“ซวยกันหมดล่ะทีนี้”
ไอรักเพิ่งนอนหลับได้ไม่นาน แต่ก็ต้องรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่เริ่มจะคุ้นหู
“หนูไอเปิดประตูให้พี่หน่อยครับ” เสียงทุ้มของธีร์ภาณุทำให้หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง เดินมาเอาหูแนบประตูฟังชัดๆ
“หนูไอเปิดประตูให้พี่ด้วยครับ” ไอรักรู้แล้วว่าเป็นเสียงธีร์ภาณุ แต่กำลังชั่งใจว่าจะเปิดดีหรือไม่ เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้หญิงสาวไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายตัวโตเจ้าของเสียงเรียกเอาเสียเลย ในขณะที่กำลังคิดอยู่ว่าจะเปิดประตูดีหรือเปล่า หญิงสาวก็ได้ยินเสียงกุกกักที่ประตูห้อง แล้วประตูก็ถูกเปิดออก คนตัวเล็กกว่าได้แต่ยืนเหวออ้าปากค้าง เมื่อคนตัวโตชูลูกกุญแจขึ้นพร้อมกับยักไหล่แล้วยิ้มแบบกวนๆ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องแล้วปิดล็อกประตูทันที
“พี่ก็แค่อยากลองใจว่า หนูไอจะใจร้ายกับพี่แค่ไหน ว่าจะไม่ทำอะไรแล้วนะ อย่างนี้ต้องลงโทษคนใจร้ายให้สาสม” ไอรักถอยหลังกรูด แต่ช้ากว่าผู้ชายตัวโตเหมือนเดิม ท่อนแขนแข็งแรงและอ้อมกอดที่เริ่มจะคุ้นเคย คว้าหมับเข้าที่เอวบาง หญิงสาวพยายามขืนตัวโดยใช้มือยันแผ่นอกกว้างไว้
“พี่ง่วงจังเลย หนูไอนอนเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ” ธีร์ภาณุใช้มือสองข้างกอดกระชับตัวไอรักยกขึ้นจากพื้น แล้วพาเดินไปล้มตัวลงบนเตียงกว้างพร้อมกัน หญิงสาวไม่ทันระวังตัวจึงร้องเอะอะโวยวาย
“ว้าย! พี่ธีร์ปล่อยนะ” ธีร์ภาณุอยู่ในท่ากอดไอรักกึ่งจะทับร่างบางไว้ทั้งตัว ทำตาสะลึมสะลือ
“พี่ง่วงมากเลย ขอนอนสักงีบนะ ยังไม่ได้นอนทั้งคืนเลย” ไอรักมองหน้าคนพูด ใบหน้าห่างกันแค่คืบ และตอนนี้ก็หลับตาพริ้มทั้งๆที่ปากก็พูดอยู่
“แล้วไปไหนมาล่ะคะถึงไม่ได้นอน และถึงไม่ได้นอนก็ไม่เกี่ยวกับหนูไอค่ะ เพราะหนูไอไม่อยากนอนต่อแล้ว ขอตัวลุกไปอาบน้ำค่ะ”
“พาน้อยหน่าไปหาหมอ น้อยหน่าไม่สบายไข้สูงมาก คุณหมอตรวจดูแล้วเป็นไข้หวัดใหญ่ ดีนะที่ถึงมือหมอแล้ว ไข้สูงอย่างนั้นน่ะอาจจะช็อกได้” ไอรักมีสีหน้าตกใจนึกเป็นห่วงน้อยหน่า
“แล้วตอนนี้น้อยหน่าเป็นไงบ้างคะ” ธีร์ภาณุลืมตามองหน้าคนถาม ที่มีสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ปลอดภัยแล้วล่ะ คุณหมอให้นอนพักที่โรงพยาบาลสักสองสามวันก็กลับบ้านได้ อืม...ดูเป็นห่วงน้อยหน่าจังนะ ไม่เห็นเป็นห่วงพี่บ้างเลย” ไอรักค้อนขวับให้ธีร์ภาณุ
“ก็จะห่วงทำไมคะ เห็นๆอยู่ว่ายังรังแกหนูไอได้ ก็แสดงว่าไม่ได้เป็นอะไรสักนิด คนที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นหนูไอมากกว่าค่ะ” หญิงสาวดิ้นขลุกขลัก แต่ธีร์ภาณุที่นอนหลับตาอยู่กลับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีก
“ขอนอนกอดอย่างนี้สักสองสามชั่วโมงนะ ไม่ทำอะไรมากกว่านี้หรอก เหนื่อยมากเลยครับ” ไอรักถอนหายใจแรง ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ก็เมื่อธีร์ภาณุไม่ยอมปล่อยแล้วเธอจะลุกไปไหนได้ แรงของผู้หญิงตัวเล็กๆหรือจะสู้ผู้ชายตัวโตคนนี้ได้
เป็นอันว่าไอรักเองกลับเป็นฝ่ายหลับไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ในอ้อมแขนแข็งแรงของธีร์ภาณุ เพราะเมื่อคืนกว่าหญิงสาวจะข่มตานอนหลับได้ก็ใช้เวลานาน พอนอนอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นก็ทำให้เคลิ้มหลับไปโดยไม่รู้ตัว
