คำถามของผู้เป็นอา หาได้ละมุนหูแม้แต่น้อย คนพวกนี้อาศัยเงินทองจากบิดาของนาง แต่กลับไม่เคยใยดีนางเท่าที่ควร สายตาที่เปลี่ยนไปของหลานสาว ทำให้เชียวหลางขมวดคิ้วจนชิดกัน
เขากลับมาจากการค้า ก็ได้ยินว่าหลานสาวหนีออกไปเที่ยวเล่นยังไม่กลับบ้านมาหลายวัน แน่นอนว่าเขาย่อมต้องมีโทสะอยู่แล้ว แต่จากที่เขาเห็นในตอนนี้เห็นทีต้องสืบสาวราวเรื่องให้ดี หาไม่แล้วคงต้องมีเรื่องใหญ่โตเกิดข้นเป็นแน่
กระดาษกับพู่กันถูกนำมาให้แก่เชียวอวิ๋น เพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นแก่ผู้เป็นอา หญิงสาวมองเลยไปยังอาสะใภ้ ก่อนจะจรดปลายพู่กันเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นลงไป
แน่นอนว่าก่อนกลับมา นางเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี พยานที่มีย่อมยากที่ใครจะชนะได้ เพราะตัวนางยังต้องก้มหัวให้แก่เขา หญิงสาวยื่นส่งกระดาษให้แก่ผู้เป็นอา ก่อนจะมองไปยังห่อผ้าที่อยู่บนพื้นตรงหน้าของสาวใช้
เมื่อเห็นสายตาของคุณหนู สาวใช้รีบคว้าห่อผ้าแล้วซ่อนไว้ในแขนเสื้อ ทุกการกระทำหาได้รอดพ้นสายตาของเชียวหลาง เขาได้พยักหน้าให้แก่คนสนิทเข้าคุมตัวสาวใช้เอาไว้
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าบ่าวที่ละเลยต่อนาย จะต้องรับโทษเช่นไร”
“นายท่านบ่าวมิได้ทำนะเจ้าคะ คุณหนูแอบหนีไปเที่ยวกับชายหนุ่มในเมืองเองนะเจ้าคะ” สาวใช้ละล่ำละลักแก้ตัวในทันที
“เจ้าว่าอะไรนะ! ท่านพี่เรื่องนี้เห็นทีท่านต้องจัดการให้ดีนะเจ้าคะ หลานสาวของท่านไยทำเรื่องเสื่อมเสียเยี่ยงนี้ได้”
เชียวหลางเหลือบมองภรรยาด้วยสายตาแข็งกระด้าง สิ่งที่เขาพยายามมองข้ามมาตลอดหลายปี ซึ่งดูเหมือนเขาจะแสร้งตาบอดอีกต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะครั้งนี้เหมือนจะมีคนร้อนตัวเผยออกมาให้เห็นเสียก่อน
“ชายหนุ่มอันใดกัน อวิ๋นเอ๋อร์ไม่ได้เอ่ยถึงแม้แต่น้อยเลย”
สาวใช้ของเชียวอวิ๋นถึงกลับสิ้นเรี่ยวแรง ก่อนจะเงยหน้ามองไปที่ฮูหยินของนายท่านเชียวหลาง แค่นี้เชียวหลางก็มีคำตอบในใจแล้ว ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับหลานสาว
“สกุลเชียวเมตตาเจ้าไม่มากพอหรือ เจ้าถึงได้กล้าทำร้ายสายเลือดของสกุลเชียวได้ลงคอ”
“ท่านพี่! ท่านคิดจะเชื่อในสิ่งที่คนใบ้พูด มากกว่าข้าที่ร่วมหมอนกับท่านเช่นนั้นรึ!”
