หลังจากพาตัวนักโทษกลับไปลงโทษที่วังหลวง รองแม่ทัพฟางเซี่ยหมินก็ได้รับความดีความชอบและได้เลื่อนขั้นจากรองแม่ทัพทิศใต้กลายเป็นแม่ทัพทิศเหนือทำหน้าที่ควบคุมกองทัพและดูแลความสงบของชายแดนทิศเหนือแทนคนเก่าที่ก่อกบฏ สร้างชื่อเสียงที่ดีงามให้กับตระกูลฟางเป็นอย่างยิ่ง เขาเดินทางกลับมายังจวนก่อนที่จะพูดคุยกับบิดาเรื่องสู่ขอคุณหนูห้าสกุลหลิน หลินซูเหมย เพราะเขาต้องย้ายไปประจำการอยู่ที่ชายแดนทิศเหนือ เช่นนั้นเขาก็อยากที่จะมีฮูหยินคอยอยู่เคียงข้าง
“เจ้าคิดดีแน่แล้วหรือหมินเอ๋อร์” ใต้เท้าฟางเอ่ยถามบุตรชาย
“แน่แล้วขอรับ ลูกมิอาจทนความห่างไกลจากนางได้อีกแล้ว แต่พวกท่านมิต้องเป็นห่วง เรื่องนี้ลูกจะลองถามความสมัครใจของนางดูก่อน หากนางมิยินยอมติดตามลูกไปยังชายแดนทิศเหนือ ลูกก็มิอยากที่จะบังคับนาง” แม่ทัพคนใหม่ของแคว้นต้าตงบอกบิดามารดา
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ลองไปถามนางก่อน หากนางยินดีที่จะไปร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเจ้าที่จวนในเมืองหนานถิง แม่ก็จะไปสู่ขอนางให้เจ้าก่อนที่เจ้าจะเดินทางไปประจำการอยู่ที่นั่น”
ฟางฮูหยินเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้กับบุตรชาย นางเข้าใจกับการที่จะต้องอยู่ไกลจากคนที่รักดี ว่ามันทรมานขนาดไหน คนรอคือคนที่ต้องอดทน อดทนต่อความคิดถึง อดทนต่อความเหงา อดทนต่อความว่างเปล่า
“ขอบพระคุณท่านพ่อกับท่านแม่มากนะขอรับ” ฟางเซี่ยหมินคำนับบิดามารดา
“ถ้าเช่นนั้น ลูกขอตัวไปหานางก่อนนะขอรับ”
แม่ทัพฟางกับฟางฮูหยินพยักหน้าให้ บุตรชายจึงเดินจากไป สองสามีภรรยาหันมาส่งยิ้มให้แก่กันและกัน กว่าบุตรชายจะมีวันนี้นั้นมันมิง่ายเลย เขามิได้รับช่วงต่อจากแม่ทัพฟางหรือตระกูลฟาง แต่ทว่าเขากลับสร้างทุกอย่างขึ้นมาด้วยตัวเอง ตำแหน่งขุนนางที่เขาได้มาก็เป็นตัวของเขาเองที่มุ่งมั่นและพยายามจนประสบความสำเร็จ
ฟางเซี่ยหมินขี่ม้านำหน้าตงหลง นายทหารคนสนิทที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองแม่ทัพทิศเหนือคนใหม่แทนที่คนเก่า คอยเคียงข้างเขาต่อไป หัวใจของนายทหารหนุ่มตื่นเต้นจนแทบจะทะลุออกจากอกเมื่อนึกถึงใบหน้านวลของนางในห้วงความคิดถึง แม้เริ่มแรกจะรู้สึกมิถูกชะตา แต่บุพเพก็นำพาให้เขาได้พบกับนาง
“อวี้…….”
เสียงหยุดม้าของบุรุษทั้งสองดังขึ้นที่หน้าจวนสกุลหลิน บ่าวของจวนมาคำนับผู้มาเยือน พวกเขาจดจำได้ว่าบุรุษหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลา รูปร่างองอาจผู้นี้นั้นเป็นคู่หมั้นของคุณหนูห้า
“ข้ามาพบคุณหนูห้า" เสียงเข้มเอ่ยออกมาจากริมฝีปากหนาทันทีที่อีกฝ่ายคำนับเขา
“เชิญใต้เท้าเล็กฟางเข้าไปรอที่เรือนรับรองก่อนเถอะขอรับ ข้าน้อยขอไปเรียนนายท่านหลินกับหลินฮูหยินก่อน แล้วจะไปตามคุณหนูห้าออกมาพบนะขอรับ” บ่าวชายรีบเชิญให้คู่หมั้นของคุณหนูห้าไปรอที่เรือนรับรอง พออีกฝ่ายพยักหน้าเขาก็เดินนำบุรุษร่างสูงใหญ่ทั้งสองไปยังเรือนรับรอง
สองเค่อต่อมาใต้เท้าหลินกับหลินฮูหยินก็มาถึงเรือนรับรอง สองสามีภรรยามีใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อได้พบคนที่มาเยือนจวนสกุลหลินในวันนี้ และคิดว่าต้องเป็นเรื่องดีแน่นอนเพราะว่าที่บุตรเขยผู้นี้เพิ่งได้รับพระราชทานยศถาบรรดาศักดิ์จากการปราบปรามกบฏ
“คารวะท่านปิงปู้ หลินฮูหยิน” ฟางเซี่ยหมินคำนับบุรุษและสตรีสูงวัยกว่าทั้งสอง
“ตามสบายท่านแม่ทัพ ข้ากับฮูหยินขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย ท่านอายุยังน้อยแต่กลับทำคุณงามความดีให้แก่บ้านเมือง ช่างน่านับถือยิ่งนัก” หลินหยางผายมือให้ว่าที่บุตรเขยนั่งก่อนที่จะเอ่ยชมเขาออกมาด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“วันนี้ข้าน้อยมาพบน้องหญิง ข้าน้อยมีเรื่องอยากจะสอบถามนางสักเล็กน้อย” เขาบอกจุดประสงค์ของการมาในครั้งนี้ทันทีเพื่อมิให้เสียเวลา เพราะอีกสามวันข้างหน้าเขาต้องเดินทางไปประจำการอยู่ที่เมืองหนานถิง เมืองชายแดนทิศเหนือของแคว้นต้าตง เขาจึงอยากจัดการเรื่องงานแต่งงานให้เรียบร้อยเสียก่อน
