“คืนนี้ผมจะนอนที่นี่นะครับลุงมิ่ง ลุงไปพักผ่อนเถอะครับ เหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว ไม่ต้องเอารถไปเก็บนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปดูในไร่อีกที อ้อ!พรุ่งนี้เช้าลุงมิ่งช่วยไปเอาเอกสารที่โต๊ะทำงานของผม ที่บ้านคุณพ่อให้ด้วยนะครับ เอามาทั้งหมดเลยนะครับที่วางอยู่บนโต๊ะ ผมจะรีบเคลียร์เอกสารให้พี่ไท”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปเอาให้แต่เช้าเลยครับ” เมื่อจบการสนทนาลุงมิ่งก็เดินเลี่ยงออกไปทางบ้านพักคนงาน ธีร์ภาณุมองตามครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังเดินขึ้นบันไดบ้านไป
หลังจากเปิดประตูบ้านเข้าไปธีร์ภาณุเอื้อมมือไปกดเปิดสวิตซ์ไฟ เขารู้สึกแปลกๆเมื่ออยู่ในห้องกว้างที่เมื่อก่อนเคยอยู่คนเดียวได้ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเหงาอย่างประหลาด ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็กๆที่เพิ่งใกล้ชิดกันไม่นานจะมีอิทธิพลกับความรู้สึกของเขามากถึงขนาดนี้ เสียงเล็กๆที่คอยต่อล้อต่อเถียงดังก้องเข้ามาในหู กลิ่นกายหอมกรุ่นของไอรักลอยวนขึ้นมาในห้วงความคิด ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเองพร้อมกับส่ายศีรษะเบาๆ คืนนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะขับรถกลับได้ และพรุ่งนี้ก็คงมีงานอีกหลายอย่างในไร่ให้เขาต้องสะสางแต่เช้า ธีร์ภาณุจ
กลับกลายเป็นความเงียบเข้ามาแทนที่ ลูกน้องทุกคนต่างรู้ดีว่าห้องทำงานของไทธรณ์เป็นเขตหวงห้ามเด็ดขาด หากไม่ได้รับอนุญาตจะไม่มีใครย่างกรายเข้าไป จะมีก็เพียงแต่คนตัวเล็กๆสาวมั่นช่างเจรจาอย่างรสิตาคนเดียวเท่านั้น ที่ไม่ว่าจะมาเมื่อไรก็ไม่เคยเคาะประตูขออนุญาต หญิงสาวจะถือวิสาสะเปิดประตูห้องทำงาน แล้วเดินเข้าไปทักทายเจ้าของห้องทำงานด้วยเสียงใสๆ พูดเจื้อยแจ้ว โดยไม่สนใจหน้าเคร่งขรึมของชายหนุ่ม ซึ่งหลังจากวันนั้นแล้วทุกครั้งที่มีคนเคาะประตูห้องทำงาน หรือเปิดประตูเข้ามาเขาจะยิ้มรับ เพราะนึกว่าเป็นรสิตา แต่ก็กลับผิดหวังไปเสียทุกครั้งจนถึงวันนี้ที่เขาไม่สามารถทนเสียงเรียกร้องของหัวใจตนเองได้ จากที่เคยเป็นคนเคยนิ่งเฉย ก็เลยอยู่เฉยไม่ได้ เพราะคนที่จะทรมานหัวใจตายน่าจะเป็นเขาเองนั่นแหละ หากแต่เขาพยายามติดต่อไปแต่รสิตาก็ไม่ยอมรับสาย“สวัสดีค่ะนายใหญ่” เสียงหญิงสาวในชุดวาบหวิวสองคนดึงไทธรณ์ให้กลับมาจากภวังค์ หญิงสาวสวยและเซ็กซี่ทั้งสองนั่งลงบนโซฟาประกบเขาทั้งซ้ายและขวา จงใจใช้หน้าอกอวบอึ๋มเบียดกระแซะที่แขนแกร่งทั้งสองข้าง“เอ่อ...ผมไม่ได้เรียกใช้บริการนี้นะครับ”
“คุณแนนครับ”“คะ” รสิตาหันกลับมายิ้มหวานให้กับผู้ชายตรงหน้า“ดื่มครับ หมดแก้ว เพื่อมิตรภาพของเราในคืนนี้” ชายหนุ่มยกแก้วยื่นมาข้างหน้าเล็กน้อย รสิตาจึงยกแก้วเครื่องดื่มของเธอขึ้นมาแตะเบาๆกับแก้วของเขา“หมดแก้วนะครับ”“ค่ะ” หญิงสาวดื่มไวน์ในแก้วจนหมดแล้วคลี่ยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม รสิตาวางแก้วลงแล้วหันไปมองที่โต๊ะของไทธรณ์ แต่ก็พบเพียงโต๊ะว่างเปล่า หญิงสาวเหลียวหน้าเหลียวหลังมองหาเขาแต่ก็ไม่พบ“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณแนน”“เอ่อ...ดึกมากแล้วแนนขอตัวกลับก่อนนะคะ ขอบคุณคุณกฤษณ์มากนะคะสำหรับคืนนี้” รสิตาผุดลุกขึ้นยืนตั้งใจว่าจะรีบวิ่งตามไทธรณ์ออกไป เธอคิดว่าเขาคงไปที่ลานจอดรถแล้ว แต่หญิงสาวกลับรู้สึกเวียนศีรษะจนเซไปกระทบร่างของชายหนุ่มที่รอท่าอยู่แล้ว“เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณแนน” น้ำเสียงของชายหนุ่มฟังดูราวกับว่าห่วงใยเธอ ทั้งที่ในความเป็นจริงเขาแอบยิ้ม และยักคิ้วให้กับกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกัน แต่เลี่ยงไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่งหลังจากที่รสิตาเดินเข้ามาเสนอตัวขอร่วมโต๊ะด้วย กลุ่มเพื่อนสี่ห้าคนต่างยกนิ้วโป้งให้แล้วทำท่าพยักพเยิด“กลับกันเถอะครับ”
“พี่ไทช่วยแนนด้วย” รสิตาพาตัวเองขึ้นไปนั่งอยู่บนตักของไทธรณ์ทั้งร่าง สะโพกหนั่นแน่นหน้าอกอวบอิ่มร่างนุ่มนิ่มทั้งร่างแนบชิดกายแกร่งไปทุกส่วน หญิงสาวบิดกายเร่าๆความต้องการจากการถูกวางยากระตุ้นอารมณ์ดิบพุ่งทะยานจนควบคุมตัวเองไม่ได้ มือบางคล้องคอไทธรณ์ไว้แน่น ริมฝีปากบางพยายามแต้มไต่ไล้เลียไปตามใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่ม“แนนตั้งสติหน่อยครับ แนน...” เสียงของไทธรณ์หายไปเมื่อริมฝีปากบางทาบทับริมฝีปากหนาได้รูปของเขา ชายหนุ่มเข้าใจดีว่ารสิตาถูกวางยา และตอนนี้เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงนี้ได้เลย เขาตัดสินใจจูบตอบคนที่กล้าดีมาเริ่มรุกรานเขาก่อน จุมพิตเบาๆอ่อนละมุนแสนหวานไม่สามารถตอบสนองความต้องการของหญิงสาวได้เลย เธอครางประท้วงเขาอยู่ในลำคอ เรียกร้องให้เขาทำอะไรที่มากกว่านี้ ร่างกายเบียดกระแซะอย่างเว้าวอนไทธรณ์ถอนริมฝีปากออกจ้องมองดวงหน้าของรสิตา ที่แสดงออกว่าขัดใจกับสิ่งที่เขาทำให้ มันไม่พอกับความต้องการของเธอ หญิงสาวกำลังทรมานต้องการปลดปล่อย ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง ก่อนจะประกบริมฝีปากลงบนกลับปากบางอีกครั้ง จูบที่เขามอบให้ครั้งนี้หนักหน่วงเร่าร้อนราวกับจะดู
“แนน” ไทธรณ์แทบจะหยุดหายใจเมื่อหันกลับไปมองคนตัวเล็กบนเตียงอีกครั้ง รสิตาถอดชุดสวยเหวี่ยงลงไปกองอยู่ข้างเตียง ร่างทั้งร่างมีเพียงซับในตัวจิ๋วปกปิดไว้อย่างหมิ่นเหม่ หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนา“พี่ไทขา...ช่วยแนนด้วย” ร่างบางนอนแผ่หลายั่วยวนอย่างไม่อาย และกำลังวอนขอให้เขาทำให้หลุดพ้นจากความรู้สึกทรมานเสียที ความสุขที่เธอรับรู้ไปเมื่อสักครู่ใหญ่ ไม่ได้ทำให้ความร้อนรุ่มในร่างกายลดน้อยลงเลยไทธรณ์นั่งลงบนเตียงข้างๆร่างเกือบเปล่าเปลือยที่สมส่วนของรสิตา เขามองระเรื่อยไปทั่วทั้งร่างบางที่กำลังถูกแผดเผาด้วยเพลิงปรารถนา ผิวสาวขาวอมชมพูไปทั้งร่างเมื่อต้องแสงไฟในห้อง และเขาก็รู้ดีว่าผิวเนียนนี้ลื่นมือเพียงไรเมื่อสัมผัสแตะต้อง หน้าอกอวบอิ่มที่ชูยอดท้าทายรอการดูดกลืนจากปากหนาและลิ้นสากของเขา หน้าท้องแบนราบยามสัมผัสเพื่อผ่านไปสู่ร่องกลางกลีบดอกไม้ที่แสนจะชุ่มฉ่ำนั่น หากไทธรณ์ก็ไม่มีเวลาคิดอะไรมากไปกว่านั้น เมื่อรสิตายกตัวขึ้นดึง รั้งรอบคอของเขาให้ล้มทับตัวเองรสิตาสอดมือเข้าไปในสาบเสื้อของไทธรณ์ และลูบไล้อย่างโหยหา มือบางอีกข้างรั้งท้ายทอยชายหนุ่มเข้าใกล้ และเ
ถึงแม้จะไม่สามารถกุมรอบพื้นที่แข็งแกร่งได้ทั้งหมดเนื่องจากความใหญ่โตของมัน ก่อนจะเงยหน้าสบตาชายหนุ่มพร้อมกับรอยยิ้มยั่ว ไทธรณ์ประกบปากเข้ากับเธออีกครั้ง พร้อมๆกับวางมือของตนทาบทับมือเล็ก แล้วสอนจังหวะการขยับมือที่จะให้ความสุขกับตนเอง รสิตาทำตามอย่างนักเรียนหัวไว จนไทธรณ์ต้องขบกรามจนเป็นสันนูนเพื่อข่มความเสียวซ่านไว้ เมื่อร่างของหญิงสาวบิดเร่าอีกครั้ง ชายหนุ่มก็รู้ถึงสิ่งที่รสิตาต้องการ เขาส่งนิ้วเรียวใหญ่เข้าไปสำรวจแปลงดอกไม้งามอย่างรู้งานหนุ่มสาวสองคนต่างมอบความสุขให้แก่กัน เมื่อรสิตาเพิ่มความเร็วของมือขณะที่ครอบครองความแข็งแกร่งของเขาไว้ ไทธรณ์ก็เร่งความเร็วตาม น้ำเย็นเฉียบในอ่างไม่ได้ช่วยดับอารมณ์ร้อนรักของทั้งคู่ได้เลย อีกฝ่ายเกิดจากถูกมอมยา อีกฝ่ายเกิดจากอารมณ์รักที่คุกรุ่นในใจมานาน หากแต่ไทธรณ์ก็พยายามอย่างยิ่งยวด ที่จะไม่ก้าวข้ามความต้องการของตนไปมากกว่าสัมผัสภายนอก เขาท่องไว้อยู่ในใจว่ายังไม่ถึงเวลาเสียงหวานและเสียงครางทุ้มต่ำดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน เมื่อทั้งสองจับจูงกันไปท่องวิมานแสงดาวอย่างมีความสุข ร่างบางกระตุกเกร็งผวาเข้ากอดร่างแกร่งตรงหน้าแนบแน่น สายธารอุ่
“อากาศดีจัง เอ๊ะ!มีต้นดอกปีบด้วย” ไอรักอุทานเบาๆก่อนจะก้าวลงจากศาลาทรงไทย แล้วสาวเท้าเดินตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ใบเขียวครึ้ม มีดอกสีขาวเป็นช่ออยู่เต็มต้น บริเวณใต้ต้นของมันมีดอกหล่นอยู่เต็มไปหมด สีขาวโพลนของดอกปีบที่ตัดกับสีเขียวเข้มของใบหญ้า ทำให้ดอกดูเด่นชัดยิ่งขึ้น ยิ่งเดินเข้าใกล้ไอรักก็ยิ่งได้กลิ่นหอมของมันที่ใต้ต้นปีบหญิงสาวนั่งลงกับพื้นสนามหญ้า และเก็บดอกปีบทีละดอกไว้ในมือพร้อมกับรอยยิ้ม ดอกปีบมีสีขาว ก้านดอกยาวประมาณสองนิ้ว และมีกลีบดอกสีขาวประมาณสี่ห้าแฉกเพียงชั้นเดียวบานอยู่ตรงปลายก้านดอก เป็นดอกไม้ที่ไอรักชอบมากเพราะมีกลิ่นหอมเย็นแบบไทยๆ หญิงสาวเก็บดอกปีบหลายดอกไว้ในกำมือ แล้วยกขึ้นดมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด“หอมจังเลย” ไอรักเผลอยิ้มให้กับบรรยากาศตอนสายกับดอกไม้หอมที่ชื่นชอบ ก่อนจะตื่นจากภวังค์ด้วยเสียงแหลมเล็กๆ“พี่หนูไอคะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองไปทางเสียงเล็กๆที่ได้ยิน ก่อนจะยิ้มกว้างให้กับเจ้าของเสียง“อ้าว! น้อยหน่า” เด็กหญิงน้อยหน่าวิ่งหน้าตั้งกระหืดกระหอบตรงไปหาไอรัก แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ“เป็นไงบ้างหายดีแล้วเหรอ พี่มัวแต่ยุ่งๆเรื่องโน้นเ