“ตื่นได้แล้วครับหนูไอ” ไอรักค่อยๆลืมตาขึ้นก็เจอรอยยิ้มของธีร์ภาณุ ใบหน้าของเขาก้มลงมาเกือบจะชิดหน้านวล หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่ง แล้วเปิดผ้าห่มก้มสำรวจดูตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเงยหน้ามองดูผู้ชายที่ยืนหัวเราะเบาๆอยู่ข้างเตียง ธีร์ภาณุอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตแขนยาว สีน้ำเงินสลับสีขาวกับกางเกงยีนส์สีเข้ม
“ไม่มีอะไรสึกหรอ ทุกอย่างอยู่ครบ โอเคไหมครับ” ไอรักหน้าแดงระเรื่อ มองหน้าคนพูดอย่างเอาเรื่อง
“เช้านี้พี่มีธุระในไร่นะครับ เดี๋ยวสายๆจะแวะมารับไปซื้อของใช้ในเมือง ป้าบัวทำอาหารเช้าไว้รอแล้ว แล้วเจอกันนะครับ” ธีร์ภาณุพูดเร็วโดยไม่สนใจคนที่นั่งหน้าบึ้งอยู่บนเตียง พูดจบก็หันหลังเดินออกจากห้องไป โดยไม่รอคนฟังว่าจะมีคำถามอะไรหรือเปล่า ไอรักทำจมูกย่นเบ้ปากล้อเลียนไม่พอใจ แล้วก็นึกเจ็บใจตัวเองที่เผลอหลับไปในอ้อมกอดของชายหนุ่มแบบไม่รู้ตัว
บริเวณบ้านพักคนงานของไร่แสงตะวัน ธีร์ภาณุยืนหน้าเคร่งเครียดอยู่ท่ามกลางคนงาน ที่คอยฟังเจ้านายหนุ่มพิพากษาโทษ เพราะทุกคนต่างรู้ตัวดีว่า เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ทำให้เจ้านายไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ผมไม่เคยว่าหากจะมีการสังสรรค์กันในไร่แสงตะวันแห่งนี้ แต่ทุกอย่างต้องมีขอบเขต การดื่มจนเมามายไม่ได้สติมันไม่เหมาะสม แล้วยิ่งเรื่องยาเสพติดแล้ว ผมถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถให้อภัยได้ ใครรู้ตัวว่ามีส่วนเกี่ยวข้องให้ก้าวออกมาข้างหน้า อย่าคิดว่าที่ผ่านมาผมไม่เคยพูดเพราะไม่รู้ ก้าวออกมา อย่าให้ผมต้องเอ่ยชื่อ”
ธีร์ภาณุใช้น้ำเสียงเด็ดขาด เขากวาดสายตามองคนงานด้วยแววตาที่ดุดัน สักครู่เดียวก็มีคนงานก้าวออกมาข้างหน้าสองคน ทั้งสองคนยืนก้มหน้าไม่กล้าสบสายตาผู้เป็นนาย
“ผมไม่ชอบยานรกนั่นเลยเพราะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง และผมก็เคยเตือนมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังมีคนฝ่าฝืนเอามันเข้ามาในไร่ ผมจะไม่แจ้งตำรวจ ซึ่งถือว่าผมยังให้โอกาสพวกคุณกลับตัวกัน แต่ไร่แสงตะวันคงไม่มีที่อยู่สำหรับพวกคุณอีกต่อไป”
“นายเล็กครับ พวกผมขอโทษ พวกผมจะไม่ไปยุ่งกับมันอีกแล้วครับ ให้ผมอยู่ในไร่ต่อไปนะครับ”
ชายทั้งสองคนหน้าเสีย และพยายามขอร้องผู้เป็นนาย หากแต่แววตาเด็ดเดี่ยวและคาดโทษที่จ้องมองมาทำให้ทั้งสองก้มหน้านิ่ง“เก็บของแล้วออกจากไร่ก่อนเที่ยง” น้ำเสียงที่เด็ดขาดทำให้ทุกคนเงียบกริบธีร์ภาณุพูดจบก็กวาดสายตามองดูคนงาน ด้วยสายตาที่ดุดันอีกครั้ง คนงานในไร่ต่างรู้ดีว่า นายเล็กของพวกเขาเป็นคนจริงจังและเด็ดขาด แต่ทว่าก็เป็นเจ้านายที่ใจดีและรักลูกน้องมากเช่นเดียวกัน หากใครทำดีก็จะได้รับการตอบแทนที่คุ้มค่า แต่หากใครทำผิดกฎก็จะไม่มีที่ยืนในไร่โดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น ทุกคนจึงทั้งรักและยำเกรงผู้เป็นนายคนนี้มาก“เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเองได้ ลุงมิ่งขอกุญแจรถจี๊ปด้วยครับ ผมจะเข้าไปตรวจในไร่”ธีร์ภาณุพูดจบก็เดินเร็วตรงไปยังโกดังใหญ่ จนลุงมิ่งวิ่งตามแทบไม่ทันไอรักอยู่ในชุดเดรสสีขาวสายเดี่ยว หญิงสาวนั่งรอธีร์ภาณุที่นัดว่าจะพาไปซื้อของในตัวเมือง อยู่ระเบียงหน้าบ้าน เมื่อเห็นรถคันหรูสีแดงวิ่งเข้าใกล้ตัวบ้านจึงลุกขึ้นมอง จนรถจอดเทียบบริเวณสวนดอกไม้ใกล้บ้านหญิงสาวที่ก้าวลงจากรถด้วยท่าทางมั่นใจดูแล้วคุ้นตา เธออยู่ในชุดเดรสสั