“อ้อ… ตามสบายนะท่านแม่ทัพ จะไปรอที่ศาลาริมน้ำก็ได้ ข้าจะให้บ่าวไปถามเหมยเอ๋อร์ไปพบท่านที่นั่น ป้าหลัน พาท่านแม่ทัพเล็กฟางไปที่ศาลาริมน้ำในสวนหลังจวนหน่อย แล้วก็ให้บ่าวไปตามเหมยเอ๋อร์ไปพบเขาด้วย”
ความจริงแล้วหลินหยางก็พอจะเดาออกว่าแม่ทัพหนุ่มมาหาบุตรีของตน หลังจากบอกว่าที่บุตรเขยแล้วเขาก็หันไปสั่งให้ป้าหลันรองแม่บ้านพาท่านแม่ทัพหนุ่มไปรอพบบุตรีของตนที่ศาลาริมน้ำ
ร่างสูงกำยำเยื้องย่างไปตามเส้นทางที่เคยมาเยือนเมื่อคราวก่อน ตงหลงเดินรั้งท้ายท่านแม่ทัพพรางมองไปรอบๆ ต้นไม้เขียวชอุ่มจากวัสสานฤดูที่เวียนมาถึง น้ำฝนทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ไปถ้วนทั่ว
“คุณชาย รอสักครู่นะเจ้าคะ บ่าวให้คนไปตามคุณหนูห้ามาพบคุณชายที่นี่แล้วเจ้าค่ะ” ป้าหลันบอกก่อนที่จะคำนับแล้วเดินจากไป
“คุณชายขอรับ คุณชายว่าคุณหนูห้าจะตอบตกลงหรือไม่ขอรับ” ตงหลงเอ่ยถามหลังจากรินน้ำชาให้กับท่านแม่ทัพเล็กที่ตนติดตามเขามาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
“หากนางมีใจให้ข้า นางก็มิมีเหตุอันใดที่จะปฏิเสธ ข้ามิบังคับนางหรอกตงหลง ที่นี่นางยังมีท่านพ่อ และท่านแม่เล็กของนาง บางทีนางอาจจะอุ่นใจมากกว่าการออกไปใช้ชีวิตอยู่กับข้าที่เมืองติดชายแดน ที่มิอาจรู้ได้ว่าพวกศัตรูจะบุกมาอีกตอนไหน” น้ำเสียงที่เบาลงทำให้ตงหลงรับรู้ว่าคุณชายของเขานั้นกำลังกังวลใจมากมายเพียงไหน
สองเค่อต่อมาร่างบางที่แม่ทัพหนุ่มรอคอยก็มาถึงศาลาริมน้ำ ใบหน้างามยามที่แสงของพระอาทิตย์สาดส่องชักชวนให้คู่หมั้นหนุ่มมองจนแทบจะไม่อยากละสายตาไปจากนาง
“คารวะท่านพี่เจ้าค่ะ” เสียงหวานเอ่ยออกมาพร้อมกับแสดงท่าทางคำนับเขา
“เชิญนั่งก่อนสิ…น้องหญิง”
เสียงทุ้มของชายหนุ่มอ่อนโยนยามเมื่อเอื้อนเอ่ยออกมากับสตรีตรงหน้าแต่ทว่ากับบรรดาเหล่าทหารนั้นเขาใช้น้ำเสียงต่างกันอย่างสิ้นเชิง เขาช่างเป็นบุรุษที่รักหยก ถนอมบุปผาเสียจริง เสี่ยวเอ๋อนำขนมที่ถือมาใส่จานวางตรงกลางของโต๊ะก่อนที่จะเลี่ยงออกจากตรงนั้นไปพร้อมกับตงหลงที่เลี่ยงออกมาเพื่อเปิดโอกาสให้ท่านแม่ทัพได้ตกลงเจรจากับว่าที่ฮูหยินว่านางจะตัดสินใจอย่างไรกับการที่ต้องติดตามท่านแม่ทัพไปอยู่ที่จวนเมืองหนานถิง เมืองแทบชายแดนทิศเหนือ
แม่ทัพหนุ่มสำรวจมองใบหน้างามของสตรีที่เขาหลงรักตั้งแต่แรกพบก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างพอใจ นางดูเติบโตและงดงามสมวัย จนเขามิอาจรอให้นานไปกว่านี้ได้แล้ว
“ท่านพี่… มิบาดเจ็บใช่หรือไม่เจ้าคะ” เพราะสวมเสื้อที่เป็นแขนยาวนางจึงมิได้เห็นบาดแผลที่แขนของเขาที่ยังคงไม่หายดี เขาจึงยิ้มออกมาจางๆ
"น้องหญิง พี่มิได้บาดเจ็บอันใด เจ้าอย่าได้เป็นห่วง"
เขาตอบนางยิ้มๆ ก่อนที่จะยกชาขึ้นมาจิบพรางมองนางไปด้วย เพียงแค่ได้นั่งคุยกันเพียงไม่กี่คำ นางกลับทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากมายยิ่งนัก
“ได้ยินเช่นนี้น้องค่อยเบาใจ น้องได้ยินข่าวมาจากพวกบ่าวว่าเหล่าทหารสิ้นชีพไปหลายคน น้องก็อดที่จะมิเป็นห่วงท่านพี่มิได้”
ริมฝีปากอิ่มฉีกยิ้มออกมาก่อนที่จะยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ เพียงแค่ได้ยินว่าเขาปลอดภัย หัวใจดวงน้อยที่ไม่เคยมอบความรักให้แก่ผู้ใดก็รู้สึกอิ่มเอมและมีความสุขยิ่งนัก
“ที่พี่มาวันนี้ พี่มีเรื่องอยากจะมาคุยกับเจ้า….เรื่องแต่งงานของเรา” ดวงตากลมที่หลุบมองต่ำอยู่ค่อยๆ มองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของคู่หมั้นหนุ่มทันที
“เจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่ว่าพี่ได้รับตำแหน่งใหม่เป็นแม่ทัพทิศเหนือ ทำหน้าที่ควบคุมดูแลกำลังพลและดูแลความสงบเรียบร้อยของชายแดนทิศเหนือของแคว้นต้าตงของเรา”
ใบหน้างามพยักขึ้นลง นางรับรู้เรื่องนี้มาจากบิดาแล้ว ว่าว่าที่คู่หมั้นของนางกลับมาจากชายแดนทิศเหนืออย่างปลอดภัย และได้เลื่อนขั้นจากรองแม่ทัพทิศใต้ ให้กลายเป็นแม่ทัพทิศเหนือแทนที่คนเดิม
“พี่อยากจะมาถามน้องหญิง ว่าเจ้ายินดีที่จะไปอยู่กับพี่ที่นั่นหรือไม่ เพราะพี่ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีถึงจะได้เดินทางย้ายกลับมายังเมืองหนานอัน หากเจ้ายินดีพี่ก็อยากจะมาสู่ขอเจ้าไปเป็นฮูหยินของพี่ ไปคอยดูแลจวนแม่ทัพที่เมืองหนานถิง”
