ลินหยางไม่ได้ห้ามปราม เพราะเขากับหลินฮูหยินได้คุยกันเรื่องนี้กับหลินซูเหมยมาครั้งหนึ่งแล้ว เรื่องที่นางจะทำขนมส่งไปขายที่ร้านพ่อตาแม่ยายของตนหรือร้านท่านตาท่านยายของนาง แต่เขาก็ยังเป็นห่วงที่นางยังเด็ก กลัวว่านางจะไม่ทันคนจึงให้รองแม่บ้านหลันติดตามนางไปด้วย
“ขอบพระคุณท่านพ่อกับท่านแม่ใหญ่เจ้าค่ะ”
หญิงสาวยิ้มออกมาก่อนที่จะคำนับลาแล้วเดินออกจากเรือนใหญ่ไปที่นั่งรถม้า วันนี้นอกจากเสี่ยวเอ๋อก็เลยมีป้าหลันติดตามคุณหนูห้าออกจากจวนมาด้วย
จุดมุ่งหมายของการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่ตลาดใจกลางเมืองหนานอัน แต่ทว่าเป็นตลาดที่อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหนานอัน เป็นตลาดที่ไม่ใหญ่มากนักแต่ทว่ากลับมีผู้คนพลุกพล่านและมีกำลังซื้อเพราะมีตระกูลของเศรษฐี รวมไปถึงพวกขุนนางอาศัยอยู่มากมาย
“ถึงแล้วเจ้าค่ะคุณหนูห้า”
ป้าหลันบอกคุณหนูห้าด้วยรอยยิ้ม หลินซูเหมยพยักหน้าก่อนที่นางจะลงจากรถม้าหลังจากที่ป้าหลันและเสี่ยวเอ๋อลงไปรอด้านล่างแล้ว
ทันทีที่ร่างเล็กของเจ้าของผู้มีใบหน้างามลงมาจากรถม้า ก็เรียกสายตาจากหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ให้มองมายังนางด้วยความสนใจ หลายคนถึงกับมองตามยามร่างเล็กของหญิงสาววัยแรกแย้มเดินผ่านไป นางมิได้สนใจผู้ใดนอกจากร้านขายขนมของท่านตาท่านยาย
“นางเป็นผู้ใดกัน เหตุใดข้าถึงมิเคยเห็นหน้านางมาก่อน” หงอี้ บุตรชายของเศรษฐีจอมเสเพลเอ่ยถามผู้ติดตามด้วยความสนใจ
“ข้าน้อยก็มิทราบเหมือนกันขอรับ ข้าน้อยเพิ่งเคยเห็นแม่นางน้อยผู้นี้เช่นกัน” บ่าวรับใช้คนสนิทของเขาตอบคุณชายหนุ่ม
“ข้าอยากได้นาง…” เขาเอ่ยพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา บ่าวรับใช้ที่ติดตามต่างรู้กันดีว่าคุณชายผู้นี้หากอยากได้สิ่งใดก็ต้องได้ เพราะถูกบิดาตามใจมาตั้งแต่เด็ก
“พวกข้าน้อยจะไปสืบมาให้ขอรับ ว่านางเป็นคุณหนูจากตระกูลไหนในเมืองหนานอัน” ว่าเสร็จบ่าวที่มีรูปร่างสูงใหญ่ก็เดินออกจากกลุ่มไปสืบเรื่องราวของหญิงสาวที่นายน้อยของตนสนใจทันที
ทางด้านหลินซูเหมยที่เดินหาร้านขายขนมท่านตาและท่านยายพร้อมกับเสี่ยวเอ๋อ สาวรับใช้คนสนิทและป้าหลันรองแม่บ้านก็ได้พบร้านขายขนมขนาดเล็กแต่ทว่ากลับมีลูกค้าเข้าร้านอยู่ไม่ขาด ภายในร้านมีชายหญิงสูงวัยกำลังยิ้มแย้ม
“เถ้าแก่…เถ้าแก่เนี้ย ขนมนี้ขายยังไงจ๊ะ” เสียงหวานเอ่ยถามสองชายหญิงชราออกมา ซูจงต้าและภรรยาที่ไม่ทันได้มองลูกค้าที่มาใหม่ก็ตอบออกมาอย่างสุภาพ
“ชิ้นละสองตำลึงเงินจ้า” เขาเงยหน้าขึ้นมองก่อนที่ริมฝีปากหนาจะฉีกยิ้มออกมากว้างกว่าเดิม
“เหมยเอ๋อ…. เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน” ผู้เป็นตาที่จดจำหลานสาวได้ในทันทีเอ่ยถามออกมาด้วยความดีใจ
“หลานคารวะท่านตาท่านยายเจ้าค่ะ”
หลินซูเหมยคำนับบุรุษและสตรีสูงวัยทั้งสอง ก่อนที่จะหันไปบอกให้ป้าหลันและเสี่ยวเอ๋อขายขนมแทนท่านตาและท่านยายของนาง เพื่อที่นางจะได้คุยกับท่านทั้งสองเกี่ยวกับการที่นางมาเยือนร้านขายขนมของพวกท่านในครั้งนี้
ภายในร้านที่มีข้าวของเครื่องใช้สำหรับมีไว้ทำขนมต่างๆ จัดไว้อย่างเป็นระเบียบ ร่างเล็กนั่งอยู่ที่เก้าอี้มีโต๊ะใจกลางร้าน ซูจงต้าและซูผิงหลันนำขนมและชามาให้หลานสาวเพียงคนเดียวได้กินระหว่างที่นั่งคุยกัน พรางสำรวจใบหน้าของหลานสาวที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานเกือบสี่ปี
