“แล้วเลิกดื่มได้แล้วไปนอนพรุ่งนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นใช่ไหม แม่ไม่ไปนะบอกที่ประชุมว่าแม่ป่วยแล้วกันแม่เพลียอยากพักผ่อน”
“ แม่สบายดีไหมทำไมหน้าซีดจัง” ธมกานต์มองสำรวจผู้เป็นแม่ “ แม่สบายดี แต่เพลียอาจเพราะการเดินทางแม่ไปนอนก่อนกานต์ก็เหมือนกันไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวเรื่องน้องแม่จะช่วยพูดให้อีกแรง” “ กู๊ดไนท์ครับแม่” “ นอนหลับฝันดีลูก” ธมกานต์มองร่างมารดา ขึ้นไปชั้นบนก่อนจะดื่มเหล้าให้หมดแก้วแล้วเดินขึ้นไปบนบ้านเช่นกัน หกโมงเช้า ตรีรินทร์ต้องขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงแมสเสจจากโทรศัพท์ของตนเอง “ เย็นนี้มาทำงานที่บ้านผมด้วย ผมจะเตรียมไว้เป็นเรือนหอของเรา แล้วรอทานข้าวกับผมที่บ้านใหญ่ด้วยคิดถึง ลงชื่อธมกานต์” “ บ้าเอาแต่สั่งสั่งสั่ง ใครเค้าจะไปทำตามคุณ” ตรีรินทร์แลบลิ้นใส่โทรศัพท์มือถือเสมือนเป็นตัวแทนของชายหนุ่มแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ธมกานต์นั่งมองโทรศัพท์เฝ้ารอว่าหญิงสาวจะตอบมาว่าอย่างไรเวลาผ่านไปหลายนาทีก็หงุดหงิด “เด็กบ้าเย็นนี้ฉันต้องจัดการกับเธอแน่ๆไม่ตอบแมสเสจ” ธมกานต์นั่งประชุมด้วยจิตใจไม่ปกติแต่ก็ สลัดความคิดทั้งหมดและตั้งใจทำงานก้มมองนาฬิกาทุกระยะกว่าจะผ่านการประชุมไปได้ธมกานต์รู้สึกงานวันนี้ยาวนาน ตรีรินทร์ นั่งทำงานบ้านชายหนุ่มอยู่ร่วมชั่วโมงแล้วหญิงสาวหันไปมองรอบตัว รู้สึกภูมิใจในผลงานชิ้นแรกอีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว ตรีรินทร์ไปนั่งทำงานอยู่ข้างๆสระน้ำข้างบ้านอย่างเพลิดเพลิน กริ๊งกริ๊ง เสียงโทรศัพท์มือถือดัง “ รินทร์ค่ะ” “ คุณอยู่ที่ไหน” “ บ้านคุณ กำลังทำงานอีกครึ่งชมก็เสร็จแล้วส่งงานได้เลย” “ ดีผมจะเอาไว้เป็นเรือนหอของเรา” “ บ้าใครจะแต่งงานกับคุณ ประสาท” “ คุณไงรินทร์ เชื่อสิว่าเราเกิดมาเพื่อกันและกัน” “ ฉันบอกคุณว่าไม่ก็คือไม่ ถึงคุณจะทำอย่างไรกับฉันฉันขอยืนยันคำเดิมว่าไม่ เข้าใจไหม” ตรีรินทร์ตะโกน ธมกานต์เอาโทรศัพท์ออกจากหูพร้อมกับโกรธในความดื้อรั้นของหญิงสาว “ รอผมด้วยมีธุระจะคุยด้วยเรื่องงาน” “ ได้ค่ะถ้าเป็นเรื่องงาน” ตรีรินทร์นั่งถอนหายใจด้วยความหนักใจ คุณหญิงมณีจันทร์จ้องมองร่างหญิงสาวที่เดินไปมาอยู่เรือนหลังเล็กก่อนจะเรียกแหวนมาถาม “ใครมาเรือนหลังเล็ก สาวๆของคุณกานต์หรือไง” “ อ๋อไม่ใช่ค่ะคุณผู้หญิง คุณมัณฑนากรค่ะ” “ หนูรินทร์เหรอ ไปเชิญมาคุยกับฉันหน่อยบอกฉันอยากเจอที่ห้องนอนนะฉันเพลียอยากเอนหลัง” “ ค่ะ” ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูสองครั้ง “ เข้ามาเลยจ๊ะประตูไม่ได้ล็อค” “ แหวนบอกว่าคุณป้าอยากพบรินทร์” ตรีรินทร์ไหว้สวัสดีก่อนจะพูด “ ป้ารู้เรื่องหนูกับกานต์แล้ว ตากานต์เล่าให้ป้าฟังหมดแล้ว” ตรีรินทร์อึ้งพร้อมกับมองหน้าหญิงชราเพื่อนสนิทของแม่แก้ว น้ำตาไหลด้วยอารมณ์อัดอั้นในใจ “ ป้าอยากให้หนูรินทร์แต่งงานกับกานต์” “ ไม่ได้หรอกค่ะรินทร์ไม่ได้รักเค้า แล้วรินทร์มีเหตุผล” “ ถ้าป้าขอร้องเพื่อป้าและเพื่อตัวหนูเอง” “ ป้าคงอยู่ได้ไม่นานป้าเป็นมะเร็งลำไส้ก็ไม่รู้จะอยู่ถึงไหน อาจจะสามเดือนหกเดือนป้าเป็นพยาบาลรู้ดีป้าอยากให้รินทร์อยู่เคียงข้างกานต์ยามที่เค้าไม่มีป้า ป้าขอแค่หนึ่งปีถ้ารินทร์ไม่รักกานต์ แล้วกานต์เข้มแข็งพอป้าจะไม่รั้งหนูรินทร์ไว้ กานต์เค้าไม่มีใครนอกจากป้าแต่ถ้าป้าตายไปกานต์เค้าต้องเคว้ง ทำเพื่อคนกำลังจะตายนะหนูรินทร์” “ โถ คุณป้า” ตรีรินทร์โผเข้ากอดหญิงชราเพื่อนสนิทแม่ด้วยความสะเทือนใจ “ ทำเพื่อป้านะหนูรินทร์ให้โอกาสกานต์นะนะจ๊ะ” “ ค่ะคุณป้าคุณป้าต้องเข้มแข็งนะคะมีคนไข้มะเร็งมากมายที่อยู่ได้เป็นสิบปีคุณป้าต้องสู้นะคะ” “ จ๊ะแต่หนูรินทร์รับปากนะจ๊ะ” “ ค่ะ” ตรีรินทร์สงสารแม่ของชายหนุ่มอย่างบอกไม่ถูก “ นี่จ๊ะ เช็คสองแสนที่แก้วเค้าสำรองจ่ายให้ป้าก่อน รินทร์อย่าบอกกานต์เรื่องนี้นะป้าไม่อยากให้เค้าสงสัย” “ ค่ะ” หญิงสาวรับเช็คมาก่อนจะเก็บเข้ากระเป๋าได้ยินเสียงเคาะประตูแล้วเปิดประตูตรีรินทร์รีบสอดเช็คเข้าไปในกระเป๋าอย่างรีบร้อน ธมกานต์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นตรีรินทร์กับแม่ของตนมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ “ มาอยู่ที่นี่เองตามหาคุณทั่วบ้าน” “ แม่เสร็จธุระกับหนูรินทร์แล้วแม่จะให้เข้มไปส่งน้องกลับบ้าน แต่กานต์ต้องอยู่คุยกับแม่ก่อน” “ ผมมีนัดแล้ว” “ เลื่อนไปก่อนแม่มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย” “ หนูรินทร์กลับเถอะจ๊ะเดี๋ยวแม่เค้าจะรอนานเห็นแก้วว่าทำอาหารจานโปรดไว้รอนี่นา” “ ค่ะ งั้นรินทร์ไปก่อนนะคะ” “ เดี๋ยวผมขอคุยอะไรด้วยหน่อยห้านาที” ตรีรินทร์มองหน้า คุณหญิงมณีจันทร์ซึ่งยิ้มให้กำลังใจก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่มองมาด้วยสายตาหมกมุ่น “ ค่ะ” ตรีรินทร์เดินออกจากห้องแล้วยืนรอชายหนุ่มธมกานต์จูงมือหญิงสาวไปที่ห้องนอนส่วนตัวก่อนจะผลักหญิงสาวเข้าไปในห้อง “ คุณคุยอะไรกับแม่ผม” “ ไม่มีอะไรนี่” “ ไม่จริงผมไม่เชื่อ” “ ตามใจคุณสิ” “ คุณกับแม่ผมต้องมีอะไรกันแน่ๆมีพิรุธ” “ บ้าสิคิดอกุศล ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้วฉันกลับก่อน” “ ทานข้าวด้วยกันก่อนสิ ผมบอกคุณแล้วไงเย็นนี้เราทานข้าวด้วยกัน” “ เสียใจฉันนัดแม่ไว้แล้ว” “ ผมคุยธุระกับแม่เสร็จจะไปหาคุณที่บ้าน” “ ไม่ได้นะ” “ งั้นคุณมาหาผมที่คอนโด” “ ไม่ได้” “ นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้เรื่องมากจริงคุณนี่เป็นผู้หญิงที่เรื่องมากที่สุด” “ ช่างฉันวันนี้ฉันไปไหนไม่ได้นัดกับแม่แล้ว สำหรับฉันแม่สำคัญที่สุดฉันไม่มีวันผิดนัดกับแม่” “ งั้นผมไปทานข้าวด้วย” “ ไม่ได้” “ ผมจะไป คุณห้ามผมไม่ได้” ตรีรินทร์ถอนหายใจก่อนที่จะได้ยินเสียงเคาะประตู “ เชิญ” ธมกานต์เสียงห้วน แหวนเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับพูดว่า “ คุณผู้หญิงให้มาเชิญคุณกานต์ไปพบเดี๋ยวนี้ แล้วให้มาบอกคุณรินทร์ว่ารถพร้อมแล้วค่ะ” “ ขอบใจนะจ๊ะ” ตรีรินทร์ขยับตัวก่อนจะถูกชายหนุ่มดึงไว้ก่อนที่จะตั้งตัวก็โดนชายหนุ่มหอมแก้มก่อนจะขยับมาที่ริมฝีปากบางจูบหนักๆสองหนติดกัน “ นี่โทษฐานที่รบกวนสมาธิการทำงานของผมตลอดทั้งวันคราวหลังผมแมสเสจไป คุณต้องตอบแมสเสจผม ไม่งั้นผมจะลงโทษคุณแบบนี้ทุกครั้งเข้าใจไหม” ตรีรินทร์เขินหน้าชาก่อนจะพูดว่า “ บ้าคนฉวยโอกาส” ตรีรินทร์ผลักอกกว้างให้ห่างจากตัว แล้วรีบหมุนตัวเดินหนีไป ทิ้งให้อีกฝ่ายมองตามพร้อมอมยิ้มน้อย ๆ “เข้ามาสิกานต์ แม่รออยู่” ธมกานต์เดินเข้าห้องมารดามาคิ้วขมวดด้วยความสงสัย “ แม่ไม่สบายเหรอเป็นอะไรมากหรือเปล่าเด็กๆบอกแม่มานอนสักพักแล้ว” “ แม่สบายดีแค่เพลียนิดหน่อย” “ แม่พูดกับน้องให้กานต์แล้วนะ ตกลงน้องเค้ายอมแต่งงานกับกานต์แล้วนะ” “ หา ไม่จริงหรอกกานต์พึ่งเถียงกับเค้าเมื่อเช้าเค้าบอกไม่แต่ง แล้วแม่จะมาบอกว่าเค้ายอมกานต์ไม่เชื่อหรอกแม่จะหลอกให้กานต์ดีใจใช่ไหม” “ แม่จะโกหกทำไมแม่พึ่งคุยกับน้องเมื่อสักครู่นี้แต่น้องเค้าจะขอให้หมั้นไว้นานหน่อยเค้าขอเวลาสามถึงสี่เดือน” “จริงเหรอแม่ แม่ไม่โกหกกานต์ใช่ไหม กานต์รักแม่จัง” ธมกานต์กอดและหอมแก้มคุณหญิงมณีจันทร์ “ แต่กานต์ไม่ยอมหรอกหมั้นทำไมนานๆเดี๋ยวกานต์ไปคุยกับรินทร์เค้าเองดีกว่า ไปนะแม่ กานต์จะไปขอข้าวบ้านรินทร์เค้าทาน” “ ทำตัวดีๆ ล่ะ อย่าไปห่ามจนทำให้แม่ขายหน้านะ” “ ครับผม” ธมกานต์ขับรถมุ่งหน้าไปบ้านตรีรินทร์ในใจคิดว้าวุ่นบ้านมนัสสุกานต์ “ตายแล้วยัยรินทร์ทำไมใส่พริกเยอะขนาดนั้นใครจะกินจ๊ะลูก” “อ๋อถ้วยนี้พิเศษสำหรับแขกคืนนี้ค่ะเดี๋ยวของรินทร์กับแม่รินทร์ตำต่างหาก” “ ใครจะมาเหรอ เย็นนี้” “ เดี๋ยวแม่ก็รู้ค่ะ” ตรีรินทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะตำน้ำพริกต่อ แม่แก้วมองลูกสาวด้วยสายตาไม่เข้าใจ “ ตายล่ะอาหารแต่ละอย่างเผ็ดๆทั้งนั้นวันนี้จะทานกันได้ไหมเนี่ย” “ อร่อยจะตายรินทร์ขอสามชามวันนี้” “ งั้นรินทร์ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” ธมกานต์จอดรถหน้าบ้านหญิงสาวก่อนจะกดกริ่งด้วยหัวใจที่เต้นรัว ตรีรินทร์ในชุดอยู่บ้านสบายๆมาเปิดประตูก่อนจะส่ายหน้า“ จัดเต็มอีกแล้วแต่งมาซะเต็มขนาดนี้ทำเอาเราจืดไปเลย” “ นี่คุณมาทานข้าวบ้านฉันไม่ต้องใส่เต็มขนาดนี้ก็ได้มีไหมเสื้อผ้าอยู่บ้านสบายๆ คุณทำให้ฉันอึดอัดนะเนี่ย” “ ขอโทษ เดี๋ยวผมถอดสูทไว้ที่รถรองเท้าผมมีอีกคู่หลังรถกางเกงขาสั้นก็มีอยู่หลังรถเตรียมไว้ไปเล่นกีฬา” “ ค่อยยังชั่ว”“ รอแป๊ปหนึ่งเดี๋ยวเปลี่ยนที่ห้องคุณได้ไหม” “ อืม” แม่แก้วมองชายหนุ่มที่เดินตามลูกสาวมาก็ตาโตนี่มัน ลูกชายเพื่อนสนิทของเธอเองสองคนนี้ยังไงๆ เสียแล้วแม่แก้วมองมาด้วยสายตาค้นคว้า “ แม่คะคุณกานต์จะมาทา
โรงแรม Eifelstar เสียงรองเท้าส้นสูงดังมาใกล้ตัวทำให้รสสุคนธ์หันมามองตามเสียง ก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้า “คุณรินทร์ไปทำอะไรมาค่ะนี่เปรี้ยวเชียว” “รินทร์มาขอพบคุณกานต์ค่ะอยู่ไหมค่ะ” “กำลังรออยู่เลยค่ะท่านสั่งไว้แล้ว” “ งั้นเดี๋ยวรินทร์มาคุยด้วยนะคะ คุณรส” ตรีรินทร์เดินเข้าไปเคาะห้องซีอีโอชายหนุ่มเจ้าปัญหาที่ทำให้เธอต้องแวะมาหาก่อนไปงานเลี้ยง “ ก๊อกๆ” “เข้ามา” ตรีรินทร์ยืนอยู่ตรงข้ามชายหนุ่มที่กำลังก้มหน้าเซ็นเอกสารมากมายที่กองไว้บนโต๊ะ ตรีรินทร์ยืนอึดอัดเมื่อชายหนุ่มยังไม่มีทีท่าจะเงยหน้าขึ้นมาคุยด้วย “นั่งก่อนสิ คุณไม่เมื่อยหรือไง” “ เมื่อยแต่ฉันรีบ ฉันกลัวเดี๋ยวรถติด” ธมกานต์ผลักเอกสารพร้อมกับเงยหน้ามองหญิงสาวที่รบกวนจิตใจตนเองมาตลอดอาทิตย์ ธมกานต์ตะลึงกับภาพที่เห็นเมื่อหญิงสาวอ่อนหวานสดใสมาแต่งตัวเปิดหน้าเปิดหลังกระโปรงสั้นแถมแต่งหน้าจัดจ้าน ทรงผมเปรี้ยวดัดรอนสลวย “ไปทำไรมานี่” “ ก็เค้ามีธีมงานแบบนี้ ก็ต้องแต่งแบบนี้แหละ” “ ผมไม่ชอบให้คุณแต่งปาดหน้าปาดหลังแล้วดูสิกระโปรงก็สั้นแล้วนี่จะนั่งยังไง” “ โถ คุณธมกานต์ฉันไม่ได้มานั่งให้อาจารย์ฝ่ายปกครองตรวจนะ ฉั
บ้านพิพัฒนพงค์ “ เข้มไปเอาเหล้ามาอีก” เสียงตะโกนของเจ้านายหนุ่มทำเอาคนสนิทรีบวิ่งไปหยิบเหล้ามาอีกขวด “ นายครับนายเมาแล้วให้ผมพาขึ้นไปนอนนะครับ” “ ไม่ ใครว่าฉันเมาไม่เมา” ธมกานต์รู้สึกปวดใจไปกับคำพูดของหญิงสาวเมื่อตอนเย็นคำพูดแค่ไม่กี่ประโยคแต่มันทำเอาชายหนุ่ม รู้สึกน้อยใจเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวและเป็นหนึ่งเหตุผลที่ตนเองต้องมานั่งเมาอยู่ตรงนี้ ตรีรินทร์กดส่งข้อความสั้นๆว่า ‘ ถึงบ้านแล้วไม่ต้องเป็นห่วง’ พร้อมกับบ่นพึมพำเบาๆ“ ปกติ อีตาบ้านี่ไม่เคยปิดเครื่องนี่นาเป็นอะไรของเค้าอีกนะ” ตรีรินทร์บอกความรู้สึกของตนเองไม่ถูกว่าทำไมต้องรู้สึกกังวลเมื่อไม่สามารถติดต่อชายหนุ่มได้ในตอนนี้อาจเป็นเพราะแววตาตัดพ้อที่คอยรบกวนอยู่ตลอดทั้งวันก็เป็นได้นึกไปนึกมาเค้าอาจจะลืมแล้วก็ได้ว่าสั่งอะไรเราไว้จะไปเครียดทำไมนอนดีกว่า วันรุ่งขึ้นตามเวลานัดสิบโมงเช้า ตรีรินทร์เดินเข้าบ้านแต่ปราศจากผู้คนมองสำรวจความเรียบร้อยซึ่งก็ครบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มแล้วมองไปรอบๆด้วยความรู้สึกภูมิใจพร้อมกับถ่ายรูปเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกทั้งจากกล้องส่วนตัวและมือถือ “ อ้าวเข้มนั่นเอง ว่าไงจ๊ะคุณกานต์อยู่ไหมเค้านัดฉันมาส่งง
