เมื่อลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ และเช็ดตัวเรียบร้อยแล้ว ไอรักจึงคิดได้ว่า ตัวเองไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเลยสักชุด แล้วที่สำคัญไม่มีชุดชั้นในเลย แล้วนี่จะใส่ชุดไหนล่ะ หญิงสาวคิดอย่างอารมณ์เสียอยู่คนเดียวในห้องน้ำ ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมตัวใหญ่มาพันตัว แล้วเปิดประตูเดินออกจากห้องน้ำ แต่ก็ต้องรีบพาตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องน้ำเหมือนเดิม
“พี่ธีร์เข้ามาทำไม แล้วป้าบัวล่ะ” ไอรักถามเสียงดัง แต่คนที่นอนเหยียดตัวยาวเอกเขนกอยู่บนเตียงกว้าง ไม่ได้ใส่ใจที่จะตอบเลยสักนิด ธีร์ภาณุพลิกตัวหันมามองไอรัก ที่ตอนนี้มีเพียงใบหน้าขาวนวลที่โผล่ออกมาจากห้องน้ำ
“จะยืนอยู่อย่างนั้นอีกนานไหม เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” ธีร์ภาณุลุกขึ้นจากเตียงแล้วก้าวยาวๆมาทางไอรัก หญิงสาวรีบดึงตัวเองกลับเข้าไปในห้องน้ำ และตั้งใจจะปิดประตู แต่ช้ากว่ามือของชายหนุ่มที่ดันประตูไว้ได้ทัน
“พี่ไม่ทำอะไรหรอก แค่จะมาบอกว่าให้รีบใส่เสื้อผ้า จะได้มาทานข้าวเย็นด้วยกัน”
“แล้วจะให้ใส่อะไรล่ะ ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาด้วยสักชุด อยู่ดีๆก็ถูกฉุดตัวมา” ธีร์ภาณุหัวเราะเบาๆ
“ไม่ได้ฉุดมาสักหน่อย ป๊ากับแม่ของหนูไอเต็มใจยกหนูไอให้มากับพี่เองนะ”
“แต่ป๊าให้พี่ธีร์พาไปหาคุณลุง แล้วนี่อะไร พามาที่ไหนก็ไม่รู้ อย่างนี้เขาเรียกลักพาตัว”
“คุณลุงของหนูไอน่ะรู้แล้วว่าหนูไออยู่ที่นี่ และป่านนี้ท่านก็คงติดต่อเจรจากับป๊าของหนูไอ เรื่องกำหนดการงานแต่งของเราเรียบร้อยแล้วล่ะ” ธีร์ภาณุพูดลอยหน้าลอยตาไม่ได้สนใจว่า ตอนนี้คนฟังแทบจะตาถลนออกมาด้วยความโมโห
“แล้วพี่ธีร์ทำแบบนี้ได้ยังไง” ไอรักตะคอกเสียงดัง ความโมโหทำให้เธอลืมตัวก้าวออกมาจากห้องน้ำ ยืนประจันหน้ากับชายหนุ่มในลักษณะเงยหน้าท้าทาย
“เราสองคนยังตกลงกันไม่ได้ แล้วเรื่องอะไรคุณลุงกับป๊าถึงจะต้องไปวางแผนงานแต่งบ้าบออะไรนั่น ถ้าอยากจัดงานแต่งกันนัก ก็แต่งกันไปเองเลยแล้วกัน ยังไงหนูไอก็ไม่แต่ง หนูไอขอพบคุณลุงค่ะ พี่ธีร์ช่วยพาไปหน่อยสิคะ” ธีร์ภาณุเงียบและยิ้ม เขาพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่ไอรักพูด แต่กลับยืนนิ่งไม่ทำอะไรสักอย่าง
“พี่ธีร์คะได้ยินที่หนูไอพูดไหมคะ เราจะต้องรีบติดต่อคุณลุงกับป๊า เพื่อที่จะได้แก้ไขสถานการณ์ต่างๆได้ทันนะคะ”
“เข้าใจครับ พี่เข้าใจว่าเราจะต้องเรียนรู้กันอีกเยอะ แต่พี่ว่าพี่เรียนรู้เพิ่มอีกหนึ่งข้อนะ ว่าหนูไอขี้โมโห และเวลาโมโหก็จะลืมตัว” ธีร์ภาณุยิ้มอย่างมีความหมาย พร้อมกับกวาดสายตามองไอรักให้เธอรู้ตัวว่า ตอนนี้เธออยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อยนัก
ไอรักนิ่งเงียบเหมือนจะคิดได้ เธอรีบใช้สองมือกระชับคอเสื้อคลุม แล้วหันหลังให้ชายหนุ่ม
“พี่ธีร์ออกไปได้แล้วค่ะ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันก็ได้” ธีร์ภาณุไม่พูดอะไร เขาหัวเราะในลำคอ มองดูผู้หญิงตัวเล็กๆที่ยืนหันหลังให้ แล้วถอนหายใจ
“พี่ให้คนงานไปรับชุดมาให้หนูไอแล้ว พี่โทรสั่งร้านในเมืองให้ เดี๋ยวสักพักคงมา ว่าแต่หนูไอหิวหรือยัง ถ้าหิวแล้วใส่ชุดนั้นมากินเลยก็ได้นะ พี่ไม่รังเกียจหรอก”
“จะบ้าหรือไง ออกไปก่อนเลยค่ะพี่ธีร์ หนูไอขอพื้นที่ส่วนตัวค่ะ แต่งตัวเสร็จแล้วหนูไอจะออกไปเอง” ธีร์ภาณุหัวเราะเบาๆ
