ไอรักอาบน้ำเสร็จแล้วจึงแง้มประตูห้องน้ำออกมา กวาดสายตามองทั่วห้องไม่พบธีร์ภาณุ จึงผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอก ก็ตอนนี้ไอรักอยู่ในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันร่างกายอยู่ เพราะไม่ได้เตรียมชุดเข้าไปในห้องน้ำด้วย
หญิงสาวรีบก้าวเท้าเร็วๆเดินตรงไปที่โต๊ะมุมห้อง มือบางรื้อๆค้นๆหาเสื้อผ้าที่เพิ่งไปซื้อมา แต่พอเลือกได้ตัวหนึ่งก็ลังเลอยากใส่อีกตัวหนึ่ง มือซ้ายจับชุดเดรสสั้นแขนกุดสีเหลืองนวลเป็นผ้าชีฟองพลิ้วสวย มือขวาจับจั๊มป์สูทขายาวสีเขียวหม่น หญิงสาวชูชุดทั้งสองตัวสลับกันไปมา ชั่งใจตัวเองอยู่ว่าจะเลือกใส่ชุดแบบไหนดี
“พี่ว่าหนูไอใส่ชุดไหนก็น่ารักทั้งนั้นแหละครับ” ไอรักสะดุ้งเฮือก ไม่กล้าจะหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียง หญิงสาวยืนตัวแข็งทื่อกอดเสื้อผ้าไว้แนบอก รู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง นึกอยากจะเขกศีรษะตัวเองจริงๆ ธีร์ภาณุเดินเข้ามาประชิดด้านหลังแล้วก้มลงกระซิบที่ข้างหูไอรัก
“หรือถ้าไม่ใส่เลยก็คงจะน่ารักที่สุด”
ไอรักหลับตาปี๋หดคอลงโดยอัตโนมัติ ธีร์ภาณุยิ้มให้กับอาการของหญิงสาว
“ตัวหนูไอหอมจัง” ธีร์ภาณุไม่พูดเปล่า จมูกโด่งโฉบลงที่แก้มนวลอย่างรวดเร็วจากด้านหลังของหญิงสาว ไอรักสะดุ้งสุดตัวอีกครั้ง พร้อมกับความคิดเอาตัวรอด สองเท้าเร็วเท่าความคิดออกตัวเร็ววิ่งถึงประตูห้องน้ำก่อนที่ชายหนุ่มจะทำอะไรไปมากกว่านี้ เมื่อประตูห้องน้ำถูกปิดล็อก ไอรักรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก หญิงสาวรีบจัดแจงสวมเสื้อผ้าอย่างงรวดเร็ว ในขณะที่หัวใจเต้นโครมครามราวกับจะระเบิดออกมานอกอก
ไอรักและธีร์ภาณุเดินออกจากห้องมาพร้อมกัน ทั้งสองเดินตรงไปยังโต๊ะอาหารที่จัดรอไว้แล้วบริเวณระเบียงกว้าง เสี่ยธงชัย คุณกานดาและไทธรณ์พี่ชายคนเดียวของธีร์ภาณุนั่งรออยู่ก่อนแล้ว คุณกานดายิ้มกว้าง กล่าวเชื้อเชิญไอรักอย่างกระตือรือร้น
“หนูไอมาแล้วเหรอลูก นี่คุณพ่อธงกับพี่ไทนะจ๊ะ” คุณกานดารับหน้าที่แนะนำสมาชิกของบ้าน หญิงสาวยกมือไหว้คนทั้งสองที่เพิ่งถูกแนะนำให้รู้จัก เสี่ยธงชัยและไทธรณ์รับไหว้พร้อมรอยยิ้ม
ไอรักสังเกตใบหน้าของผู้ชายทั้งสามคนในบ้านนี้ ช่างดูละม้ายคล้ายคลึงกันเหลือเกิน ประมุขของบ้านถึงแม้จะล่วงเลยวัยหนุ่มมานานแล้ว หากแต่ยังคงใบหน้าคมเข้มเด็ดเดี่ยว ที่เหลือร่องรอยให้เห็นถึงความหล่อเหลาในวัยที่ผ่านมา แต่ก็แฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขาม ส่วนไทธรณ์และธีร์ภาณุนั้นรูปหน้าถอดพิมพ์ของผู้เป็นบิดามา จะแตกต่างกันก็ตรงที่ไทธรณ์ได้เครื่องหน้ามาจากบิดามากกว่าจึงดูเข้มขรึมน่าค้นหา ส่วนธีร์ภาณุนั้นใบหน้าคมเข้มคล้ายบิดา แต่ดวงตาคมวาวพราวระยับน่าจะได้มาจากผู้เป็นมารดา ช่างเป็นแววตาที่ดูมีความสุขตลอดเวลา จนน่าหมั่นไส้นักสำหรับไอรัก
“ทำตัวตามสบายเลยนะหนูไอ บ้านนี้ก็เหมือนเป็นบ้านของหนูไอเหมือนกัน เจ้าธีร์มันดูแลหนูไอดีหรือเปล่า” คำถามจากเสี่ยธงชัยทำให้ไอรักหันไปสบตากับธีร์ภาณุ ก่อนจะหลบตาแล้วตอบแบบอ้อมแอ้มว่า
“ค่ะ”
ธีร์ภาณุเลื่อนเก้าอี้ให้ไอรักนั่งและตัวเขาเองก็นั่งลงข้างๆ บทสนทนาในวงอาหารมื้อค่ำนี้ทำให้หญิงสาวรู้สึกดี เหมือนได้ทานข้าวที่บ้าน เสียงหัวเราะรอยยิ้ม และความเป็นกันเองของเสี่ยธงชัย คุณกานดา และไทธรณ์ทำให้ไอรักอุ่นใจที่ได้อยู่ด้วย ผิดกับรอยยิ้มและสายตาเจ้าเล่ห์ที่มองมาตลอดเวลาของธีร์ภาณุ มันทำให้ไอรักรู้สึกร้อนๆหนาวๆได้ตลอดเวลา
