“คืนนี้ผมจะนอนที่นี่นะครับลุงมิ่ง ลุงไปพักผ่อนเถอะครับ เหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว ไม่ต้องเอารถไปเก็บนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปดูในไร่อีกที อ้อ!พรุ่งนี้เช้าลุงมิ่งช่วยไปเอาเอกสารที่โต๊ะทำงานของผม ที่บ้านคุณพ่อให้ด้วยนะครับ เอามาทั้งหมดเลยนะครับที่วางอยู่บนโต๊ะ ผมจะรีบเคลียร์เอกสารให้พี่ไท”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปเอาให้แต่เช้าเลยครับ” เมื่อจบการสนทนาลุงมิ่งก็เดินเลี่ยงออกไปทางบ้านพักคนงาน ธีร์ภาณุมองตามครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังเดินขึ้นบันไดบ้านไป
หลังจากเปิดประตูบ้านเข้าไปธีร์ภาณุเอื้อมมือไปกดเปิดสวิตซ์ไฟ เขารู้สึกแปลกๆเมื่ออยู่ในห้องกว้างที่เมื่อก่อนเคยอยู่คนเดียวได้ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเหงาอย่างประหลาด ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็กๆที่เพิ่งใกล้ชิดกันไม่นานจะมีอิทธิพลกับความรู้สึกของเขามากถึงขนาดนี้ เสียงเล็กๆที่คอยต่อล้อต่อเถียงดังก้องเข้ามาในหู กลิ่นกายหอมกรุ่นของไอรักลอยวนขึ้นมาในห้วงความคิด ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเองพร้อมกับส่ายศีรษะเบาๆ คืนนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะขับรถกลับได้ และพรุ่งนี้ก็คงมีงานอีกหลายอย่างในไร่ให้เขาต้องสะสางแต่เช้า ธีร์ภาณุจ
กลับกลายเป็นความเงียบเข้ามาแทนที่ ลูกน้องทุกคนต่างรู้ดีว่าห้องทำงานของไทธรณ์เป็นเขตหวงห้ามเด็ดขาด หากไม่ได้รับอนุญาตจะไม่มีใครย่างกรายเข้าไป จะมีก็เพียงแต่คนตัวเล็กๆสาวมั่นช่างเจรจาอย่างรสิตาคนเดียวเท่านั้น ที่ไม่ว่าจะมาเมื่อไรก็ไม่เคยเคาะประตูขออนุญาต หญิงสาวจะถือวิสาสะเปิดประตูห้องทำงาน แล้วเดินเข้าไปทักทายเจ้าของห้องทำงานด้วยเสียงใสๆ พูดเจื้อยแจ้ว โดยไม่สนใจหน้าเคร่งขรึมของชายหนุ่ม ซึ่งหลังจากวันนั้นแล้วทุกครั้งที่มีคนเคาะประตูห้องทำงาน หรือเปิดประตูเข้ามาเขาจะยิ้มรับ เพราะนึกว่าเป็นรสิตา แต่ก็กลับผิดหวังไปเสียทุกครั้งจนถึงวันนี้ที่เขาไม่สามารถทนเสียงเรียกร้องของหัวใจตนเองได้ จากที่เคยเป็นคนเคยนิ่งเฉย ก็เลยอยู่เฉยไม่ได้ เพราะคนที่จะทรมานหัวใจตายน่าจะเป็นเขาเองนั่นแหละ หากแต่เขาพยายามติดต่อไปแต่รสิตาก็ไม่ยอมรับสาย“สวัสดีค่ะนายใหญ่” เสียงหญิงสาวในชุดวาบหวิวสองคนดึงไทธรณ์ให้กลับมาจากภวังค์ หญิงสาวสวยและเซ็กซี่ทั้งสองนั่งลงบนโซฟาประกบเขาทั้งซ้ายและขวา จงใจใช้หน้าอกอวบอึ๋มเบียดกระแซะที่แขนแกร่งทั้งสองข้าง“เอ่อ...ผมไม่ได้เรียกใช้บริการนี้นะครับ”
