“ผ่านไปแล้วห้านาที ไวจัง” ไอรักพึมพำอย่างหงุดหงิด ก่อนที่เธอจะรีบคว้าชุดราตรีสั้นเกาะอกสีชมพูเข้ม แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อลองชุดอย่างที่ธีร์ภาณุต้องการ
เมื่อไอรักเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็เห็นธีร์ภาณุยืนรออยู่ในห้องแล้ว ชายหนุ่มกวาดสายตามองไอรักไปทั่วร่าง แล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ แต่หญิงสาวกลับชักสีหน้าไม่พอใจ
“สวยครับ สมกับเป็นภรรยาของเจ้าของไร่แสงตะวัน” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับเข้าประชิดตัวไอรัก แล้วจับข้อมือบางพาเดินออกจากห้องนอน หญิงสาวไม่อยากขัดใจธีร์ภาณุ เธอกลัวว่าจะต้องถูกลงโทษในแบบของเขาอีก เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการไม่เปลืองตัวไปมากกว่านี้ เธอจึงเลือกที่จะเดินตามแรงจับจูงของผู้ชายตัวโตอย่างว่าง่าย
ที่ชุดเก้าอี้ไม้โต๊ะกลมมีผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับธีร์ภาณุนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาแต่งตัวชุดข้าราชการสีกากี กำลังสาละวนกับเอกสารต่างๆบนโต๊ะ
“เตรียมเอกสารมาครบทุกอย่างแล้วใช่ไหมไอ้ปลัดเมฆ” เสียงถามจากเพื่อนรักเจ้าของไร่แสงตะวัน ทำให้ปลัดเมฆาที่ก้มหน้าจัดเอกสารอยู่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมใบหน้าบึ้งนิดๆ
“จะให้ทำอะไรก็โทรสั่งๆ ไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้าเลย ก็เห็นอยู่ว่ากำลังดูให้อยู่นี่แหละ ไม่ครบก็ต้องครบล่ะครับนายเล็ก” ปลัดเมฆาพูดประชดเพื่อน ก่อนจะหันหน้าไปมองว่าที่ภรรยาของเพื่อนด้วยรอยยิ้มทักทาย และมองค้างจนเกือบเสียมารยาท
“เฮ้ย! มองนานไปแล้ว นี่หนูไอว่าที่ภรรยาของฉันเอง” ไอรักหันขวับมองหน้าธีร์ภาณุตาเขียวปั้ด
“สวัสดีครับ ผมปลัดเมฆาเป็นเพื่อนรักซี้ย่ำปึ้กกับไอ้ธีร์มานานมากแล้วครับ หากมีอะไรให้ผมช่วยเหลือบอกมาได้เลยนะครับ เรียกใช้ได้ทุกเวลาจะไม่ปฏิเสธสักคำ เอ่อ...ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ปลัดเมฆาแนะนำตัวยืดยาวพร้อมกับยื่นมือเพื่อจะสัมผัสทักทาย แต่ธีร์ภาณุกลับยื่นมือตัวเองมาสัมผัสแทน ส่วนไอรักยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มให้ปลัดหนุ่มเล็กน้อย
“สวัสดีค่ะท่านปลัดเมฆา”
“โอ๊ย! ไม่ต้องเรียกเป็นทางการขนาดนั้นหรอกครับหนูไอ เรียกผมว่าพี่เมฆก็ได้นะครับ เรียกสั้นๆ น่ารักๆคนกันเอง”
“ค่ะ...พี่เมฆ” ธีร์ภาณุยกแขนขึ้นวางบนบ่าของไอรักแล้วบีบเบาๆ ปลัดเมฆาสังเกตเห็นจึงอดกระเซ้าเพื่อนไม่ได้
“แหม...ทำหวงออกนอกหน้านะแก ถ้าอย่างนั้นเพื่อเป็นการไม่เสีย เวลา เชิญนั่งแล้วก็เซ็นเอกสารกันเลยนะครับ” ปลัดเมฆาพูดจบนั่งลงที่เดิม และก้มลงวุ่นวายกับการจัดเรียงเอกสาร เพื่อให้ว่าที่สามีภรรยาคู่นี้เซ็น
ไอรักหันขวับมองหน้าธีร์ภาณุ สายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ผิดกับธีร์ภาณุที่ยิ้มราวกับมีความสุขมากมาย
“หนูไอไม่เซ็นอะไรทั้งนั้นค่ะ” ไอรักกระซิบกระซาบเบาๆให้ได้ยินกันสองคน
“หนูไอก็รู้ว่าบทลงโทษของพี่มันเป็นแบบไหน และพี่ก็ไม่อายหรอกนะถ้าจะทำแบบนั้นอีกครั้ง ต่อหน้าไอ้ปลัดเพื่อนของพี่ แต่หนูไอจะรับได้หรือเปล่าล่ะถ้าพี่จะทำแบบนั้น” ธีร์ภาณุกระซิบขู่ข้างหูไอรัก ก่อนจะกอดประคองแกมบังคับให้เดินไปที่เก้าอี้ไม้ ฝั่งตรงข้ามกับที่ปลัดเมฆานั่งอยู่ ธีร์ภาณุกดบ่าไอรักให้นั่งลงแล้วตัวเองก็นั่งลงข้างๆ
