@ร้านอาหาร
ปกติไตรภพไม่ชอบผู้หญิงใส่ชุดดำ ถึงแม้จะเป็นสีที่ผู้หญิงส่วนใหญ่นิยมใส่กันก็ตาม แต่สำหรับเขาแล้วสีดำเป็นสีที่ทำให้จิตใจหดหู่และทำให้ชีวิตดูเศร้าหมองกว่าทุกสี
ทว่าสำหรับคืนนี้แล้วกลับไม่ใช่ เมื่อเขาได้เห็นหญิงสาวอยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำรัดรูปที่สั้นเหนือเข่าขึ้นมาทำให้เห็นเรือนร่างที่ดูสมสัดส่วนของเธอ และในตอนนี้ยิ่งทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากขึ้น
“สวัสดีค่ะ” ปรางทิพย์เอ่ยทักทายชายหนุ่มก่อนจะนั่งลงอีกฝั่งที่อยู่ตรงข้าม
ริมฝีปากสีแดงระเรื่อและใบหน้าสวยที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางสีชมพูอ่อน ทำให้ทุกอย่างดูสวยและลงตัวไปหมด เหมือนกับไม่ใช่ผู้หญิงคนเดิมที่เขาเคยเจอที่สระว่ายน้ำในครั้งแรกที่เห็น
“คุณปรางสวยมากเลยครับ” ไตรภพเอ่ยชมหญิงสาวออกมาตามความเป็นจริง
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวานออกมาเมื่อได้รับคำชม
ปรางทิพย์เป็นผู้หญิงที่สวยและดูดีมาก เธอแต่งตัวได้เหมาะสมลงตัวกันอย่างพอดีไม่มีที่ติ ซึ่งทำให้ไตรภพพอใจในตัวเธอเป็นอย่างมาก เธอดูมุ่งมั่นตั้งใจและมีความมั่นใจในตัวเองสูง ไม่ว่าเขาจะมองเธอนานแค่ไหนก็ไม่รู้สึกเบื่อเลยสักนิด
แต่เมื่อพูดถึงโปรดปราน… เขาจะรู้สึกได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าทะนุถนอมและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน ถึงเธอจะมีคุณแม่เป็นนักธุรกิจที่เก่งก็จริงแต่โปรดปรานก็ไม่ได้ส่วนนั้นมาจากคุณแม่เลยสักนิด
อาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้คุณหญิงประไพพรรณพยายามหาทางให้เธอได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ สักคนที่จะสามารถดูแลชีวิตของเธอไปได้ตลอด
แต่โปรดปรานกลับโชคร้ายที่ไม่มีใครสามารถพาเธอไปจนถึงความฝันนั้นได้ เพราะเธอเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับลูกในท้องด้วยความตายเสียก่อน
“คิดอะไรอยู่เหรอคะ?” ปรางทิพย์เอ่ยถามออกมาทันทีเมื่อเห็นเขามองเธอแล้วดูนิ่งไป
“เปล่าครับ คือผมกำลังนึกถึงพี่สาวของคุณอยู่” ชายหนุ่มพูดออกมาเสียงเรียบ
“ยังไงเหรอคะ?” ปรางทิพย์ยังคงถามต่อด้วยความสงสัยและอยากรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรเกี่ยวกับพี่สาวของเธออยู่
“เธอเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งเลยนะครับ เธอสวยอ่อนหวานแต่ไม่น่าที่จะมาอายุสั้นแบบนี้เลย” ชายหนุ่มพูดออกมาพร้อมกับหน้าตาและท่าทางที่ดูเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
ปรางทิพย์แสยะยิ้มออกมาทันที เมื่อได้เห็นสิ่งที่เขาแสดงออกมา เธอไม่ต้องการที่จะได้ยินเขาพูดชมพี่สาวของเธอ เพราะเธอรู้ดีว่าเขากำลังเสแสร้งแกล้งเล่นละครเพื่อหลอกให้เธอเชื่อในสิ่งที่เขากำลังแสดงออกมา แต่เธอก็ไม่ได้โง่ที่จะเชื่อเขาขนาดนั้น
ไตรภพคงกำลังคิดว่าตัวเองเป็นคนดีและมีเสน่ห์มากจนสามารถที่จะทำให้เธอสามารถมองเห็นผิดเป็นถูกได้ มันช่างเป็นอะไรที่น่าตลกมาก เพราะเธอไม่มีวันที่จะโง่เชื่อเขาอย่างแน่นอน
“พี่โปรดเขาซื่อเกินไป เอ่อ… คือปรางหมายความว่าพี่โปรดเขามักจะทำอะไรลงไปโดยไม่ได้คิดถึงสิ่งที่จะตามมา” ปรางทิพย์พูดออกมาเสียงเรียบเพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มเข้าใจผิด
“วันก่อนที่โปรดจะตาย เธอมีท่าทางแปลกๆ ครับ” ไตรภพพูดถึงวันที่โปรดปรานจะตาย และเธอก็ได้มาปรึกษาบางอย่างกับเขา
“หมายความว่ายังไงคะ” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เธอพูดกับผมเกี่ยวกับเรื่องราวบางอย่างที่เธอทำผิดพลาดลงไปแล้วมันหาทางออกไม่ได้” ไตรภพพูดออกมาตามความจริง
“จริงเหรอคะ” ปรางทิพย์เอ่ยถามออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าที่เขาพูดออกมานั้นเป็นความจริงแต่ถึงยังไงเธอก็ต้องทำตัวไหลไปตามน้ำเสียก่อน
“จริงครับ ผมยังได้บอกโปรดอยู่ว่าปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ” ไตรภพอธิบายออกมาเสียงเรียบ
“คุณน่ะเหรอคะที่บอกพี่โปรด” หญิงสาวย้อนถามคนตรงหน้าอีกครั้ง