“ไปกันเถอะครับ ไปซื้อของกัน” ธีร์ภาณุคว้าหมับเข้าที่ข้อมือบางแล้วดึงให้ลุกขึ้นยืน ไอรักมองหน้าผู้ชายตัวโตอย่างไม่พอใจ“ปล่อยค่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย“ดื้ออีกแล้วนะครับ” ไอรักค้อนขวับ“หนูไอเดินเองได้ค่ะ” ไอรักเดินนำหน้าธีร์ภาณุตรงไปที่รถสปอร์ตคันหรูที่จอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะเดินตามไอรักไป“เดี๋ยวเราแวะซื้อของกันก่อนนะครับ แล้วเที่ยงนี้พี่จะพาไปทานข้าวบ้านคุณแนน” ไอรักมองหน้าคนขับรถแต่ไม่พูดอะไร ธีร์ภาณุชำเลืองดูหญิงสาวแล้วพูดต่อ“หนูไอต้องซื้อชุดอีกหลายชุดนะ แล้วก็ของใช้ส่วนตัวด้วยนะครับ” ไอรักเงียบจนคนที่พูดอยู่ฝ่ายเดียวแปลกใจ“หนูไอเป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ”“ไม่เป็นไรนี่คะ แต่กำลังคิดว่าในโปรแกรมวันนี้ พี่ธีร์จะพาหนูไอไปพบคุณลุงหรือเปล่า” ธีร์ภาณุยิ้มกว้าง“แล้วหนูไออยากไปไหมล่ะครับ” ไอรักเชิดหน้ามองไปข้างหน้าก่อนจะตอบ“อยากไปค่ะ หนูไออยากไปตกลงกับคุณลุงเรื่องของเราค่ะ”“ครับ เราจะแวะหาคุณพ่อก่อนกลับไร่แสงตะวันนะครับ”รถสปอร์ตขอ
ธีร์ภาณุยิ้มใส่ตาภรรยาที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ แล้วหันไปยิ้มกว้างให้รสิตาก่อนจะพูดว่า“อร่อยทุกอย่างครับ แต่คงเพราะว่าหนูไอกำลังท้องอยู่น่ะครับ ก็เลยทานอะไรแล้วไม่ถูกปากสักอย่าง จริงไหมครับหนูไอ”ไอรักอ้าปากค้างหันมองหน้ารสิตายิ้มแบบฝืนๆ ก่อนจะหันกลับมามองคนที่นั่งข้างๆ แล้วส่งสายตาที่บ่งบอกว่าไม่พอใจ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิกที่ต้นขาของธีร์ภาณุอย่างแรง“โอ๊ย!” ธีร์ภาณุอุทานเสียงดัง“เป็นอะไรคะคุณธีร์” รสิตาถามพร้อมกับเลิกคิ้วทำหน้าสงสัย“ไม่เป็นไรครับ” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับเหยียดแขนออกโอบไหล่คนนั่งข้างๆดึงเข้าหาตัวเอง ไอรักตกใจเล็กน้อย เงยหน้ามองดูคนตัวโตอย่างเอาเรื่อง ชายหนุ่มฉวยโอกาสประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากมนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันหน้ามาทางรสิตา“คือหนูไอเขาเขินน่ะครับ ยังไม่อยากให้ผมบอกเรื่องนี้กับใคร แต่ผมก็อดที่จะพูดไม่ได้ จะเป็นพ่อคนทั้งที ใครๆก็อยากโชว์ว่าตัวเองมีความสามารถทั้งนั้นแหละครับ คุณแนนว่าไหมครับ” ธีร์ภาณุพูดจบก็หันมายิ้มกว้างให้คนที่อยู่ในอ้อมแขน แล้วหันไปยิ้มให้รสิตาที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามของโต๊ะอาหาร“ค่ะ” รสิตาตอบรับสั
ไอรักค้อนขวับเม้มปากแล้วนั่งนิ่ง จนกระทั่งธีร์ภาณุพารถเลี้ยวเข้าซุ้มประตูไม้แล้วจอดรอก่อนจะบีบแตร สักครู่ประตูไม้บานใหญ่ก็ถูกเปิดออกโดยชายหนุ่มวัยกลางคน ธีร์ภาณุขับรถเข้าไปตามทางเล็กๆบริเวณบ้าน ซึ่งเป็นบ้านทรงไทยประยุกต์หลังใหญ่ ด้านหน้ามีบันไดไม้ขึ้นสู่ด้านบนของตัวบ้านชายหนุ่มวัยกลางคนที่เปิดประตูให้เมื่อสักครู่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาธีร์ภาณุ และมองไอรักอย่างสงสัย“คุณพ่ออยู่ไหมน้าสุด?” ธีร์ภาณุเอ่ยถามพร้อมกับมองไปรอบๆบริเวณบ้าน“นายท่านยังไม่กลับมาครับ คุณกานดาอยู่บนเรือนครับ” ชายคนที่ชื่อน้าสุดยืนเอามือกุมเป้ากางเกงก้มศีรษะเล็กน้อยขณะตอบคำถาม“แล้วพี่ไทล่ะ” ธีร์ภาณุถามหาพี่ชายคนเดียวของเขา“นายใหญ่ยังไม่กลับมาครับ” น้าสุดตอบคำถามและก็ยังคงก้มศีรษะเล็กน้อยเหมือนเดิม“น้าสุดเอารถผมไปเก็บให้ด้วยนะครับ แล้วก็บอกน้าเรียมว่าให้จัดอาหารเย็นเผื่อผมกับหนูไอภรรยาของผม เพิ่มอีกสองที่นะครับ” น้าสุดทำสีหน้างงเล็กน้อย ก่อนจะชำเลืองมองไอรักด้วยสีหน้าสงสัย ไอรักยิ้มให้ชายวัยกลางคนเป็นการทักทาย น้าสุดก้มศีรษะคำนับให้เธอ พร้อมกับกล่าวรับคำสั่งจากธีร์ภาณุ
“ไปพักผ่อนก่อนเถอะหนูไอ ไม่ต้องเกรงใจอะไรนะ บ้านหลังนี้ก็เหมือนบ้านหนูไอนั่นแหละ ไปตาธีร์พาน้องไปพักผ่อนอาบน้ำอาบท่าจะได้สบายเนื้อสบายตัว แล้วค่อยมาทานอาหารเย็นพร้อมกันนะ”ธีร์ภาณุเดินนำหน้าและจูงมือไอรัก จนเดินมาถึงหน้าประตูห้องของตนเอง น้าเรียมที่คุณกานดาสั่งให้มาจัดห้องเปิดประตูออกมาพอดี“น้าจัดห้องให้เรียบร้อยแล้วนะคะนายเล็ก ต้องการอะไรเพิ่มเติมไหมคะ” ธีร์ภาณุยิ้มให้น้าเรียม“ขอบคุณครับน้าเรียม เดี๋ยวช่วยไปขนของในรถขึ้นมาไว้ที่ห้องให้ด้วยนะครับ”“ค่ะ” น้าเรียมรับคำ แล้วก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนเดินจากไป ธีร์ภาณุเปิดประตูเดินเข้าห้อง แต่คนที่ถูกจูงมือกลับยืนตัวแข็งทื่อไม่เดินตาม“หนูไอนี่ดื้ออีกแล้วนะครับ” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับส่ายหน้า“ไม่ค่ะ หนูไอไม่นอนกับพี่ธีร์ ปล่อยก่อนค่ะ” ธีร์ภาณุปล่อยมือไอรัก แล้วเปลี่ยนเป็นใช้สองแขนรวบรวบเอวบางอย่างรวดเร็วดึงเข้ามาในห้อง พร้อมกับปิดล็อกประตูทันที“ว้าย!” ไอรักอุทานอย่างตกใจ เมื่อชายหนุ่มปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระ หญิงสาวเริ่มพยายามหาทางออกจากห้อง แต่ธีร์ภาณุตัวใหญ่กว่ายืนกอดอกขวางประตูไว้“พี
ไอรักอาบน้ำเสร็จแล้วจึงแง้มประตูห้องน้ำออกมา กวาดสายตามองทั่วห้องไม่พบธีร์ภาณุ จึงผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอก ก็ตอนนี้ไอรักอยู่ในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันร่างกายอยู่ เพราะไม่ได้เตรียมชุดเข้าไปในห้องน้ำด้วยหญิงสาวรีบก้าวเท้าเร็วๆเดินตรงไปที่โต๊ะมุมห้อง มือบางรื้อๆค้นๆหาเสื้อผ้าที่เพิ่งไปซื้อมา แต่พอเลือกได้ตัวหนึ่งก็ลังเลอยากใส่อีกตัวหนึ่ง มือซ้ายจับชุดเดรสสั้นแขนกุดสีเหลืองนวลเป็นผ้าชีฟองพลิ้วสวย มือขวาจับจั๊มป์สูทขายาวสีเขียวหม่น หญิงสาวชูชุดทั้งสองตัวสลับกันไปมา ชั่งใจตัวเองอยู่ว่าจะเลือกใส่ชุดแบบไหนดี“พี่ว่าหนูไอใส่ชุดไหนก็น่ารักทั้งนั้นแหละครับ” ไอรักสะดุ้งเฮือก ไม่กล้าจะหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียง หญิงสาวยืนตัวแข็งทื่อกอดเสื้อผ้าไว้แนบอก รู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง นึกอยากจะเขกศีรษะตัวเองจริงๆ ธีร์ภาณุเดินเข้ามาประชิดด้านหลังแล้วก้มลงกระซิบที่ข้างหูไอรัก“หรือถ้าไม่ใส่เลยก็คงจะน่ารักที่สุด”ไอรักหลับตาปี๋หดคอลงโดยอัตโนมัติ ธีร์ภาณุยิ้มให้กับอาการของหญิงสาว“ตัวหนูไอหอมจัง” ธีร์ภาณุไม่พูดเปล่า จมูกโด่งโฉบลงที่แก้มนวลอย่างรว