“ในฐานะที่เราเป็นครอบครัวเดียวกันนี้อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากที่ผมจะมาแจ้งให้ทุกคนทราบคือข่าวดีของผม” เสียงฮือฮาดังทั่วห้องนภาลัยแสงแฟลชดังติดๆกันนับสิบครั้งนักข่าวกรูเข้าไปหน้าเวที ในขณะนั้นหญิงสาวทั้งสี่นั่งทานก๋วยเตี๋ยวกันอย่างสนุกสนาน “ข่าวดีที่ว่านี้คือผมกำลังจะสละโสดผมกำลังจะแต่งงานเร็วๆนี้จึงอยากเรียนมาให้ทุกคนทราบและร่วมยินดีไปกับผม” แสงแฟลช ดังเป็นระยะๆ “ ขอบคุณครับขอให้ทุกท่านร่วมรับประทานอาหารก่อนตามอัธยาศัย” เมื่อธมกานต์ก้าวลงมาจากเวที นักข่าวที่แม้จะเป็นฝั่งเศรษฐกิจรีบกรูเข้าไปล้อมตัวนักธุรกิจหนุ่มฮอทในวงการไว้ “คุณกานต์ขาขอสัมภาษณ์หน่อยค่ะ” “ อ๋อครับ” “ กล้องพร้อมหรือยัง” เสียงตะโกนของนักข่าวดัง ธมกานต์ยิ้มเมื่อแผนทุกอย่างเดินไปตามเกมที่วางไว้ “ ตกลงคุณกานต์สละโสด นี่จริงๆ ใช่ไหมครับ” “ ก็ตามที่บอกนะครับ” “ กับจีจี้นางแบบแม็กซิมหรือครับ ที่เคยเป็นข่าวกัน” “ อ๋อ ไม่ใช่หรอกครับ จี้นี่เป็นเพื่อนตั้งแต่เมืองนอก คู่หมั้นผมนี่เป็นคนนอกวงการเธอทำงานด้านมัณฑนากรครับชื่อตรีรินทร์ มนัสสุกานต์ ครับเราเจอกันตอนเค้ามาตกแต่งบ้านผม แล้วแม่เค้ากับแม่ผมเป็นเพื่อน
“ไม่ได้ผู้ใหญ่คุยกันแล้ว” “ ไม่ ไม่ ไม่ ฉันไม่ยอมให้คุณมาบงการฉันหรอก”ตรีรินทร์พูดด้วยอารมณ์แค้นแน่นอก “ จะงอแงอะไรก็ตามใจแต่คิดดูบ้างสิถ้าคุณไม่ทำตามแม่คุณจะเสียใจแค่ไหนแล้ว ผู้ใหญ่ที่เค้าคุยกันจะว่ายังไง” ตรีรินทร์ร้องไห้ด้วยความอัดอั้นสุดท้ายเธอก็ต้องแพ้เมื่อชายหนุ่มเอาแม่เธอมาอ้าง “ จริงสินะถ้าเรางอแงแม่ต้องไม่ยอมแน่ๆ” ธมกานต์ชะงักก่อนจะโอบหญิงสาวมากอด พร้อมกับลูบหลังไปมา“ ผมขอโทษที่รีบ ผูกมัดคุณช่วยไม่ได้คุณอยากน่ารักทำไม แล้วจะน่ารักกว่านี้ถ้าไม่งอแงแล้วทำตามที่ผมสั่ง” “ ฉันหมั้นก็ได้แต่เราอย่าพึ่งรีบแต่งได้ไหมเรามาศึกษากันสักสี่ห้าเดือนก่อนได้ไหมนะคะ คุณกานต์พบกันคนละครึ่งทาง” ตรีรินทร์ต่อรอง “ ไม่ได้ แล้วเราไม่ต้องศึกษากันแล้วค่อยไปศึกษากันตอนแต่งงานแล้วอยู่กันแล้วผมไม่อยากหมั้นไว้นาน” “ นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ ยอมฉันบ้างสิทำไมต้องบังคับไปทุกอย่าง”ธมกานต์นึกขำหญิงสาวก่อนจะลากหญิงสาวเข้ามากอดอีกครั้ง “ รินทร์ผมตามใจคุณไม่ได้เพราะผมเป็นผู้บริหารพูดคำไหนต้องคำนั้นแล้วอีกอย่างสำคัญมากผมสัญญากับแม่คุณไว้ว่าจะรีบจัดการทุกอย่างให้ถูกต้อง” ธมกานต์ลูบไล้ผมยาวสลวยของหญิงสา
“ ถ้าคุณว่าง่ายผมก็ไม่ต้องเผด็จการลองดูสิแล้วคุณจะรู้ว่าเวลาผมน่ารักเป็นยังไงคุณจะต้องตกหลุมรักผมในไม่ช้า” “จะอ้วกแต่เสียดายอาหารเมื่อกี้มันอร่อยมากกก” ตรีรินทร์ทำท่าขยักขย่อนธมกานต์ส่ายหน้ากับท่าทางของหญิงสาวพร้อมกับอมยิ้ม “ ขอน้ำเปล่าสักแก้วนะคะ” ตรีรินทร์ยิ้มกับสจ๊วตหนุ่มที่บริการบนเครื่องธมกานต์หันมามองด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะพูดว่า “ ไม่ต้องยิ้มหวานขนาดนั้นไอ้หนุ่มนั่นมันก็พร้อมจะบริการคุณเพราะมันเป็นหน้าที่ของเค้าเพราะฉะนั้นไม่ต้องยิ้มยั่วยวนขนาดนั้น” “ นี่คุณจะไม่หาเรื่องสักชั่วโมงจะตายไหมเนี่ย” น้ำเสียงตรีรินทร์หงุดหงิดในความ วีนของชายหนุ่มผ่านไปสักครู่สจ๊วตหนุ่ม มาพร้อมแก้วน้ำ ตรีรินทร์ยื่นมือไปรับสจ๊วตหนุ่มสบตากับผู้โดยสารสาวก่อนที่จะมือสั่นจนน้ำในแก้วกระฉอกตรีรินทร์ตกใจพอๆกับที่สจ๊วตหนุ่มก็ตกใจไม่แพ้กัน “ขอโทษครับผมไม่ได้ตั้งใจสักครู่นะครับ “ “ไม่เป็นไรค่ะ” ตรีรินทร์รีบมองหา ทิชชู่ “ แหม พอสาวเจ้ายิ้มหวานทำเอามือไม้สั่น บริหารเสน่ห์พอหรือยังอีกไม่กี่วันก็จะหมั้นแล้วนะคุณเพลาๆมือหน่อย” ธมกานต์กัดฟันพร้อมกับกระซิบข้างๆหูทำเอาตรีรินทร์แทบจะร้องกรี๊ดที่โดนชายหนุ่มเหน