ไตรภพพยักหน้าให้แทนคำตอบใบหน้าเข้มดูหล่อขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อกระทบกับแสงไฟภายในร้านอาหาร และสูทที่เขาใส่อยู่ก็คงจะดูแพงไม่เบาทำให้บ่งบอกถึงฐานะและหน้าตาทางสังคมได้เป็นอย่างดี
“เสียดายนะครับที่โปรดไม่ได้บอกผมเรื่องปัญหานั้น แต่คนก็คิดกันไปว่าเรื่องของเธอ…”
ชายหนุ่มพูดออกมายังไม่ทันจบประโยคก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะพูดตัดบทขึ้นมาอีกครั้ง
“ผมว่าเราอย่าคุยเรื่องนี้กันอีกเลยนะครับ เดี๋ยวจะไม่สบายใจกันเปล่าๆ” ไตรภพรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที ก่อนจะหยิบเมนูอาหารขึ้นมาดูและสั่งอาหาร
“คุณเดินทางบ่อยเหรอคะ?” ร่างบางถามออกมาด้วยความสงสัยเมื่อเห็นความชำนาญในการสั่งอาหารของเขา
“ครับ ผมชอบเดินทางมันทำให้ผมได้รู้จักเพื่อนใหม่ ได้เที่ยวที่แปลกๆ และยังได้ประสบการณ์ใหม่ใหม่อีก” ไตรภพตอบออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“เหมือนกันค่ะ” ปรางทิพย์ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวาน
ก่อนที่ทั้งสองคนจะสั่งอาหารและนั่งพูดคุยกันอยู่นานหลายชั่วโมง จนกระทั่งทานอาหารเสร็จ
ท่าทางและคำพูดของไตรภพทำให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ด้วยมีความสุขและไม่รู้สึกเบื่อเลยสักนิด
“ปรางต้องรีบกลับแล้วค่ะ คุยกับคุณจนเพลินเลย” ปรางทิพย์มองเห็นเวลาที่อยู่บนนาฬิกาข้อมือจึงต้องรีบขอตัวกลับ เมื่อเธอเผลออยู่กับเขานานเกินไปแล้ว
“แต่ว่า…” ไตรภพยังไม่อยากให้หญิงสาวตรงหน้ากลับ แต่เขาก็เลี่ยงไม่ได้และยอมเดินออกมาส่งเธอที่รถด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ
“คืนนี้ฉันสนุกมากเลยนะคะ”
ปรางทิพย์พูดออกมาด้วยรอยยิ้มเมื่อเขาเดินมาส่งเธอที่รถ มือหนาเลื่อนมาแตะที่เอวบางของเธออย่างสุภาพแต่ก็เป็นการกระทำที่เต็มไปด้วยความตั้งใจ
ความร้อนผ่านปลายนิ้ววิ่งมาสัมผัสกับเอวบางทันทีและมันทำให้ปรางทิพย์รู้สึกดีมากขึ้นกว่าเดิม เธอมองนัยน์ตาเขาสายตาที่คมเข้มปะปนไปด้วยความอบอุ่น อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความต้องการที่มากล้น จนความรู้สึกนั้นทำให้ใบหน้าสวยของเธอร้อนผ่าวขึ้นมา
“อยู่ต่ออีกนิดไม่ได้เหรอครับ” ไตรภพอ้อนเสียงหวานอย่างที่ไม่เคยทำกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน
“ฉันต้องไปแล้วค่ะ” ร่างบางพูดออกมาก่อนที่จะปิดประตูรถ พร้อมกับกดลดกระจกให้เลื่อนลง
ไตรภพอยากจะดึงรั้งเธอเอาไว้ แต่เขาก็ต้องยอมปล่อยเธอไปเสียก่อน เพราะถ้าทำตามใจตัวเองมากเกินไปอาจจะเป็นการเสียมารยาทกับเธอ
ปรางทิพย์ดูมีเสน่ห์มากทุกท่าทางและคำพูดของเธอทั้งหมดคือความลงตัวที่สุดแบบที่เขาไม่เคยเจอในตัวผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยสักคน
“แล้วเมื่อไหร่คุณจะให้เกียรติมาทานข้าวกับผมอีกครับ” ร่างหนาพูดออกมาด้วยสายตาที่ออดอ้อน
“เมื่อไหร่ดีล่ะคะ คุณนัดมาเลยก็ได้” ปรางทิพย์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงท้าทายขณะที่เธอกำลังสตาร์ทรถ
“พรุ่งนี้แล้วก็… ทุกๆ วัน” ชายหนุ่มพูดออกมาจากความรู้สึกที่อยู่ภายในใจ
“คงไม่ได้หรอกค่ะ” ปรางทิพย์รีบตัดบทขึ้นมาทันที
“ทำไมล่ะครับ” ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย
“คุณก็น่าจะรู้ว่าคุณแม่ของปรางท่านคิดยังไง” หญิงสาวเอาคุณแม่มาอ้างทันที
“ผมรู้ครับ” ชายหนุ่มพูดออกมาเสียงเรียบก่อนที่จะพูดเสริมออกมาอีกครั้ง
“แต่ผมไม่กลัวหรอกนะครับ ผมกล้าที่จะยอมรับในสิ่งที่ผมทำลงไป แต่ถ้าสิ่งไหนที่ผมไม่ได้ทำแล้วจะมายัดเยียดให้ผมยอมรับมันคงไม่ใช่” ไตรภพพูดออกมาด้วยแววตาที่ดูเศร้า เมื่อทุกคนต่างยัดเหยียดความผิดให้เขา
“เราอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันอีกเลยนะคะ” ปรางทิพย์พูดออกมาพร้อมรอยยิ้มก่อนจะโบกมือให้เขาแล้วขับรถออกไปทันที
ร่างบางมองดูชายหนุ่มที่ยืนส่งเธอจากกระจกมองหลัง โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังมีความสุขราวกับคนที่กำลังมีความรัก…
..