“ครับ...ถ้าอย่างนั้นพี่ขอตัวไปนั่งรอว่าที่เจ้าสาวที่ระเบียงด้านหลังนะครับ” ธีร์ภาณุพูดพร้อมเปิดประตูห้องนอนออกไป ไอรักได้ยินเสียงปิดประตู จึงรีบวิ่งไปที่บานประตูเพื่อปิดล็อกให้แน่นหนา เธอถอนหายใจยาว แล้วเดินไปนั่งลงบนเตียงกว้าง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหงายมองเพดานอย่างเหนื่อยใจ แล้วก็คิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะติดต่อป๊าหรือคุณลุงธงได้ โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาติดตัวมาเพราะถูกจับตัวขึ้นรถมาโดยที่ยังไม่ได้ตั้งตัว แล้วถ้าจะขอความช่วยเหลือจากคนแถวนี้ล่ะ
ใช่แล้ว! เธอจะให้ค่าจ้างอย่างงามเลยล่ะ สำหรับคนที่พาเธอออกจากที่นี่ได้
“นายหญิงคะ” เสียงเรียกจากด้านนอกทำให้เธอสะดุ้งตื่นจากความคิด ไอรักลุกจากเตียงเดินไปที่ประตูเงี่ยหูฟัง
“นายหญิงคะ หนูเอาชุดมาให้ค่ะ” ไอรักเปิดประตูออกช้าๆ เห็นเด็กหญิงน้อยหน่าหอบถุงพะรุงพะรัง เธอเปิดประตูกว้างหลีกทางให้เด็กหญิงเดินเข้ามาในห้องแล้วปิดประตู
“น้อยหน่า พี่หนูไอวานอะไรอย่างหนึ่งสิ” เด็กหญิงวางของลงที่เตียงกว้างเสร็จ ก็หันกลับมามองไอรักทำหน้าสงสัย
“ค่ะ” เด็กหญิงรับคำ รอฟังอย่างตั้งใจ
“พี่หนูไออยากได้โทรศัพท์มือถือสักเครื่อง น้อยหน่าพอจะหาให้ได้ไหมจ๊ะ แค่ยืมแป๊บเดียวเอง พี่หนูไอให้ค่ายืมด้วย อยากได้เท่าไรว่ามาเลย” น้อยหน่านิ่งเงียบ ก่อนที่เด็กหญิงจะได้พูดอะไรโต้ตอบ ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลังไอรัก
“น้อยหน่าคงทำตามที่นายหญิงขอร้องไม่ได้หรอกค่ะ เพราะนายเล็กสั่งห้ามไว้” ไอรักสะดุ้งเล็กน้อย เธอหมุนตัวกลับไปหาเจ้าของเสียง
“ป้าบัว” ไอรักอุทานแผ่วเบา
“ป้าว่านายหญิงรีบแต่งตัวไปทานข้าวเถอะค่ะ นายเล็กรออยู่ที่ระเบียงด้านนอกนะคะ...น้อยหน่ากลับบ้าน” เด็กหญิงเดินคอตกตามหลังป้าบัวออกไป เมื่อประตูห้องปิดลงไอรักทำสีหน้าผิดหวัง แต่ไม่เป็นไรในเมื่อยังมีลมหายใจเธอก็ยังมีหวัง ตอนนี้ต้องรีบแต่งตัวก่อนจะได้ไปเติมพลังให้ร่างกาย เพื่อต่อสู้กับผู้ชายที่ฉุดตัวเธอมา
หญิงสาวเริ่มหยิบชุดออกมาเลือกทีละชุดแล้วเธอก็มาสะดุดตาที่ชุดชั้นใน ไอรักหยิบขึ้นมาดู แต่ละตัวมันเป็นขนาดที่พอดีกับตัวของเธอทั้งหมด นี่อีตาพี่ธีร์คงจะสั่งว่าเอาชุดแบบไหนและขนาดเท่าไรล่ะสิ คิดแล้วก็โมโหตัวเองที่สู้แรงของผู้ชายตัวโตไม่ได้“เจ็บใจนักคอยดูนะอย่าให้ถึงทีเราบ้างก็แล้วกัน ป๊านะป๊าไม่ได้เป็นห่วงลูกสาวบ้างเลย ปล่อยให้มากับใครก็ไม่รู้” ไอรักบ่นไปแต่งตัวไปไอรักแต่งตัวเสร็จแล้วจึงเปิดประตูห้องนอน เดินไปทางประตูที่เปิดออกสู่ระเบียงกว้าง เมื่อเลื่อนกระจกเปิดประตูก็ปะทะกับลมเย็นวูบหนึ่ง หญิงสาวจึงยกมือสองข้างขึ้นกอดอกตัวเองทันที ธีร์ภาณุที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วได้ยินเสียงปิดประตู เขาจึงละสายตาจากภาพตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้าเบื้องหน้า หันกลับมาพร้อมกับส่งยิ้มให้หญิงสาว“หนาวหรือครับหนูไอ”“นิดหน่อยค่ะ” ไอรักพูดพร้อมกับมองไปที่โต๊ะกลม ที่ตอนนี้มีอาหารหลายอย่างวางไว้ ส่งกลิ่นหอมน่ากินทั้งนั้น“กับข้าวน่ากินจังเลยค่ะ” ไอรักพูดพร้อมกับเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ โดยไม่ต้องรอให้ชายหนุ่มเชิญ ธีร์ภาณุเดินอ้อมมาที่ด้านหลังไอรัก หยิบผ้าแพรผืนบางสีครีมที่วางอยู่บนโต