ประโยคขอแต่งงานที่ค่อนข้างเป็นทางการออกมาจากปากท่านแม่ทัพผู้แข็งกร้าวต่อบุรุษแต่ทว่าอ่อนโยนกับสตรี หลินซูเหมยรู้สึกตกใจ และความรู้สึกแรกเหมือนจะบอกว่านางยังไม่พร้อมเพราะนางเพิ่งจะเริ่มต้นการค้า กำลังจะส่งขนมสูตรของนางไปขายที่ร้านท่านตาและท่านยาย แต่พอลองมาคิดๆ ดูเวลาชีวิตของคนเรานั้นมันแสนสั้นนัก หากเขาเกิดเป็นอันใดไปเสียก่อน นางคงจะต้องเสียใจที่วันนี้เลือกปฏิเสธเขาไป
การได้อยู่เคียงข้างเขา คอยสนับสนุนเขาอยู่ทางข้างหลังมันก็เป็นวิธีการของสตรีในยุคนี้ที่พอจะทำให้กับคู่ชีวิตของตนได้ ความลังเลใจที่มีอยู่ชั่วขณะหายไป นางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาที่แสดงสีหน้าฉายแววของความกังวลออกมา
นางส่งยิ้มพร้อมกับพยักใบหน้างามขึ้นลงเพื่อเป็นการตอบว่านางยินยอมและยินดีที่จะไปร่วมทุกข์ร่วมสุขอยู่กับเขาที่เมืองชายแดนทิศเหนือ บางทีการได้ไปอยู่ที่นั่นอาจจะทำให้นางได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากเมืองหนานถิงก็เป็นได้
“น้องหญิง….พี่ดีใจยิ่งนัก” มือหนายื่นไปคว้ามือบางของคนตรงหน้ามาจับเอาไว้ด้วยความดีใจก่อนที่จะปล่อยเพราะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ควร
“พี่ขออภัยเจ้าด้วย พี่ดีใจจนขาดสติไปหน่อย”
“มิเป็นไรหรอกเจ้าค่ะ” แค่จับมือ นางมิได้คิดมากมายหรอก เพราะอีกไม่นาน นางก็ต้องออกเรือนไปกับเขาอยู่ดี
“พี่อาจจะมอบความสุขสบายให้เจ้าได้ไม่เท่ายามที่เจ้าอยู่ที่นี่ แต่พี่สัญญาว่าจะรักมั่นและให้เกียรติน้องหญิงเพียงผู้เดียว”
คำมั่นสัญญาของบุรุษหนุ่มตรงหน้าทำให้หลินซูเหมยฉีกยิ้มออกมา เพียงเท่านี้หากเขาทำได้ นางก็ยินยอมพร้อมใจที่จะอยู่เคียงข้างเขาไปตราบจนวันสุดท้ายของชีวิตแล้ว
“ถ้าเช่นนั้นพี่ขอตัวกลับไปแจ้งข่าวดีให้กับท่านพ่อกับท่านแม่ทราบก่อน แล้วอีกสองวันพี่จะมาสู่ขอเจ้าเข้าจวน” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาด้วยความดีใจ
“เอ่อ…. ท่านพี่ อีกสองวันเองหรือเจ้าคะ”
หลินซูเหมยรีบเอ่ยถามออกมาหน้าตาตื่น นางมิได้สอบถามเขาก่อนว่าเขาจะมาสู่ขอนางเมื่อใด เพียงแต่เดาได้ว่าเร็วๆ นี้ แต่ทว่าไม่ได้คิดว่าจะเร็วเช่นนี้ เร็วจนนางตั้งรับไม่ทัน
“ใช่สิ… อีกสามวันพี่ก็ต้องเดินทางไปประจำการที่เมืองหนานถิงแล้ว” ฟางเซี่ยหมินดูท่าทีของนางตรงหน้าอีกครั้ง พบเพียงความกังวลพาดผ่านใบหน้างามเพียงครู่เดียว แต่สุดท้ายนางก็ส่งยิ้มจางๆ ออกมา
"ถ้าเป็นเช่นนั้นน้องก็ไม่ขัดเจ้าค่ะ เพราะหลังจากแต่งงานกันไป ท่านพี่อยู่ที่ใด น้องที่เป็นภรรยาก็ต้องติดตามท่านพี่ไปทุกหนแห่ง" ร่วมทุกข์ร่วมสุข สามีอยู่ที่ใด ผู้เป็นภรรยาก็ต้องอยู่เคียงข้างกัน ริมฝีปากหนาฉีกยิ้มกว้างออกมา เขารู้สึกยินดียิ่งนักที่ได้ยินนางพูดออกมาเช่นนี้
ตงหลงและเสี่ยวเอ๋อที่มองคุณชายและคุณหนูของตนอยู่ไกลๆ ต่างพากันยิ้มออกมา เพราะดูจากเหตุการณ์ยามนี้นั้นมีกรุ่นไอของความหวานชื่นแผ่กระจายออกมาจากรอยยิ้มและดวงตาของคนทั้งคู่ ทั้งคู่หันมามองหน้ากันโดยไม่ได้ตั้งใจ ริมฝีปากหนาส่งยิ้มมาให้แต่ทว่ากลับมิได้รับไมตรีกลับจากสตรีตรงหน้า เสี่ยวเอ๋อรู้สึกหวั่นไหวอยู่ภายในจิตใจของนาง แต่นางก็เลือกที่จะเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ในใจ
*รักหยก ถนอมบุปผา ความหมายคือ อ่อนโยนต่อผู้หญิง
แม่ทัพฟางเซี่ยหมินกล่าวลาคู่หมั้นของตนก่อนที่จะไปคำนับลาใต้เท้าหลินและหลินฮูหยิน จากนั้นจึงขี่ม้ากลับจวนเพื่อไปบอกกล่าวบิดามารดาถึงคำตอบของสตรีที่กำลังจะมาเป็นคู่ชีวิตของตนในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ เขาตื่นเต้นจนแทบจะเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มแย้มอยู่ตลอดระยะทาง จนผู้ติดตามอย่างตงหลงยังอดที่จะรู้สึกขบขันมิได้“คุณชายขอรับ” เขาเรียกขานผู้ที่ขี่ม้านำหน้า“อืม… ว่าอย่างไร” คนที่เพิ่งจะสมหวังกับคำตอบของคู่หมั้นขานรับอย่างอารมณ์ดี“คุณหนูห้านางจะไม่กลัวหรือขอรับ ทิศเหนือยามนี้มิได้สงบเฉกเช่นแต่ก่อนแล้วนะขอรับ”รองแม่ทัพทิศเหนือคนใหม่เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล เพราะถ้าหากคุณหนูห้าแต่งกับคุณชายของตนออกไป สตรีข้างกายของนางก็ต้องติดตามนางไปด้วยเช่นกัน ถึงแม้จะแอบดีใจอยู่ไม่น้อยแต่พอมาลองคิดดูอีกทีเขาก็อดเป็นห่วงมิได้“ข้าเชื่อว่านางรู้ว่าหนทางที่นางเลือกเดินไปกับข้ามันมิได้สุขสบาย แต่ที่นางยินยอมแต่งกับข้า เพราะข้ากับนางมีหัวใจที่มีกันและกันต่างหาก”ฟางเซี่ยหมินเอ่ยออกมาพร