“เหมยเอ๋อร์… นี่หลานสบายดีแล้วหรือเนี่ยหืม…” ผู้เป็นยายเอ่ยถามหลานสาวออกมาพร้อมกับสำรวจร่างบางที่ดูแข็งแรงและงดงามขึ้นกว่าเมื่อก่อน
“หลานสบายดีแล้วเจ้าค่ะ ท่านตากับท่านยายสบายดีนะเจ้าคะ” หลินซูเหมยฉีกยิ้มก่อนที่จะถามออกมา
“ตากับยายสบายดี ได้ยินว่าหลานสบายดีตาก็สบายใจเสียที” ซูจงต้าตอบหลานสาว ส่วนภรรยาก็พยักหน้าขึ้นลงอย่างเห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้เป็นสามีเอ่ยออกมา
“แล้วนี่นึกอย่างไรถึงมาเยี่ยมยายกับตาถึงที่นี่ล่ะลูก” ซูผิงหลันเอ่ยถามหลานสาว แม้จะรู้สึกยินดีที่นางมาเยือนแต่มันก็ย่อมมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ให้หลานสาวเดินทางมาไกลหลายพันลี้เช่นนี้
“คือหลานอยากจะนำขนมมาฝากท่านตากับท่านยายขายน่ะเจ้าค่ะ” คำตอบของหลานสาวทำให้สองตายายมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ
“หืม… นี่เจ้าทำขนมเป็นด้วยหรือนี่ แล้วพ่อของเจ้ากับแม่ใหญ่ไม่ว่าใช่หรือไม่" ท่านยายเอ่ยถามออกมาด้วยความแปลกใจ
“ทำเป็นเจ้าค่ะ อีกอย่างเรื่องการทำขนมมาฝากท่านตาท่านยายขายหลานได้ปรึกษาท่านพ่อกับท่านแม่ใหญ่เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
สองตายายพยักหน้าให้กับคำตอบของหลานสาว ในเมื่อทางเจ้ากรมการกลาโหมและหลินฮูหยินไม่ขัดข้องอันใด พวกท่านก็มิห้ามผู้เป็นหลานสาวให้ลองเอาขนมมาขายดู
"ถ้าทำอร่อยเจ้าก็เอามาฝากเถิด ถือเป็นการเก็บเงินเอาไว้ยามเจ้าออกเรือนไปด้วย”
"เจ้าค่ะ ขอบพระคุณท่านตาท่านยายนะเจ้าคะ” หลินซูเหมยเอ่ยออกมาอย่างดีใจ
“อ้อ… ท่านตาท่านยายเจ้าคะ หลานมีคู่หมั้นแล้วเจ้าค่ะ เขาคือรองแม่ทัพทิศใต้ เป็นบุตรชายของท่านแม่ทัพฟาง แต่ตอนนี้เขาไปประจำการอยู่ชายแดนทิศเหนือ หากเขากลับมาเราสองคนก็จะแต่งงานกันแล้วเจ้าค่ะ” นางบอกท่านตาท่านยายของนางออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ดี…. ได้คู่ดี มีวาสนา หลานสาวของตากำลังจะออกเรือนแล้วหรือนี่ ตาดีใจยิ่งนัก” ซูจงต้าอุทานออกมา ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงยินดี ซึ่งผู้เป็นยายเองก็ไม่น้อยหน้ากัน
“ยายดีใจด้วยนะเหมยเอ๋อร์”
ผู้เป็นหลานสาวฉีกยิ้มออกมา ทั้งสามคนนั่งพูดคุยกันอยู่ไม่นาน หลินซูเหมยจึงเดินออกไปช่วยเสี่ยวเอ๋อและป้าหลันขายขนมแทนท่านตาและท่านยายของนาง ร้านขนมของสองตายายวันนี้ขายดีเป็นพิเศษเพราะมีแม่ค้าสาวสวยยืนขายขนมอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ชายหนุ่มรูปร่างกำยำที่มาสืบข้อมูลของแม่นางน้อยผู้นี้ รีบกลับไปรายงานคุณชายจอมเสเพลของตนทันที เมื่อได้รู้ว่าสตรีที่คุณชายสนใจนั้นเป็นบุตรีของตระกูลใด
*ยามชวี 19.00-20.59
*เทศกาลลีชุน คือ เทศกาลตรุษจีน วันปีใหม่ตามสุริยคติ
*ยามเหม่า 05.00-06.59
“แม่นางที่คุณชายสนใจคือบุตรีคนเล็กของท่านเจ้ากรมการกลาโหมกับอนุขอรับ มารดาของนางเป็นเพียงสตรีที่เกิดจากชาวบ้านธรรมดา ตายายของแม่นางน้อยผู้นั้นเปิดร้านขายขนมอยู่ท้ายตลาดขอรับ แต่ว่าร้านนี้มีคนของจวนสกุลหลินมาคอยดูแลเลยทำให้มิมีผู้ใดสามารถไปสร้างความวุ่นวายได้” เสียงบ่าวชายร่างกำยำรายงานให้คุณชายจอมเสเพลของตนได้ทราบถึงเรื่องที่เขาไปสืบมาให้“ดี…. เป็นลูกอนุเช่นนั้นก็ยิ่งง่ายสิ แต่ติดตรงเป็นบุตรีของเจ้ากรมกลาโหมนี่แหละ หึๆ ข้าไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับพวกขุนนางเสียด้วยสิ" หงอี้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ชอบใจแต่น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความหนักใจ“แล้วนางกลับจวนของนางหรือยัง” เขาเอ่ยถามออกไปเสียงราบเรียบ“ตอนข้ากลับมานางยังอยู่ที่ร้านขนมขอรับ” บ่าวรับใช้ชายตอบคำถามของคุณชายบุตรชายคนเดียวของท่านเศรษฐี“ถ้าอย่างนั้นไปดักรอรถม้าของนาง ข้าอยากจะทำความรู้จักนางเสียหน่อยหึๆ”บุรุษที่มีใบหน้าหล่อเหลาแต่เจ้าชู้เสเพลเอ่ยออกมา ก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้ในหอสวีชุนแล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจเหล่าสตรีที่กำลังร้องเรียกเขาอยู่สั
“พวกเจ้าช่างบังอาจนัก กล้ารังแกแม้กระทั่งผู้หญิง”หลินซูเหมยตะโกนออกมา มือหนาของหงอี้พยายามยื่นออกมาเพื่อจะจับที่ปลายคางของสตรีตรงหน้า ถึงปากคอเราะร้ายแต่ทว่าดวงหน้างามของนางก็ทำให้เขาไม่ถือสาแต่ก่อนที่มือหนาของบุตรชายของเศรษฐีจะเข้าไปถูกคางงามของหลินซูเหมย นางก็ยื่นมือมาจับข้อมือของเขาเอาไว้แล้วบิดสุดแรง พร้อมกับยกร่างหนาทุ่มลงไปกับพื้นอย่างรวดเร็ว ป้าหลัน เสี่ยวเอ๋อ อาอวี้ รวมไปถึงพวกบ่าวรับใช้ผู้ติดตามคุณชายจอมเสเพลก็ถึงกับตกตะลึง ด้วยไม่คิดว่าสตรีตัวเล็กๆ จะสามารถยกร่างหนาทุ่มลงกับพื้นจนร้องโอดโอย บ่าวชายที่จับตัวป้าหลัน เสี่ยวเอ๋อและอาอวี้ไว้ถึงกับรีบปล่อยพวกเขา แล้วเข้าไปประคองคุณชายของพวกตนให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล“เจ้าบังอาจนัก!!! เป็นเพียงสตรีแต่ริบังอาจมาสู้กับบุรุษเช่นข้าอย่างนั้นหรือ พวกเจ้า!!! จับนางมาให้ข้า!!!”สิ้นคำสั่งบุรุษทั้งห้าก็พุ่งเข้าไปจะจับร่างบางของคุณหนู แต่ป้าหลันกับเสี่ยวเอ๋อ รวมไปถึงอาอวี้รีบไปขวางเอาไว้ แต่ก็ขวางได้เพียงไม่นานเพราะถูกพวกมันที่แข็งแรงกว่าจับเหวี่ยงไปคนละทิศละทาง อาอวี้โดนรุมต่อยจนปา
ยามชวี ณ เรือนหลังใหญ่โตสกุลหงเสียงร้องโอดโอยจากทั้งบ่าวและคุณชายดังขึ้นสลับกัน หากรู้ไปถึงไหนคงจะอายไปถึงนั่น ที่พวกตนถูกสตรีตัวเล็กๆ อัดจนสภาพสะบักสะบอม แต่จะให้ไปเอาเรื่องนางที่มิได้เป็นคนผิด คุณชายหนุ่มเองก็ทำอันใดมิได้ แต่การที่ถูกนางอัดครั้งนี้กลับทำให้เขารู้สึกถูกใจนางยิ่งขึ้นไปอีก“ลูกพ่อ… นี่พวกเจ้าไปโดนผู้ใดซ้อมมาถึงได้กลับมานอนร้องโอดโอยกันเช่นนี้ พวกเจ้า!!! ใครผู้ใดมันบังอาจมาทำให้คุณชายเจ็บแบบนี้กัน” เพราะมีบุตรชายเพียงคนเดียวเขาจึงเอาอกเอาใจหงอวี้มาตั้งแต่เด็กๆ จนทำให้คุณชายหนุ่มเคยตัวไม่ยอมให้ใครมาขัดใจ“เอ่อ…" เหล่าบุรุษร่างกายกำยำอ้ำอึ้งก่อนที่จะหันไปมองหน้าคุณชายหนุ่มเพื่อขอความเห็นว่าจะยอมบอกว่าถูกสตรีตัวเล็กๆ อัดมาเสียน่วมหรือว่าโกหกว่าเป็นอย่างอื่น“ท่านพ่อ… ลูกมิเป็นอันใดหรอกขอรับ เพียงแต่เมื่อช่วงยามโหย่วข้าตกต้นไม้ลงมา แล้วโมโหก็เลยซ้อมบ่าวพวกนี้” เขายอมพูดโป้ปดเพื่อสตรีนางนั้น แต่บรรดาบ่าวกลับเข้าใจว่าคุณชายอายที่ถูกสตรีตัวเล็กๆ หยามเกียรติ“ให้ท่านหมอมาตรวจหน่อยดีไห