“ว่าแต่เจ้าไทล่ะ มัวแต่ทำงานหนักอยู่ทุกวัน ป่านนี้ว่าที่เจ้าสาวแกไม่ไปหาเจ้าบ่าวใหม่แล้วหรือ” เสี่ยธงชัยยิงคำถามใส่ลูกชายคนโตหลังจากที่วางแก้วน้ำดื่มลง ไทธรณ์ทำหูทวนลมไม่ตอบคำถามของบิดา ทำให้ธีร์ภาณุผู้เป็นน้องทำหน้าที่ตอบแทนเสียเอง
“ว่าที่เจ้าสาวพี่ไทก็ยังรอพี่ไทอยู่เหมือนเดิมแหละครับ ว่าแต่ว่าที่เจ้าบ่าวของเรานั่นแหละครับ เมื่อไหร่จะไปเคลียร์ให้เข้าใจกันสักที”
ไทธรณ์รวบช้อนส้อมแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม มองหน้าน้องชายอย่างเอาเรื่อง ธีร์ภาณุยักไหล่ไม่สนใจแล้วก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อ ปล่อยให้พี่ชายรับศึกหนัก จากสายตาตำหนิของบิดาและมารดา ทั้งสองจ้องมองบุตรชายคนโตด้วยคำถาม
“ว่าไงตาไท เกิดอะไรขึ้น มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า” คุณกานดาตั้งคำถามรัว ไทธรณ์ถอนหายใจก่อนจะตอบคำถามของมารดา
“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณแม่ ผมขอเวลาจัดการเรื่องงานให้เรียบร้อยก่อน เรื่องลูกสะใภ้ของคุณแม่เอาไว้ก่อนนะครับ ขอตัวนะครับ” ไทธรณ์พูดจบก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ชายหนุ่มหันมายิ้มให้ไอรักเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไปจากโต๊ะอาหาร เสี่ยธงชัยพูดตามหลังลูกชายคนโตไปว่า
“ฝ่ายหญิงเขาเสียหายนะ จะทำอะไรไว้หน้าพ่อบ้างเดี๋ยวทางนั้นเขาจะมาถอนหงอกพ่อได้” ไทธรณ์ชะงักเท้ายืนฟังบิดาพูดจบ แล้วจึงเดินลงจากบ้านไป
“เฮ้อ! หนุ่มสาวสมัยนี้ไม่รู้อะไร หนูไอต้องอดทนให้มากๆนะลูก ชีวิตคู่มันต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้างเหมือนลิ้นกับฟัน ตาธีร์ก็อย่าทำให้น้องต้องเสียใจ หนักนิดเบาหน่อยก็ยอมๆกันไปนะลูก” คุณกานดาพูดพร้อมกับหันมามองไอรักและธีร์ภาณุ ไอรักได้แต่ยิ้มตอบ ส่วนธีร์ภาณุนั้นยิ้มกว้างออกนอกหน้า แล้วถือโอกาสจับมือไอรักกุมไว้
“ครับแม่...ผมกับหนูไอสัญญาว่า จะไม่ทำให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วงเหมือนพี่ไทอย่างแน่นอนครับ จริงไหมครับหนูไอ?” ไอรักหันมองหน้าธีร์ภาณุที่ตอนนี้ส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ หญิงสาวยิ้มอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะตอบรับ“ค่ะ” คุณกานดายิ้มให้กับลูกชายและลูกสะใภ้คนเล็ก ก่อนที่จะถามถึงความคืบหน้าเรื่องการจัดงานแต่งงาน“แล้วเรื่องงานแต่งล่ะตาธีร์ เตรียมอะไรไปถึงไหนแล้ว”“เรื่องนี้ผมกับหนูไอคุยกันมาแล้วครับ เราขอจัดงานเล็กๆก็พอครับคุณแม่ เชิญเฉพาะที่สนิทและคุ้นเคย เนอะ...หนูไอ” คนพูดยิ้มหวานเมื่อหันหน้ามาสบตาคนนั่งข้างๆเพื่อขอความคิดเห็น ไอรักอยากจะกระโดดขึ้นคร่อม แล้วเอามือตะกุยหน้าผู้ชายที่นั่งข้างๆเสียจริง แต่ก็ทำได้เพียงฝืนยิ้มแล้วสบตาคนที่ถามมาด้วยสายตาเกรี้ยวกราดแทบจะถลนออกมา“ว่ายังไงล่ะจ๊ะหนูไอ” คุณกานดาถามย้ำกับว่าที่เจ้าสาว“เอ่อ...” ไอรักอ้าปากจะพูดแต่ก็มีคนเร็วกว่าพูดแทรกขึ้นมา“หนูไอน่ะยังไงก็ได้อยู่แล้วครับคุณแม่ แต่เราจะจัดงานให้เร็วที่สุดนะครับ ผมไม่อยากให้น้องเสียหาย ”“มันแน่นอนอยู่แล้ว แม่ดูฤกษ์ให้แล้ว ก็ตั้งแต่เม