“แกเซ็นตรงนี้ที่ฉันทำเครื่องหมายไว้ แล้วก็หนูไอเซ็นตรงนี้นะครับ” ปลัดเมฆายื่นเอกสารให้ธีร์ภาณุและไอรักเซ็น พูดจบก็เงยหน้าขึ้นยิ้มให้ทั้งสองคน
ธีร์ภาณุเซ็นเอกสารเรียบร้อย แต่ไอรักยังจับปากกาแน่นค้างไว้ในมือ จนชายหนุ่มต้องกระซิบข้างหูเบาๆ
“เซ็นสิครับหนูไอ” พร้อมกับยื่นมือไปโอบเอวบางแรงๆ จนคนถูกกอดต้องหันขวับมามองอย่างไม่พอใจ ถ้าดวงตาเธอมีไฟคงแผดเผาชายหนุ่มไหม้เกรียมเป็นตอตะโกแล้ว ธีร์ภาณุจ้องตาไอรักเป็นเชิงปรามว่าอย่าท้าทายเขา
“เอ่อ...หนูไอครับเซ็นตรงนี้ครับ คือว่าวันนี้พี่มีงานราชการด่วนต้องรีบไปจัดการด้วยน่ะครับ ช้าไปมากกว่านี้เกรงว่านายจะต่อว่าพี่ได้นะครับ” ปลัดเมฆาเร่ง ไอรักยิ้มให้ปลัดเมฆาแบบฝืนๆ ก่อนจะกรอกลายมือชื่อลงไปอย่างเสียไม่ได้ ธีร์ภาณุยิ้มพอใจ
“ขอบคุณมากไอ้ปลัด”
ธีร์ภาณุลุกขึ้นยืนพร้อมกับยื่นมือไปสัมผัสมือเพื่อน
“งั้นฉันขอตัวกลับก่อนแล้วกัน เอ้านี่! ทะเบียนสมรสของแกกับหนูไอสองฉบับ ฉบับหนึ่งให้สามีเก็บไว้ อีกฉบับให้ภรรยาเก็บไว้”
ปลัดหนุ่มยื่นใบทะเบียนสมรสให้ธีร์ภาณุเก็บไว้ แล้วเก็บเอกสารบางส่วนกลับไป ก่อนจะหันหน้ามายิ้มให้ไอรักแล้วพูดว่า
“เรียบร้อยแล้วนะครับหนูไอ พี่ขอตัวกลับก่อนนะครับ ไว้โอกาสหน้าเราคงได้มีโอกาสคุยกันอีก วันนี้พี่งานยุ่งจริงๆครับ เลยไม่ได้อยู่ทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ วีรกรรมไอ้ธีร์สมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันน่ะเยอะครับ แสบๆทั้งนั้น โดยเฉพาะเรื่องสาวๆ”
“อ้าว! ไอ้ปลัด อยู่ดีๆหาเรื่องนอนหยอดน้ำข้าวต้มแล้วไหมล่ะ ไปๆกลับไปทำงานของแกได้แล้ว เดี๋ยวจะมาหาว่าฉันทำให้เสียงานเสียการ”
“ก็มันเรื่องจริงนี่หว่า...เออๆกลับก็ได้วะ ทีตอนโทรสั่งล่ะเร่งยิกๆ พอทำงานให้เสร็จแล้วไล่จริงไอ้นายเล็ก เห็นแก่คู่สามีภรรยาใหม่ ฉันจะไม่สร้างความร้าวฉานก็ได้โว้ย! เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นพี่ขอตัวก่อนนะครับหนูไอ”
ไอรักยกมือไหว้ลาปลัดเมฆาตามมารยาท
“ค่ะ สวัสดีค่ะ”
“ขับรถดีๆนะไอ้ปลัด ขอบคุณมาก”
ธีร์ภาณุพูดตามหลังเพื่อนไป ปลัดเมฆาไม่ได้หันกลับมา แต่โบกมือเป็นสัญลักษณ์ว่าไม่มีปัญหา ตามประสาเพื่อนรักที่เข้าใจเพื่อน แค่มองตาก็รู้กันโดยไม่ต้องซักไซ้สอบถามกันสักคำ“ท่าจะตกหลุมรักเข้าอย่างจัง ไอ้ธีร์เอ๊ย! วันนี้ยุ่งๆเอาไว้ก่อนเถอะ วันหลังจะซักประวัติ เอาให้ละเอียดกว่าข้อมูลในทะเบียนราษฎร์ซะอีก”ปลัดเมฆาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่เพื่อนรักตกลงปลงใจจดทะเบียนสมรสด้วยนั้นเป็นใคร เพราะธีร์ภาณุเคยเล่าเรื่องการถูกจับคู่ ให้เขาฟังมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่นึกว่าจะปุ๊บปั๊บเรียกตนเองมาทำเรื่องจดทะเบียนสมรสให้เร็วขนาดนี้ เพราะธีร์ภาณุเพิ่งบอกเมื่อสองสามวันก่อนว่าจะไปดูตัวเจ้าสาวที่ต่างจังหวัด แต่จับพลัดจับผลูยังไงถึงได้ออกมาในรูปแบบนี้ ดูผู้หญิงก็ไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไร นี่เพื่อนของเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ“เอาชนะใจหนูไอให้ได้ก็แล้วกันแกไอ้เกลอ หึๆ”ปลัดเมฆากลับไปแล้ว ทิ้งให้ไอรักนั่งสับสนอยู่ที่เดิม ผิดกับธีร์ภาณุที่ทำหน้ายิ้มระรื่น ชูทะเบียนสมรสให้ไอรักดูราวกับยั่วให้โมโห แล้วผิวปากเข้าไปในห้องนอน เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ หญิงสาวร