“ครับแม่...ผมกับหนูไอสัญญาว่า จะไม่ทำให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วงเหมือนพี่ไทอย่างแน่นอนครับ จริงไหมครับหนูไอ?” ไอรักหันมองหน้าธีร์ภาณุที่ตอนนี้ส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ หญิงสาวยิ้มอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะตอบรับ“ค่ะ” คุณกานดายิ้มให้กับลูกชายและลูกสะใภ้คนเล็ก ก่อนที่จะถามถึงความคืบหน้าเรื่องการจัดงานแต่งงาน“แล้วเรื่องงานแต่งล่ะตาธีร์ เตรียมอะไรไปถึงไหนแล้ว”“เรื่องนี้ผมกับหนูไอคุยกันมาแล้วครับ เราขอจัดงานเล็กๆก็พอครับคุณแม่ เชิญเฉพาะที่สนิทและคุ้นเคย เนอะ...หนูไอ” คนพูดยิ้มหวานเมื่อหันหน้ามาสบตาคนนั่งข้างๆเพื่อขอความคิดเห็น ไอรักอยากจะกระโดดขึ้นคร่อม แล้วเอามือตะกุยหน้าผู้ชายที่นั่งข้างๆเสียจริง แต่ก็ทำได้เพียงฝืนยิ้มแล้วสบตาคนที่ถามมาด้วยสายตาเกรี้ยวกราดแทบจะถลนออกมา“ว่ายังไงล่ะจ๊ะหนูไอ” คุณกานดาถามย้ำกับว่าที่เจ้าสาว“เอ่อ...” ไอรักอ้าปากจะพูดแต่ก็มีคนเร็วกว่าพูดแทรกขึ้นมา“หนูไอน่ะยังไงก็ได้อยู่แล้วครับคุณแม่ แต่เราจะจัดงานให้เร็วที่สุดนะครับ ผมไม่อยากให้น้องเสียหาย ”“มันแน่นอนอยู่แล้ว แม่ดูฤกษ์ให้แล้ว ก็ตั้งแต่เม
“พี่ไม่ได้พูดอะไรเลยนะหนูไอ คุณพ่อกับคุณแม่ท่านคิดไปเองต่างหาก” พูดจบธีร์ภาณุก็จับจ้องที่ดวงหน้ามน ด้วยแววตาที่คล้ายๆกับยิ้มล้อเลียน จนคนถูกมองจับสังเกตได้ ไอรักกลอกตาไปมาใช้ความคิดสักครู่แล้วก็เริ่มนึกได้ว่า ตนเองเดินตามธีร์ภาณุเข้ามาในห้องของเขา ไวเท่าความคิดหญิงสาวหันหลังกลับ ออกตัวเร็วราวกับวิ่งแข่งร้อยเมตร แต่ไม่เป็นไปดังใจหวัง เธอไปไม่ถึงเส้นชัย ลำแขนกลมกลึงที่เหยียดออกจนสุดหมายมาดว่าจะจับลูกบิดเปิดประตู ยังคงค้างอยู่กับที่ทั้งที่อยู่ใกล้แค่คืบ แต่เธอกลับคว้ามันไม่ถึง เนื่องจากคนที่แขนยาวกว่าใช้แขนเพียงข้างเดียวโอบเอวบางจากด้านหลัง แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้คนที่ตัวเล็กกว่าหยุดกึกอยู่กับที่ ไอรักจึงเปลี่ยนมาเป็นเริ่มใช้มือกวัดแกว่งเพื่อทำร้ายเจ้าของแขนแข็งแรงนั้น“เราเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้วนะหนูไอ คืนนี้เราควรนอนหลับพักผ่อนเอาแรง วันข้างหน้ามีงานใหญ่รอเราอยู่นะ”“งานพี่ธีร์คนเดียวน่ะสิ หนูไอไม่รับรู้อะไรด้วยทั้งนั้น” คนถูกกอดตวาดแหวเสียงดังลั่น ธีร์ภาณุใช้มือทั้งสองข้างจับตัวไอรักหมุนกลับมาเผชิญหน้ากัน“คืนนี้พี่จะไม่ทำอะไรหนูไอทั้งนั้น วางใจได้ พี่ขอสัญญา
“พี่ไม่ได้พูดอะไรเลยนะหนูไอ คุณพ่อกับคุณแม่ท่านคิดไปเองต่างหาก” พูดจบธีร์ภาณุก็จับจ้องที่ดวงหน้ามน ด้วยแววตาที่คล้ายๆกับยิ้มล้อเลียน จนคนถูกมองจับสังเกตได้ ไอรักกลอกตาไปมาใช้ความคิดสักครู่แล้วก็เริ่มนึกได้ว่า ตนเองเดินตามธีร์ภาณุเข้ามาในห้องของเขา ไวเท่าความคิดหญิงสาวหันหลังกลับ ออกตัวเร็วราวกับวิ่งแข่งร้อยเมตร แต่ไม่เป็นไปดังใจหวัง เธอไปไม่ถึงเส้นชัย ลำแขนกลมกลึงที่เหยียดออกจนสุดหมายมาดว่าจะจับลูกบิดเปิดประตู ยังคงค้างอยู่กับที่ทั้งที่อยู่ใกล้แค่คืบ แต่เธอกลับคว้ามันไม่ถึง เนื่องจากคนที่แขนยาวกว่าใช้แขนเพียงข้างเดียวโอบเอวบางจากด้านหลัง แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้คนที่ตัวเล็กกว่าหยุดกึกอยู่กับที่ ไอรักจึงเปลี่ยนมาเป็นเริ่มใช้มือกวัดแกว่งเพื่อทำร้ายเจ้าของแขนแข็งแรงนั้น“เราเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้วนะหนูไอ คืนนี้เราควรนอนหลับพักผ่อนเอาแรง วันข้างหน้ามีงานใหญ่รอเราอยู่นะ”“งานพี่ธีร์คนเดียวน่ะสิ หนูไอไม่รับรู้อะไรด้วยทั้งนั้น” คนถูกกอดตวาดแหวเสียงดังลั่น ธีร์ภาณุใช้มือทั้งสองข้างจับตัวไอรักหมุนกลับมาเผชิญหน้ากัน“คืนนี้พี่จะไม่ทำอะไรหนูไอทั้งนั้น วางใจได้ พี่ขอสัญญา
