กรมการกลาโหม เมืองหนานอัน แคว้นต้าตง
ใต้เท้าหลิน ใต้เท้าโจว แม่ทัพใหญ่ฟาง รวมไปถึงรองแม่ทัพฟางเซี่ยหมินได้มารวมตัวเพื่อปรึกษากันถึงเรื่องข่าวที่รองแม่ทัพฟางเซี่ยหมินได้รู้มาจากทางใต้ ในระหว่างที่เขาออกไปทำศึกกับแคว้นต้าเหลียง และข่าวที่เขาได้รับมานั้นได้รับการยืนยันแล้วว่ามันคือเรื่องจริง
“เจ้าแน่ใจนะท่านรองแม่ทัพ” ใต้เท้าโจวเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“แน่ใจขอรับ…ท่านใต้เท้า ข่าวนี้กระผมได้ให้นายทหารที่ไว้ใจได้ขี่ม้าไปสืบข่าวดูที่ชายแดนทิศเหนือ จึงได้รู้ว่าท่านแม่ทัพทิศเหนือมีส่วนรู้เห็นเรื่องที่ทหารจากแคว้นต้าเหลียงบุกมารุกรานทิศใต้ของทางแคว้นต้าตงของเรา” รองแม่ทัพหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เรียกสีหน้าเคร่งเครียดจากใต้เท้าทั้งสองและท่านแม่ทัพใหญ่ผู้เป็นบิดาของเขา
“ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วพวกเราจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี"
เจ้ากรมการยุติธรรมเอ่ยถามออกมาด้วยความหนักใจ เพราะแม่ทัพทางทิศเหนือนั้นก็เป็นขุนนางที่ตนรู้จักมานาน เขาแทบจะไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างแม่ทัพทิศเหนือจะก่อกบฏได้ หรืออาจจะเป็นเพราะสาเหตุที่แม
วันต่อมารองแม่ทัพหนุ่มเดินทางไปเยี่ยมคู่หมั้นสาวกับครอบครัวของนางถึงจวนสกุลหลินตามที่ได้บอกกล่าวนางเอาไว้ตั้งแต่วันแรกที่เขากลับมาแล้วบังเอิญเจอนางเข้าพอดี ทำให้ได้มีโอกาสทักทายและพูดคุยกันอยู่ครู่ใหญ่เรือนรับรองจวนสกุลหลิน“คารวะท่านใต้เท้าหลินกับหลินฮูหยินขอรับ” รองแม่ทัพหนุ่มคำนับสองสามีภรรยา เรือนรับรองที่ตอนนี้ใช้รับแขก ชายหนุ่มซึ่งจะได้มาเป็นเขยของสกุลหลินในอีกไม่ช้า“ตามสบายรองแม่ทัพฟาง” ขนมพร้อมกับน้ำชาถูกเด็กรับใช้ของเรือนใหญ่นำมาเสิร์ฟ ก่อนที่หลินหยางจะให้บ่าวรับใช้ไปตามคุณหนูสี่ออกมาพบกับคู่หมั้นของนาง“แล้วนี่ท่านเพิ่งจะกลับมาจากชายแดนใต้อย่างนั้นหรือ” หลินฮูหยินเป็นฝ่ายเอ่ยถามออกมา“ใช่ขอรับ.. ข้าน้อยเพิ่งจะกลับมาจากการรบจากชายแดนใต้เมื่อวานนี้ขอรับ” เขาตอบหลินฮูหยินด้วยน้ำเสียงสุภาพ“แล้วฟางฮูหยินเป็นเช่นไรบ้าง ช่วงนี้ข้ามิได้พบนางเลย” เพราะไม่ค่อยได้ออกจากจวนไปที่ใด หลินฮูหยินจึงไม่ได้พบกับมารดาของอีกฝ่าย“ท่านแม่ของข้าน้อยสบายดีขอรับ เห็นบอกว่าจะมาเยี่ย
