“ปล่อยนะ คุณจะมาฉวยโอกาสทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ” ธีร์ภาณุนิ่งเงียบ จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโต ผู้คนที่สัญจรไปมามองอย่างสนใจใคร่รู้...เรื่องของชายหนุ่มตัวโตกับหญิงสาวตัวเล็ก ที่กำลังกอดรัดกันอยู่ข้างถนน อีกฝ่ายดิ้นรนขัดขืนอีกฝ่ายกลับกอดรัดไว้แน่นอย่างจงใจ
ไอรักเพิ่งสังเกตใบหน้าของชายหนุ่มในระยะชิดใกล้ แววตาจริงจังคิ้วเข้ม ใบหน้าสะอาดสีเข้มเล็กน้อยอย่างคนทำงานกลางแจ้ง มีไรของหนวดเคราขึ้นบางๆ จมูกโด่งรับกับใบหน้าคมเข้ม ริมฝีปากหนาได้รูปเวลาขยับพูดก็ดูแล้วเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์อยู่เหมือนกันนะ นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ ไอรักสะบัดหน้าไล่ความคิดที่ไม่ได้เรื่องของตนเองออกไป เชิดหน้ามองชายหนุ่มอย่างถือดี ไม่ได้รู้เลยว่าใบหน้านวลผ่อง พวงแก้มสีชมพูระเรื่อ แววตากลมโตกับจมูกรั้นนิดๆ และริมฝีปากบางของเธอ จะทำให้คนที่จ้องมองมาต้องถอนหายใจ เพราะต้องควบคุมตัวเองที่จะไม่ล่วงเกินเธอ ในขณะที่ยังไม่ถึงเวลา ต่างคนต่างจ้องตากันอย่างเอาเรื่อง
“หนูไอ ขึ้นรถเดี๋ยวนี้” ธีร์ภาณุออกคำสั่งอย่างหัวเสีย เขาเริ่มเหนื่อยกับความดื้อรั้นของไอรัก หรือจะสั่งสอนตามแบบของเขาสักครั้งให้หลาบจำไปเลยดีไหมนะ
“อ้าว...ก็พี่ธีร์บอกเองว่ารำคาญหนูไอพูดมาก แล้วก็จะทิ้งหนูไอไว้ตรงนี้ไง เอาเถอะน่า หนูไอไม่ฟ้องป๊าหรอก หนูไอจะบอกป๊าว่าเราตกลงกันได้แล้วว่า เราจะยกเลิกข้อตกลงการแต่งงานทั้งหมด เพราะเราไม่ได้รักกันไม่ได้ชอบกัน แต่ครอบครัวของเราก็จะยังเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจเหมือนเดิม ตกลงตามนี้นะคะ เพราะฉะนั้นปล่อยหนูไอได้แล้วค่ะ” ธีร์ภาณุยิ้มเล็กน้อย ขณะที่มองริมฝีปากบางขยับพูด บรรยายถึงแผนการต่างๆ ของเธอ
“ไม่ตกลง” ไอรักอ้าปากค้าง
“ใครบอกว่าพี่รำคาญหนูไอ ดีซะอีกนั่งคุยเป็นเพื่อนกัน พี่จะได้ไม่ง่วง ใครบอกเราตกลงกันได้แล้วว่าเราจะไม่แต่งงานกัน พี่ยังไม่ได้ตกลงด้วยซะหน่อย แล้วใครบอกว่าเราไม่รักไม่ชอบกัน พี่ว่า...พี่เริ่มชอบหนูไอแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นขึ้นรถ” นั่นมันเป็นคำพูดที่ตรงกันข้ามทุกอย่างกับที่ไอรักพูดไปนี่นา ธีร์ภาณุยิ้มใส่นัยน์ตาคู่สวย ที่ตอนนี้ไม่รู้จะหาคำพูดอะไรมาต่อล้อต่อเถียงกับผู้ชายตัวโตคนนี้ ชายหนุ่มก้มหน้าจนริมฝีปากแทบจะชิดกันก่อนจะพูดว่า
“ถ้าหนูไอไม่อยากให้พี่ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ ขึ้นรถซะ!” แล้วเขาก็เลื่อนริมฝีปากไปกระซิบข้างหูไอรัก
“หรือว่าเราจะโชว์ความหวานให้คนอื่นเขาดูข้างทางดีนะ หนูไอว่าไง ตอนนี้ใครๆเขาก็กำลังจับจ้องเราสองคนอยู่นะ คงอยากรู้กันว่าสองคนผัวเมียคู่นี้จะเอายังไง” ไอรักไม่พูดอะไร เธอหดคอลงมีสีหน้าตกใจ แล้วสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม หันหลังกลับเข้าไปนั่งในรถโดยดี แต่ก็ไม่วายส่งค้อนวงใหญ่ให้เขา ธีร์ภาณุยิ้มเล็กน้อยและส่ายหน้าช้าๆก่อนจะกล่าวขู่ว่า
“ถ้าหนูไอคิดจะวิ่งหนีลงจากรถ พี่ขอให้คิดให้ดีก่อนนะว่าระหว่างผู้หญิงตัวเล็กๆ กับผู้ชายตัวโตๆที่ขายาวกว่า ใครจะวิ่งเร็วกว่ากัน และถ้าวิ่งหนีไปจริงๆแล้วพี่จับตัวได้ พี่จะลงโทษหนูไอในแบบที่ พี่คิดว่าแฟนเก่าของหนูไอคงไม่เคยทำมาก่อนแน่ เพราะพี่เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ในเรื่องนี้ที่สุด”