“ข้าแสร้งหูหนวกตาบอดมาตลอดหลายปี เพื่อความสงบสุขในบ้าน อีกอย่างอวิ๋นเอ๋อร์ก็ไม่เคยถือสากับการกระทำของเจ้าสักครั้ง แต่ครั้งนี้ข้าไม่อาจช่วยสิ่งใดเจ้าได้เลย”
“ท่านพี่หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”
เชียวหลางหันไปยังด้านหน้าประตูจวน คนที่กำลังเดินเข้ามา ทำให้เชียวฮูหยินถึงกับเข่าอ่อน ท่านเจ้าเมืองผู้ตรงฉินเดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าของทุกคน
“ท่านเจ้าเมือง เรื่องนี้ข้าขอเป็นคนจัดการเองได้หรือไม่ขอรับ”
แน่นอนว่าเรื่องนี้เขาเองก็เพิ่งรู้ก่อนหน้านี้เพียงครึ่งชั่วยาม ก่อนที่หลานสาวจะกลับเข้ามาในจวน ซึ่งคนที่มาแจ้งข่าวนี้คือที่ปรึกษาของท่านเจ้าเมือง
และคนผู้นั้นก็แฝงตัวควบคุมมิให้เขาช่วยเหลือภรรยา ซึ่งถ้าเขาช่วยภรรยา มันเท่ากับว่าเขาร่วมมือกับนางทำร้ายหลานสาว นั่นเท่ากับเขาดับทั้งชีวิตลงเพียงเพราะเห็นผิดเป็นชอบ
“ท่านเชียวโปรดเข้าใจข้าด้วย ในเมื่อคุณหนูเชียวเป็นผู้ร้องทุกข์ต่อข้า มิหนำซ้ำข้าคือคนที่ช่วยเหลือนางมาด้วยตนเอง เรื่องนี้ถือว่าคนอยู่เบื้องหลังมีความผิดต้องรับโทษตามกฎหมาย หากข้าปล่อยผ่าน เช่นนั้นแล้วกฎหมายบ้านเมืองจะศักดิ์สิทธ์ได้หรือ”
“ไม่นะ! นางปรักปรำข้า ท่านเจ้าเมืองคนใบ้ไม่อาจพูดได้ นางจะเขียนคำโกหกต่อท่านแบบไหนก็ได้ ข้าไม่เกี่ยวนะเจ้าคะ ข้าไม่ได้ทำอันใดเลยจริง ๆ นะเจ้าคะ”
เชียวฮูหยินร้องไห้ฟูมฟาย พร้อมคำพูดที่พรั่งพรูราวคนเสียสติ ส่วนท่านเจ้าเมืองและเชียวอวิ๋นได้แต่ยิ้มในหน้า เพราะทั้งคู่ไม่ทันได้พูดให้กระจ่าง แต่วัวสันหลังหวะกลับพูดมันออกมาเสียเอง โดยไม่ต้องสืบสาวให้เปลืองแรง
ท่านอาจารย์ของนางไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ขนาดท่านเจ้าเมืองยังช่วยเหลือ โดยที่นางไม่ต้องอธิบายอะไร มีเพียงอาจารย์ของนางเป็นคนพูดและสั่งการต่อท่านเจ้าเมือง ผลออกมาเหมือนอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด คนในจวนนี้คือผู้ที่หวังทำลายเจ้าของร่าง
“คนใบ้ไร้ค่าเยี่ยงนาง ขนาดพ่อแม่แท้ ๆ ยังไม่เอา พวกเขาส่งสวะนี้มาให้เราเลี้ยงดู ทุกอย่างล้วนสิ้นเปลือง...”