ป้าบัวถือถาดอาหารเดินนำหน้าเด็กหญิงน้อยหน่า ที่เดินตามหลังอย่างอ้อยอิ่งจนต้องถูกเรียก“น้อยหน่าเร็วๆเข้า” เมื่อถูกเรียกเสียงดังเด็กหญิงจึงรีบเดินตามหลังป้าบัวไป“ปล่อยค่ะ” ไอรักออกคำสั่งเสียงดุโดยไม่ได้มองหน้าชายหนุ่ม เมื่อน้อยหน่าปิดประตูกระจกบานใหญ่แล้ว ธีร์ภาณุปล่อยอย่างว่าง่าย ไอรักถอนหายใจ“หนูไอขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ” เธอไม่อยากจะก่อเรื่องทะเลาะกับผู้ชายตัวโตคนนี้อีกแล้ว เพราะดูเหมือนเธอจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเองทุกครั้ง ไอรักหมุนตัวก้าวเท้าเดินเร็วๆตรงไปเลื่อนเปิดประตูกระจก เพื่อจะเข้าไปในห้องนอน เธอปิดประตูล็อกอย่างแน่นหนา แล้วหันหลังกลับหวังว่าจะนอนหลับให้สบายบนเตียงกว้างแต่ก็ต้องตกใจ ความโกรธเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้งธีร์ภาณุกำลังเปิดตู้เสื้อผ้า เขาค้นๆรื้อๆอยู่สักพักก็หันหน้ากลับมาเจอกับใบหน้าอันบูดบึ้งของไอรัก“พี่ธีร์เข้ามาได้ยังไงคะ”“ก็เดินเข้ามาทางนี้ไงจ๊ะ” ไอรักมองไปที่ประตูกระจกบานใหญ่ที่เชื่อมต่อกับระเบียง จริงสินะ บ้านหลังเล็กนี้มีระเบียงรอบบ้าน แล้วเธอก็ยังไม่ได้ปิดล็อกประตูระเบียงชายหนุ่มเริ่มถอดเสื้อผ้า เขาใช้ผ้าขนห
“นอนเถอะครับ พี่ไม่ทำอะไรหนูไอแน่นอน สัญญาครับ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเดินเข้าใกล้“ไม่เชื่อหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูไอไปนอนข้างนอกก็ได้” ธีร์ภาณุส่ายหน้าระอากับความดื้อรั้นของผู้หญิงตัวเล็กๆที่อยู่ตรงหน้า“แล้วจะให้ทำยังไงถึงจะเชื่อ” ชายหนุ่มก้มหน้าถาม ใบหน้าแทบจะชนกัน ไอรักหลับตาปี๋หดคอลง และใช้มือยันแผ่นอกกว้างของชายหนุ่มไว้“พี่ธีร์ถอยออกไปก่อนค่ะ หนูไออึดอัด” หญิงสาวพยายามจะเบี่ยงตัวออกให้ห่างจากชายหนุ่ม ที่ตอนนี้จ้องมองเธอด้วยแววตาแปลกๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้เธอหวั่นใจ เธอเริ่มกลัวการอยู่ใกล้ๆเขา ยิ่งในห้องนอนมิดชิดอย่างนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะไปร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้ล่ะไอรักเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหายใจติดขัด หัวใจเต้นโครมคราม“พี่ธีร์คะ กรุณาให้เกียรติหนูไอด้วยค่ะ” เธอพยายามพูดให้ดูเหนือกว่าเขา ชายหนุ่มถอยห่างจากไอรักสองสามก้าว เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อย และผายมือไปยังเตียงกว้าง“ครับ...เชิญ”“พี่ธีร์คะ ตกลงว่าจะไม่ยอมเข้าใจอะไรเลยใช่ไหม เรายังไม่ได้แต่งงานกันจะนอนร่วมเตียงร่วมห้องกันได้ยังไง” ชายหนุ่มยืดตัวเต็มความสูงยืนตรง เขายักไหล่ยิ้มที
“เชอะ! ใครจะไปสนใจ” หญิงสาวพูดเบาๆพร้อมกับก้าวเท้าลงจากเตียง เธอเดินตรงเข้าห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี อย่างน้อยเช้านี้ก็เป็นเช้าที่สดใสสำหรับเธอ เพราะไม่ต้องทนเห็นหน้าอีตาพี่ธีร์นั่นเมื่อจัดการทำธุระส่วนตัวเสร็จ ไอรักจึงเดินออกไปนอกระเบียง เพื่อรับประทานอาหารเช้า น้อยหน่าที่ยืนรอคอยบริการอยู่แล้วยิ้มแป้นพูดอย่างกระตือรือร้นว่า“เชิญค่ะนายหญิง น้อยหน่าเตรียมอาหารไว้รอแล้วค่ะ วันนี้ป้าบัวทำข้าวต้มกุ้งน่าทานมากเลยค่ะ” ไอรักยิ้มให้น้อยหน่าเล็กน้อยแล้วนั่งลงบนเก้าอี้“น่าทานจริงๆด้วยน้อยหน่า หอมจัง เออนี่แน่ะ...