“ ได้ยินค่ะ” ตรีรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมกับถอนหายใจเหนื่อยกายมาตลอดวันแล้วกำลังจะเหนื่อยใจเพราะชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า “ ก็งานมันเร่งด่วนนี่คะลูกค้าอยากได้เร็วก็ต้องเร่งงานให้ทันกับความต้องการไม่ได้อยากได้รางวัลแต่มันเป็นหน้าที่” “ อะไรที่มันมากไปมันดูเว่อร์มากกว่าดูดีนะ” “ อย่าพึ่งเทศน์ตอนนี้ได้ไหมฉันเหนื่อยเพลียและหิวมากด้วยยังไม่ได้ทานอะไรเลย” ธมกานต์ถอนหายใจพร้อมกับหันหลังไปหยิบถุงพลาสติกมาส่งให้ “ ผมซื้อมาฝากคิดว่าคุณคงหิว” ตรีรินทร์เลิกคิ้วพร้อมกับประหลาดใจ “ อีตานี่ละเอียดจริงๆน่ารักซะ” ตรีรินทร์ยกมือไหว้พร้อมกับส่งสายตาอ่อนหวานส่งให้ชายหนุ่มได้รู้ว่าเธอรู้สึกดีกับสิ่งที่เค้าทำให้ ธมกานต์แก้เก้อด้วยการเอามือสอดเข้าไปในกางเกง “ จะไม่ขอบคุณผมสักคำหรือไงอุตส่าห์แวะมาหาซื้อก๋วยเตี๋ยวมาให้” ตรีรินทร์ยิ้มเมื่อเห็นชายหนุ่มร้องขอคำขอบคุณพร้อมกับทำหน้างอ ‘นี่ชีวิตเค้าคงไม่มีใครกล้าขัดใจเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลเป็นหลานคนเดียวชีวิตนี้อยากได้อะไรก็คงมีคนหามาประเคนให้คงไม่เคยมีใครขัดใจถึงได้ทั้งเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจขนาดนี้’ ตรีรินทร์คิดในใจ “ขอบคุณนะคะ” “ ผมส่งค
สวนจตุจักร “ นี่คุณจะมาทำอะไรที่นี่” “ ไม่รู้จักหรือคะสวนจตุจักรไง” “ รู้แต่เชื่อไหมไม่เคยมาหรอกเคยได้ยินแต่ชื่อ” “ งั้นวันนี้ก็จะได้มารู้มาเห็นในสิ่งที่คุณไม่เคยจะได้เห็นไง” “ แล้วคุณล่ะอยากมาซื้ออะไร” “ ฉันอยากได้ต้นไม้ให้แม่สักสองสามต้น” ธมกานต์เดินตามตรีรินทร์ที่เข้าร้านนั้นออกร้านนี้แล้วเริ่มร้อนและปวดหัวกับผู้คนที่เดินเบียดเสียดไปมา เพราะเป็นช่วงวันเสาร์ที่มีผู้คนมากมาย “ นี่รินทร์ตกลงคุณจะมาเที่ยวหรือจะมาแกล้งผม”น้ำเสียงธมกานต์เริ่มหงุดหงิดใบหน้าชายหนุ่มหงิกงอเหงื่อเริ่มไหลตามใบหน้าเนื่องด้วยอากาศร้อน “ พาคุณมาเที่ยวจริงๆค่ะแล้วก็อาสาแม่มาซื้อต้นไม้ด้วย ฉันว่าสนุกดีออก” “ แล้วที่คุณพาผมเดินไปเดินมาหลายซอยร้านต้นไม้นั่นนี่โน่นแล้วสรุปคุณก็กลับไปเอาต้นไม้ร้านแรกที่เราดูกันมาตกลงคุณแกล้งผมใช่ไหม” “ เปล่านะฉันก็แค่อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุด สรุปฉันผิดเหรอเนี่ยทีหลังถ้าไม่ชอบมาเดินแบบนี้ฉันจะได้ชวนคนอื่นมา” ตรีรินทร์กล่าวอมยิ้ม “ ผมเหนื่อยผมร้อนผมหิวมาก นี่จะบ่ายสองแล้วนะคุณ” เสียงบ่นของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวยิ้มขำ “ แหมก็บอกสิคะก็คนเดินช้อปปิ้งก็เพลิน ไม่บอกแล้วใครจะรู้