เพี๊ยะ! ใบหน้างามสะบัดตามแรงฝ่ามือ เมื่อเชียวหลางไม่อาจทนฟังคำพูดของภรรยาได้อีกต่อไป
“เจ้ารู้อะไรไหม! เงินทองเสื้อผ้าเนื้อดีที่เจ้าสวมใส่ มันล้วนมาจากบิดาของอวิ๋นเอ๋อร์ทั้งสิ้น หน้าที่ของเจ้าแค่ดูแลนางให้ดี ไยเจ้าถึงได้มองเพียงแค่นางพูดไม่ได้ แล้วคือปัญหาไปได้เล่า”
“ถ้านางไม่ใช่ตัวปัญหา ทำไมพี่ชายของท่านถึงต้องส่งนางมาที่นี่ ทำไมไม่ให้นางอยู่เป็นคุณหนูใหญ่เฉิดฉายอยู่ในเมืองหลวง ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาก็อับอายที่มีนาง”
เชียวฮูหยินยังคงเถียงสามีคอเป็นเอ็น นางไม่ชอบให้ใครมองว่าลูก ๆ ของนางต้องอาศัยทุกสิ่งอย่างจากเชียวอวิ๋น ในงานปักปิ่นของหลานสาวสามี บอกชัดว่าแม้จะเป็นใบ้ เชียวอวิ๋นก็ยังได้รับความเอ็นดูจากผู้คนไม่น้อย
อีกทั้งสาสน์สำคัญจากเมืองหลวง ที่นางแอบซ่อนไว้ มันทำให้นางต้องกำจัดเชียวอวิ๋นไปซะ! เพื่ออนาคตอันสดใสของบุตรสาว หญิงใบ้เอาอันใดมาได้ดีกว่าหญิงสาวที่เพียบพร้อมเช่นลูกของนางได้เล่า
“ท่านพ่อ! โปรดอภัยให้ท่านแม่ด้วยนะเจ้าคะ ข้ามิอยากเป็นพี่อวิ๋นแล้วก็ได้ ไม่แต่งเข้าจวนอ๋องอะไรนั่นด้วย”“เงียบปากไปซะ! เจ้าจะพูดทำไมกัน!”
เชียวฮูหยินตวาดแวดใส่บุตรสาว ที่มิรู้ความอันใดเลย ทุกคำพูดของบุตรสาวมันจะทำให้เรื่องที่ยุ่งยากอยู่แล้ว เพิ่มความยุ่งยากเข้าไปอีกหลายเท่าตัว
“นี่เจ้าคิดจะให้ลูกของเรา สวมรอยเป็นอวิ๋นเอ๋อร์ เพื่อไปแต่งเข้าจวนอ๋องเช่นนั้นรึ! เจ้ามันโง่เขลานัก”
“ทำไม! นางเป็นสวะไร้ค่า ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาสักนิด อีกอย่างอีกตั้งสามปีกว่าจะถึงเวลานั้น ลูกของเราก็จะเติบโตสมบูรณ์แบบเหมาะแก่ฐานะพระชายา”
ทุกคนที่ได้ฟังทางถอนหายใจหนัก ๆ ความรักของแม่นับเป็นเรื่องที่ดี แต่มันผิดที่เป้าหมายมันไม่ถูกต้องเท่านั้น แล้วมันยิ่งน่าสมเพชเข้าไปอีก เมื่อต้องมีคนตายเพื่อความเฉิดฉายของใครอีกคน
“เชิญท่านเจ้าเมืองทำตามกฎหมายเถอะขอรับ ข้าน้อยต้องขอตัวก่อน ชิงชิงไปกับพ่อ” เชียวหลางเอ่ยได้เพียงเท่านั้น ก็ได้คว้าแขนลูกสาวพากลับเข้าเรือน ปล่อยให้ภรรยาหวีดร้องด่าทอเขาอยู่ด้านหลัง สิ่งที่นางทำเขาไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนบ่าวไพร่เก่าแก่ที่นี่ก็มีมาก ทุกคนจะคิดอย่างไรที่ภรรยาเขาคิดจะสลับตัวลูกของตัวเองกับหลานสาว เพียงเพื่อให้ได้แต่งงานกับคนในราชวงศ์ โดยที่นางไม่รู้เลยว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซึ่งเขาไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ เพราะเป็นสิ่งที่พี่ชายกำชับมาเชียวอวิ๋นค้อมศีรษะให้แก่ท่านเจ้าเมือง เพื่อเป็นการขอบคุณ ก่อนจะเดินกลับไปยังเรือนของตนเอง โดยอาศัยความทรงจำเจ้าของร่างนำทาง เย็นนี้ท่านอาจารย์คงจะส่งสาวใช้คนใหม่มาให้นางและนับจากนี้ไปนางต้องทุ่มเทเวลา ศึกษาร่ำเรียนวิชาอย่างหนัก เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก นางไว้ใจใครไม่ได้เลยในจวนแห่งนี้ เพราะจากสายตาของผู้เป็นอาแล้ว มันไม่ยุติลงแค่นี้อย่างแน่นอนสามปีต่อมา เมืองหลวง ณ สกุลเชียว รถม้าจากจวนเชียเมืองฮั่วโจว ได้หยุดลงยังหน้าจวนสกุลเชียว ก่อนที่ชายหนุ่มในชุดสีเข้มสองคน จะก้าวมายืนรอ
“นางมีปากทำไมไม่พูดเองล่ะ อ่อ...ข้าลืมไปว่าปากนางมี แต่ไม่มีเสียงที่จะพูด ฮ่า ๆ” “จะมากเกินไปแล้วนะเจ้าคะ” “นังสวะ!” หมับ! ก่อนที่ฝ่ามือของเชียวเยี่ยนจะถึงใบหน้าของอี้หรู มือหยาบกร้านจากการจับอาวุธของเชียวอวิ๋น ได้คว้าจับข้อมือของน้องสาวเอาไว้แน่น พร้อมออกแรงบีบให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว แม้จะขัดใจอยู่บ้าง ที่ไม่อาจเอ่ยตอบโต้หรือสั่งสอนคนตรงหน้าได้ แต่นางมีความอดทนมากพอที่จะรอ และการรอมิได้แปลว่านางต้องนิ่งเฉยให้คนรังแก “เจ้าคิดจะทำร้ายข้าเช่นนั้นรึ!” “…” เชียวอวิ๋นยิ้มน้อย ๆ ทว่ามันกลับทำให้คนมองหนาวสะท้านไปทั้งกาย การอยู่ต่างเมืองไม่มีใครบอกได้ ว่าเชียวอวิ๋นพบเจอสิ่งใดมาบ้าง และการกระทำที่แสดงออก บอกชัดว่าพี่สาวของนางเลือกปกป้องสาวใช้ มากกว่าจะให้นางที่เป็นน้องสาว ลงโทษบ่าวปากดี “ทำสิ่งใดกัน!” เสียงกัมปนาทดังขึ้นจากทางเดินด้านหลัง ทำให้เชียวอวิ๋นจำต้องคลายมือออกอย่างใจเย็น นางไม่ได้ตื่นกลัวกับครอบครัวที่มิเห็นค่าของนางเท่าใดนัก ท่านเสนาบดีเชียวก้าวมาหยุดอยู่ข้างบุตรสาวคนร
“เจ้าไปพักเรือนกับย่านะ” ไท้ฮูหยินเลือกที่จะไม่สนใจเชียวเยี่ยน ทว่าเอ่ยชวนหลานสาวคนโตไปอยู่ร่วมเรือนแทน เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้งระหว่างอยู่ที่สกุลเชียว แม้ว่าสกุลกวงจะไม่อาจเทียบราชวงศ์ แต่ก็นับว่ามีอำนาจไม่น้อย หากเจ้าสาวของแม่ทัพกวงเฉินหนานเกิดอะไรขึ้น คงยากที่จะหาข้อแก้ตัวได้ เชียวอวิ๋นพยักหน้ารับน้อย ๆ ก่อนจะก้าวตามแรงจับจูงของหญิงชรา โดยไม่สนใจสายตาของพ่อแม่และพี่น้องคนอื่น ๆ วันนี้มันยังเป็นแค่น้ำจิ้ม ยังไม่ได้วางจานหลักลง ฉะนั้นนางไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ว่าพวกเขาอยากจะเห็นสิ่งใดจากนางเจ็ดวันถัดมา กลางดึก ณ กระท่อมชานเมือง หลังฉากกั้นสีเข้ม ร่างในชุดสีดำสนิทนั่งนิ่ง ฟังการสนทนาของผู้ร่วมประชุม ขุนนางหลายฝ่ายที่ทำการสนับสนุนสายเลือดราชวงศ์เดิม ได้รวมตัวกันเพื่อผลักดันให้มีการทวงคืนบัลลังก์ “อีกไม่เกินครึ่งปี องค์ชายก็พร้อมที่จะกลับมา ข้าหวังว่าพวกท่านทุกคนคงไม่ทำให้ข้ากับองค์ชายผิดหวัง” เสียงที่เปล่งออกมา ถูกดัดแปลงเสียจนยากจะบอกได้ว่าคนที่อยู่หลังม่าน เป็นชายหรือหญิง “นายท่านมิต้องกังวลไปขอรับ ตอนนี้แผนการของเรากำลังสำเร็จไปทีละขั้นแล้วขอรับ” “กวงเฉินหลางไม่ควรที่จะอยู่เมือ
อี้หรูเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้ามา หญิงสาวรอจนท่านแม่ทัพจากไป แล้วค่อยเข้ามาพบผู้เป็นนาย โดยให้ผู้ติดตามอีกสองคนเฝ้าดูความปลอดภัยอยู่ในเงามืดด้านนอก“หึ ๆ เจ้าก็ทำเสียเหมือนตัวข้าเป็นโจร ต้องดูลาดเลาก่อนออกปล้น” เชียวอวิ๋นเย้าอี้หรู ซึ่งนางพอใจกับความรอบคอบของอี้หรูยิ่งนัก นางไม่ต้องมีองครักษ์มากมาย แค่อี้หรูกับชายหนุ่มทั้งสองด้านนอกก็มากพอแล้ว “ว่าได้หรือเจ้าคะ สกุลแม่ทัพหูตาราวสับปะรด นี่เจ้าค่ะท่านผู้คุ้มร้านขายข่าวเพิ่งส่งมาเจ้าค่ะ” เชียวอวิ๋นรับจดหมายจากอี้หรู ก่อนจะคลี่กระดาษออกอ่านอย่างใจเย็น สายตาคู่งามไล่ไปตามตัวอักษรที่สั้นกระชับ แต่ครบถ้วนในสิ่งที่นางต้องรู้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง “เขาส่งคนไปแล้วใช่ไหม” “เจ้าค่ะ” “หมากกระดานนี้ไม่ยากไม่ง่ายเลยจริง ๆ” “ฮูหยินไม่เห็นต้องช่วยพวกเขาเลยนะเจ้าคะ” “เอาไว้เจ้าแต่งงานเข้าสกุลใหญ่ แล้วจะรู้ว่ามันยุ่งยากวุ่นวายแค่ไหน เขาตายข้าก็ต้องตาย ต่อให้ข้ามิได้ทำสิ่งใดผิดก็ตาม” “ใครว่าบ่าวคิดจะแต่งงาน บ่าวจะอยู่กับฮูหยินไป