ไอรักกำมือแน่นเม้มปากสนิทเป็นเส้นตรงไม่พูดอะไร ในเมื่อแค่ไปแนะนำตัวก็ไม่น่าจะมีอะไรมากมาย ถ้าอย่างนั้นเธอจะยอมนั่งรถไปจนถึงบ้านของเขาก่อน แล้วค่อยคิดหาทางแก้ไขดีกว่า เพราะถ้าขืนต่อล้อต่อเถียงกับชายหนุ่มอยู่อย่างนี้ เธอเองนั่นแหละจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ร่ำไป นี่ก็เสียเปรียบไปตั้งหลายขุมแล้ว คิดแล้วไอรักก็รู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้า เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่มีชายหนุ่มคนใด ได้สัมผัสใกล้ชิดเธอแบบเขาทำมาก่อน
ธีร์ภาณุขึ้นรถประจำที่นั่งคนขับ ชายหนุ่มชำเลืองมองหญิงสาวครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจกับความพยศของไอรัก
ความเงียบบนรถบวกแอร์เย็นๆ กับการเดินทางไกล ทำให้ไอรักหลับไปโดยไม่รู้ตัว ธีร์ภาณุเหลือบมองด้วยแววตาที่อ่อนโยน เขาจอดรถข้างทางปรับเบาะให้เธอได้นอนอย่างสบาย กลิ่นหอมของไอรักที่เขาได้สัมผัสครั้งแรกเมื่อเช้านี้ ยังติดอยู่ที่จมูกเขาตลอดเวลายิ่งได้สัมผัสใกล้ชิดกับร่างบาง นุ่มนิ่ม ทำให้เขาไม่อยากจะปล่อยเธอออกจากอ้อมแขนเลย น่าแปลกกับความรู้สึกอย่างนี้ ทั้งที่เขาเองก็เคยใกล้ชิดกับผู้หญิงหลายคนมาก่อน แต่กับไอรัก...ผู้หญิงที่พ่อเขาเลือกให้แล้วและบังคับว่าจะต้องแต่งงานด้วย ทั้งที่ไม่เคยได้รู้จักหรือสนิทกันมาก่อน กลับทำให้เขามีความสุขได้เวลาพูดจาต่อล้อต่อเถียงกับเธอ
หรือนี่จะเป็นรักแรกพบนะ หึๆ
แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่เธอบอกเมื่อเช้าว่าอยู่ด้วยกันกับผู้ชายมาแล้ว เขาก็ยักไหล่หน้าตาเคร่งขรึมลงทันที เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอก็จริง แต่มันก็ทำให้เขามองว่า เธอดูถูกตัวเองมากที่ทำร้ายความรู้สึกของพ่อกับแม่ของเธอเอง ด้วยการทำลายคุณค่าของผู้หญิงที่ควรรักษาไว้
ธีร์ภาณุถอนหายใจ มองดูหญิงสาวที่นอนหลับตาพริ้ม เวลาที่เธอหลับตาก็ดูน่ารักดีอยู่หรอก บางทีถ้าปรับความเข้าใจกันได้ และถ้าเขากับเธอได้คุยกันดีๆ มากกว่าการพูดหนึ่งคำแต่เถียงกันซะสามคำแบบนี้ อะไรก็คงจะดีขึ้น จะทำอย่างไรดีล่ะ ธีร์ภาณุยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อคิดแผนการบางอย่างได้ เขาขับรถต่อไปเรื่อยๆอย่างอารมณ์ดี เมื่อถึงทางแยกก่อนจะถึง ‘ท่าข้าวธงชัย’ ชายหนุ่มหักพวงมาลัยรถเลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางสายเล็กๆ ที่มีป้ายบอกทางไป... ‘ไร่แสงตะวัน’ โดยที่คนนอนหลับอยู่ข้างๆไม่ได้รู้ตัวเลยว่า จุดหมายปลายทางได้ถูกเปลี่ยนไปแล้ว“หนูไอตื่นได้แล้วครับ ถึงแล้ว” เสียงทุ้มของชายหนุ่มที่ดังอยู่ข้างหู ปลุกไอรักให้ตื่นจากการหลับใหล “ถึงบ้านคุณลุงแล้วหรือคะ” ไอรักพูดพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้นมอง ไปข้างหน้าแล้วก็หันมองรอบข้าง สุดท้ายหันไปจ้องตาผู้ชายตัวโต ที่ยืนอมยิ้มและจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว “นี่มันที่ไหน คุณพาฉันมาที่ไหนเนี่ย” เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็เริ่มก่อสงครามประสาทโวยวายทันที “ไร่แสงตะวัน” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับเปิดประตูก้าวลงจากรถ เขายืนบิดร่างกายเพื่อไล่ความเมื่อยที่นั่งขับรถมาเป็นเวลานาน ไอ
