***นิยายชุดเจ้าสาว***สาวมั่นที่เพิ่งจบจากรั้วมหาวิทยาลัยมาหมาดๆ ถูกบุพการีขีดเส้นให้ต้องแต่งงานกับชายหนุ่มที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน เธอมีหรือจะยอม หากแต่"ธีร์ภาณุ" นายเล็กแห่งไร่แสงตะวันชายหนุ่มอายุสามสิบสอง ซึ่งเป็นที่หมายปองของสาวๆครึ่งค่อนจังหวัด ที่ดูเหมือนจะตกหลุมรักเจ้าสาวของตัวเองตั้งแต่เจอหน้ามีหรือจะยอมง่ายๆ งานนี้ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็คงต้องใช้คาถา ให้มันรู้ไปว่าเขาจะปราบเจ้าสาวแสนพยศได้หรือเปล่า ก็ในเมื่อฝ่ายสนับสนุนของชายหนุ่มคือทั้งพ่อแม่ของเขาและเธอ ก็น่าจะรู้ๆกันอยู่ว่าใครถือไพ่เหนือกว่า
View Moreขบวนขันหมากหยุดที่บันไดบ้าน เด็กชายกับเด็กหญิงตัวน้อยจับเข็มขัดทองคนละข้าง กั้นขวางทางไม่ให้เจ้าบ่าวเข้าไปเจอเจ้าสาวง่ายๆ“ขออาปลัดขึ้นไปหาเจ้าสาวหน่อยนะครับ” ปลัดเมฆาในชุดเจ้าบ่าวเข้าชุดกันกับเจ้าชุดเจ้าสาว เอ่ยถามอย่างยิ้มแย้ม“อาปลัดต้องจ่ายค่าผ่านทางมาก่อนครับ” เด็กชายตัวน้อยแบมือกระดิกนิ้วรอค่าผ่านทาง ปลัดเมฆายื่นธนบัตรสีแดงให้เด็กทั้งสองคนละใบ เด็กน้อยมองสบตากันแต่ยังไม่ยอมให้ผ่านไปได้ง่ายๆ“แม่บอกว่าอาปลัดจะมาเอาอาพิมพ์ของเราไปอยู่ด้วย ให้มาแค่นี้เอง แพทไม่ให้อาพิมพ์หรอก เนอะพี่พีท” คำพูดของเด็กหญิงตัวน้อย เรียกเสียงหัวเราะของหลายๆคนที่ได้ยิน บางคนก็อมยิ้มไปกับความไร้เดียงสาของเด็ก ปลัดเมฆาส่ายศีรษะยิ้มเล็กน้อย และชายหนุ่มจึงกระซิบข้างหูมารดา นางนภาจึงยื่นธนบัตรสีเทาให้เป็นค่าผ่านทาง ให้เด็กน้อยทั้งสองอีกคนละสิบใบ สองพี่น้องตาโตยิ้มกว้างยอมเปิดทางโดยดีปลัดเมฆามองเจ้าสาวตัวเองนิ่งค้าง เมื่อพิมพ์รพีพรถูกคุณนายเฟื่องฟ้าจูงมานั่งลงข้างๆตน เธอสวยหวานจนเขาอยากจะจับมาหอมแก้มเนียนแรงๆสักฟอดใหญ่ หลังจากคืนนั้นเขาก็มัวแต่ยุ่งๆในการเตรียมงาน
“พี่จะรับผิดชอบพิมพ์ไปตลอดชีวิต” น้ำเสียงหนักแน่นทำให้คนได้ฟังหัวใจพองโต แต่เพราะแค่ความรับผิดชอบเท่านั้นหรือ หัวใจที่พองโตค่อยๆแฟบลง เมื่อคิดได้ว่าเขาจะจดทะเบียนสมรสกับเธอเพียงเพราะคำว่ารับผิดชอบ“ถ้าพี่เมฆจะมารับผิดชอบพิมพ์เพราะเรื่องแค่นี้ ไม่จำเป็นค่ะ เดี๋ยวนี้ใครๆเขาก็ไม่ถือกันแล้วล่ะค่ะ”“ถ้าไม่ถือกันแล้ว ทำไมพิมพ์ถึงยังบริสุทธิ์ผุดผ่องมาจนถึงมือพี่”“พี่เมฆ!” พิมพ์รพีพรขึ้นเสียงสูง และหอบหายใจแรงเพราะความโกรธหรือความอายก็ยังไม่แน่ใจตัวเองเท่าไรนัก“สงสัยต้องย้ำอีกครั้ง พิมพ์จะได้เลิกงอแง” ปลัดเมฆาโน้มใบหน้าลงต่ำ พิมพ์รพีพรใช้มือยันคางสากไว้“อย่านะ” เสียงหวานสั่นเล็กน้อย“พรุ่งนี้ไปจดทะเบียนสมรสกันนะ โอเคไหม” พิมพ์รพีพรเม้มปากแน่นก่อนจะยอมรับในสิ่งที่เขาต้องการ“ค่ะ...