หลังจากพาตัวนักโทษกลับไปลงโทษที่วังหลวง รองแม่ทัพฟางเซี่ยหมินก็ได้รับความดีความชอบและได้เลื่อนขั้นจากรองแม่ทัพทิศใต้กลายเป็นแม่ทัพทิศเหนือทำหน้าที่ควบคุมกองทัพและดูแลความสงบของชายแดนทิศเหนือแทนคนเก่าที่ก่อกบฏ สร้างชื่อเสียงที่ดีงามให้กับตระกูลฟางเป็นอย่างยิ่ง เขาเดินทางกลับมายังจวนก่อนที่จะพูดคุยกับบิดาเรื่องสู่ขอคุณหนูห้าสกุลหลิน หลินซูเหมย เพราะเขาต้องย้ายไปประจำการอยู่ที่ชายแดนทิศเหนือ เช่นนั้นเขาก็อยากที่จะมีฮูหยินคอยอยู่เคียงข้าง“เจ้าคิดดีแน่แล้วหรือหมินเอ๋อร์” ใต้เท้าฟางเอ่ยถามบุตรชาย“แน่แล้วขอรับ ลูกมิอาจทนความห่างไกลจากนางได้อีกแล้ว แต่พวกท่านมิต้องเป็นห่วง เรื่องนี้ลูกจะลองถามความสมัครใจของนางดูก่อน หากนางมิยินยอมติดตามลูกไปยังชายแดนทิศเหนือ ลูกก็มิอยากที่จะบังคับนาง” แม่ทัพคนใหม่ของแคว้นต้าตงบอกบิดามารดา“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ลองไปถามนางก่อน หากนางยินดีที่จะไปร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเจ้าที่จวนในเมืองหนานถิง แม่ก็จะไปสู่ขอนางให้เจ้าก่อนที่เจ้าจะเดินทางไปประจำการอยู่ที่นั่น”ฟางฮูหยินเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้กับบุตรชา
แม่ทัพฟางเซี่ยหมินกล่าวลาคู่หมั้นของตนก่อนที่จะไปคำนับลาใต้เท้าหลินและหลินฮูหยิน จากนั้นจึงขี่ม้ากลับจวนเพื่อไปบอกกล่าวบิดามารดาถึงคำตอบของสตรีที่กำลังจะมาเป็นคู่ชีวิตของตนในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ เขาตื่นเต้นจนแทบจะเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มแย้มอยู่ตลอดระยะทาง จนผู้ติดตามอย่างตงหลงยังอดที่จะรู้สึกขบขันมิได้“คุณชายขอรับ” เขาเรียกขานผู้ที่ขี่ม้านำหน้า“อืม… ว่าอย่างไร” คนที่เพิ่งจะสมหวังกับคำตอบของคู่หมั้นขานรับอย่างอารมณ์ดี“คุณหนูห้านางจะไม่กลัวหรือขอรับ ทิศเหนือยามนี้มิได้สงบเฉกเช่นแต่ก่อนแล้วนะขอรับ”รองแม่ทัพทิศเหนือคนใหม่เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล เพราะถ้าหากคุณหนูห้าแต่งกับคุณชายของตนออกไป สตรีข้างกายของนางก็ต้องติดตามนางไปด้วยเช่นกัน ถึงแม้จะแอบดีใจอยู่ไม่น้อยแต่พอมาลองคิดดูอีกทีเขาก็อดเป็นห่วงมิได้“ข้าเชื่อว่านางรู้ว่าหนทางที่นางเลือกเดินไปกับข้ามันมิได้สุขสบาย แต่ที่นางยินยอมแต่งกับข้า เพราะข้ากับนางมีหัวใจที่มีกันและกันต่างหาก”ฟางเซี่ยหมินเอ่ยออกมาพร
ประเทศไทยเสียงพิธีกรบนเวทีมวยขนาดใหญ่ดังขึ้นประกาศชื่อเสียงเรียงนามของคู่ชกคู่สำคัญของวันนี้ เสียงเชียร์ดังกระหึ่มทั่วทั้งสนามมวยที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงของประเทศไทย เรือนร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของสตรีที่มีนามว่า อมิตา หรือ ฉายาน้องต้านางฟ้ามวยไทย ปรากฏบนเวทีมวย นอกจากฝีมือการออกหมัดและลูกเตะที่ทำเอาคู่แข่งน๊อคคาเวทีภายในสองยก เธอยังมีหน้าตาสะสวยเป็นอาวุธ ทำให้เธอมีทั้งแฟนคลับที่เป็นผู้ชายและผู้หญิงทั่วทั้งประเทศไทย“กรี๊ด……น้องต้านางฟ้ามวยไทย”เสียงแฟนคลับสาวๆ ที่มาเชียร์นักมวยสาวในดวงใจต่างพากันส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเรียกขานฉายาของเธอออกมา อมิตายกมือไหว้ก่อนที่จะเดินไปสวมนวมและใส่ฟันยาง คู่แข่งของเธอวันนี้เป็นนักมวยสาวชาวจีนที่เดินทางมาท้าประลองกับเธอ ดวงตากลมโตของหญิงสาวมองไปยังคู่แข่งที่มีรูปร่างไม่ต่างกันจากเธอสักเท่าไหร่ ริมฝีปากบางฉีกยิ้มออกมา“ขอต้อนรับ น้องต้า นางฟ้ามวยไทยแห่งค่ายมวย อรุณรุ่ง”สิ้นเสียงของพิธีกรเสียงปรบมือและเสียงเชียร์ชื่อเธอก็ดังกระหึ่มเวทีอีกครั้ง นักมวยคนสวยเดินไปกลางเวทีแล้วยกมือไหว้รอบทิศ ก่อนที่จะวิ่งไปอยู่ข้างขวาของกรรมการ“ขอต้อนรับผู้ท้าชิงเข็มขัดแช