“พี่ไม่ได้พูดอะไรเลยนะหนูไอ คุณพ่อกับคุณแม่ท่านคิดไปเองต่างหาก” พูดจบธีร์ภาณุก็จับจ้องที่ดวงหน้ามน ด้วยแววตาที่คล้ายๆกับยิ้มล้อเลียน จนคนถูกมองจับสังเกตได้ ไอรักกลอกตาไปมาใช้ความคิดสักครู่แล้วก็เริ่มนึกได้ว่า ตนเองเดินตามธีร์ภาณุเข้ามาในห้องของเขา ไวเท่าความคิดหญิงสาวหันหลังกลับ ออกตัวเร็วราวกับวิ่งแข่งร้อยเมตร แต่ไม่เป็นไปดังใจหวัง เธอไปไม่ถึงเส้นชัย ลำแขนกลมกลึงที่เหยียดออกจนสุดหมายมาดว่าจะจับลูกบิดเปิดประตู ยังคงค้างอยู่กับที่ทั้งที่อยู่ใกล้แค่คืบ แต่เธอกลับคว้ามันไม่ถึง เนื่องจากคนที่แขนยาวกว่าใช้แขนเพียงข้างเดียวโอบเอวบางจากด้านหลัง แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้คนที่ตัวเล็กกว่าหยุดกึกอยู่กับที่ ไอรักจึงเปลี่ยนมาเป็นเริ่มใช้มือกวัดแกว่งเพื่อทำร้ายเจ้าของแขนแข็งแรงนั้น“เราเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้วนะหนูไอ คืนนี้เราควรนอนหลับพักผ่อนเอาแรง วันข้างหน้ามีงานใหญ่รอเราอยู่นะ”“งานพี่ธีร์คนเดียวน่ะสิ หนูไอไม่รับรู้อะไรด้วยทั้งนั้น” คนถูกกอดตวาดแหวเสียงดังลั่น ธีร์ภาณุใช้มือทั้งสองข้างจับตัวไอรักหมุนกลับมาเผชิญหน้ากัน“คืนนี้พี่จะไม่ทำอะไรหนูไอทั้งนั้น วางใจได้ พี่ขอสัญญา
“หนูไอไม่แต่งค่ะคุณแม่ มันหมดสมัยคลุมถุงชนแล้วนะคะ แล้วหนูไอก็ไม่ได้รักผู้ชายคนนั้นด้วย” ไอรักพูดเสียงดังอย่างโมโห “แต่หนูไอก็น่าจะรู้ว่าไม่มีใครขัดใจป๊าได้นะลูก”มารดาพยายามเกลี้ยกล่อมบุตรสาว ที่ตอนนี้นั่งชักสีหน้าแสดงถึงความไม่พอใจอย่างมาก อยู่บนเตียงนอนของตนเอง “แล้วอีกอย่าง ถึงตอนนี้ไม่ได้รัก เดี๋ยวอยู่ๆ กันไปก็รักกันเองแหละลูก”ไอรักหันขวับจ้องมองมารดาอย่างเอาเรื่อง “ไม่มีทางเป็นไปได้ค่ะ หนูไอมีแฟนแล้ว หนูไอโตแล้วนะคะ บรรลุนิติภาวะแล้ว หนูไอไม่ยอม”ไอรักยอมโกหกว่ามีแฟนเพื่อเอาตัวรอดผู้เป็นมารดาถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจเต็มที เดินเข้าไปกอดลูกแล้วลูบศีรษะเบาๆ“หนูไอ...แม่เข้าใจเหตุผลของลูกทุกอย่าง แต่มีเหตุผลหนึ่งที่หนูไอลืมไปหรือเปล่า?” ไอรักหันกลับมามองหน้ามารดาก็พบสายตาที่อ่อนโยนแต่จริงจัง “ความเหมาะสมไงจ๊ะ ผู้ชายคนที่ป๊าเลือกให้ เป็นเจ้าของไร่อ้อยพันกว่าไร่ทางภาคตะวันตก และครอบครัวของเขาก็มีกิจการท่าข้าวที่มีส่วนในการเอื้อกับธุรกิจของเรา แม่ไม่อยากบังคับหนูไอ แต่แม่รู้ว่าหนูไอจะเข้าใจความหวังดีของป๊ากับแม่ และเข้าใจคำว่าความเหมาะสมนะ” หญิงสาวนิ่งเงียบกับเหตุผลที่ได้ฟัง ใช่
“วันนี้พี่เขาจะพาหนูไอไปหาลุงธงกับคุณป้าที่บ้าน เพื่อจะได้เป็นการดูตัวทั้งสองฝ่าย เพราะพี่เขาก็มาแนะนำตัวกับบ้านเราแล้ว หนูไอก็ต้องไปแนะนำตัวกับบ้านโน้นด้วย ตอนแรกป๊าว่าจะพาไปเอง แต่ตาธีร์เขาอาสามารับ ป๊าก็เลยว่า ดีเหมือนกัน ป๊าแก่แล้วขี้เกียจนั่งรถนานๆ เอาไว้เจอกันรวมญาติทีเดียวในงานแต่งเลยดีกว่า ฮ่าๆ” ไอรักนิ่งอึ้ง นึกไม่ถึงว่าจะถูกจู่โจมรวดเร็วขนาดนี้ “แต่...แม่คะ” ไอรักพยายามหาตัวช่วย หากแต่มารดากลับนิ่งเงียบ เพราะถือว่าเมื่อเช้าได้อธิบายไปหมดทุกอย่างแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่องของพ่อลูกจะต้องคุยกันเอง “ป๊าคะ” ไอรักกลืนน้ำลายลงคอ กำลังคิดว่าเหตุผลที่เธอคิดไว้ ที่จะมาใช้ปฏิเสธครั้งนี้จะรุนแรงไปหรือเปล่า เธอนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสิน ใจโพล่งออกมาว่า “ป๊าคะ แม่คะ หนูไอมีแฟนแล้วค่ะ” เสี่ยอินชะงักมือที่ถือช้อนข้าวต้มค้างไว้ แล้วมองหน้าบุตรสาวก่อนจะพูดว่า “ก็แค่แฟน มีแล้วก็เลิกได้ เอาเป็นว่าวันนี้กินข้าวเช้าเสร็จ หนูไอก็เดินทางไปกับพี่เขาเลยนะ” ไอรักอ้าปากเหวอ ไม่ได้เธอจะยอมไม่ได้ “แต่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้วนะคะป๊า” ได้ผล! ทุกคนนิ่งเงียบ ไอ