พอใจหรือยังคะ ลงไปจากตัวพิมพ์ได้แล้ว” พิมพ์รพีพรพยายามผลักอกกว้างออกด้วยแรงทั้งหมดที่มี“ว่าง่ายๆ อย่างนี้ต้องให้รางวัล”ปลัดเมฆาประกบปากลงจูบเรียกร้องเอาแต่ใจอีกครั้ง มือใหญ่รุกรานไปตามร่างนุ่มนิ่ม ท่อนขาแกร่งแทรกลงแยกขาเรียวให้ห่างออกจากกัน พิมพ์รพ
“พี่เมฆ อา” นั่นเสียงตัวเธอเองใช่ไหม พิมพ์รพีพรรู้สึกว่าเป็นเสียงที่ดังมาจากที่ไกลแสนไกล การรับรู้ของร่างกายเธอจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ปลัดเมฆากำลังทำอยู่ ไม่มีคำปฏิเสธหรือต่อต้านใดๆเล็ดลอดออกมา ร่างกายของเธอแอ่นรับท้าทายสัมผัสวาบหวาม ที่เขากำลังจับจูงไปไกลแสนไกล บนเส้นทางที่เธอไม่คุ้นเคยเท่าไรนัก ถึงแม้จะเคยรับรู้รสความสุขสมแสนหวานมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้พิมพ์รพีพรกลับรู้สึกว่ามันลึกล้ำ ความปรารถนาดำดิ่งจนเธอไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดลงตรงไหนเมื่อไรปลัดเมฆาขบกรามแน่น เมื่อต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ถลำลึกรุนแรง เพราะรับรู้ได้ว่าคนใต้ร่างไม่เคยลงสนามจริงสักครั้ง ที่ผ่านมาเขาพาอุ่นเครื่องบ้างแต่ไม่เคยก้าวล่วงลงลึก แต่ครั้งนี้ขีดจำกัดของความอดทนสิ้นสุดลง เพราะความใกล้ชิด และความรู้สึกดีที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ ทำให้เขาไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองได้อีกต่อไป“พี่ขอนะ...ให้พี่นะครับ” คำขอที่ดังชิดริมหู พิมพ์รพีพรไม่รู้ตัวว่าพยักหน้าตอบรับไปด้วยซ้ำ ปลัดเมฆาค่อยแทรกความแข็งแกร่งเข้าสู่ความคับแน่นรุ่มร้อน ปากเคยบอกให้คนใต้ร่างอย่าเกร็ง แต่ตอนนี้เป็นเขาเองที่ต้องเกร็งร่าง บังคับตัวเ
“เอาไว้บอกคืนเข้าหอ คืนนี้ง่วง เจ็บแผล หนาว นอนกันเถอะ” ปลัดเมฆาตวัดผ้าห่มคลุมร่างของตนเองและพิมพ์รพีพร กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น“จะกอดอะไรนักหนา อึดอัด ปล่อยนะ” คนอยากรู้ความลับแต่ไม่ได้รู้เริ่มประท้วง“หนาวเนื้อห่มเนื้อจึงหายหนาว อย่าดิ้นน่า พี่เจ็บแผล” พิมพ์รพีพรถอนหายใจ“เอาเปรียบตลอด” เสียงบ่นกระปอดกระแปด แต่ไม่กล้าออกแรงดิ้นแรงเพราะกลัวคนที่กอดตัวเองอยู่จะเจ็บแผล“อยากให้พิมพ์เอาเปรียบพี่บ้าง พี่จะไม่โวยวายเหมือนพิมพ์หรอก” พิมพ์รพีพรหยิกแผงอกกว้างแรงๆ“โอ๊ย!”“อย่าบอกนะว่าเจ็บแผล มันคนละที่ ไม่ต้องมาอ้าง”“ใจร้าย...