ทั้งโทรทั้งแชททั้งส่งข้อความ แต่เธอก็ไม่ยอมรับสายและไม่ยอมตอบกลับข้อความเขาเลยสักครั้งครืด~ ครืด~“สวัสดีค่ะ…” ปรางทิพย์พูดออกมาเสียงเรียบเมื่อกดรับสายโทรศัพท์และเห็นว่าเป็นไตรภพที่โทรมา(สวัสดีครับ… ทำไมคุณถึงหนีผมขนาดนี้ด้วยล่ะครับ) ทันทีที่ได้ยินเสียงของปรางทิพย์ ไตรภพก็รีบถามขึ้นมาทันที“ฉันไม่ได้หนีค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น(แล้วทำไมถึงไม่รับสายผมเลยล่ะครับ)ไตรภพยังคงถามต่อด้วยความรู้สึกน้อยใจ เพราะถ้าหากเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาคงไม่ตามแบบนี้อย่างแน่นอน และส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงมากกว่าที่คอยตามเขาหลังจากที่ผ่านความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกันมา“ช่วงนี้ฉันงานยุ่ง ต้องขอโทษด้วยนะคะ” ปรางทิพย์ยังคงพูดอ้างเรื่องเดิมๆ(ออกมาเจอผมหน่อยได้ไหมครับ) ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงอ้อน เพราะเขาคิดถึงและอยากจะเจอเธอแทบจะขาดใจ“ตอนเย็นได้ไหมคะ ฉันขอเคลียร์งานก่อน” หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานาน ปรางทิพ
“ฉันยอมรับนะคะว่าตอนแรกฉันทำไปเพราะต้องการที่จะแก้แค้น…” ปรางทิพย์ก้มหน้าไม่กล้าที่จะสบสายตากับชายหนุ่ม“แต่ตอนนี้ฉันเริ่มไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองแล้ว” หญิงสาวยังคงก้มหน้าก้มตาพูดออกมาเสียงเบา“หมายความว่ายังไงครับ” ไตรภพไม่เข้าใจในประโยคที่เธอพูดออกมาจึงเอ่ยถามต่อด้วยความสงสัย“เวลาที่ฉันได้อยู่กับคุณมันทำให้ฉันรู้สึกดีและมีความสุขอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน อีกอย่างฉันรู้สึกว่าฉันไม่ชอบเวลาที่คุณอยู่กับผู้หญิงคนอื่น” ปรางทิพย์อธิบายถึงแม้จะไม่พอใจกับภาพที่เห็น แต่อีกใจเธอก็ไม่อยากเสียไตรภพให้กับผู้หญิงคนอื่นเหมือนกัน“คุณจะบอกว่าคุณรักผมงั้นเหรอ” ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วถามด้วยท่าทางทะเล้น“เปล่าค่ะ ตอนนี้ฉันยังไม่มั่นใจในความรู้สึกตัวเองขนาดนั้น” ปรางทิพย์ปฏิเสธแบบอ้อมๆ ด้วยความไม่แน่ใจ เธอไม่รู้เลยว่าความรู้สึกที่เธอมีให้เขานั้นเรียกว่าอะไรกันแน่“แล้วต้องทำยังไงคุณถึงจะมั่นใจ” ไตรภพยังคงถามต่อ เพราะเขาเองก็รู้สึกดีกับเธอไม่ต่างจากที่เธอรู้สึก“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” ใบหน้าสวยส่ายหน้าไปมารัวๆ“แต่งงานกับผมไหม” ไตรภพเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบและท่าทางที่จริงจัง“อะไรนะ” ปรางทิพ