เมื่อเข้ามาถึงภายในบ้าน เธอจึงรู้ว่าประตูและหน้าต่างบานใหญ่แต่ละบานเป็นกระจกบานเลื่อน ผ้าม่านสีขาวนวลส่งผลให้ภายในบ้านแลดูสว่าง มีประตูด้านหนึ่งของบ้านเชื่อมต่อกับระเบียงกว้างๆที่มีโต๊ะกลมสีขาว พร้อมกับเก้าอี้อีกสองตัว มองเลยผ่านไปเห็นทิวเขาเป็นแนวอยู่ไกลๆ ไอรักเดินไปที่ระเบียงสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆแล้วผ่อนออกช้าๆ หญิงสาวคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตตัวเองในวันนี้ นี่เธอกำลังฝันอยู่หรือเปล่า เมื่อเช้าเธออยู่ที่บ้านของตนเอง แต่ตอนนี้เธอมาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วทำไมเธอต้องมาที่นี่ด้วย เพราะอีตาธีร์ภาณุนั่นคนเดียว อยากจะร้องไห้เสียจริงๆ อยากจะบอกป๊าให้ได้รู้ว่า เจ้าบ่าวที่ป๊าเลือกให้ไม่ได้ถูกใจลูกสาวคนนี้เลยสักนิด“นายหญิงคะ เชิญข้างในเถอะค่ะ ย่างเข้าหน้าหนาวอย่างนี้พอแดดร่มลมตกอากาศจะเย็นมาก วันนี้ลมหนาวพัดแรง เดี๋ยวจะไม่สบายได้นะคะ” ป้าบัวพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง“ค่ะป้าบัว” ไอรักเหนื่อยมาทั้งวันแล้วเธอไม่อยากจะพูดอะไร ตอนนี้เธออยากพักผ่อน“ป้าเตรียมน้ำอุ่นให้แล้ว นายหญิงอาบน้ำก่อน แล้วค่อยมาทานข้าวนะคะ ป้าจะทำกับข้าวให้สุดฝีมือเลยค่ะ ห้องน้ำอยู่ทางด
เมื่อลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ และเช็ดตัวเรียบร้อยแล้ว ไอรักจึงคิดได้ว่า ตัวเองไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเลยสักชุด แล้วที่สำคัญไม่มีชุดชั้นในเลย แล้วนี่จะใส่ชุดไหนล่ะ หญิงสาวคิดอย่างอารมณ์เสียอยู่คนเดียวในห้องน้ำ ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมตัวใหญ่มาพันตัว แล้วเปิดประตูเดินออกจากห้องน้ำ แต่ก็ต้องรีบพาตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องน้ำเหมือนเดิม“พี่ธีร์เข้ามาทำไม แล้วป้าบัวล่ะ” ไอรักถามเสียงดัง แต่คนที่นอนเหยียดตัวยาวเอกเขนกอยู่บนเตียงกว้าง ไม่ได้ใส่ใจที่จะตอบเลยสักนิด ธีร์ภาณุพลิกตัวหันมามองไอรัก ที่ตอนนี้มีเพียงใบหน้าขาวนวลที่โผล่ออกมาจากห้องน้ำ“จะยืนอยู่อย่างนั้นอีกนานไหม เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” ธีร์ภาณุลุกขึ้นจากเตียงแล้วก้าวยาวๆมาทางไอรัก หญิงสาวรีบดึงตัวเองกลับเข้าไปในห้องน้ำ และตั้งใจจะปิดประตู แต่ช้ากว่ามือของชายหนุ่มที่ดันประตูไว้ได้ทัน“พี่ไม่ทำอะไรหรอก แค่จะมาบอกว่าให้รีบใส่เสื้อผ้า จะได้มาทานข้าวเย็นด้วยกัน”“แล้วจะให้ใส่อะไรล่ะ ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาด้วยสักชุด อยู่ดีๆก็ถูกฉุดตัวมา” ธีร์ภาณุหัวเราะเบาๆ“ไม่ได้ฉุดมาสักหน่อย ป๊ากับแม่ของหนูไอเต็มใจยกหนูไอให้มากับพี่เอง
หญิงสาวเริ่มหยิบชุดออกมาเลือกทีละชุดแล้วเธอก็มาสะดุดตาที่ชุดชั้นใน ไอรักหยิบขึ้นมาดู แต่ละตัวมันเป็นขนาดที่พอดีกับตัวของเธอทั้งหมด นี่อีตาพี่ธีร์คงจะสั่งว่าเอาชุดแบบไหนและขนาดเท่าไรล่ะสิ คิดแล้วก็โมโหตัวเองที่สู้แรงของผู้ชายตัวโตไม่ได้“เจ็บใจนักคอยดูนะอย่าให้ถึงทีเราบ้างก็แล้วกัน ป๊านะป๊าไม่ได้เป็นห่วงลูกสาวบ้างเลย ปล่อยให้มากับใครก็ไม่รู้” ไอรักบ่นไปแต่งตัวไปไอรักแต่งตัวเสร็จแล้วจึงเปิดประตูห้องนอน เดินไปทางประตูที่เปิดออกสู่ระเบียงกว้าง