“ฉันอะไร ต้องเรียกตัวเองว่าหนูไอสิ พี่ว่าเราเรียกกันแบบนี้ดูสนิทสนมกันดีนะ” ไอรักสูดหายใจเข้าปอดยาวๆก่อนจะผ่อนออกอย่างยากเย็น พยายามสะกดกลั้นอารมณ์เต็มที่ เพราะคิดว่าถ้าพูดกับชายหนุ่มดีๆ เขาอาจจะเปลี่ยนใจกลับไปส่งเธอที่บ้านก็ได้“พี่ธีร์คะ หนูไอมีสามีแล้ว พี่ธีร์ไม่อายคนอื่นเค้าเหรอที่จะถูกตราหน้าว่าไปแย่งภรรยาของคนอื่นเค้ามา” ธีร์ภาณุไม่ได้หันมามองหน้าไอรัก แต่กลับพูดขึ้นว่า “พี่บอกหนูไอแล้วไงว่าพี่ไม่ถือ แล้วอีกอย่างหนูไอก็ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับใคร ตามกฎหมายแล้วถือว่าหนูไอยังโสด นั่นก็แปลว่าพี่ไม่ได้ไปแย่งภรรยาของใคร” ไอรักควันออกหูกับคำตอบที่ได้ “คุณธีร์ภาณุ นี่เราพูดกันดีๆ ไม่ได้เลยใช่ไหม คุณไม่เข้าใจเลยว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วจะมาแต่งงานกันได้ยังไง ฉันชอบสีอะไร ชอบทานอะไร ชอบดูหนังประเภทไหน คุณรู้ไหม...มันเป็นสิ่งที่คนที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันต้องรู้ ถ้าเราแต่งงานกันไปชีวิตคู่ของเราต้องไปไม่รอดแน่ๆ”“อย่างน้อยพี่ก็รู้ว่าหนูไอไซซ์สามสิบสี่คัพซี” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะปรายตามองไอรัก หญิงสาวโกรธจนหน้าแดง เริ่มคิดได้ว่าตอ
“ปล่อยนะ คุณจะมาฉวยโอกาสทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ” ธีร์ภาณุนิ่งเงียบ จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโต ผู้คนที่สัญจรไปมามองอย่างสนใจใคร่รู้...เรื่องของชายหนุ่มตัวโตกับหญิงสาวตัวเล็ก ที่กำลังกอดรัดกันอยู่ข้างถนน อีกฝ่ายดิ้นรนขัดขืนอีกฝ่ายกลับกอดรัดไว้แน่นอย่างจงใจ ไอรักเพิ่งสังเกตใบหน้าของชายหนุ่มในระยะชิดใกล้ แววตาจริงจังคิ้วเข้ม ใบหน้าสะอาดสีเข้มเล็กน้อยอย่างคนทำงานกลางแจ้ง มีไรของหนวดเคราขึ้นบางๆ จมูกโด่งรับกับใบหน้าคมเข้ม ริมฝีปากหนาได้รูปเวลาขยับพูดก็ดูแล้วเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์อยู่เหมือนกันนะ นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ ไอรักสะบัดหน้าไล่ความคิดที่ไม่ได้เรื่องของตนเองออกไป เชิดหน้ามองชายหนุ่มอย่างถือดี ไม่ได้รู้เลยว่าใบหน้านวลผ่อง พวงแก้มสีชมพูระเรื่อ แววตากลมโตกับจมูกรั้นนิดๆ และริมฝีปากบางของเธอ จะทำให้คนที่จ้องมองมาต้องถอนหายใจ เพราะต้องควบคุมตัวเองที่จะไม่ล่วงเกินเธอ ในขณะที่ยังไม่ถึงเวลา ต่างคนต่างจ้องตากันอย่างเอาเรื่อง “หนูไอ ขึ้นรถเดี๋ยวนี้” ธีร์ภาณุออกคำสั่งอย่างหัวเสีย เขาเริ่มเหนื่อยกับความดื้อรั้นของไอรัก หรือจะสั่งสอนตามแบบของเขาสักครั้งให้หลาบจำไปเลยดีไหมนะ