บ่ายวันเสาร์ตรีรินทร์ง่วนอยู่กับเตาอบอยู่หลายชั่วโมง หญิงสาวตะโกนออกมา“ คุณกานต์ขามานี่หน่อย รินทร์อยากได้คอมเม้นต์ค่ะ”ธมกานต์วางหนังสือพิมพ์พร้อมกับเดินเข้าบริเวณครัว“ มีอะไรให้สามีช่วยหรือครับ ภรรยาคนสวย”“ ช่วยชิมหน่อยสิคะ รสไหนอร่อย รสกาแฟ รสช้อคโกแล็ตชิบ หรือรสเนย”“ รินทร์ ตั้งแต่คุณทำผมชิมมาหลายสิบอันแล้วนะเนี่ย จนผมชักมึนกับรสคุกกี้ของคุณแล้วแต่ถ้าคุณจะหาคนชิมนะ โน่นไอ้กรณ์ ขานั้นนะชอบขนมทุกชนิด มันบ้าขนม เชื่อไหม เคยไปกินบุฟเฟ่เค้กมันกินได้สิบสองอัน พวกผมสามก้อนก็จะอ้วกแล้ว”“ แหม คุณเนี่ยไม่ร่วมมือเลย”“ อย่าพึ่งงอนสิจ๊ะคนสวย ผมลองทานอีกสามชิ้นก็ได้”ธมกานต์มองภรรยาสาวที่ขะมักเขม้นเรียงคุกกี้ลงขวดแก้วอย่างทะนุถนอม“เก็บเอาไว้ทานคราวหน้า ใส่ขวดไว้ให้น่ารับประทาน”ตรีรินทร์อธิบายพร้อมกับเรียงขนมลงขวดด้วยความระมัดระวังเช้าวันอาทิตย์ตรีรินทร์ก้มลงหอมแก้มสามีหนุ่ม พร้อมกับกระซิบว่า “ รินทร์ออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่งนะคะ บ่ายนี้คุณไปตีกอล์ฟกับพวกพี่หมอใช่ไหม ถ้ารินทร์มาไม่ทัน เจอกันเย็นนี้นะคะ”ธมกานต์งัวเงียพร้อมกับหรี่ตามองนาฬิกาแปดโมงเช้าปกติวันอาทิตย์จะเป็นวันเดียวที่เขาแ
อลงกรณ์นั่งดูกีฬาในห้องนั่งเล่นได้ยินเสียงรถจอดบริเวณหน้าบ้านสักพักร่างคุณหญิงแพรวก็นวยนาดเข้ามาพร้อมสายตาเข้มที่พร้อมจะอาละวาด“ ใช้ไม่ได้เลยแก เสียมารยาทกับลูกเพื่อนแม่มากเลยนะกรณ์แม่ผิดหวังในตัวลูกมาก ปากคอเราะร้ายเฮ๊อ แม่กลุ้มใจในตัวลูกมาก กรณ์เมื่อไหร่จะเมียเป็นตัวเป็นตนสักทีแม่มีแกคนเดียวที่เป็นความหวังแม่อยากมีหลาน แล้วนี่แกก็ทำลายความหวังแม่ครั้งแล้วครั้งเล่า”คุณหญิงแพรวพูดเสียงเครือน้ำตาไหล“ แม่ก็รู้ว่าผมยังอยากมีอิสระ อยากทำงาน สร้างอนาคตด้วยตัวเองอย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของผมได้ไหมแม่หรือแม่อยากให้เหมือนคราวก่อน” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อเห็นน้ำตาของผู้เป็นแม่ทำเอาอลงกรณ์ใจอ่อนยวบอลงกรณ์ถอนใจก่อนจะเข้ามากอดคุณหญิงพร้อมกับพูดว่า“ โอเคครับแม่ ผมจะลองพยายามทำตามที่แม่บอกอีกครั้ง” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจคุณหญิงแพรวยิ้มถูกใจพร้อมกับกอดลูกชาย ลูบหลังไปมาอย่างเอาใจหอพักเด่นชัยอลงกรณ์เคาะประตูห้อง อาร์มเดินมาเปิดประตูห้องอย่างงัวเงีย“ อ้าวคุณ มีอะไรหรือเปล่า มาซะดึกเชียว”“ ขอโทษที่มารบกวนคุณ แต่คืนนี้ผมอยากมีคุณอยู่ใกล้ๆ” อลงกรณ์กอดอาร์มแน่นเลขาหนุ่มขมวดคิ
“ แม่ตี พ่อทำไมครับ”“ ก็พ่อดื้อ แล้วแกล้งแม่ กริชต้องช่วยแม่นะจ๊ะ”เด็กชายกริชชัยเข้ามากอดผู้เป็นแม่ ท่ามกลางสายตาหมั่นไส้ของธมกานต์ที่ลูกชายผันตัวไปอยู่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว“อ้าว ไหนเมื่อกี้บอกจะช่วยพ่อไง”กริชชัยกอดพร้อมซบที่หน้าอกแม่ “ กริชรอพ่อกับแม่ไปรับตั้งนาน นี่จะเที่ยงแล้วนะครับพ่อกับแม่ยังไม่ตื่นอีก”ตรีรินทร์ใบหน้าร้อน พร้อมกับแก้ตัวเบาๆ “ แม่ขอโทษจ๊ะ งั้นขอแม่อาบน้ำแล้วเดี๋ยวเราไปเชียงใหม่กันบ่ายนี้ดีไหม กริชจะได้ไปเยี่ยมน้ำหวานเพื่อนลูกด้วยไง”เด็กชายกระโดดรอบเตียงด้วยความดีใจ ท่ามกลางสายตาของพ่อและแม่ที่บ่งบอกว่า รักลูกเต็มเปี่ยมภูเก็ตร่างชายหนุ่มสองคนที่ก่ายเกยกันอย่างแนบแน่น อาร์มขยับตัวเบาๆแต่ก็ต้องถูกดึงให้เข้ามาในอ้อมกอด“ เช้าแล้วเราตื่นเถอะ เดี๋ยวไปทำงานไม่ทันนะคะ”“ อืม ขอต่ออีกหน่อยนะยังไม่อยากไปเลย ผมอยากนอนกอดกับคุณอีกสักพัก เราไปตอนบ่ายๆ ก็ได้มีเวลาอีกวันหนึ่ง ค่ำๆวันอาทิตย์ค่อยกลับคุณไม่ได้รีบไปไหนนี่” อลงกรณ์จูบเบาๆที่ไหล่ของเลขาหนุ่มก่อนกระซิบเบาๆ“ ผมเคยนึกว่าทำไมผมถึงนอนกับน้องปรางไม่ได้ มาวันนี้ผมรู้จักตัวเองอย่างเต็มร้อยเมื่อก่อนผมคิดว่าผมสามาร
