ถนนเส้นรอบเมือง
อวิ๋นชีกำลังขับรถพร้อมเปิดเพลงเบา ๆ เธอพักร้อนยาวจากกองทัพ ซึ่งมันไม่ง่ายเลยสำหรับหน่วยรบพิเศษ และมีตำแหน่งสูงแบบเธอที่จะได้หยุดพักยาว ๆ
หญิงสาวเลือกที่จะไปหาครอบครัวที่อยู่นอกเมือง เพื่อใช้เวลาทั้งหมดกับพ่อแม่และน้องสาว ผู้พันสาวเอื้อมมือไปปิดเพลง เมื่อเห็นได้ถึงความผิดปกติจากรถคันหลัง
“วันพักผ่อนของฉันแท้ ๆ”
หญิงสาวเอื้อมไปหยิบปืนที่อยู่เบาะข้างคนขับ มาวางไว้บนตักเพื่อเป็นการไม่ประมาท ถึงเธอจะไม่ได้เปิดเผยเรื่องหน้าที่การงานให้ใครรู้มากนัก แต่จะว่าไปแล้วคนในมักมีเกลือเป็นหนอน
ตัวตนของเธออาจถูกเปิดเผย กับพวกธุรกิจสีมืดไปบ้างแล้วก็ได้ หญิงสาวเลือกที่จะเปลี่ยนเส้นทาง เพราะไม่อยากนำอันตรายไปหาครอบครัว
และดูเหมือนกับว่าสิ่งที่เธอคิดอยู่นั้น จะเป็นเรื่องจริงเสียซะแล้ว เพราะรถสองคันด้านหลังเปลี่ยนทิศทางตามเธอมาติด ๆ ปิ๊ด! ปิ๊ด! ปิ๊ด! ปี๊ดดดด!!! เสียงแตรรถจากสั้น ๆ เปลี่ยนเป็นลากยาว เพื่อให้รถบรรทุกสองคันด้านหน้า ที่กำลังขับคู่กันมารู้ว่ามีรถอยู่ด้านหน้า
ตูม! โครม! ทว่ามันกลับไม่เป็นผล รถของผู้พันสาวหักหลบรถบรรทุกเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ตูม! รถบรรทุกหนึ่งในสองคัน พุ่งเข้าชนรถของผู้พันสาวเต็มแรงอีกครั้ง
เรียกว่าเหมือนการซ้ำไม่ให้คนที่อยู่ภายในรถมีโอกาสรอด อวิ๋นชีทำได้แค่กระพริบตาปริบ ๆ ตลอดทั้งตัวของเธอไม่อาจขยับได้เลย กลิ่นควันเหม็นไห้โชยเข้ามาในจมูก ทำให้เธอรู้ว่าไม่มีทางรอดสำหรับเธอแล้วในตอนนี้
“ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย!”
อวิ๋นชีได้แต่ยิ้มน้อย ๆ เมื่อเธอคิดไปเองว่าได้ยินเสียงของใครเรียกให้ช่วย แค่ตัวเอในตอนนี้ ยังยากที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ แล้วเธอจะไปช่วยใครได้อีก เสียงนั้นชัดขึ้นในหัวของเธอ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดไป พร้อมร่างกายที่สิ้นไร้เรี่ยวแรง
มิติคู่ขนาน
“อือ ๆ”
หญิงสาวใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตา กำลังวิ่งหนีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนอย่างสุดกำลัง นางไม่อาจเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้ มีเพียงแค่เสียงในลำคอเท่านั้น ที่ดังออกมาพอให้ได้ยิน
วันนี้สาวใช้ของนาง ได้พาออกมาเก็บผลท้อที่อยู่ในสวนห่างจากจวนของท่านอาพอสมควร เหมือนในทุกครั้งที่ผลท้อสุก แต่อยู่ ๆ สาวใช้ของนางก็ขอไปปลดทุกข์ ปล่อยให้นางรอมากว่าครึ่งก้านธูป
เสียงของคนเดินเข้ามาหา นางคิดว่าเป็นสาวใช้ ทว่ามันกลับเป็นชายฉกรรจ์กว่าห้าคน ไม่มีการพูดคุยอันใดมากความ คนพวกนั้นตั้งใจที่จะล้วงเกินนาง จนถึงกับลงมือทำร้ายนาง
และตอนนี้นางกำลังหนี แต่จะหนีไปที่ใดเล่า ในเมื่อเส้นทางกลับจวนไม่อาจย้อนไปได้ นางเลือกที่จะวิ่งไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว ต่อให้ต้องตายนางก็ไม่ยอมให้ตนเอง ต้องได้รับความอัปยศเป็นอันขาด
“ฮ่า ๆ ข้าอยากเป็นเขยท่านเสนาบดียิ่งนัก อย่าหนีไปไหนอีกเลยคุณหนูใหญ่ มีพวกข้าเป็นสามีในคราเดียวถึงห้าคน นับว่าวาสนาของท่านมากแล้ว”
คำพูดที่ดังไล่หลังมา ทำให้หญิงสาวไม่อาจหยุดเท้าได้เลย ปึก! ตุบ! ร่างบางกลิ้งหลุน ๆ ไปชนกับต้นไม้ เมื่อเท้าของนางสะดุดกับรากไม้ทำให้เสียหลัก
“อือ ๆ”
หญิงสาวทำได้เพียงส่งเสียงร้องในลำคอ สองมือพยายามที่จะยันกายเพื่อลุกขึ้นก้าวต่อ แต่มันไม่ทันเสียแล้ว เมื่อร่างสูงใหญ่ของชายฉกรรจ์ทั้งห้า ได้มาหยุดยืนล้อมนางเอาไว้
ใบหน้างามที่เปรอะเปื้อน ทำได้เพียงส่ายไปมาเพื่อปฏิเสธสิ่งที่ทั้งห้าเสนอแก่ตน ไยชะตาชีวิตของนางโหดร้ายถึงเพียงนี้ ห้าขวบเกิดเจ็บป่วยจนทำให้ไร้เสียงพูดจนกลายเป็นใบ้ และถูกส่งมาอยู่ไกลจนเกือบถึงชายแดนกับท่านลุงท่านป้า
นี่นางเพิ่งพ้นวัยปักปิ่นมาได้เพียงสองเดือน ความหวังของนางที่จะได้กลับเมืองหลวง ไยมันถึงลิบหรี่ยิ่งนักเล่า ถ้านางแปดเปื้อนจากคนทั้งห้านี้ ชีวิตนางคงหมดสิ้นแล้วทุกอย่าง
“งดงามบริสุทธิ์จริง ๆ มันคงได้อารมณ์ยิ่งนัก ในยามที่เจ้าส่งเสียงครางใต้ร่างของพวกข้า ฮ่า ๆ”
“นั่นสิ! นางเป็นใบ้เวลาครางออกมา คงน่าตื่นเต้นและได้อารมณ์มากทีเดียว”
ถ้อยคำจาบจ้วงของคนทั้งห้า ทำให้ร่างบางสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว หากนางต้องอยู่อย่างอัปยศ นางเลือกที่จะสู้จนตัวตายเสียจะยังดีกว่า
เมื่อคิดได้ดังนั้น หญิงสาวดึงปิ่นปักผมออกมากำเอาไว้แน่น ก่อนจะกวัดแกว่งใส่หนึ่งในห้าที่ย่างสามขุมเข้าหานาง
“โอ้ย! นังบ้า!”
