“ปล่อยนะ คุณจะมาฉวยโอกาสทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ” ธีร์ภาณุนิ่งเงียบ จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโต ผู้คนที่สัญจรไปมามองอย่างสนใจใคร่รู้...เรื่องของชายหนุ่มตัวโตกับหญิงสาวตัวเล็ก ที่กำลังกอดรัดกันอยู่ข้างถนน อีกฝ่ายดิ้นรนขัดขืนอีกฝ่ายกลับกอดรัดไว้แน่นอย่างจงใจ
ไอรักเพิ่งสังเกตใบหน้าของชายหนุ่มในระยะชิดใกล้ แววตาจริงจังคิ้วเข้ม ใบหน้าสะอาดสีเข้มเล็กน้อยอย่างคนทำงานกลางแจ้ง มีไรของหนวดเคราขึ้นบางๆ จมูกโด่งรับกับใบหน้าคมเข้ม ริมฝีปากหนาได้รูปเวลาขยับพูดก็ดูแล้วเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์อยู่เหมือนกันนะ นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ ไอรักสะบัดหน้าไล่ความคิดที่ไม่ได้เรื่องของตนเองออกไป เชิดหน้ามองชายหนุ่มอย่างถือดี ไม่ได้รู้เลยว่าใบหน้านวลผ่อง พวงแก้มสีชมพูระเรื่อ แววตากลมโตกับจมูกรั้นนิดๆ และริมฝีปากบางของเธอ จะทำให้คนที่จ้องมองมาต้องถอนหายใจ เพราะต้องควบคุมตัวเองที่จะไม่ล่วงเกินเธอ ในขณะที่ยังไม่ถึงเวลา ต่างคนต่างจ้องตากันอย่างเอาเรื่อง
“หนูไอ ขึ้นรถเดี๋ยวนี้” ธีร์ภาณุออกคำสั่งอย่างหัวเสีย เขาเริ่มเหนื่อยกับความดื้อรั้นของไอรัก หรือจะสั่งสอนตามแบบของเขาสักครั้งให้หลาบจำไปเลยดีไหมนะ
“อ้าว...ก็พี่ธีร์บอกเองว่ารำคาญหนูไอพูดมาก แล้วก็จะทิ้งหนูไอไว้ตรงนี้ไง เอาเถอะน่า หนูไอไม่ฟ้องป๊าหรอก หนูไอจะบอกป๊าว่าเราตกลงกันได้แล้วว่า เราจะยกเลิกข้อตกลงการแต่งงานทั้งหมด เพราะเราไม่ได้รักกันไม่ได้ชอบกัน แต่ครอบครัวของเราก็จะยังเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจเหมือนเดิม ตกลงตามนี้นะคะ เพราะฉะนั้นปล่อยหนูไอได้แล้วค่ะ” ธีร์ภาณุยิ้มเล็กน้อย ขณะที่มองริมฝีปากบางขยับพูด บรรยายถึงแผนการต่างๆ ของเธอ
“ไม่ตกลง” ไอรักอ้าปากค้าง
“ใครบอกว่าพี่รำคาญหนูไอ ดีซะอีกนั่งคุยเป็นเพื่อนกัน พี่จะได้ไม่ง่วง ใครบอกเราตกลงกันได้แล้วว่าเราจะไม่แต่งงานกัน พี่ยังไม่ได้ตกลงด้วยซะหน่อย แล้วใครบอกว่าเราไม่รักไม่ชอบกัน พี่ว่า...พี่เริ่มชอบหนูไอแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นขึ้นรถ” นั่นมันเป็นคำพูดที่ตรงกันข้ามทุกอย่างกับที่ไอรักพูดไปนี่นา ธีร์ภาณุยิ้มใส่นัยน์ตาคู่สวย ที่ตอนนี้ไม่รู้จะหาคำพูดอะไรมาต่อล้อต่อเถียงกับผู้ชายตัวโตคนนี้ ชายหนุ่มก้มหน้าจนริมฝีปากแทบจะชิดกันก่อนจะพูดว่า
“ถ้าหนูไอไม่อยากให้พี่ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ ขึ้นรถซะ!” แล้วเขาก็เลื่อนริมฝีปากไปกระซิบข้างหูไอรัก
“หรือว่าเราจะโชว์ความหวานให้คนอื่นเขาดูข้างทางดีนะ หนูไอว่าไง ตอนนี้ใครๆเขาก็กำลังจับจ้องเราสองคนอยู่นะ คงอยากรู้กันว่าสองคนผัวเมียคู่นี้จะเอายังไง” ไอรักไม่พูดอะไร เธอหดคอลงมีสีหน้าตกใจ แล้วสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม หันหลังกลับเข้าไปนั่งในรถโดยดี แต่ก็ไม่วายส่งค้อนวงใหญ่ให้เขา ธีร์ภาณุยิ้มเล็กน้อยและส่ายหน้าช้าๆก่อนจะกล่าวขู่ว่า
“ถ้าหนูไอคิดจะวิ่งหนีลงจากรถ พี่ขอให้คิดให้ดีก่อนนะว่าระหว่างผู้หญิงตัวเล็กๆ กับผู้ชายตัวโตๆที่ขายาวกว่า ใครจะวิ่งเร็วกว่ากัน และถ้าวิ่งหนีไปจริงๆแล้วพี่จับตัวได้ พี่จะลงโทษหนูไอในแบบที่ พี่คิดว่าแฟนเก่าของหนูไอคงไม่เคยทำมาก่อนแน่ เพราะพี่เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ในเรื่องนี้ที่สุด”