เรือนอนุซูฉีก่อนที่รองแม่ทัพหนุ่มจะเดินทางกลับไปจวนแม่ทัพเขาได้แวะไปคารวะมารดาของคู่หมั้นสาว ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นเพียงอนุภรรยาของจวนนี้ แต่นางก็คือมารดาที่ให้กำเนิดว่าที่ภรรยาของเขามา ชายหนุ่มไม่รังเกียจที่นางต่ำต้อยหรือไม่มีกำลังในการสนับสนุนภรรยาของเขา แต่นางก็เป็นมารดาที่น่านับถือ มิเช่นนั้นแล้วเขากับนางคงจะไม่มีวันที่จะได้เจอกัน“รองแม่ทัพฟางนี่เขาดูเป็นชายหนุ่มที่มีอนาคตไกลจริงๆ นะเหมยเอ๋อร์” อนุซูฉีเอ่ยชื่นชมคู่หมั้นของบุตรสาวหลังจากที่เขาลากลับไป“เจ้าค่ะท่านแม่ ท่านพี่เขาเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์และมุ่งมั่นทำในหน้าที่ของเขา”หลินซูเหมยบอกมารดาด้วยน้ำเสียงสดใส อนุซูฉีมองบุตรสาวด้วยแววตาเอ็นดู บุตรสาวของนางกำลังมีความรักเสียแล้ว แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะอีกไม่นานสองหนุ่มสาวก็จะได้แต่งงานออกเรือนไปอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว หากแต่งงานกันเพราะความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันมันย่อมดีกว่าการแต่งงานกันเพราะความต้องการของใครแค่ฝ่ายเดียว“พรุ่งนี้ท่านพี่เขาอยากให้ข้าไปพบที่ตลาด เดี๋ยวข้าค่อยไปขออนุญาตท่านพ่อกับแม่ใหญ่
รถม้าเคลื่อนออกจากจวนสกุลหลินยามเชิน* หลินซูเหมยนั่งอยู่ภายในรถม้าที่วิ่งไปตามเส้นทาง เสี่ยวเอ๋อมองคุณหนูห้าก่อนที่จะยิ้มออกมา“คุณหนูเจ้าคะ… ในสายตาของคุณหนู ท่านรองแม่ทัพฟางเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ”นางเอ่ยถามคุณหนูออกมาด้วยความอยากรู้ นางเองก็ยังไม่เคยมีความรักและไม่รู้ว่าชีวิตนี้นางจะได้แต่งงานไปกับใครสักคนหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่าชีวิตของนางจะถูกลิขิตให้มาเป็นบ่าวรับใช้คุณนายเล็กและคุณหนูห้าตั้งแต่เด็กๆ แล้ว“ท่านพี่เป็นคนดี เขาไปออกรบเพื่อป้องกันบ้านเมืองมิให้ข้าศึกเข้ามารุกราน ปกป้องประชาชนแคว้นต้าตงของเราให้อยู่กันอย่างสงบสุข” น้ำเสียงที่ชื่นชมอีกฝ่ายออกมาอย่างปิดไม่มิดทำให้เสี่ยวเอ๋อฉีกยิ้มออกมา แสดงว่ารองแม่ทัพฟางผู้นี้จะถูกใจคุณหนูห้าของนางอยู่ไม่น้อย“แล้วคุณหนูมิกลัวว่าเขาจะพลาดพลั้งให้กับข้าศึกบ้างหรือเจ้าคะ”“กลัวสิ… แต่ข้ามองว่าท่านพี่ได้ทำหน้าที่ของเขาอย่างดีที่สุดแล้ว พวกเราคนที่อยู่เบื้องหลังทำอันใดให้บ้านเมืองของเราให้สงบสุขได้ก็ควรทำ เห็นสิ่งใดที่ไม่ดีไม่ถูกไม่ควรก็อย่าไปให้การ
หลังกลับมาจากการไปพบกับคู่หมั้นหนุ่มที่ตลาด หลินซูเหมยก็รู้สึกใจหายแปลกๆ หญิงสาววัยแรกแย้มเดินตรงไปด้านหลังจวน ซึ่งเป็นสวนดอกไม้และสระน้ำที่มีศาลาริมน้ำอยู่ เสี่ยวเอ๋อที่ติดตามมาก็ไม่ได้แย้งคุณหนูห้าของนางแต่อย่างใด นางเดินตามคุณหนูห้าของนางไปเงียบๆ เพราะนางเข้าใจว่าคุณหนูห้าคงจะรู้สึกอาลัยอาวรณ์คู่หมั้นของนาง ที่มีแผนการเดินทางไปชายแดนทางทิศเหนือของแคว้นต้าตงในวันรุ่งขึ้นร่างบางเดินไปหยุดอยู่ที่สวนดอกไม้ก่อนที่ทอดสายตามองไปยังสระน้ำที่นางเคยตกลงไปแล้วกลับขึ้นมาเป็นนางอีกคน