เมื่อเลื่อนกระจกเปิดประตูก็ปะทะกับลมเย็นวูบหนึ่ง หญิงสาวจึงยกมือสองข้างขึ้นกอดอกตัวเองทันที ธีร์ภาณุที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วได้ยินเสียงปิดประตู เขาจึงละสายตาจากภาพตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้าเบื้องหน้า หันกลับมาพร้อมกับส่งยิ้มให้หญิงสาว“หนาวหรือครับหนูไอ”“นิดหน่อยค่ะ” ไอรักพูดพร้อมกับมองไปที่โต๊ะกลม ที่ตอนนี้มีอาหารหลายอย่างวางไว้ ส่งกลิ่นหอมน่ากินทั้งนั้น“กับข้าวน่ากินจังเลยค่ะ” ไอรักพูดพร้อมกับเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ โดยไม่ต้องรอให้ชายหนุ่มเชิญ ธีร์ภาณุเดินอ้อมมาที่ด้านหลังไอรัก หยิบผ้าแพรผืนบางสีครีมที่วางอยู่บนโต
ป้าบัวถือถาดอาหารเดินนำหน้าเด็กหญิงน้อยหน่า ที่เดินตามหลังอย่างอ้อยอิ่งจนต้องถูกเรียก“น้อยหน่าเร็วๆเข้า” เมื่อถูกเรียกเสียงดังเด็กหญิงจึงรีบเดินตามหลังป้าบัวไป“ปล่อยค่ะ” ไอรักออกคำสั่งเสียงดุโดยไม่ได้มองหน้าชายหนุ่ม เมื่อน้อยหน่าปิดประตูกระจกบานใหญ่แล้ว ธีร์ภาณุปล่อยอย่างว่าง่าย ไอรักถอนหายใจ“หนูไอขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ” เธอไม่อยากจะก่อเรื่องทะเลาะกับผู้ชายตัวโตคนนี้อีกแล้ว เพราะดูเหมือนเธอจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเองทุกครั้ง ไอรักหมุนตัวก้าวเท้าเดินเร็วๆตรงไปเลื่อนเปิดประตูกระจก เพื่อจะเข้าไปในห้องนอน เธอปิดประตูล็อกอย่างแน่นหนา แล้วหันหลังกลับหวังว่าจะนอนหลับให้สบายบนเตียงกว้างแต่ก็ต้องตกใจ ความโกรธเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้งธีร์ภาณุกำลังเปิดตู้เสื้อผ้า เขาค้นๆรื้อๆอยู่สักพักก็หันหน้ากลับมาเจอกับใบหน้าอันบูดบึ้งของไอรัก“พี่ธีร์เข้ามาได้ยังไงคะ”“ก็เดินเข้ามาทางนี้ไงจ๊ะ” ไอรักมองไปที่ประตูกระจกบานใหญ่ที่เชื่อมต่อกับระเบียง จริงสินะ บ้านหลังเล็กนี้มีระเบียงรอบบ้าน แล้วเธอก็ยังไม่ได้ปิดล็อกประตูระเบียงชายหนุ่มเริ่มถอดเสื้อผ้า เขาใช้ผ้าขนห
“นอนเถอะครับ พี่ไม่ทำอะไรหนูไอแน่นอน สัญญาครับ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเดินเข้าใกล้“ไม่เชื่อหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูไอไปนอนข้างนอกก็ได้” ธีร์ภาณุส่ายหน้าระอากับความดื้อรั้นของผู้หญิงตัวเล็กๆที่อยู่ตรงหน้า“แล้วจะให้ทำยังไงถึงจะเชื่อ” ชายหนุ่มก้มหน้าถาม ใบหน้าแทบจะชนกัน ไอรักหลับตาปี๋หดคอลง และใช้มือยันแผ่นอกกว้างของชายหนุ่มไว้“พี่ธีร์ถอยออกไปก่อนค่ะ หนูไออึดอัด” หญิงสาวพยายามจะเบี่ยงตัวออกให้ห่างจากชายหนุ่ม ที่ตอนนี้จ้องมองเธอด้วยแววตาแปลกๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้เธอหวั่นใจ เธอเริ่มกลัวการอยู่ใกล้ๆเขา ยิ่งในห้องนอนมิดชิดอย่างนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะไปร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้ล่ะไอรักเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหายใจติดขัด หัวใจเต้นโครมคราม“พี่ธีร์คะ กรุณาให้เกียรติหนูไอด้วยค่ะ” เธอพยายามพูดให้ดูเหนือกว่าเขา ชายหนุ่มถอยห่างจากไอรักสองสามก้าว เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อย และผายมือไปยังเตียงกว้าง“ครับ...เชิญ”“พี่ธีร์คะ ตกลงว่าจะไม่ยอมเข้าใจอะไรเลยใช่ไหม เรายังไม่ได้แต่งงานกันจะนอนร่วมเตียงร่วมห้องกันได้ยังไง” ชายหนุ่มยืดตัวเต็มความสูงยืนตรง เขายักไหล่ยิ้มที