“ อาร์มก็เช่นกัน ขอบคุณนะครับ ที่ไม่รังเกียจคนอย่างอาร์ม แล้วยังให้ความรู้สึกดีๆ อีกอาร์มรู้สึกซาบซึ้งมาก”“ ผมคิดว่าผมรักคุณแล้วล่ะ อาร์ม ทำยังไงดี” อลงกรณ์พูดเสียงอ้อแอ้“ อาร์มก็รักคุณ”อลงกรณ์ยกมือเลขาหนุ่มพร้อมกับจูบที่ใจกลางอุ้งมือ ทำให้อาร์มขนลุกไปทั่วร่างกายเลขาหนุ่มประคองชายหนุ่มเข้าห้อง เมื่ออีกฝ่ายเริ่มเดินไม่ค่อยมั่นคง“ เมาหรือเปล่า คุณ”“ เมารักคุณไง อาร์ม”“ บ้า คุณเนี่ย พูดอะไร เมาแล้วไปนอน เถอะ อาร์มไปส่งคุณที่ห้อง”อลงกรณ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ จริงๆ ไวน์แค่สามสี่แก้วทำอะไรตนไม่ได้ แต่ก็แกล้งทำเป็นเมาอาร์มวางร่างหนักอึ้งลงบนที่นอน แต่ก็ถูกดึงจนล้มไปด้วยกัน ก่อนที่อลงกรณ์จะพลิกตัวพร้อมกับจ้องมองใบหน้าเลขาหนุ่ม ที่ตอนนี้อยู่ในอาการตื่นตะลึง“ คืนนี้นอนกับผมห้องนี้นะ ผมอยากนอนกับคุณ” อลงกรณ์ปิดปากตัวเอง ลงที่ริมฝีปากบางก่อนที่มือก็เริ่มปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว อาร์มยอมให้ถอดเสื้อผ้าแต่โดยดีพร้อมกับช่วยปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่าย ก่อนที่ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของธรรมชาติอาร์มพึ่งเคยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ความรู้สึกมันอ่อนหวานและซาบซ่าส์ จนตัวเองแทบจะนอนไม่หลับร่างของชาย
“ งั้นเดี๋ยวผมโทรเคลียร์กับเจ้ากรณ์ดีกว่า”“ ไม่ต้องค่ะ รินทร์อยากให้คุณกรณ์แปลกใจ”“ เชื่อรินทร์สิคะว่างานไม่เสีย แล้วคุณกรณ์ก็จะไม่โกรธคุณแน่นอน”ธมกานต์ถอนใจยาว พูดจริงๆ ตัวเองก็ชักไม่อยากไป เพราะร่างนุ่มนุ่มของภรรยาที่วันนี้มาโหมดหวานเซ็กซี่ ซ่าส์ สงสัยวันนี้ธมกานต์จะเดินตามเกมภรรยาคงจะมีความสุขไม่น้อย“ รินทร์ถูหลังให้นะคะ”“ จ๊ะ ที่รัก”“ แหม พอถูหลังให้หน่อยหวานเชียว ถามจริงๆ หวานแบบนี้มากี่คนแล้ว”ตรีรินทร์ถามพร้อมกับกลั้นใจฟังคำตอบ“ หวานกับรินทร์แค่คนเดียว เชื่อไหมไม่เคยหวานแบบนี้กับใครสักคน”ตรีรินทร์ใจเต้นแรงฟังแล้วเต็มตื้นหัวใจก่อนที่หญิงสาวจะผลักให้ชายหนุ่มนั่งแล้วตนเองย้ายไปนั่งข้างหลัง หญิงสาวชโลมสบู่พร้อมกับถูหลังไปมาอย่างตั้งใจและเต็มใจ“ ผมรู้สึกเหมือนเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดนะเนี่ยที่มีภรรยามาช่วยถูหลังให้”“ จริงเหรอค่ะ เอ แบบนี้จะมีของรางวัลหรือเปล่า”“ อยากได้อะไรล่ะ ผมให้คุณได้ทุกอย่างเว้นดาวและเดือน”“ ยังนึกไม่ออก ไว้นึกออกจะบอกนะคะ แต่คุณกานต์สัญญาแล้วว่าจะไม่เบี้ยว”“ ไม่เบี้ยวจ๊ะ”ตาจ้องตา ธมกานต์หันมาจูบปากพร้อมกับหมุนตัวเองในอ่างจนน้ำกระเพื่อม“ ทนไม่ไ
“ อ๋อ ตอนนี้ผมจะไปหาคุณต้องมีธุระด้วยหรือไง” น้ำเสียงเริ่มขุ่น“ คุณเนี่ย ชอบตีความหมายอะไรผิดๆเมื่อวันก่อนผมถามให้คุณกลับบ้านเพราะกลัวว่าจะดึกแล้วเดินทางลำบาก คุณแม่คุณจะเป็นห่วงคุณก็ตีความหมายว่าผมขับไล่ ซึ่งมันไม่จริงเลย ผมไม่ได้รังเกียจคุณสักนิด วันนี้ผมก็ถามตามปกติธรรมดาคุณก็ตีความหมายไปอีกอย่าง ผมชักมึนกับคุณแล้วนะเนี่ย” เลขาหนุ่มอธิบายยาวอลงกรณ์นิ่งฟังแล้วยิ้มยวน ๆ “ ผมมันเป็นแบบนี้แหละ ทนๆ หน่อยแล้วกัน ยังต้องรบกันอีกยาว”เลขาหนุ่มค้อนชายหนุ่มเบาๆ ก่อนอมยิ้ม“ คุณทำอาหารและขนมอร่อยมาก เรียนมาหรือไง”“ บ้านผมมีแต่ผู้ชายหมด ผมเป็นลูกชายคนเล็ก ก็เลยต้องช่วยแม่เข้าครัวตั้งแต่เด็ก มันเป็นความเคยชินส่วนขนมก็หัดทำตอนเรียนมหาวิทยาลัย ทำขายหารายได้พิเศษเป็นค่ารถเมล์ไงคุณ ก็ผมมันคนจน”เลขาหนุ่มเล่ายาว“ นี่ขอร้องล่ะ ถ้าจะคบกันต่อไปไอ้รวยจนเนี่ยเลิกพูดได้ไหม รำคาญ” อลงกรณ์เริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง“ พูดความจริงเล่าความจริงก็โกรธพิลึกคน” เลขาหนุ่มยักไหล่ก่อนจะยิ้มหวานเหมือนกวนๆ ในทีทำเอาอลงกรณ์ตะลึงในความน่ารักขี้เล่นของอีกฝ่าย รถติดไฟแดงตาจ้องตาในระยะใกล้กันแค่ไม่กี่คืบอลงกรณ์มองริมฝี