แต่พอได้สัมผัสกับนิสัยของลูกสะใภ้แล้ว นางก็มิได้เลวร้ายอันใด และตอนนี้เขาเหมือนได้บุตรสาวคนเล็กกลับมาอีกครั้ง กวงหลิวหลีที่เคยหม่นหมอง บัดนี้สดใสราวเทพธิดาเลยทีเดียว“นางจะทำสิ่งใดก็ช่าง นับแต่นี้ไปหากสกุลเชียวคิดจะมาทวงคืน ข้าไม่ยินยอมเป็นอันขาด คนสกุลนั้นจงใจดูถูกเรา ข้าก็จะทำให้พวกเขารู้สึกเสียดายลูกสาวที่พวกเขาโยนทิ้งเช่นกันเจ้าค่ะ”กวงเจี้ยนหัวเราะในลำคอ ก่อนจะโอบกอดภรรยาอย่างรักใคร่ เพราะนางจิตใจดีเยี่ยงนี้อย่างไรเล่า เขาจึงไม่คิดมีภรรยาอื่นใดมาเพิ่มเติม จริงอย่างที่นางกล่าวมา สกุลเชียวตั้งใจทำให้เขาขายหน้า เรื่องเปลี่ยนตัวเจ้าสาว แต่เหมือนสวรรค์เมตตาสกุลกวงที่สะใภ้คนนี้รู้ความหนึ่งเดือนต่อมา ณ ชายแดนตะวันตก แม่ทัพหนุ่มก้าวเข้าไปภายในค่ายทหาร ด้วยใบหน้าเรียบตึง เขาใช้เวลาเดินทางออกจากเมืองหลวงในยามค่ำคืน สำคัญไปกว่านั้นเขาแทบไม่หยุดพัก ด้วยมีข่าวเรื่องการส่องสุมกำลังของแคว้นข้างเคียง ไหนจะมีการสูญหายของเสบียงจำนวนมาก เรื่องนี้เขายังไม่อาจแพร่งพรายออกไปได้ จำต้องทิ้งภรรยาไว้ในห้องหอเพียงลำพัง เพื่อกลับมาจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เพราะหากมันไม่เป็นอย่างที
ต้วนเหนียงก้าวตรงไปยังหน้าประตูใหญ่ นางอยากที่จะไปหาเชียวอวิ๋นสักครั้ง คราก่อนมัวปะทะคารมกันจนมิได้ทันได้ทักทาย หากเทียบกับบุตรสาวของนางที่แต่งไปอยู่ถึงชายแดนเหนือแล้ว เชียวอวิ๋นน่าเห็นใจกว่าหลายเท่านักเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งก้านธูป รถม้าสกุลเชียวได้หยุดอยู่หน้าจวนแม่ทัพ ก่อนที่ฮูหยินรองจะเดินเข้าไปภายในจวน โดยมีพ่อบ้านสกุลกวงเป็นผู้นำทางเพื่อไปพบกับเจ้าของบ้าน“ต้วนเหนียงคารวะใต้เท้ากวง ฮูหยินกวงเจ้าค่ะ”ต้วนเหนียงทักทายเจ้าของบ้าน ก่อนจะหันไปรับของฝากจากสาวใช้ ซึ่งได้แวะซื้อมาระหว่างทาง“ขอบคุณเจ้าค่ะสำหรับของฝาก ฮูหยินรองมาพบอวิ๋นเอ๋อร์ใช่หรือไม่เจ้าคะ”กวงฮูหยินรับของจากมือแขกผู้มาเยือน ก่อนถามถึงจุดประสงค์ของอีกฝ่าย จะชอบหรือไม่นี่คือแขกนางหาได้คิดปฏิเสธไมตรี“เจ้าค่ะ”“เช่นนั้นรอสักครู่นะเจ้าคะ อวิ๋นเอ๋อร์คงอยู่ในครัวกับหลิวหลี”การสนทนาของสตรีทั้งสอง ต่างเป็นสัพเพเหระตามประสาแม่บ้าน ส่วนกวงเจี้ยนขอตัวไปทำงาของตน ต้วนเหนียงรับรู้ได้ว่าสองสามีเมตตาต่อเชียวอวิ๋นอยู่ไม่น้อย“อวิ๋นเอ๋อร์ ฮูหยินรองเชียวมาเยี่ยมเจ้า”เชียวอวิ๋นย่อกายให้แก่ฮูหยินรองเชียว นางแปลกใจเล็กน้อย ที่อยู่ ๆ ภรรยาร