ผั๊วะ! ตึก! ฝ่ามือใหญ่ตบเข้าที่ใบหน้าของหญิงสาวเต็มแรง จนศีรษะของเชียนอวิ๋นกระแทกเข้ากับต้นไม้อย่างจัง ร่างบางทรุดลงแน่นิ่งกับพื้น โดยไม่รู้เลยว่าต่อให้นางไร้ซึ่งสติรับรู้ ชายหนุ่มทั้งห้าก็ไม่คิดที่จะปล่อยนางไป
เชียวอวิ๋นถูกช้อนอุ้มร่าง ก้าวหายไปยังอีกด้านของป่า ซึ่งมีวัดร้างตั้งอยู่ ใช้เวลาเพียงครู่เดียวคนทั้งห้า ได้พาร่างไร้สติมาถึงที่หมาย พร้อมพากันหัวเราะอย่างชอบใจ ที่พวกเขากำลังจะได้เชยชมคุณหนูสกุลใหญ่
เชียวอวิ๋นถูกวางลงบนพื้นที่มีเพียงหญ้าแห้ง ก่อนที่ชายหนุ่มทั้งห้าจะตกลงกันถึงลำดับก่อนหลัง ที่จะได้เสพสุขกับร่างงาม แน่นอนว่ามันยากนักที่จะตกลงกันได้
โดยพวกเขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่กำลังถกเถียงกันอยู่นั้น คนที่นอนสิ้นสติอยู่ได้รับรู้มันทั้งหมด และคนที่หลับตานิ่งเองก็กำลังสับสนกับเรื่องราวที่พรั่งพรูเข้ามาในหัวเช่นกัน
ทว่าทุกอย่างต้องหยุดลง เมื่อคนทั้งห้าหาข้อสรุปกับลำดับก่อนหลังกันได้แล้วอย่างลงตัว ชายหนุ่มคนแรกได้ก้าวเข้ามาภายในห้อง โดยคนที่เหลือเฝ้าดูต้นทางอยู่ด้านนอก
“หากเจ้าว่าง่าย คงไม่ต้องเจ็บตัวขนาดนี้”
หมับ! ยังไม่ทันที่มือหยาบกร้านจะได้แตะต้องหญิงสาว มือบางของคนที่สิ้นสติ กลับคว้าจับข้อมือเขาเอาไว้แน่น ดวงตาที่ปิดสนิทได้เปิดขึ้นสบตากับชายหนุ่ม
ความหวาดกลัวที่เคยมีของนาง ไยต้อนนี้มันถึงแปรเปลี่ยนไปราวกับมิใช้คนเดิมเสียแล้วล่ะ! ชายหนุ่มคิดอยู่ในใจ เมื่อเห็นถึงความไม่เหมือนเดิมของหญิงสาว ก่อนความสงสัยจะหายไป เมื่อเรียวปากอิ่มคลี่ออกเล็กน้อย
‘คนถ่อยพวกนี้ ในหัวคิดมุ่งหวังเพียงเรื่องต่ำช้าเสียจริง ๆ’ หญิงสาวคิดหยันอยู่ภายในใจ สภาพในตอนนี้ทำอะไรมากไม่ได้ นอกจากแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน
“เจ้าอยากเล่นสนุกก่อนสินะ สาวน้อย” ชายหนุ่มยิ้มอย่างคนนึกสนุก ก่อนจะใช้มืออีกข้างปลดมือของหญิงสาวออกอย่างช้า ๆ ยิ่งเมื่อเห็นสายตาของหญิงสาว แสดงออกถึงความท้าทาย ทั้งยังปล่อยให้เขาปลดมือนางออกอย่างว่าง่าย ร่างสูงก้าวคร่อมเหนือร่างหญิงสาว ก่อนที่จะก้มลงเพื่อหวังเชยชมความหอมหวานของสาวบริสุทธิ์ ปึก! ชายหนุ่มถึงกับใบหน้าเขียวคล้ำสลับขาวซีด เมื่อจุดลับถูกกระแทกอย่างแรง ด้วยเข่าของคนใต้ร่าง ชายหนุ่มเจ็บแค้นนัก จึงใช้มือคว้าเข้าที่ลำคอของหญิงสาว ก่อนจะออกแรงบีบด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว หญิงสาวจ้องเขม็งที่ใบหน้าของชายหนุ่มไม่คิดหลบ แม้ว่าอากาศที่เข้าไปในปอดจะน้อยนิดก็ตามที หญิงสาวรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ผั๊วะ! ฝ่ามือสองข้างตบเข้าที่หูทั้งสองของชายหนุ่ม โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทันคิดสิ่งใด นิ้วเรียวทิ่มเข้าที่หน่วยตาของเขาอย่างรวดเร็ว “อ๊าก!!!” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เรียกให้คนด้านนอกทั้งสี่รีบพุ่งเข้ามาข้างในอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นสภาพของสหาย ที่คดคู้อยู่กับพื้น ส่วนหญิงสาวที่คิดว่าสิ้นสติ กำลังยืนจังก้าพร้อมท่อนไ