รู้ไหมว่ายังมีอีกหลายที่ ที่ไม่ได้เจ็บเหมือนกัน” ปลัดเมฆาพูดด้วยน้ำเสียงไม่น่าไว้ใจ พิมพ์รพีพรเงยหน้าขึ้นจากอกกว้าง พยายามขืนตัวออกจากอ้อมกอดแกร่ง ด้วยการใช้มือเล็กผลักอกเขา แต่ไม่ส่งผลอันใดกับคนตัวโตสักนิด ความอดกลั้นอย่างยิ่งยวดที่จะไม่แตะต้องไปมากกว่ากอด กำลังจะขาดสะบั้นลง เมื่อร่างนุ่มนิ่มดิ้นขลุกขลักเสียดสีไปกับร่างแกร่ง ส่งผลให้อะไรๆในร่างกายมันลุกฮือขึ้นมา“ไม่อยากรู้ อย่าทำอะไรบ้าๆนะ” เสียงหวานออกจะตื่นกลั
พีรพลผละจากร่างของภรรยาเดินไปปิดไฟ ทั้งห้องมืดมิดลงทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้าประชิดตัวนิชาอีกครั้ง“ทำอะไรน่ะพี เดี๋ยวลูกตื่น” นิชาเอ็ดสามีเบาๆ แต่ร่างกายของเธอมันกลับตอบสนองทุกสัมผัสของเขา จุดกึ่งกลางกายปวดหน่วงหนึบๆ และเริ่มชื้นแฉะเพื่อเตรียมพร้อมรอบางอย่าง โดยที่เจ้าของควบคุมไม่ได้“ลูกเล่นน้ำตั้งนานเพลียหลับไปแล้วล่ะ ไม่ตื่นง่ายๆหรอก นะๆ”พีรพลรวบร่างของภรรยาพาไปที่เก้าอี้ข้างตู้ใบใหญ่ ซึ่งเป็นมุมมืดที่สุดของห้อง เขานั่งลงบนเก้าอี้ จัดวางให้นิชานั่งแยกขาคร่อมอยู่บนตักตัวเอง และก่อนที่คำทักท้วงจะออกจากปากของภรรยา เขาจัดการปิดริมฝีปากนั้นทันที นิชาถอนหายใจยาวหนักหน่วง ยอมเผยอริมฝีปาก ยอมรับการรุกรานของสามีอย่างเต็มใจ“พีว่าหนุงหนิงต้องเป็นแม่มดแน่ๆ ทำให้พีหลงหัวปักหัวปำ” พีรพลเอ่ยขึ้นเมื่อผละจากริมฝีปากภรรยา แล้วพรมจูบไปทั่วดวงหน้าเนียน“อย่ามาว่าหนุงหนิงเลย พีนั่นแหละจอมหื่น” นิชาพูดเบาๆด้วยเสียงที่สั่นพร่า พีรพลหัวเราะในลำคอ มือใหญ่เคลื่อนลงต่ำผ่านหน้าท้องภรรยา แล้วใช้นิ้วเกี่ยวซับในลายลูกไม้ที่ปกปิดเนินอวบอูมไปกองไว้ด้านข้าง นิ้วใหญ่ขยับสำรวจ
พิมพ์รพีพรกลั้นหายใจก้มลงช้าๆ ทำใจกับสิ่งที่จะได้เห็น ใบหน้าที่เหมือนกับจะร้องไห้ทำให้ปลัดเมฆารู้สึกสงสาร“พี่อาบด้านหน้าเองก็ได้ พิมพ์ถูสบู่ข้างหลังให้พี่หน่อยนะ” พิมพ์รพีพรถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่งฝักบัวในมือให้เขาแล้วอ้อมไปด้านหลังทันทีกว่าจะจัดการคนตัวโตให้อาบน้ำเช็ดตัวเสร็จ แล้วพันผ้าเช็ดตัวไว้ที่เอวสอบได้สำเร็จ พิมพ์รพีพรแทบจะเป็นลมร้อยรอบ หัวใจดวงน้อยกระเด็นกระดอนตีลังกาอยู่หลายตลบ เพราะต้องพยายามอย่างยิ่งยวด ที่จะไม่ต้องเห็นอะไรที่เคยเห็นมาแล้ว ว่ามันอลังการงานสร้างขนาดไหน แต่คนขี้แกล้งก็เรียกร้องให้ทำโน่นทำนี่ที่น่าหวาดเสียวทั้งนั้น“ใส่เสื้อผ้าให้หน่อยสิ” ปลัดเมฆาพูดจบก็ยิ้มกว้าง ยื่นเสื้อผ้าในมือให้หญิงสาว พิมพ์รพีพรอยากจะกรี๊ดเสียงดังๆ แต่ก็ทำได้เพียงยื่นมือออกไปรับมา“หันหลังเลยค่ะ” หญิงสาวสั่งเสียงเข้ม“ครับผม” ปลัดเมฆารับคำด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอืม...มีคนคอยทำอะไรให้ มันดีอย่างนี้นี่เอง “เสร็จแล้วค่ะ ไปนอนได้แล้ว” ปลัดเมฆาหันหน้ากลับมามองคนตัวเล็ก“พิมพ์ก็ไปอาบน้ำเถอะ กว่าพ่อกับแม่จะกลับมาคงดึก พี่ไม่อยากให