ธีร์ภาณุวนรถเข้าจอดในบริเวณลานจอดรถของโรงแรมหรูใจกลางเมือง ชายหนุ่มลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูด้านที่ไอรักนั่งอยู่ หญิงสาวเงยหน้ามองชายหนุ่มด้วยใบหน้าบูดบึ้ง แล้วก้าวลงจากรถด้วยอาการที่ไม่ค่อยพอใจ ไอรักกำลังจะเดินนำหน้าธีร์ภาณุไป แต่ชายหนุ่มคว้าข้อมือไว้ แล้วจับแขนของผู้หญิงหน้าบึ้งมาคล้องที่แขนของตนเอง ไอรักฮึดฮัดพยายามดึงกลับ แต่ธีร์ภาณุกลับหนีบไว้ไม่ยอมปล่อย“อย่าลืมรอยยิ้มด้วยนะครับ เรามาในงานนี้เพื่อเป็นตัวแทนของคุณพ่อ พี่รู้ว่าหนูไอโตพอที่จะรู้ว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควร” ธีร์ภาณุพูดจบก็พาไอรักเดินเข้าประตูโรงแรม ตรงไปยังห้องจัดเลี้ยงบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ซึ่งล้วนมีแต่แขกคนสำคัญและผู้หลักผู้ใหญ่ของจังหวัดทั้งนั้น ธีร์ภาณุหนีบแขนดึงไอรักไปที่บริเวณประตูหน้างานเพื่อร่วมอวยพรเจ้าของงานภาพผู้ชายร่างสูงสมาร์ตในสูททักซิโดสีดำหน้าตาคมเข้ม เดินควงแขนกับผู้หญิงร่างบางหน้าตาจิ้มลิ้ม แต่งหน้าเล็กน้อยและเกล้าผมขึ้นลวกๆ จงใจปล่อยปอยผมเล็กให้คลอเคลียระบ่าเนียน เธออยู่ในชุดราตรีสั้นเกาะอกสีชมพูเข้ม เน้นเนินอกอวบอิ่มที่ซ่อนอยู่ใต้ชุดราตรี ทำให้ผู้ชายหล
“แน่นอนค่ะ งานนี้แนนไม่พลาดอยู่แล้ว เรามันคนคุ้นเคยกันไม่ไปได้ยังไง แล้วเจอกันนะคะ ขอตัวก่อนค่ะ” ปากก็พูดกับไอรัก แต่กลับสบสายตาพร้อมรอยยิ้มแปลกๆให้กับธีร์ภาณุ โดยไม่เกรงใจคนข้างๆเลย เมื่อหญิงสาวในชุดราตรีสีแดงสดเดินจากไป ไอรักหันหน้ามามองธีร์ภาณุตาเขียวปั้ด“แม่นี่เป็นใครคะพี่ธีร์” ธีร์ภาณุยิ้มที่มุมปากก่อนจะตอบว่า“คุณแนนเป็นลูกสาวเจ้าสัวปรีชา เจ้าของท่าข้าวรายใหญ่ของจังหวัด มีอะไรหรือเปล่าหนูไอ” ไอรักทำจมูกย่น“อ๋อ...ค่ะ” ไอรักพยักหน้ารับทราบ แต่ก็ยังยิงคำถามต่อ“แล้วรู้จักและสนิทคุ้นเคยกับพี่ธีร์มากเลยเหรอคะ”ธีร์ภาณุหัวเราะก่อนจะตอบ แต่เป็นคำตอบที่ไม่ตรงคำถามและขัดใจคนรอคำตอบ “ทำไมล่ะครับ หรือว่าหนูไอหึงพี่”“ฮ้า! หึงพี่ธีร์นี่นะ ฝันไปหรือเปล่าคะ แล้วนี่เมื่อไหร่จะกลับล่ะคะ หนูไอเมื่อยปากไม่อยากจะยิ้มแล้วนะ” ไอรักเปลี่ยนเรื่องคุย เธอเบื่อที่ตกเป็นเป้าสายตาให้พวกป้าๆทั้งหลายซุบซิบนินทากัน ในข้อหาท้องก่อนแต่ง“อีกสักพักนะครับ อดทนหน่อยนะ ยิ้มไว้นะครับ ถ้าเมื่อยปากมากๆ เดี๋ยวคืนนี้พี่เสียสละยอมเมื่อย จะใช้ปากพี่นวดปากหนูไอให้นะครับ”
“ใครน่ะ” เสียงป้าบัวตะโกนถามมาจากข้างในบ้าน“หนูไอเองค่ะป้าบัว” ไอรักยืนรอสักครู่เดียวก็ได้ยินเสียงเปิดประตู เมื่อป้าบัวเห็นหน้าไอรักก็อุทานด้วยความตกใจ“ตายล่ะ! นายหญิง ดึกดื่นป่านนี้มาทำอะไรคะ ทำไมไม่หลับไม่นอน เข้ามาก่อนค่ะอากาศเย็นๆเดี๋ยวไม่สบาย” ไอรักยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร แล้วเดินตามหลังป้าบัวเข้าไปในบ้าน“เอ่อ...