“ขาวหรือดำเล่า” อวิ๋นชีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเนิบช้า ทว่ายังคงแหบแห้งอยู่มาก “ฮ่า ๆ ดี ๆ ข้าชอบความตรงไปตรงมาของเจ้านัก ตาแก่อย่างข้าเป็นผู้เรียนรู้ยาสมุนไพรและการต่อสู้พอได้ป้องกันตัว ไม่ชอบความดำมืดเพราะมันเหนื่อย ข้าเป็นคนขี้เกียจ” ชายวัยกลางคนตอบด้วยน้ำเสียงติดตลก “ถามแค่นิดเดียว ตอบเสียอ้อมขุนเขา” อวิ๋นชีพูดด้วยน้ำเสียงประชดก่อนจะคลี่ยิ้มน้อย คนตรงหน้านางน่ากลัวใช่เล่น เพราะคนที่มองทุกอย่างเหมือนเป็นเรื่องตลกขบขัน เท่าที่เธอเคยสัมผัสกับคนประเภทนี้ บอกเลยว่าเป็นคนที่มากด้วยเรื่องภายในใจ และถ้าลงมือเมื่อไหร่ไม่มีคำว่าปราณี “บ๊ะ! เจ้าเด็กคนนี้ พอพูดได้ก็วาจาเลาะร้ายเชียวนะ ตกลงเจ้าจะกราบข้าเป็นอาจารย์หรือไม่” “ศิษย์คารวะ ท่านอาจารย์” ร่างบางคุกเข่าลงประสานมือ เหมือนที่เคยเห็นในหนังย้อนยุค มีแค่คนโง่เท่านั้นที่จะปฏิเสธคนแบบนี้ได้ เธอขอเลือกก้มหัวเพื่ออยู่รอดในยามที่ตัวเองไร้เรี่ยวแรง ดีกว่าทำตัวผยองทั้งที่ไม่มีอะไรสู้ใครได้ ไม่ว่าตอนนี้จะเรื่องจริงหรือความฝัน สิ่งแรกต้องทำคือแสดงเป็นเจ้าของร่
คำถามของผู้เป็นอา หาได้ละมุนหูแม้แต่น้อย คนพวกนี้อาศัยเงินทองจากบิดาของนาง แต่กลับไม่เคยใยดีนางเท่าที่ควร สายตาที่เปลี่ยนไปของหลานสาว ทำให้เชียวหลางขมวดคิ้วจนชิดกัน เขากลับมาจากการค้า ก็ได้ยินว่าหลานสาวหนีออกไปเที่ยวเล่นยังไม่กลับบ้านมาหลายวัน แน่นอนว่าเขาย่อมต้องมีโทสะอยู่แล้ว แต่จากที่เขาเห็นในตอนนี้เห็นทีต้องสืบสาวราวเรื่องให้ดี หาไม่แล้วคงต้องมีเรื่องใหญ่โตเกิดข้นเป็นแน่ กระดาษกับพู่กันถูกนำมาให้แก่เชียวอวิ๋น เพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นแก่ผู้เป็นอา หญิงสาวมองเลยไปยังอาสะใภ้ ก่อนจะจรดปลายพู่กันเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นลงไปแน่นอนว่าก่อนกลับมา นางเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี พยานที่มีย่อมยากที่ใครจะชนะได้ เพราะตัวนางยังต้องก้มหัวให้แก่เขา หญิงสาวยื่นส่งกระดาษให้แก่ผู้เป็นอา ก่อนจะมองไปยังห่อผ้าที่อยู่บนพื้นตรงหน้าของสาวใช้เมื่อเห็นสายตาของคุณหนู สาวใช้รีบคว้าห่อผ้าแล้วซ่อนไว้ในแขนเสื้อ ทุกการกระทำหาได้รอดพ้นสายตาของเชียวหลาง เขาได้พยักหน้าให้แก่คนสนิทเข้าคุมตัวสาวใช้เอาไว้“เจ้ารู้หรือไม่ว่าบ่าวที่ละเลยต่อนาย จะต้องรับโทษเช่นไร”“นายท่านบ่าวมิได้ทำนะเจ
“เชิญท่านเจ้าเมืองทำตามกฎหมายเถอะขอรับ ข้าน้อยต้องขอตัวก่อน ชิงชิงไปกับพ่อ” เชียวหลางเอ่ยได้เพียงเท่านั้น ก็ได้คว้าแขนลูกสาวพากลับเข้าเรือน ปล่อยให้ภรรยาหวีดร้องด่าทอเขาอยู่ด้านหลัง สิ่งที่นางทำเขาไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนบ่าวไพร่เก่าแก่ที่นี่ก็มีมาก ทุกคนจะคิดอย่างไรที่ภรรยาเขาคิดจะสลับตัวลูกของตัวเองกับหลานสาว เพียงเพื่อให้ได้แต่งงานกับคนในราชวงศ์ โดยที่นางไม่รู้เลยว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซึ่งเขาไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ เพราะเป็นสิ่งที่พี่ชายกำชับมาเชียวอวิ๋นค้อมศีรษะให้แก่ท่านเจ้าเมือง เพื่อเป็นการขอบคุณ ก่อนจะเดินกลับไปยังเรือนของตนเอง โดยอาศัยความทรงจำเจ้าของร่างนำทาง เย็นนี้ท่านอาจารย์คงจะส่งสาวใช้คนใหม่มาให้นางและนับจากนี้ไปนางต้องทุ่มเทเวลา ศึกษาร่ำเรียนวิชาอย่างหนัก เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก นางไว้ใจใครไม่ได้เลยในจวนแห่งนี้ เพราะจากสายตาของผู้เป็นอาแล้ว มันไม่ยุติลงแค่นี้อย่างแน่นอนสามปีต่อมา เมืองหลวง ณ สกุลเชียว รถม้าจากจวนเชียเมืองฮั่วโจว ได้หยุดลงยังหน้าจวนสกุลเชียว ก่อนที่ชายหนุ่มในชุดสีเข้มสองคน จะก้าวมายืนรอ
