ธีร์ภาณุพูดตามหลังเพื่อนไป ปลัดเมฆาไม่ได้หันกลับมา แต่โบกมือเป็นสัญลักษณ์ว่าไม่มีปัญหา ตามประสาเพื่อนรักที่เข้าใจเพื่อน แค่มองตาก็รู้กันโดยไม่ต้องซักไซ้สอบถามกันสักคำ
“ท่าจะตกหลุมรักเข้าอย่างจัง ไอ้ธีร์เอ๊ย! วันนี้ยุ่งๆเอาไว้ก่อนเถอะ วันหลังจะซักประวัติ เอาให้ละเอียดกว่าข้อมูลในทะเบียนราษฎร์ซะอีก”
ปลัดเมฆาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่เพื่อนรักตกลงปลงใจจดทะเบียนสมรสด้วยนั้นเป็นใคร เพราะธีร์ภาณุเคยเล่าเรื่องการถูกจับคู่ ให้เขาฟังมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่นึกว่าจะปุ๊บปั๊บเรียกตนเองมาทำเรื่องจดทะเบียนสมรสให้เร็วขนาดนี้ เพราะธีร์ภาณุเพิ่งบอกเมื่อสองสามวันก่อนว่าจะไปดูตัวเจ้าสาวที่ต่างจังหวัด แต่จับพลัดจับผลูยังไงถึงได้ออกมาในรูปแบบนี้ ดูผู้หญิงก็ไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไร นี่เพื่อนของเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ
“เอาชนะใจหนูไอให้ได้ก็แล้วกันแกไอ้เกลอ หึๆ”
ปลัดเมฆากลับไปแล้ว ทิ้งให้ไอรักนั่งสับสนอยู่ที่เดิม ผิดกับธีร์ภาณุที่ทำหน้ายิ้มระรื่น ชูทะเบียนสมรสให้ไอรักดูราวกับยั่วให้โมโห แล้วผิวปากเข้าไปในห้องนอน เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ หญิงสาวร
ธีร์ภาณุวนรถเข้าจอดในบริเวณลานจอดรถของโรงแรมหรูใจกลางเมือง ชายหนุ่มลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูด้านที่ไอรักนั่งอยู่ หญิงสาวเงยหน้ามองชายหนุ่มด้วยใบหน้าบูดบึ้ง แล้วก้าวลงจากรถด้วยอาการที่ไม่ค่อยพอใจ ไอรักกำลังจะเดินนำหน้าธีร์ภาณุไป แต่ชายหนุ่มคว้าข้อมือไว้ แล้วจับแขนของผู้หญิงหน้าบึ้งมาคล้องที่แขนของตนเอง ไอรักฮึดฮัดพยายามดึงกลับ แต่ธีร์ภาณุกลับหนีบไว้ไม่ยอมปล่อย“อย่าลืมรอยยิ้มด้วยนะครับ เรามาในงานนี้เพื่อเป็นตัวแทนของคุณพ่อ พี่รู้ว่าหนูไอโตพอที่จะรู้ว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควร” ธีร์ภาณุพูดจบก็พาไอรักเดินเข้าประตูโรงแรม ตรงไปยังห้องจัดเลี้ยงบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ซึ่งล้วนมีแต่แขกคนสำคัญและผู้หลักผู้ใหญ่ของจังหวัดทั้งนั้น ธีร์ภาณุหนีบแขนดึงไอรักไปที่บริเวณประตูหน้างานเพื่อร่วมอวยพรเจ้าของงานภาพผู้ชายร่างสูงสมาร์ตในสูททักซิโดสีดำหน้าตาคมเข้ม เดินควงแขนกับผู้หญิงร่างบางหน้าตาจิ้มลิ้ม แต่งหน้าเล็กน้อยและเกล้าผมขึ้นลวกๆ จงใจปล่อยปอยผมเล็กให้คลอเคลียระบ่าเนียน เธออยู่ในชุดราตรีสั้นเกาะอกสีชมพูเข้ม เน้นเนินอกอวบอิ่มที่ซ่อนอยู่ใต้ชุดราตรี ทำให้ผู้ชายหล