ไอรักกำมือแน่นเม้มปากสนิทเป็นเส้นตรงไม่พูดอะไร ในเมื่อแค่ไปแนะนำตัวก็ไม่น่าจะมีอะไรมากมาย ถ้าอย่างนั้นเธอจะยอมนั่งรถไปจนถึงบ้านของเขาก่อน แล้วค่อยคิดหาทางแก้ไขดีกว่า เพราะถ้าขืนต่อล้อต่อเถียงกับชายหนุ่มอยู่อย่างนี้ เธอเองนั่นแหละจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ร่ำไป นี่ก็เสียเปรียบไปตั้งหลายขุมแล้ว คิดแล้วไอรักก็รู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้า เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่มีชายหนุ่มคนใด ได้สัมผัสใกล้ชิดเธอแบบเขาทำมาก่อน
ธีร์ภาณุขึ้นรถประจำที่นั่งคนขับ ชายหนุ่มชำเลืองมองหญิงสาวครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจกับความพยศของไอรัก
ความเงียบบนรถบวกแอร์เย็นๆ กับการเดินทางไกล ทำให้ไอรักหลับไปโดยไม่รู้ตัว ธีร์ภาณุเหลือบมองด้วยแววตาที่อ่อนโยน เขาจอดรถข้างทางปรับเบาะให้เธอได้นอนอย่างสบาย กลิ่นหอมของไอรักที่เขาได้สัมผัสครั้งแรกเมื่อเช้านี้ ยังติดอยู่ที่จมูกเขาตลอดเวลายิ่งได้สัมผัสใกล้ชิดกับร่างบาง นุ่มนิ่ม ทำให้เขาไม่อยากจะปล่อยเธอออกจากอ้อมแขนเลย น่าแปลกกับความรู้สึกอย่างนี้ ทั้งที่เขาเองก็เคยใกล้ชิดกับผู้หญิงหลายคนมาก่อน แต่กับไอรัก...ผู้หญิงที่พ่อเขาเลือกให้แล้วและบังคับว่าจะต้องแต่งงานด้วย ทั้งที่ไม่เคยได้รู้จักหรือสนิทกันมาก่อน กลับทำให้เขามีความสุขได้เวลาพูดจาต่อล้อต่อเถียงกับเธอ
หรือนี่จะเป็นรักแรกพบนะ หึๆ
แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่เธอบอกเมื่อเช้าว่าอยู่ด้วยกันกับผู้ชายมาแล้ว เขาก็ยักไหล่หน้าตาเคร่งขรึมลงทันที เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอก็จริง แต่มันก็ทำให้เขามองว่า เธอดูถูกตัวเองมากที่ทำร้ายความรู้สึกของพ่อกับแม่ของเธอเอง ด้วยการทำลายคุณค่าของผู้หญิงที่ควรรักษาไว้
ธีร์ภาณุถอนหายใจ มองดูหญิงสาวที่นอนหลับตาพริ้ม เวลาที่เธอหลับตาก็ดูน่ารักดีอยู่หรอก บางทีถ้าปรับความเข้าใจกันได้ และถ้าเขากับเธอได้คุยกันดีๆ มากกว่าการพูดหนึ่งคำแต่เถียงกันซะสามคำแบบนี้ อะไรก็คงจะดีขึ้น จะทำอย่างไรดีล่ะ ธีร์ภาณุยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อคิดแผนการบางอย่างได้ เขาขับรถต่อไปเรื่อยๆอย่างอารมณ์ดี เมื่อถึงทางแยกก่อนจะถึง ‘ท่าข้าวธงชัย’ ชายหนุ่มหักพวงมาลัยรถเลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางสายเล็กๆ ที่มีป้ายบอกทางไป... ‘ไร่แสงตะวัน’ โดยที่คนนอนหลับอยู่ข้างๆไม่ได้รู้ตัวเลยว่า จุดหมายปลายทางได้ถูกเปลี่ยนไปแล้ว“หนูไอตื่นได้แล้วครับ ถึงแล้ว” เสียงทุ้มของชายหนุ่มที่ดังอยู่ข้างหู ปลุกไอรักให้ตื่นจากการหลับใหล “ถึงบ้านคุณลุงแล้วหรือคะ” ไอรักพูดพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้นมอง ไปข้างหน้าแล้วก็หันมองรอบข้าง สุดท้ายหันไปจ้องตาผู้ชายตัวโต ที่ยืนอมยิ้มและจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว “นี่มันที่ไหน คุณพาฉันมาที่ไหนเนี่ย” เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็เริ่มก่อสงครามประสาทโวยวายทันที “ไร่แสงตะวัน” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับเปิดประตูก้าวลงจากรถ เขายืนบิดร่างกายเพื่อไล่ความเมื่อยที่นั่งขับรถมาเป็นเวลานาน ไอ