“ครับแม่...ผมกับหนูไอสัญญาว่า จะไม่ทำให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วงเหมือนพี่ไทอย่างแน่นอนครับ จริงไหมครับหนูไอ?” ไอรักหันมองหน้าธีร์ภาณุที่ตอนนี้ส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ หญิงสาวยิ้มอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะตอบรับ“ค่ะ” คุณกานดายิ้มให้กับลูกชายและลูกสะใภ้คนเล็ก ก่อนที่จะถามถึงความคืบหน้าเรื่องการจัดงานแต่งงาน“แล้วเรื่องงานแต่งล่ะตาธีร์ เตรียมอะไรไปถึงไหนแล้ว”“เรื่องนี้ผมกับหนูไอคุยกันมาแล้วครับ เราขอจัดงานเล็กๆก็พอครับคุณแม่ เชิญเฉพาะที่สนิทและคุ้นเคย เนอะ...หนูไอ” คนพูดยิ้มหวานเมื่อหันหน้ามาสบตาคนนั่งข้างๆเพื่อขอความคิดเห็น ไอรักอยากจะกระโดดขึ้นคร่อม แล้วเอามือตะกุยหน้าผู้ชายที่นั่งข้างๆเสียจริง แต่ก็ทำได้เพียงฝืนยิ้มแล้วสบตาคนที่ถามมาด้วยสายตาเกรี้ยวกราดแทบจะถลนออกมา“ว่ายังไงล่ะจ๊ะหนูไอ” คุณกานดาถามย้ำกับว่าที่เจ้าสาว“เอ่อ...” ไอรักอ้าปากจะพูดแต่ก็มีคนเร็วกว่าพูดแทรกขึ้นมา“หนูไอน่ะยังไงก็ได้อยู่แล้วครับคุณแม่ แต่เราจะจัดงานให้เร็วที่สุดนะครับ ผมไม่อยากให้น้องเสียหาย ”“มันแน่นอนอยู่แล้ว แม่ดูฤกษ์ให้แล้ว ก็ตั้งแต่เม
ไอรักอาบน้ำเสร็จแล้วจึงแง้มประตูห้องน้ำออกมา กวาดสายตามองทั่วห้องไม่พบธีร์ภาณุ จึงผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอก ก็ตอนนี้ไอรักอยู่ในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันร่างกายอยู่ เพราะไม่ได้เตรียมชุดเข้าไปในห้องน้ำด้วยหญิงสาวรีบก้าวเท้าเร็วๆเดินตรงไปที่โต๊ะมุมห้อง มือบางรื้อๆค้นๆหาเสื้อผ้าที่เพิ่งไปซื้อมา แต่พอเลือกได้ตัวหนึ่งก็ลังเลอยากใส่อีกตัวหนึ่ง มือซ้ายจับชุดเดรสสั้นแขนกุดสีเหลืองนวลเป็นผ้าชีฟองพลิ้วสวย มือขวาจับจั๊มป์สูทขายาวสีเขียวหม่น หญิงสาวชูชุดทั้งสองตัวสลับกันไปมา ชั่งใจตัวเองอยู่ว่าจะเลือกใส่ชุดแบบไหนดี“พี่ว่าหนูไอใส่ชุดไหนก็น่ารักทั้งนั้นแหละครับ” ไอรักสะดุ้งเฮือก ไม่กล้าจะหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียง หญิงสาวยืนตัวแข็งทื่อกอดเสื้อผ้าไว้แนบอก รู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง นึกอยากจะเขกศีรษะตัวเองจริงๆ ธีร์ภาณุเดินเข้ามาประชิดด้านหลังแล้วก้มลงกระซิบที่ข้างหูไอรัก“หรือถ้าไม่ใส่เลยก็คงจะน่ารักที่สุด”ไอรักหลับตาปี๋หดคอลงโดยอัตโนมัติ ธีร์ภาณุยิ้มให้กับอาการของหญิงสาว“ตัวหนูไอหอมจัง” ธีร์ภาณุไม่พูดเปล่า จมูกโด่งโฉบลงที่แก้มนวลอย่างรว
“ไปพักผ่อนก่อนเถอะหนูไอ ไม่ต้องเกรงใจอะไรนะ บ้านหลังนี้ก็เหมือนบ้านหนูไอนั่นแหละ ไปตาธีร์พาน้องไปพักผ่อนอาบน้ำอาบท่าจะได้สบายเนื้อสบายตัว แล้วค่อยมาทานอาหารเย็นพร้อมกันนะ”ธีร์ภาณุเดินนำหน้าและจูงมือไอรัก จนเดินมาถึงหน้าประตูห้องของตนเอง น้าเรียมที่คุณกานดาสั่งให้มาจัดห้องเปิดประตูออกมาพอดี“น้าจัดห้องให้เรียบร้อยแล้วนะคะนายเล็ก ต้องการอะไรเพิ่มเติมไหมคะ” ธีร์ภาณุยิ้มให้น้าเรียม“ขอบคุณครับน้าเรียม เดี๋ยวช่วยไปขนของในรถขึ้นมาไว้ที่ห้องให้ด้วยนะครับ”“ค่ะ” น้าเรียมรับคำ แล้วก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนเดินจากไป ธีร์ภาณุเปิดประตูเดินเข้าห้อง