ณ เมืองหนานอัน เมืองแห่งการค้าขายของแคว้นต้าตง ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหนานอันแห่งนี้นั้น ทำให้มีตระกูลของขุนนางและตระกูลของพ่อค้าจากหลากหลายสกุลมาสร้างจวนและลงหลักปักฐานอยู่ที่เมืองแห่งนี้ รวมไปถึงจวนสกุลหลินของเจ้ากรมการกลาโหม 'หลินหยาง' ผู้เป็นใหญ่ที่สุดในจวน เขามีฮูหยินและมีอนุภรรยาอีกสองคน มีบุตรชายกับบุตรีรวมห้าคน จากฮูหยินสองคนคือ ‘หลินชูจ้าน’ และ ‘หลินเยว่หรู’ กับอนุภรรยารองสองคนคือ ‘หลินจางหลง’ และ ‘หลินจินหรู’ และจากอนุภรรยาคนที่สองอีกหนึ่งคน คือ 'หลินซูเหมย' ภายในจวนแห่งนี้นั้นจึงมีเรือนทั้งหมดสี่หลัง หลังแรกเป็นบ้านใหญ่ และไล่ไปตามลำดับ“ท่านพี่...ลูกซูเหมยป่วยอีกแล้วเจ้าค่ะ” อนุซูฉีมารดาของหลินซูเหมยบอกผู้เป็นสามีขณะที่เขามาค้างที่เรือน"เจ้าว่าอย่างไรนะ ลูกห้าป่วยอีกแล้วอย่างนั้นหรือ" หลินหยางเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย เขาเป็นชายที่ไม่ลำเอียง รักและห่วงใยบุตรทุกคนของตนอย่างเท่าเทียมกัน"เจ้าค่ะท่านพี่ ยิ่งนางเติบโตขึ้นก็ยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ""แล้วเจ้าตามท่านหมอมาดูนางหรือยัง"“ตามมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านหมอบอกเพียงว่าลูกห้านั้นมีร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก นางต้องออกกำลังให้มา
เสียงเนื้อกระทบกับกระสอบทรายดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ค่ายมวยที่เต็มไปด้วยนักมวยชายรูปร่างกำยำกำลังฝึกซ้อมมวยกันอยู่อย่างขะมักเขม้น รวมไปถึงร่างเล็กแต่กำยำของหญิงสาวที่มีใบหน้าสะสวยกำลังซ้อมอยู่กับคู่ซ้อมที่เป็นชายอยู่อย่างไม่เกรงกลัว ท่าทางออกหมัด เท้า เข่า ศอกของเธอเป็นไปอย่างชำนาญ อีกทั้งยังหลบหลีกคู่ต่อสู้ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวเสียงระฆังดังเตือนหมดยกจากข้างเวทีมวย ร่างบางจึงเดินกลับไปทิ้งตัวลงที่เก้าอี้พักผ่อนของเธอ อมิตายกขวดน้ำเกลือแร่ขึ้นมาดื่ม ก่อนที่จะหยิบผ้าเย็นที่พี่เลี้ยงเตรียมเอาไว้ให้ขึ้นมาเช็ดเหงื่อ“อีกตั้งหลายเดือนกว่าจะได้แข่งอีก พี่ต้าทำไมซ้อมหนักจัง” ไข่หวานนักมวยสาวสมัครเล่นภายในค่ายมวยอรุณรุ่งแห่งนี้เอ่ยถามไอดอลของเธอออกมา“ก็เพราะการรักษาแชมป์พี่จึงต้องฝึกให้ร่างกายพร้อมและตื่นตัวอยู่เสมอไง” ต้า นางฟ้าเอเชียหรือ อมิตานักมวยคนสวยตอบรุ่นน้องด้วยรอยยิ้ม“อนาคตข้างหน้า หากไข่หวานได้ก้าวขึ้นสังเวียน ไข่หวานต้องจำเอาไว้ให้ดีว่าการเป็นแชมป์มันไม่ยาก แต่สิ่งที่ยากกว่าคือการรักษาแชมป์ เข้าใจไหม” อมิตาบอกรุ่นน้องสาวก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินไปกลางเวทีนวมของเธอชนกับนวมของคู่ซ้อ
แม่ทัพฟางเซี่ยหมินกล่าวลาคู่หมั้นของตนก่อนที่จะไปคำนับลาใต้เท้าหลินและหลินฮูหยิน จากนั้นจึงขี่ม้ากลับจวนเพื่อไปบอกกล่าวบิดามารดาถึงคำตอบของสตรีที่กำลังจะมาเป็นคู่ชีวิตของตนในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ เขาตื่นเต้นจนแทบจะเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มแย้มอยู่ตลอดระยะทาง จนผู้ติดตามอย่างตงหลงยังอดที่จะรู้สึกขบขันมิได้“คุณชายขอรับ” เขาเรียกขานผู้ที่ขี่ม้านำหน้า“อืม… ว่าอย่างไร” คนที่เพิ่งจะสมหวังกับคำตอบของคู่หมั้นขานรับอย่างอารมณ์ดี“คุณหนูห้านางจะไม่กลัวหรือขอรับ ทิศเหนือยามนี้มิได้สงบเฉกเช่นแต่ก่อนแล้วนะขอรับ”รองแม่ทัพทิศเหนือคนใหม่เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล เพราะถ้าหากคุณหนูห้าแต่งกับคุณชายของตนออกไป สตรีข้างกายของนางก็ต้องติดตามนางไปด้วยเช่นกัน ถึงแม้จะแอบดีใจอยู่ไม่น้อยแต่พอมาลองคิดดูอีกทีเขาก็อดเป็นห่วงมิได้“ข้าเชื่อว่านางรู้ว่าหนทางที่นางเลือกเดินไปกับข้ามันมิได้สุขสบาย แต่ที่นางยินยอมแต่งกับข้า เพราะข้ากับนางมีหัวใจที่มีกันและกันต่างหาก”ฟางเซี่ยหมินเอ่ยออกมาพร