“แน่นอนค่ะ งานนี้แนนไม่พลาดอยู่แล้ว เรามันคนคุ้นเคยกันไม่ไปได้ยังไง แล้วเจอกันนะคะ ขอตัวก่อนค่ะ” ปากก็พูดกับไอรัก แต่กลับสบสายตาพร้อมรอยยิ้มแปลกๆให้กับธีร์ภาณุ โดยไม่เกรงใจคนข้างๆเลย เมื่อหญิงสาวในชุดราตรีสีแดงสดเดินจากไป ไอรักหันหน้ามามองธีร์ภาณุตาเขียวปั้ด“แม่นี่เป็นใครคะพี่ธีร์” ธีร์ภาณุยิ้มที่มุมปากก่อนจะตอบว่า“คุณแนนเป็นลูกสาวเจ้าสัวปรีชา เจ้าของท่าข้าวรายใหญ่ของจังหวัด มีอะไรหรือเปล่าหนูไอ” ไอรักทำจมูกย่น“อ๋อ...ค่ะ” ไอรักพยักหน้ารับทราบ แต่ก็ยังยิงคำถามต่อ“แล้วรู้จักและสนิทคุ้นเคยกับพี่ธีร์มากเลยเหรอคะ”ธีร์ภาณุหัวเราะก่อนจะตอบ แต่เป็นคำตอบที่ไม่ตรงคำถามและขัดใจคนรอคำตอบ “ทำไมล่ะครับ หรือว่าหนูไอหึงพี่”“ฮ้า! หึงพี่ธีร์นี่นะ ฝันไปหรือเปล่าคะ แล้วนี่เมื่อไหร่จะกลับล่ะคะ หนูไอเมื่อยปากไม่อยากจะยิ้มแล้วนะ” ไอรักเปลี่ยนเรื่องคุย เธอเบื่อที่ตกเป็นเป้าสายตาให้พวกป้าๆทั้งหลายซุบซิบนินทากัน ในข้อหาท้องก่อนแต่ง“อีกสักพักนะครับ อดทนหน่อยนะ ยิ้มไว้นะครับ ถ้าเมื่อยปากมากๆ เดี๋ยวคืนนี้พี่เสียสละยอมเมื่อย จะใช้ปากพี่นวดปากหนูไอให้นะครับ”
“ใครน่ะ” เสียงป้าบัวตะโกนถามมาจากข้างในบ้าน“หนูไอเองค่ะป้าบัว” ไอรักยืนรอสักครู่เดียวก็ได้ยินเสียงเปิดประตู เมื่อป้าบัวเห็นหน้าไอรักก็อุทานด้วยความตกใจ“ตายล่ะ! นายหญิง ดึกดื่นป่านนี้มาทำอะไรคะ ทำไมไม่หลับไม่นอน เข้ามาก่อนค่ะอากาศเย็นๆเดี๋ยวไม่สบาย” ไอรักยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร แล้วเดินตามหลังป้าบัวเข้าไปในบ้าน“เอ่อ...คือว่าหนูไอจะมาขอนอนกับน้อยหน่าน่ะค่ะ” ไอรักพูดขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นแววตาป้าบัวมองมาด้วยความสงสัย“น้อยหน่าหลับไปตั้งแต่หัวค่ำแล้วล่ะค่ะ ตัวร้อนนิดหน่อยน่าจะเป็นไข้ ป้าให้ทานยาแล้วก็หลับไปเลย” ป้าบัวพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไอรักจึงได้แต่ยิ้ม ป้าบัวมองหน้าหญิงสาวก่อนจะถามว่า“นายหญิงมีปัญหาอะไรให้ป้าช่วยหรือเปล่าคะ”“ไม่มีครับป้า” เสียงทุ้มดังขึ้นโดยที่คนถูกถามอ้าปากค้างกำลังจะตอบแต่ไม่ได้ตอบ ไอรักยิ้มแห้งๆให้ป้าบัวแล้วหันไปยิ้มให้ธีร์ภาณุ เพราะไม่รู้จะทำหน้ายังไง“ดึกมากแล้วอย่ามากวนป้าบัวอย่างนี้สิ กลับบ้านกันเถอะครับหนูไอ” ธีร์ภาณุก้าวยาวๆประชิดตัวไอรัก แล้วคว้าข้อมือบางไว้แน่น ไอรักมองหน้าป้าบัวเหมือนขอควา
“อย่าดื้อสิครับ” ชายหนุ่มพูดเสียงทุ้มต่ำ มือทั้งสองข้างที่กอดกระชับเอวบาง เริ่มลูบไล้สัมผัสทุกส่วนของร่างกายของไอรัก และเมื่อจมูกโด่งของชายหนุ่มเริ่มซุกไซ้ลำคอระหงและเลื่อนต่ำลง หญิงสาวก็เกร็งตัวจนแทบจะลืมหายใจ เพราะแม้ร่างกายจะสวมเสื้ออยู่ แต่ไอรักกลับคิดว่ามันไม่ได้ช่วยป้องกันหน้าอกอวบอิ่ม จากริมฝีปากและจมูกของผู้ชายตัวโตที่ทาบทับร่างเธออยู่ได้สักนิดเลย ธีร์ภาณุกดจมูกลงที่กลางระหว่างอกของหญิงสาวแรงๆ และกอดกระชับร่างบางให้แนบชิดกับตัวเองยิ่งขึ้น หญิงสาวแอ่นตัวรับสัมผัสจากเขาอย่างลืมตัวไอรักเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ร่างกายทุกส่วนตอบสนองทุกสัมผัสที่ธีร์ภาณุแตะต้อง