น้อยหน่าเรียกพี่ว่า พี่หนูไอก็ได้นะจ๊ะ” ไอรักพูดพร้อมกับยิ้มหวานส่งให้น้อยหน่า เด็กหญิงมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย“เราจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นไงล่ะจ๊ะ ไหนลองเรียกพี่ใหม่ซิ”“เอ่อ...ค่ะ พี่หนูไอ” น้อยหน่าทวนเรียกชื่อไอรักพร้อมกับยิ้มแป้นแก้มแทบปริ ที่ได้รับสิทธิ์เรียกนายหญิงของไร่ว่าพี่ไอรักทานอาหารมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อย น้อยหน่ายืนยิ้มมองดูไอรักทานข้าวต้มอยู่สักพักก็พูดขึ้นว่า“พี่หนูไอจะมาเป็นนายหญิงที่นี่ใช่ไหมคะ” ไอรักชะงักเล็กน้อยแต่ไม่ได
“แหมๆ ข้ายังไม่ได้พูดอะไรสักคำ ว่าแต่นายหญิงแน่ใจหรือว่าจะขับรถคันนี้น่ะครับ เพราะมันชอบทรยศคนขับบ่อยๆ เห็นมีแต่นายเล็กเท่านั้นที่รู้ใจมัน ใช้ขับไปไหนมาไหนในไร่นี้ได้น่ะครับ คนอื่นจะขับบางทีก็สตาร์ทไม่ติด หรือบางทีก็ไปดับอยู่ท้ายไร่โน่นแน่ะ”ไอรักยิ้มให้ลุงมิ่งก่อนจะพูดว่า“ไม่เป็นไรค่ะลุง หนูไออยากขับรถเล่นนิดหน่อย ถ้าไม่ลองขับแล้วจะรู้ได้ยังไงว่ารถคันนี้กับหนูไอจะรู้ใจกันหรือเปล่า”ลุงมิ่งไม่อยากทัดทานอะไรมาก เพราะถ้านายหญิงเกิดไม่พอใจขึ้นมาจริง ตัวลุงมิ่งเองอาจจะโดนปลดระวางอย่างที่น้อยหน่าขู่ไว้จริงๆ ชายสูงวัยจึงเดินไปหยิบกุญแจที่ตู้เก็บของมาส่งให้ไอรัก หญิงสาวรับกุญแจมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างลุงมิ่งมองดูไอรักขับรถออกจากโกดังตรงไปตามส้นทางเข้าสู่ไร่อ้อย อย่างน้อยก็มีน้อยหน่านั่งไปเป็นเพื่อน ถ้าเจ้ารถจี๊ปตัวดีเกิดมีปัญหาขึ้นมาก็ไม่น่าห่วงอะไรมาก เพราะน้อยหน่าคงพาเดินมาทางลัดของไร่ซึ่งสามารถกลับมาถึงบ้านได้ไม่ยากไอรักขับรถเรื่อยๆไปตามทาง พยายามสังเกตและจดจำทุกอย่างที่น้อยหน่ากำลังบรรยายให้ฟัง“ถนนเส้นนี้เป็นถนนสุดเขตไร่แสงตะวันค่ะพี่หนูไอ เล
“พี่อยากเปิดตัวนายหญิงของไร่แสงตะวัน แล้วพี่ก็บอกคุณพ่อแล้วว่าจะพาหนูไอไปด้วย งานนี้จะมีแขกคนสำคัญของจังหวัดไปหลายท่าน หนูไอไปลองชุดก่อนนะ ถ้าเผื่อไม่พอดียังไงจะได้ให้ป้าบัวแก้ชุดได้ทัน”“ไม่ดีกว่า หนูไอไม่ไป ขอตัวนะคะจะไปเดินเล่น” ไอรักพูดจบก็หันหลังให้ธีร์ภาณุ แต่ไม่ทันจะเดินได้ถึงสองก้าว ก็ถูกชายหนุ่มรวบตัวจากทางด้านหลัง“จะไปลองชุดเองหรือจะให้พี่จับถอดชุดนี้ออกแล้วลองชุดให้ดี” ธีร์ภาณุกระซิบข้างหูไอรัก หญิงสาวหลับตาปี๋ สะบัดตัวออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม แล้วหันหน้ากลับมาจ้องดวงตาคมเข้ม“ไม่ลองชุด แล้วก็ไม่ไป” พูดจบไอรักก็วิ่งปรู๊ดเปิดประตูบ้านออกไป ธีร์ภาณุส่ายหน้าเล็กน้อย เขาเปิดประตูวิ่งตาม และคว้าตัวไอรักได้ทันก่อนที่จะวิ่งลงบันไดบ้านไปได้ หญิงสาวถูกจับตัวขึ้นพาดบ่าของชายหนุ่ม เธอร้องเอะอะโวยวาย“ปล่อยนะ พี่ธีร์จะมาบังคับใจกันอย่างนี้ไม่ได้นะ บอกให้ปล่อย” ธีร์ภาณุปล่อยจริงๆ แต่ปล่อยเมื่อปิดประตูห้องนอนแล้ววางไอรักลงบนเตียงกว้าง หญิงสาวดีดตัวลุกขึ้นพยายามจะวิ่งไปที่ประตู ธีร์ภาณุวิ่งตามมาขวางทางไว้ได้ และรวบตัวไอรักไว้ในอ้อมแขนแข็งแรง หญิงสาวยังดิ้นแร