เมื่อเข้ามาถึงภายในบ้าน เธอจึงรู้ว่าประตูและหน้าต่างบานใหญ่แต่ละบานเป็นกระจกบานเลื่อน ผ้าม่านสีขาวนวลส่งผลให้ภายในบ้านแลดูสว่าง มีประตูด้านหนึ่งของบ้านเชื่อมต่อกับระเบียงกว้างๆที่มีโต๊ะกลมสีขาว พร้อมกับเก้าอี้อีกสองตัว มองเลยผ่านไปเห็นทิวเขาเป็นแนวอยู่ไกลๆ ไอรักเดินไปที่ระเบียงสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆแล้วผ่อนออกช้าๆ หญิงสาวคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตตัวเองในวันนี้ นี่เธอกำลังฝันอยู่หรือเปล่า เมื่อเช้าเธออยู่ที่บ้านของตนเอง แต่ตอนนี้เธอมาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วทำไมเธอต้องมาที่นี่ด้วย เพราะอีตาธีร์ภาณุนั่นคนเดียว อยากจะร้องไห้เสียจริงๆ อยากจะบอกป๊าให้ได้รู้ว่า เจ้าบ่าวที่ป๊าเลือกให้ไม่ได้ถูกใจลูกสาวคนนี้เลยสักนิด“นายหญิงคะ เชิญข้างในเถอะค่ะ ย่างเข้าหน้าหนาวอย่างนี้พอแดดร่มลมตกอากาศจะเย็นมาก วันนี้ลมหนาวพัดแรง เดี๋ยวจะไม่สบายได้นะคะ” ป้าบัวพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง“ค่ะป้าบัว” ไอรักเหนื่อยมาทั้งวันแล้วเธอไม่อยากจะพูดอะไร ตอนนี้เธออยากพักผ่อน“ป้าเตรียมน้ำอุ่นให้แล้ว นายหญิงอาบน้ำก่อน แล้วค่อยมาทานข้าวนะคะ ป้าจะทำกับข้าวให้สุดฝีมือเลยค่ะ ห้องน้ำอยู่ทางด
เมื่อลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ และเช็ดตัวเรียบร้อยแล้ว ไอรักจึงคิดได้ว่า ตัวเองไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเลยสักชุด แล้วที่สำคัญไม่มีชุดชั้นในเลย แล้วนี่จะใส่ชุดไหนล่ะ หญิงสาวคิดอย่างอารมณ์เสียอยู่คนเดียวในห้องน้ำ ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมตัวใหญ่มาพันตัว แล้วเปิดประตูเดินออกจากห้องน้ำ แต่ก็ต้องรีบพาตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องน้ำเหมือนเดิม“พี่ธีร์เข้ามาทำไม แล้วป้าบัวล่ะ” ไอรักถามเสียงดัง แต่คนที่นอนเหยียดตัวยาวเอกเขนกอยู่บนเตียงกว้าง ไม่ได้ใส่ใจที่จะตอบเลยสักนิด ธีร์ภาณุพลิกตัวหันมามองไอรัก ที่ตอนนี้มีเพียงใบหน้าขาวนวลที่โผล่ออกมาจากห้องน้ำ“จะยืนอยู่อย่างนั้นอีกนานไหม เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” ธีร์ภาณุลุกขึ้นจากเตียงแล้วก้าวยาวๆมาทางไอรัก หญิงสาวรีบดึงตัวเองกลับเข้าไปในห้องน้ำ และตั้งใจจะปิดประตู แต่ช้ากว่ามือของชายหนุ่มที่ดันประตูไว้ได้ทัน“พี่ไม่ทำอะไรหรอก แค่จะมาบอกว่าให้รีบใส่เสื้อผ้า จะได้มาทานข้าวเย็นด้วยกัน”“แล้วจะให้ใส่อะไรล่ะ ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาด้วยสักชุด อยู่ดีๆก็ถูกฉุดตัวมา” ธีร์ภาณุหัวเราะเบาๆ“ไม่ได้ฉุดมาสักหน่อย ป๊ากับแม่ของหนูไอเต็มใจยกหนูไอให้มากับพี่เอง
หญิงสาวเริ่มหยิบชุดออกมาเลือกทีละชุดแล้วเธอก็มาสะดุดตาที่ชุดชั้นใน ไอรักหยิบขึ้นมาดู แต่ละตัวมันเป็นขนาดที่พอดีกับตัวของเธอทั้งหมด นี่อีตาพี่ธีร์คงจะสั่งว่าเอาชุดแบบไหนและขนาดเท่าไรล่ะสิ คิดแล้วก็โมโหตัวเองที่สู้แรงของผู้ชายตัวโตไม่ได้“เจ็บใจนักคอยดูนะอย่าให้ถึงทีเราบ้างก็แล้วกัน ป๊านะป๊าไม่ได้เป็นห่วงลูกสาวบ้างเลย ปล่อยให้มากับใครก็ไม่รู้” ไอรักบ่นไปแต่งตัวไปไอรักแต่งตัวเสร็จแล้วจึงเปิดประตูห้องนอน เดินไปทางประตูที่เปิดออกสู่ระเบียงกว้าง เมื่อเลื่อนกระจกเปิดประตูก็ปะทะกับลมเย็นวูบหนึ่ง หญิงสาวจึงยกมือสองข้างขึ้นกอดอกตัวเองทันที ธีร์ภาณุที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วได้ยินเสียงปิดประตู เขาจึงละสายตาจากภาพตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้าเบื้องหน้า หันกลับมาพร้อมกับส่งยิ้มให้หญิงสาว“หนาวหรือครับหนูไอ”“นิดหน่อยค่ะ” ไอรักพูดพร้อมกับมองไปที่โต๊ะกลม ที่ตอนนี้มีอาหารหลายอย่างวางไว้ ส่งกลิ่นหอมน่ากินทั้งนั้น“กับข้าวน่ากินจังเลยค่ะ” ไอรักพูดพร้อมกับเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ โดยไม่ต้องรอให้ชายหนุ่มเชิญ ธีร์ภาณุเดินอ้อมมาที่ด้านหลังไอรัก หยิบผ้าแพรผืนบางสีครีมที่วางอยู่บนโต
ป้าบัวถือถาดอาหารเดินนำหน้าเด็กหญิงน้อยหน่า ที่เดินตามหลังอย่างอ้อยอิ่งจนต้องถูกเรียก“น้อยหน่าเร็วๆเข้า” เมื่อถูกเรียกเสียงดังเด็กหญิงจึงรีบเดินตามหลังป้าบัวไป“ปล่อยค่ะ” ไอรักออกคำสั่งเสียงดุโดยไม่ได้มองหน้าชายหนุ่ม เมื่อน้อยหน่าปิดประตูกระจกบานใหญ่แล้ว ธีร์ภาณุปล่อยอย่างว่าง่าย ไอรักถอนหายใจ“หนูไอขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ” เธอไม่อยากจะก่อเรื่องทะเลาะกับผู้ชายตัวโตคนนี้อีกแล้ว เพราะดูเหมือนเธอจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเองทุกครั้ง ไอรักหมุนตัวก้าวเท้าเดินเร็วๆตรงไปเลื่อนเปิดประตูกระจก เพื่อจะเข้าไปในห้องนอน เธอปิดประตูล็อกอย่างแน่นหนา แล้วหันหลังกลับหวังว่าจะนอนหลับให้สบายบนเตียงกว้างแต่ก็ต้องตกใจ ความโกรธเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้งธีร์ภาณุกำลังเปิดตู้เสื้อผ้า เขาค้นๆรื้อๆอยู่สักพักก็หันหน้ากลับมาเจอกับใบหน้าอันบูดบึ้งของไอรัก“พี่ธีร์เข้ามาได้ยังไงคะ”“ก็เดินเข้ามาทางนี้ไงจ๊ะ” ไอรักมองไปที่ประตูกระจกบานใหญ่ที่เชื่อมต่อกับระเบียง จริงสินะ บ้านหลังเล็กนี้มีระเบียงรอบบ้าน แล้วเธอก็ยังไม่ได้ปิดล็อกประตูระเบียงชายหนุ่มเริ่มถอดเสื้อผ้า เขาใช้ผ้าขนห
“นอนเถอะครับ พี่ไม่ทำอะไรหนูไอแน่นอน สัญญาครับ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเดินเข้าใกล้“ไม่เชื่อหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูไอไปนอนข้างนอกก็ได้” ธีร์ภาณุส่ายหน้าระอากับความดื้อรั้นของผู้หญิงตัวเล็กๆที่อยู่ตรงหน้า“แล้วจะให้ทำยังไงถึงจะเชื่อ” ชายหนุ่มก้มหน้าถาม ใบหน้าแทบจะชนกัน ไอรักหลับตาปี๋หดคอลง และใช้มือยันแผ่นอกกว้างของชายหนุ่มไว้“พี่ธีร์ถอยออกไปก่อนค่ะ หนูไออึดอัด” หญิงสาวพยายามจะเบี่ยงตัวออกให้ห่างจากชายหนุ่ม ที่ตอนนี้จ้องมองเธอด้วยแววตาแปลกๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้เธอหวั่นใจ เธอเริ่มกลัวการอยู่ใกล้ๆเขา ยิ่งในห้องนอนมิดชิดอย่างนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะไปร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้ล่ะไอรักเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหายใจติดขัด หัวใจเต้นโครมคราม“พี่ธีร์คะ กรุณาให้เกียรติหนูไอด้วยค่ะ” เธอพยายามพูดให้ดูเหนือกว่าเขา ชายหนุ่มถอยห่างจากไอรักสองสามก้าว เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อย และผายมือไปยังเตียงกว้าง“ครับ...เชิญ”“พี่ธีร์คะ ตกลงว่าจะไม่ยอมเข้าใจอะไรเลยใช่ไหม เรายังไม่ได้แต่งงานกันจะนอนร่วมเตียงร่วมห้องกันได้ยังไง” ชายหนุ่มยืดตัวเต็มความสูงยืนตรง เขายักไหล่ยิ้มที