รู้สึกตัวอีกทีเมื่อตะขอเสื้อชั้นในตัวจิ๋วถูกปลดออก หญิงสาวหอบหายใจแรงสะดุ้งเฮือก เริ่มดิ้นรนอีกครั้งเมื่อตระหนักได้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น มือเล็กๆออกแรงดันแผ่นอกชายหนุ่มอีกครั้ง แต่ถูกรวบไว้ด้วยมือที่ใหญ่กว่าธีร์ภาณุใช้มือเพียงข้างเดียวรวบสองมือตรึงไว้เหนือศีรษะของไอรัก เขาเงยหน้ากวาดตามองใบหน้าของหญิงสาวที่ตอนนี้แก้มนวลแดงจัด ชายหนุ่มสบตากับดวงตากลมโตที่ดูตื่นกลัว เขายิ้มใส่ดวงตาคู่สวย และใช้มืออ
“ซวยกันหมดล่ะทีนี้”ไอรักเพิ่งนอนหลับได้ไม่นาน แต่ก็ต้องรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่เริ่มจะคุ้นหู“หนูไอเปิดประตูให้พี่หน่อยครับ” เสียงทุ้มของธีร์ภาณุทำให้หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง เดินมาเอาหูแนบประตูฟังชัดๆ“หนูไอเปิดประตูให้พี่ด้วยครับ” ไอรักรู้แล้วว่าเป็นเสียงธีร์ภาณุ แต่กำลังชั่งใจว่าจะเปิดดีหรือไม่ เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้หญิงสาวไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายตัวโตเจ้าของเสียงเรียกเอาเสียเลย ในขณะที่กำลังคิดอยู่ว่าจะเปิดประตูดีหรือเปล่า หญิงสาวก็ได้ยินเสียงกุกกักที่ประตูห้อง แล้วประตูก็ถูกเปิดออก คนตัวเล็กกว่าได้แต่ยืนเหวออ้าปากค้าง เมื่อคนตัวโตชูลูกกุญแจขึ้นพร้อมกับยักไหล่แล้วยิ้มแบบกวนๆ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องแล้วปิดล็อกประตูทันที“พี่ก็แค่อยากลองใจว่า หนูไอจะใจร้ายกับพี่แค่ไหน ว่าจะไม่ทำอะไรแล้วนะ อย่างนี้ต้องลงโทษคนใจร้ายให้สาสม” ไอรักถอยหลังกรูด แต่ช้ากว่าผู้ชายตัวโตเหมือนเดิม ท่อนแขนแข็งแรงและอ้อมกอดที่เริ่มจะคุ้นเคย คว้าหมับเข้าที่เอวบาง หญิงสาวพยายามขืนตัวโดยใช้มือยันแผ่นอกกว้างไว้“พี่ง่วงจังเลย หนูไอนอนเป็นเพื่อนพ
ชายทั้งสองคนหน้าเสีย และพยายามขอร้องผู้เป็นนาย หากแต่แววตาเด็ดเดี่ยวและคาดโทษที่จ้องมองมาทำให้ทั้งสองก้มหน้านิ่ง“เก็บของแล้วออกจากไร่ก่อนเที่ยง” น้ำเสียงที่เด็ดขาดทำให้ทุกคนเงียบกริบธีร์ภาณุพูดจบก็กวาดสายตามองดูคนงาน ด้วยสายตาที่ดุดันอีกครั้ง คนงานในไร่ต่างรู้ดีว่า นายเล็กของพวกเขาเป็นคนจริงจังและเด็ดขาด แต่ทว่าก็เป็นเจ้านายที่ใจดีและรักลูกน้องมากเช่นเดียวกัน หากใครทำดีก็จะได้รับการตอบแทนที่คุ้มค่า แต่หากใครทำผิดกฎก็จะไม่มีที่ยืนในไร่โดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น ทุกคนจึงทั้งรักและยำเกรงผู้เป็นนายคนนี้มาก“เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเองได้ ลุงมิ่งขอกุญแจรถจี๊ปด้วยครับ ผมจะเข้าไปตรวจในไร่”ธีร์ภาณุพูดจบก็เดินเร็วตรงไปยังโกดังใหญ่ จนลุงมิ่งวิ่งตามแทบไม่ทันไอรักอยู่ในชุดเดรสสีขาวสายเดี่ยว หญิงสาวนั่งรอธีร์ภาณุที่นัดว่าจะพาไปซื้อของในตัวเมือง อยู่ระเบียงหน้าบ้าน เมื่อเห็นรถคันหรูสีแดงวิ่งเข้าใกล้ตัวบ้านจึงลุกขึ้นมอง จนรถจอดเทียบบริเวณสวนดอกไม้ใกล้บ้านหญิงสาวที่ก้าวลงจากรถด้วยท่าทางมั่นใจดูแล้วคุ้นตา เธออยู่ในชุดเดรสสั