คอมเมนท์ = กำลังใจ
ปรางทิพย์เดินยิ้มออกมาที่ห้องรับแขกอย่างอารมณ์ดี เมื่อเธอมองเห็นร่างสูงโปร่งของเตชินทร์เพื่อนสนิทที่เคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันที่ต่างประเทศที่ตอนนี้เขากำลังนั่งอ่านหนังสือนิตยสารอยู่ในห้องรับแขก“มาได้ยังไงเนี่ย!!” ปรางทิพย์พูดออกมาด้วยความตื่นเต้นและดีใจ“ก็บอกแล้วไงจะรีบตามมาไม่ดีใจเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามออกมาเสียงเรียบ“ดีใจสิ… แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้” ปรางทิพย์พูดออกมาด้วยท่าทางดีใจ“เพื่อนๆ บ่นคิดถึงปรางกันใหญ่เลยนะ” เตชินทร์ที่ดูนิ่งก่อนหน้า ตอนนี้กลับพูดออกมาด้วยท่าทางมีความสุขก่อนที่จะเอื้อมมือไปจับมือของหญิงสาวเอาไว้“จริงเหรอ ปรางก็คิดถึงเพื่อนๆ เหมือนกัน”ปรางทิพย์รีบดึงมือออกจากมือของเตชินทร์ทันที ไม่คิดเลยว่าเตชินทร์จะกล้าจับมือเธอแบบนั้น แล้วเธอก็ยังไม่ได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเขาและเธอคงเป็นได้แค่เพียงเพื่อนเท่านั้น ถึงแม้ว่าเตชินจะไม่ยอมรับก็ตาม“แล้วนี่ปรางสบายดีหรือเปล่า” เตชินทร์เอ่ยถามออกมาด้วยความเป็นห่วง“ปรางสบายดี” ปรางทิพย์ตอบออกมาพร้อมรอยยิ้ม“แล้วทำไมปรางดูผอมลงล่ะ” เตชินทร์มองดูปรางทิพย์ด้วยท่าทางเป็นห่วง“ไม่ผอมหรอก… ปรางก็เป็นแบบน
หลายวันมาแล้วที่ปรางทิพย์ไม่ได้เจอกับไตรภพ ผู้ชายที่ดูเหมือนจะถูกใจเธออยู่ไม่ใช่น้อยและเธอเองก็ดูเหมือนจะถูกใจเขาไม่น้อยเหมือนกัน เพียงแต่มีเหตุผลที่เธอต้องเลิกคิดเรื่องของความรักแล้วเดินหน้าจัดการแก้แค้นให้เขาได้เจ็บปวดให้ได้มากที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ช่วงเช้าของวันที่คฤหาสน์หลังใหญ่ จากหน้าต่างในห้องนอนเรียบแต่ก็ดูหรูที่ถูกตกแต่งด้วยโทนสีขาวดูสะอาดตา เมื่อปรางทิพย์ตื่นเช้าแล้วมองออกนอกหน้าต่างก็มองไปเห็นกับคุณอาประวิทย์ที่กำลังวิ่งอยู่บนพื้นปูนที่ถูกจัดเอาไว้สำหรับออกกำลังกายในสวนหน้าบ้านของเขาที่อยู่ถัดไปจากบ้านของเธอไม่ไกลคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ถูกจัดแยกออกจากกันเป็นบ้านสองหลังที่อยู่ข้างกันและยังถือว่าบ้านที่เธออยู่ก็ยังเป็นบ้านหลังใหญ่ตอนที่เธอยังเด็กจะมีเพียงบ้านหลังใหญ่หลังเดียวเท่านั้นแต่เมื่อคุณอากิ่งแก้วได้แต่งงานและคุณอาประวิทย์ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน คุณอากิ่งแก้วจึงได้ขอแยกตัวออกมาสร้างครอบครัวและด้วยบริเวณบ้านที่กว้างจึงได้สร้างบ้านขึ้นมาอีกหลังให้คุณอากิ่งแก้วและคุณอาประวิทย์ตามต้องการ นี่เป็นสิ่งที่เธอจำได้เมื่อครั้งยังเป็นเด็กแสงแดดในยามเช้า ที่ส่องแสงอ่อนๆ เป็นแดดที่ให้ว
ไตรภพลุกขึ้นเดินออกจากวงคาสิโนที่กำลังเล่นกันอยู่อย่างเคร่งเครียดในห้องใต้ดินของสโมสรแห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนของบรรดาคนรวยหลายๆ คน ซึ่งสโมสรแห่งนี้ถูกต้องตามกฎหมายและรับเฉพาะลูกค้าระดับวีไอพีเพียงเท่านั้นแต่ในเวลานี้ไตรภพกลับรู้สึกเบื่อหน่ายและต้องการที่จะให้ใครสักคนมาคอยรับฟังเขาได้ระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเพียงเท่านั้นหลังจากที่ไตรภพขับรถออกมาจากสโมสรได้ไม่นานรถคันหรูก็มาจอดที่หน้าผับชื่อดัง แต่ก่อนที่เขาจะขับรถออกมาเขาก็ได้โทรนัดเพื่อนสนิทให้มาเจอกันที่ผับชื่อดังแห่งนี้ด้วยไตรภพเดินเข้ามาภายในผับก็เดินตรงไปยังโซนวีไอพีทันทีเพราะผู้คนไม่ค่อยวุ่นวายมากนักเมื่อเทียบกับโซนธรรมดา เขาถึงเลือกนั่งที่โต๊ะมุมสุดเพราะจะได้ไม่เป็นเป้าสายตาสำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ต้องการเข้าหาเขาอยู่เป็นประจำเมื่อเลือกโต๊ะได้ ไตรภพก็เริ่มสั่งเครื่องดื่มเอาไว้รอเพื่อนที่นัดมาไว้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาสั่งหลายรอบ“เป็นอะไรไปวะทำหน้าเหมือนคนอกหักไปได้หรือกำลังตกหลุมรักใครเข้าอีก” ธนกฤตถามออกมาเสียงเรียบเมื่อเดินมาถึงโต๊ะแล้วได้เห็นสีหน้าของเพื่อนสนิท“เออดิ…” ไตรภพตอบออกมาเสียงดังพร้อมกับยกแก้วเหล้าสีเข้ม