สิ้นวาสนาจากชาติภพก่อน โชคชะตาพัดพานางมาเกิดใหม่ในที่ที่แสนไกล สถานที่นางไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง ได้พบเจอกับเขาผู้เป็นคู่หมั้นของนางก็ถือว่าเป็นพรหมลิขิต แต่ชาติภพนี้นางจะทำอันใดได้กันนะ ศึกสงครามตอนนี้คือสงครามแบบไหน นางก็มิอาจรู้ได้ เปลือกตาบางปิดลงอย่างช้าๆ พรางผ่อนลมหายใจออกมา“คุณหนูเจ้าคะ พรุ่งนี้ท่านรองแม่ทัพฟางก็จะออกเดินทางไปทิศเหนือแล้ว คุณหนูน่าจะทำขนมให้ท่านรองแม่ทัพไปกินระหว่างทางนะเจ้าคะ”เสี่ยวเอ๋อแนะนำคุณหนูของนางด้วยความเข้าใจ นางเองก็อยากจะได้ร่ำลาใครบางคนที่นางไม
ลินหยางไม่ได้ห้ามปราม เพราะเขากับหลินฮูหยินได้คุยกันเรื่องนี้กับหลินซูเหมยมาครั้งหนึ่งแล้ว เรื่องที่นางจะทำขนมส่งไปขายที่ร้านพ่อตาแม่ยายของตนหรือร้านท่านตาท่านยายของนาง แต่เขาก็ยังเป็นห่วงที่นางยังเด็ก กลัวว่านางจะไม่ทันคนจึงให้รองแม่บ้านหลันติดตามนางไปด้วย“ขอบพระคุณท่านพ่อกับท่านแม่ใหญ่เจ้าค่ะ”หญิงสาวยิ้มออกมาก่อนที่จะคำนับลาแล้วเดินออกจากเรือนใหญ่ไปที่นั่งรถม้า วันนี้นอกจากเสี่ยวเอ๋อก็เลยมีป้าหลันติดตามคุณหนูห้าออกจากจวนมาด้วยจุดมุ่งหมายของการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่ตลาดใจกลางเมืองหนานอัน แต่ทว่าเป็นตลาดที่อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหนานอัน เป็นตลาดที่ไม่ใหญ่มากนักแต่ทว่ากลับมีผู้คนพลุกพล่านและมีกำลังซื้อเพราะมีตระกูลของเศรษฐี รวมไปถึงพวกขุนนางอาศัยอยู่มากมาย“ถึงแล้วเจ้าค่ะคุณหนูห้า”ป้าหลันบอกคุณหนูห้าด้วยรอยยิ้ม หลินซูเหมยพยักหน้าก่อนที่นางจะลงจากรถม้าหลังจากที่ป้าหลันและเสี่ยวเอ๋อลงไปรอด้านล่างแล้วทันทีที่ร่างเล็กของเจ้าของผู้มีใบหน้างามลงมาจากรถม้า ก็เรียกสายตาจากหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ให้มองมายังนางด้วยความสนใจ หลาย
“แม่นางที่คุณชายสนใจคือบุตรีคนเล็กของท่านเจ้ากรมการกลาโหมกับอนุขอรับ มารดาของนางเป็นเพียงสตรีที่เกิดจากชาวบ้านธรรมดา ตายายของแม่นางน้อยผู้นั้นเปิดร้านขายขนมอยู่ท้ายตลาดขอรับ แต่ว่าร้านนี้มีคนของจวนสกุลหลินมาคอยดูแลเลยทำให้มิมีผู้ใดสามารถไปสร้างความวุ่นวายได้” เสียงบ่าวชายร่างกำยำรายงานให้คุณชายจอมเสเพลของตนได้ทราบถึงเรื่องที่เขาไปสืบมาให้“ดี…. เป็นลูกอนุเช่นนั้นก็ยิ่งง่ายสิ แต่ติดตรงเป็นบุตรีของเจ้ากรมกลาโหมนี่แหละ หึๆ ข้าไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับพวกขุนนางเสียด้วยสิ" หงอี้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ชอบใจแต่น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความหนักใจ“แล้วนางกลับจวนของนางหรือยัง” เขาเอ่ยถามออกไปเสียงราบเรียบ“ตอนข้ากลับมานางยังอยู่ที่ร้านขนมขอรับ” บ่าวรับใช้ชายตอบคำถามของคุณชายบุตรชายคนเดียวของท่านเศรษฐี“ถ้าอย่างนั้นไปดักรอรถม้าของนาง