ประเทศไทยเสียงพิธีกรบนเวทีมวยขนาดใหญ่ดังขึ้นประกาศชื่อเสียงเรียงนามของคู่ชกคู่สำคัญของวันนี้ เสียงเชียร์ดังกระหึ่มทั่วทั้งสนามมวยที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงของประเทศไทย เรือนร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของสตรีที่มีนามว่า อมิตา หรือ ฉายาน้องต้านางฟ้ามวยไทย ปรากฏบนเวทีมวย นอกจากฝีมือการออกหมัดและลูกเตะที่ทำเอาคู่แข่งน๊อคคาเวทีภายในสองยก เธอยังมีหน้าตาสะสวยเป็นอาวุธ ทำให้เธอมีทั้งแฟนคลับที่เป็นผู้ชายและผู้หญิงทั่วทั้งประเทศไทย“กรี๊ด……น้องต้านางฟ้ามวยไทย”เสียงแฟนคลับสาวๆ ที่มาเชียร์นักมวยสาวในดวงใจต่างพากันส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเรียกขานฉายาของเธอออกมา อมิตายกมือไหว้ก่อนที่จะเดินไปสวมนวมและใส่ฟันยาง คู่แข่งของเธอวันนี้เป็นนักมวยสาวชาวจีนที่เดินทางมาท้าประลองกับเธอ ดวงตากลมโตของหญิงสาวมองไปยังคู่แข่งที่มีรูปร่างไม่ต่างกันจากเธอสักเท่าไหร่ ริมฝีปากบางฉีกยิ้มออกมา“ขอต้อนรับ น้องต้า นางฟ้ามวยไทยแห่งค่ายมวย อรุณรุ่ง”สิ้นเสียงของพิธีกรเสียงปรบมือและเสียงเชียร์ชื่อเธอก็ดังกระหึ่มเวทีอีกครั้ง นักมวยคนสวยเดินไปกลางเวทีแล้วยกมือไหว้รอบทิศ ก่อนที่จะวิ่งไปอยู่ข้างขวาของกรรมการ“ขอต้อนรับผู้ท้าชิงเข็มขัดแช
ณ เมืองหนานอัน เมืองแห่งการค้าขายของแคว้นต้าตง ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหนานอันแห่งนี้นั้น ทำให้มีตระกูลของขุนนางและตระกูลของพ่อค้าจากหลากหลายสกุลมาสร้างจวนและลงหลักปักฐานอยู่ที่เมืองแห่งนี้ รวมไปถึงจวนสกุลหลินของเจ้ากรมการกลาโหม 'หลินหยาง' ผู้เป็นใหญ่ที่สุดในจวน เขามีฮูหยินและมีอนุภรรยาอีกสองคน มีบุตรชายกับบุตรีรวมห้าคน จากฮูหยินสองคนคือ ‘หลินชูจ้าน’ และ ‘หลินเยว่หรู’ กับอนุภรรยารองสองคนคือ ‘หลินจางหลง’ และ ‘หลินจินหรู’ และจากอนุภรรยาคนที่สองอีกหนึ่งคน คือ 'หลินซูเหมย' ภายในจวนแห่งนี้นั้นจึงมีเรือนทั้งหมดสี่หลัง หลังแรกเป็นบ้านใหญ่ และไล่ไปตามลำดับ“ท่านพี่...ลูกซูเหมยป่วยอีกแล้วเจ้าค่ะ” อนุซูฉีมารดาของหลินซูเหมยบอกผู้เป็นสามีขณะที่เขามาค้างที่เรือน"เจ้าว่าอย่างไรนะ ลูกห้าป่วยอีกแล้วอย่างนั้นหรือ" หลินหยางเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย เขาเป็นชายที่ไม่ลำเอียง รักและห่วงใยบุตรทุกคนของตนอย่างเท่าเทียมกัน"เจ้าค่ะท่านพี่ ยิ่งนางเติบโตขึ้นก็ยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ""แล้วเจ้าตามท่านหมอมาดูนางหรือยัง"“ตามมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านหมอบอกเพียงว่าลูกห้านั้นมีร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก นางต้องออกกำลังให้มา
เสียงเนื้อกระทบกับกระสอบทรายดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ค่ายมวยที่เต็มไปด้วยนักมวยชายรูปร่างกำยำกำลังฝึกซ้อมมวยกันอยู่อย่างขะมักเขม้น รวมไปถึงร่างเล็กแต่กำยำของหญิงสาวที่มีใบหน้าสะสวยกำลังซ้อมอยู่กับคู่ซ้อมที่เป็นชายอยู่อย่างไม่เกรงกลัว ท่าทางออกหมัด เท้า เข่า ศอกของเธอเป็นไปอย่างชำนาญ อีกทั้งยังหลบหลีกคู่ต่อสู้ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวเสียงระฆังดังเตือนหมดยกจากข้างเวทีมวย ร่างบางจึงเดินกลับไปทิ้งตัวลงที่เก้าอี้พักผ่อนของเธอ อมิตายกขวดน้ำเกลือแร่ขึ้นมาดื่ม ก่อนที่จะหยิบผ้าเย็นที่พี่เลี้ยงเตรียมเอาไว้ให้ขึ้นมาเช็ดเหงื่อ“อีกตั้งหลายเดือนกว่าจะได้แข่งอีก พี่ต้าทำไมซ้อมหนักจัง” ไข่หวานนักมวยสาวสมัครเล่นภายในค่ายมวยอรุณรุ่งแห่งนี้เอ่ยถามไอดอลของเธอออกมา“ก็เพราะการรักษาแชมป์พี่จึงต้องฝึกให้ร่างกายพร้อมและตื่นตัวอยู่เสมอไง” ต้า นางฟ้าเอเชียหรือ อมิตานักมวยคนสวยตอบรุ่นน้องด้วยรอยยิ้ม“อนาคตข้างหน้า หากไข่หวานได้ก้าวขึ้นสังเวียน ไข่หวานต้องจำเอาไว้ให้ดีว่าการเป็นแชมป์มันไม่ยาก แต่สิ่งที่ยากกว่าคือการรักษาแชมป์ เข้าใจไหม” อมิตาบอกรุ่นน้องสาวก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินไปกลางเวทีนวมของเธอชนกับนวมของคู่ซ้อ