“เชอะ! ใครจะไปสนใจ” หญิงสาวพูดเบาๆพร้อมกับก้าวเท้าลงจากเตียง เธอเดินตรงเข้าห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี อย่างน้อยเช้านี้ก็เป็นเช้าที่สดใสสำหรับเธอ เพราะไม่ต้องทนเห็นหน้าอีตาพี่ธีร์นั่นเมื่อจัดการทำธุระส่วนตัวเสร็จ ไอรักจึงเดินออกไปนอกระเบียง เพื่อรับประทานอาหารเช้า น้อยหน่าที่ยืนรอคอยบริการอยู่แล้วยิ้มแป้นพูดอย่างกระตือรือร้นว่า“เชิญค่ะนายหญิง น้อยหน่าเตรียมอาหารไว้รอแล้วค่ะ วันนี้ป้าบัวทำข้าวต้มกุ้งน่าทานมากเลยค่ะ” ไอรักยิ้มให้น้อยหน่าเล็กน้อยแล้วนั่งลงบนเก้าอี้“น่าทานจริงๆด้วยน้อยหน่า หอมจัง เออนี่แน่ะ...น้อยหน่าเรียกพี่ว่า พี่หนูไอก็ได้นะจ๊ะ” ไอรักพูดพร้อมกับยิ้มหวานส่งให้น้อยหน่า เด็กหญิงมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย“เราจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นไงล่ะจ๊ะ ไหนลองเรียกพี่ใหม่ซิ”“เอ่อ...ค่ะ พี่หนูไอ” น้อยหน่าทวนเรียกชื่อไอรักพร้อมกับยิ้มแป้นแก้มแทบปริ ที่ได้รับสิทธิ์เรียกนายหญิงของไร่ว่าพี่ไอรักทานอาหารมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อย น้อยหน่ายืนยิ้มมองดูไอรักทานข้าวต้มอยู่สักพักก็พูดขึ้นว่า“พี่หนูไอจะมาเป็นนายหญิงที่นี่ใช่ไหมคะ” ไอรักชะงักเล็กน้อยแต่ไม่ได
“แหมๆ ข้ายังไม่ได้พูดอะไรสักคำ ว่าแต่นายหญิงแน่ใจหรือว่าจะขับรถคันนี้น่ะครับ เพราะมันชอบทรยศคนขับบ่อยๆ เห็นมีแต่นายเล็กเท่านั้นที่รู้ใจมัน ใช้ขับไปไหนมาไหนในไร่นี้ได้น่ะครับ คนอื่นจะขับบางทีก็สตาร์ทไม่ติด หรือบางทีก็ไปดับอยู่ท้ายไร่โน่นแน่ะ”ไอรักยิ้มให้ลุงมิ่งก่อนจะพูดว่า“ไม่เป็นไรค่ะลุง หนูไออยากขับรถเล่นนิดหน่อย ถ้าไม่ลองขับแล้วจะรู้ได้ยังไงว่ารถคันนี้กับหนูไอจะรู้ใจกันหรือเปล่า”ลุงมิ่งไม่อยากทัดทานอะไรมาก เพราะถ้านายหญิงเกิดไม่พอใจขึ้นมาจริง ตัวลุงมิ่งเองอาจจะโดนปลดระวางอย่างที่น้อยหน่าขู่ไว้จริงๆ ชายสูงวัยจึงเดินไปหยิบกุญแจที่ตู้เก็บของมาส่งให้ไอรัก หญิงสาวรับกุญแจมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างลุงมิ่งมองดูไอรักขับรถออกจากโกดังตรงไปตามส้นทางเข้าสู่ไร่อ้อย อย่างน้อยก็มีน้อยหน่านั่งไปเป็นเพื่อน ถ้าเจ้ารถจี๊ปตัวดีเกิดมีปัญหาขึ้นมาก็ไม่น่าห่วงอะไรมาก เพราะน้อยหน่าคงพาเดินมาทางลัดของไร่ซึ่งสามารถกลับมาถึงบ้านได้ไม่ยากไอรักขับรถเรื่อยๆไปตามทาง พยายามสังเกตและจดจำทุกอย่างที่น้อยหน่ากำลังบรรยายให้ฟัง“ถนนเส้นนี้เป็นถนนสุดเขตไร่แสงตะวันค่ะพี่หนูไอ เล
“พี่ธีร์” ไอรักเรียกหาคนป่วยเมื่อขึ้นบ้านมาแล้วไม่เห็นธีร์ภาณุนั่งอยู่ที่เดิม“ไปไหนของเขานะ” ไอรักเดินตามเข้าไปหาในห้องนอน มองไปยังประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่“พี่ธีร์อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่าคะ” ไอรักเคาะประตูห้องน้ำเบาๆ แต่ก็เงียบไม่มีเสียงตอบ หญิงสาวเลยเปิดประตูห้องน้ำ แล้วโผล่หน้าเข้าไปมองหา จึงได้เห็นว่าคนตัวโตนอนหลับตาพริ้มแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ“พี่ธีร์” ไอรักเรียกเบาๆ ธีร์ภาณุลืมตาขึ้นช้าๆ เขายันกายขึ้นนั่งตัวตรงในอ่างอาบน้ำ“พี่เมื่อยตัวเลยอยากแช่น้ำอุ่นหน่อย นี่เผลอหลับไปหรือเนี่ย” ธีร์ภาณุพูดด้วยน้ำเสียงเพลียๆ“หนูไอรอที่โต๊ะหลังบ้านนะคะ อีกเดี๋ยวป้าบัวจะยกกับข้าวมาให้”“ครับ...โอ๊ย!” ธีร์ภาณุยกมือขึ้นกุมหัว สีหน้าแสดงอาการเจ็บปวดได้อย่างแนบเนียน ไอรักรีบปราดเข้าไปนั่งลงข้างอ่างอาบน้ำ แล้วจับบ่าคนสำออยด้วยความเป็นห่วง“เป็นอะไรคะ ปวดหัวหรือคะ ไปหาหมอไหม” คนเป็นห่วงซักถามอาการเร็วปรื๋อ“เจ็บตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้” ธีร์ภาณุจับมือบางวางตรงนั้น ตรงนี้แล้วทำหน้าสำออย แต่ไอ้ตรงนี้สุดท้ายของเขาน่ะ มันอยู่ใต้น้ำ คนที่สัมผัสได้ถ