สองทุ่มเศษๆอาหารถูกลำเลียงมาพร้อมสมาชิกทุกคนนั่งพร้อมกันที่โต๊ะ อลงกรณ์เดินเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบ“ ขอโทษทีเพื่อน รถติดเป็นบ้าเลย”อลงกรณ์กล่าวขอโทษพร้อมกับตะลึงเมื่อเผชิญหน้ากับเลขาหนุ่มรุ่นน้องที่อยู่ในความคิดคำนึงตลอดสองวันที่ผ่านมา“นั่งสิคะคุณกรณ์ นั่งข้างๆ พี่อาร์มนั่นแหละค่ะ”“ นั่งสิไอ้กรณ์ยืนบื้ออยู่ได้” เสียงอัครเดชตะโกนมาทางหัวโต๊ะอลงกรณ์นึกไม่ถึงคนที่ตนตามหาหลายชั่วโมงที่ผ่านมากลับมานั่งอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆระหว่างเลขาหนุ่มกับนายแพทย์เอกชัย หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นเลขาหนุ่มไม่กล้าหันไปมองด้วยความกลัวและเก้อเขินตรีรินทร์แอบสังเกตทั้งชายหนุ่มและเลขาหน้าหวานที่ต่างคนต่างเก้อเขินซึ่งกันและกันหญิงสาวอมยิ้มก่อนจะทักทายเพื่อนสามี“ คุณกรณ์หิวไหมคะ มาได้เวลาพอดี งั้นเราเริ่มลงมือกันเถอะค่ะ”“ พี่อาร์มตักยำทะเลให้คุณกรณ์สิคะ” ตรีรินทร์กล่าวนำเลขาหนุ่มตักยำทะเลแต่ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ตัวอลงกรณ์รู้สึกหมั่นไส้เลขาหนุ่มรุ่นน้องที่ทำท่าทางเหมือนกลัวจะสบตา แม้แต่หน้าก็ยังไม่มองกัน“ แกไปทำไรแถวโรงแรมเจ้ากานต์ว่ะ ปล่อยให้พวกข้ารอตั้งนาน” อัครเดชเอ่ยถาม
ตอนเย็น“นี่เราจะไปไหนกันครับ คุณกรณ์” อิทธิพลหรืออาร์ม เอ่ยถามเมื่อรถขับเลยหอพักไปอีกช่วงตึก“ เงียบๆเถอะ ถึงแล้วผมจะบอกเอง” อลงกรณ์หันมาตอบเลขารุ่นน้องอลงกรณ์เดินนำเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตในห้างดัง ไม่ไกลจากหอพักของหนุ่มรุ่นน้องชายหนุ่มเดินไปหยิบของลงตระกร้า ท่ามกลางความงุนงงของเลขาหนุ่ม“ นี่คุณ จะซื้อของไปไหนเนี่ย เยอะแยะไปหมด”“ ซื้อไปไว้ที่หอคุณ”“ หา “ เสียงลากยาว“ ก็หอคุณ ไม่มีอะไรสักอย่าง กาแฟก็ไม่มี วิสกี้เบียร์ไม่มีสักอย่างแล้วผมก็เบื่ออาหารที่มีแต่ผักกับวิญญาณหมู วันนี้ผมทำงานหนักมาก ผมอยากทานอาหารดี ๆ สักหน่อยคุณช่วยทำอาหารให้หน่อย ผมเป็นคนจ่ายคุณเป็นคนทำ โอเคนะ”อาร์มยืนงงอยู่กับที่“ เร็วๆ สิคุณ เดี๋ยวก็เจอรถติดตอนกลับอีกหรอก มาช่วยผมเลือกเนื้อหน่อยวันนี้ผมอยากทานเนื้อทอดกระเทียมพริกไทย”หลังจากอาหารค่ำผ่านไปอย่างชื่นมื่น อลงกรณ์ก็มานอนที่เก้าอี้ยาว ก่อนจะเผลอหลับไปอาร์มมานั่งพัดยุงที่คอยมาตอมตามแขนขาของชายหนุ่ม อลงกรณ์ลืมตาขึ้น ตาประสานตาก่อนที่อาร์มจะลุกขึ้นปัดกางเกงขาสั้น“ ดึกแล้วผมว่าคุณควรกลับบ้านได้แล้ว กลับตอนนี้รถก็ไม่ติดแล้ว”อาร์มเฉไฉพูดกับอลงกรณ์“ ไล
อาร์มตกใจ พร้อมกับระล่ำระลักว่า “ ผมครับผมเป็นคนจัด ผมเห็นมันรกมากจนไม่รู้จะวางเอกสารการประชุมไว้ตรงไหน พอวางมันก็ลื่นล้ม ผมเลยจัดให้มันเป็นระเบียบ”“ อ้อ คุณจะว่าผมมันไม่มีระเบียบว่างั้นเถอะ แต่ขอบคุณทีหลังไม่ต้องห้ามคุณมายุ่งวุ่นวายกับโต๊ะทำงานของผมอีก ไม่ว่ากรณีใดๆ ผมหาเอกสารของผมไม่เจอผมทำงานผมรู้ว่าวางเอกสารแบบไหนไว้ที่ตรงไหน ฉะนั้นขอความกรุณาอย่ามายุ่ง” อลงกรณ์ส่งเสียงดังอาร์มหลับตามือสั่นใจสั่นด้วยความกลัว ผู้ชายตรงหน้าเวลาเขาโกรธเค้าเหมือนคนละคนกับที่ตนรู้จักเมื่อวาน“ ครับ ต่อไปผมจะไม่ยุ่งอีก ขอโทษอีกครั้ง”“ คุณออกไปได้” อลงกรณ์เห็นชายหนุ่มรุ่นน้องหน้าเสียก็นึกสงสารโบกมือให้ออกห้องไปเพราะอารมณ์ยังคุกรุ่นอาร์ม หรือ อิทธิพลมานั่งร้องไห้ ทำงานที่นี่มาแปดปียังไม่เคยโดนดุเสียงดังขนาดนี้มาก่อนชายหนุ่มเจ็บใจน้อยใจ อุตส่าห์จัดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อยไม่ได้ดี แล้วยังโดนด่าอีก คอยดูต่อไปนี้จะทำเท่าที่สั่งเท่านั้น อาร์มคิดในใจอย่างว้าวุ่นอาร์มเช็ดน้ำตาพร้อมกับตั้งใจทำงานต่ออย่างมีทิฐิ อลงกรณ์เมื่อหาเอกสารพบก็ถอนหายใจเฮือก“ นี่เราพูดรุนแรงไปหรือเปล่าหว่า ป่านนี้ไม่นั่งร้องไห้ขี้