“นางมีปากทำไมไม่พูดเองล่ะ อ่อ...ข้าลืมไปว่าปากนางมี แต่ไม่มีเสียงที่จะพูด ฮ่า ๆ” “จะมากเกินไปแล้วนะเจ้าคะ” “นังสวะ!” หมับ! ก่อนที่ฝ่ามือของเชียวเยี่ยนจะถึงใบหน้าของอี้หรู มือหยาบกร้านจากการจับอาวุธของเชียวอวิ๋น ได้คว้าจับข้อมือของน้องสาวเอาไว้แน่น พร้อมออกแรงบีบให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว แม้จะขัดใจอยู่บ้าง ที่ไม่อาจเอ่ยตอบโต้หรือสั่งสอนคนตรงหน้าได้ แต่นางมีความอดทนมากพอที่จะรอ และการรอมิได้แปลว่านางต้องนิ่งเฉยให้คนรังแก “เจ้าคิดจะทำร้ายข้าเช่นนั้นรึ!” “…” เชียวอวิ๋นยิ้มน้อย ๆ ทว่ามันกลับทำให้คนมองหนาวสะท้านไปทั้งกาย การอยู่ต่างเมืองไม่มีใครบอกได้ ว่าเชียวอวิ๋นพบเจอสิ่งใดมาบ้าง และการกระทำที่แสดงออก บอกชัดว่าพี่สาวของนางเลือกปกป้องสาวใช้ มากกว่าจะให้นางที่เป็นน้องสาว ลงโทษบ่าวปากดี “ทำสิ่งใดกัน!” เสียงกัมปนาทดังขึ้นจากทางเดินด้านหลัง ทำให้เชียวอวิ๋นจำต้องคลายมือออกอย่างใจเย็น นางไม่ได้ตื่นกลัวกับครอบครัวที่มิเห็นค่าของนางเท่าใดนัก ท่านเสนาบดีเชียวก้าวมาหยุดอยู่ข้างบุตรสาวคนร
“เจ้าไปพักเรือนกับย่านะ” ไท้ฮูหยินเลือกที่จะไม่สนใจเชียวเยี่ยน ทว่าเอ่ยชวนหลานสาวคนโตไปอยู่ร่วมเรือนแทน เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้งระหว่างอยู่ที่สกุลเชียว แม้ว่าสกุลกวงจะไม่อาจเทียบราชวงศ์ แต่ก็นับว่ามีอำนาจไม่น้อย หากเจ้าสาวของแม่ทัพกวงเฉินหนานเกิดอะไรขึ้น คงยากที่จะหาข้อแก้ตัวได้ เชียวอวิ๋นพยักหน้ารับน้อย ๆ ก่อนจะก้าวตามแรงจับจูงของหญิงชรา โดยไม่สนใจสายตาของพ่อแม่และพี่น้องคนอื่น ๆ วันนี้มันยังเป็นแค่น้ำจิ้ม ยังไม่ได้วางจานหลักลง ฉะนั้นนางไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ว่าพวกเขาอยากจะเห็นสิ่งใดจากนางเจ็ดวันถัดมา กลางดึก ณ กระท่อมชานเมือง หลังฉากกั้นสีเข้ม ร่างในชุดสีดำสนิทนั่งนิ่ง ฟังการสนทนาของผู้ร่วมประชุม ขุนนางหลายฝ่ายที่ทำการสนับสนุนสายเลือดราชวงศ์เดิม ได้รวมตัวกันเพื่อผลักดันให้มีการทวงคืนบัลลังก์ “อีกไม่เกินครึ่งปี องค์ชายก็พร้อมที่จะกลับมา ข้าหวังว่าพวกท่านทุกคนคงไม่ทำให้ข้ากับองค์ชายผิดหวัง” เสียงที่เปล่งออกมา ถูกดัดแปลงเสียจนยากจะบอกได้ว่าคนที่อยู่หลังม่าน เป็นชายหรือหญิง “นายท่านมิต้องกังวลไปขอรับ ตอนนี้แผนการของเรากำลังสำเร็จไปทีละขั้นแล้วขอรับ” “กวงเฉินหลางไม่ควรที่จะอยู่เมือ