เมืองหนานอัน ยามโหยว่(1)ภายในเรือนหลังขนาดกลางของอนุจินหรง เสียงเอะอะโวยวายปะปนกับเสียงร้องไห้ของหญิงต่างวัยดังขึ้น ณ ยามนี้ผู้เป็นใหญ่ของจวนแห่งนี้กำลังสั่งให้บ่าวรับใช้ลงโทษบุตรีที่เกิดจากอนุจินหรงรวมไปถึงสองสาวใช้ที่ติดตามนาง สาเหตุของการลงโทษในครั้งนี้นั้น เป็นเพราะหลินเยว่หรูหรือคุณหนูรองของฮูหยินใหญ่ ได้รายงานถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานกับน้องห้าของเธอให้บิดาฟัง ทำให้เย็นนี้เขาต้องมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง เมื่อไตร่สวนแล้วพบว่าเรื่องที่หลินเยว่หรูเล่ามานั้นคือเรื่องจริง“นังลูกไม่รักดี!!! เหตุใดเจ้าถึงต้องกระทำการรุนแรงกับบ่าวของน้องสาวเจ้าด้วย พ่อเคยสั่งสอนเจ้าแล้วมิใช่หรือว่ามิให้ใช้กำลังไม่ว่าจะกับใครก็ตาม"“ท่านพ่อลูกขอโทษเจ้าค่ะ ลูกขอโทษฮือๆๆๆ” คุณหนูสี่ร้องไห้คร่ำครวญกล่าวคำขอโทษออกมา"แล้วเจ้า… ไปยุ่งอันใดกับน้องสาวของเจ้าหรือไม่ น้องห้าของเจ้าร่างกายอ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไร เจ้าต้องรักและเอ็นดูนาง มิใช่ไปรังแกนาง”“ท่านพี่… อภัยให้ลูกสี่เถอะนะเจ้าคะ ลูกสี่ไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่างนางยังเด็กนัก ยังไม่รู้ความ” อนุจินหรงคุกเข่าอ้อนวอนผู้เป็นสามี“หุบปาก!!! อนุจิน หากเจ้าดูแลนาง
ค่ายมวยอรุณรุ่งนักมวยของค่ายมารวมตัวกันในวันนี้ไม่ใช่เพราะมีการแข่งขันหรือการฝึกซ้อมชกมวยแต่อย่างใด แต่มาเพื่อช่วยกันจัดสถานที่ ในการจัดงานวันคล้ายวันเกิดครบรอบยี่สิบปีให้กับทายาทของเจ้าของค่าย หรืออีกในสถานะหนึ่งคือ นักมวยสาวดาวรุ่งที่กำลังเป็นที่จับตามองในขณะนี้ ฉายา ‘ต้า นางฟ้ามวยไทย’ ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะนอกจากความสวยแล้วการออกอาวุธบนเวทีของเธอนั้นยังทำให้คู่แข่งจดจำเธอไปอีกนาน“พี่ต้า ทำอะไรอยู่คะ” เสียงหวานของไข่หวานนักมวยสาวรุ่นน้องวัยสิบเจ็ดปีเอ่ยถามขึ้น“กำลังดูซีรีส์จีน เนี่ยเรื่องนี้กำลังสนุกเลย พระนางฉลาดทันกัน ชิงไหวชิงพริบกันสุดๆ” ต้า หรืออมิตาบอกนักมวยสาวรุ่นน้องที่วันนี้มาช่วยจัดสถานที่ในงานวันคล้ายวันเกิดของเธอในวันรุ่งขึ้น“หือ…. พี่ต้าชอบดูซีรีส์จีนเหรอคะ” ไข่หวานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“อืม… ชอบมาก ดูตลอดเวลาที่ว่าง คิกๆๆ” นางฟ้ามวยไทยตอบพร้อมทั้งหัวเราะออกมา“อือ…. เรื่องนี้ไข่หวานก็ชอบ เรื่องก่อนนั้นดูไม่ไหว นางเอกอ่อนแอ เป็นลูกอนุ
“ไข่หวาน!!! พี่ต้าเป็นยังไงบ้าง” อรุณเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ครู… พี่ต้า…. พี่ต้าเสียแล้วจ้ะ หมอบอกว่าพี่ต้าทนพิษบาดแผลไม่ไหว เธอเสียเลือดมากก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาล ฮือๆๆ ครูจ๋า พี่ต้าไม่อยู่แล้ว ฮือๆๆๆ”ไข่หวานบอกครูมวยของเธอออกมาทั้งน้ำตา อรุณเกิดอาการช็อกจนเป็นลมล้มลงไป ดีที่นักมวยหนุ่มๆ รีบเข้าประคองร่างของเจ้าของค่ายมวยได้ทันควัน เขาจึงไม่ได้ล้มลงไปบนพื้นของโรงพยาบาล เมื่อได้สติอรุณจึงเข้าไปดูร่างของบุตรสาว น้ำตาของลูกผู้ชายไหลลงมาอาบแก้ม เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบุตรสาวของเขาจะมีอายุสั้นถึงเพียงนี้ เจ้าของกระเป๋าเมื่อรู้ข่าวเธอจึงเดินทางมาขอบคุณและขอโทษอรุณที่ทำให้เขาต้องสูญเสียบุตรสาวเพียงคนเดียวไป อรุณไม่ได้โกรธใคร เขาภูมิใจด้วยซ้ำที่บุตรสาวของเขาจากไปเพราะทำความดีข่าวการเสียชีวิตของนักมวยสาวดาวรุ่งวัยสิบเก้าปี ที่กำลังจะย่างเข้าสู่วัยยี่สิบปีในวันถัดมาถูกตีแผ่ออกไปอย่างรวดเร็ว ข่าวนี้นับเป็นข่าวที่หดหู่ สร้างความเสียใจให้กับแฟนมวยทั้งประเทศและต่างประเทศเป็นอย่างมาก นอกจากเธอจะเป็นนักมวยที่มีฝีมือและชื่อเส
อมิตาหลับไปจากอาการอ่อนเพลียที่ยังคงมีอยู่ เธอยังคงมีความหวังว่าตื่นขึ้นมาแล้วเธอจะสามารถกลับไปยังโลกเดิม โลกที่เธอจากมา หากเธอยังไม่ตายจากโลกนั้นจริงๆ แต่ถ้าหากเธอตายแล้ว เธอก็จะขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ในร่างของเด็กสาวผู้อ่อนแอผู้นี้ ภาษาการพูดการฟังเธอสามารถรับฟังและพูดภาษาของคนที่นี่ได้ออกมาอัตโนมัติ ราวกับว่าเป็นคนที่อยู่เมืองแห่งนี้มานานอย่างไรอย่างนั้น นั่นอาจจะเป็นผลพลอยได้จากเจ้าของร่างนี้ที่ทิ้งความเคียดแค้นเอาไว้ให้เธอ เพื่อทวงคืนความยุติธรรมและนำร่างนี้ทำความดีต่อไป“คุณหนู… เมื่อไหร่จะตื่นเสียทีล่ะเจ้าคะ บ่าวรอคุณหนูตื่นมาคุยกับบ่าวตั้งนานแล้วนะเจ้าคะ ท่านแม่ของคุณหนูก็รอคุณหนูอยู่ รีบตื่นขึ้นมาเถอะเจ้าค่ะ” เสี่ยวเอ๋อร้องเรียกคุณหนูห้าอยู่ที่ข้างเตียง ถึงแม้ท่านหมอจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ทว่านางเองก็ไม่ยอมวางใจ“ขอน้ำหน่อย…” เปลือกตาบางที่เปิดออกพร้อมกับริมฝีปากที่แห้งผาก“คุณหนู!!!! คุณหนูฟื้นแล้ว!!! นี่เจ้าค่ะน้ำ” เสี่ยวเอ๋อรีบประคองคุณหนูห้าขึ้นมาแล้วนำน้ำในถ้วยชาให้เธอดื่ม“แค่กๆๆ” อม
แม่ทัพฟางเซี่ยหมินกล่าวลาคู่หมั้นของตนก่อนที่จะไปคำนับลาใต้เท้าหลินและหลินฮูหยิน จากนั้นจึงขี่ม้ากลับจวนเพื่อไปบอกกล่าวบิดามารดาถึงคำตอบของสตรีที่กำลังจะมาเป็นคู่ชีวิตของตนในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ เขาตื่นเต้นจนแทบจะเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มแย้มอยู่ตลอดระยะทาง จนผู้ติดตามอย่างตงหลงยังอดที่จะรู้สึกขบขันมิได้“คุณชายขอรับ” เขาเรียกขานผู้ที่ขี่ม้านำหน้า“อืม… ว่าอย่างไร” คนที่เพิ่งจะสมหวังกับคำตอบของคู่หมั้นขานรับอย่างอารมณ์ดี“คุณหนูห้านางจะไม่กลัวหรือขอรับ ทิศเหนือยามนี้มิได้สงบเฉกเช่นแต่ก่อนแล้วนะขอรับ”รองแม่ทัพทิศเหนือคนใหม่เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล เพราะถ้าหากคุณหนูห้าแต่งกับคุณชายของตนออกไป สตรีข้างกายของนางก็ต้องติดตามนางไปด้วยเช่นกัน ถึงแม้จะแอบดีใจอยู่ไม่น้อยแต่พอมาลองคิดดูอีกทีเขาก็อดเป็นห่วงมิได้“ข้าเชื่อว่านางรู้ว่าหนทางที่นางเลือกเดินไปกับข้ามันมิได้สุขสบาย แต่ที่นางยินยอมแต่งกับข้า เพราะข้ากับนางมีหัวใจที่มีกันและกันต่างหาก”ฟางเซี่ยหมินเอ่ยออกมาพร
หลังจากพาตัวนักโทษกลับไปลงโทษที่วังหลวง รองแม่ทัพฟางเซี่ยหมินก็ได้รับความดีความชอบและได้เลื่อนขั้นจากรองแม่ทัพทิศใต้กลายเป็นแม่ทัพทิศเหนือทำหน้าที่ควบคุมกองทัพและดูแลความสงบของชายแดนทิศเหนือแทนคนเก่าที่ก่อกบฏ สร้างชื่อเสียงที่ดีงามให้กับตระกูลฟางเป็นอย่างยิ่ง เขาเดินทางกลับมายังจวนก่อนที่จะพูดคุยกับบิดาเรื่องสู่ขอคุณหนูห้าสกุลหลิน หลินซูเหมย เพราะเขาต้องย้ายไปประจำการอยู่ที่ชายแดนทิศเหนือ เช่นนั้นเขาก็อยากที่จะมีฮูหยินคอยอยู่เคียงข้าง“เจ้าคิดดีแน่แล้วหรือหมินเอ๋อร์” ใต้เท้าฟางเอ่ยถามบุตรชาย“แน่แล้วขอรับ ลูกมิอาจทนความห่างไกลจากนางได้อีกแล้ว แต่พวกท่านมิต้องเป็นห่วง เรื่องนี้ลูกจะลองถามความสมัครใจของนางดูก่อน หากนางมิยินยอมติดตามลูกไปยังชายแดนทิศเหนือ ลูกก็มิอยากที่จะบังคับนาง” แม่ทัพคนใหม่ของแคว้นต้าตงบอกบิดามารดา“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ลองไปถามนางก่อน หากนางยินดีที่จะไปร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเจ้าที่จวนในเมืองหนานถิง แม่ก็จะไปสู่ขอนางให้เจ้าก่อนที่เจ้าจะเดินทางไปประจำการอยู่ที่นั่น”ฟางฮูหยินเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้กับบุตรชา