“เออ...หายไวๆนะครับนายเล็ก รีบกลับไปเคลียร์งานที่ไร่ให้เสร็จด้วย ไม่อย่างนั้นจะบอกแม่ให้เลื่อนงานแต่งของแกออกไป ให้ฉันแต่งกับแนนคู่เดียวพอ” ไทธรณ์ขู่น้องชาย แต่ดูเหมือนคนไข้จะจงใจหลับตาลงทำหูทวนลมไม่สนใจคำพูดใดๆ“พี่กลับก่อนนะคะหนูไอ อย่าดูแลแต่คุณธีร์จนลืมดูแลสุขภาพตัวเองนะ”“ค่ะพี่แนน ขอบคุณมากนะคะ” ไอรักยิ้มหวานพร้อมกับเดินไปส่ง รสิตากับไทธรณ์ที่ประตู“ฝากดูแล้เจ้าธีร์ด้วยนะหนูไอ พี่กลับก่อนนะครับ” ไทธรณ์พูดพร้อมกับชำเลืองสายตารู้ทันไปที่คนไข้ที่ทำเป็นนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง“ค่ะพี่ไท” ไอรักตอบยิ้มๆแล้วเหลือบสายตามองไปยังร่างของคนตัวโตบนเตียงคนไข้ไอรักดึงประตูห้องปิดแผ่วเบา แต่ก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมือใหญ่ปาดหน้ากดปิดล็อกตามทันที“พี่ธีร์! ทำอะไรคะ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหลือร้ายผุดพรายเต็มใบหน้า“มันค้างอะ” ไอรักตีท่อนแขนแกร่งเบาๆ แล้วรุนหลังธีร์ภาณุตรงไปยังเตียง ชายหนุ่มเดินไปตามแรงน้อยนิดที่พยายามบังคับตัวเองอยู่“ไม่ต้องเลยนะ เป็นคนไข้ก็ต้องพักผ่อนเยอะๆ” ไอรักจับคนตัวโตหมุนแล้วเขย่งเท้าเพื่อวางมือบนบ่ากว้าง ออกแรงกดลงเ
ชายหนุ่มรุกเร้าหนักขึ้น เขาดึงร่างนุ่มนิ่มขึ้นมานั่งบนตักตัวเอง เพื่อจะได้สัมผัสทุกส่วนของหญิงสาวได้ถนัด เสื้อชั้นในลูกไม้ถูกปลดตะขอหน้าอวดความอวบอิ่มจนคนเห็นแทบคลั่ง ใบหน้าสากก้มลงซุกไซ้อกนิ่มอย่างรวดเร็วด้วยความพึงพอใจ และดูดดึงชิมความหวานจากยอดอกชูชันอย่างไม่รู้จักอิ่ม จนร่างบางสะท้านครั้งแล้วครั้งเล่าไอรักกัดริมฝีปากบางไว้แน่น แต่ก็ยังไม่สามารถกักเก็บอารมณ์หวามไว้ได้จนต้องเผลอครางออกมา เมื่อได้กำไรพอควรจากร่างบางที่มีรสหวานล้ำ ชายหนุ่มก็หยุดการรุกรานซบหน้านิ่งลงกับอกนิ่ม ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นสบตาของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยเพลิงเสน่หา ซึ่งตนเองเป็นคนก่อ ธีร์ภาณุยิ้มใส่ดวงตาคู่สวยก่อนจะค่อยๆติดตะขอชั้นในและกระดุมเสื้อให้หญิงสาว และจัดชุดให้เรียบร้อยเหมือนเดิม แล้วโอบเอวบางไว้หลวมๆไอรักถอนหายใจด้วยความโล่งอกปนเสียดายอย่างบอกไม่ถูก หญิงสาวยังนั่งนิ่งอยู่บนตักของธีร์ภาณุ มันรู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้ๆผู้ชายคนนี้ ไอรักไม่รู้ว่าความรู้สึกรังเกียจเมื่อตอนที่พบครั้งกันครั้งแรกมันหายไปไหน รู้แต่ว่าไม่กลัวสัมผัสจากเขาแล้ว หากแต่รู้สึกดีด้วยซ้ำไป สองหนุ่มสาวสบตาก
หญิงสาวพูดจบก็กอดคุณนายกานดาแน่น น้ำตาที่สะกดกลั้นเอาไว้ไหลอาบสองแก้มนวล ไอรักสะอื้นจนตัวโยน จึงไม่ทันได้สังเกตว่าคุณกานดาหยุดร้องไห้แล้วคนป่วยที่นั่งอยู่บนรถเข็นถูกเข็นออกมา ทันได้ยินทุกถ้อยคำชัดเจน ธีร์ภาณุยิ้มกว้าง รู้สึกหัวใจพองโตจนคับอก อยากจะดึงตัวคนร่างบางในชุดเจ้าสาวเข้ามากอดแล้วหอมแก้มนวลสักฟอดใหญ่ๆ“พี่จะถือเป็นคำสัญญานะครับ” ไอรักผละจากอ้อมกอดคุณกานดาทันที พร้อมๆกับหันขวับไปทางเจ้าของเสียง“พี่ธีร์...”