หลังจากพาตัวนักโทษกลับไปลงโทษที่วังหลวง รองแม่ทัพฟางเซี่ยหมินก็ได้รับความดีความชอบและได้เลื่อนขั้นจากรองแม่ทัพทิศใต้กลายเป็นแม่ทัพทิศเหนือทำหน้าที่ควบคุมกองทัพและดูแลความสงบของชายแดนทิศเหนือแทนคนเก่าที่ก่อกบฏ สร้างชื่อเสียงที่ดีงามให้กับตระกูลฟางเป็นอย่างยิ่ง เขาเดินทางกลับมายังจวนก่อนที่จะพูดคุยกับบิดาเรื่องสู่ขอคุณหนูห้าสกุลหลิน หลินซูเหมย เพราะเขาต้องย้ายไปประจำการอยู่ที่ชายแดนทิศเหนือ เช่นนั้นเขาก็อยากที่จะมีฮูหยินคอยอยู่เคียงข้าง“เจ้าคิดดีแน่แล้วหรือหมินเอ๋อร์” ใต้เท้าฟางเอ่ยถามบุตรชาย“แน่แล้วขอรับ ลูกมิอาจทนความห่างไกลจากนางได้อีกแล้ว แต่พวกท่านมิต้องเป็นห่วง เรื่องนี้ลูกจะลองถามความสมัครใจของนางดูก่อน หากนางมิยินยอมติดตามลูกไปยังชายแดนทิศเหนือ ลูกก็มิอยากที่จะบังคับนาง” แม่ทัพคนใหม่ของแคว้นต้าตงบอกบิดามารดา“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ลองไปถามนางก่อน หากนางยินดีที่จะไปร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเจ้าที่จวนในเมืองหนานถิง แม่ก็จะไปสู่ขอนางให้เจ้าก่อนที่เจ้าจะเดินทางไปประจำการอยู่ที่นั่น”ฟางฮูหยินเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้กับบุตรชา
ยามชวี ณ เรือนหลังใหญ่โตสกุลหงเสียงร้องโอดโอยจากทั้งบ่าวและคุณชายดังขึ้นสลับกัน หากรู้ไปถึงไหนคงจะอายไปถึงนั่น ที่พวกตนถูกสตรีตัวเล็กๆ อัดจนสภาพสะบักสะบอม แต่จะให้ไปเอาเรื่องนางที่มิได้เป็นคนผิด คุณชายหนุ่มเองก็ทำอันใดมิได้ แต่การที่ถูกนางอัดครั้งนี้กลับทำให้เขารู้สึกถูกใจนางยิ่งขึ้นไปอีก“ลูกพ่อ… นี่พวกเจ้าไปโดนผู้ใดซ้อมมาถึงได้กลับมานอนร้องโอดโอยกันเช่นนี้ พวกเจ้า!!! ใครผู้ใดมันบังอาจมาทำให้คุณชายเจ็บแบบนี้กัน” เพราะมีบุตรชายเพียงคนเดียวเขาจึงเอาอกเอาใจหงอวี้มาตั้งแต่เด็กๆ จนทำให้คุณชายหนุ่มเคยตัวไม่ยอมให้ใครมาขัดใจ“เอ่อ…" เหล่าบุรุษร่างกายกำยำอ้ำอึ้งก่อนที่จะหันไปมองหน้าคุณชายหนุ่มเพื่อขอความเห็นว่าจะยอมบอกว่าถูกสตรีตัวเล็กๆ อัดมาเสียน่วมหรือว่าโกหกว่าเป็นอย่างอื่น“ท่านพ่อ… ลูกมิเป็นอันใดหรอกขอรับ เพียงแต่เมื่อช่วงยามโหย่วข้าตกต้นไม้ลงมา แล้วโมโหก็เลยซ้อมบ่าวพวกนี้” เขายอมพูดโป้ปดเพื่อสตรีนางนั้น แต่บรรดาบ่าวกลับเข้าใจว่าคุณชายอายที่ถูกสตรีตัวเล็กๆ หยามเกียรติ“ให้ท่านหมอมาตรวจหน่อยดีไห
“พวกเจ้าช่างบังอาจนัก กล้ารังแกแม้กระทั่งผู้หญิง”หลินซูเหมยตะโกนออกมา มือหนาของหงอี้พยายามยื่นออกมาเพื่อจะจับที่ปลายคางของสตรีตรงหน้า ถึงปากคอเราะร้ายแต่ทว่าดวงหน้างามของนางก็ทำให้เขาไม่ถือสาแต่ก่อนที่มือหนาของบุตรชายของเศรษฐีจะเข้าไปถูกคางงามของหลินซูเหมย นางก็ยื่นมือมาจับข้อมือของเขาเอาไว้แล้วบิดสุดแรง พร้อมกับยกร่างหนาทุ่มลงไปกับพื้นอย่างรวดเร็ว ป้าหลัน เสี่ยวเอ๋อ อาอวี้ รวมไปถึงพวกบ่าวรับใช้ผู้ติดตามคุณชายจอมเสเพลก็ถึงกับตกตะลึง ด้วยไม่คิดว่าสตรีตัวเล็กๆ จะสามารถยกร่างหนาทุ่มลงกับพื้นจนร้องโอดโอย บ่าวชายที่จับตัวป้าหลัน เสี่ยวเอ๋อและอาอวี้ไว้ถึงกับรีบปล่อยพวกเขา แล้วเข้าไปประคองคุณชายของพวกตนให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล“เจ้าบังอาจนัก!!! เป็นเพียงสตรีแต่ริบังอาจมาสู้กับบุรุษเช่นข้าอย่างนั้นหรือ พวกเจ้า!!! จับนางมาให้ข้า!!!”