ธีร์ภาณุถอนหายใจ มองดูหญิงสาวที่นอนหลับตาพริ้ม เวลาที่เธอหลับตาก็ดูน่ารักดีอยู่หรอก บางทีถ้าปรับความเข้าใจกันได้ และถ้าเขากับเธอได้คุยกันดีๆ มากกว่าการพูดหนึ่งคำแต่เถียงกันซะสามคำแบบนี้ อะไรก็คงจะดีขึ้น จะทำอย่างไรดีล่ะ ธีร์ภาณุยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อคิดแผนการบางอย่างได้ เขาขับรถต่อไปเรื่อยๆอย่างอารมณ์ดี เมื่อถึงทางแยกก่อนจะถึง ‘ท่าข้าวธงชัย’ ชายหนุ่มหักพวงมาลัยรถเลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางสายเล็กๆ ที่มีป้ายบอกทางไป... ‘ไร่แสงตะวัน’ โดยที่คนนอนหลับอยู่ข้างๆไม่ได้รู้ตัวเลยว่า จุดหมายปลายทางได้ถูกเปลี่ยนไปแล้ว“หนูไอตื่นได้แล้วครับ ถึงแล้ว” เสียงทุ้มของชายหนุ่มที่ดังอยู่ข้างหู ปลุกไอรักให้ตื่นจากการหลับใหล “ถึงบ้านคุณลุงแล้วหรือคะ” ไอรักพูดพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้นมอง ไปข้างหน้าแล้วก็หันมองรอบข้าง สุดท้ายหันไปจ้องตาผู้ชายตัวโต ที่ยืนอมยิ้มและจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว “นี่มันที่ไหน คุณพาฉันมาที่ไหนเนี่ย” เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็เริ่มก่อสงครามประสาทโวยวายทันที “ไร่แสงตะวัน” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับเปิดประตูก้าวลงจากรถ เขายืนบิดร่างกายเพื่อไล่ความเมื่อยที่นั่งขับรถมาเป็นเวลานาน ไอ
เมื่อเข้ามาถึงภายในบ้าน เธอจึงรู้ว่าประตูและหน้าต่างบานใหญ่แต่ละบานเป็นกระจกบานเลื่อน ผ้าม่านสีขาวนวลส่งผลให้ภายในบ้านแลดูสว่าง มีประตูด้านหนึ่งของบ้านเชื่อมต่อกับระเบียงกว้างๆที่มีโต๊ะกลมสีขาว พร้อมกับเก้าอี้อีกสองตัว มองเลยผ่านไปเห็นทิวเขาเป็นแนวอยู่ไกลๆ ไอรักเดินไปที่ระเบียงสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆแล้วผ่อนออกช้าๆ หญิงสาวคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตตัวเองในวันนี้ นี่เธอกำลังฝันอยู่หรือเปล่า เมื่อเช้าเธออยู่ที่บ้านของตนเอง แต่ตอนนี้เธอมาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วทำไมเธอต้องมาที่นี่ด้วย เพราะอีตาธีร์ภาณุนั่นคนเดียว อยากจะร้องไห้เสียจริงๆ อยากจะบอกป๊าให้ได้รู้ว่า เจ้าบ่าวที่ป๊าเลือกให้ไม่ได้ถูกใจลูกสาวคนนี้เลยสักนิด“นายหญิงคะ เชิญข้างในเถอะค่ะ ย่างเข้าหน้าหนาวอย่างนี้พอแดดร่มลมตกอากาศจะเย็นมาก วันนี้ลมหนาวพัดแรง เดี๋ยวจะไม่สบายได้นะคะ” ป้าบัวพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง“ค่ะป้าบัว” ไอรักเหนื่อยมาทั้งวันแล้วเธอไม่อยากจะพูดอะไร ตอนนี้เธออยากพักผ่อน“ป้าเตรียมน้ำอุ่นให้แล้ว นายหญิงอาบน้ำก่อน แล้วค่อยมาทานข้าวนะคะ ป้าจะทำกับข้าวให้สุดฝีมือเลยค่ะ ห้องน้ำอยู่ทางด
“พี่ไม่ได้พูดอะไรเลยนะหนูไอ คุณพ่อกับคุณแม่ท่านคิดไปเองต่างหาก” พูดจบธีร์ภาณุก็จับจ้องที่ดวงหน้ามน ด้วยแววตาที่คล้ายๆกับยิ้มล้อเลียน จนคนถูกมองจับสังเกตได้ ไอรักกลอกตาไปมาใช้ความคิดสักครู่แล้วก็เริ่มนึกได้ว่า ตนเองเดินตามธีร์ภาณุเข้ามาในห้องของเขา ไวเท่าความคิดหญิงสาวหันหลังกลับ ออกตัวเร็วราวกับวิ่งแข่งร้อยเมตร แต่ไม่เป็นไปดังใจหวัง เธอไปไม่ถึงเส้นชัย ลำแขนกลมกลึงที่เหยียดออกจนสุดหมายมาดว่าจะจับลูกบิดเปิดประตู ยังคงค้างอยู่กับที่ทั้งที่อยู่ใกล้แค่คืบ แต่เธอกลับคว้ามันไม่ถึง เนื่องจากคนที่แขนยาวกว่าใช้แขนเพียงข้างเดียวโอบเอวบางจากด้านหลัง แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้คนที่ตัวเล็กกว่าหยุดกึกอยู่กับที่ ไอรักจึงเปลี่ยนมาเป็นเริ่มใช้มือกวัดแกว่งเพื่อทำร้ายเจ้าของแขนแข็งแรงนั้น“เราเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้วนะหนูไอ คืนนี้เราควรนอนหลับพักผ่อนเอาแรง วันข้างหน้ามีงานใหญ่รอเราอยู่นะ”“งานพี่ธีร์คนเดียวน่ะสิ หนูไอไม่รับรู้อะไรด้วยทั้งนั้น” คนถูกกอดตวาดแหวเสียงดังลั่น ธีร์ภาณุใช้มือทั้งสองข้างจับตัวไอรักหมุนกลับมาเผชิญหน้ากัน“คืนนี้พี่จะไม่ทำอะไรหนูไอทั้งนั้น วางใจได้ พี่ขอสัญญา