“ผ่านไปแล้วห้านาที ไวจัง” ไอรักพึมพำอย่างหงุดหงิด ก่อนที่เธอจะรีบคว้าชุดราตรีสั้นเกาะอกสีชมพูเข้ม แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อลองชุดอย่างที่ธีร์ภาณุต้องการเมื่อไอรักเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็เห็นธีร์ภาณุยืนรออยู่ในห้องแล้ว ชายหนุ่มกวาดสายตามองไอรักไปทั่วร่าง แล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ แต่หญิงสาวกลับชักสีหน้าไม่พอใจ“สวยครับ สมกับเป็นภรรยาของเจ้าของไร่แสงตะวัน” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับเข้าประชิดตัวไอรัก แล้วจับข้อมือบางพาเดินออกจากห้องนอน หญิงสาวไม่อยากขัดใจธีร์ภาณุ เธอกลัวว่าจะต้องถูกลงโทษในแบบของเขาอีก เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการไม่เปลืองตัวไปมากกว่านี้ เธอจึงเลือกที่จะเดินตามแรงจับจูงของผู้ชายตัวโตอย่างว่าง่ายที่ชุดเก้าอี้ไม้โต๊ะกลมมีผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับธีร์ภาณุนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาแต่งตัวชุดข้าราชการสีกากี กำลังสาละวนกับเอกสารต่างๆบนโต๊ะ“เตรียมเอกสารมาครบทุกอย่างแล้วใช่ไหมไอ้ปลัดเมฆ” เสียงถามจากเพื่อนรักเจ้าของไร่แสงตะวัน ทำให้ปลัดเมฆาที่ก้มหน้าจัดเอกสารอยู่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมใบหน้าบึ้งนิดๆ“จะให้ทำอะไรก็โท
ธีร์ภาณุพูดตามหลังเพื่อนไป ปลัดเมฆาไม่ได้หันกลับมา แต่โบกมือเป็นสัญลักษณ์ว่าไม่มีปัญหา ตามประสาเพื่อนรักที่เข้าใจเพื่อน แค่มองตาก็รู้กันโดยไม่ต้องซักไซ้สอบถามกันสักคำ“ท่าจะตกหลุมรักเข้าอย่างจัง ไอ้ธีร์เอ๊ย! วันนี้ยุ่งๆเอาไว้ก่อนเถอะ วันหลังจะซักประวัติ เอาให้ละเอียดกว่าข้อมูลในทะเบียนราษฎร์ซะอีก”ปลัดเมฆาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่เพื่อนรักตกลงปลงใจจดทะเบียนสมรสด้วยนั้นเป็นใคร เพราะธีร์ภาณุเคยเล่าเรื่องการถูกจับคู่ ให้เขาฟังมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่นึกว่าจะปุ๊บปั๊บเรียกตนเองมาทำเรื่องจดทะเบียนสมรสให้เร็วขนาดนี้ เพราะธีร์ภาณุเพิ่งบอกเมื่อสองสามวันก่อนว่าจะไปดูตัวเจ้าสาวที่ต่างจังหวัด แต่จับพลัดจับผลูยังไงถึงได้ออกมาในรูปแบบนี้ ดูผู้หญิงก็ไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไร นี่เพื่อนของเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ“เอาชนะใจหนูไอให้ได้ก็แล้วกันแกไอ้เกลอ หึๆ”ปลัดเมฆากลับไปแล้ว ทิ้งให้ไอรักนั่งสับสนอยู่ที่เดิม ผิดกับธีร์ภาณุที่ทำหน้ายิ้มระรื่น ชูทะเบียนสมรสให้ไอรักดูราวกับยั่วให้โมโห แล้วผิวปากเข้าไปในห้องนอน เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ หญิงสาวร
“พี่ไม่ได้พูดอะไรเลยนะหนูไอ คุณพ่อกับคุณแม่ท่านคิดไปเองต่างหาก” พูดจบธีร์ภาณุก็จับจ้องที่ดวงหน้ามน ด้วยแววตาที่คล้ายๆกับยิ้มล้อเลียน จนคนถูกมองจับสังเกตได้ ไอรักกลอกตาไปมาใช้ความคิดสักครู่แล้วก็เริ่มนึกได้ว่า ตนเองเดินตามธีร์ภาณุเข้ามาในห้องของเขา ไวเท่าความคิดหญิงสาวหันหลังกลับ ออกตัวเร็วราวกับวิ่งแข่งร้อยเมตร แต่ไม่เป็นไปดังใจหวัง เธอไปไม่ถึงเส้นชัย ลำแขนกลมกลึงที่เหยียดออกจนสุดหมายมาดว่าจะจับลูกบิดเปิดประตู ยังคงค้างอยู่กับที่ทั้งที่อยู่ใกล้แค่คืบ แต่เธอกลับคว้ามันไม่ถึง เนื่องจากคนที่แขนยาวกว่าใช้แขนเพียงข้างเดียวโอบเอวบางจากด้านหลัง แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้คนที่ตัวเล็กกว่าหยุดกึกอยู่กับที่ ไอรักจึงเปลี่ยนมาเป็นเริ่มใช้มือกวัดแกว่งเพื่อทำร้ายเจ้าของแขนแข็งแรงนั้น“เราเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้วนะหนูไอ คืนนี้เราควรนอนหลับพักผ่อนเอาแรง วันข้างหน้ามีงานใหญ่รอเราอยู่นะ”“งานพี่ธีร์คนเดียวน่ะสิ หนูไอไม่รับรู้อะไรด้วยทั้งนั้น” คนถูกกอดตวาดแหวเสียงดังลั่น ธีร์ภาณุใช้มือทั้งสองข้างจับตัวไอรักหมุนกลับมาเผชิญหน้ากัน“คืนนี้พี่จะไม่ทำอะไรหนูไอทั้งนั้น วางใจได้ พี่ขอสัญญา