@บริษัทของไตรภพ“เป็นยังไงบ้าง พร้อมหรือเปล่า” ใบบัวถามขึ้นขณะที่เตชินทร์จอดรถอยู่ที่หน้าบริษัทของไตรภพซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายในครั้งนี้ปรางทิพย์ส่ายหน้ารัวๆ แทนคำตอบ ความมั่นใจที่มีก็เริ่มหายไปจนหมด“ไม่ต้องกลัวนะ” เตชินทร์พูดให้กำลังใจอีกคน“รู้สึกยังไงก็พูดออกมา ไม่ต้องคิดมากและไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น” ใบบัวยังคอยแนะนำและให้คำปรึกษาจนวินาทีสุดท้ายปรางทิพย์นั่งตัวตรงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเตรียมความพร้อม มือบางเอื้อมไปเปิดประตูรถก่อนจะก้าวลงจากรถ“สู้ๆ นะ” ใบบัวเลื่อนกระจกลงแล้วยกมือขึ้นสองนิ้วเพื่อให้กำลังใจปรางทิพย์ใบหน้าสวยยิ้มให้เพื่อนทั้งสองคนที่นั่งรออยู่ในรถ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินตรงเข้าไปยังบริษัทใหญ่โตทันทีตึกตัก ตึกตักเสียงหัวใจดวงน้อยเต้นถี่รัวและแรงขึ้นเมื่อเดินเข้ามาภายในบริษัทที่มีพนักงานหลายคนต่างจ้องมองมาที่เธอเป็นสายตาเดียวกัน“ติดต่อเรื่องอะไรคะ” พนักงานผู้หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้นขณะที่ปรางทิพย์เดินเข้ามาหยุดยังหน้าฝ่ายประสานงาน“มาหาคุณไตรภพค่ะ” ปรางทิพย์ตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ พยายามเก็บอาการเอาไว้ให้ดูปกติที่สุด“ได้นัดไว้หรือเปล่าคะ” หญิงสาววัยกลางคนถาม
หนึ่งเดือนต่อมาหลังจากที่ความจริงปรากฏและประวิทย์ถูกตำรวจจับไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ทุกคนต่างใช้ชีวิตกันแบบเงียบๆ ถึงแม้ความจริงทุกอย่างจะกระจ่างแน่ชัดแล้ว แต่ก็ยังคงต้องใช้เวลาเพื่อปรับตัวกับเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นปรางทิพย์เลือกที่จะเอางานมาทำที่บ้านและเอาแต่เก็บตัวไม่ยอมออกไปไหนตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาก๊อก!! ก๊อก!!เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานดังขึ้นทำให้ปรางทิพย์ต้องละสายตาจากงานที่อยู่ตรงหน้ามาสนใจเสียงที่อยู่ด้านนอกแทน“เข้ามาค่ะ” หญิงสาวเอ่ยอนุญาตพร้อมกับจ้องมองที่ประตู“ขอโทษที่รบกวนนะคะ คุณเตชินทร์กับคุณใบบัวมารอพบที่ห้องรับแขกค่ะ” แม่บ้านรายงานขึ้นมาด้วยความเกรงใจ เพราะเห็นปรางทิพย์ตั้งใจทำงานแบบนี้ทุกวัน“ค่ะ เดี๋ยวปรางออกไป”นานแล้วเหมือนกันที่ปรางทิพย์ไม่ได้เจอเพื่อนและไม่ได้ออกไปเจอใครเลย หรือแม้แต่โทรศัพท์เธอยังเปลี่ยนเบอร์ใหม่เพื่อที่จะหนีจากเรื่องราวต่างๆทางด้านเตชินทร์กับใบบัวก็นั่งรออยู่ภายในห้องรับแขก ทั้งสองคนคิดถึงและเป็นห่วงปรางทิพย์จึงได้ชวนกันมาหาที่บ้านหลังใหญ่“ทำไมถึงมาพร้อมกันได้เนี่ย” ปรางทิพย์ถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาภายในห้องรับแขกและเห็นว่าเตชิ