ข้าอยากจะทำความรู้จักนางเสียหน่อยหึๆ”บุรุษที่มีใบหน้าหล่อเหลาแต่เจ้าชู้เสเพลเอ่ยออกมา ก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้ในหอสวีชุนแล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจเหล่าสตรีที่กำลังร้องเรียกเขาอยู่สั
“พวกเจ้าช่างบังอาจนัก กล้ารังแกแม้กระทั่งผู้หญิง”หลินซูเหมยตะโกนออกมา มือหนาของหงอี้พยายามยื่นออกมาเพื่อจะจับที่ปลายคางของสตรีตรงหน้า ถึงปากคอเราะร้ายแต่ทว่าดวงหน้างามของนางก็ทำให้เขาไม่ถือสาแต่ก่อนที่มือหนาของบุตรชายของเศรษฐีจะเข้าไปถูกคางงามของหลินซูเหมย นางก็ยื่นมือมาจับข้อมือของเขาเอาไว้แล้วบิดสุดแรง พร้อมกับยกร่างหนาทุ่มลงไปกับพื้นอย่างรวดเร็ว ป้าหลัน เสี่ยวเอ๋อ อาอวี้ รวมไปถึงพวกบ่าวรับใช้ผู้ติดตามคุณชายจอมเสเพลก็ถึงกับตกตะลึง ด้วยไม่คิดว่าสตรีตัวเล็กๆ จะสามารถยกร่างหนาทุ่มลงกับพื้นจนร้องโอดโอย บ่าวชายที่จับตัวป้าหลัน เสี่ยวเอ๋อและอาอวี้ไว้ถึงกับรีบปล่อยพวกเขา แล้วเข้าไปประคองคุณชายของพวกตนให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล“เจ้าบังอาจนัก!!! เป็นเพียงสตรีแต่ริบังอาจมาสู้กับบุรุษเช่นข้าอย่างนั้นหรือ พวกเจ้า!!! จับนางมาให้ข้า!!!”สิ้นคำสั่งบุรุษทั้งห้าก็พุ่งเข้าไปจะจับร่างบางของคุณหนู แต่ป้าหลันกับเสี่ยวเอ๋อ รวมไปถึงอาอวี้รีบไปขวางเอาไว้ แต่ก็ขวางได้เพียงไม่นานเพราะถูกพวกมันที่แข็งแรงกว่าจับเหวี่ยงไปคนละทิศละทาง อาอวี้โดนรุมต่อยจนปา
ยามชวี ณ เรือนหลังใหญ่โตสกุลหงเสียงร้องโอดโอยจากทั้งบ่าวและคุณชายดังขึ้นสลับกัน หากรู้ไปถึงไหนคงจะอายไปถึงนั่น ที่พวกตนถูกสตรีตัวเล็กๆ อัดจนสภาพสะบักสะบอม แต่จะให้ไปเอาเรื่องนางที่มิได้เป็นคนผิด คุณชายหนุ่มเองก็ทำอันใดมิได้ แต่การที่ถูกนางอัดครั้งนี้กลับทำให้เขารู้สึกถูกใจนางยิ่งขึ้นไปอีก“ลูกพ่อ… นี่พวกเจ้าไปโดนผู้ใดซ้อมมาถึงได้กลับมานอนร้องโอดโอยกันเช่นนี้ พวกเจ้า!!! ใครผู้ใดมันบังอาจมาทำให้คุณชายเจ็บแบบนี้กัน” เพราะมีบุตรชายเพียงคนเดียวเขาจึงเอาอกเอาใจหงอวี้มาตั้งแต่เด็กๆ จนทำให้คุณชายหนุ่มเคยตัวไม่ยอมให้ใครมาขัดใจ“เอ่อ…" เหล่าบุรุษร่างกายกำยำอ้ำอึ้งก่อนที่จะหันไปมองหน้าคุณชายหนุ่มเพื่อขอความเห็นว่าจะยอมบอกว่าถูกสตรีตัวเล็กๆ อัดมาเสียน่วมหรือว่าโกหกว่าเป็นอย่างอื่น“ท่านพ่อ… ลูกมิเป็นอันใดหรอกขอรับ เพียงแต่เมื่อช่วงยามโหย่วข้าตกต้นไม้ลงมา แล้วโมโหก็เลยซ้อมบ่าวพวกนี้” เขายอมพูดโป้ปดเพื่อสตรีนางนั้น แต่บรรดาบ่าวกลับเข้าใจว่าคุณชายอายที่ถูกสตรีตัวเล็กๆ หยามเกียรติ“ให้ท่านหมอมาตรวจหน่อยดีไห