“ครับแม่...ผมกับหนูไอสัญญาว่า จะไม่ทำให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วงเหมือนพี่ไทอย่างแน่นอนครับ จริงไหมครับหนูไอ?” ไอรักหันมองหน้าธีร์ภาณุที่ตอนนี้ส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ หญิงสาวยิ้มอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะตอบรับ“ค่ะ” คุณกานดายิ้มให้กับลูกชายและลูกสะใภ้คนเล็ก ก่อนที่จะถามถึงความคืบหน้าเรื่องการจัดงานแต่งงาน“แล้วเรื่องงานแต่งล่ะตาธีร์ เตรียมอะไรไปถึงไหนแล้ว”“เรื่องนี้ผมกับหนูไอคุยกันมาแล้วครับ เราขอจัดงานเล็กๆก็พอครับคุณแม่ เชิญเฉพาะที่สนิทและคุ้นเคย เนอะ...หนูไอ” คนพูดยิ้มหวานเมื่อหันหน้ามาสบตาคนนั่งข้างๆเพื่อขอความคิดเห็น ไอรักอยากจะกระโดดขึ้นคร่อม แล้วเอามือตะกุยหน้าผู้ชายที่นั่งข้างๆเสียจริง แต่ก็ทำได้เพียงฝืนยิ้มแล้วสบตาคนที่ถามมาด้วยสายตาเกรี้ยวกราดแทบจะถลนออกมา“ว่ายังไงล่ะจ๊ะหนูไอ” คุณกานดาถามย้ำกับว่าที่เจ้าสาว“เอ่อ...” ไอรักอ้าปากจะพูดแต่ก็มีคนเร็วกว่าพูดแทรกขึ้นมา“หนูไอน่ะยังไงก็ได้อยู่แล้วครับคุณแม่ แต่เราจะจัดงานให้เร็วที่สุดนะครับ ผมไม่อยากให้น้องเสียหาย ”“มันแน่นอนอยู่แล้ว แม่ดูฤกษ์ให้แล้ว ก็ตั้งแต่เม
ไอรักอาบน้ำเสร็จแล้วจึงแง้มประตูห้องน้ำออกมา กวาดสายตามองทั่วห้องไม่พบธีร์ภาณุ จึงผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอก ก็ตอนนี้ไอรักอยู่ในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันร่างกายอยู่ เพราะไม่ได้เตรียมชุดเข้าไปในห้องน้ำด้วยหญิงสาวรีบก้าวเท้าเร็วๆเดินตรงไปที่โต๊ะมุมห้อง มือบางรื้อๆค้นๆหาเสื้อผ้าที่เพิ่งไปซื้อมา แต่พอเลือกได้ตัวหนึ่งก็ลังเลอยากใส่อีกตัวหนึ่ง มือซ้ายจับชุดเดรสสั้นแขนกุดสีเหลืองนวลเป็นผ้าชีฟองพลิ้วสวย มือขวาจับจั๊มป์สูทขายาวสีเขียวหม่น หญิงสาวชูชุดทั้งสองตัวสลับกันไปมา ชั่งใจตัวเองอยู่ว่าจะเลือกใส่ชุดแบบไหนดี“พี่ว่าหนูไอใส่ชุดไหนก็น่ารักทั้งนั้นแหละครับ” ไอรักสะดุ้งเฮือก ไม่กล้าจะหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียง หญิงสาวยืนตัวแข็งทื่อกอดเสื้อผ้าไว้แนบอก รู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง นึกอยากจะเขกศีรษะตัวเองจริงๆ ธีร์ภาณุเดินเข้ามาประชิดด้านหลังแล้วก้มลงกระซิบที่ข้างหูไอรัก“หรือถ้าไม่ใส่เลยก็คงจะน่ารักที่สุด”ไอรักหลับตาปี๋หดคอลงโดยอัตโนมัติ ธีร์ภาณุยิ้มให้กับอาการของหญิงสาว“ตัวหนูไอหอมจัง” ธีร์ภาณุไม่พูดเปล่า จมูกโด่งโฉบลงที่แก้มนวลอย่างรว
“ไปพักผ่อนก่อนเถอะหนูไอ ไม่ต้องเกรงใจอะไรนะ บ้านหลังนี้ก็เหมือนบ้านหนูไอนั่นแหละ ไปตาธีร์พาน้องไปพักผ่อนอาบน้ำอาบท่าจะได้สบายเนื้อสบายตัว แล้วค่อยมาทานอาหารเย็นพร้อมกันนะ”ธีร์ภาณุเดินนำหน้าและจูงมือไอรัก จนเดินมาถึงหน้าประตูห้องของตนเอง น้าเรียมที่คุณกานดาสั่งให้มาจัดห้องเปิดประตูออกมาพอดี“น้าจัดห้องให้เรียบร้อยแล้วนะคะนายเล็ก ต้องการอะไรเพิ่มเติมไหมคะ” ธีร์ภาณุยิ้มให้น้าเรียม“ขอบคุณครับน้าเรียม เดี๋ยวช่วยไปขนของในรถขึ้นมาไว้ที่ห้องให้ด้วยนะครับ”“ค่ะ” น้าเรียมรับคำ แล้วก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนเดินจากไป ธีร์ภาณุเปิดประตูเดินเข้าห้อง แต่คนที่ถูกจูงมือกลับยืนตัวแข็งทื่อไม่เดินตาม“หนูไอนี่ดื้ออีกแล้วนะครับ” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับส่ายหน้า“ไม่ค่ะ หนูไอไม่นอนกับพี่ธีร์ ปล่อยก่อนค่ะ” ธีร์ภาณุปล่อยมือไอรัก แล้วเปลี่ยนเป็นใช้สองแขนรวบรวบเอวบางอย่างรวดเร็วดึงเข้ามาในห้อง พร้อมกับปิดล็อกประตูทันที“ว้าย!” ไอรักอุทานอย่างตกใจ เมื่อชายหนุ่มปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระ หญิงสาวเริ่มพยายามหาทางออกจากห้อง แต่ธีร์ภาณุตัวใหญ่กว่ายืนกอดอกขวางประตูไว้“พี
ไอรักค้อนขวับเม้มปากแล้วนั่งนิ่ง จนกระทั่งธีร์ภาณุพารถเลี้ยวเข้าซุ้มประตูไม้แล้วจอดรอก่อนจะบีบแตร สักครู่ประตูไม้บานใหญ่ก็ถูกเปิดออกโดยชายหนุ่มวัยกลางคน ธีร์ภาณุขับรถเข้าไปตามทางเล็กๆบริเวณบ้าน ซึ่งเป็นบ้านทรงไทยประยุกต์หลังใหญ่ ด้านหน้ามีบันไดไม้ขึ้นสู่ด้านบนของตัวบ้านชายหนุ่มวัยกลางคนที่เปิดประตูให้เมื่อสักครู่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาธีร์ภาณุ และมองไอรักอย่างสงสัย“คุณพ่ออยู่ไหมน้าสุด?” ธีร์ภาณุเอ่ยถามพร้อมกับมองไปรอบๆบริเวณบ้าน“นายท่านยังไม่กลับมาครับ คุณกานดาอยู่บนเรือนครับ” ชายคนที่ชื่อน้าสุดยืนเอามือกุมเป้ากางเกงก้มศีรษะเล็กน้อยขณะตอบคำถาม“แล้วพี่ไทล่ะ” ธีร์ภาณุถามหาพี่ชายคนเดียวของเขา“นายใหญ่ยังไม่กลับมาครับ” น้าสุดตอบคำถามและก็ยังคงก้มศีรษะเล็กน้อยเหมือนเดิม“น้าสุดเอารถผมไปเก็บให้ด้วยนะครับ แล้วก็บอกน้าเรียมว่าให้จัดอาหารเย็นเผื่อผมกับหนูไอภรรยาของผม เพิ่มอีกสองที่นะครับ” น้าสุดทำสีหน้างงเล็กน้อย ก่อนจะชำเลืองมองไอรักด้วยสีหน้าสงสัย ไอรักยิ้มให้ชายวัยกลางคนเป็นการทักทาย น้าสุดก้มศีรษะคำนับให้เธอ พร้อมกับกล่าวรับคำสั่งจากธีร์ภาณุ
ธีร์ภาณุยิ้มใส่ตาภรรยาที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ แล้วหันไปยิ้มกว้างให้รสิตาก่อนจะพูดว่า“อร่อยทุกอย่างครับ แต่คงเพราะว่าหนูไอกำลังท้องอยู่น่ะครับ ก็เลยทานอะไรแล้วไม่ถูกปากสักอย่าง จริงไหมครับหนูไอ”ไอรักอ้าปากค้างหันมองหน้ารสิตายิ้มแบบฝืนๆ ก่อนจะหันกลับมามองคนที่นั่งข้างๆ แล้วส่งสายตาที่บ่งบอกว่าไม่พอใจ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิกที่ต้นขาของธีร์ภาณุอย่างแรง“โอ๊ย!” ธีร์ภาณุอุทานเสียงดัง“เป็นอะไรคะคุณธีร์” รสิตาถามพร้อมกับเลิกคิ้วทำหน้าสงสัย“ไม่เป็นไรครับ” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับเหยียดแขนออกโอบไหล่คนนั่งข้างๆดึงเข้าหาตัวเอง ไอรักตกใจเล็กน้อย เงยหน้ามองดูคนตัวโตอย่างเอาเรื่อง ชายหนุ่มฉวยโอกาสประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากมนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันหน้ามาทางรสิตา“คือหนูไอเขาเขินน่ะครับ ยังไม่อยากให้ผมบอกเรื่องนี้กับใคร แต่ผมก็อดที่จะพูดไม่ได้ จะเป็นพ่อคนทั้งที ใครๆก็อยากโชว์ว่าตัวเองมีความสามารถทั้งนั้นแหละครับ คุณแนนว่าไหมครับ” ธีร์ภาณุพูดจบก็หันมายิ้มกว้างให้คนที่อยู่ในอ้อมแขน แล้วหันไปยิ้มให้รสิตาที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามของโต๊ะอาหาร“ค่ะ” รสิตาตอบรับสั