“โทรหาอากิ่งให้แม่หน่อยสิ” คุณหญิงหันไปบอกลูกสาวทันที เพราะเรื่องแบบนี้จะปล่อยไว้นานไม่ได้“ค่ะ” ปรางทิพย์ตอบพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะกดโทรหาคุณอากิ่งแก้วใช้เวลาไม่นานคุณอากิ่งแก้วก็เดินเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ ใบหน้าดูสดใสมีความสุข“คุณพี่มีเรื่องด่วนอะไรเหรอคะ” กิ่งแก้วเอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาข้างๆ พี่สะใภ้“ทำไมถึงต้องทำหน้าซีเรียสขนาดนี้คะ” กิ่งแก้วถามขึ้นอีกครั้ง แล้วมองหน้าคุณหญิงประไพพรรณกับปรางทิพย์ที่ดูเคร่งเครียดจนเกินไป“ปรางกับคุณแม่มีเรื่องสำคัญจะบอกอากิ่งค่ะ” ปรางทิพย์พยายามพูดอย่างใจเย็นและมีสติ“เรื่องอะไรเหรอ” กิ่งแก้วถามด้วยความสงสัย ในใจเริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมา ราวกับเป็นรางสังหรณ์อะไรบางอย่าง“ก่อนที่คุณแม่จะพูด ปรางอยากให้อากิ่งตั้งสติให้ดีก่อนนะคะ” ปรางทิพย์บอกพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะยื่นมือไปกุมมือของคุณอากิ่งแก้วเอาไว้เพื่อเป็นการให้กำลังใจจากนั้นคุณหญิงประไพพรรณก็เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กิ่งแก้วฟังอย่างละเอียดตามที่ปรางทิพย์เล่าให้ฟังกิ่งแก้วนั่งนิ่งด้วยหัวใจที่แตกสลาย เมื่อได้รู้ความจริงทั้งหมดทุกอย่าง ความรักที่เธอมีความสุขตอนนี้
ปรางทิพย์ถึงกับนิ่งไปเมื่อคุณหญิงประไพพรรณบอกเรื่องที่ท่านไปหาไตรภพให้เธอรู้ ร่างบางถึงกับทำหน้าเศร้าและนึกสงสารเขาขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก“คุณแม่ไม่น่าไปว่าเขาแบบนั้นเลยนะคะ” ปรางทิพย์พูดออกมาเสียงเบาด้วยความสงสารไตรภพ“ก็ลูกนั่นแหละที่ทำให้แม่ต้องทำแบบนี้ แต่ก็ดีเหมือนกันอัดอั้นอยากด่าคนมานานแล้ว ก็เลยถือโอกาสด่าซะเลย เพราะมันคนเดียวที่ทำให้ยัยโปรดต้องตาย” คุณหญิงประไพพรรณพูดออกมาเสียงเข็ง และแววตาก็เต็มไปด้วยความแค้นที่ไม่มีวันหายและไม่มีวันที่จะลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย“คุณแม่คะ…” ปรางทิพย์พูดออกมาเสียงเบา แววตาของเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยความเศร้า“มีอะไรเหรอลูก ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น” คุณหญิงประไพพรรณถึงกับตกใจเมื่อได้เห็นสีหน้าและท่าทางของลูกสาวที่แสดงออกมา“ถ้าผู้ชายคนนั้นเขาไม่ได้เป็นต้นเหตุหรือไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพี่โปรดล่ะคะ คุณแม่จะว่ายังไง” ปรางทิพย์เอ่ยถามคุณหญิงเสียงเศร้า“ไม่มีทาง!! ก็มีแค่มันคนเดียวที่อยู่ใกล้ชิดและสนิทกับยัยโปรดมากที่สุด ยังไงแม่ก็มั่นใจว่าเป็นมันแน่ๆ” คุณหญิงประไพพรรณยังคงพูดออกมาด้วยความโกรธแค้นที่มีอยู่ในใจ“ปรางว่าเรื่องนี้คุณแม่คงเข้าใจผิด