แต่คนที่ถูกจูงมือกลับยืนตัวแข็งทื่อไม่เดินตาม“หนูไอนี่ดื้ออีกแล้วนะครับ” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับส่ายหน้า“ไม่ค่ะ หนูไอไม่นอนกับพี่ธีร์ ปล่อยก่อนค่ะ” ธีร์ภาณุปล่อยมือไอรัก แล้วเปลี่ยนเป็นใช้สองแขนรวบรวบเอวบางอย่างรวดเร็วดึงเข้ามาในห้อง พร้อมกับปิดล็อกประตูทันที“ว้าย!” ไอรักอุทานอย่างตกใจ เมื่อชายหนุ่มปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระ หญิงสาวเริ่มพยายามหาทางออกจากห้อง แต่ธีร์ภาณุตัวใหญ่กว่ายืนกอดอกขวางประตูไว้“พี
ไอรักค้อนขวับเม้มปากแล้วนั่งนิ่ง จนกระทั่งธีร์ภาณุพารถเลี้ยวเข้าซุ้มประตูไม้แล้วจอดรอก่อนจะบีบแตร สักครู่ประตูไม้บานใหญ่ก็ถูกเปิดออกโดยชายหนุ่มวัยกลางคน ธีร์ภาณุขับรถเข้าไปตามทางเล็กๆบริเวณบ้าน ซึ่งเป็นบ้านทรงไทยประยุกต์หลังใหญ่ ด้านหน้ามีบันไดไม้ขึ้นสู่ด้านบนของตัวบ้านชายหนุ่มวัยกลางคนที่เปิดประตูให้เมื่อสักครู่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาธีร์ภาณุ และมองไอรักอย่างสงสัย“คุณพ่ออยู่ไหมน้าสุด?” ธีร์ภาณุเอ่ยถามพร้อมกับมองไปรอบๆบริเวณบ้าน“นายท่านยังไม่กลับมาครับ คุณกานดาอยู่บนเรือนครับ” ชายคนที่ชื่อน้าสุดยืนเอามือกุมเป้ากางเกงก้มศีรษะเล็กน้อยขณะตอบคำถาม“แล้วพี่ไทล่ะ” ธีร์ภาณุถามหาพี่ชายคนเดียวของเขา“นายใหญ่ยังไม่กลับมาครับ” น้าสุดตอบคำถามและก็ยังคงก้มศีรษะเล็กน้อยเหมือนเดิม“น้าสุดเอารถผมไปเก็บให้ด้วยนะครับ แล้วก็บอกน้าเรียมว่าให้จัดอาหารเย็นเผื่อผมกับหนูไอภรรยาของผม เพิ่มอีกสองที่นะครับ” น้าสุดทำสีหน้างงเล็กน้อย ก่อนจะชำเลืองมองไอรักด้วยสีหน้าสงสัย ไอรักยิ้มให้ชายวัยกลางคนเป็นการทักทาย น้าสุดก้มศีรษะคำนับให้เธอ พร้อมกับกล่าวรับคำสั่งจากธีร์ภาณุ
ธีร์ภาณุยิ้มใส่ตาภรรยาที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ แล้วหันไปยิ้มกว้างให้รสิตาก่อนจะพูดว่า“อร่อยทุกอย่างครับ แต่คงเพราะว่าหนูไอกำลังท้องอยู่น่ะครับ ก็เลยทานอะไรแล้วไม่ถูกปากสักอย่าง จริงไหมครับหนูไอ”ไอรักอ้าปากค้างหันมองหน้ารสิตายิ้มแบบฝืนๆ ก่อนจะหันกลับมามองคนที่นั่งข้างๆ แล้วส่งสายตาที่บ่งบอกว่าไม่พอใจ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิกที่ต้นขาของธีร์ภาณุอย่างแรง“โอ๊ย!” ธีร์ภาณุอุทานเสียงดัง“เป็นอะไรคะคุณธีร์” รสิตาถามพร้อมกับเลิกคิ้วทำหน้าสงสัย“ไม่เป็นไรครับ” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับเหยียดแขนออกโอบไหล่คนนั่งข้างๆดึงเข้าหาตัวเอง ไอรักตกใจเล็กน้อย เงยหน้ามองดูคนตัวโตอย่างเอาเรื่อง ชายหนุ่มฉวยโอกาสประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากมนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันหน้ามาทางรสิตา“คือหนูไอเขาเขินน่ะครับ ยังไม่อยากให้ผมบอกเรื่องนี้กับใคร แต่ผมก็อดที่จะพูดไม่ได้ จะเป็นพ่อคนทั้งที ใครๆก็อยากโชว์ว่าตัวเองมีความสามารถทั้งนั้นแหละครับ คุณแนนว่าไหมครับ” ธีร์ภาณุพูดจบก็หันมายิ้มกว้างให้คนที่อยู่ในอ้อมแขน แล้วหันไปยิ้มให้รสิตาที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามของโต๊ะอาหาร“ค่ะ” รสิตาตอบรับสั