“ครับแม่...ผมกับหนูไอสัญญาว่า จะไม่ทำให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วงเหมือนพี่ไทอย่างแน่นอนครับ จริงไหมครับหนูไอ?” ไอรักหันมองหน้าธีร์ภาณุที่ตอนนี้ส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ หญิงสาวยิ้มอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะตอบรับ“ค่ะ” คุณกานดายิ้มให้กับลูกชายและลูกสะใภ้คนเล็ก ก่อนที่จะถามถึงความคืบหน้าเรื่องการจัดงานแต่งงาน“แล้วเรื่องงานแต่งล่ะตาธีร์ เตรียมอะไรไปถึงไหนแล้ว”“เรื่องนี้ผมกับหนูไอคุยกันมาแล้วครับ เราขอจัดงานเล็กๆก็พอครับคุณแม่ เชิญเฉพาะที่สนิทและคุ้นเคย เนอะ...หนูไอ” คนพูดยิ้มหวานเมื่อหันหน้ามาสบตาคนนั่งข้างๆเพื่อขอความคิดเห็น ไอรักอยากจะกระโดดขึ้นคร่อม แล้วเอามือตะกุยหน้าผู้ชายที่นั่งข้างๆเสียจริง แต่ก็ทำได้เพียงฝืนยิ้มแล้วสบตาคนที่ถามมาด้วยสายตาเกรี้ยวกราดแทบจะถลนออกมา“ว่ายังไงล่ะจ๊ะหนูไอ” คุณกานดาถามย้ำกับว่าที่เจ้าสาว“เอ่อ...” ไอรักอ้าปากจะพูดแต่ก็มีคนเร็วกว่าพูดแทรกขึ้นมา“หนูไอน่ะยังไงก็ได้อยู่แล้วครับคุณแม่ แต่เราจะจัดงานให้เร็วที่สุดนะครับ ผมไม่อยากให้น้องเสียหาย ”“มันแน่นอนอยู่แล้ว แม่ดูฤกษ์ให้แล้ว ก็ตั้งแต่เม
ไอรักอาบน้ำเสร็จแล้วจึงแง้มประตูห้องน้ำออกมา กวาดสายตามองทั่วห้องไม่พบธีร์ภาณุ จึงผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอก ก็ตอนนี้ไอรักอยู่ในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันร่างกายอยู่ เพราะไม่ได้เตรียมชุดเข้าไปในห้องน้ำด้วยหญิงสาวรีบก้าวเท้าเร็วๆเดินตรงไปที่โต๊ะมุมห้อง มือบางรื้อๆค้นๆหาเสื้อผ้าที่เพิ่งไปซื้อมา แต่พอเลือกได้ตัวหนึ่งก็ลังเลอยากใส่อีกตัวหนึ่ง มือซ้ายจับชุดเดรสสั้นแขนกุดสีเหลืองนวลเป็นผ้าชีฟองพลิ้วสวย มือขวาจับจั๊มป์สูทขายาวสีเขียวหม่น หญิงสาวชูชุดทั้งสองตัวสลับกันไปมา ชั่งใจตัวเองอยู่ว่าจะเลือกใส่ชุดแบบไหนดี“พี่ว่าหนูไอใส่ชุดไหนก็น่ารักทั้งนั้นแหละครับ” ไอรักสะดุ้งเฮือก ไม่กล้าจะหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียง หญิงสาวยืนตัวแข็งทื่อกอดเสื้อผ้าไว้แนบอก รู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง นึกอยากจะเขกศีรษะตัวเองจริงๆ ธีร์ภาณุเดินเข้ามาประชิดด้านหลังแล้วก้มลงกระซิบที่ข้างหูไอรัก“หรือถ้าไม่ใส่เลยก็คงจะน่ารักที่สุด”ไอรักหลับตาปี๋หดคอลงโดยอัตโนมัติ ธีร์ภาณุยิ้มให้กับอาการของหญิงสาว“ตัวหนูไอหอมจัง” ธีร์ภาณุไม่พูดเปล่า จมูกโด่งโฉบลงที่แก้มนวลอย่างรว
“ไปพักผ่อนก่อนเถอะหนูไอ ไม่ต้องเกรงใจอะไรนะ บ้านหลังนี้ก็เหมือนบ้านหนูไอนั่นแหละ ไปตาธีร์พาน้องไปพักผ่อนอาบน้ำอาบท่าจะได้สบายเนื้อสบายตัว แล้วค่อยมาทานอาหารเย็นพร้อมกันนะ”ธีร์ภาณุเดินนำหน้าและจูงมือไอรัก จนเดินมาถึงหน้าประตูห้องของตนเอง น้าเรียมที่คุณกานดาสั่งให้มาจัดห้องเปิดประตูออกมาพอดี“น้าจัดห้องให้เรียบร้อยแล้วนะคะนายเล็ก ต้องการอะไรเพิ่มเติมไหมคะ” ธีร์ภาณุยิ้มให้น้าเรียม“ขอบคุณครับน้าเรียม เดี๋ยวช่วยไปขนของในรถขึ้นมาไว้ที่ห้องให้ด้วยนะครับ”“ค่ะ” น้าเรียมรับคำ แล้วก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนเดินจากไป ธีร์ภาณุเปิดประตูเดินเข้าห้อง