ขบวนรถม้าและสัมภาระของท่านแม่ทัพทิศเหนือคนใหม่กับฮูหยินหมาดๆ เดินทางหลายหมื่นลี้ไปยังเมืองหนานถิง เมืองติดชายแดนทิศเหนือของแคว้นต้าตง หลินซูเหมยมองไปยังสองข้างทางก็ได้เห็นความแตกต่างของแต่ละเมืองที่ขบวนรถม้าเคลื่อนผ่านที่มีทั้งความรุ่งเรืองและความยากจน กว่าจะเดินทางถึงเมืองหนานถิงก็ต้องแวะพักที่โรงเตี๊ยมถึงสามโรงเพื่อพักม้าและพักคน บ่าวรับใช้นับสามสิบรวมเหล่าทหารที่เดินทางมาคุ้มกันอีกยี่สิบนาย“น้องหญิง…เจ้าเหนื่อยหรือไม่" คนที่ขี่ม้ามาประชิดกับรถม้าชวนสตรีที่นั่งอยู่ในรถม้าคุย“มิเหนื่อยเลยเจ้าค่ะท่านพี่ แต่น้องสงสารพวกบ่าวกับพวกม้ามากกว่า”เพราะพวกบ่าวนั้นมิได้นั่งรถม้าเช่นเดียวกับนาง หรือขึ้นหลังม้าเช่นเดียวกับผู้เป็นสามีและนายทหารที่เดินทางร่วมขบวนมาเพื่อคุ้มกัน มีเพียงบ่าวคนสนิทอย่างป้าหลันและเสี่ยวเอ๋อเท่านั้นที่นั่งบนรถม้ามากับนาง“อีกไม่ไกลแล้วล่ะ พอไปถึงจวน พี่จะให้พวกบ่าวกับพวกม้าได้พักดีไหม”น้ำเสียงอ่อนโยนที่ดังออกมาจากริมฝีปากหนาของท่านแม่ทัพยามเมื่อคุยกับฮูหยินนั้นช่างแตกต่างจากพูดคุยกับเหล่าทหารหร
เจ้าสาวในชุดแพรไหมสีแดงสดมีพัดกลมปิดบังดวงหน้างามเอาไว้เดินเคียงคู่กับผู้เป็นเจ้าบ่าวเข้าไปในเรือนเพื่อคำนับบรรพบุรุษและบิดามารดา ก่อนที่จะออกเรือน ญาติพี่น้องรายล้อมรอบเพื่อร่วมส่งเจ้าสาวออกจากเรือน ที่นั่งตรงกลางเป็นใต้เท้าหลินและหลินฮูหยินนั่งเคียงข้างกัน ฝั่งซ้ายมือของเจ้าสาวมีอนุซูฉีนั่งอยู่ สาวใช้ทำหน้าที่ส่งมอบถ้วยน้ำชาให้กับเจ้าบ่าว เขายื่นมือไปรับมา ก่อนที่จะส่งให้กับใต้เท้าหลินที่กำลังส่งยิ้มมาให้ “ท่านพ่อตา กรุณารับน้ำชาจากบุตรเขยคนนี้ด้วยขอรับ” เขาส่งถ้วยชาให้กับใต้เท้าหลิน อีกฝ่ายรับมาก่อนที่จะยกขึ้นจิบและกล่าวอวยพรบ่าวสาว “นับแต่นี้ต่อไป ต้องรักใคร่ ปรองดองกัน เคารพและให้เกียรติกัน อยู่เคียงข้างกันไปจนแก่เฒ่า มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง เป็นแบบอย่างให้ดีแก่ลูกๆ” ใต้เท้าหลินกล่าวอวยพรบุตรีคนเล็กของตนออกมาทั้งน้ำตา “ขอรับท่านพ่อตา/เจ้าค่ะท่านพ่อ” บ่าวสาวตอบออกมาพร้อมกัน สาวใช้ส่งถ้วยชาให้กับเจ้าบ่าวอีกครั้งเพื่อมอบให้หลินฮูหยิน“ท่านแม่ยาย กรุณารับน้ำชาจากบุตรเขยคนนี้ด้วยขอร