“เรื่องแค่นี้ไม่น่าจะว่าอะไรนะคะ รถคันนี้ก็รู้ๆกันอยู่ว่าสภาพไม่ดี แล้วจะมาว่ากันมันก็ไม่ถูกนะคะ” ไอรักพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ“นายเล็กหวงรถคันนี้มากค่ะพี่หนูไอ ลุงมิ่งไม่น่าขับมาเลย”“บ๊ะ! เอ็งนี่ ใครจะไปอยากให้มันพังล่ะวะ ก็ข้ารีบมาเอาเอกสารให้นายเล็ก เห็นรถคันนี้จอดอยู่ใกล้ๆข้าก็รีบขับมา เดี๋ยวพอนายเล็กตื่นขึ้นมาเอกสารยังไม่ถึงมือ ข้าจะโดนว่าเอาได้ เฮ้อ!แต่ดันมาทรยศเอาซะได้” พูดจบลุงมิ่งก็ถอนหายใจพร้อมกับส่ายศีรษะ“งั้นลองให้พี่หนูไอขับดูไหมล่ะลุง รถคันนี้พี่หนูไอก็เคยขับได้นะ” น้อยหน่าพูดขึ้นพร้อมกับดึงแขนไอรักเบาๆ ด้วยสายตาละห้อย“นะ...พี่หนูไอ ถือว่าช่วยลุงมิ่งนะคะ นี่ถ้าเอางานไปให้นายเล็กไม่ทันก่อนตื่นล่ะก็ ลุงมิ่งต้องโดนเอ็ดแน่ๆเลย แล้วนายเล็กก็ต้องหักเงินเดือนลุงมิ่ง หรือไม่ก็อาจจะไล่ออก เพราะทำงานไม่เสร็จตามสั่ง” น้อยหน่าพูดพร้อมกับหันไปขยิบตาให้ลุงมิ่ง ไอรักนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากขอกุญแจกับลุงมิ่ง แล้วเดินไปที่รถจี๊ปที่จอดอยู่ใกล้ๆไอรักขึ้นนั่งประจำที่คนขับ แล้วเสียบกุญแจเพื่อสตาร์ทรถ ครั้งที่หนึ่งรถไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ไอรักหันไปมอ
“พี่ขอโทษที่ไม่ดูแลแนนให้ดีกว่านี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น” น้ำเสียงสำนึกผิดและสายตาที่มองมายังรสิตาทำให้หญิงสาวหัวใจกระตุกวูบ เพราะคนที่ผิดน่าจะเป็นเธอมากกว่าที่เป็นคนเปิดโอกาสให้ผู้ชายคนนั้นไทธรณ์ขยับเข้าใกล้รสิตา หญิงสาวกระชับผ้าห่มในมือแน่นโดยอัตโนมัติ ชายหนุ่มยิ้มกับอาการนั้น มือหนาปัดปอยผมที่ระหน้าผากมน มองหญิงสาวด้วยสายตาอบอุ่นและห่วงใย ก่อนจะดึงร่างบางนุ่มนิ่มเข้ามากอดแนบอกกว้าง รสิตาเอนซบอย่างไม่เกี่ยงงอน“ขอบคุณมานะคะที่ช่วยแนนไว้” เสียงหวานพึมพำอยู่กับแผงอกกว้าง“เป็นหน้าที่ของพี่ที่จะต้องดูแลแนนด้วยชีวิตของพี่เอง พี่สัญญาว่าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายแนนได้อีก” ชายหนุ่มหญิงสาวกระชับอ้อมกอดเพื่อถ่ายทอดความรักให้กันและกัน“ไปอาบน้ำก่อนไหมครับ เดี๋ยวพี่จะไปส่งที่บ้าน ป่านนี้เจ้าสัวปรีชาพลิกแผ่นดินหาแล้วล่ะ ลูกสาวหายไปทั้งคืนอย่างนี้”“เอ่อ...”“พี่เตรียมชุดไว้ในห้องน้ำให้แล้ว ไปอาบน้ำเถอะครับร่างกายจะได้สดชื่น” ไทธรณ์ส่งยิ้มอบอุ่นให้รสิตา แต่แววตาของหญิงสาวก็ยังบ่งบอกถึงความลังเล“พี่จะหันหลังให้ โอเคไหมครับ” ไทธร