คุณแม่ทิ้งคุณพ่อไปตั้งแต่ตอนที่ไตรภพพึ่งจะได้สิบขวบเท่านั้นและมันเป็นปีที่เลวร้ายและทุกข์ทรมานมากสำหรับเขา เมื่อได้พบว่าครอบครัวของเขาไม่มีแม่อีกต่อไป เขาแทบจะไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ นอกจากวันก่อนที่คุณแม่จะไป คุณแม่กอดเขาไว้แน่น ซึ่งมันแน่นมากกว่าทุกครั้งทำให้เด็กในวัยรุ่นอย่างเขารู้สึกอึดอัดและรำคาญ จนเขาต้องดันคุณแม่เขาออกพร้อมกับถามคุณแม่ว่า…“แม่ร้องไห้ทำไมครับ” ไตรภพในวัยเด็กรู้สึกตกใจในความที่เป็นลูกผู้ชายและไม่คุ้นกับน้ำตาของผู้หญิงคนเป็นแม่“แม่ดีใจที่ได้เห็นลูกชายของแม่โตเป็นหนุ่มแล้ว” แม่พูดออกมาพร้อมทั้งน้ำตาแต่เขาเชื่อในสายตาตัวเองว่าคุณแม่ไม่ได้ดีใจอย่างที่บอกจริงๆ แต่คุณแม่กำลังเสียใจต่างหาก เมื่อเขากลับจากโรงเรียนจึงได้รู้ว่าคุณแม่นั้นได้จากคุณพ่อไปแล้ว…จากไปจนชั่วชีวิต…โดยที่คุณแม่ไปอยู่กับผู้ชายคนใหม่ที่ต่างประเทศ…เขาไม่เข้าใจผู้หญิงเลยสักนิด คุณพ่อรักคุณแม่มาก ไม่ว่าคุณแม่ต้องการอะไร คุณพ่อก็จะหามาให้คุณแม่หมดทุกอย่าง คุณพ่อไม่เจ้าชู้ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่เลยด้วยซ้ำการจากไปของคุณแม่ได้เอาชีวิตของคุณพ่อไปด้วย…และนั่นมันจึงทำให้เขาเกลียดคุณแม่ไปด้วย มันทำให้เขาไ
@ผับxxxปรางทิพย์เดินเข้ามาในผับก็พบกับผู้คนมากมายที่ต่างก็เข้ามาใช้บริการในผับแห่งนี้ ความสวยของเธอทำให้สายตาหลายคู่จ้องมองมาที่เธอ จนเธอรู้สึกเขินอาย นานแล้วที่เธอไม่ได้เข้ามาในสถานที่แบบนี้และครั้งนี้ก็ทำให้เธอทำตัวไม่ถูกกับสายตาที่มองมา ร่างบางจึงรีบเดินไปยังโต๊ะที่ไตรภพได้บอกเธอเอาไว้ทันทีเมื่อเดินมาถึงโต๊ะวีไอพีเก้าตามที่เขาบอก ก็เห็นว่ามีไตรภพนั่งรออยู่แล้วเมื่อไตรภพเห็นเธอเขาก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับเธอตามมารยาทและตามแบบอย่างของสุภาพบุรุษที่เขาทำกัน เพียงแค่เธอได้เห็นเขายืนขึ้นเท่านั้น เธอก็รู้แล้วว่าเขาคงนั่งรอเธออย่างใจจดใจจ่อ นี่ก็เท่ากับว่าเธอได้ชนะเขามาครึ่งทางแล้วผู้หญิงสมควรที่จะเรียนรู้ขีดจำกัดของความสามารถทางการใช้เสน่ห์ของตัวเองว่ามีมากแค่ไหนและสำหรับปรางทิพย์แล้วเธอจะพยายามใช้มันกับเขาอย่างไม่จำกัด“ขอโทษนะคะที่ทำให้รอ…” ปรางทิพย์นั่งลงตามที่เขาเลื่อนเก้าอี้ให้นั่งพร้อมกับพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม“ขอโทษทำไมครับ คุณไม่ได้มาสายสักหน่อยผมต่างหากที่ใจร้อนมารอคุณก่อนเวลา” ไตรภพพูดออกมาตามความเป็นจริง“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ร่างบางพูดออกมาด้วยท่าทางที่ดูเขินอาย“ก็มันเป็นไปแล้วหนิค
“คำถามแปลกๆ อย่างเช่นอะไรคะ” ปรางทิพย์ถามออกมาด้วยความสนใจทันที“อย่างเช่น… มีอยู่วันหนึ่งโปรดเขาถามผมว่า… ถ้าหากว่าเราทำผิดไปโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันส่งผลต่อคนรอบข้างอย่างหนัก แบบนี้จะถือว่าเราทำผิดได้ไหม” ไตรภพพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางจริงจัง“แล้วคุณตอบว่ายังไงคะ” ปรางทิพย์ยังคงถามต่อด้วยความสงสัย“ผมก็ตอบไปว่า… มันไม่ผิดหรอก แต่ถ้าเรารู้ว่าสิ่งนั้นมันผิดเราก็แค่อย่าไปทำซ้ำอีก เพราะถ้ารู้ว่าผิดแล้วเรายังทำซ้ำอีกก็แสดงว่าเราตั้งใจทำ” ร่างหนาอธิบายต่อด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น“คุณพูดมาแบบนั้น… แล้วพี่โปรดเขาว่ายังไงบ้างคะ” ปรางทิพย์ยังคงถามต่อด้วยความอยากรู้“โปรดเขาเงียบ… แล้วบอกผมว่า บางทีคนเราอาจจะต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำก็ได้” ไตรภพยังคงพูดออกมาด้วยท่าทางที่จริงจัง“เหรอคะ”ปรางทิพย์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย พร้อมกับมองหน้าไตรภพด้วยความแปลกใจ ไม่คิดเลยว่าพี่สาวของเธอจะไว้ใจไตรภพมากขนาดนี้“คุณคิดว่าผมกับโปรดคบหากันแบบไหนครับ”“ฉันไม่รู้ค่ะ”“เราเป็นแค่เพื่อนกัน คุณปรางเข้าใจคำว่าเพื่อนไหม ในสายตาของคนอื่นอาจจะคิดว่าผมเป็นพวกเสือผู้หญิง ชอบหลอกผู้หญิงไปเรื่อย แต่ผมเ