“คุณแนนครับ”“คะ” รสิตาหันกลับมายิ้มหวานให้กับผู้ชายตรงหน้า“ดื่มครับ หมดแก้ว เพื่อมิตรภาพของเราในคืนนี้” ชายหนุ่มยกแก้วยื่นมาข้างหน้าเล็กน้อย รสิตาจึงยกแก้วเครื่องดื่มของเธอขึ้นมาแตะเบาๆกับแก้วของเขา“หมดแก้วนะครับ”“ค่ะ” หญิงสาวดื่มไวน์ในแก้วจนหมดแล้วคลี่ยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม รสิตาวางแก้วลงแล้วหันไปมองที่โต๊ะของไทธรณ์ แต่ก็พบเพียงโต๊ะว่างเปล่า หญิงสาวเหลียวหน้าเหลียวหลังมองหาเขาแต่ก็ไม่พบ“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณแนน”“เอ่อ...ดึกมากแล้วแนนขอตัวกลับก่อนนะคะ ขอบคุณคุณกฤษณ์มากนะคะสำหรับคืนนี้” รสิตาผุดลุกขึ้นยืนตั้งใจว่าจะรีบวิ่งตามไทธรณ์ออกไป เธอคิดว่าเขาคงไปที่ลานจอดรถแล้ว แต่หญิงสาวกลับรู้สึกเวียนศีรษะจนเซไปกระทบร่างของชายหนุ่มที่รอท่าอยู่แล้ว“เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณแนน” น้ำเสียงของชายหนุ่มฟังดูราวกับว่าห่วงใยเธอ ทั้งที่ในความเป็นจริงเขาแอบยิ้ม และยักคิ้วให้กับกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกัน แต่เลี่ยงไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่งหลังจากที่รสิตาเดินเข้ามาเสนอตัวขอร่วมโต๊ะด้วย กลุ่มเพื่อนสี่ห้าคนต่างยกนิ้วโป้งให้แล้วทำท่าพยักพเยิด“กลับกันเถอะครับ”
“พี่ไทช่วยแนนด้วย” รสิตาพาตัวเองขึ้นไปนั่งอยู่บนตักของไทธรณ์ทั้งร่าง สะโพกหนั่นแน่นหน้าอกอวบอิ่มร่างนุ่มนิ่มทั้งร่างแนบชิดกายแกร่งไปทุกส่วน หญิงสาวบิดกายเร่าๆความต้องการจากการถูกวางยากระตุ้นอารมณ์ดิบพุ่งทะยานจนควบคุมตัวเองไม่ได้ มือบางคล้องคอไทธรณ์ไว้แน่น ริมฝีปากบางพยายามแต้มไต่ไล้เลียไปตามใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่ม“แนนตั้งสติหน่อยครับ แนน...” เสียงของไทธรณ์หายไปเมื่อริมฝีปากบางทาบทับริมฝีปากหนาได้รูปของเขา ชายหนุ่มเข้าใจดีว่ารสิตาถูกวางยา และตอนนี้เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงนี้ได้เลย เขาตัดสินใจจูบตอบคนที่กล้าดีมาเริ่มรุกรานเขาก่อน จุมพิตเบาๆอ่อนละมุนแสนหวานไม่สามารถตอบสนองความต้องการของหญิงสาวได้เลย เธอครางประท้วงเขาอยู่ในลำคอ เรียกร้องให้เขาทำอะไรที่มากกว่านี้ ร่างกายเบียดกระแซะอย่างเว้าวอนไทธรณ์ถอนริมฝีปากออกจ้องมองดวงหน้าของรสิตา ที่แสดงออกว่าขัดใจกับสิ่งที่เขาทำให้ มันไม่พอกับความต้องการของเธอ หญิงสาวกำลังทรมานต้องการปลดปล่อย ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง ก่อนจะประกบริมฝีปากลงบนกลับปากบางอีกครั้ง จูบที่เขามอบให้ครั้งนี้หนักหน่วงเร่าร้อนราวกับจะดู