“ไปกันเถอะครับ ไปซื้อของกัน” ธีร์ภาณุคว้าหมับเข้าที่ข้อมือบางแล้วดึงให้ลุกขึ้นยืน ไอรักมองหน้าผู้ชายตัวโตอย่างไม่พอใจ“ปล่อยค่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย“ดื้ออีกแล้วนะครับ” ไอรักค้อนขวับ“หนูไอเดินเองได้ค่ะ” ไอรักเดินนำหน้าธีร์ภาณุตรงไปที่รถสปอร์ตคันหรูที่จอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะเดินตามไอรักไป“เดี๋ยวเราแวะซื้อของกันก่อนนะครับ แล้วเที่ยงนี้พี่จะพาไปทานข้าวบ้านคุณแนน” ไอรักมองหน้าคนขับรถแต่ไม่พูดอะไร ธีร์ภาณุชำเลืองดูหญิงสาวแล้วพูดต่อ“หนูไอต้องซื้อชุดอีกหลายชุดนะ แล้วก็ของใช้ส่วนตัวด้วยนะครับ” ไอรักเงียบจนคนที่พูดอยู่ฝ่ายเดียวแปลกใจ“หนูไอเป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ”“ไม่เป็นไรนี่คะ แต่กำลังคิดว่าในโปรแกรมวันนี้ พี่ธีร์จะพาหนูไอไปพบคุณลุงหรือเปล่า” ธีร์ภาณุยิ้มกว้าง“แล้วหนูไออยากไปไหมล่ะครับ” ไอรักเชิดหน้ามองไปข้างหน้าก่อนจะตอบ“อยากไปค่ะ หนูไออยากไปตกลงกับคุณลุงเรื่องของเราค่ะ”“ครับ เราจะแวะหาคุณพ่อก่อนกลับไร่แสงตะวันนะครับ”รถสปอร์ตขอ
ธีร์ภาณุยิ้มใส่ตาภรรยาที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ แล้วหันไปยิ้มกว้างให้รสิตาก่อนจะพูดว่า“อร่อยทุกอย่างครับ แต่คงเพราะว่าหนูไอกำลังท้องอยู่น่ะครับ ก็เลยทานอะไรแล้วไม่ถูกปากสักอย่าง จริงไหมครับหนูไอ”ไอรักอ้าปากค้างหันมองหน้ารสิตายิ้มแบบฝืนๆ ก่อนจะหันกลับมามองคนที่นั่งข้างๆ แล้วส่งสายตาที่บ่งบอกว่าไม่พอใจ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิกที่ต้นขาของธีร์ภาณุอย่างแรง“โอ๊ย!” ธีร์ภาณุอุทานเสียงดัง“เป็นอะไรคะคุณธีร์” รสิตาถามพร้อมกับเลิกคิ้วทำหน้าสงสัย“ไม่เป็นไรครับ” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับเหยียดแขนออกโอบไหล่คนนั่งข้างๆดึงเข้าหาตัวเอง ไอรักตกใจเล็กน้อย เงยหน้ามองดูคนตัวโตอย่างเอาเรื่อง ชายหนุ่มฉวยโอกาสประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากมนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันหน้ามาทางรสิตา“คือหนูไอเขาเขินน่ะครับ ยังไม่อยากให้ผมบอกเรื่องนี้กับใคร แต่ผมก็อดที่จะพูดไม่ได้ จะเป็นพ่อคนทั้งที ใครๆก็อยากโชว์ว่าตัวเองมีความสามารถทั้งนั้นแหละครับ คุณแนนว่าไหมครับ” ธีร์ภาณุพูดจบก็หันมายิ้มกว้างให้คนที่อยู่ในอ้อมแขน แล้วหันไปยิ้มให้รสิตาที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามของโต๊ะอาหาร“ค่ะ” รสิตาตอบรับสั