คือว่าหนูไอจะมาขอนอนกับน้อยหน่าน่ะค่ะ” ไอรักพูดขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นแววตาป้าบัวมองมาด้วยความสงสัย“น้อยหน่าหลับไปตั้งแต่หัวค่ำแล้วล่ะค่ะ ตัวร้อนนิดหน่อยน่าจะเป็นไข้ ป้าให้ทานยาแล้วก็หลับไปเลย” ป้าบัวพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไอรักจึงได้แต่ยิ้ม ป้าบัวมองหน้าหญิงสาวก่อนจะถามว่า“นายหญิงมีปัญหาอะไรให้ป้าช่วยหรือเปล่าคะ”“ไม่มีครับป้า” เสียงทุ้มดังขึ้นโดยที่คนถูกถามอ้าปากค้างกำลังจะตอบแต่ไม่ได้ตอบ ไอรักยิ้มแห้งๆให้ป้าบัวแล้วหันไปยิ้มให้ธีร์ภาณุ เพราะไม่รู้จะทำหน้ายังไง“ดึกมากแล้วอย่ามากวนป้าบัวอย่างนี้สิ กลับบ้านกันเถอะครับหนูไอ” ธีร์ภาณุก้าวยาวๆประชิดตัวไอรัก แล้วคว้าข้อมือบางไว้แน่น ไอรักมองหน้าป้าบัวเหมือนขอควา
“อย่าดื้อสิครับ” ชายหนุ่มพูดเสียงทุ้มต่ำ มือทั้งสองข้างที่กอดกระชับเอวบาง เริ่มลูบไล้สัมผัสทุกส่วนของร่างกายของไอรัก และเมื่อจมูกโด่งของชายหนุ่มเริ่มซุกไซ้ลำคอระหงและเลื่อนต่ำลง หญิงสาวก็เกร็งตัวจนแทบจะลืมหายใจ เพราะแม้ร่างกายจะสวมเสื้ออยู่ แต่ไอรักกลับคิดว่ามันไม่ได้ช่วยป้องกันหน้าอกอวบอิ่ม จากริมฝีปากและจมูกของผู้ชายตัวโตที่ทาบทับร่างเธออยู่ได้สักนิดเลย ธีร์ภาณุกดจมูกลงที่กลางระหว่างอกของหญิงสาวแรงๆ และกอดกระชับร่างบางให้แนบชิดกับตัวเองยิ่งขึ้น หญิงสาวแอ่นตัวรับสัมผัสจากเขาอย่างลืมตัวไอรักเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ร่างกายทุกส่วนตอบสนองทุกสัมผัสที่ธีร์ภาณุแตะต้อง รู้สึกตัวอีกทีเมื่อตะขอเสื้อชั้นในตัวจิ๋วถูกปลดออก หญิงสาวหอบหายใจแรงสะดุ้งเฮือก เริ่มดิ้นรนอีกครั้งเมื่อตระหนักได้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น มือเล็กๆออกแรงดันแผ่นอกชายหนุ่มอีกครั้ง แต่ถูกรวบไว้ด้วยมือที่ใหญ่กว่าธีร์ภาณุใช้มือเพียงข้างเดียวรวบสองมือตรึงไว้เหนือศีรษะของไอรัก เขาเงยหน้ากวาดตามองใบหน้าของหญิงสาวที่ตอนนี้แก้มนวลแดงจัด ชายหนุ่มสบตากับดวงตากลมโตที่ดูตื่นกลัว เขายิ้มใส่ดวงตาคู่สวย และใช้มืออ
“ซวยกันหมดล่ะทีนี้”ไอรักเพิ่งนอนหลับได้ไม่นาน แต่ก็ต้องรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่เริ่มจะคุ้นหู“หนูไอเปิดประตูให้พี่หน่อยครับ” เสียงทุ้มของธีร์ภาณุทำให้หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง เดินมาเอาหูแนบประตูฟังชัดๆ“หนูไอเปิดประตูให้พี่ด้วยครับ” ไอรักรู้แล้วว่าเป็นเสียงธีร์ภาณุ แต่กำลังชั่งใจว่าจะเปิดดีหรือไม่ เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้หญิงสาวไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายตัวโตเจ้าของเสียงเรียกเอาเสียเลย ในขณะที่กำลังคิดอยู่ว่าจะเปิดประตูดีหรือเปล่า หญิงสาวก็ได้ยินเสียงกุกกักที่ประตูห้อง แล้วประตูก็ถูกเปิดออก คนตัวเล็กกว่าได้แต่ยืนเหวออ้าปากค้าง เมื่อคนตัวโตชูลูกกุญแจขึ้นพร้อมกับยักไหล่แล้วยิ้มแบบกวนๆ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องแล้วปิดล็อกประตูทันที“พี่ก็แค่อยากลองใจว่า หนูไอจะใจร้ายกับพี่แค่ไหน ว่าจะไม่ทำอะไรแล้วนะ อย่างนี้ต้องลงโทษคนใจร้ายให้สาสม” ไอรักถอยหลังกรูด แต่ช้ากว่าผู้ชายตัวโตเหมือนเดิม ท่อนแขนแข็งแรงและอ้อมกอดที่เริ่มจะคุ้นเคย คว้าหมับเข้าที่เอวบาง หญิงสาวพยายามขืนตัวโดยใช้มือยันแผ่นอกกว้างไว้“พี่ง่วงจังเลย หนูไอนอนเป็นเพื่อนพ