“ปรางไม่กล้ารักคุณหรอกค่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธออกมาตามความเป็นจริงปรางทิพย์เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้ไตรภพรู้สึกสนุกสนานและมีความสุขได้ เธอทำในสิ่งที่ผู้หญิงหลายๆ คนไม่เคยทำได้ นอกจากเรื่องนี้เธอก็ไม่ได้ดูพิเศษกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ เลยแม้แต่นิดเดียว“ทำไมล่ะครับ” ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากหญิงสาวตรงหน้าทำเอาชายหนุ่มเสียอาการจนแทบจะควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่อยู่“เราพึ่งจะรู้จักกันเองนะคะ” ปรางทิพย์เอาเรื่องเวลามาอ้างทันที เธอต้องห้ามใจตัวเองเอาไว้และพยายามนึกถึงเหตุผลที่เธอเข้าหาเขา เพื่อที่จะได้ตอกย้ำและบอกใจตัวเองไม่ให้หลงไปกับคำพูดของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้า“เวลาไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ” ไตรภพยังคงพยายามพูดเพื่อให้หญิงสาวตรงหน้ารับรู้ว่าเขาต้องการเธอมากแค่ไหน เพราะสำหรับเขาไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว“งั้นเราก็ทำความรู้จักและเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ ก่อนดีกว่านะคะ” หญิงสาวยิ้มสวยให้ชายหนุ่มตรงหน้า“แต่ว่า…” ไตรภพกำลังจะพูดขึ้นแต่ก็โดนอีกฝ่ายพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน“ปล่อยให้เวลาเป็นสิ่งพิสูจน์ดีกว่านะคะ” ร่างบางพยายามพูดเพื่อเอาตัวรอดจากเรื่องนี้“….” ชายหนุ่มถึงกับนิ
“ดีสิครับเดี๋ยวผมไปส่ง” ใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มที่มุมปากด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์และดีใจในเวลาเดียวกัน“ค่ะ” ปรางทิพย์ไม่มีทางเลือกอื่นจึงต้องพยักหน้าให้เขาไปส่งเธอผู้หญิงที่ไม่ชอบดื่มไม่ชอบเที่ยว พอได้มาลองดื่มแอลกอฮอล์ก็ถึงกับเสียอาการ เมาจนแทบจะไม่ได้สติอะไร“เชิญครับ” ไตรภพทำหน้าที่สุภาพบุรุษเปิดประตูรถยนต์คันหรูให้หญิงสาวได้เข้าไปนั่งด้านใน“ขอบคุณค่ะ” ปรางทิพย์เอ่ยขอบคุณด้วยสติที่เหลืออยู่อย่างน้อยนิดเมื่อไตรภพขับรถออกมาได้สักพักหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เผลอหลับไป ไม่ว่าเขาจะเรียกหรือปลุกยังไงเธอก็ไม่ยอมตื่นไตรภพจึงขับรถมาที่คอนโดตัวเองทันที เหยื่อติดกับดักแล้ว เสืออย่างเขาคงไม่ยอมปล่อยให้เหยื่อหลุดมือไปได้อย่างแน่นอน“ถึงแล้วครับ”ใช้เวลาไม่นานรถยนต์คันหรูก็มาจอดที่คอนโดใจกลางเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากผับ ไตรภพสะกิดหญิงสาวที่นอนหลับอยู่เพื่อให้เธอรู้สึกตัว“อือออ” คนตัวเล็กอู้อี้อยู่ในลำคอ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรแขนแกร่งโอบอุ้มคนตัวเล็กขึ้นไปบนห้องอย่างไม่รีรอ ร่างกายร้อนรุ่มเมื่อได้สัมผัสกับเรือนร่างขาวเนียนพนักงานสาวสวยที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ต่างจ้องมองที่ไตรภพด้วยความสงสัย เมื่อเขาเดิน
“ฉันยอมรับนะคะว่าตอนแรกฉันทำไปเพราะต้องการที่จะแก้แค้น…” ปรางทิพย์ก้มหน้าไม่กล้าที่จะสบสายตากับชายหนุ่ม“แต่ตอนนี้ฉันเริ่มไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองแล้ว” หญิงสาวยังคงก้มหน้าก้มตาพูดออกมาเสียงเบา“หมายความว่ายังไงครับ” ไตรภพไม่เข้าใจในประโยคที่เธอพูดออกมาจึงเอ่ยถามต่อด้วยความสงสัย“เวลาที่ฉันได้อยู่กับคุณมันทำให้ฉันรู้สึกดีและมีความสุขอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน อีกอย่างฉันรู้สึกว่าฉันไม่ชอบเวลาที่คุณอยู่กับผู้หญิงคนอื่น” ปรางทิพย์อธิบายถึงแม้จะไม่พอใจกับภาพที่เห็น แต่อีกใจเธอก็ไม่อยากเสียไตรภพให้กับผู้หญิงคนอื่นเหมือนกัน“คุณจะบอกว่าคุณรักผมงั้นเหรอ” ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วถามด้วยท่าทางทะเล้น“เปล่าค่ะ ตอนนี้ฉันยังไม่มั่นใจในความรู้สึกตัวเองขนาดนั้น” ปรางทิพย์ปฏิเสธแบบอ้อมๆ ด้วยความไม่แน่ใจ เธอไม่รู้เลยว่าความรู้สึกที่เธอมีให้เขานั้นเรียกว่าอะไรกันแน่“แล้วต้องทำยังไงคุณถึงจะมั่นใจ” ไตรภพยังคงถามต่อ เพราะเขาเองก็รู้สึกดีกับเธอไม่ต่างจากที่เธอรู้สึก“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” ใบหน้าสวยส่ายหน้าไปมารัวๆ“แต่งงานกับผมไหม” ไตรภพเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบและท่าทางที่จริงจัง“อะไรนะ” ปรางทิพ
@บริษัทของไตรภพ“เป็นยังไงบ้าง พร้อมหรือเปล่า” ใบบัวถามขึ้นขณะที่เตชินทร์จอดรถอยู่ที่หน้าบริษัทของไตรภพซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายในครั้งนี้ปรางทิพย์ส่ายหน้ารัวๆ แทนคำตอบ ความมั่นใจที่มีก็เริ่มหายไปจนหมด“ไม่ต้องกลัวนะ” เตชินทร์พูดให้กำลังใจอีกคน“รู้สึกยังไงก็พูดออกมา ไม่ต้องคิดมากและไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น” ใบบัวยังคอยแนะนำและให้คำปรึกษาจนวินาทีสุดท้ายปรางทิพย์นั่งตัวตรงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเตรียมความพร้อม มือบางเอื้อมไปเปิดประตูรถก่อนจะก้าวลงจากรถ“สู้ๆ นะ” ใบบัวเลื่อนกระจกลงแล้วยกมือขึ้นสองนิ้วเพื่อให้กำลังใจปรางทิพย์ใบหน้าสวยยิ้มให้เพื่อนทั้งสองคนที่นั่งรออยู่ในรถ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินตรงเข้าไปยังบริษัทใหญ่โตทันทีตึกตัก ตึกตักเสียงหัวใจดวงน้อยเต้นถี่รัวและแรงขึ้นเมื่อเดินเข้ามาภายในบริษัทที่มีพนักงานหลายคนต่างจ้องมองมาที่เธอเป็นสายตาเดียวกัน“ติดต่อเรื่องอะไรคะ” พนักงานผู้หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้นขณะที่ปรางทิพย์เดินเข้ามาหยุดยังหน้าฝ่ายประสานงาน“มาหาคุณไตรภพค่ะ” ปรางทิพย์ตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ พยายามเก็บอาการเอาไว้ให้ดูปกติที่สุด“ได้นัดไว้หรือเปล่าคะ” หญิงสาววัยกลางคนถาม
หนึ่งเดือนต่อมาหลังจากที่ความจริงปรากฏและประวิทย์ถูกตำรวจจับไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ทุกคนต่างใช้ชีวิตกันแบบเงียบๆ ถึงแม้ความจริงทุกอย่างจะกระจ่างแน่ชัดแล้ว แต่ก็ยังคงต้องใช้เวลาเพื่อปรับตัวกับเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นปรางทิพย์เลือกที่จะเอางานมาทำที่บ้านและเอาแต่เก็บตัวไม่ยอมออกไปไหนตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาก๊อก!! ก๊อก!!เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานดังขึ้นทำให้ปรางทิพย์ต้องละสายตาจากงานที่อยู่ตรงหน้ามาสนใจเสียงที่อยู่ด้านนอกแทน“เข้ามาค่ะ” หญิงสาวเอ่ยอนุญาตพร้อมกับจ้องมองที่ประตู“ขอโทษที่รบกวนนะคะ คุณเตชินทร์กับคุณใบบัวมารอพบที่ห้องรับแขกค่ะ” แม่บ้านรายงานขึ้นมาด้วยความเกรงใจ เพราะเห็นปรางทิพย์ตั้งใจทำงานแบบนี้ทุกวัน“ค่ะ เดี๋ยวปรางออกไป”นานแล้วเหมือนกันที่ปรางทิพย์ไม่ได้เจอเพื่อนและไม่ได้ออกไปเจอใครเลย หรือแม้แต่โทรศัพท์เธอยังเปลี่ยนเบอร์ใหม่เพื่อที่จะหนีจากเรื่องราวต่างๆทางด้านเตชินทร์กับใบบัวก็นั่งรออยู่ภายในห้องรับแขก ทั้งสองคนคิดถึงและเป็นห่วงปรางทิพย์จึงได้ชวนกันมาหาที่บ้านหลังใหญ่“ทำไมถึงมาพร้อมกันได้เนี่ย” ปรางทิพย์ถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาภายในห้องรับแขกและเห็นว่าเตชิ