“พี่ขอโทษที่ไม่ดูแลแนนให้ดีกว่านี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น” น้ำเสียงสำนึกผิดและสายตาที่มองมายังรสิตาทำให้หญิงสาวหัวใจกระตุกวูบ เพราะคนที่ผิดน่าจะเป็นเธอมากกว่าที่เป็นคนเปิดโอกาสให้ผู้ชายคนนั้นไทธรณ์ขยับเข้าใกล้รสิตา หญิงสาวกระชับผ้าห่มในมือแน่นโดยอัตโนมัติ ชายหนุ่มยิ้มกับอาการนั้น มือหนาปัดปอยผมที่ระหน้าผากมน มองหญิงสาวด้วยสายตาอบอุ่นและห่วงใย ก่อนจะดึงร่างบางนุ่มนิ่มเข้ามากอดแนบอกกว้าง รสิตาเอนซบอย่างไม่เกี่ยงงอน“ขอบคุณมานะคะที่ช่วยแนนไว้” เสียงหวานพึมพำอยู่กับแผงอกกว้าง“เป็นหน้าที่ของพี่ที่จะต้องดูแลแนนด้วยชีวิตของพี่เอง พี่สัญญาว่าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายแนนได้อีก” ชายหนุ่มหญิงสาวกระชับอ้อมกอดเพื่อถ่ายทอดความรักให้กันและกัน“ไปอาบน้ำก่อนไหมครับ เดี๋ยวพี่จะไปส่งที่บ้าน ป่านนี้เจ้าสัวปรีชาพลิกแผ่นดินหาแล้วล่ะ ลูกสาวหายไปทั้งคืนอย่างนี้”“เอ่อ...”“พี่เตรียมชุดไว้ในห้องน้ำให้แล้ว ไปอาบน้ำเถอะครับร่างกายจะได้สดชื่น” ไทธรณ์ส่งยิ้มอบอุ่นให้รสิตา แต่แววตาของหญิงสาวก็ยังบ่งบอกถึงความลังเล“พี่จะหันหลังให้ โอเคไหมครับ” ไทธร
“เรื่องแค่นี้ไม่น่าจะว่าอะไรนะคะ รถคันนี้ก็รู้ๆกันอยู่ว่าสภาพไม่ดี แล้วจะมาว่ากันมันก็ไม่ถูกนะคะ” ไอรักพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ“นายเล็กหวงรถคันนี้มากค่ะพี่หนูไอ ลุงมิ่งไม่น่าขับมาเลย”“บ๊ะ! เอ็งนี่ ใครจะไปอยากให้มันพังล่ะวะ ก็ข้ารีบมาเอาเอกสารให้นายเล็ก เห็นรถคันนี้จอดอยู่ใกล้ๆข้าก็รีบขับมา เดี๋ยวพอนายเล็กตื่นขึ้นมาเอกสารยังไม่ถึงมือ ข้าจะโดนว่าเอาได้ เฮ้อ!แต่ดันมาทรยศเอาซะได้” พูดจบลุงมิ่งก็ถอนหายใจพร้อมกับส่ายศีรษะ“งั้นลองให้พี่หนูไอขับดูไหมล่ะลุง รถคันนี้พี่หนูไอก็เคยขับได้นะ” น้อยหน่าพูดขึ้นพร้อมกับดึงแขนไอรักเบาๆ ด้วยสายตาละห้อย“นะ...พี่หนูไอ ถือว่าช่วยลุงมิ่งนะคะ นี่ถ้าเอางานไปให้นายเล็กไม่ทันก่อนตื่นล่ะก็ ลุงมิ่งต้องโดนเอ็ดแน่ๆเลย แล้วนายเล็กก็ต้องหักเงินเดือนลุงมิ่ง หรือไม่ก็อาจจะไล่ออก เพราะทำงานไม่เสร็จตามสั่ง” น้อยหน่าพูดพร้อมกับหันไปขยิบตาให้ลุงมิ่ง ไอรักนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากขอกุญแจกับลุงมิ่ง แล้วเดินไปที่รถจี๊ปที่จอดอยู่ใกล้ๆไอรักขึ้นนั่งประจำที่คนขับ แล้วเสียบกุญแจเพื่อสตาร์ทรถ ครั้งที่หนึ่งรถไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ไอรักหันไปมอ
“อากาศดีจัง เอ๊ะ!มีต้นดอกปีบด้วย” ไอรักอุทานเบาๆก่อนจะก้าวลงจากศาลาทรงไทย แล้วสาวเท้าเดินตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ใบเขียวครึ้ม มีดอกสีขาวเป็นช่ออยู่เต็มต้น บริเวณใต้ต้นของมันมีดอกหล่นอยู่เต็มไปหมด สีขาวโพลนของดอกปีบที่ตัดกับสีเขียวเข้มของใบหญ้า ทำให้ดอกดูเด่นชัดยิ่งขึ้น ยิ่งเดินเข้าใกล้ไอรักก็ยิ่งได้กลิ่นหอมของมันที่ใต้ต้นปีบหญิงสาวนั่งลงกับพื้นสนามหญ้า