แต่คนที่ถูกจูงมือกลับยืนตัวแข็งทื่อไม่เดินตาม“หนูไอนี่ดื้ออีกแล้วนะครับ” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับส่ายหน้า“ไม่ค่ะ หนูไอไม่นอนกับพี่ธีร์ ปล่อยก่อนค่ะ” ธีร์ภาณุปล่อยมือไอรัก แล้วเปลี่ยนเป็นใช้สองแขนรวบรวบเอวบางอย่างรวดเร็วดึงเข้ามาในห้อง พร้อมกับปิดล็อกประตูทันที“ว้าย!” ไอรักอุทานอย่างตกใจ เมื่อชายหนุ่มปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระ หญิงสาวเริ่มพยายามหาทางออกจากห้อง แต่ธีร์ภาณุตัวใหญ่กว่ายืนกอดอกขวางประตูไว้“พี
ไอรักค้อนขวับเม้มปากแล้วนั่งนิ่ง จนกระทั่งธีร์ภาณุพารถเลี้ยวเข้าซุ้มประตูไม้แล้วจอดรอก่อนจะบีบแตร สักครู่ประตูไม้บานใหญ่ก็ถูกเปิดออกโดยชายหนุ่มวัยกลางคน ธีร์ภาณุขับรถเข้าไปตามทางเล็กๆบริเวณบ้าน ซึ่งเป็นบ้านทรงไทยประยุกต์หลังใหญ่ ด้านหน้ามีบันไดไม้ขึ้นสู่ด้านบนของตัวบ้านชายหนุ่มวัยกลางคนที่เปิดประตูให้เมื่อสักครู่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาธีร์ภาณุ และมองไอรักอย่างสงสัย“คุณพ่ออยู่ไหมน้าสุด?” ธีร์ภาณุเอ่ยถามพร้อมกับมองไปรอบๆบริเวณบ้าน“นายท่านยังไม่กลับมาครับ คุณกานดาอยู่บนเรือนครับ” ชายคนที่ชื่อน้าสุดยืนเอามือกุมเป้ากางเกงก้มศีรษะเล็กน้อยขณะตอบคำถาม“แล้วพี่ไทล่ะ” ธีร์ภาณุถามหาพี่ชายคนเดียวของเขา“นายใหญ่ยังไม่กลับมาครับ” น้าสุดตอบคำถามและก็ยังคงก้มศีรษะเล็กน้อยเหมือนเดิม“น้าสุดเอารถผมไปเก็บให้ด้วยนะครับ แล้วก็บอกน้าเรียมว่าให้จัดอาหารเย็นเผื่อผมกับหนูไอภรรยาของผม เพิ่มอีกสองที่นะครับ” น้าสุดทำสีหน้างงเล็กน้อย ก่อนจะชำเลืองมองไอรักด้วยสีหน้าสงสัย ไอรักยิ้มให้ชายวัยกลางคนเป็นการทักทาย น้าสุดก้มศีรษะคำนับให้เธอ พร้อมกับกล่าวรับคำสั่งจากธีร์ภาณุ
ธีร์ภาณุยิ้มใส่ตาภรรยาที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ แล้วหันไปยิ้มกว้างให้รสิตาก่อนจะพูดว่า“อร่อยทุกอย่างครับ แต่คงเพราะว่าหนูไอกำลังท้องอยู่น่ะครับ ก็เลยทานอะไรแล้วไม่ถูกปากสักอย่าง จริงไหมครับหนูไอ”ไอรักอ้าปากค้างหันมองหน้ารสิตายิ้มแบบฝืนๆ ก่อนจะหันกลับมามองคนที่นั่งข้างๆ แล้วส่งสายตาที่บ่งบอกว่าไม่พอใจ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิกที่ต้นขาของธีร์ภาณุอย่างแรง“โอ๊ย!” ธีร์ภาณุอุทานเสียงดัง“เป็นอะไรคะคุณธีร์” รสิตาถามพร้อมกับเลิกคิ้วทำหน้าสงสัย“ไม่เป็นไรครับ” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับเหยียดแขนออกโอบไหล่คนนั่งข้างๆดึงเข้าหาตัวเอง ไอรักตกใจเล็กน้อย เงยหน้ามองดูคนตัวโตอย่างเอาเรื่อง ชายหนุ่มฉวยโอกาสประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากมนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันหน้ามาทางรสิตา“คือหนูไอเขาเขินน่ะครับ ยังไม่อยากให้ผมบอกเรื่องนี้กับใคร แต่ผมก็อดที่จะพูดไม่ได้ จะเป็นพ่อคนทั้งที ใครๆก็อยากโชว์ว่าตัวเองมีความสามารถทั้งนั้นแหละครับ คุณแนนว่าไหมครับ” ธีร์ภาณุพูดจบก็หันมายิ้มกว้างให้คนที่อยู่ในอ้อมแขน แล้วหันไปยิ้มให้รสิตาที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามของโต๊ะอาหาร“ค่ะ” รสิตาตอบรับสั