ในขณะเดียวกันคุณหญิงประไพพรรณก็ได้มายังบริษัทที่เป็นที่ทำงานของไตรภพ และคงไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ดีว่าจุดประสงค์ของคุณหญิงคืออะไร“สวัสดีค่ะ มาหาใครเหรอคะ” เลขาสาวสวยที่นั่งทำงานอยู่หน้าห้องเอ่ยถามตามหน้าที่“มาหาเจ้าของบริษัทที่ชื่อไตรภพ”คุณหญิงตอบกลับก่อนจะมองสำรวจการแต่งตัวของหญิงสาวที่ดูวาบหวิวและเซ็กซี่จนเกินไป ไม่เหมาะกับการใส่มาทำงานเลยสักนิด เพราะแต่งตัวแบบนี้สิได้ถึงได้มาทำงานกับไตรภพได้ คุณหญิงได้แต่คิดในใจ“สักครู่นะคะ” เลขาสาวเอ่ยบอกก่อนจะกดโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรรายงานเจ้านาย“เชิญด้านในค่ะ”เมื่อคุยกับเจ้านายเสร็จ หญิงสาวก็เดินไปเคาะประตูหน้าห้อง ก่อนจะเปิดประตูให้คุณหญิงเข้าไปในห้องทำงานใหญ่ไตรภพลุกขึ้นต้อนรับคุณหญิงประไพพรรณอย่างสุภาพก่อนที่จะเชิญให้ไปที่ห้องรับแขกของบริษัทที่ถูกตกแต่งไว้อย่างอลังการ ชายหนุ่มมองผู้หญิงวัยกลางคนที่ดูกระชับกระเฉงดวงตาคมวาววับของท่านทำเอาไตรภพถึงกับรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ได้เหมือนกัน“คุณหญิงมาถึงที่นี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” ไตรภพเอ่ยทางถามคุณหญิงประไพพรรณด้วยน้ำเสียงและท่าทางสุภาพ“ฉันมาเพราะเรื่องของลูกสาวฉัน” คุณหญิงประไพพรรณไม่ปล่อยให้ไตร
ทุกๆ เหตุการณ์ทุกๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดถูกบันทึกเอาไว้ในโน้ตบุ๊คส่วนตัวของโปรดปราน หรือแม้แต่ทุกครั้งที่โปรดปรานมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับคุณอาประวิทย์ โปรดปรานก็จะมาพิมพ์ความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้อย่างละเอียดในไฟล์ที่อยู่ในโน้ตบุ๊คเครื่องนี้ปรางทิพย์นั่งอ่านข้อมูลที่ถูกบันทึกเอาไว้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอข้อความที่โปรดปรานบันทึกเอาไว้ว่า…‘ฉันรู้ดีว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันผิด แต่ฉันก็รักอาวิทย์มากเช่นกัน รักมากจนบางทีฉันอาจจะลืมคิดถึงความเป็นจริงที่จะตามมาและอาจจะลืมนึกถึงความรู้สึกของคนอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวฉันด้วยถ้าหากว่าคุณอากิ่งแก้วรู้เรื่องนี้เข้าทุกอย่างจะต้องยุ่งยากวุ่นวายมากแค่ไหน ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง… แต่ในบางทีคุณอากิ่งแก้วอาจจะไม่กล้าที่จะโวยวายเรื่องนี้กับคุณแม่ก็ได้ เพราะถ้าหากว่าคุณแม่รู้เรื่องนี้ อาวิทย์คงต้องได้ออกไปจากบ้านและออกจากงานที่บริษัทอย่างแน่นอนซึ่งคุณอากิ่งแก้วคงต้องทนไม่ได้เหมือนกับที่ฉันต้องทนไม่ได้หากว่าฉันจะต้องใช้ชีวิตอยู่โดยที่ไม่มีอาวิทย์อาวิทย์ชดเชยส่วนที่ขาดของฉันได้อย่างเต็มที่ ฉันเองไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณอากิ่งแก้วถึงขาดอา