“ไปกันเถอะครับ ไปซื้อของกัน” ธีร์ภาณุคว้าหมับเข้าที่ข้อมือบางแล้วดึงให้ลุกขึ้นยืน ไอรักมองหน้าผู้ชายตัวโตอย่างไม่พอใจ“ปล่อยค่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย“ดื้ออีกแล้วนะครับ” ไอรักค้อนขวับ“หนูไอเดินเองได้ค่ะ” ไอรักเดินนำหน้าธีร์ภาณุตรงไปที่รถสปอร์ตคันหรูที่จอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะเดินตามไอรักไป“เดี๋ยวเราแวะซื้อของกันก่อนนะครับ แล้วเที่ยงนี้พี่จะพาไปทานข้าวบ้านคุณแนน” ไอรักมองหน้าคนขับรถแต่ไม่พูดอะไร ธีร์ภาณุชำเลืองดูหญิงสาวแล้วพูดต่อ“หนูไอต้องซื้อชุดอีกหลายชุดนะ แล้วก็ของใช้ส่วนตัวด้วยนะครับ” ไอรักเงียบจนคนที่พูดอยู่ฝ่ายเดียวแปลกใจ“หนูไอเป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ”“ไม่เป็นไรนี่คะ แต่กำลังคิดว่าในโปรแกรมวันนี้ พี่ธีร์จะพาหนูไอไปพบคุณลุงหรือเปล่า” ธีร์ภาณุยิ้มกว้าง“แล้วหนูไออยากไปไหมล่ะครับ” ไอรักเชิดหน้ามองไปข้างหน้าก่อนจะตอบ“อยากไปค่ะ หนูไออยากไปตกลงกับคุณลุงเรื่องของเราค่ะ”“ครับ เราจะแวะหาคุณพ่อก่อนกลับไร่แสงตะวันนะครับ”รถสปอร์ตขอ
ชายทั้งสองคนหน้าเสีย และพยายามขอร้องผู้เป็นนาย หากแต่แววตาเด็ดเดี่ยวและคาดโทษที่จ้องมองมาทำให้ทั้งสองก้มหน้านิ่ง“เก็บของแล้วออกจากไร่ก่อนเที่ยง” น้ำเสียงที่เด็ดขาดทำให้ทุกคนเงียบกริบธีร์ภาณุพูดจบก็กวาดสายตามองดูคนงาน ด้วยสายตาที่ดุดันอีกครั้ง คนงานในไร่ต่างรู้ดีว่า นายเล็กของพวกเขาเป็นคนจริงจังและเด็ดขาด แต่ทว่าก็เป็นเจ้านายที่ใจดีและรักลูกน้องมากเช่นเดียวกัน หากใครทำดีก็จะได้รับการตอบแทนที่คุ้มค่า แต่หากใครทำผิดกฎก็จะไม่มีที่ยืนในไร่โดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น ทุกคนจึงทั้งรักและยำเกรงผู้เป็นนายคนนี้มาก“เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเองได้ ลุงมิ่งขอกุญแจรถจี๊ปด้วยครับ ผมจะเข้าไปตรวจในไร่”ธีร์ภาณุพูดจบก็เดินเร็วตรงไปยังโกดังใหญ่ จนลุงมิ่งวิ่งตามแทบไม่ทันไอรักอยู่ในชุดเดรสสีขาวสายเดี่ยว หญิงสาวนั่งรอธีร์ภาณุที่นัดว่าจะพาไปซื้อของในตัวเมือง อยู่ระเบียงหน้าบ้าน เมื่อเห็นรถคันหรูสีแดงวิ่งเข้าใกล้ตัวบ้านจึงลุกขึ้นมอง จนรถจอดเทียบบริเวณสวนดอกไม้ใกล้บ้านหญิงสาวที่ก้าวลงจากรถด้วยท่าทางมั่นใจดูแล้วคุ้นตา เธออยู่ในชุดเดรสสั
“ซวยกันหมดล่ะทีนี้”ไอรักเพิ่งนอนหลับได้ไม่นาน แต่ก็ต้องรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่เริ่มจะคุ้นหู“หนูไอเปิดประตูให้พี่หน่อยครับ” เสียงทุ้มของธีร์ภาณุทำให้หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง เดินมาเอาหูแนบประตูฟังชัดๆ“หนูไอเปิดประตูให้พี่ด้วยครับ” ไอรักรู้แล้วว่าเป็นเสียงธีร์ภาณุ แต่กำลังชั่งใจว่าจะเปิดดีหรือไม่ เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้หญิงสาวไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายตัวโตเจ้าของเสียงเรียกเอาเสียเลย ในขณะที่กำลังคิดอยู่ว่าจะเปิดประตูดีหรือเปล่า หญิงสาวก็ได้ยินเสียงกุกกักที่ประตูห้อง แล้วประตูก็ถูกเปิดออก คนตัวเล็กกว่าได้แต่ยืนเหวออ้าปากค้าง เมื่อคนตัวโตชูลูกกุญแจขึ้นพร้อมกับยักไหล่แล้วยิ้มแบบกวนๆ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องแล้วปิดล็อกประตูทันที“พี่ก็แค่อยากลองใจว่า หนูไอจะใจร้ายกับพี่แค่ไหน ว่าจะไม่ทำอะไรแล้วนะ อย่างนี้ต้องลงโทษคนใจร้ายให้สาสม” ไอรักถอยหลังกรูด แต่ช้ากว่าผู้ชายตัวโตเหมือนเดิม ท่อนแขนแข็งแรงและอ้อมกอดที่เริ่มจะคุ้นเคย คว้าหมับเข้าที่เอวบาง หญิงสาวพยายามขืนตัวโดยใช้มือยันแผ่นอกกว้างไว้“พี่ง่วงจังเลย หนูไอนอนเป็นเพื่อนพ