“เชอะ! ใครจะไปสนใจ” หญิงสาวพูดเบาๆพร้อมกับก้าวเท้าลงจากเตียง เธอเดินตรงเข้าห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี อย่างน้อยเช้านี้ก็เป็นเช้าที่สดใสสำหรับเธอ เพราะไม่ต้องทนเห็นหน้าอีตาพี่ธีร์นั่นเมื่อจัดการทำธุระส่วนตัวเสร็จ ไอรักจึงเดินออกไปนอกระเบียง เพื่อรับประทานอาหารเช้า น้อยหน่าที่ยืนรอคอยบริการอยู่แล้วยิ้มแป้นพูดอย่างกระตือรือร้นว่า“เชิญค่ะนายหญิง น้อยหน่าเตรียมอาหารไว้รอแล้วค่ะ วันนี้ป้าบัวทำข้าวต้มกุ้งน่าทานมากเลยค่ะ” ไอรักยิ้มให้น้อยหน่าเล็กน้อยแล้วนั่งลงบนเก้าอี้“น่าทานจริงๆด้วยน้อยหน่า หอมจัง เออนี่แน่ะ...น้อยหน่าเรียกพี่ว่า พี่หนูไอก็ได้นะจ๊ะ” ไอรักพูดพร้อมกับยิ้มหวานส่งให้น้อยหน่า เด็กหญิงมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย“เราจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นไงล่ะจ๊ะ ไหนลองเรียกพี่ใหม่ซิ”“เอ่อ...ค่ะ พี่หนูไอ” น้อยหน่าทวนเรียกชื่อไอรักพร้อมกับยิ้มแป้นแก้มแทบปริ ที่ได้รับสิทธิ์เรียกนายหญิงของไร่ว่าพี่ไอรักทานอาหารมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อย น้อยหน่ายืนยิ้มมองดูไอรักทานข้าวต้มอยู่สักพักก็พูดขึ้นว่า“พี่หนูไอจะมาเป็นนายหญิงที่นี่ใช่ไหมคะ” ไอรักชะงักเล็กน้อยแต่ไม่ได
“แหมๆ ข้ายังไม่ได้พูดอะไรสักคำ ว่าแต่นายหญิงแน่ใจหรือว่าจะขับรถคันนี้น่ะครับ เพราะมันชอบทรยศคนขับบ่อยๆ เห็นมีแต่นายเล็กเท่านั้นที่รู้ใจมัน ใช้ขับไปไหนมาไหนในไร่นี้ได้น่ะครับ คนอื่นจะขับบางทีก็สตาร์ทไม่ติด หรือบางทีก็ไปดับอยู่ท้ายไร่โน่นแน่ะ”ไอรักยิ้มให้ลุงมิ่งก่อนจะพูดว่า“ไม่เป็นไรค่ะลุง หนูไออยากขับรถเล่นนิดหน่อย ถ้าไม่ลองขับแล้วจะรู้ได้ยังไงว่ารถคันนี้กับหนูไอจะรู้ใจกันหรือเปล่า”ลุงมิ่งไม่อยากทัดทานอะไรมาก เพราะถ้านายหญิงเกิดไม่พอใจขึ้นมาจริง ตัวลุงมิ่งเองอาจจะโดนปลดระวางอย่างที่น้อยหน่าขู่ไว้จริงๆ ชายสูงวัยจึงเดินไปหยิบกุญแจที่ตู้เก็บของมาส่งให้ไอรัก หญิงสาวรับกุญแจมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างลุงมิ่งมองดูไอรักขับรถออกจากโกดังตรงไปตามส้นทางเข้าสู่ไร่อ้อย อย่างน้อยก็มีน้อยหน่านั่งไปเป็นเพื่อน ถ้าเจ้ารถจี๊ปตัวดีเกิดมีปัญหาขึ้นมาก็ไม่น่าห่วงอะไรมาก เพราะน้อยหน่าคงพาเดินมาทางลัดของไร่ซึ่งสามารถกลับมาถึงบ้านได้ไม่ยากไอรักขับรถเรื่อยๆไปตามทาง พยายามสังเกตและจดจำทุกอย่างที่น้อยหน่ากำลังบรรยายให้ฟัง“ถนนเส้นนี้เป็นถนนสุดเขตไร่แสงตะวันค่ะพี่หนูไอ เล
“นอนเถอะค่ะ พี่เมฆ พรุ่งนี้ต้องพาพิมพ์ไปช้อปแต่เช้า” ร่างเล็กขยับตัวเอื้อมไปปิดไฟที่หัวเตียง พิมพ์รพีพรขยับตัวซุกหน้าเข้ากับอกอุ่นของสามี“รักพิมพ์จังเลย พิมพ์รักพี่บ้างไหม วันนี้ยังไม่ได้ยินคำบอกรักเลย” มือใหญ่เลื่อนไปวางทาบบนสะโพกเต่งตึง รั้งกระโปรงชุดนอนแสนเซ็กซี่ที่เขาเป็นคนจัดใส่กระเป๋าเองกับมือขึ้น แล้วลูบไล้เบาๆ พิมพ์รพีพรเริ่มหายใจติดขัดกับสัมผัสแผ่วเบานั้น“รักไหม บอกหน่อย”เสียงทุ้มกระซิบถามชิดใบหูเล็ก“ไม่รักจะหึงทำไมล่ะ”เสียงหวานที่ตอบไปนั้นสั่นพร่า ปลัดเมฆาจับพลิกร่างบางขึ้นทาบทับบนร่างตัวเอง“พี่เมฆ! นอนได้แล้ว ขับรถทั้งวันไม่เหนื่อยหรือไง”“ไม่เหนื่อยสักนิด ทำอะไรได้อีกตั้งหลายท่า เอ๊ย!หลายอย่าง” พิมพ์รพีพรทุบอกกว้างของสามี เธอแนบหน้าอยู่ที่อกข้างซ้ายของเขา เสียงหัวใจเต้นแรงเป็นจังหวะ มันอบอุ่นเหลือเกินคนไม่เหนื่อยปรนเปรอคนหึงด้วยบทรักเร่าร้อน เสียงบอกรักกันและกันหวานยิ่งนัก ก่อนที่ทั้งคู่จะหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน ด้วยความรู้สึกอิ่มเอมในหัวใจพิมพ์รพีพรพาตัวเองเดินตามกลิ่นหอมของอาหาร