ชายทั้งสองคนหน้าเสีย และพยายามขอร้องผู้เป็นนาย หากแต่แววตาเด็ดเดี่ยวและคาดโทษที่จ้องมองมาทำให้ทั้งสองก้มหน้านิ่ง“เก็บของแล้วออกจากไร่ก่อนเที่ยง” น้ำเสียงที่เด็ดขาดทำให้ทุกคนเงียบกริบธีร์ภาณุพูดจบก็กวาดสายตามองดูคนงาน ด้วยสายตาที่ดุดันอีกครั้ง คนงานในไร่ต่างรู้ดีว่า นายเล็กของพวกเขาเป็นคนจริงจังและเด็ดขาด แต่ทว่าก็เป็นเจ้านายที่ใจดีและรักลูกน้องมากเช่นเดียวกัน หากใครทำดีก็จะได้รับการตอบแทนที่คุ้มค่า แต่หากใครทำผิดกฎก็จะไม่มีที่ยืนในไร่โดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น ทุกคนจึงทั้งรักและยำเกรงผู้เป็นนายคนนี้มาก“เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเองได้ ลุงมิ่งขอกุญแจรถจี๊ปด้วยครับ ผมจะเข้าไปตรวจในไร่”ธีร์ภาณุพูดจบก็เดินเร็วตรงไปยังโกดังใหญ่ จนลุงมิ่งวิ่งตามแทบไม่ทันไอรักอยู่ในชุดเดรสสีขาวสายเดี่ยว หญิงสาวนั่งรอธีร์ภาณุที่นัดว่าจะพาไปซื้อของในตัวเมือง อยู่ระเบียงหน้าบ้าน เมื่อเห็นรถคันหรูสีแดงวิ่งเข้าใกล้ตัวบ้านจึงลุกขึ้นมอง จนรถจอดเทียบบริเวณสวนดอกไม้ใกล้บ้านหญิงสาวที่ก้าวลงจากรถด้วยท่าทางมั่นใจดูแล้วคุ้นตา เธออยู่ในชุดเดรสสั
“ไปกันเถอะครับ ไปซื้อของกัน” ธีร์ภาณุคว้าหมับเข้าที่ข้อมือบางแล้วดึงให้ลุกขึ้นยืน ไอรักมองหน้าผู้ชายตัวโตอย่างไม่พอใจ“ปล่อยค่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย“ดื้ออีกแล้วนะครับ” ไอรักค้อนขวับ“หนูไอเดินเองได้ค่ะ” ไอรักเดินนำหน้าธีร์ภาณุตรงไปที่รถสปอร์ตคันหรูที่จอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะเดินตามไอรักไป“เดี๋ยวเราแวะซื้อของกันก่อนนะครับ แล้วเที่ยงนี้พี่จะพาไปทานข้าวบ้านคุณแนน” ไอรักมองหน้าคนขับรถแต่ไม่พูดอะไร ธีร์ภาณุชำเลืองดูหญิงสาวแล้วพูดต่อ“หนูไอต้องซื้อชุดอีกหลายชุดนะ แล้วก็ของใช้ส่วนตัวด้วยนะครับ” ไอรักเงียบจนคนที่พูดอยู่ฝ่ายเดียวแปลกใจ“หนูไอเป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ”“ไม่เป็นไรนี่คะ แต่กำลังคิดว่าในโปรแกรมวันนี้ พี่ธีร์จะพาหนูไอไปพบคุณลุงหรือเปล่า” ธีร์ภาณุยิ้มกว้าง“แล้วหนูไออยากไปไหมล่ะครับ” ไอรักเชิดหน้ามองไปข้างหน้าก่อนจะตอบ“อยากไปค่ะ หนูไออยากไปตกลงกับคุณลุงเรื่องของเราค่ะ”“ครับ เราจะแวะหาคุณพ่อก่อนกลับไร่แสงตะวันนะครับ”รถสปอร์ตขอ
“พี่ไม่ได้พูดอะไรเลยนะหนูไอ คุณพ่อกับคุณแม่ท่านคิดไปเองต่างหาก” พูดจบธีร์ภาณุก็จับจ้องที่ดวงหน้ามน ด้วยแววตาที่คล้ายๆกับยิ้มล้อเลียน จนคนถูกมองจับสังเกตได้ ไอรักกลอกตาไปมาใช้ความคิดสักครู่แล้วก็เริ่มนึกได้ว่า ตนเองเดินตามธีร์ภาณุเข้ามาในห้องของเขา ไวเท่าความคิดหญิงสาวหันหลังกลับ ออกตัวเร็วราวกับวิ่งแข่งร้อยเมตร แต่ไม่เป็นไปดังใจหวัง เธอไปไม่ถึงเส้นชัย ลำแขนกลมกลึงที่เหยียดออกจนสุดหมายมาดว่าจะจับลูกบิดเปิดประตู ยังคงค้างอยู่กับที่ทั้งที่อยู่ใกล้แค่คืบ แต่เธอกลับคว้ามันไม่ถึง เนื่องจากคนที่แขนยาวกว่าใช้แขนเพียงข้างเดียวโอบเอวบางจากด้านหลัง แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้คนที่ตัวเล็กกว่าหยุดกึกอยู่กับที่ ไอรักจึงเปลี่ยนมาเป็นเริ่มใช้มือกวัดแกว่งเพื่อทำร้ายเจ้าของแขนแข็งแรงนั้น“เราเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้วนะหนูไอ คืนนี้เราควรนอนหลับพักผ่อนเอาแรง วันข้างหน้ามีงานใหญ่รอเราอยู่นะ”“งานพี่ธีร์คนเดียวน่ะสิ หนูไอไม่รับรู้อะไรด้วยทั้งนั้น” คนถูกกอดตวาดแหวเสียงดังลั่น ธีร์ภาณุใช้มือทั้งสองข้างจับตัวไอรักหมุนกลับมาเผชิญหน้ากัน“คืนนี้พี่จะไม่ทำอะไรหนูไอทั้งนั้น วางใจได้ พี่ขอสัญญา