“ไปกันเถอะครับ ไปซื้อของกัน” ธีร์ภาณุคว้าหมับเข้าที่ข้อมือบางแล้วดึงให้ลุกขึ้นยืน ไอรักมองหน้าผู้ชายตัวโตอย่างไม่พอใจ“ปล่อยค่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย“ดื้ออีกแล้วนะครับ” ไอรักค้อนขวับ“หนูไอเดินเองได้ค่ะ” ไอรักเดินนำหน้าธีร์ภาณุตรงไปที่รถสปอร์ตคันหรูที่จอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะเดินตามไอรักไป“เดี๋ยวเราแวะซื้อของกันก่อนนะครับ แล้วเที่ยงนี้พี่จะพาไปทานข้าวบ้านคุณแนน” ไอรักมองหน้าคนขับรถแต่ไม่พูดอะไร ธีร์ภาณุชำเลืองดูหญิงสาวแล้วพูดต่อ“หนูไอต้องซื้อชุดอีกหลายชุดนะ แล้วก็ของใช้ส่วนตัวด้วยนะครับ” ไอรักเงียบจนคนที่พูดอยู่ฝ่ายเดียวแปลกใจ“หนูไอเป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ”“ไม่เป็นไรนี่คะ แต่กำลังคิดว่าในโปรแกรมวันนี้ พี่ธีร์จะพาหนูไอไปพบคุณลุงหรือเปล่า” ธีร์ภาณุยิ้มกว้าง“แล้วหนูไออยากไปไหมล่ะครับ” ไอรักเชิดหน้ามองไปข้างหน้าก่อนจะตอบ“อยากไปค่ะ หนูไออยากไปตกลงกับคุณลุงเรื่องของเราค่ะ”“ครับ เราจะแวะหาคุณพ่อก่อนกลับไร่แสงตะวันนะครับ”รถสปอร์ตขอ
ชายทั้งสองคนหน้าเสีย และพยายามขอร้องผู้เป็นนาย หากแต่แววตาเด็ดเดี่ยวและคาดโทษที่จ้องมองมาทำให้ทั้งสองก้มหน้านิ่ง“เก็บของแล้วออกจากไร่ก่อนเที่ยง” น้ำเสียงที่เด็ดขาดทำให้ทุกคนเงียบกริบธีร์ภาณุพูดจบก็กวาดสายตามองดูคนงาน ด้วยสายตาที่ดุดันอีกครั้ง คนงานในไร่ต่างรู้ดีว่า นายเล็กของพวกเขาเป็นคนจริงจังและเด็ดขาด แต่ทว่าก็เป็นเจ้านายที่ใจดีและรักลูกน้องมากเช่นเดียวกัน หากใครทำดีก็จะได้รับการตอบแทนที่คุ้มค่า แต่หากใครทำผิดกฎก็จะไม่มีที่ยืนในไร่โดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น ทุกคนจึงทั้งรักและยำเกรงผู้เป็นนายคนนี้มาก“เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเองได้ ลุงมิ่งขอกุญแจรถจี๊ปด้วยครับ ผมจะเข้าไปตรวจในไร่”ธีร์ภาณุพูดจบก็เดินเร็วตรงไปยังโกดังใหญ่ จนลุงมิ่งวิ่งตามแทบไม่ทันไอรักอยู่ในชุดเดรสสีขาวสายเดี่ยว หญิงสาวนั่งรอธีร์ภาณุที่นัดว่าจะพาไปซื้อของในตัวเมือง อยู่ระเบียงหน้าบ้าน เมื่อเห็นรถคันหรูสีแดงวิ่งเข้าใกล้ตัวบ้านจึงลุกขึ้นมอง จนรถจอดเทียบบริเวณสวนดอกไม้ใกล้บ้านหญิงสาวที่ก้าวลงจากรถด้วยท่าทางมั่นใจดูแล้วคุ้นตา เธออยู่ในชุดเดรสสั
“ซวยกันหมดล่ะทีนี้”ไอรักเพิ่งนอนหลับได้ไม่นาน แต่ก็ต้องรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่เริ่มจะคุ้นหู“หนูไอเปิดประตูให้พี่หน่อยครับ” เสียงทุ้มของธีร์ภาณุทำให้หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง เดินมาเอาหูแนบประตูฟังชัดๆ“หนูไอเปิดประตูให้พี่ด้วยครับ” ไอรักรู้แล้วว่าเป็นเสียงธีร์ภาณุ แต่กำลังชั่งใจว่าจะเปิดดีหรือไม่ เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้หญิงสาวไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายตัวโตเจ้าของเสียงเรียกเอาเสียเลย ในขณะที่กำลังคิดอยู่ว่าจะเปิดประตูดีหรือเปล่า หญิงสาวก็ได้ยินเสียงกุกกักที่ประตูห้อง แล้วประตูก็ถูกเปิดออก คนตัวเล็กกว่าได้แต่ยืนเหวออ้าปากค้าง เมื่อคนตัวโตชูลูกกุญแจขึ้นพร้อมกับยักไหล่แล้วยิ้มแบบกวนๆ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องแล้วปิดล็อกประตูทันที“พี่ก็แค่อยากลองใจว่า หนูไอจะใจร้ายกับพี่แค่ไหน ว่าจะไม่ทำอะไรแล้วนะ อย่างนี้ต้องลงโทษคนใจร้ายให้สาสม” ไอรักถอยหลังกรูด แต่ช้ากว่าผู้ชายตัวโตเหมือนเดิม ท่อนแขนแข็งแรงและอ้อมกอดที่เริ่มจะคุ้นเคย คว้าหมับเข้าที่เอวบาง หญิงสาวพยายามขืนตัวโดยใช้มือยันแผ่นอกกว้างไว้“พี่ง่วงจังเลย หนูไอนอนเป็นเพื่อนพ