“แนน” ไทธรณ์แทบจะหยุดหายใจเมื่อหันกลับไปมองคนตัวเล็กบนเตียงอีกครั้ง รสิตาถอดชุดสวยเหวี่ยงลงไปกองอยู่ข้างเตียง ร่างทั้งร่างมีเพียงซับในตัวจิ๋วปกปิดไว้อย่างหมิ่นเหม่ หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนา“พี่ไทขา...ช่วยแนนด้วย” ร่างบางนอนแผ่หลายั่วยวนอย่างไม่อาย และกำลังวอนขอให้เขาทำให้หลุดพ้นจากความรู้สึกทรมานเสียที ความสุขที่เธอรับรู้ไปเมื่อสักครู่ใหญ่ ไม่ได้ทำให้ความร้อนรุ่มในร่างกายลดน้อยลงเลยไทธรณ์นั่งลงบนเตียงข้างๆร่างเกือบเปล่าเปลือยที่สมส่วนของรสิตา เขามองระเรื่อยไปทั่วทั้งร่างบางที่กำลังถูกแผดเผาด้วยเพลิงปรารถนา ผิวสาวขาวอมชมพูไปทั้งร่างเมื่อต้องแสงไฟในห้อง และเขาก็รู้ดีว่าผิวเนียนนี้ลื่นมือเพียงไรเมื่อสัมผัสแตะต้อง หน้าอกอวบอิ่มที่ชูยอดท้าทายรอการดูดกลืนจากปากหนาและลิ้นสากของเขา หน้าท้องแบนราบยามสัมผัสเพื่อผ่านไปสู่ร่องกลางกลีบดอกไม้ที่แสนจะชุ่มฉ่ำนั่น หากไทธรณ์ก็ไม่มีเวลาคิดอะไรมากไปกว่านั้น เมื่อรสิตายกตัวขึ้นดึง รั้งรอบคอของเขาให้ล้มทับตัวเองรสิตาสอดมือเข้าไปในสาบเสื้อของไทธรณ์ และลูบไล้อย่างโหยหา มือบางอีกข้างรั้งท้ายทอยชายหนุ่มเข้าใกล้ และเ
ถึงแม้จะไม่สามารถกุมรอบพื้นที่แข็งแกร่งได้ทั้งหมดเนื่องจากความใหญ่โตของมัน ก่อนจะเงยหน้าสบตาชายหนุ่มพร้อมกับรอยยิ้มยั่ว ไทธรณ์ประกบปากเข้ากับเธออีกครั้ง พร้อมๆกับวางมือของตนทาบทับมือเล็ก แล้วสอนจังหวะการขยับมือที่จะให้ความสุขกับตนเอง รสิตาทำตามอย่างนักเรียนหัวไว จนไทธรณ์ต้องขบกรามจนเป็นสันนูนเพื่อข่มความเสียวซ่านไว้ เมื่อร่างของหญิงสาวบิดเร่าอีกครั้ง ชายหนุ่มก็รู้ถึงสิ่งที่รสิตาต้องการ เขาส่งนิ้วเรียวใหญ่เข้าไปสำรวจแปลงดอกไม้งามอย่างรู้งานหนุ่มสาวสองคนต่างมอบความสุขให้แก่กัน เมื่อรสิตาเพิ่มความเร็วของมือขณะที่ครอบครองความแข็งแกร่งของเขาไว้ ไทธรณ์ก็เร่งความเร็วตาม น้ำเย็นเฉียบในอ่างไม่ได้ช่วยดับอารมณ์ร้อนรักของทั้งคู่ได้เลย อีกฝ่ายเกิดจากถูกมอมยา อีกฝ่ายเกิดจากอารมณ์รักที่คุกรุ่นในใจมานาน หากแต่ไทธรณ์ก็พยายามอย่างยิ่งยวด ที่จะไม่ก้าวข้ามความต้องการของตนไปมากกว่าสัมผัสภายนอก เขาท่องไว้อยู่ในใจว่ายังไม่ถึงเวลาเสียงหวานและเสียงครางทุ้มต่ำดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน เมื่อทั้งสองจับจูงกันไปท่องวิมานแสงดาวอย่างมีความสุข ร่างบางกระตุกเกร็งผวาเข้ากอดร่างแกร่งตรงหน้าแนบแน่น สายธารอุ่
“อากาศดีจัง เอ๊ะ!มีต้นดอกปีบด้วย” ไอรักอุทานเบาๆก่อนจะก้าวลงจากศาลาทรงไทย แล้วสาวเท้าเดินตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ใบเขียวครึ้ม มีดอกสีขาวเป็นช่ออยู่เต็มต้น บริเวณใต้ต้นของมันมีดอกหล่นอยู่เต็มไปหมด สีขาวโพลนของดอกปีบที่ตัดกับสีเขียวเข้มของใบหญ้า ทำให้ดอกดูเด่นชัดยิ่งขึ้น ยิ่งเดินเข้าใกล้ไอรักก็ยิ่งได้กลิ่นหอมของมันที่ใต้ต้นปีบหญิงสาวนั่งลงกับพื้นสนามหญ้า และเก็บดอกปีบทีละดอกไว้ในมือพร้อมกับรอยยิ้ม ดอกปีบมีสีขาว