“ไปกันเถอะครับ ไปซื้อของกัน” ธีร์ภาณุคว้าหมับเข้าที่ข้อมือบางแล้วดึงให้ลุกขึ้นยืน ไอรักมองหน้าผู้ชายตัวโตอย่างไม่พอใจ“ปล่อยค่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย“ดื้ออีกแล้วนะครับ” ไอรักค้อนขวับ“หนูไอเดินเองได้ค่ะ” ไอรักเดินนำหน้าธีร์ภาณุตรงไปที่รถสปอร์ตคันหรูที่จอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะเดินตามไอรักไป“เดี๋ยวเราแวะซื้อของกันก่อนนะครับ แล้วเที่ยงนี้พี่จะพาไปทานข้าวบ้านคุณแนน” ไอรักมองหน้าคนขับรถแต่ไม่พูดอะไร ธีร์ภาณุชำเลืองดูหญิงสาวแล้วพูดต่อ“หนูไอต้องซื้อชุดอีกหลายชุดนะ แล้วก็ของใช้ส่วนตัวด้วยนะครับ” ไอรักเงียบจนคนที่พูดอยู่ฝ่ายเดียวแปลกใจ“หนูไอเป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ”“ไม่เป็นไรนี่คะ แต่กำลังคิดว่าในโปรแกรมวันนี้ พี่ธีร์จะพาหนูไอไปพบคุณลุงหรือเปล่า” ธีร์ภาณุยิ้มกว้าง“แล้วหนูไออยากไปไหมล่ะครับ” ไอรักเชิดหน้ามองไปข้างหน้าก่อนจะตอบ“อยากไปค่ะ หนูไออยากไปตกลงกับคุณลุงเรื่องของเราค่ะ”“ครับ เราจะแวะหาคุณพ่อก่อนกลับไร่แสงตะวันนะครับ”รถสปอร์ตขอ
ชายทั้งสองคนหน้าเสีย และพยายามขอร้องผู้เป็นนาย หากแต่แววตาเด็ดเดี่ยวและคาดโทษที่จ้องมองมาทำให้ทั้งสองก้มหน้านิ่ง“เก็บของแล้วออกจากไร่ก่อนเที่ยง” น้ำเสียงที่เด็ดขาดทำให้ทุกคนเงียบกริบธีร์ภาณุพูดจบก็กวาดสายตามองดูคนงาน ด้วยสายตาที่ดุดันอีกครั้ง คนงานในไร่ต่างรู้ดีว่า นายเล็กของพวกเขาเป็นคนจริงจังและเด็ดขาด แต่ทว่าก็เป็นเจ้านายที่ใจดีและรักลูกน้องมากเช่นเดียวกัน หากใครทำดีก็จะได้รับการตอบแทนที่คุ้มค่า แต่หากใครทำผิดกฎก็จะไม่มีที่ยืนในไร่โดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น ทุกคนจึงทั้งรักและยำเกรงผู้เป็นนายคนนี้มาก“เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเองได้ ลุงมิ่งขอกุญแจรถจี๊ปด้วยครับ ผมจะเข้าไปตรวจในไร่”ธีร์ภาณุพูดจบก็เดินเร็วตรงไปยังโกดังใหญ่ จนลุงมิ่งวิ่งตามแทบไม่ทันไอรักอยู่ในชุดเดรสสีขาวสายเดี่ยว หญิงสาวนั่งรอธีร์ภาณุที่นัดว่าจะพาไปซื้อของในตัวเมือง อยู่ระเบียงหน้าบ้าน เมื่อเห็นรถคันหรูสีแดงวิ่งเข้าใกล้ตัวบ้านจึงลุกขึ้นมอง จนรถจอดเทียบบริเวณสวนดอกไม้ใกล้บ้านหญิงสาวที่ก้าวลงจากรถด้วยท่าทางมั่นใจดูแล้วคุ้นตา เธออยู่ในชุดเดรสสั
“ซวยกันหมดล่ะทีนี้”ไอรักเพิ่งนอนหลับได้ไม่นาน แต่ก็ต้องรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่เริ่มจะคุ้นหู“หนูไอเปิดประตูให้พี่หน่อยครับ” เสียงทุ้มของธีร์ภาณุทำให้หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง เดินมาเอาหูแนบประตูฟังชัดๆ“หนูไอเปิดประตูให้พี่ด้วยครับ” ไอรักรู้แล้วว่าเป็นเสียงธีร์ภาณุ แต่กำลังชั่งใจว่าจะเปิดดีหรือไม่ เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้หญิงสาวไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายตัวโตเจ้าของเสียงเรียกเอาเสียเลย ในขณะที่กำลังคิดอยู่ว่าจะเปิดประตูดีหรือเปล่า หญิงสาวก็ได้ยินเสียงกุกกักที่ประตูห้อง แล้วประตูก็ถูกเปิดออก คนตัวเล็กกว่าได้แต่ยืนเหวออ้าปากค้าง เมื่อคนตัวโตชูลูกกุญแจขึ้นพร้อมกับยักไหล่แล้วยิ้มแบบกวนๆ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องแล้วปิดล็อกประตูทันที“พี่ก็แค่อยากลองใจว่า หนูไอจะใจร้ายกับพี่แค่ไหน ว่าจะไม่ทำอะไรแล้วนะ อย่างนี้ต้องลงโทษคนใจร้ายให้สาสม” ไอรักถอยหลังกรูด แต่ช้ากว่าผู้ชายตัวโตเหมือนเดิม ท่อนแขนแข็งแรงและอ้อมกอดที่เริ่มจะคุ้นเคย คว้าหมับเข้าที่เอวบาง หญิงสาวพยายามขืนตัวโดยใช้มือยันแผ่นอกกว้างไว้“พี่ง่วงจังเลย หนูไอนอนเป็นเพื่อนพ