ยามชวี ณ เรือนหลังใหญ่โตสกุลหงเสียงร้องโอดโอยจากทั้งบ่าวและคุณชายดังขึ้นสลับกัน หากรู้ไปถึงไหนคงจะอายไปถึงนั่น ที่พวกตนถูกสตรีตัวเล็กๆ อัดจนสภาพสะบักสะบอม แต่จะให้ไปเอาเรื่องนางที่มิได้เป็นคนผิด คุณชายหนุ่มเองก็ทำอันใดมิได้ แต่การที่ถูกนางอัดครั้งนี้กลับทำให้เขารู้สึกถูกใจนางยิ่งขึ้นไปอีก“ลูกพ่อ… นี่พวกเจ้าไปโดนผู้ใดซ้อมมาถึงได้กลับมานอนร้องโอดโอยกันเช่นนี้ พวกเจ้า!!! ใครผู้ใดมันบังอาจมาทำให้คุณชายเจ็บแบบนี้กัน” เพราะมีบุตรชายเพียงคนเดียวเขาจึงเอาอกเอาใจหงอวี้มาตั้งแต่เด็กๆ จนทำให้คุณชายหนุ่มเคยตัวไม่ยอมให้ใครมาขัดใจ“เอ่อ…" เหล่าบุรุษร่างกายกำยำอ้ำอึ้งก่อนที่จะหันไปมองหน้าคุณชายหนุ่มเพื่อขอความเห็นว่าจะยอมบอกว่าถูกสตรีตัวเล็กๆ อัดมาเสียน่วมหรือว่าโกหกว่าเป็นอย่างอื่น“ท่านพ่อ… ลูกมิเป็นอันใดหรอกขอรับ เพียงแต่เมื่อช่วงยามโหย่วข้าตกต้นไม้ลงมา แล้วโมโหก็เลยซ้อมบ่าวพวกนี้” เขายอมพูดโป้ปดเพื่อสตรีนางนั้น แต่บรรดาบ่าวกลับเข้าใจว่าคุณชายอายที่ถูกสตรีตัวเล็กๆ หยามเกียรติ“ให้ท่านหมอมาตรวจหน่อยดีไห
“พวกเจ้าช่างบังอาจนัก กล้ารังแกแม้กระทั่งผู้หญิง”หลินซูเหมยตะโกนออกมา มือหนาของหงอี้พยายามยื่นออกมาเพื่อจะจับที่ปลายคางของสตรีตรงหน้า ถึงปากคอเราะร้ายแต่ทว่าดวงหน้างามของนางก็ทำให้เขาไม่ถือสาแต่ก่อนที่มือหนาของบุตรชายของเศรษฐีจะเข้าไปถูกคางงามของหลินซูเหมย นางก็ยื่นมือมาจับข้อมือของเขาเอาไว้แล้วบิดสุดแรง พร้อมกับยกร่างหนาทุ่มลงไปกับพื้นอย่างรวดเร็ว ป้าหลัน เสี่ยวเอ๋อ อาอวี้ รวมไปถึงพวกบ่าวรับใช้ผู้ติดตามคุณชายจอมเสเพลก็ถึงกับตกตะลึง ด้วยไม่คิดว่าสตรีตัวเล็กๆ จะสามารถยกร่างหนาทุ่มลงกับพื้นจนร้องโอดโอย บ่าวชายที่จับตัวป้าหลัน เสี่ยวเอ๋อและอาอวี้ไว้ถึงกับรีบปล่อยพวกเขา แล้วเข้าไปประคองคุณชายของพวกตนให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล“เจ้าบังอาจนัก!!! เป็นเพียงสตรีแต่ริบังอาจมาสู้กับบุรุษเช่นข้าอย่างนั้นหรือ พวกเจ้า!!! จับนางมาให้ข้า!!!”สิ้นคำสั่งบุรุษทั้งห้าก็พุ่งเข้าไปจะจับร่างบางของคุณหนู แต่ป้าหลันกับเสี่ยวเอ๋อ รวมไปถึงอาอวี้รีบไปขวางเอาไว้ แต่ก็ขวางได้เพียงไม่นานเพราะถูกพวกมันที่แข็งแรงกว่าจับเหวี่ยงไปคนละทิศละทาง อาอวี้โดนรุมต่อยจนปา
“แม่นางที่คุณชายสนใจคือบุตรีคนเล็กของท่านเจ้ากรมการกลาโหมกับอนุขอรับ มารดาของนางเป็นเพียงสตรีที่เกิดจากชาวบ้านธรรมดา ตายายของแม่นางน้อยผู้นั้นเปิดร้านขายขนมอยู่ท้ายตลาดขอรับ แต่ว่าร้านนี้มีคนของจวนสกุลหลินมาคอยดูแลเลยทำให้มิมีผู้ใดสามารถไปสร้างความวุ่นวายได้” เสียงบ่าวชายร่างกำยำรายงานให้คุณชายจอมเสเพลของตนได้ทราบถึงเรื่องที่เขาไปสืบมาให้“ดี…. เป็นลูกอนุเช่นนั้นก็ยิ่งง่ายสิ แต่ติดตรงเป็นบุตรีของเจ้ากรมกลาโหมนี่แหละ หึๆ ข้าไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับพวกขุนนางเสียด้วยสิ" หงอี้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ชอบใจแต่น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความหนักใจ“แล้วนางกลับจวนของนางหรือยัง” เขาเอ่ยถามออกไปเสียงราบเรียบ“ตอนข้ากลับมานางยังอยู่ที่ร้านขนมขอรับ” บ่าวรับใช้ชายตอบคำถามของคุณชายบุตรชายคนเดียวของท่านเศรษฐี“ถ้าอย่างนั้นไปดักรอรถม้าของนาง ข้าอยากจะทำความรู้จักนางเสียหน่อยหึๆ”บุรุษที่มีใบหน้าหล่อเหลาแต่เจ้าชู้เสเพลเอ่ยออกมา ก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้ในหอสวีชุนแล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจเหล่าสตรีที่กำลังร้องเรียกเขาอยู่สั
ลินหยางไม่ได้ห้ามปราม เพราะเขากับหลินฮูหยินได้คุยกันเรื่องนี้กับหลินซูเหมยมาครั้งหนึ่งแล้ว เรื่องที่นางจะทำขนมส่งไปขายที่ร้านพ่อตาแม่ยายของตนหรือร้านท่านตาท่านยายของนาง แต่เขาก็ยังเป็นห่วงที่นางยังเด็ก กลัวว่านางจะไม่ทันคนจึงให้รองแม่บ้านหลันติดตามนางไปด้วย“ขอบพระคุณท่านพ่อกับท่านแม่ใหญ่เจ้าค่ะ”หญิงสาวยิ้มออกมาก่อนที่จะคำนับลาแล้วเดินออกจากเรือนใหญ่ไปที่นั่งรถม้า วันนี้นอกจากเสี่ยวเอ๋อก็เลยมีป้าหลันติดตามคุณหนูห้าออกจากจวนมาด้วยจุดมุ่งหมายของการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่ตลาดใจกลางเมืองหนานอัน แต่ทว่าเป็นตลาดที่อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหนานอัน เป็นตลาดที่ไม่ใหญ่มากนักแต่ทว่ากลับมีผู้คนพลุกพล่านและมีกำลังซื้อเพราะมีตระกูลของเศรษฐี รวมไปถึงพวกขุนนางอาศัยอยู่มากมาย“ถึงแล้วเจ้าค่ะคุณหนูห้า”ป้าหลันบอกคุณหนูห้าด้วยรอยยิ้ม หลินซูเหมยพยักหน้าก่อนที่นางจะลงจากรถม้าหลังจากที่ป้าหลันและเสี่ยวเอ๋อลงไปรอด้านล่างแล้วทันทีที่ร่างเล็กของเจ้าของผู้มีใบหน้างามลงมาจากรถม้า ก็เรียกสายตาจากหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ให้มองมายังนางด้วยความสนใจ หลาย