“โทรหาอากิ่งให้แม่หน่อยสิ” คุณหญิงหันไปบอกลูกสาวทันที เพราะเรื่องแบบนี้จะปล่อยไว้นานไม่ได้“ค่ะ” ปรางทิพย์ตอบพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะกดโทรหาคุณอากิ่งแก้วใช้เวลาไม่นานคุณอากิ่งแก้วก็เดินเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ ใบหน้าดูสดใสมีความสุข“คุณพี่มีเรื่องด่วนอะไรเหรอคะ” กิ่งแก้วเอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาข้างๆ พี่สะใภ้“ทำไมถึงต้องทำหน้าซีเรียสขนาดนี้คะ” กิ่งแก้วถามขึ้นอีกครั้ง แล้วมองหน้าคุณหญิงประไพพรรณกับปรางทิพย์ที่ดูเคร่งเครียดจนเกินไป“ปรางกับคุณแม่มีเรื่องสำคัญจะบอกอากิ่งค่ะ” ปรางทิพย์พยายามพูดอย่างใจเย็นและมีสติ“เรื่องอะไรเหรอ” กิ่งแก้วถามด้วยความสงสัย ในใจเริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมา ราวกับเป็นรางสังหรณ์อะไรบางอย่าง“ก่อนที่คุณแม่จะพูด ปรางอยากให้อากิ่งตั้งสติให้ดีก่อนนะคะ” ปรางทิพย์บอกพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะยื่นมือไปกุมมือของคุณอากิ่งแก้วเอาไว้เพื่อเป็นการให้กำลังใจจากนั้นคุณหญิงประไพพรรณก็เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กิ่งแก้วฟังอย่างละเอียดตามที่ปรางทิพย์เล่าให้ฟังกิ่งแก้วนั่งนิ่งด้วยหัวใจที่แตกสลาย เมื่อได้รู้ความจริงทั้งหมดทุกอย่าง ความรักที่เธอมีความสุขตอนนี้
ปรางทิพย์ถึงกับนิ่งไปเมื่อคุณหญิงประไพพรรณบอกเรื่องที่ท่านไปหาไตรภพให้เธอรู้ ร่างบางถึงกับทำหน้าเศร้าและนึกสงสารเขาขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก“คุณแม่ไม่น่าไปว่าเขาแบบนั้นเลยนะคะ” ปรางทิพย์พูดออกมาเสียงเบาด้วยความสงสารไตรภพ“ก็ลูกนั่นแหละที่ทำให้แม่ต้องทำแบบนี้ แต่ก็ดีเหมือนกันอัดอั้นอยากด่าคนมานานแล้ว ก็เลยถือโอกาสด่าซะเลย เพราะมันคนเดียวที่ทำให้ยัยโปรดต้องตาย” คุณหญิงประไพพรรณพูดออกมาเสียงเข็ง และแววตาก็เต็มไปด้วยความแค้นที่ไม่มีวันหายและไม่มีวันที่จะลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย“คุณแม่คะ…” ปรางทิพย์พูดออกมาเสียงเบา แววตาของเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยความเศร้า“มีอะไรเหรอลูก ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น” คุณหญิงประไพพรรณถึงกับตกใจเมื่อได้เห็นสีหน้าและท่าทางของลูกสาวที่แสดงออกมา“ถ้าผู้ชายคนนั้นเขาไม่ได้เป็นต้นเหตุหรือไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพี่โปรดล่ะคะ คุณแม่จะว่ายังไง” ปรางทิพย์เอ่ยถามคุณหญิงเสียงเศร้า“ไม่มีทาง!! ก็มีแค่มันคนเดียวที่อยู่ใกล้ชิดและสนิทกับยัยโปรดมากที่สุด ยังไงแม่ก็มั่นใจว่าเป็นมันแน่ๆ” คุณหญิงประไพพรรณยังคงพูดออกมาด้วยความโกรธแค้นที่มีอยู่ในใจ“ปรางว่าเรื่องนี้คุณแม่คงเข้าใจผิด
ในขณะเดียวกันคุณหญิงประไพพรรณก็ได้มายังบริษัทที่เป็นที่ทำงานของไตรภพ และคงไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ดีว่าจุดประสงค์ของคุณหญิงคืออะไร“สวัสดีค่ะ มาหาใครเหรอคะ” เลขาสาวสวยที่นั่งทำงานอยู่หน้าห้องเอ่ยถามตามหน้าที่“มาหาเจ้าของบริษัทที่ชื่อไตรภพ”คุณหญิงตอบกลับก่อนจะมองสำรวจการแต่งตัวของหญิงสาวที่ดูวาบหวิวและเซ็กซี่จนเกินไป ไม่เหมาะกับการใส่มาทำงานเลยสักนิด เพราะแต่งตัวแบบนี้สิได้ถึงได้มาทำงานกับไตรภพได้ คุณหญิงได้แต่คิดในใจ“สักครู่นะคะ” เลขาสาวเอ่ยบอกก่อนจะกดโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรรายงานเจ้านาย“เชิญด้านในค่ะ”เมื่อคุยกับเจ้านายเสร็จ หญิงสาวก็เดินไปเคาะประตูหน้าห้อง ก่อนจะเปิดประตูให้คุณหญิงเข้าไปในห้องทำงานใหญ่ไตรภพลุกขึ้นต้อนรับคุณหญิงประไพพรรณอย่างสุภาพก่อนที่จะเชิญให้ไปที่ห้องรับแขกของบริษัทที่ถูกตกแต่งไว้อย่างอลังการ ชายหนุ่มมองผู้หญิงวัยกลางคนที่ดูกระชับกระเฉงดวงตาคมวาววับของท่านทำเอาไตรภพถึงกับรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ได้เหมือนกัน“คุณหญิงมาถึงที่นี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” ไตรภพเอ่ยทางถามคุณหญิงประไพพรรณด้วยน้ำเสียงและท่าทางสุภาพ“ฉันมาเพราะเรื่องของลูกสาวฉัน” คุณหญิงประไพพรรณไม่ปล่อยให้ไตร