ไอรักใช้มือปาดน้ำตาป้อยๆยิ้มอย่างเอียงอาย มองดูทุกคนที่อมยิ้มไปกับท่าทางของเธอ“หนูไอครับพี่หิวน้ำ” น้ำเสียงออดอ้อนของคนป่วยช่างน่าหมั่นไส้นัก“ค่ะ” ไอรักรับคำอย่างเสียไม่ได้ไอรักรินน้ำใส่แก้วแล้วนำมายื่นให้คนป่วย ที่นั่งพิงหลังอยู่บนเตียง แต่ธีร์ภาณุก็ไม่รับแก้วไปสักที“รับไปสิคะพี่ธีร์”“พี่ปวดแขน” ไอรักมองหน้าคนตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จอย่างเหนื่อยใจ เพราะจากการสอบถามอาการจากคุณหมอเจ้าของไข้ ก็ทำให้ ไอรักรู้ว่า ธีร์ภาณุไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ศีรษะกระแทกแล้วหมดสติไป เมื่อตรวจ
ไอรักอยู่ในชุดเจ้าสาวสีฟ้าอ่อน ผ้าลูกไม้อย่างดีถูกออกแบบให้ดูเรียบหรู ในแบบชุดเกาะอกกระโปรงสั้นเหนือเข่า กับรองเท้าส้นสูงแบบสานสีฟ้าอ่อนเข้ากับชุด บนศีรษะมีช่อดอกไม้สีขาวเล็กๆพร้อมกับผ้าพลิ้วบางสีฟ้าทิ้งตัวลงมาด้านหลัง พอดีกับผมยาวเกือบกลางหลังของหญิงสาว“โอเคไหมคะ” เจ้าของร้านถามไถ่อย่างใส่ใจ ขณะที่ยืนมองไอรักหมุนซ้ายขวาอยู่หน้ากระจกบานใหญ่“เอ่อ หนูไอว่าช่วงเอวจะหลวมไปนิดน่ะค่ะ พี่หลินช่วยแก้ให้หน่อยนะคะ”“ได้ค่ะ แล้วจะให้ใส่อะไรเพิ่มในรายละเอียดของชุดไหมคะ” ไอรักมองดูตัวเองในกระจก แล้วหันมายิ้มให้เจ้าของห้องเสื้อ“ไม่ล่ะค่ะพี่หลิน แก้แค่เอวก็พอแล้วค่ะ”“พี่ขอเวลาแก้สักหนึ่งคืนนะคะ พรุ่งนี้พี่หลินจะให้คนไปส่งที่เรือนไทยนะคะ”“ค่ะ ขอบคุณพี่หลินมากนะคะ”“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ยินดีบริการสำหรับคุณไอรักเป็นพิเศษเลยค่ะ” เจ้าของร้านกับลูกค้าต่างยิ้มให้กัน และกำลังจะช่วยกันถอดชุดเจ้าสาวออก“หนูไอครับ หนูไอ”ไอรักชะเง้อฟังเสียงที่เรียกอย่างร้อนรนนั้น“เสียงคุณไทค่ะคุณไอรัก”ไอรักทำสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย แล้วรีบเดินออกมาจ
“อ้าว! วอนแล้วไหมล่ะ นั่นเมียเพื่อนนะโว้ย!” ธีร์ภาณุพูดพร้อมกับทำสีหน้าจริงจังเอาเรื่อง“เฮ้ย! ไอ้บ้า ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ฉันหมายถึงว่า น่าจะพาคุณไอรักมาให้ฉันคุ้นเคยหน่อย เผื่อเขาจะมีเพื่อนที่หน้าตาน่ารักเหมือนกัน ฉันจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาสักที นี่แม่ก็มาวุ่นวายจับคู่คนโน้น แนะนำคนนี้ให้ฉันอยู่ได้ ไม่รู้อะไรนักหนา”“สมน้ำหน้า ก็แกเล่นทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัย ลอยไปลอยมาอยู่ได้ เมื่อไหร่จะหาสะใภ้เป็นตัวเป็นตนให้แม่เขาได้วางใจสักทีล่ะ”“เฮ้ย! ของอย่างนี้มันบังคับใจกันได้ที่ไหน ก็ที่เจอมันเคมีไม่ตรงกันนี่หว่า คบประเดี๋ยวประด๋าวพอได้ แต่ให้เอามาเป็นแม่ของลูก ไม่ไหวว่ะ...ว่าแต่แกเหอะไอ้เสือ คิดยังไงวะ ถึงตัดสินใจลงเอยกับคุณไอรัก เห็นตอนแรกที่มาเล่าให้ฟังโวยวายนักหนาว่าโดนบังคับ บอกตรงๆเซอร์ไพรส์มาก” ปลัดเมฆายิงคำถามจบก็จ้องหน้าเพื่อนรอฟังคำตอบ“แกเคยเชื่อในรักแรกพบไหมวะ” คำตอบที่ได้รับทำให้ปลัดเมฆาสำลักกาแฟ จ้องมองหน้าเพื่อนอย่างขำๆ“ครั้งแรกที่ฉันเจอหนูไอ ฉันก็หลงใหลไปกับหน้าตาเหมือนกับผู้ชายทั่วไปที่เจอผู้หญิงสวยๆแหละ แต่พอได้ใกล้ชิดพูดคุยยิ่งทำให้ฉันรู้