“ครับแม่...ผมกับหนูไอสัญญาว่า จะไม่ทำให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วงเหมือนพี่ไทอย่างแน่นอนครับ จริงไหมครับหนูไอ?” ไอรักหันมองหน้าธีร์ภาณุที่ตอนนี้ส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ หญิงสาวยิ้มอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะตอบรับ“ค่ะ” คุณกานดายิ้มให้กับลูกชายและลูกสะใภ้คนเล็ก ก่อนที่จะถามถึงความคืบหน้าเรื่องการจัดงานแต่งงาน“แล้วเรื่องงานแต่งล่ะตาธีร์ เตรียมอะไรไปถึงไหนแล้ว”“เรื่องนี้ผมกับหนูไอคุยกันมาแล้วครับ เราขอจัดงานเล็กๆก็พอครับคุณแม่ เชิญเฉพาะที่สนิทและคุ้นเคย เนอะ...หนูไอ” คนพูดยิ้มหวานเมื่อหันหน้ามาสบตาคนนั่งข้างๆเพื่อขอความคิดเห็น ไอรักอยากจะกระโดดขึ้นคร่อม แล้วเอามือตะกุยหน้าผู้ชายที่นั่งข้างๆเสียจริง แต่ก็ทำได้เพียงฝืนยิ้มแล้วสบตาคนที่ถามมาด้วยสายตาเกรี้ยวกราดแทบจะถลนออกมา“ว่ายังไงล่ะจ๊ะหนูไอ” คุณกานดาถามย้ำกับว่าที่เจ้าสาว“เอ่อ...” ไอรักอ้าปากจะพูดแต่ก็มีคนเร็วกว่าพูดแทรกขึ้นมา“หนูไอน่ะยังไงก็ได้อยู่แล้วครับคุณแม่ แต่เราจะจัดงานให้เร็วที่สุดนะครับ ผมไม่อยากให้น้องเสียหาย ”“มันแน่นอนอยู่แล้ว แม่ดูฤกษ์ให้แล้ว ก็ตั้งแต่เม
ไอรักอาบน้ำเสร็จแล้วจึงแง้มประตูห้องน้ำออกมา กวาดสายตามองทั่วห้องไม่พบธีร์ภาณุ จึงผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอก ก็ตอนนี้ไอรักอยู่ในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันร่างกายอยู่ เพราะไม่ได้เตรียมชุดเข้าไปในห้องน้ำด้วยหญิงสาวรีบก้าวเท้าเร็วๆเดินตรงไปที่โต๊ะมุมห้อง มือบางรื้อๆค้นๆหาเสื้อผ้าที่เพิ่งไปซื้อมา แต่พอเลือกได้ตัวหนึ่งก็ลังเลอยากใส่อีกตัวหนึ่ง มือซ้ายจับชุดเดรสสั้นแขนกุดสีเหลืองนวลเป็นผ้าชีฟองพลิ้วสวย มือขวาจับจั๊มป์สูทขายาวสีเขียวหม่น หญิงสาวชูชุดทั้งสองตัวสลับกันไปมา ชั่งใจตัวเองอยู่ว่าจะเลือกใส่ชุดแบบไหนดี“พี่ว่าหนูไอใส่ชุดไหนก็น่ารักทั้งนั้นแหละครับ” ไอรักสะดุ้งเฮือก ไม่กล้าจะหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียง หญิงสาวยืนตัวแข็งทื่อกอดเสื้อผ้าไว้แนบอก รู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง นึกอยากจะเขกศีรษะตัวเองจริงๆ ธีร์ภาณุเดินเข้ามาประชิดด้านหลังแล้วก้มลงกระซิบที่ข้างหูไอรัก“หรือถ้าไม่ใส่เลยก็คงจะน่ารักที่สุด”ไอรักหลับตาปี๋หดคอลงโดยอัตโนมัติ ธีร์ภาณุยิ้มให้กับอาการของหญิงสาว“ตัวหนูไอหอมจัง” ธีร์ภาณุไม่พูดเปล่า จมูกโด่งโฉบลงที่แก้มนวลอย่างรว
“ไปพักผ่อนก่อนเถอะหนูไอ ไม่ต้องเกรงใจอะไรนะ บ้านหลังนี้ก็เหมือนบ้านหนูไอนั่นแหละ ไปตาธีร์พาน้องไปพักผ่อนอาบน้ำอาบท่าจะได้สบายเนื้อสบายตัว แล้วค่อยมาทานอาหารเย็นพร้อมกันนะ”ธีร์ภาณุเดินนำหน้าและจูงมือไอรัก จนเดินมาถึงหน้าประตูห้องของตนเอง น้าเรียมที่คุณกานดาสั่งให้มาจัดห้องเปิดประตูออกมาพอดี“น้าจัดห้องให้เรียบร้อยแล้วนะคะนายเล็ก ต้องการอะไรเพิ่มเติมไหมคะ” ธีร์ภาณุยิ้มให้น้าเรียม“ขอบคุณครับน้าเรียม เดี๋ยวช่วยไปขนของในรถขึ้นมาไว้ที่ห้องให้ด้วยนะครับ”“ค่ะ” น้าเรียมรับคำ แล้วก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนเดินจากไป ธีร์ภาณุเปิดประตูเดินเข้าห้อง แต่คนที่ถูกจูงมือกลับยืนตัวแข็งทื่อไม่เดินตาม“หนูไอนี่ดื้ออีกแล้วนะครับ” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับส่ายหน้า“ไม่ค่ะ หนูไอไม่นอนกับพี่ธีร์ ปล่อยก่อนค่ะ” ธีร์ภาณุปล่อยมือไอรัก แล้วเปลี่ยนเป็นใช้สองแขนรวบรวบเอวบางอย่างรวดเร็วดึงเข้ามาในห้อง พร้อมกับปิดล็อกประตูทันที“ว้าย!” ไอรักอุทานอย่างตกใจ เมื่อชายหนุ่มปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระ หญิงสาวเริ่มพยายามหาทางออกจากห้อง แต่ธีร์ภาณุตัวใหญ่กว่ายืนกอดอกขวางประตูไว้“พี