ก้านดอกยาวประมาณสองนิ้ว และมีกลีบดอกสีขาวประมาณสี่ห้าแฉกเพียงชั้นเดียวบานอยู่ตรงปลายก้านดอก เป็นดอกไม้ที่ไอรักชอบมากเพราะมีกลิ่นหอมเย็นแบบไทยๆ หญิงสาวเก็บดอกปีบหลายดอกไว้ในกำมือ แล้วยกขึ้นดมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด“หอมจังเลย” ไอรักเผลอยิ้มให้กับบรรยากาศตอนสายกับดอกไม้หอมที่ชื่นชอบ ก่อนจะตื่นจากภวังค์ด้วยเสียงแหลมเล็กๆ“พี่หนูไอคะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองไปทางเสียงเล็กๆที่ได้ยิน ก่อนจะยิ้มกว้างให้กับเจ้าของเสียง“อ้าว! น้อยหน่า” เด็กหญิงน้อยหน่าวิ่งหน้าตั้งกระหืดกระหอบตรงไปหาไอรัก แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ“เป็นไงบ้างหายดีแล้วเหรอ พี่มัวแต่ยุ่งๆเรื่องโน้นเ
“เรื่องแค่นี้ไม่น่าจะว่าอะไรนะคะ รถคันนี้ก็รู้ๆกันอยู่ว่าสภาพไม่ดี แล้วจะมาว่ากันมันก็ไม่ถูกนะคะ” ไอรักพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ“นายเล็กหวงรถคันนี้มากค่ะพี่หนูไอ ลุงมิ่งไม่น่าขับมาเลย”“บ๊ะ! เอ็งนี่ ใครจะไปอยากให้มันพังล่ะวะ ก็ข้ารีบมาเอาเอกสารให้นายเล็ก เห็นรถคันนี้จอดอยู่ใกล้ๆข้าก็รีบขับมา เดี๋ยวพอนายเล็กตื่นขึ้นมาเอกสารยังไม่ถึงมือ ข้าจะโดนว่าเอาได้ เฮ้อ!แต่ดันมาทรยศเอาซะได้” พูดจบลุงมิ่งก็ถอนหายใจพร้อมกับส่ายศีรษะ“งั้นลองให้พี่หนูไอขับดูไหมล่ะลุง รถคันนี้พี่หนูไอก็เคยขับได้นะ” น้อยหน่าพูดขึ้นพร้อมกับดึงแขนไอรักเบาๆ ด้วยสายตาละห้อย“นะ...พี่หนูไอ ถือว่าช่วยลุงมิ่งนะคะ นี่ถ้าเอางานไปให้นายเล็กไม่ทันก่อนตื่นล่ะก็ ลุงมิ่งต้องโดนเอ็ดแน่ๆเลย แล้วนายเล็กก็ต้องหักเงินเดือนลุงมิ่ง หรือไม่ก็อาจจะไล่ออก เพราะทำงานไม่เสร็จตามสั่ง” น้อยหน่าพูดพร้อมกับหันไปขยิบตาให้ลุงมิ่ง ไอรักนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากขอกุญแจกับลุงมิ่ง แล้วเดินไปที่รถจี๊ปที่จอดอยู่ใกล้ๆไอรักขึ้นนั่งประจำที่คนขับ แล้วเสียบกุญแจเพื่อสตาร์ทรถ ครั้งที่หนึ่งรถไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ไอรักหันไปมอ
“พี่ขอโทษที่ไม่ดูแลแนนให้ดีกว่านี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น” น้ำเสียงสำนึกผิดและสายตาที่มองมายังรสิตาทำให้หญิงสาวหัวใจกระตุกวูบ เพราะคนที่ผิดน่าจะเป็นเธอมากกว่าที่เป็นคนเปิดโอกาสให้ผู้ชายคนนั้นไทธรณ์ขยับเข้าใกล้รสิตา หญิงสาวกระชับผ้าห่มในมือแน่นโดยอัตโนมัติ ชายหนุ่มยิ้มกับอาการนั้น มือหนาปัดปอยผมที่ระหน้าผากมน มองหญิงสาวด้วยสายตาอบอุ่นและห่วงใย ก่อนจะดึงร่างบางนุ่มนิ่มเข้ามากอดแนบอกกว้าง รสิตาเอนซบอย่างไม่เกี่ยงงอน“ขอบคุณมานะคะที่ช่วยแนนไว้” เสียงหวานพึมพำอยู่กับแผงอกกว้าง“เป็นหน้าที่ของพี่ที่จะต้องดูแลแนนด้วยชีวิตของพี่เอง พี่สัญญาว่าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายแนนได้อีก” ชายหนุ่มหญิงสาวกระชับอ้อมกอดเพื่อถ่ายทอดความรักให้กันและกัน“ไปอาบน้ำก่อนไหมครับ เดี๋ยวพี่จะไปส่งที่บ้าน ป่านนี้เจ้าสัวปรีชาพลิกแผ่นดินหาแล้วล่ะ ลูกสาวหายไปทั้งคืนอย่างนี้”“เอ่อ...”