ถนนเส้นรอบเมือง อวิ๋นชีกำลังขับรถพร้อมเปิดเพลงเบา ๆ เธอพักร้อนยาวจากกองทัพ ซึ่งมันไม่ง่ายเลยสำหรับหน่วยรบพิเศษ และมีตำแหน่งสูงแบบเธอที่จะได้หยุดพักยาว ๆหญิงสาวเลือกที่จะไปหาครอบครัวที่อยู่นอกเมือง เพื่อใช้เวลาทั้งหมดกับพ่อแม่และน้องสาว ผู้พันสาวเอื้อมมือไปปิดเพลง เมื่อเห็นได้ถึงความผิดปกติจากรถคันหลัง“วันพักผ่อนของฉันแท้ ๆ”หญิงสาวเอื้อมไปหยิบปืนที่อยู่เบาะข้างคนขับ มาวางไว้บนตักเพื่อเป็นการไม่ประมาท ถึงเธอจะไม่ได้เปิดเผยเรื่องหน้าที่การงานให้ใครรู้มากนัก แต่จะว่าไปแล้วคนในมักมีเกลือเป็นหนอนตัวตนของเธออาจถูกเปิดเผย กับพวกธุรกิจสีมืดไปบ้างแล้วก็ได้ หญิงสาวเลือกที่จะเปลี่ยนเส้นทาง เพราะไม่อยากนำอันตรายไปหาครอบครัวและดูเหมือนกับว่าสิ่งที่เธอคิดอยู่นั้น จะเป็นเรื่องจริงเสียซะแล้ว เพราะรถสองคันด้านหลังเปลี่ยนทิศทางตามเธอมาติด ๆ ปิ๊ด! ปิ๊ด! ปิ๊ด! ปี๊ดดดด!!! เสียงแตรรถจากสั้น ๆ เปลี่ยนเป็นลากยาว เพื่อให้รถบรรทุกสองคันด้านหน้า ที่กำลังขับคู่กันมารู้ว่ามีรถอยู่ด้านหน้าตูม! โครม! ทว่ามันกลับไม่เป็นผล รถของผู้พันสาวหักหลบรถบรรทุกเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ตูม! รถบรรทุกหนึ่งใน
“เจ้าอยากเล่นสนุกก่อนสินะ สาวน้อย” ชายหนุ่มยิ้มอย่างคนนึกสนุก ก่อนจะใช้มืออีกข้างปลดมือของหญิงสาวออกอย่างช้า ๆ ยิ่งเมื่อเห็นสายตาของหญิงสาว แสดงออกถึงความท้าทาย ทั้งยังปล่อยให้เขาปลดมือนางออกอย่างว่าง่าย ร่างสูงก้าวคร่อมเหนือร่างหญิงสาว ก่อนที่จะก้มลงเพื่อหวังเชยชมความหอมหวานของสาวบริสุทธิ์ ปึก! ชายหนุ่มถึงกับใบหน้าเขียวคล้ำสลับขาวซีด เมื่อจุดลับถูกกระแทกอย่างแรง ด้วยเข่าของคนใต้ร่าง ชายหนุ่มเจ็บแค้นนัก จึงใช้มือคว้าเข้าที่ลำคอของหญิงสาว ก่อนจะออกแรงบีบด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว หญิงสาวจ้องเขม็งที่ใบหน้าของชายหนุ่มไม่คิดหลบ แม้ว่าอากาศที่เข้าไปในปอดจะน้อยนิดก็ตามที หญิงสาวรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ผั๊วะ! ฝ่ามือสองข้างตบเข้าที่หูทั้งสองของชายหนุ่ม โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทันคิดสิ่งใด นิ้วเรียวทิ่มเข้าที่หน่วยตาของเขาอย่างรวดเร็ว “อ๊าก!!!” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เรียกให้คนด้านนอกทั้งสี่รีบพุ่งเข้ามาข้างในอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นสภาพของสหาย ที่คดคู้อยู่กับพื้น ส่วนหญิงสาวที่คิดว่าสิ้นสติ กำลังยืนจังก้าพร้อมท่อนไ