สิ้นคำสั่งบุรุษทั้งห้าก็พุ่งเข้าไปจะจับร่างบางของคุณหนู แต่ป้าหลันกับเสี่ยวเอ๋อ รวมไปถึงอาอวี้รีบไปขวางเอาไว้ แต่ก็ขวางได้เพียงไม่นานเพราะถูกพวกมันที่แข็งแรงกว่าจับเหวี่ยงไปคนละทิศละทาง อาอวี้โดนรุมต่อยจนปา
“แม่นางที่คุณชายสนใจคือบุตรีคนเล็กของท่านเจ้ากรมการกลาโหมกับอนุขอรับ มารดาของนางเป็นเพียงสตรีที่เกิดจากชาวบ้านธรรมดา ตายายของแม่นางน้อยผู้นั้นเปิดร้านขายขนมอยู่ท้ายตลาดขอรับ แต่ว่าร้านนี้มีคนของจวนสกุลหลินมาคอยดูแลเลยทำให้มิมีผู้ใดสามารถไปสร้างความวุ่นวายได้” เสียงบ่าวชายร่างกำยำรายงานให้คุณชายจอมเสเพลของตนได้ทราบถึงเรื่องที่เขาไปสืบมาให้“ดี…. เป็นลูกอนุเช่นนั้นก็ยิ่งง่ายสิ แต่ติดตรงเป็นบุตรีของเจ้ากรมกลาโหมนี่แหละ หึๆ ข้าไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับพวกขุนนางเสียด้วยสิ" หงอี้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ชอบใจแต่น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความหนักใจ“แล้วนางกลับจวนของนางหรือยัง” เขาเอ่ยถามออกไปเสียงราบเรียบ“ตอนข้ากลับมานางยังอยู่ที่ร้านขนมขอรับ” บ่าวรับใช้ชายตอบคำถามของคุณชายบุตรชายคนเดียวของท่านเศรษฐี“ถ้าอย่างนั้นไปดักรอรถม้าของนาง ข้าอยากจะทำความรู้จักนางเสียหน่อยหึๆ”บุรุษที่มีใบหน้าหล่อเหลาแต่เจ้าชู้เสเพลเอ่ยออกมา ก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้ในหอสวีชุนแล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจเหล่าสตรีที่กำลังร้องเรียกเขาอยู่สั
ลินหยางไม่ได้ห้ามปราม เพราะเขากับหลินฮูหยินได้คุยกันเรื่องนี้กับหลินซูเหมยมาครั้งหนึ่งแล้ว เรื่องที่นางจะทำขนมส่งไปขายที่ร้านพ่อตาแม่ยายของตนหรือร้านท่านตาท่านยายของนาง แต่เขาก็ยังเป็นห่วงที่นางยังเด็ก กลัวว่านางจะไม่ทันคนจึงให้รองแม่บ้านหลันติดตามนางไปด้วย“ขอบพระคุณท่านพ่อกับท่านแม่ใหญ่เจ้าค่ะ”หญิงสาวยิ้มออกมาก่อนที่จะคำนับลาแล้วเดินออกจากเรือนใหญ่ไปที่นั่งรถม้า วันนี้นอกจากเสี่ยวเอ๋อก็เลยมีป้าหลันติดตามคุณหนูห้าออกจากจวนมาด้วยจุดมุ่งหมายของการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่ตลาดใจกลางเมืองหนานอัน แต่ทว่าเป็นตลาดที่อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหนานอัน เป็นตลาดที่ไม่ใหญ่มากนักแต่ทว่ากลับมีผู้คนพลุกพล่านและมีกำลังซื้อเพราะมีตระกูลของเศรษฐี รวมไปถึงพวกขุนนางอาศัยอยู่มากมาย“ถึงแล้วเจ้าค่ะคุณหนูห้า”ป้าหลันบอกคุณหนูห้าด้วยรอยยิ้ม หลินซูเหมยพยักหน้าก่อนที่นางจะลงจากรถม้าหลังจากที่ป้าหลันและเสี่ยวเอ๋อลงไปรอด้านล่างแล้วทันทีที่ร่างเล็กของเจ้าของผู้มีใบหน้างามลงมาจากรถม้า ก็เรียกสายตาจากหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ให้มองมายังนางด้วยความสนใจ หลาย