“ถ้าอย่างนั้นพิมพ์กลับไปนอนที่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่ดีกว่า”“ไม่ยอม”“ไม่สน”“ใจร้าย” พิมพ์รพีพรเลิกคิ้วสูง เมื่อโดนข้อกล่าวหาว่าใจร้าย“พิมพ์จะปล่อยให้พี่นอนเหงาคนเดียวเหรอ ใจร้ายเกินไปแล้ว” ปลัดเมฆาตีหน้าเศร้า“ทีเมื่อก่อนยังมานอนคนเดียวได้บ่อยๆนี่คะ ไม่มีพิมพ์มาด้วยซะหน่อย”“ก็มันไม่เหมือนกัน ตอนนั้นไม่มีพิมพ์ แต่ตอนนี้มีแล้ว มีแล้วก็ขาดไม่ได้” พิมพ์รพีพรอมยิ้มแอบดีใจ“นอนด้วยกันแหละ นะๆ” เสียงทุ้มออดอ้อน“ห้ามรังแกพิมพ์”“อือ...ไม่รังแกเกินสามยก”“พี่เมฆ!” พิมพ์รพีพรเรียกสามีเสียงสูง ปลัดเมฆาหัวเราะชอบใจ“คนลามก” พิมพ์รพีพรบ่นเบาๆ“ยอมรับ...ลามกและหื่นมากๆๆ” ปลัดเมฆายังพูดยั่วคนตัวเล็ก ที่หน้าแดงเรื่อจนเห็นได้ชัด พิมพ์รพีพรอ้าปากจะเถียงต่อ แต่ปลัดเมฆาชิงพูดตัดบทเสียก่อน“ถึงแล้วครับ สงบศึกชั่วคราว” พิมพ์รพีพรทำจมูกย่นไม่พอใจ ปลัดเมฆาบีบจมูกรั้นนั้นเบาๆ“ลงไปได้แล้วครับ คุณภรรยาคนสวย”“แม็กกี้...ทางนี้” หญิงสาวประเภทสองที่รวมกลุ่มอยู่กับกลุ่มเพื่อนข
“อยากอยู่อย่างนี้นานๆ” ปลัดเมฆาออดอ้อน “พิมพ์หนักค่ะ พี่เมฆตัวใหญ่ยังกะยักษ์” พิมพ์รพีพรประท้วงเบาๆ ปลัดเมฆาถอดถอนกายออกแล้วเคลื่อนตัวลงมานอนเคียงข้างหญิงสาว มือใหญ่รั้งร่างนุ่มนิ่มเข้ามากอด พิมพ์รพีพรเบียดกายเข้ากับอกกว้าง “สัญญาได้ไหมว่าต่อไปนี้เราจะคุยกันทุกเรื่อง” ปลัดเมฆาพูดอยู่เหนือศีรษะหอมกรุ่น พิมพ์รพีพร เงยหน้าขึ้นสบตาคนพูด “ค่ะ...คุยกันทุกเรื่อง” กลีบปากบางคลี่ยิ้มหวานตอบแบบไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่สามีพูด “วันนี้พี่โทรหาไอ้ธีร์ แล้วพี่ก็ได้คุยกับหนูไอด้วย” “หมายความว่า...” “พิมพ์ฟังพี่นะ” พิมพ์รพีพรพยักหน้า แล้วซุกหน้าลงแนบที่อกกว้าง รอฟังในสิ่งที่ปลัดเมฆากำลังจะพูด “เรื่องราวระหว่างเราในตอนแรกอาจจะเกิดขึ้น เพราะความอยากเอาชนะของพี่ แต่วันนี้มันไม่ใช่แล้ว พี่รักพิมพ์ รักผู้หญิงที่พี่ขโมยจูบแรกของเธอมา วันนั้นที่หนูไอโทรมาหาพิมพ์ พี่ยังไม่ได้บอกไอ้ธีร์ว่าเราจะแต่งงานกัน เพราะเห็นว่าหนูไอท้องอ่อนๆอยู่ พี่เลยไม่อยากบอก
มือใหญ่ลูบไล้ไปตามผิวเนื้อเนียนนุ่ม ไล้เรื่อยมายังทรวงอกอวบหยุ่น หยอกเย้าและเคล้นคลึงทั้งสองข้างอย่างปลุกเร้าอยู่เนิ่นนาน แล้วเลื่อนต่ำลงไปยังหน้าท้องแบนราบ ปลัดเมฆาผละจากริมฝีปากบาง ลิ้นร้อนของเขาไล้เลียมาตามลำคอระหง ลากผ่านมาจนถึงทรวงอกที่กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจของเจ้าของ ปากร้อนร้ายกาจดูดดึงและไล้เลียจากฐานอกอวบ แล้วเข้าครอบครองดูดกลืนตุ่มไตสีหวาน ป่ายปัดรัวเร้าจนร่างบางแอ่นกายเสียวสะท้าน พิมพ์รพีพรสอดมือทั้งสองเข้าไปในกลุ่มผมของปลัดเมฆา กดรั้งศีรษะทุยให้แนบกับร่างของตนเองอย่างลืมตัวท่อนขาแกร่งแทรกลงระหว่างขาเรียว ขณะที่ใบหน้าของชายหนุ่มเลื่อนต่ำลงเรื่อยๆ จมูกโด่งถูไถไปตามหน้าท้องแบนราบ มือใหญ่จับต้นขาขาวแยกกว้าง แล้วตั้งชันขึ้น พิมพ์รพีพรรู้สึกวูบไหวในช่องท้อง ร่องดอกไม้กลางกายสาวหลั่งน้ำหวานออกมาจนชุ่ม หญิงสาวหอบหายใจแรงขึ้น“อื้อ...” พิมพ์รพีพรบิดตัวครางสะท้านด้วยความเสียวซ่าน เมื่อปลายลิ้นร้อนแตะติ่งกลางกายสาวแผ่วเบาในครั้งแรก ก่อนจะตวัดรัวเร็วสร้างกระแสความหวามไหวอย่างรุนแรง นิ้วเท้าจิกงองุ้มลงบนที่นอนแน่น สะโพกเต่งตึงยกลอยขึ้นอย่างท้าทาย ลมหายใจขาดเป็นห้วง