@บ้านหลังใหญ่ของปรางทิพย์ปรางทิพย์กลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยล้า ในหัวก็คิดถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันคืออะไรกันแน่ แล้วทั้งหมดนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของโปรดปรานหรือเปล่า เธอได้แต่คิดและสงสัยอยู่ภายในใจกับเรื่องทั้งหมดร่างบางเดินเข้ามาในห้องนอนของโปรดปรานด้วยความเหนื่อยล้า ห้องที่ไม่มีเจ้าของห้องอยู่แต่ทุกอย่างก็ยังถูกจัดไว้เหมือนเดิม เพราะคุณหญิงประไพพรรณนั้นยังทำใจกับการตายของลูกสาวไม่ได้ จึงสั่งให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดในห้องนี้อย่างสม่ำเสมอปรางทิพย์นั่งลงบนเตียงนอนกว้างอย่างครุ่นคิด เรื่องการตายของโปรดปรานมันต้องมีหลักฐานอะไรสักอย่างที่จะเป็นเบาะแสให้เธอได้ว่าต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อยู่เป็นแน่ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะหาหลักฐานนั้นได้จากที่ไหนร่างบางทำได้เพียงแค่นั่งมองไปรอบๆ ห้องนอนกว้าง พร้อมกับถอนหายใจยาวๆ ออกมา เพื่อหวังว่าจะทำให้ความเหนื่อยล้านั้นได้ระบายออกมาบ้างทว่าสายตาของปรางทิพย์ก็มองไปสะดุดกับโน้ตบุ๊คที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียงนอนของโปรดปราน เธอจึงรีบเดินตรงเข้าไปที่โน้ตบุ๊คเครื่องนั้นทันทีปรางทิพย์ตัดสินใจเปิดโน้ตบุ๊คขึ้นมา แล้วรีบค้นหาดูว่าจะม
หนึ่งเดือนต่อมา@ร้านกาแฟวันนี้เป็นวันที่ปรางทิพย์นัดกับนักสืบที่เธอได้ไปจ้างเอาไว้ เพื่อที่จะได้รู้ว่าเด็กผู้ชายที่คุณอาประวิทย์เดินจูงมือมานั้นคือใครถึงได้ดูสนิทสนมกันขนาดนั้น และเธอยังจะได้รู้อีกว่าคนอาประวิทย์เป็นคนดูแลเรื่องค่ารักษาโรงพยาบาลให้กับใครกันแน่ปรางทิพย์เลือกที่จะเจอกับนักสืบที่ร้านกาแฟร้านใหม่ ซึ่งเป็นร้านที่ค่อนข้างเงียบ ผู้คนไม่ค่อยวุ่นวายมากนัก เหมาะกับการคุยงานและคุยธุระส่วนตัวเป็นอย่างมากปรางทิพย์ร้อนใจรีบมานั่งรอนักสืบในร้านกาแฟก่อนเวลา วันนี้เธอมาคนเดียวเพราะใบบัวเพื่อนสนิทของเธอติดถ่ายแบบก็เลยไม่สามารถมาเป็นเพื่อนเธอได้เหมือนกับครั้งก่อน“สวัสดีครับ” เสียงทุ่มต่ำของภากรณ์ที่เป็นนักสืบที่เธอจ้างเอ่ยทักทายเมื่อมาถึงโต๊ะที่เธอนั่งรออยู่“สวัสดีค่ะ” ปรางทิพย์พูดออกมาเสียงเรียบใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หัวใจเต้นรัวอย่างบอกไม่ถูก“ขอโทษที่มาช้านะครับ” ภากรณ์ที่ทำหน้าที่นักสืบรีบกล่าวขอโทษออกมาทันที“ไม่เป็นไรค่ะ เชิญนั่งก่อนค่ะ” หญิงสาวบอกด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้จะพยายามเก็บความตื่นเต้นเอาไว้แล้วก็ตาม“ขอบคุณครับ” ภากรณ์เอ่ยขอบคุณตามมารยาท ก่อนจะนั่งลงเก้าอี