แม่ทัพฟางเซี่ยหมินกล่าวลาคู่หมั้นของตนก่อนที่จะไปคำนับลาใต้เท้าหลินและหลินฮูหยิน จากนั้นจึงขี่ม้ากลับจวนเพื่อไปบอกกล่าวบิดามารดาถึงคำตอบของสตรีที่กำลังจะมาเป็นคู่ชีวิตของตนในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ เขาตื่นเต้นจนแทบจะเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มแย้มอยู่ตลอดระยะทาง จนผู้ติดตามอย่างตงหลงยังอดที่จะรู้สึกขบขันมิได้“คุณชายขอรับ” เขาเรียกขานผู้ที่ขี่ม้านำหน้า“อืม… ว่าอย่างไร” คนที่เพิ่งจะสมหวังกับคำตอบของคู่หมั้นขานรับอย่างอารมณ์ดี“คุณหนูห้านางจะไม่กลัวหรือขอรับ ทิศเหนือยามนี้มิได้สงบเฉกเช่นแต่ก่อนแล้วนะขอรับ”รองแม่ทัพทิศเหนือคนใหม่เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล เพราะถ้าหากคุณหนูห้าแต่งกับคุณชายของตนออกไป สตรีข้างกายของนางก็ต้องติดตามนางไปด้วยเช่นกัน ถึงแม้จะแอบดีใจอยู่ไม่น้อยแต่พอมาลองคิดดูอีกทีเขาก็อดเป็นห่วงมิได้“ข้าเชื่อว่านางรู้ว่าหนทางที่นางเลือกเดินไปกับข้ามันมิได้สุขสบาย แต่ที่นางยินยอมแต่งกับข้า เพราะข้ากับนางมีหัวใจที่มีกันและกันต่างหาก”ฟางเซี่ยหมินเอ่ยออกมาพร
หลังจากพาตัวนักโทษกลับไปลงโทษที่วังหลวง รองแม่ทัพฟางเซี่ยหมินก็ได้รับความดีความชอบและได้เลื่อนขั้นจากรองแม่ทัพทิศใต้กลายเป็นแม่ทัพทิศเหนือทำหน้าที่ควบคุมกองทัพและดูแลความสงบของชายแดนทิศเหนือแทนคนเก่าที่ก่อกบฏ สร้างชื่อเสียงที่ดีงามให้กับตระกูลฟางเป็นอย่างยิ่ง เขาเดินทางกลับมายังจวนก่อนที่จะพูดคุยกับบิดาเรื่องสู่ขอคุณหนูห้าสกุลหลิน หลินซูเหมย เพราะเขาต้องย้ายไปประจำการอยู่ที่ชายแดนทิศเหนือ เช่นนั้นเขาก็อยากที่จะมีฮูหยินคอยอยู่เคียงข้าง“เจ้าคิดดีแน่แล้วหรือหมินเอ๋อร์” ใต้เท้าฟางเอ่ยถามบุตรชาย“แน่แล้วขอรับ ลูกมิอาจทนความห่างไกลจากนางได้อีกแล้ว แต่พวกท่านมิต้องเป็นห่วง เรื่องนี้ลูกจะลองถามความสมัครใจของนางดูก่อน หากนางมิยินยอมติดตามลูกไปยังชายแดนทิศเหนือ ลูกก็มิอยากที่จะบังคับนาง” แม่ทัพคนใหม่ของแคว้นต้าตงบอกบิดามารดา“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ลองไปถามนางก่อน หากนางยินดีที่จะไปร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเจ้าที่จวนในเมืองหนานถิง แม่ก็จะไปสู่ขอนางให้เจ้าก่อนที่เจ้าจะเดินทางไปประจำการอยู่ที่นั่น”ฟางฮูหยินเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้กับบุตรชา
ยามชวี ณ เรือนหลังใหญ่โตสกุลหงเสียงร้องโอดโอยจากทั้งบ่าวและคุณชายดังขึ้นสลับกัน หากรู้ไปถึงไหนคงจะอายไปถึงนั่น ที่พวกตนถูกสตรีตัวเล็กๆ อัดจนสภาพสะบักสะบอม แต่จะให้ไปเอาเรื่องนางที่มิได้เป็นคนผิด คุณชายหนุ่มเองก็ทำอันใดมิได้ แต่การที่ถูกนางอัดครั้งนี้กลับทำให้เขารู้สึกถูกใจนางยิ่งขึ้นไปอีก“ลูกพ่อ… นี่พวกเจ้าไปโดนผู้ใดซ้อมมาถึงได้กลับมานอนร้องโอดโอยกันเช่นนี้ พวกเจ้า!!! ใครผู้ใดมันบังอาจมาทำให้คุณชายเจ็บแบบนี้กัน” เพราะมีบุตรชายเพียงคนเดียวเขาจึงเอาอกเอาใจหงอวี้มาตั้งแต่เด็กๆ จนทำให้คุณชายหนุ่มเคยตัวไม่ยอมให้ใครมาขัดใจ“เอ่อ…" เหล่าบุรุษร่างกายกำยำอ้ำอึ้งก่อนที่จะหันไปมองหน้าคุณชายหนุ่มเพื่อขอความเห็นว่าจะยอมบอกว่าถูกสตรีตัวเล็กๆ อัดมาเสียน่วมหรือว่าโกหกว่าเป็นอย่างอื่น“ท่านพ่อ… ลูกมิเป็นอันใดหรอกขอรับ เพียงแต่เมื่อช่วงยามโหย่วข้าตกต้นไม้ลงมา แล้วโมโหก็เลยซ้อมบ่าวพวกนี้” เขายอมพูดโป้ปดเพื่อสตรีนางนั้น แต่บรรดาบ่าวกลับเข้าใจว่าคุณชายอายที่ถูกสตรีตัวเล็กๆ หยามเกียรติ“ให้ท่านหมอมาตรวจหน่อยดีไห
“พวกเจ้าช่างบังอาจนัก กล้ารังแกแม้กระทั่งผู้หญิง”หลินซูเหมยตะโกนออกมา มือหนาของหงอี้พยายามยื่นออกมาเพื่อจะจับที่ปลายคางของสตรีตรงหน้า ถึงปากคอเราะร้ายแต่ทว่าดวงหน้างามของนางก็ทำให้เขาไม่ถือสาแต่ก่อนที่มือหนาของบุตรชายของเศรษฐีจะเข้าไปถูกคางงามของหลินซูเหมย นางก็ยื่นมือมาจับข้อมือของเขาเอาไว้แล้วบิดสุดแรง พร้อมกับยกร่างหนาทุ่มลงไปกับพื้นอย่างรวดเร็ว ป้าหลัน เสี่ยวเอ๋อ อาอวี้ รวมไปถึงพวกบ่าวรับใช้ผู้ติดตามคุณชายจอมเสเพลก็ถึงกับตกตะลึง ด้วยไม่คิดว่าสตรีตัวเล็กๆ จะสามารถยกร่างหนาทุ่มลงกับพื้นจนร้องโอดโอย บ่าวชายที่จับตัวป้าหลัน เสี่ยวเอ๋อและอาอวี้ไว้ถึงกับรีบปล่อยพวกเขา แล้วเข้าไปประคองคุณชายของพวกตนให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล“เจ้าบังอาจนัก!!! เป็นเพียงสตรีแต่ริบังอาจมาสู้กับบุรุษเช่นข้าอย่างนั้นหรือ พวกเจ้า!!! จับนางมาให้ข้า!!!”สิ้นคำสั่งบุรุษทั้งห้าก็พุ่งเข้าไปจะจับร่างบางของคุณหนู แต่ป้าหลันกับเสี่ยวเอ๋อ รวมไปถึงอาอวี้รีบไปขวางเอาไว้ แต่ก็ขวางได้เพียงไม่นานเพราะถูกพวกมันที่แข็งแรงกว่าจับเหวี่ยงไปคนละทิศละทาง อาอวี้โดนรุมต่อยจนปา
“แม่นางที่คุณชายสนใจคือบุตรีคนเล็กของท่านเจ้ากรมการกลาโหมกับอนุขอรับ มารดาของนางเป็นเพียงสตรีที่เกิดจากชาวบ้านธรรมดา ตายายของแม่นางน้อยผู้นั้นเปิดร้านขายขนมอยู่ท้ายตลาดขอรับ แต่ว่าร้านนี้มีคนของจวนสกุลหลินมาคอยดูแลเลยทำให้มิมีผู้ใดสามารถไปสร้างความวุ่นวายได้” เสียงบ่าวชายร่างกำยำรายงานให้คุณชายจอมเสเพลของตนได้ทราบถึงเรื่องที่เขาไปสืบมาให้“ดี…. เป็นลูกอนุเช่นนั้นก็ยิ่งง่ายสิ แต่ติดตรงเป็นบุตรีของเจ้ากรมกลาโหมนี่แหละ หึๆ ข้าไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับพวกขุนนางเสียด้วยสิ" หงอี้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ชอบใจแต่น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความหนักใจ“แล้วนางกลับจวนของนางหรือยัง” เขาเอ่ยถามออกไปเสียงราบเรียบ“ตอนข้ากลับมานางยังอยู่ที่ร้านขนมขอรับ” บ่าวรับใช้ชายตอบคำถามของคุณชายบุตรชายคนเดียวของท่านเศรษฐี“ถ้าอย่างนั้นไปดักรอรถม้าของนาง ข้าอยากจะทำความรู้จักนางเสียหน่อยหึๆ”บุรุษที่มีใบหน้าหล่อเหลาแต่เจ้าชู้เสเพลเอ่ยออกมา ก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้ในหอสวีชุนแล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจเหล่าสตรีที่กำลังร้องเรียกเขาอยู่สั