และเก็บดอกปีบทีละดอกไว้ในมือพร้อมกับรอยยิ้ม ดอกปีบมีสีขาว ก้านดอกยาวประมาณสองนิ้ว และมีกลีบดอกสีขาวประมาณสี่ห้าแฉกเพียงชั้นเดียวบานอยู่ตรงปลายก้านดอก เป็นดอกไม้ที่ไอรักชอบมากเพราะมีกลิ่นหอมเย็นแบบไทยๆ หญิงสาวเก็บดอกปีบหลายดอกไว้ในกำมือ แล้วยกขึ้นดมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด“หอมจังเลย” ไอรักเผลอยิ้มให้กับบรรยากาศตอนสายกับดอกไม้หอมที่ชื่นชอบ ก่อนจะตื่นจากภวังค์ด้วยเสียงแหลมเล็กๆ“พี่หนูไอคะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองไปทางเสียงเล็กๆที่ได้ยิน ก่อนจะยิ้มกว้างให้กับเจ้าของเสียง“อ้าว! น้อยหน่า” เด็กหญิงน้อยหน่าวิ่งหน้าตั้งกระหืดกระหอบตรงไปหาไอรัก แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ“เป็นไงบ้างหายดีแล้วเหรอ พี่มัวแต่ยุ่งๆเรื่องโน้นเ
ถึงแม้จะไม่สามารถกุมรอบพื้นที่แข็งแกร่งได้ทั้งหมดเนื่องจากความใหญ่โตของมัน ก่อนจะเงยหน้าสบตาชายหนุ่มพร้อมกับรอยยิ้มยั่ว ไทธรณ์ประกบปากเข้ากับเธออีกครั้ง พร้อมๆกับวางมือของตนทาบทับมือเล็ก แล้วสอนจังหวะการขยับมือที่จะให้ความสุขกับตนเอง รสิตาทำตามอย่างนักเรียนหัวไว จนไทธรณ์ต้องขบกรามจนเป็นสันนูนเพื่อข่มความเสียวซ่านไว้ เมื่อร่างของหญิงสาวบิดเร่าอีกครั้ง ชายหนุ่มก็รู้ถึงสิ่งที่รสิตาต้องการ เขาส่งนิ้วเรียวใหญ่เข้าไปสำรวจแปลงดอกไม้งามอย่างรู้งานหนุ่มสาวสองคนต่างมอบความสุขให้แก่กัน เมื่อรสิตาเพิ่มความเร็วของมือขณะที่ครอบครองความแข็งแกร่งของเขาไว้ ไทธรณ์ก็เร่งความเร็วตาม น้ำเย็นเฉียบในอ่างไม่ได้ช่วยดับอารมณ์ร้อนรักของทั้งคู่ได้เลย อีกฝ่ายเกิดจากถูกมอมยา อีกฝ่ายเกิดจากอารมณ์รักที่คุกรุ่นในใจมานาน หากแต่ไทธรณ์ก็พยายามอย่างยิ่งยวด ที่จะไม่ก้าวข้ามความต้องการของตนไปมากกว่าสัมผัสภายนอก เขาท่องไว้อยู่ในใจว่ายังไม่ถึงเวลาเสียงหวานและเสียงครางทุ้มต่ำดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน เมื่อทั้งสองจับจูงกันไปท่องวิมานแสงดาวอย่างมีความสุข ร่างบางกระตุกเกร็งผวาเข้ากอดร่างแกร่งตรงหน้าแนบแน่น สายธารอุ่
“แนน” ไทธรณ์แทบจะหยุดหายใจเมื่อหันกลับไปมองคนตัวเล็กบนเตียงอีกครั้ง รสิตาถอดชุดสวยเหวี่ยงลงไปกองอยู่ข้างเตียง ร่างทั้งร่างมีเพียงซับในตัวจิ๋วปกปิดไว้อย่างหมิ่นเหม่ หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนา“พี่ไทขา...ช่วยแนนด้วย” ร่างบางนอนแผ่หลายั่วยวนอย่างไม่อาย และกำลังวอนขอให้เขาทำให้หลุดพ้นจากความรู้สึกทรมานเสียที ความสุขที่เธอรับรู้ไปเมื่อสักครู่ใหญ่ ไม่ได้ทำให้ความร้อนรุ่มในร่างกายลดน้อยลงเลยไทธรณ์นั่งลงบนเตียงข้างๆร่างเกือบเปล่าเปลือยที่สมส่วนของรสิตา เขามองระเรื่อยไปทั่วทั้งร่างบางที่กำลังถูกแผดเผาด้วยเพลิงปรารถนา ผิวสาวขาวอมชมพูไปทั้งร่างเมื่อต้องแสงไฟในห้อง และเขาก็รู้ดีว่าผิวเนียนนี้ลื่นมือเพียงไรเมื่อสัมผัสแตะต้อง