ไอรักค้อนขวับเม้มปากแล้วนั่งนิ่ง จนกระทั่งธีร์ภาณุพารถเลี้ยวเข้าซุ้มประตูไม้แล้วจอดรอก่อนจะบีบแตร สักครู่ประตูไม้บานใหญ่ก็ถูกเปิดออกโดยชายหนุ่มวัยกลางคน ธีร์ภาณุขับรถเข้าไปตามทางเล็กๆบริเวณบ้าน ซึ่งเป็นบ้านทรงไทยประยุกต์หลังใหญ่ ด้านหน้ามีบันไดไม้ขึ้นสู่ด้านบนของตัวบ้านชายหนุ่มวัยกลางคนที่เปิดประตูให้เมื่อสักครู่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาธีร์ภาณุ และมองไอรักอย่างสงสัย“คุณพ่ออยู่ไหมน้าสุด?” ธีร์ภาณุเอ่ยถามพร้อมกับมองไปรอบๆบริเวณบ้าน“นายท่านยังไม่กลับมาครับ คุณกานดาอยู่บนเรือนครับ” ชายคนที่ชื่อน้าสุดยืนเอามือกุมเป้ากางเกงก้มศีรษะเล็กน้อยขณะตอบคำถาม“แล้วพี่ไทล่ะ” ธีร์ภาณุถามหาพี่ชายคนเดียวของเขา“นายใหญ่ยังไม่กลับมาครับ” น้าสุดตอบคำถามและก็ยังคงก้มศีรษะเล็กน้อยเหมือนเดิม“น้าสุดเอารถผมไปเก็บให้ด้วยนะครับ แล้วก็บอกน้าเรียมว่าให้จัดอาหารเย็นเผื่อผมกับหนูไอภรรยาของผม เพิ่มอีกสองที่นะครับ” น้าสุดทำสีหน้างงเล็กน้อย ก่อนจะชำเลืองมองไอรักด้วยสีหน้าสงสัย ไอรักยิ้มให้ชายวัยกลางคนเป็นการทักทาย น้าสุดก้มศีรษะคำนับให้เธอ พร้อมกับกล่าวรับคำสั่งจากธีร์ภาณุ
ธีร์ภาณุยิ้มใส่ตาภรรยาที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ แล้วหันไปยิ้มกว้างให้รสิตาก่อนจะพูดว่า“อร่อยทุกอย่างครับ แต่คงเพราะว่าหนูไอกำลังท้องอยู่น่ะครับ ก็เลยทานอะไรแล้วไม่ถูกปากสักอย่าง จริงไหมครับหนูไอ”ไอรักอ้าปากค้างหันมองหน้ารสิตายิ้มแบบฝืนๆ ก่อนจะหันกลับมามองคนที่นั่งข้างๆ แล้วส่งสายตาที่บ่งบอกว่าไม่พอใจ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิกที่ต้นขาของธีร์ภาณุอย่างแรง“โอ๊ย!” ธีร์ภาณุอุทานเสียงดัง“เป็นอะไรคะคุณธีร์” รสิตาถามพร้อมกับเลิกคิ้วทำหน้าสงสัย“ไม่เป็นไรครับ” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับเหยียดแขนออกโอบไหล่คนนั่งข้างๆดึงเข้าหาตัวเอง ไอรักตกใจเล็กน้อย เงยหน้ามองดูคนตัวโตอย่างเอาเรื่อง ชายหนุ่มฉวยโอกาสประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากมนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันหน้ามาทางรสิตา“คือหนูไอเขาเขินน่ะครับ ยังไม่อยากให้ผมบอกเรื่องนี้กับใคร แต่ผมก็อดที่จะพูดไม่ได้ จะเป็นพ่อคนทั้งที ใครๆก็อยากโชว์ว่าตัวเองมีความสามารถทั้งนั้นแหละครับ คุณแนนว่าไหมครับ” ธีร์ภาณุพูดจบก็หันมายิ้มกว้างให้คนที่อยู่ในอ้อมแขน แล้วหันไปยิ้มให้รสิตาที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามของโต๊ะอาหาร“ค่ะ” รสิตาตอบรับสั