“แนนเป็นไงบ้างตาไท ทางนั้นมีอะไรให้เราช่วยไหม” คุณกานดาถามถึงว่าที่ลูกสะใภ้คนโตอย่างเป็นห่วง“ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ งานไม่ล่มแน่นอนครับคุณกานดา” ไทธรณ์ยิ้มให้มารดา ก่อนจะถูกค้อนขวับวงใหญ่จากคุณกานดา“ไม่ต้องมาประชดประชันแม่เลยตาไท ดีนะที่แนนไม่เป็นไร เพราะเราคนเดียวเลยที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ต่อไปต้องดูแลแนนให้ดีๆเข้าใจไหม”“ครับแม่ ผมจะดูแลสะใภ้คนโตของแม่ให้ดีที่สุด ด้วยเกียรติของกระผมครับ” ไทธรณ์ล้อเลียนรับคำหนักแน่น“หนูไอคิดถึงพี่บ้างไหมครับ” ธีร์ภาณุยิงคำถามตรงๆเมื่ออยู่กันสองต่อสองภายในสวนหลังบ้าน หลังจากที่ทานอาหารว่างกับคุณกานดาตามคำชวนของผู้เป็นแม่แล้ว ไทธรณ์ก็ขอตัวกลับไปดูงานที่ท่าข้าว คุณกานดาเองก็ติดภารกิจเลือกเครื่องเพชรไว้ให้ว่าที่ลูกสะใภ้ใส่ในวันแต่งงานเมื่อถูกถามตรงๆไอรักเลือกที่จะยิ้มหวานแทนคำตอบ ทำเอาคนที่ตั้งคำถามโวยวายประท้วงไม่ยอม“ไม่เอาครับ อย่ายิ้มอย่างเดียวสิ พี่อยากได้ยินให้หายเหนื่อย พอให้พี่ได้ชื่นใจนะหนูไอ” ไอรักหัวเราะคิก จ้องมองนัยน์ตาของคนที่กำลังรอคำตอบ“คิดถึงสิคะป๋า” ธีร์ภา
“หนูไอขี้โกง” ไอรักขมวดคิ้วนิดหนึ่งไม่เข้าใจความหมาย ก่อนที่จะรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ร่างกายส่วนที่เพิ่งได้รับการเติมเต็มไปเมื่อสักครู่ก็ถูกรุกรานอีกครั้ง ธีร์ภาณุขยับกายเข้าออกอย่างเชื่องช้าในจังหวะแรก มือหนาบีบเคล้นอกอวบด้วยอารมณ์รัก ก่อนจะเร่งจังหวะสุดท้ายพร้อมกับใช้นิ้วมือบีบเคล้นจุดที่ไวต่อสัมผัสกลางกายสาว ไอรักบิดตัวไปมาครางเสียงหวานเมื่อไม่สามารถต้านทานความรู้สึกเสียวซ่านได้ ในที่สุดชายหนุ่มก็จับจูงหญิงสาวพาไปสัมผัสความรู้สึกสุขสมที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างพร้อมกัน วิมานแสงดาวที่ธีร์ภาณุพาไอรักมาแตะต้องครั้งนี้ ช่างเร่าร้อนและอิ่มเอม จนหญิงสาวต้องกรีดร้องเสียงดังยาวนาน ในขณะที่ชายหนุ่มก็คำรามเสียงทุ้มออกมาอย่างสุดกั้น ธีร์ภาณุซบลงบนตัวหญิงสาว เสียงหายใจถี่กระชั้นของทั้งสองดังประสานกัน“พี่ธีร์...หนูไอหนักค่ะ” เสียงประท้วงอ้อมแอ้มหลังจากพายุอารมณ์รักพัดผ่านไปสักครู่ ทำให้ธีร์ภาณุเลื่อนตัวลงมานอนข้างๆไอรัก ก่อนจะกอดเกี่ยวร่างบางไว้แนบอก แล้วจูบย้ำที่หน้าผากมนแรงๆ“เห็นไหมว่าพี่ไม่เคยบังคับใจใคร” ไอรักก้มหน้างุดกับอกกว้าง หญิงสาวรู้ตัวดีว่าตนเองเป็นฝ่ายเรียกร้องจากช
มือใหญ่ปลดกระดุมออกทุกเม็ดและกำจัดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ให้พ้นสายตา เขารู้ว่าไอรักไม่ได้ใส่ชุดชั้นในนอน นั่นมันก็ทำให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วทรวงอกอิ่มตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เมื่อธีร์ภาณุถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง แล้วยกตัวขึ้นทาบทับหญิงสาวไว้โดยที่ตัวเองยังไม่ได้ถอดชุดนอนออกจากร่างกาย มือหนาหยอกเอินอกอวบอย่างเบามือ และไล้ไปมาวนรอบตุ่มไตของยอดอกสีสวยหนักบ้างเบาบ้างเป็นจังหวะเน้นๆ ริมฝีปากหนาก้มลงครอบครองดูดกลืนยอดอกอีกข้าง ลิ้นร้อนสากไล้วนไปมาบนยอดอกช้าๆก่อนจะเพิ่มความเร็วรัวจนร่างบางแอ่นสะท้าน ไอรักแทบจะสำลักลมหายใจตัวเอง หญิงสาวอ้าปากเพื่อช่วยในการดูดอากาศเข้าปอด ถึงกระนั้นเธอก็ยังได้ยินเสียงครางแว่วหวานของตัวเองทุกจังหวะการรุกรานเป็นไปอย่างหนักแน่นและรัวเร็ว ในขณะไอรักคิดว่าตนเองกำลังจะขาดใจ หากต้องผวาเสียววาบไปทั่วท้องน้อย เมื่อนิ้วเรียวใหญ่แทรกผ่านกลางเนินเนื้อสาว ธีร์ภาณุค้นพบว่าไอรักเร่าร้อนพอแล้วสำหรับเขา หากแต่ชายหนุ่มเคยบอกไปแล้วไงว่าจะไม่ทำอะไร หากหญิงสาวไม่เต็มใจนิ้วเรียวใหญ่ช่างร้ายกาจนัก เมื่อชายหนุ่มจงใจกดเน้นล้ำลึกอย่างช้าๆ แล