หน้าอกอวบอิ่มที่ชูยอดท้าทายรอการดูดกลืนจากปากหนาและลิ้นสากของเขา หน้าท้องแบนราบยามสัมผัสเพื่อผ่านไปสู่ร่องกลางกลีบดอกไม้ที่แสนจะชุ่มฉ่ำนั่น หากไทธรณ์ก็ไม่มีเวลาคิดอะไรมากไปกว่านั้น เมื่อรสิตายกตัวขึ้นดึง รั้งรอบคอของเขาให้ล้มทับตัวเองรสิตาสอดมือเข้าไปในสาบเสื้อของไทธรณ์ และลูบไล้อย่างโหยหา มือบางอีกข้างรั้งท้ายทอยชายหนุ่มเข้าใกล้ และเ
“พี่ไทช่วยแนนด้วย” รสิตาพาตัวเองขึ้นไปนั่งอยู่บนตักของไทธรณ์ทั้งร่าง สะโพกหนั่นแน่นหน้าอกอวบอิ่มร่างนุ่มนิ่มทั้งร่างแนบชิดกายแกร่งไปทุกส่วน หญิงสาวบิดกายเร่าๆความต้องการจากการถูกวางยากระตุ้นอารมณ์ดิบพุ่งทะยานจนควบคุมตัวเองไม่ได้ มือบางคล้องคอไทธรณ์ไว้แน่น ริมฝีปากบางพยายามแต้มไต่ไล้เลียไปตามใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่ม“แนนตั้งสติหน่อยครับ แนน...” เสียงของไทธรณ์หายไปเมื่อริมฝีปากบางทาบทับริมฝีปากหนาได้รูปของเขา ชายหนุ่มเข้าใจดีว่ารสิตาถูกวางยา และตอนนี้เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงนี้ได้เลย เขาตัดสินใจจูบตอบคนที่กล้าดีมาเริ่มรุกรานเขาก่อน จุมพิตเบาๆอ่อนละมุนแสนหวานไม่สามารถตอบสนองความต้องการของหญิงสาวได้เลย เธอครางประท้วงเขาอยู่ในลำคอ เรียกร้องให้เขาทำอะไรที่มากกว่านี้ ร่างกายเบียดกระแซะอย่างเว้าวอนไทธรณ์ถอนริมฝีปากออกจ้องมองดวงหน้าของรสิตา ที่แสดงออกว่าขัดใจกับสิ่งที่เขาทำให้ มันไม่พอกับความต้องการของเธอ หญิงสาวกำลังทรมานต้องการปลดปล่อย ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง ก่อนจะประกบริมฝีปากลงบนกลับปากบางอีกครั้ง จูบที่เขามอบให้ครั้งนี้หนักหน่วงเร่าร้อนราวกับจะดู
“คุณแนนครับ”“คะ” รสิตาหันกลับมายิ้มหวานให้กับผู้ชายตรงหน้า“ดื่มครับ หมดแก้ว เพื่อมิตรภาพของเราในคืนนี้” ชายหนุ่มยกแก้วยื่นมาข้างหน้าเล็กน้อย รสิตาจึงยกแก้วเครื่องดื่มของเธอขึ้นมาแตะเบาๆกับแก้วของเขา“หมดแก้วนะครับ”“ค่ะ” หญิงสาวดื่มไวน์ในแก้วจนหมดแล้วคลี่ยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม รสิตาวางแก้วลงแล้วหันไปมองที่โต๊ะของไทธรณ์ แต่ก็พบเพียงโต๊ะว่างเปล่า หญิงสาวเหลียวหน้าเหลียวหลังมองหาเขาแต่ก็ไม่พบ“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณแนน”“เอ่อ...ดึกมากแล้วแนนขอตัวกลับก่อนนะคะ ขอบคุณคุณกฤษณ์มากนะคะสำหรับคืนนี้” รสิตาผุดลุกขึ้นยืนตั้งใจว่าจะรีบวิ่งตามไทธรณ์ออกไป เธอคิดว่าเขาคงไปที่ลานจอดรถแล้ว แต่หญิงสาวกลับรู้สึกเวียนศีรษะจนเซไปกระทบร่างของชายหนุ่มที่รอท่าอยู่แล้ว“เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณแนน” น้ำเสียงของชายหนุ่มฟังดูราวกับว่าห่วงใยเธอ ทั้งที่ในความเป็นจริงเขาแอบยิ้ม และยักคิ้วให้กับกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกัน แต่เลี่ยงไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่งหลังจากที่รสิตาเดินเข้ามาเสนอตัวขอร่วมโต๊ะด้วย กลุ่มเพื่อนสี่ห้าคนต่างยกนิ้วโป้งให้แล้วทำท่าพยักพเยิด“กลับกันเถอะครับ”