ลินหยางไม่ได้ห้ามปราม เพราะเขากับหลินฮูหยินได้คุยกันเรื่องนี้กับหลินซูเหมยมาครั้งหนึ่งแล้ว เรื่องที่นางจะทำขนมส่งไปขายที่ร้านพ่อตาแม่ยายของตนหรือร้านท่านตาท่านยายของนาง แต่เขาก็ยังเป็นห่วงที่นางยังเด็ก กลัวว่านางจะไม่ทันคนจึงให้รองแม่บ้านหลันติดตามนางไปด้วย“ขอบพระคุณท่านพ่อกับท่านแม่ใหญ่เจ้าค่ะ”หญิงสาวยิ้มออกมาก่อนที่จะคำนับลาแล้วเดินออกจากเรือนใหญ่ไปที่นั่งรถม้า วันนี้นอกจากเสี่ยวเอ๋อก็เลยมีป้าหลันติดตามคุณหนูห้าออกจากจวนมาด้วยจุดมุ่งหมายของการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่ตลาดใจกลางเมืองหนานอัน แต่ทว่าเป็นตลาดที่อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหนานอัน เป็นตลาดที่ไม่ใหญ่มากนักแต่ทว่ากลับมีผู้คนพลุกพล่านและมีกำลังซื้อเพราะมีตระกูลของเศรษฐี รวมไปถึงพวกขุนนางอาศัยอยู่มากมาย“ถึงแล้วเจ้าค่ะคุณหนูห้า”ป้าหลันบอกคุณหนูห้าด้วยรอยยิ้ม หลินซูเหมยพยักหน้าก่อนที่นางจะลงจากรถม้าหลังจากที่ป้าหลันและเสี่ยวเอ๋อลงไปรอด้านล่างแล้วทันทีที่ร่างเล็กของเจ้าของผู้มีใบหน้างามลงมาจากรถม้า ก็เรียกสายตาจากหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ให้มองมายังนางด้วยความสนใจ หลาย
หลังกลับมาจากการไปพบกับคู่หมั้นหนุ่มที่ตลาด หลินซูเหมยก็รู้สึกใจหายแปลกๆ หญิงสาววัยแรกแย้มเดินตรงไปด้านหลังจวน ซึ่งเป็นสวนดอกไม้และสระน้ำที่มีศาลาริมน้ำอยู่ เสี่ยวเอ๋อที่ติดตามมาก็ไม่ได้แย้งคุณหนูห้าของนางแต่อย่างใด นางเดินตามคุณหนูห้าของนางไปเงียบๆ เพราะนางเข้าใจว่าคุณหนูห้าคงจะรู้สึกอาลัยอาวรณ์คู่หมั้นของนาง ที่มีแผนการเดินทางไปชายแดนทางทิศเหนือของแคว้นต้าตงในวันรุ่งขึ้นร่างบางเดินไปหยุดอยู่ที่สวนดอกไม้ก่อนที่ทอดสายตามองไปยังสระน้ำที่นางเคยตกลงไปแล้วกลับขึ้นมาเป็นนางอีกคน สิ้นวาสนาจากชาติภพก่อน โชคชะตาพัดพานางมาเกิดใหม่ในที่ที่แสนไกล สถานที่นางไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง ได้พบเจอกับเขาผู้เป็นคู่หมั้นของนางก็ถือว่าเป็นพรหมลิขิต แต่ชาติภพนี้นางจะทำอันใดได้กันนะ ศึกสงครามตอนนี้คือสงครามแบบไหน นางก็มิอาจรู้ได้ เปลือกตาบางปิดลงอย่างช้าๆ พรางผ่อนลมหายใจออกมา“คุณหนูเจ้าคะ พรุ่งนี้ท่านรองแม่ทัพฟางก็จะออกเดินทางไปทิศเหนือแล้ว คุณหนูน่าจะทำขนมให้ท่านรองแม่ทัพไปกินระหว่างทางนะเจ้าคะ”เสี่ยวเอ๋อแนะนำคุณหนูของนางด้วยความเข้าใจ นางเองก็อยากจะได้ร่ำลาใครบางคนที่นางไม