“ไปกันเถอะครับ ไปซื้อของกัน” ธีร์ภาณุคว้าหมับเข้าที่ข้อมือบางแล้วดึงให้ลุกขึ้นยืน ไอรักมองหน้าผู้ชายตัวโตอย่างไม่พอใจ“ปล่อยค่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย“ดื้ออีกแล้วนะครับ” ไอรักค้อนขวับ“หนูไอเดินเองได้ค่ะ” ไอรักเดินนำหน้าธีร์ภาณุตรงไปที่รถสปอร์ตคันหรูที่จอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะเดินตามไอรักไป“เดี๋ยวเราแวะซื้อของกันก่อนนะครับ แล้วเที่ยงนี้พี่จะพาไปทานข้าวบ้านคุณแนน” ไอรักมองหน้าคนขับรถแต่ไม่พูดอะไร ธีร์ภาณุชำเลืองดูหญิงสาวแล้วพูดต่อ“หนูไอต้องซื้อชุดอีกหลายชุดนะ แล้วก็ของใช้ส่วนตัวด้วยนะครับ” ไอรักเงียบจนคนที่พูดอยู่ฝ่ายเดียวแปลกใจ“หนูไอเป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ”“ไม่เป็นไรนี่คะ แต่กำลังคิดว่าในโปรแกรมวันนี้ พี่ธีร์จะพาหนูไอไปพบคุณลุงหรือเปล่า” ธีร์ภาณุยิ้มกว้าง“แล้วหนูไออยากไปไหมล่ะครับ” ไอรักเชิดหน้ามองไปข้างหน้าก่อนจะตอบ“อยากไปค่ะ หนูไออยากไปตกลงกับคุณลุงเรื่องของเราค่ะ”“ครับ เราจะแวะหาคุณพ่อก่อนกลับไร่แสงตะวันนะครับ”รถสปอร์ตขอ
ชายทั้งสองคนหน้าเสีย และพยายามขอร้องผู้เป็นนาย หากแต่แววตาเด็ดเดี่ยวและคาดโทษที่จ้องมองมาทำให้ทั้งสองก้มหน้านิ่ง“เก็บของแล้วออกจากไร่ก่อนเที่ยง” น้ำเสียงที่เด็ดขาดทำให้ทุกคนเงียบกริบธีร์ภาณุพูดจบก็กวาดสายตามองดูคนงาน ด้วยสายตาที่ดุดันอีกครั้ง คนงานในไร่ต่างรู้ดีว่า นายเล็กของพวกเขาเป็นคนจริงจังและเด็ดขาด แต่ทว่าก็เป็นเจ้านายที่ใจดีและรักลูกน้องมากเช่นเดียวกัน หากใครทำดีก็จะได้รับการตอบแทนที่คุ้มค่า แต่หากใครทำผิดกฎก็จะไม่มีที่ยืนในไร่โดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น ทุกคนจึงทั้งรักและยำเกรงผู้เป็นนายคนนี้มาก“เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเองได้ ลุงมิ่งขอกุญแจรถจี๊ปด้วยครับ ผมจะเข้าไปตรวจในไร่”ธีร์ภาณุพูดจบก็เดินเร็วตรงไปยังโกดังใหญ่ จนลุงมิ่งวิ่งตามแทบไม่ทันไอรักอยู่ในชุดเดรสสีขาวสายเดี่ยว หญิงสาวนั่งรอธีร์ภาณุที่นัดว่าจะพาไปซื้อของในตัวเมือง อยู่ระเบียงหน้าบ้าน เมื่อเห็นรถคันหรูสีแดงวิ่งเข้าใกล้ตัวบ้านจึงลุกขึ้นมอง จนรถจอดเทียบบริเวณสวนดอกไม้ใกล้บ้านหญิงสาวที่ก้าวลงจากรถด้วยท่าทางมั่นใจดูแล้วคุ้นตา เธออยู่ในชุดเดรสสั
“ซวยกันหมดล่ะทีนี้”ไอรักเพิ่งนอนหลับได้ไม่นาน แต่ก็ต้องรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่เริ่มจะคุ้นหู“หนูไอเปิดประตูให้พี่หน่อยครับ” เสียงทุ้มของธีร์ภาณุทำให้หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง เดินมาเอาหูแนบประตูฟังชัดๆ“หนูไอเปิดประตูให้พี่ด้วยครับ” ไอรักรู้แล้วว่าเป็นเสียงธีร์ภาณุ แต่กำลังชั่งใจว่าจะเปิดดีหรือไม่ เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้หญิงสาวไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายตัวโตเจ้าของเสียงเรียกเอาเสียเลย ในขณะที่กำลังคิดอยู่ว่าจะเปิดประตูดีหรือเปล่า หญิงสาวก็ได้ยินเสียงกุกกักที่ประตูห้อง แล้วประตูก็ถูกเปิดออก คนตัวเล็กกว่าได้แต่ยืนเหวออ้าปากค้าง เมื่อคนตัวโตชูลูกกุญแจขึ้นพร้อมกับยักไหล่แล้วยิ้มแบบกวนๆ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องแล้วปิดล็อกประตูทันที“พี่ก็แค่อยากลองใจว่า หนูไอจะใจร้ายกับพี่แค่ไหน ว่าจะไม่ทำอะไรแล้วนะ อย่างนี้ต้องลงโทษคนใจร้ายให้สาสม” ไอรักถอยหลังกรูด แต่ช้ากว่าผู้ชายตัวโตเหมือนเดิม ท่อนแขนแข็งแรงและอ้อมกอดที่เริ่มจะคุ้นเคย คว้าหมับเข้าที่เอวบาง หญิงสาวพยายามขืนตัวโดยใช้มือยันแผ่นอกกว้างไว้“พี่ง่วงจังเลย หนูไอนอนเป็นเพื่อนพ