อี้หรูเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้ามา หญิงสาวรอจนท่านแม่ทัพจากไป แล้วค่อยเข้ามาพบผู้เป็นนาย โดยให้ผู้ติดตามอีกสองคนเฝ้าดูความปลอดภัยอยู่ในเงามืดด้านนอก“หึ ๆ เจ้าก็ทำเสียเหมือนตัวข้าเป็นโจร ต้องดูลาดเลาก่อนออกปล้น” เชียวอวิ๋นเย้าอี้หรู ซึ่งนางพอใจกับความรอบคอบของอี้หรูยิ่งนัก นางไม่ต้องมีองครักษ์มากมาย แค่อี้หรูกับชายหนุ่มทั้งสองด้านนอกก็มากพอแล้ว “ว่าได้หรือเจ้าคะ สกุลแม่ทัพหูตาราวสับปะรด นี่เจ้าค่ะท่านผู้คุ้มร้านขายข่าวเพิ่งส่งมาเจ้าค่ะ” เชียวอวิ๋นรับจดหมายจากอี้หรู ก่อนจะคลี่กระดาษออกอ่านอย่างใจเย็น สายตาคู่งามไล่ไปตามตัวอักษรที่สั้นกระชับ แต่ครบถ้วนในสิ่งที่นางต้องรู้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง “เขาส่งคนไปแล้วใช่ไหม” “เจ้าค่ะ” “หมากกระดานนี้ไม่ยากไม่ง่ายเลยจริง ๆ” “ฮูหยินไม่เห็นต้องช่วยพวกเขาเลยนะเจ้าคะ” “เอาไว้เจ้าแต่งงานเข้าสกุลใหญ่ แล้วจะรู้ว่ามันยุ่งยากวุ่นวายแค่ไหน เขาตายข้าก็ต้องตาย ต่อให้ข้ามิได้ทำสิ่งใดผิดก็ตาม” “ใครว่าบ่าวคิดจะแต่งงาน บ่าวจะอยู่กับฮูหยินไป
แต่พอได้สัมผัสกับนิสัยของลูกสะใภ้แล้ว นางก็มิได้เลวร้ายอันใด และตอนนี้เขาเหมือนได้บุตรสาวคนเล็กกลับมาอีกครั้ง กวงหลิวหลีที่เคยหม่นหมอง บัดนี้สดใสราวเทพธิดาเลยทีเดียว“นางจะทำสิ่งใดก็ช่าง นับแต่นี้ไปหากสกุลเชียวคิดจะมาทวงคืน ข้าไม่ยินยอมเป็นอันขาด คนสกุลนั้นจงใจดูถูกเรา ข้าก็จะทำให้พวกเขารู้สึกเสียดายลูกสาวที่พวกเขาโยนทิ้งเช่นกันเจ้าค่ะ”กวงเจี้ยนหัวเราะในลำคอ ก่อนจะโอบกอดภรรยาอย่างรักใคร่ เพราะนางจิตใจดีเยี่ยงนี้อย่างไรเล่า เขาจึงไม่คิดมีภรรยาอื่นใดมาเพิ่มเติม จริงอย่างที่นางกล่าวมา สกุลเชียวตั้งใจทำให้เขาขายหน้า เรื่องเปลี่ยนตัวเจ้าสาว แต่เหมือนสวรรค์เมตตาสกุลกวงที่สะใภ้คนนี้รู้ความหนึ่งเดือนต่อมา ณ ชายแดนตะวันตก แม่ทัพหนุ่มก้าวเข้าไปภายในค่ายทหาร ด้วยใบหน้าเรียบตึง เขาใช้เวลาเดินทางออกจากเมืองหลวงในยามค่ำคืน สำคัญไปกว่านั้นเขาแทบไม่หยุดพัก ด้วยมีข่าวเรื่องการส่องสุมกำลังของแคว้นข้างเคียง ไหนจะมีการสูญหายของเสบียงจำนวนมาก เรื่องนี้เขายังไม่อาจแพร่งพรายออกไปได้ จำต้องทิ้งภรรยาไว้ในห้องหอเพียงลำพัง เพื่อกลับมาจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เพราะหากมันไม่เป็นอย่างที
จวนแม่ทัพกวง ร่างสูงอุ้มภรรยาก้าวหายเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะพาหญิงสาวตรงไปยังห้องอาบน้ำที่เชื่อมติดกัน บ่อน้ำร้อนมีควันลอยอยู่เหนือผืนน้ำ แม่ทัพหนุ่มคำนวณเวลาอยู่ภายในใจ นับตั้งแต่ออกจากวัง จนมาถึงที่นี่ใช้เวลาไปมากน้อยแค่ไหน และตอนนี้ภรรยาเขาเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งก้านธูป แม่ทัพหนุ่มไม่รอช้ารีบปลดเปลื้องอาภรณ์ทั้งของเขาและนาง แล้วพาร่างเปลือยเปล่าของภรรยาลงไปในบ่น้ำร้อน เพื่อชำระร่างกายที่เต็มไปด้วยคราบเลือด เชียวอวิ๋นภาวนาให้ความร้อนของน้ำ ทำให้ร่างกายของนางฟื้นตัว และฤทธิ์ยาของผู้เป็นอาจารย์หายไป ทว่ามันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อร่างกายของนางกลับร้อนรุ่มราวมีไฟแผดเผาอยู่ด้านในหญิงสาวอยากจะกรีดร้องออกมา ทว่ามันไม่อาจทำได้ ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์เหมือนรู้ล่วงหน้า ยาประหลาดนี่คงทำขึ้นมาใหม่ ในช่วงที่นางเดินทางออกจากฮั่วโจวแล้วเป็นแน่“อวิ๋นเอ๋อร์ ครั้งนี้พี่จะพยายามถนอมเจ้าให้มาก พอเจ้าหายแล้วเราค่อยทำกันใหม่นะ”เชียวอวิ๋นอยากเอาอะไรมาทุ้มใส่หัวของสามีนัก เขาพูดมาได้อย่างไรว่าค่อยทำใหม่ จะโลกเก่าโลกใหม่ นางก็ยังไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เลยนะ ไยเขาไม่ให้นางได้ร่ว