“พี่เตรียมชุดไว้ในห้องน้ำให้แล้ว ไปอาบน้ำเถอะครับร่างกายจะได้สดชื่น” ไทธรณ์ส่งยิ้มอบอุ่นให้รสิตา แต่แววตาของหญิงสาวก็ยังบ่งบอกถึงความลังเล“พี่จะหันหลังให้ โอเคไหมครับ” ไทธร
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน
“ก็ได้ครับ ผมจะให้โอกาสคุณแล้วกัน พรุ่งนี้เราจะเริ่มงานกันจริงๆเสียที หวังว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ต้องเลื่อนวันเริ่มงานอีกนะครับ” น่านน้ำคลี่ยิ้มกว้าง ยิ้มหวานบนในหน้าเนียนกับแววตาสดใสบ่งบอกว่าดีใจสุดขีด ทำให้หัวใจของภูชิตกระตุกวูบไหวอีกแล้ว“ขอบคุณมากค่ะ น้ำสัญญาว่าจะทำงานให้สุดความสามารถเลยค่ะ” ภูชิตพยักหน้ารับ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป เมื่อประตูห้องถูกปิดลง“คุณได้อยู่ต่อนะจ๊ะ คุณน่านน้ำ” น่านน้ำบอกกับตัวเองแล้วลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น โดยไม่สนใจเสื้อคลุมที่หล่นไปกองอยู่กับพื้น เธอกระทืบเท้ากรี๊ดในลำคอ ดีใจที่ยังมีโอกาสอยู่พิชิตใจเจ้านายหนุ่ม ร่างเล็กหมุนตัวอย่างมีคนมีความสุขสุดๆ จนไม่ได้ยินเสียงประตูที่เปิดออกอีกครั้ง“เอ่อ...คุณน่านน้ำผมรอทานขะ...” ภูชิตอ้าปากค้างกับภาพตรงหน้าที่ได้เห็น น่านน้ำหยุดทุกการเคลื่อนไหวอ้าปากค้างตาโตและรีบหันหลังให้คนที่โผล่หน้าเข้ามา ภูชิตรีบดึงประตูปิด เขาหอบหายใจแรงราวกับเด็กหนุ่มเพิ่งเคยเห็นเนื้อนวลสาวครั้งแรก“ขะ...ขอโทษครับ ผมรอทานข้าวนะครับ” น่านน้ำรีบวิ่งไปกดล็อกประตู ก่อนที่จะเอ่ยเสียงแผ่วเบาออกไป“ค่ะ”
ภูชิตเปิดประตูรถออกแล้ววางร่างบอบบางไว้ที่เบาะด้านข้างคนขับ มือใหญ่จับโน่นถอดนี่อย่างว่องไวไม่เว้นแม้แต่ชั้นในตัวจิ๋วสองชิ้น น่านน้ำตกใจหัวใจหล่นไปกองที่ตามตุ่ม ครั้นจะยกมือปัดป้องหรือเอ่ยปากว่าไม่เป็นไรแล้ว ก็ไม่ทันการณ์ นั่นยิ่งจะทำให้มารยาเล่มแรกที่เธองัดมาใช้ถูกเขาจับได้ เสียเชิงหญิงอย่างเธอกันพอดี คนตัวเล็กจึงจำใจหลับตาไว้อย่างนั้น โดยไม่รู้ตัวเลยว่าผิวเนื้อเนียนขาวโพลนของตัวเอง ตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงเรื่อขึ้นจนทั่วร่าง ด้วยความสะเทิ้นอาย หากแต่ภูชิตไม่ได้สังเกตเพราะเขารีบถอดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของตนมาคลุมร่างของหญิงสาวไว้ทันที และถึงจะไม่ทันได้สังเกตผิวเนื้อเนียนที่เปลี่ยนสี สายตาคมกล้าก็อดไม่ได้ที่ชำเลืองมองทรวงอกอวบอิ่มที่เคยสัมผัสมาแล้ว และรู้ว่าหยุ่นเด้งเพียงใดภูชิตรวบพันเสื้อผ้าและชั้นในเปียกน้ำเอาไปวางไว้ท้ายกระบะ ร่างใหญ่วิ่งไปเปิดประตูด้านคนขับ แล้วขึ้นนั่งประจำที่ หลังจากสตาร์ทรถแล้วภูชิตจึงรู้ว่าลืมปิดประตูอีกด้าน ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยื่นแขนยาวและโน้มตัวไปดึงประตูปิดช้าๆ กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆ
“ไร่ภูชิตนี่อากาศดี๊ดีนะคะ” น่านน้ำเอ่ยเสียงกังวานใส ยิ้มหวานระบายเต็มใบหน้าเนียน เจ้าของไร่ภูชิตมองรอยยิ้มนั้นนิ่งค้าง“คุณภูชิต คุณภูชิตคะ” น่านน้ำโบกมือไปมาตรงหน้าชายหนุ่ม ภูชิตสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเหมือนเดิม“เอ่อ...ครับ” “น้ำว่าที่นี่อากาศดี๊ดีนะคะ” ภูชิตยิ้มเล็กน้อยพยักหน้ารับ“คุณน่านน้ำชอบที่นี่ไหมครับ” คนถูกถามระบายยิ้มหวานอีกครั้ง“ชอบค่ะ เอ่อ...คุณภูชิตเรียกน้ำเฉยๆก็ได้นะคะ” ภูชิตพยักหน้ารับ“ครับคุณน้ำ” เสียงเรียกราวกับคนละเมอ“น้ำขออนุญาตเรียกคุณภูนะคะ จะได้คุ้นเคยกัน”“ครับ” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าใกล้ จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจกันและกัน บรรยากาศเบื้องหลังเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน พระอาทิตย์ดวงกลมโตกำลังจะลับขอบฟ้า ลำแสงสีส้มสาดส่องไปทั่วบริเวณไร่ภูชิต น่านน้ำหลับตาพริ้ม เอาล่ะ...อะไรจะเกิดมันก็ต
“สิน...ไอ้สิน” ภูชิตตะโกนเรียกลูกน้อง เพราะรู้ดีว่าเหล่าลูกน้องที่ติดตามเขา ต้องคอยดูและระวังความปลอดภัยให้เขาอยู่ใกล้ๆ“ครับนาย” นายสินวิ่งเร็วมาถึงหน้าเรือนไม้ ยืนเอามือกุมเป้าก้มหน้ารอฟังคำสั่ง“ไปซื้อยาลดไข้ชนิดน้ำมาให้หน่อย” ลูกน้องตัวโตทำหน้างงแปลกใจ ภูชิตจึงตวาดเสียงดัง“แกจะทำหน้างงทำไม สั่งอะไรก็ไปซื้อมาสิ”“ครับนาย ว่าแต่วันนี้นายจะเข้าไปดูในไร่ไหมครับ ผมจะได้ให้ไอ้อ๋องมันมาขับรถให้”“วันนี้คงไม่ไปไหน จะไปทำอะไรกันก็ไปเถอะ” ภูชิตพูดจบก็เดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้ลูกน้องเกาหัวแกรกๆ ปกติแล้วภูชิตจะออกสำรวจไร่ทุกวัน ‘ไร่ภูชิต’ปลูกพืชไร่หลายชนิด ไม่เคยมีสักวันที่ผู้เป็นนายจะไม่ออกไปตรวจไร่ เพราะชายหนุ่มจะมุ่งมั่นกับการทำงานให้ออกมาดีที่สุด และมักจะควบคุมการทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง หากแต่ตอนนี้ผู้เป็นนายกลับมีบางอย่างที่รั้งให้เขาอยากอยู่กับบ้าน มากกว่าการออกไปตรวจงานไร่อย่างที่เคยเป็น“คุณน้ำ...ลุกมาทานยาเถอะจ้ะ” นางแตงอ่อนปลุกน่านน้ำในตอนเที่ยงเกือบบ่ายโมง หญิงสาวปรือตามองอย่างลำบาก แต่การที่ได้นอนหลับพักผ่อนมาตลอดช่วงเช้า และได้รับการเช็ด