“พี่ร้อนจัง” ปลัดเมฆานอนอยู่บนเตียง และกำลังออดอ้อนพยาบาลจำเป็นที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่เก้าอี้มุมห้อง เขาอ้างว่าเจ็บแผลและแผลอาจจะกระทบกระเทือน จึงขับรถไปส่งเธอที่บ้านไม่ได้ ส่วนกำนันเสือและแม่นภาก็ยังไม่กลับมาจากข้างนอก พิมพ์รพีพรจึงรู้สึกไม่ปลอดภัยที่ต้องอยู่กับเขาสองต่อสอง“ร้อนก็ไปอาบน้ำสิ” พิมพ์รพีพรพูดโดยไม่มองหน้าชายหนุ่ม“จะให้ไปอาบได้ยังไง แผลก็เน่าพอดี พิมพ์อาบให้หน่อยสิ”“บ้า...ลุกไปอาบเองเลย”“คนใจร้าย ทำให้เขาเจ็บแล้ว ไม่คิดจะดูแล” ปลัดเมฆาพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ตาก็เหล่มองคนใจร้ายอย่างมีความหวัง พิมพ์รพีพรถอนหายใจเฮือกใหญ่ หญิงสาวลุกขึ้นเดินมาที่เตียงกว้าง“จะอาบก็ลุกสิคะ”“ลุกไม่ไหว เจ็บแผล พิมพ์ช่วยพยุงพี่หน่อย” คนถูกขอร้องทำสีหน้ายุ่งยาก แต่ก็ยอมช่วยแต่โดยดี เพราะในใจก็รู้สึกผิดอยู่ลึกๆที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพนี้เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องน้ำ พิมพ์รพีพรหันรีหันขวาง เธอไม่รู้ว่าจะช่วยเขายังไงดี“อาบยังไงล่ะ” หน้างอง้ำทำให้ปลัดเมฆานึกสนุก คือที่จริงแผลก็ไม่ได้ลึกหนักหนาอะไร แล้วเขาก็ไม่ได้ปวดแผลส
“โอเคค่ะ...ทีนี้กลับได้แล้วใช่ไหม” พิมพ์รพีพรหันหน้าไปถามคนตัวโตที่นั่งอยู่บนเตียงกว้างกลางห้อง ปลัดเมฆาใช้มือใหญ่ตบที่เตียงเบาๆ“พิมพ์ยังไม่ลองเตียงเลย” เขาจงใจยั่วคนตัวเล็ก ที่ออกอาการเกร็งจนจับได้“ก็เห็นแล้ว ออกไปข้างนอกเถอะ” พิมพ์รพีพรเลี่ยงที่จะเดินเข้าใกล้คนตัวโต หญิงสาวเดินอ้อมไปทางประตู“ดูอย่างเดียวได้ไง มันต้องมาลองนั่งๆนอนๆด้วย มานี่เลย” ปลัดเมฆาลุกจากเตียงก้าวยาวประชิดตัวพิมพ์รพีพร แล้วรวบร่างบางไปล้มตัวนอนที่เตียงกว้างด้วยกัน“ว้าย! พี่เมฆ ปล่อยพิมพ์นะ” คนเอะอะโวยวายสู้แรงคนกอดไม่ได้ เลยได้แต่เอะอะโวยวายถีบลมถีบฟ้า ร่างใหญ่กดทาบทับจนพิมพ์รพีพรแทบจมหายไปบนที่นอน เสียงหอบหายใจของเธอทำให้ปลัดเมฆาหัวเราะ ก่อนทุกอย่างภายในห้องจะนิ่งเงียบ คนที่ทาบทับร่างบางไว้สบสายตาคนถูกทับด้วยแววตาอ่อนโยน มือใหญ่ปัดปรอยผมที่ระอยู่บนใบหน้าเนียนรูปไข่ พิมพ์รพีพรมองสบตาปลัดเมฆาและเผยอปากเล็กน้อยอย่างลืมตัว ก่อนจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้ก่อน“ลุกสิพี่เมฆ พิมพ์ทดสอบทุกอย่างตามที่พี่เมฆต้องการแล้ว พอใจหรือยัง”“ยังไม่ทุกอย่าง” แววตากรุ้มกริ่มไม่น่าไว้วางใ