“ดูเหมือนท่านแม่จะผิดหวังไม่น้อย ที่ข้าหายป่วยเร็วเกินไป” เชียวอวิ๋นคลี่ยิ้มร้าย นางแค่อาศัยร่างของสายเลือดสกุลเชียว แต่นางหาได้เป็นสกุลเชียวแม้แต่น้อย ฉะนั้นถ้าต้องลงมือกับใครนางก็มิได้รู้สึกผิด “หากข้าไม่กลับไป ต้วนเหนียงต้องตาย เงินของเจ้ามันไม่อาจซื้อทุกอย่างไรเชียวอวิ๋น” “คำนั้นเก็บไว้ใช้เองเถิดฮูหยินใหญ่ เพราะข้ารู้ดีว่าคนของข้ามีนิสัยเช่นไร” “...” อู๋ชวงขมวดคิ้วจนชิด ก่อนจะขบกรามแน่น เมื่อนึกได้ว่านางกับสามี ถูกตลบหลังจากชายหนุ่มที่รับเงินของพวกนางไปถึงสองพันตำลึง “อยากเล่นละคร สับขาหลอกข้าให้หลงกล ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าการแสดงของท่านล้ำเลิศกว่าผู้ใด” “แต่ฝีมือการเด็ดลมหายใจเจ้า ข้ามั่นใจว่าเหนือกว่าเจ้าหลายเท่านักเชียวอวิ๋น” เชร้ง! การต่อสู้ของสตรีต่างวัยได้เริ่มขึ้นแล้ว รอบบริเวณเต็มไปด้วยเสียงอาวุธกระทบกัน ซึ่งทางด้านนอกประตูวัง แม่ทัพทั้งสองได้แยกกันตีฝ่าคนละฝั่ง กวงเฉินหลางแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าพวกเขา จะสามารถเข้ามาถึงเมืองหลวงได้ในเวลาเพียงยี่สิบกว่าวัน เ
ห้าวันถัดมา วังหลวง ทั่วทั้งเมืองหลวง ต่างเต็มไปด้วยพลุไฟและแสงสว่างทุกซอกซอย ไม่เว้นแม้แต่ในวังหลวง ที่เหล่าบรรดาสนมนางใน ขันทีต่างพากันจุดโคมและพลุไฟเล่นกันอย่างสนุกสนาน แน่นอนว่าต้องมีความเข้มงวดในการอารักขา ทหารจำนวนมากได้ถูกส่งเข้ามาคุ้มกัน ซึ่งมิใช่ทหารเกราะทองที่ขึ้นตรงกับฝ่าบาท ขุนนางใหญ่หลายท่านได้เดินทางมาข้าเฝ้า เพื่อร่วมอวยพรในวันดีของแคว้นตำหนักใหญ่ฮ่องเต้กำลังนั่งถอนหายใจอยู่ภายในห้องลับ โดยเบื้องหน้าของเขาคือชายชรา ที่กล้าหนีหน้าไปปลีกวิเวกอย่างสบายใจ ปล่อยให้เขาแบกทุกอย่างไว้เพียงลำพัง“คนเป็นใหญ่นี่มันลำบากมากเลยนะ”ชายชราเอ่ยขึ้น โดยที่มือนั้นยกจอกสุราชั้นดีขึ้นดื่ม ส่วนโอรสสวรรค์ได้แต่ค้อนขวับให้แก่คนพูด“ท่านปู่ไม่คิดที่จะรับมันคืนไปหรือขอรับ”“ที่นั่งตรงนั้นมันเป็นของปู่เจ้า และมาเป็นเจ้า ข้าแก่แล้วชอบนั่งเบาะเล็ก ๆ”ชายชราเก็บความรู้สึกสะเทือนใจเอาไว้ภายใน เมื่อเอ่ยถึงน้องชายที่จากโลกนี้ไปแล้วเหลือไว้เพียงหลานชายคนเดียว ที่เขาต้องรับภาระเป็นเบื้องหลังให้แก่เสวี่ยจ้านหลงจนกว่าจะแกร่งพอและยืนได้โดยที่ไม่ต้องมีปีกของเขาคุ้มกัน ศึกสายเลือดที่
เวลาผ่านไปเพียงครึ่งก้านธูปทุกอย่างได้จบลง เมื่อแม่ทัพเฉาเชียนผละจากร่างของอี้หรู เข้าจัดการทุกอย่าให้เสร็จสิ้น ก่อนคนที่เขารักจะเป็นอันตรายไปมากกว่านี้ “แม่ทัพกวง หากไม่เป็นการรบกวนท่านจนเกินไป รบกวนรีบนำทางข้าไปยังจวนของท่านด้วย น้องสาวกับคนรักของข้าดูจะย่ำแย่มิน้อยเลย” เฉาเชียนเอ่ยจบก็ได้ก้าวไปยังอี้หรู ที่พิงอยู่ข้างต้นไม้ โดยมีคนของเขาเฝ้าคุ้มกัน ร่างสูงช้อนอุ้มหญิงสาวขึ้นสู่อ้อมแขน ก่อนจะออกมายืนรอรถม้า ที่สภาพพังไปกว่าครึ่ง แต่ก็ยังพอบรรทุกคนเจ็บไปได้อยู่ กวงเจี้ยนอาสาอุ้มลูกสะใภ้เอง เพราะดูจากสภาพของบุตรชายแล้ว เดินได้ก็นับว่าวาสนา แม่ทัพหนุ่มไม่คิดขัดบิดา เขาใช้ดาบช่วยพยุงร่างเอาไว้มิให้ล้มลง อย่างน้อยสกุลกวงก็ยังยืดเวลาไปได้อีกสักระยะ ตราบใดที่เสบียงไม่หายไปและตัวเขายังไม่ตาย ยี่สิบวันถัดมา เมืองหลวง เรือนพักฆราวาสอารามทิศใต้ ร่างสูงใหญ่ของท่านเสนาบดีนั่งผิงอยู่กับหัวเตียง โดยมีภรรยารองนั่งอยู่เคียงข้าง กว่ายี่สิบวันแล้วที่เขาซ่อนตัว เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่นี่“เรียนฮูหยิน ข้าน้อยมีข่าวมาแจ้งขอรับ”