เธอนอนทับมันไว้ตอนนี้มันแข็งแกร่งดุนดันอยู่ที่ต้นขาของเธอ หญิงสาวสบสายตาสามีของตนเองที่นอนยิ้มกริ่ม ก่อนที่ริมฝีปากบางจะได้เปล่งเสียงออกมา ท่อนขาเรียวของเธอถูกขาแข็งแรงของเขาแยกออกจากกัน มือหนาจับต้นขาทั้งสองของเธอยกขึ้น แล้วกดลงเบาๆให้ร่องดอกไม้ชุ่มฉ่ำได้ครอบครองกลางความเป็นชายของตนเอง ธีร์ภาณุขบกรามแน่นเมื่อถูกความร้อนชื้นครอบครองตัวตนของเขาไว้จนมิด ไอรักจิกเล็บลงที่บ่าแกร่ง ธีร์ภาณุเลื่อนฝ่ามือกดสะโพกเต่งตึงเพื่อให้ทั้งสองแนบชิดกันลึกซึ้งยิ่งขึ้นเนิ่นนานโดยไม่ยอมทำอะไรต่อ ไอรักส่งเสียงอื้ออ้าในลำคอ เพราะตอนนี้เธอรอคอยเขา รอคอยให้ธีร์ภาณุจับจูงไปยังวิมานแสงดาว เป็นการรอคอยที่ทรมานมาก จนเธอไม่สามารถต้านทานความต้องการของตนเองได้ไอรักเริ่มขยับสะโพกของตนเอง ร่างบางสั่นไหวกับความซาบซ่านที่ค้นพบว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องรอคอยจากธีร์ภาณุก็ได้ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มอย่างสมใจ เมื่อไอรักยันกายลุกขึ้นนั่งบนตัวตนของเขา สองมือหนาเลื่อนขึ้นป่ายปัดแผ่วเบาผ่านยอดอก และบีบเคล้นอกอวบสลับไปมา สายตาคมวาวจับจ้องหน้านวลที่แหงนเงยขณะกำลังขยับเข้าออกอยู่บนกายของเขาธีร์ภาณุไม่ปล่อยให้ไอรักคุมเกมฝ่าย
“พี่รักหนูไอนะครับ” พูดจบก็ประคองหน้านวลไว้ในอุ้งมือแผ่วเบา ไอรักสบสายตาของชายหนุ่มที่มองมา หญิงสาวหลับตาพริ้ม ธีร์ภาณุจึงประทับรอยจูบแผ่วเบาที่หน้าผากมน แล้วเลื่อนมากระซิบที่ข้างหูของไอรัก“รอพี่สักครู่นะครับ อันนี้มัดจำไว้ก่อน” ไอรักยิ้มเขินธีร์ภาณุในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงนอนขายาว เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปทั่วห้อง แต่กลับไม่พบเจ้าสาวหมาดๆของตัวเอง หากแต่ชายหนุ่มสะดุดตากับประตูกระจกบานใหญ่ริมระเบียงที่ปิดไม่สนิทไอรักยืนกอดอกอยู่ริมระเบียง หญิงสาวทอดสายตาไกลออกไป สายลมหนาวพัดเบา ทำให้ผมยาวที่ถูกปล่อยเป็นอิสระปลิวไสวตามแรงลม“อุ๊ย!” เมื่อถูกสวมกอดจากด้านหลังหญิงสาวจึงอุทานด้วยความตกใจ“อากาศเย็นมากนะครับ มายืนตากลมคนเดียวระวังจะไม่สบาย” ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดแน่น ถ่ายทอดความอบอุ่นให้กับหญิงสาว ไอรักเอนศีรษะพิงกับแผงอกกว้าง และวางมือบนท่อนแขนแข็งแรงที่โอบกอดตัวเธอไว้“คืนนี้ดาวสวยนะคะ เต็มท้องฟ้าเลย”“ทุกคืนต่อจากนี้ไปจะเป็นค่ำคืนที่สวยงามสำหรับพี่เสมอ” ไอรักพลิกตัวกลับมามองชายหนุ่ม
“ป๊าเชื่อว่าได้ฝากลูกสาวไว้กับคนที่สามารถดูแลลูกสาวป๊าได้ ขอบใจธีร์มากนะที่ไม่ทำให้ป๊าผิดหวัง” ไอรักและธีร์ภาณุก้มศีรษะลงไหว้ท่านทั้งสอง เสี่ยอินตบบ่าลูกเขยเบาๆคำอวยพรต่างๆนานาของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายในการส่งตัวเข้าห้องหอ มันช่างยืดยาวนักในความคิดของธีร์ภาณุ และเมื่อประตูห้องถูกปิดลง ชายหนุ่มจึงยิ้มให้ภรรยาของตนเอง หากแต่ไอรักมัวแต่เหยียดขาออกเพราะเมื่อยขบเต็มที่ ธีร์ภาณุจึงลุกขึ้นยืนก่อนพร้อมกับยื่นมือให้ไอรัก“เมื่อยละสิ” ไอรักพยักหน้าพร้อมกับยื่นมือให้ธีร์ภาณุช่วยประคองตนเองให้ลุกขึ้น“หนูไออาบน้ำก่อนเลยนะครับ ดึกมากแล้วจะได้พักผ่อน” ไอรักทำตามอย่างว่าง่าย หญิงสาวเดินไปค้นชุดในตู้แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ อย่างรวดเร็ว จนธีร์ภาณุอดขำกับอาการของไอรักไม่ได้ด้านไทธรณ์และรสิตา พร้อมกับญาติผู้ใหญ่เดินทางกลับคฤหาสน์เจ้าสัวปรีชา หลังจากส่งตัวคู่น้องเข้าห้องหอไปแล้ว เพื่อทำพิธีส่งตัวเข้าหอ ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวคำอวยพรแก่คู่บ่าวสาว ที่นั่งอยู่บนพื้นภายในห้องหอที่ถูกประดับประดาด้วยดอกกุหลาบสีชมพู เนิ่นนานจนรสิตา แทบจะสัปหงก“พ
“บ้าน่าแก มันเป็นเรื่องขำๆ ฉันไม่เชื่อหรอก” พิมพ์รพีพรกล่าวอย่างไม่สนใจมากนัก“เหลือดอกไม้ของพี่แนน เผื่อฉันจะได้บ้าง อย่าเพิ่งไปไหนนะแก” น่านน้ำดึงแขนเพื่อนไว้ ขณะที่สาวๆยังยืนเต็มบริเวณหน้าเวที“จะโยนมาแล้วแก” น่านน้ำปรี่วิ่งเข้าไปหน้าเวทีท่ามกลางสาวๆ เธออาจจะสนใจแต่ช่อดอกไม้จนลืมระวังตัว ความเร็วของฝีเท้าบวกกับรองเท้าส้นสูงที่ไม่คุ้นชินเท่าไรนัก ทำให้เธอหกล้มหัวคะมำอยู่ในท่าคลานเข่า หัวเข่าถลอกปอกเปิก หญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆต่างเบี่ยงตัวหลบ เพราะกลัวถูกน่านน้ำดึงให้ล้มลงไปด้วยดอกไม้ช่อเล็กๆตกอยู่ตรงหน้า น่านน้ำกลอกตามองซ้ายขวา เอาวะหน้าแตกทั้งที่ก็ให้มันคุ้มหน่อย เธอตัดสินใจคว้าช่อดอกไม้ตรงหน้าขึ้นมา ก่อนจะลุกขึ้นด้วยความยากเย็น หญิงสาวเดินกะเผลกตรงไปหาเพื่อน พิมพ์รพีพรทำหน้าตาเหยเกกับท่าทางของเพื่อน เธอไม่รู้ว่าจะขำหรือจะสงสารเพื่อนดี แต่ยังไม่ทันเอ่ยอะไร น่านน้ำก็ดึงแขนเพื่อนสาวก้าวฉับๆเพื่อจะกลับไปที่โต๊ะทันที อายก็อายแต่มันแก้ไขสถานการณ์อะไรไม่ได้แล้ว เธอจึงเลือกที่จะเดินออกจากบริเวณหน้าเวทีเงียบๆ พร้อมกับกำช่อดอกไม้ในมือไว้แน่นสองสาวเดินยังไม่ถึง
“จะทำอะไร ปล่อยนะ” พิมพ์รพีพรโวยวายประท้วงเมื่อข้อมือบางถูกคว้าหมับและจับไว้แน่น“รู้ไหมว่าผู้ชายไม่ชอบให้ใครมาตราหน้าว่า ไอ้ตุ๊ด”“เหรอ ไอ้ตุ๊ด ๆๆ อุ๊บ!” เสียงของพิมพ์รพีพรถูกกลืนหายเข้าไปในปากของปลัดเมฆา ริมฝีปากหนาบดเคล้าจนพิมพ์รพีพรรู้สึกเจ็บ จนต้องเปิดปากตัวเองรับลิ้นร้อนร้ายกาจของชายหนุ่มอย่างไม่ได้เต็มใจนัก ร่างบางพยายามดิ้นรนจากอ้อมแขนแข็งแรงที่ตอนแรกเธอเองคิดว่าอ้อนแอ้นราวกับผู้หญิง แต่เมื่อได้สัมผัสใกล้ชิดทำให้หญิงสาวรู้ว่า มันแข็งแกร่งเหลือเกิน พิมพ์รพีพรพยายามดิ้นรน แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนกับว่าเธอยิ่งติดกับดัก ที่ถูกรัดรึงด้วยอ้อมแขนแข็งแรงของชายหนุ่ม“อ้าว! ยายพิมพ์หายไปไหนแล้วล่ะ ไม่รอกันเลย” น่านน้ำที่กลับออกมาจากห้องน้ำเมื่อไม่เห็นเพื่อนรักจึงเดินกลับเข้าไปในงาน โดยไม่ได้เอะใจว่าเพื่อนตัวเองกำลังถูกลงโทษอยู่อีกด้านของพุ่มดอกแก้วเมื่อได้ชิมความหวานจากริมฝีปากบางที่ช่างค่อนขอด ปลัดเมฆาเองกลับเคลิ้มจนไม่อยากถอนริมฝีปากออก แต่เมื่อต้องตัดใจถอนริมฝีปาก ชายหนุ่มยังไม่วายกระซิบชิดอยู่ริมฝีปากบาง“นี่คือบทเรียนสำหรับผู้หญิงตัวเล็กอย่า