“เล่นน้ำๆ” สองเสียงเล็กๆประสานกันดังลั่น พร้อมกับกระโดดโลดเต้นชูมือขึ้นสูง พีรพลถอนหายใจมองสบตาภรรยา“เดี๋ยวหนุงหนิงจะขึ้นไปเอาชุดว่ายน้ำให้ พีพาลูกๆไปที่ศาลาริมน้ำก่อนเลย” พีรพลพยักหน้ารับ แขนล่ำอุ้มลูกสาวข้างหนึ่ง อีกข้างจูงมือลูกชายเดินนำหน้าเมธาวีไปก่อน“รีบๆตามมานะหนุงหนิง” เมธาวีเลิกคิ้วเมื่อพูดจบ แล้วก็สะบัดหน้าเดินนวยนาดตามพีรพลและเด็กๆไป นิชาส่ายหน้ายิ้มๆ“คุณแม่ไม่เล่นน้ำด้วยกันหรือคะ” เด็กหญิงตัวเล็กขี่หลังพ่อลอยไปลอยมาอย่างสนุกสนาน ส่วนพี่ชายของเธอมีห่วงยางสวมไว้ที่เอวลอยคออยู่ใกล้ๆผู้เป็นพ่อ“ถ้าแม่เล่นน้ำด้วย ใครจะคอยหาขนมหาน้ำยื่นให้แพทล่ะ” เด็กหญิงตัวเล็กพยักหน้าหงึกๆเข้าใจ แล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุย“ป้าเมว่ายน้ำเก่งจังนะคะ ว่ายไปตั้งไกล ป้าเมใส่ชุดว่ายน้ำซ้วยสวยเนอะคุณพ่อ”พีรพลไม่ตอบคำถามลูกทันที เขาหันไปสบตาคนที่นั่งอยู่บนศาลาริมน้ำ นิชามองเมินไปทางอื่น“คุณแม่ก็ใส่ชุดว่ายน้ำสวยนะครับ สวยกว่าป้าเมอีกนะ” พีรพลทำเป็นกระซิบกระซาบกับลูกสาว แต่เสียงดังจนคนที่นั่งอยู่บนศาลาริมน้ำได้ยินชัดเจน“ช่วยด้วย
“หนูไอไม่แต่งค่ะคุณแม่ มันหมดสมัยคลุมถุงชนแล้วนะคะ แล้วหนูไอก็ไม่ได้รักผู้ชายคนนั้นด้วย” ไอรักพูดเสียงดังอย่างโมโห “แต่หนูไอก็น่าจะรู้ว่าไม่มีใครขัดใจป๊าได้นะลูก”มารดาพยายามเกลี้ยกล่อมบุตรสาว ที่ตอนนี้นั่งชักสีหน้าแสดงถึงความไม่พอใจอย่างมาก อยู่บนเตียงนอนของตนเอง “แล้วอีกอย่าง ถึงตอนนี้ไม่ได้รัก เดี๋ยวอยู่ๆ กันไปก็รักกันเองแหละลูก”ไอรักหันขวับจ้องมองมารดาอย่างเอาเรื่อง “ไม่มีทางเป็นไปได้ค่ะ หนูไอมีแฟนแล้ว หนูไอโตแล้วนะคะ บรรลุนิติภาวะแล้ว หนูไอไม่ยอม”ไอรักยอมโกหกว่ามีแฟนเพื่อเอาตัวรอดผู้เป็นมารดาถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจเต็มที เดินเข้าไปกอดลูกแล้วลูบศีรษะเบาๆ“หนูไอ...แม่เข้าใจเหตุผลของลูกทุกอย่าง แต่มีเหตุผลหนึ่งที่หนูไอลืมไปหรือเปล่า?” ไอรักหันกลับมามองหน้ามารดาก็พบสายตาที่อ่อนโยนแต่จริงจัง “ความเหมาะสมไงจ๊ะ ผู้ชายคนที่ป๊าเลือกให้ เป็นเจ้าของไร่อ้อยพันกว่าไร่ทางภาคตะวันตก และครอบครัวของเขาก็มีกิจการท่าข้าวที่มีส่วนในการเอื้อกับธุรกิจของเรา แม่ไม่อยากบังคับหนูไอ แต่แม่รู้ว่าหนูไอจะเข้าใจความหวังดีของป๊ากับแม่ และเข้าใจคำว่าความเหมาะสมนะ” หญิงสาวนิ่งเงียบกับเหตุผลที่ได้ฟัง ใช่...
Comments