ภูชิตสะบัดศีรษะไล่ความคิดติดเรทออกจากสมองตัวเอง เขายืนขึ้นเต็มความสูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร แล้วก้มมองสภาพเปียกปอนของตัวเอง และหันไปมองคนบนเตียง เสื้อนอนลายคิดตี้สีชมพูเปียกแนบไปกับอกอวบ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าคิตตี้เป็นอะไรที่น่ารักมาก ยิ่งตอนนี้ที่มันสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะลมหายใจของคนที่สวมใส่อยู่ คิตตี้ช่างเป็นอะไรที่น่าค้นหาจริงๆยาก็กินไม่ได้ ตัวก็ร้อนจี๋ วิธีเดียวที่จะลดอุณหภูมิในตัวคนไข้ได้ ก็คงเป็นการเช็ดตัวสินะภูชิตกลับเข้ามาในห้องของน่านน้ำอีกครั้งในชุดใหม่ พร้อมกับกะละมังใบเล็กและผ้าขนหนู ชายหนุ่มยืนมองร่างของคนบนเตียงแล้วถอนหายใจ เขาวางกะละมังไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง ร่างสูงนั่งลงบนเตียงชิดร่างของหญิงสาว“ผมจะเช็ดตัวให้นะ ไม่ได้คิดอะไรจริงๆนะ” บุรุษพยาบาลจำเป็นเอ่ยขึ้นเพื่อเตือนสติตัวเอง มากกว่าที่จะบอกคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียง มือใหญ่ดึงผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างเล็กจนถึงคอ ก่อนจะค่อยๆคลำเข้าไปใต้ผ้าห่ม แกะกระดุมเสื้อนอนทีละเม็ด แล้วค่อยๆพลิกร่างใต้ผ้าห่มดึงเสื้อนอนออก“ชิ้นที่หนึ่ง” เสื้ออุ่นๆที่อยู่ในมือทำให้ภูชิตอดไม่ได้ที่จะยกขึ้นอย่างกล้า
“เงียบจัง” น่านน้ำในชุดนอนกางเกงขายาวเสื้อแขนยาวลายคิตตี้สีชมพู นั่งกอดหมอนใบใหญ่บนเตียงกว้าง บรรยากาศบ้านไร่ช่างวังเวงน่ากลัวจริง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มืดไปหมด หญิงสาวถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ในวันนี้ มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แต่พอเหลือบดูเวลาแล้ว หญิงสาวก็ได้แต่นั่งตาละห้อย“ดึกป่านนี้หลับกันหมดแล้วล่ะ เฮ้อ!” น่านน้ำเอนตัวลงนอน กว่าเธอจะข่มตาหลับได้ก็ใช้เวลานานนักหนา ทำให้แปดนาฬิกาในวันแรกของการทำงาน น่านน้ำยังคงนอนหลับไม่รู้สึกตัว เนื่องจากการเดินทางไกลและมาเจอสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็น ซึ่งแตกต่างจากอากาศในเมืองหลวง ทำให้ร่างกายของเธอปรับสภาพไม่ทัน หญิงสาวจึงเข้าสู่โหมดไข้สูงและตัวร้อนจี๋ก๊อกๆ“คุณน่านน้ำ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อน แล้วตามด้วยเสียงทุ้มตามมา น่านน้ำพยายามปรือตาขึ้น แต่ทำไมหนังตาเธอมันถึงหนักอึ้งอย่างนี้ หญิงสาวไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะพาร่างตัวเองลงจากเตียงเลยภูชิตขมวดคิ้วมุ่น เขาเคาะประตูอีกครั้ง หากแต่ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่อยู่ข้างใน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจกลับไปที่ห้องตนเอง หยิบกุญแจสำรองมาไขกุยแจเปิดประตูห้องออก