กลับกลายเป็นความเงียบเข้ามาแทนที่ ลูกน้องทุกคนต่างรู้ดีว่าห้องทำงานของไทธรณ์เป็นเขตหวงห้ามเด็ดขาด หากไม่ได้รับอนุญาตจะไม่มีใครย่างกรายเข้าไป จะมีก็เพียงแต่คนตัวเล็กๆสาวมั่นช่างเจรจาอย่างรสิตาคนเดียวเท่านั้น ที่ไม่ว่าจะมาเมื่อไรก็ไม่เคยเคาะประตูขออนุญาต หญิงสาวจะถือวิสาสะเปิดประตูห้องทำงาน แล้วเดินเข้าไปทักทายเจ้าของห้องทำงานด้วยเสียงใสๆ พูดเจื้อยแจ้ว โดยไม่สนใจหน้าเคร่งขรึมของชายหนุ่ม ซึ่งหลังจากวันนั้นแล้วทุกครั้งที่มีคนเคาะประตูห้องทำงาน หรือเปิดประตูเข้ามาเขาจะยิ้มรับ เพราะนึกว่าเป็นรสิตา แต่ก็กลับผิดหวังไปเสียทุกครั้งจนถึงวันนี้ที่เขาไม่สามารถทนเสียงเรียกร้องของหัวใจตนเองได้ จากที่เคยเป็นคนเคยนิ่งเฉย ก็เลยอยู่เฉยไม่ได้ เพราะคนที่จะทรมานหัวใจตายน่าจะเป็นเขาเองนั่นแหละ หากแต่เขาพยายามติดต่อไปแต่รสิตาก็ไม่ยอมรับสาย“สวัสดีค่ะนายใหญ่” เสียงหญิงสาวในชุดวาบหวิวสองคนดึงไทธรณ์ให้กลับมาจากภวังค์ หญิงสาวสวยและเซ็กซี่ทั้งสองนั่งลงบนโซฟาประกบเขาทั้งซ้ายและขวา จงใจใช้หน้าอกอวบอึ๋มเบียดกระแซะที่แขนแกร่งทั้งสองข้าง“เอ่อ...ผมไม่ได้เรียกใช้บริการนี้นะครับ”
“คืนนี้ผมจะนอนที่นี่นะครับลุงมิ่ง ลุงไปพักผ่อนเถอะครับ เหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว ไม่ต้องเอารถไปเก็บนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปดูในไร่อีกที อ้อ!พรุ่งนี้เช้าลุงมิ่งช่วยไปเอาเอกสารที่โต๊ะทำงานของผม ที่บ้านคุณพ่อให้ด้วยนะครับ เอามาทั้งหมดเลยนะครับที่วางอยู่บนโต๊ะ ผมจะรีบเคลียร์เอกสารให้พี่ไท”“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปเอาให้แต่เช้าเลยครับ” เมื่อจบการสนทนาลุงมิ่งก็เดินเลี่ยงออกไปทางบ้านพักคนงาน ธีร์ภาณุมองตามครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังเดินขึ้นบันไดบ้านไปหลังจากเปิดประตูบ้านเข้าไปธีร์ภาณุเอื้อมมือไปกดเปิดสวิตซ์ไฟ เขารู้สึกแปลกๆเมื่ออยู่ในห้องกว้างที่เมื่อก่อนเคยอยู่คนเดียวได้ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเหงาอย่างประหลาด ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็กๆที่เพิ่งใกล้ชิดกันไม่นานจะมีอิทธิพลกับความรู้สึกของเขามากถึงขนาดนี้ เสียงเล็กๆที่คอยต่อล้อต่อเถียงดังก้องเข้ามาในหู กลิ่นกายหอมกรุ่นของไอรักลอยวนขึ้นมาในห้วงความคิด ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเองพร้อมกับส่ายศีรษะเบาๆ คืนนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะขับรถกลับได้ และพรุ่งนี้ก็คงมีงานอีกหลายอย่างในไร่ให้เขาต้องสะสางแต่เช้า ธีร์ภาณุจ