หลังกลับมาจากการไปพบกับคู่หมั้นหนุ่มที่ตลาด หลินซูเหมยก็รู้สึกใจหายแปลกๆ หญิงสาววัยแรกแย้มเดินตรงไปด้านหลังจวน ซึ่งเป็นสวนดอกไม้และสระน้ำที่มีศาลาริมน้ำอยู่ เสี่ยวเอ๋อที่ติดตามมาก็ไม่ได้แย้งคุณหนูห้าของนางแต่อย่างใด นางเดินตามคุณหนูห้าของนางไปเงียบๆ เพราะนางเข้าใจว่าคุณหนูห้าคงจะรู้สึกอาลัยอาวรณ์คู่หมั้นของนาง ที่มีแผนการเดินทางไปชายแดนทางทิศเหนือของแคว้นต้าตงในวันรุ่งขึ้นร่างบางเดินไปหยุดอยู่ที่สวนดอกไม้ก่อนที่ทอดสายตามองไปยังสระน้ำที่นางเคยตกลงไปแล้วกลับขึ้นมาเป็นนางอีกคน สิ้นวาสนาจากชาติภพก่อน โชคชะตาพัดพานางมาเกิดใหม่ในที่ที่แสนไกล สถานที่นางไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง ได้พบเจอกับเขาผู้เป็นคู่หมั้นของนางก็ถือว่าเป็นพรหมลิขิต แต่ชาติภพนี้นางจะทำอันใดได้กันนะ ศึกสงครามตอนนี้คือสงครามแบบไหน นางก็มิอาจรู้ได้ เปลือกตาบางปิดลงอย่างช้าๆ พรางผ่อนลมหายใจออกมา“คุณหนูเจ้าคะ พรุ่งนี้ท่านรองแม่ทัพฟางก็จะออกเดินทางไปทิศเหนือแล้ว คุณหนูน่าจะทำขนมให้ท่านรองแม่ทัพไปกินระหว่างทางนะเจ้าคะ”เสี่ยวเอ๋อแนะนำคุณหนูของนางด้วยความเข้าใจ นางเองก็อยากจะได้ร่ำลาใครบางคนที่นางไม
รถม้าเคลื่อนออกจากจวนสกุลหลินยามเชิน* หลินซูเหมยนั่งอยู่ภายในรถม้าที่วิ่งไปตามเส้นทาง เสี่ยวเอ๋อมองคุณหนูห้าก่อนที่จะยิ้มออกมา“คุณหนูเจ้าคะ… ในสายตาของคุณหนู ท่านรองแม่ทัพฟางเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ”นางเอ่ยถามคุณหนูออกมาด้วยความอยากรู้ นางเองก็ยังไม่เคยมีความรักและไม่รู้ว่าชีวิตนี้นางจะได้แต่งงานไปกับใครสักคนหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่าชีวิตของนางจะถูกลิขิตให้มาเป็นบ่าวรับใช้คุณนายเล็กและคุณหนูห้าตั้งแต่เด็กๆ แล้ว“ท่านพี่เป็นคนดี เขาไปออกรบเพื่อป้องกันบ้านเมืองมิให้ข้าศึกเข้ามารุกราน ปกป้องประชาชนแคว้นต้าตงของเราให้อยู่กันอย่างสงบสุข” น้ำเสียงที่ชื่นชมอีกฝ่ายออกมาอย่างปิดไม่มิดทำให้เสี่ยวเอ๋อฉีกยิ้มออกมา แสดงว่ารองแม่ทัพฟางผู้นี้จะถูกใจคุณหนูห้าของนางอยู่ไม่น้อย“แล้วคุณหนูมิกลัวว่าเขาจะพลาดพลั้งให้กับข้าศึกบ้างหรือเจ้าคะ”“กลัวสิ… แต่ข้ามองว่าท่านพี่ได้ทำหน้าที่ของเขาอย่างดีที่สุดแล้ว พวกเราคนที่อยู่เบื้องหลังทำอันใดให้บ้านเมืองของเราให้สงบสุขได้ก็ควรทำ เห็นสิ่งใดที่ไม่ดีไม่ถูกไม่ควรก็อย่าไปให้การ
เรือนอนุซูฉีก่อนที่รองแม่ทัพหนุ่มจะเดินทางกลับไปจวนแม่ทัพเขาได้แวะไปคารวะมารดาของคู่หมั้นสาว ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นเพียงอนุภรรยาของจวนนี้ แต่นางก็คือมารดาที่ให้กำเนิดว่าที่ภรรยาของเขามา ชายหนุ่มไม่รังเกียจที่นางต่ำต้อยหรือไม่มีกำลังในการสนับสนุนภรรยาของเขา แต่นางก็เป็นมารดาที่น่านับถือ มิเช่นนั้นแล้วเขากับนางคงจะไม่มีวันที่จะได้เจอกัน“รองแม่ทัพฟางนี่เขาดูเป็นชายหนุ่มที่มีอนาคตไกลจริงๆ นะเหมยเอ๋อร์” อนุซูฉีเอ่ยชื่นชมคู่หมั้นของบุตรสาวหลังจากที่เขาลากลับไป“เจ้าค่ะท่านแม่ ท่านพี่เขาเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์และมุ่งมั่นทำในหน้าที่ของเขา”หลินซูเหมยบอกมารดาด้วยน้ำเสียงสดใส อนุซูฉีมองบุตรสาวด้วยแววตาเอ็นดู บุตรสาวของนางกำลังมีความรักเสียแล้ว แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะอีกไม่นานสองหนุ่มสาวก็จะได้แต่งงานออกเรือนไปอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว หากแต่งงานกันเพราะความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันมันย่อมดีกว่าการแต่งงานกันเพราะความต้องการของใครแค่ฝ่ายเดียว“พรุ่งนี้ท่านพี่เขาอยากให้ข้าไปพบที่ตลาด เดี๋ยวข้าค่อยไปขออนุญาตท่านพ่อกับแม่ใหญ่