“รู้สึกว่าคุณพิมพ์จะมีปัญหาคาใจจริงนะครับ” ปลัดเมฆารู้สึกกรุ่นๆขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ที่ผู้หญิงคนนี้ดูจะปักใจเชื่อว่าเขาเป็นประเภทชอบไม้ป่าเดียวกัน นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่กลางงานแต่งเพื่อนรักล่ะก็ จะจับมาจูบกระชากวิญญาณให้ถอนคำพูดให้ได้เลยล่ะ รู้จักเสือเมฆาน้อยไปเสียแล้ว“ขอโทษด้วยนะคะพี่เมฆ ยายพิมพ์เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว หนูไอเล่าให้ฟังทุกอย่างแล้ว แกยังจะสงสัยอะไรอีกเนี่ย” ประโยคท้ายๆน่านน้ำพยายามกระซิบเบาๆกับเพื่อนสาวตัวเองพิมพ์รพีพรจึงเงียบและไม่พูดอะไรต่อ ปลัดเมฆาเองที่ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงด้วยจึงเงียบด้วยเช่นกัน“คุณภูชิตครับ” ปลัดเมฆาร้องเรียกภูชิต และโบกไม้โบกมือให้สัญญาณ ภูชิตที่เพิ่งมาถึงงานจึงเดินตรงไปยังโต๊ะที่ปลัดเมฆานั่งอยู่กับสองสาวเพื่อนของไอรัก“สวัสดีครับปลัด” ภูชิตทักทายพร้อมกับยื่นมือสัมผัสกับมือของปลัดเมฆาที่ยื่นมารออยู่ก่อนแล้ว“สวัสดีครับ คุณภูชิตมีโต๊ะนั่งหรือยังครับ”“ผมเพิ่งมาถึงน่ะครับยังไม่มีโต๊ะครับ”“ถ้าคุณภูชิตไม่รังเกียจ เชิญร่วมโต๊ะกับพวกเราได้นะครับ นี่คุณพิมพ์กับคุณน้ำ เพื่อนของเจ้าสาวครับ คุณพิมพ์ คุ
ปอยผมระบ่าเนียน บนศีรษะถูกแซมด้วยดอกไม้สีฟ้าดอกเล็กๆหลายดอกเมื่อเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวขึ้นไปอยู่บนเวที พิธีกรจึงเริ่มทำหน้าที่ เชิญพ่อและแม่ของทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวขึ้นมาบนเวทีเพื่อกล่าวคำอวยพรพร้อม ทั้งถ่ายรูปหมู่ครอบครัว รอยยิ้มและเสียงหัวเราะทำให้บรรยากาศอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณงานคู่ไทธรณ์และรสิตาได้ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอตอนตีหนึ่ง โดยใช้คฤหาสน์หลังใหญ่ของเจ้าสัวปรีชาที่ไทธรณ์ย้ายสำมะโนครัวเข้าไปอยู่แล้วเป็นเรือนหอคู่ของธีร์ภาณุและไอรักได้ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอก่อนเที่ยงคืน ซึ่งคุณกานดาตกลงว่าจะใช้เวลา23.59น. เป็นฤกษ์ดี และเรือนหอที่ใช้ก็คือบ้านหลังเล็กในไร่นี้เอง ตามความประสงค์ของเจ้าบ่าวงานเลี้ยงเต็มไปด้วยความชื่นมื่นและรอยยิ้ม เจ้าบ่าวทั้งสองคอยประคับประคองดูแลเจ้าสาวของตนเองอย่างดี จนหญิงสาวที่มาร่วมงานต่างอิจฉา ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มเพื่อนไอรักสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย“สวัสดีค่ะพี่ธีร์” พิมพ์รพีพรหนึ่งในสองสาวที่มีท่าทางมั่นใจ เอ่ยทักทายเพื่อนเขย เมื่อเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเดินทักทายขอบคุณแขกเหรื่อในงานจนมาถึงโต๊ะที่พวกเธอนั่งกันอยู่