ทุกๆ เหตุการณ์ทุกๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดถูกบันทึกเอาไว้ในโน้ตบุ๊คส่วนตัวของโปรดปราน หรือแม้แต่ทุกครั้งที่โปรดปรานมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับคุณอาประวิทย์ โปรดปรานก็จะมาพิมพ์ความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้อย่างละเอียดในไฟล์ที่อยู่ในโน้ตบุ๊คเครื่องนี้ปรางทิพย์นั่งอ่านข้อมูลที่ถูกบันทึกเอาไว้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอข้อความที่โปรดปรานบันทึกเอาไว้ว่า…‘ฉันรู้ดีว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันผิด แต่ฉันก็รักอาวิทย์มากเช่นกัน รักมากจนบางทีฉันอาจจะลืมคิดถึงความเป็นจริงที่จะตามมาและอาจจะลืมนึกถึงความรู้สึกของคนอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวฉันด้วยถ้าหากว่าคุณอากิ่งแก้วรู้เรื่องนี้เข้าทุกอย่างจะต้องยุ่งยากวุ่นวายมากแค่ไหน ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง… แต่ในบางทีคุณอากิ่งแก้วอาจจะไม่กล้าที่จะโวยวายเรื่องนี้กับคุณแม่ก็ได้ เพราะถ้าหากว่าคุณแม่รู้เรื่องนี้ อาวิทย์คงต้องได้ออกไปจากบ้านและออกจากงานที่บริษัทอย่างแน่นอนซึ่งคุณอากิ่งแก้วคงต้องทนไม่ได้เหมือนกับที่ฉันต้องทนไม่ได้หากว่าฉันจะต้องใช้ชีวิตอยู่โดยที่ไม่มีอาวิทย์อาวิทย์ชดเชยส่วนที่ขาดของฉันได้อย่างเต็มที่ ฉันเองไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณอากิ่งแก้วถึงขาดอา
@บ้านหลังใหญ่ของปรางทิพย์ปรางทิพย์กลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยล้า ในหัวก็คิดถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันคืออะไรกันแน่ แล้วทั้งหมดนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของโปรดปรานหรือเปล่า เธอได้แต่คิดและสงสัยอยู่ภายในใจกับเรื่องทั้งหมดร่างบางเดินเข้ามาในห้องนอนของโปรดปรานด้วยความเหนื่อยล้า ห้องที่ไม่มีเจ้าของห้องอยู่แต่ทุกอย่างก็ยังถูกจัดไว้เหมือนเดิม เพราะคุณหญิงประไพพรรณนั้นยังทำใจกับการตายของลูกสาวไม่ได้ จึงสั่งให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดในห้องนี้อย่างสม่ำเสมอปรางทิพย์นั่งลงบนเตียงนอนกว้างอย่างครุ่นคิด เรื่องการตายของโปรดปรานมันต้องมีหลักฐานอะไรสักอย่างที่จะเป็นเบาะแสให้เธอได้ว่าต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อยู่เป็นแน่ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะหาหลักฐานนั้นได้จากที่ไหนร่างบางทำได้เพียงแค่นั่งมองไปรอบๆ ห้องนอนกว้าง พร้อมกับถอนหายใจยาวๆ ออกมา เพื่อหวังว่าจะทำให้ความเหนื่อยล้านั้นได้ระบายออกมาบ้างทว่าสายตาของปรางทิพย์ก็มองไปสะดุดกับโน้ตบุ๊คที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียงนอนของโปรดปราน เธอจึงรีบเดินตรงเข้าไปที่โน้ตบุ๊คเครื่องนั้นทันทีปรางทิพย์ตัดสินใจเปิดโน้ตบุ๊คขึ้นมา แล้วรีบค้นหาดูว่าจะม
หนึ่งเดือนต่อมา@ร้านกาแฟวันนี้เป็นวันที่ปรางทิพย์นัดกับนักสืบที่เธอได้ไปจ้างเอาไว้ เพื่อที่จะได้รู้ว่าเด็กผู้ชายที่คุณอาประวิทย์เดินจูงมือมานั้นคือใครถึงได้ดูสนิทสนมกันขนาดนั้น และเธอยังจะได้รู้อีกว่าคนอาประวิทย์เป็นคนดูแลเรื่องค่ารักษาโรงพยาบาลให้กับใครกันแน่ปรางทิพย์เลือกที่จะเจอกับนักสืบที่ร้านกาแฟร้านใหม่ ซึ่งเป็นร้านที่ค่อนข้างเงียบ ผู้คนไม่ค่อยวุ่นวายมากนัก เหมาะกับการคุยงานและคุยธุระส่วนตัวเป็นอย่างมากปรางทิพย์ร้อนใจรีบมานั่งรอนักสืบในร้านกาแฟก่อนเวลา วันนี้เธอมาคนเดียวเพราะใบบัวเพื่อนสนิทของเธอติดถ่ายแบบก็เลยไม่สามารถมาเป็นเพื่อนเธอได้เหมือนกับครั้งก่อน“สวัสดีครับ” เสียงทุ่มต่ำของภากรณ์ที่เป็นนักสืบที่เธอจ้างเอ่ยทักทายเมื่อมาถึงโต๊ะที่เธอนั่งรออยู่“สวัสดีค่ะ” ปรางทิพย์พูดออกมาเสียงเรียบใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หัวใจเต้นรัวอย่างบอกไม่ถูก“ขอโทษที่มาช้านะครับ” ภากรณ์ที่ทำหน้าที่นักสืบรีบกล่าวขอโทษออกมาทันที“ไม่เป็นไรค่ะ เชิญนั่งก่อนค่ะ” หญิงสาวบอกด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้จะพยายามเก็บความตื่นเต้นเอาไว้แล้วก็ตาม“ขอบคุณครับ” ภากรณ์เอ่ยขอบคุณตามมารยาท ก่อนจะนั่งลงเก้าอี