เสียงจากถนนเบื้องหลังของท่านเจ้าเมือง เรียกให้ทุกสายตาหันไปด้วยความแตกตื่น คนบนหลังม้าที่ควบมาอย่างลืมตาย คือเชียวอวิ๋นฮูหยินในท่านแม่ทัพกวง กวงเจี้ยนถึงกับต้องพยายามเรียกสติ สะใภ้ใบ้ของเขาไยจึงเปล่งเสียงออกมาได้ชัดเจนถึงเพียงนี้ ก่อนที่ทุกคนจะสังเกตเห็นชัด ว่ามีร่างของใครอีกคนช้อนอยู่เบื้องหลังของนาง เฉาเชียนฝ่าคู่ต่อสู้ตรงไปหาศิษย์ผู้น้อง หากไม่มีเรื่องหนักหนา คนที่มีความอดทนสูงเยี่ยงเชียวอวิ๋น ไยถึงกล้าเผยความลับของตน ทั้งที่รู้ว่ามีศัตรูอยู่เบื้องหน้า “อย่าให้ใครรอดไปได้” เฉาเชียนตะโกนสั่งการเสียงกร้าว เพื่อมิให้ความลับของเชียวอวิ๋นหลุดรอดไปถึงหูของคนในเงามืด นางต้องเป็นสตรีไร้สามารถในสายตาของคนพวกนั้น จนกว่าทุกอย่างจะสงบลง ชีวิตภายหน้าค่อยว่ากันอีกที“ช่วยเขา! ได้โปรดศิษย์พี่” “อวิ๋นน้อยเกิดสิ่งใดขึ้น” “ท่านแม่ทัพกำลังแย่ เขาถูกพิษและมันเกินกำลังของข้า” แม่ทัพหนุ่มรีบช่วยพาร่างของกวงเฉินหลางลงจากหลังม้า การต่อสู้ยังหนักหน่วง คนของพวกเขายังน้อยกว่าศัตรูอยู่เท่าหนึ่ง กองหนุนก็มิอาจเรียกใช้ได้ เพราะป้ายคำสั่งต้อ
ทหารคนเดิมกระซิบบอกแก่รองแม่ทัพ ที่มองฮูหยินคล้ายว่านางไม่คิดจะเอ่ยสิ่งใด รองแม่ทัพได้แต่อ้าปากหวอ เมื่อรู้ถึงเหตุผลที่ฮูหยินในท่านแม่ทัพไม่คิดเอ่ยสิ่งใดกับเขาหรือใคร ๆ “ฮูหยินโปรดอภัยที่ข้ามิรู้ความ” เชียวอวิ๋นคลี่ยิ้มละมุน ก่อนจะย่อตัวลงสำรวจร่างกายของสามี หญิงสาวคว้าจับข้อมือของเขาขึ้นมาตรวจชีพจร คิ้วงามขมวดชิดกัน เมื่อรับรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้สามีของนางพลาดพลั้งในครานี้หญิงสาวล้วงเอาขวดยาออกมาเทลงไปในปากของสามี ก่อนจะเรียกให้คนของนางมาช่วยพยุงเขาขึ้นหลังมาให้นาง หญิงสาวเหวี่ยงกายขึ้นไปนั่งรออยู่ก่อนผู้ติดตามได้ช่วยพยุงร่างของแม่ทัพหนุ่ม ส่งขึ้นซ้อนด้านหลังของนายหญิง อี้หรูส่งสายรัดเอวให้แก่ผู้เป็นนาย เพื่อผูกติดแม่ทัพหนุ่มมิให้ร่วงลงระหว่างเดินทาง เชียวอวิ๋นได้มอบหมายให้อี้หรูถ่ายทอดคำพูดแทนนาง ก่อนจะควบม้าออกไปอย่างเร่งร้อน เป้าหมายของนางมิใช่จวนแม่ทัพ แต่เป็นคณะขนเสบียง“ฮูหยินให้พวกท่านกลับไปที่จวนท่านแม่ทัพ ทำทุกอย่างให้เงียบเชียบ เหมือนพวกท่านไร้ลมหายใจไปแล้ว”อี้หรูถ่ายทอดคำสั่งของผู้เป็นนาย หลังจากสื่อสารด้วยภาษามือ ที่มีเพียงนายบ่าวเท่าน
สิ้นคำพูดชายในชุดดำนับสิบ ได้กรูเข้าล้อมสองสามีภรรยาเอาไว้ เชียวอวี้จิ้งกันให้ภรรยาหลบอยู่หลังตน ก่อนจะชักกระบี่ออกมาเพื่อต้านรับการโจมตีต้วนเหนียงพยายามมองหาคนของบุตรสาว แม้ว่าจะยังไม่เข้าใจมากเท่าไหร่ ว่าสามีรู้สิ่งใดมา แต่ตัวนางเองก็ถูกหมายหัวจากภรรยาเอกของสามีอยู่แล้วหมับ! ร่างของต้วนเหนียงถูกดึงออกจากวงล้อม ทำให้ท่านเสนาบดีเสียสมาธิ เคร้ง! ชายหนุ่มได้พุ่งเข้าช่วยเหลือเอาไวได้ทัน เขาเองก็ลืมไปว่าท่านเสนาบดีปกป้องภรรยาอยู่ เขาก็โผล่มาชิงตัวนางไปเสียดื้อ ๆ ย่อมทำให้ท่านเสนาดีตื่นตกใจได้เป็นอันว่าชายหนุ่มและฮูหยินรองก็ตกอยู่กลางวงล้อมของศัตรูเสียพร้อมกันอีกครั้ง หากไม่พะวงกับสตรีหนึ่งเดียว คนแค่นี้เขาไม่คณามือเลย แต่จะให้เขาบาดเจ็บทั้งที่มีคนอยู่เบื้องหลัง เขาคงไม่สะดวกที่จะเจ็บตัวได้จริง ๆเชียวอวี้จิ้งไม่เอ่ยถามคนที่กำลังช่วยเขาฝ่าคนร้ายออกไป ว่าเป็นใครมาจากไหน เพราะจากที่เห็นชายหนุ่มผู้นี้ปกป้องภรรยาของเขา ชนิดที่เรียกได้ว่ามิให้ตอมแม้แต่ยุงสักตัว“กรี๊ด! ท่านพี่!”ท่านเสนาบดีตวัดกระบี่ในมือ พาดผ่านลำคอเจ้าของดาบใหญ่ ที่ถูกดึงออกจากร่างเขาไปเมื่อครู่ ต้วนเหนียงถลาเข้าพยุงร่างขอ
แม่ทัพหนุ่มส่งมันให้แก่หญิงสาว ก่อนที่เชียวอวิ๋นจะอ่านมันอย่างรวดเร็ว เพราะจากสีหน้าของเฉาเชียนแล้ว นางรับรู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องไม่ปกติหญิงสาวยื่นส่งให้พ่อสามี ก่อนที่ตัวนางจะให้อี้หรูนำกระดานไม้มาให้นาง เชียวอวิ๋นเขียนบางอย่างลงไป“ข้าจะเดินทางล่วงหน้าไปก่อนเจ้าค่ะ”ใต้เท้ากวงอ่านข้อกระดานไม้ ก่อนจะเงยหน้ามองลูกสะใภ้ นางเพิ่งผ่านการต่อสู้มาไม่นาน เขามั่นใจว่านางต้องบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย แค่ไม่เอ่ยปากบอกใครให้ไม่สบายใจเท่านั้น แล้วนี่ถ้าเดินทางไปช่วยลูกชายของเขา อาจทำให้...“ให้นางไปเถอะขอรับ สามีภรรยาชะตาร่วมกัน ความสัมพันธ์ของเขาสองผัวเมียจะมีมากน้อย อย่างไรเสียเขาสองคนก็คือคู่เกื้อหนุนกันนะขอรับ”“ด้วยนิสัยของบุตรชายข้า เขาต้องไม่ค่อยพอใจเป็นแน่ ที่อวิ๋นเอ๋อร์ไป”“แค่ไม่พอใจจะกลัวอะไรเล่าขอรับ สิ่งที่เราต้องกลัวคือความปลอดภัยของเขามากว่า คนของเชียวอวิ๋นที่คอยดูบุตรชายของใต้เท้าอยู่ คงต้องมองแล้วว่าเกินกำลังที่จะรับไหว จึงได้ส่งข่าวมาเช่นนี้”‘ข้าจะปลอดภัยเจ้าค่ะ’กวงเจี้ยนรู้สึกจุกที่ลำคอ ครอบครัวของเขาเข้าช่วงมรสุม ทว่ากลับได้เชียวอวิ๋นหญิงสาวที่สกุลใดก็มิต้องการ มาคอยเป็นเกราะอ
เส้นเลือดดำถูกตัดเช่นนั้น มิถึงครึ่งก้านธูปเขาก็ต้องเสียเลือดจนตาย ร่างกายยิ่งกำยำมากเท่าใด การไหลของเลือดจะไหลเร็วอีกนับเท่าตัว บาดแผลเล็กแต่อนุภาพคับแน่นเลยทีเดียว“เจ้า...”เชียวเฟยพยายามสกัดจุดห้ามเลือด นอกจากเจ็บกายแล้วเขายังเจ็บใจเป็นที่สุด เมื่อตัวเขากำลังลนลานพยายามทำให้เลือดหยุดไหล พี่สาวกลับยืนส่งยิ้มให้ ราวกับอาการของเขาเป็นเรื่องตลกขบขันชายหนุ่มเริ่มรู้สึกหน้ามืดจนซวนเซ ความหนาวเหน็บเริ่มแทรกผ่านไปทั่วร่าง ทั้งที่อากาศกำลังร้อนอบอ้าวอยู่แท้ ๆ เชียวเฟยทรุดลงกับพื้นดิน มือที่กดบาดแผลมันดูไม่เป็นผลเลย‘บาดแผลทั่วไปยังพอหาทางหยุดเลือดได้ แต่เส้นเลือดดำคือเส้นเลือดหลักสำคัญ ที่แม้แต่หมอในยุคอนาคตยังต้องคิดหนัก หากเส้นเลือดดำมีการฉีกขาด เพราะมันมิได้ต่อง่าย ๆ และหยุดการไหลของเลือดได้เช่นเส้นเลือดอื่น เจ้ายังต้องเรียนรู้เรื่องร่างกายมนุษย์อีกมากน้องชาย’เชียวอวิ๋นมองดูการต่อสู้เบื้องหน้าอย่างสงบ นางมั่นใจในฝีมือของอี้หรูและผู้ติดตาม ก่อนที่หญิงสาวจะเลิกคิ้วสูง เมื่อร่างของใครบางคนพุ่งผ่านนางไป เพื่อเข้าช่วยเหลืออี้หรู หญิงสาวยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังคณะเดินทาง เมื่อท