“ทำให้ขนาดนี้รักกันสักนิดหรือเปล่า” เสียงรำพึงเบาๆหลุดออกจากริมฝีปากบาง พูดจบเธอก็เลือกที่จะหันหลังทันที จึงไม่ได้เห็นว่าคนที่ได้ยินคำถามขมวดคิ้วแล้วคลายออกอย่างรวดเร็ว พิมพ์รพีพรปิดไฟทุกดวงในห้องก่อนจะเดินมานั่งลงบนเตียง ความรู้สึกอ่อนยวบเล็กน้อยข้างกายทำให้ปลัดเมฆานอนยิ้มอย่างย่ามใจคนตัวเล็กในชุดนอนที่แสนเซ็กซี่ สอดตัวเองลงใต้ผ้าห่มอุ่นผืนเดียวกันกับคนนอนโป๊อยู่ โดยลืมคิดถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะความที่คิดว่าอีกคนเมาหลับเป็นตายไปแล้ว เธอคงไม่ต้องระวังตัวอะไร พิมพ์รพีพรนอนตะแคงมองหน้าคมเข้มในความมืดสลัว มือเล็กยกขึ้นสัมผัสเบาๆไปตามใบหน้าหล่อเหลา“เราแต่งงานกันเพราะอะไรนะ พี่เมฆแค่อยากเอาชนะพิมพ์ใช่ไหม รักพิมพ์สักนิดหรือเปล่า” เสียงหวานฟังแล้วเศร้า จนคนได้ยินอยากจะชกปากตัวเอง นี่เขายังไม่เคยบอกรักเมียตัวเองนี่นา ที่พิมพ์รพีพรไม่ยอมให้เขาทำอะไรตามใจ เพราะเธอยังไม่มั่นใจในตัวเขาเองหรอกหรือ ริมฝีปากหยักได้รูปคลี่ยิ้ม ลืมตาขึ้น แล้วเอ่ยเสียงดังฟังชัด“เพราะพี่รักพิมพ์”มือเล็กถูกเจ้าของดึงกลับ พิมพ์รพีพรดีดตัวลุกขึ้นนั่ง“พี่เมฆ นี่แกล
“พิมพ์ขอโทษนะคะ เดี๋ยวพิมพ์จะเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ไถ่โทษที่ผิดนัดก็แล้วกันนะ” พิมพ์รพีพรคลานลงจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำ ปลัดเมฆาหรี่ตามองตามร่างเล็กสมส่วนแล้วอมยิ้มพิมพ์รพีพรออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับกะละมังใบเล็ก ผ้าขนหนูและน้ำอุ่นอยู่ในนั้น แล้ววางมันไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง คนที่นอนหลับตารอการทำความสะอาดจากเมีย ใจเต้นโครมคราม เขาอยากจะกระโดดลงจากเตียงแล้วดึงเธอเข้ามากอดตั้งแต่ตอนที่เห็นว่า พิมพ์รพีพรอยู่ในชุดนอนที่แสนเซ็กซี่นั้นแล้ว แต่ก็อยากจะดูว่าหญิงสาวจะทำยังกับตนเองคนตัวเล็กนั่งมองร่างของคนตัวโตที่เหยียดยาว แล้วถอนหายใจแรงก่อนที่จะค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตให้เขาจนหมดแถว แล้วแยกสาบเสื้อออกจากกัน หน้าอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม อย่างคนสุขภาพดีที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ทำให้พิมพ์รพีพรใจเต้นแรง ถึงจะเคยสัมผัสแนบชิดกันมาแล้ว แต่เธอไม่เคยได้มองเขาอย่างเต็มตาอย่างนี้ มือเล็กดึงชายเสื้อออกจากกางเกง แล้วพิมพ์รพีพรก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง“จะถอดยังไงล่ะเนี่ย ตัวใหญ่ยังกะยักษ์” ปากเล็กจิ้มลิ้มบ่นอุบอิบ เธอค่อยๆปลดเข็มขัด แกะกระดุมแล้วรูดซิปกางเกงลง ปฏิบัติการแ