ไอรักหลับยาวแทบจะไม่รู้เรื่อง หลังจากจบงานพิธีช่วงเช้าตอนเกือบเที่ยง และถูกพาตัวมาที่ไร่เพื่อเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงกลางคืน หญิงสาวถูกกำหนดว่าให้พักผ่อน ก่อนจะลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมอีกครั้งเพียงสองชั่วโมง หากแต่คนที่เป็นเจ้าบ่าวกลับไม่ได้พักผ่อนเลย เขาต้องการตรวจงานเองทุกอย่างเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด“นายเล็ก พี่หนูไอยังไม่ออกมาจากห้องเลยค่ะ สงสัยหลับอยู่น่ะค่ะ ช่างแต่งหน้าทำผมมานั่งรอนานแล้วนะคะ” น้อยหน่าวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกชายหนุ่มขณะที่เขากำลังสั่งงานเสร็จพอดี และกำลังจะไปเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงค่ำคืนนี้“หนูไอคงเหนื่อยมาตั้งแต่เมื่อเช้าน่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเรียกให้เอง”ธีร์ภาณุเดินเร็วกลับไปยังบ้านหลังเล็กของเขา เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน บรรดาช่างแต่งหน้าทำผมที่เป็นสาวประเภทสอง ต่างก็แอบกรี๊ดอยู่ในใจเมื่อเห็นเจ้าบ่าวในระยะใกล้“ขอโทษนะครับที่ต้องรอ เดี๋ยวผมจะเรียกเจ้าสาวให้นะครับ”พูดจบธีร์ภาณุหายเขาไปในห้องนอนพร้อมกับปิดล็อกประตู ทำเอาคนที่นั่งรอแต่งหน้าเจ้าสาวที่ได้ยินเสียงล็อกประตู ต่างมองหน้ากันว่าจะ ล็อกประตูเพื่ออะไร แค่เข้
“ได้ยาดีอย่างนี้หายวันหายคืนแน่” ไอรักหยิกที่อกกว้างเบาๆ“เจ้าเล่ห์ตลอด ไปทานข้าวกันได้แล้วค่ะ ป่านนี้ป้าบัวยกสำรับมาให้แล้ว”“อีกนิดไม่ได้เหรอ?” ธีร์ภาณุออดอ้อนต่อรอง“หยุดเลยนะ อีกนิดของพี่ธีร์มันไม่เคยเชื่อถือได้เลยค่ะ ไปค่ะลุกแล้วไปทานข้าวกันจะได้ทานยา”“รู้ทันตลอด” ธีร์ภาณุลุกขึ้นจากอ่างก่อน เขาไม่อายร่างกายของตัวเอง แต่ไอรักน่ะสิ ได้แต่ก้มหน้างุดไม่กล้ามอง ทั้งที่ก็เห็นมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว“ลุกขึ้นสิครับหนูไอ พี่จะเช็ดตัวให้” ธีร์ภาณุพันผ้าเช็ดตัวที่เอวสอบ แล้วถือไว้ในมืออีกผืน ไอรักโยกโย้ไม่อยากลุกขึ้นจากอ่าง“พี่ธีร์ออกไปก่อน หนูไอเช็ดเองก็ได้ค่ะ”“ถ้าหนูไอไม่ลุกออกมาจากตรงนั้น พี่จะลงไปอีกนะ” ไม่พูดเปล่ามือหนาทำท่าจะปลดปมผ้าขนหนูที่เอวตนเองด้วย“ลุกค่ะ ลุกแล้ว” ไอรักลุกขึ้นก้าวขาเรียวอกมาจากอ่าง ธีร์ภาณุมองร่างสมส่วนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าแล้วยิ้มกริ่ม ไอรักค้อนขวับวงใหญ่“หนาวค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเบาๆ ทำให้ธีร์ภาณุต้องรีบใช้ผ้าเช็ดตัวให้ร่างนุ่มนิ่มอย่างอ้อยอิ่ง“แต่งงานแล้ว เราอาบน้ำด้วยกันทุกวันเนอะ” ไอรักตวัดส