หลังกลับมาจากการไปพบกับคู่หมั้นหนุ่มที่ตลาด หลินซูเหมยก็รู้สึกใจหายแปลกๆ หญิงสาววัยแรกแย้มเดินตรงไปด้านหลังจวน ซึ่งเป็นสวนดอกไม้และสระน้ำที่มีศาลาริมน้ำอยู่ เสี่ยวเอ๋อที่ติดตามมาก็ไม่ได้แย้งคุณหนูห้าของนางแต่อย่างใด นางเดินตามคุณหนูห้าของนางไปเงียบๆ เพราะนางเข้าใจว่าคุณหนูห้าคงจะรู้สึกอาลัยอาวรณ์คู่หมั้นของนาง ที่มีแผนการเดินทางไปชายแดนทางทิศเหนือของแคว้นต้าตงในวันรุ่งขึ้นร่างบางเดินไปหยุดอยู่ที่สวนดอกไม้ก่อนที่ทอดสายตามองไปยังสระน้ำที่นางเคยตกลงไปแล้วกลับขึ้นมาเป็นนางอีกคน สิ้นวาสนาจากชาติภพก่อน โชคชะตาพัดพานางมาเกิดใหม่ในที่ที่แสนไกล สถานที่นางไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง ได้พบเจอกับเขาผู้เป็นคู่หมั้นของนางก็ถือว่าเป็นพรหมลิขิต แต่ชาติภพนี้นางจะทำอันใดได้กันนะ ศึกสงครามตอนนี้คือสงครามแบบไหน นางก็มิอาจรู้ได้ เปลือกตาบางปิดลงอย่างช้าๆ พรางผ่อนลมหายใจออกมา“คุณหนูเจ้าคะ พรุ่งนี้ท่านรองแม่ทัพฟางก็จะออกเดินทางไปทิศเหนือแล้ว คุณหนูน่าจะทำขนมให้ท่านรองแม่ทัพไปกินระหว่างทางนะเจ้าคะ”เสี่ยวเอ๋อแนะนำคุณหนูของนางด้วยความเข้าใจ นางเองก็อยากจะได้ร่ำลาใครบางคนที่นางไม
รถม้าเคลื่อนออกจากจวนสกุลหลินยามเชิน* หลินซูเหมยนั่งอยู่ภายในรถม้าที่วิ่งไปตามเส้นทาง เสี่ยวเอ๋อมองคุณหนูห้าก่อนที่จะยิ้มออกมา“คุณหนูเจ้าคะ… ในสายตาของคุณหนู ท่านรองแม่ทัพฟางเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ”นางเอ่ยถามคุณหนูออกมาด้วยความอยากรู้ นางเองก็ยังไม่เคยมีความรักและไม่รู้ว่าชีวิตนี้นางจะได้แต่งงานไปกับใครสักคนหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่าชีวิตของนางจะถูกลิขิตให้มาเป็นบ่าวรับใช้คุณนายเล็กและคุณหนูห้าตั้งแต่เด็กๆ แล้ว“ท่านพี่เป็นคนดี เขาไปออกรบเพื่อป้องกันบ้านเมืองมิให้ข้าศึกเข้ามารุกราน ปกป้องประชาชนแคว้นต้าตงของเราให้อยู่กันอย่างสงบสุข” น้ำเสียงที่ชื่นชมอีกฝ่ายออกมาอย่างปิดไม่มิดทำให้เสี่ยวเอ๋อฉีกยิ้มออกมา แสดงว่ารองแม่ทัพฟางผู้นี้จะถูกใจคุณหนูห้าของนางอยู่ไม่น้อย“แล้วคุณหนูมิกลัวว่าเขาจะพลาดพลั้งให้กับข้าศึกบ้างหรือเจ้าคะ”“กลัวสิ… แต่ข้ามองว่าท่านพี่ได้ทำหน้าที่ของเขาอย่างดีที่สุดแล้ว พวกเราคนที่อยู่เบื้องหลังทำอันใดให้บ้านเมืองของเราให้สงบสุขได้ก็ควรทำ เห็นสิ่งใดที่ไม่ดีไม่ถูกไม่ควรก็อย่าไปให้การ
เรือนอนุซูฉีก่อนที่รองแม่ทัพหนุ่มจะเดินทางกลับไปจวนแม่ทัพเขาได้แวะไปคารวะมารดาของคู่หมั้นสาว ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นเพียงอนุภรรยาของจวนนี้ แต่นางก็คือมารดาที่ให้กำเนิดว่าที่ภรรยาของเขามา ชายหนุ่มไม่รังเกียจที่นางต่ำต้อยหรือไม่มีกำลังในการสนับสนุนภรรยาของเขา แต่นางก็เป็นมารดาที่น่านับถือ มิเช่นนั้นแล้วเขากับนางคงจะไม่มีวันที่จะได้เจอกัน“รองแม่ทัพฟางนี่เขาดูเป็นชายหนุ่มที่มีอนาคตไกลจริงๆ นะเหมยเอ๋อร์” อนุซูฉีเอ่ยชื่นชมคู่หมั้นของบุตรสาวหลังจากที่เขาลากลับไป“เจ้าค่ะท่านแม่ ท่านพี่เขาเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์และมุ่งมั่นทำในหน้าที่ของเขา”หลินซูเหมยบอกมารดาด้วยน้ำเสียงสดใส อนุซูฉีมองบุตรสาวด้วยแววตาเอ็นดู บุตรสาวของนางกำลังมีความรักเสียแล้ว แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะอีกไม่นานสองหนุ่มสาวก็จะได้แต่งงานออกเรือนไปอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว หากแต่งงานกันเพราะความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันมันย่อมดีกว่าการแต่งงานกันเพราะความต้องการของใครแค่ฝ่ายเดียว“พรุ่งนี้ท่านพี่เขาอยากให้ข้าไปพบที่ตลาด เดี๋ยวข้าค่อยไปขออนุญาตท่านพ่อกับแม่ใหญ่