“เดี๋ยวนี้ใช้ภาษาวัยรุ่นนะย่า”“อ้าว...โลกหมุนเร็ว ย่าต้องหมุนตามให้ทัน ถึงหมุนตามแล้วจะเวียนหัวก็จะทนเอา” ย่าและหลานสาวสบตาหัวเราะขึ้นพร้อมกัน“ป้าสมใจรบกวนยกเอกสารบนโต๊ะไปที่รถให้พิมพ์หน่อยนะคะ คืนนี้คงต้องเอากลับไปเคลียร์ที่บ้าน”“จ้ะ...คุณพิมพ์” นางสมใจนั่งดูย่ากับหลานคุยกันอยู่รับคำ แล้วลุกไปเก็บเอกสาร ไปไว้ที่รถตามที่พิมพ์รพีพรสั่ง“เอ่อ...คุณพิมพ์คะ” นางสมใจยืนรอส่งพิมพ์รพีพรที่รถ กระซิบกระซาบเรียกหญิงสาว“มีอะไรหรือเปล่าคะ ป้าสมใจ” นางสมใจเหลียวซ้ายแลขวา ก่อนจะเขยิบเข้าใกล้อีกนิด“ป้าจะบอกว่า ถ้าผัวงอนเราต้องง้อนะ ถ้าไม่ง้อระวังมอคอปอดอนะคะ”พิมพ์รพีพรขมวดคิ้วงง“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิคุณพิมพ์ คุณพิมพ์รู้ไหมสัดส่วนของผู้หญิงในโลกนี้มันมีเยอะกว่าผู้ชายมาก ถ้าเราไม่เอาใจผัวให้ดี ป้ารับรองเลยว่าจะมีคนเสนอตัวมาเอาใจแทนเราแน่ ยิ่งพ่อปลัดของคุณพิมพ์นะ หน้าที่การงานก็ดี รูปก็หล่อ พ่อก็รวย สาวๆทั้งอำเภอต่อคิวรอเสียบแทนคุณพิมพ์เป็นร้อย”“ค่ะ” คือพิมพ์รพีพรไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรออกไป จึงได้แต่ยืนนิ่งฟังสิ่งที่
“ไม่ได้ค่ะ...ห้ามทำรุ่มร่ามที่บริษัท”“ก็ทีหนุงหนิงยัง...” นิชาชี้หน้าสามีด้วยแววตาดุ ทำให้พีรพลหยุดพูดต่อ“พีรู้ใช่ไหมว่าหนุงหนิงทำเพราะอะไร” สามีหนุ่มพยักหน้ารับทราบ แววตาเศร้าๆ“ห้องทำงานคือห้องทำงานค่ะ ไว้คืนนี้หนุงหนิงจะต่อภาคสองให้นะ” ประโยคสุดท้ายนิชากระซิบข้างหูสามีเบาๆ คนได้ยินยิ้มกว้าง กดจมูกฝังที่แก้มเนียนแรงๆ นิชาตีแขนที่โอบเอวเธออยู่เบาๆ“งั้นไปกินข้าวกันเถอะ” นิชาพาตัวเองลงจากตักสามี พีรพลลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วคว้ามือเล็กมากุมไว้“พีว่าจะต่อเติมห้องทำงานเดิมของพีเป็นห้องพักผ่อนสำหรับเราดีกว่าเนอะ เผื่อช่วงไหนเรามีงานเยอะ จะได้ค้างที่นี่เลย” นิชาหันกลับมามองหน้าสามีอย่างรู้ทัน พีรพลยักคิ้วให้อย่างท้าทาย“ก็ห้องทำงานคือห้องทำงาน ห้องพักผ่อนก็คือห้องพักผ่อนไง จริงๆนะ”“นี่ยายพิมพ์ยังไม่กลับมาจากโรงพยาบาลหรือ เย็นมากแล้วนะ เห็นว่ามีนัดไปงานเลี้ยงกับพ่อปลัดไม่ใช่เหรอ” ย่าพรเอ่ยขึ้นลอยๆ ชะเง้อคอมองไปประตูรั้วทางเข้าบ้าน“เอ่อ...เห็นไอ้ลั่นมันขับรถคุณพิมพ์กลับมาเอาของเมื่อตอนบ่าย แล้วก็ขับออกจากบ้านไ
“เมรอได้ค่ะ” เมธาวียังดื้อดึง“รอได้ตามสบายเลยนะเม แต่ตอนนี้เชิญเมไปรอข้างนอกก่อนนะ เพราะหนุงหนิงต้องปรึกษางานกับพีก่อนเข้าประชุมจ้ะ เอ่อ...เป็นข้อมูลลับของบริษัทน่ะ เมคงจะเข้าใจนะ” เมธาวีอ้าปากค้างหันไปขอความเห็นใจจากพีรพล แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะยิ้มอย่างเดียวเท่านั้น“เอ่อ...เดี๋ยวเมจะรอที่ห้องรับรองนะคะ” เมธาวีลุกขึ้นยืนแล้วสะบัดหน้าเล็กน้อย ก่อนจะก้าวฉับๆออกจากห้องไป พีรพลหันไปสบตาภรรยาตัวเอง นิชายักไหล่ก้มทำงานต่อโดยไม่พูดอะไร“เอ่อ...หนุงหนิงจ๊ะ วันนี้เรามีประชุมด้วยเหรอ แล้วหนุงหนิงมีอะไรจะปรึกษากับพีอะ” พีรพลถามด้วยน้ำเสียงเกรงๆ เพราะหน้าตาของภรรยาหลังจากที่เมธาวีออกไปแล้ว ช่างนิ่งเรียบดั่งทะเลสงบรอเวลาเกิดพายุลูกใหญ่“ยังไม่รู้เหมือนกัน ขอเวลาคิดก่อนนะ”“อ้าว!” พีรพลขมวดคิ้ว นิชายิ้มเล็กน้อยแล้วก้มหน้าทำงานต่อไปสามสิบนาทีผ่านไป เมธาวีนั่งกระวนกระวายอยู่ในห้องรับรอง จนในที่สุดตัดสินใจเดินออกจากห้อง“คุณเมธาวีจะรับกาแฟเพิ่มหรือคะ” พนักงานสาวเดินมาดักหน้าเธอไว้ ขณะที่เลขาหน้าห้องพีรพลมองเห็นเมธาวีเดินออกมาจากห้อง เธอจึงยกหูโทรศัพ