Beranda / แฟนตาซี / วิถีสุริยะพิชิตเวหา / บทที่ 2 พลังปราณที่เลือนหาย

Share

บทที่ 2 พลังปราณที่เลือนหาย

ซงเอ๋อร์ขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้อง นางลืมตาขึ้นช้าๆ ท่าทางงัวเงียเล็กน้อย แต่ยังคงความงดงามอ่อนโยนอย่างเรียบง่าย เมื่อเห็นจางอี้หมิงนั่งพิงหัวเตียงอยู่ นางตื่นเต็มตาในทันที รอยยิ้มอ่อนปรากฏบนใบหน้า

“คุณชายใหญ่! ท่านตื่นแล้ว!” เสียงของซงเอ๋อร์เต็มไปด้วยความดีใจ

จางอี้หมิงหันมองตามเสียง ก่อนจะยิ้มเล็กน้อยให้ “ใช่ ข้าตื่นแล้ว”

ซงเอ๋อร์ยิ้มกว้างขึ้นด้วยความปิติ ก่อนจะโผเข้ากอดเขาแน่น น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“อ๊ะ! เจ็บ…”

ซงเอ๋อร์สะดุ้งรีบผละตัวออก ท่าทางของนางช่างน่าเอ็นดู “ข้าขอโทษคุณชาย! ข้าไม่ได้ตั้งใจ!”

จางอี้หมิงส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น “ไม่เป็นไร เจ้าดีใจจนลืมตัว ข้าเข้าใจ”

นางเช็ดน้ำตาลวกๆ ก่อนถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “คุณชายต้องการดื่มน้ำหรือไม่?”

“อืม…” เขาพยักหน้า

เมื่อซงเอ๋อร์รินน้ำใส่ถ้วยและส่งให้ จางอี้หมิงรับมาดื่มพลางมองนางด้วยสายตาอ่อนโยน เขาพลันนึกถึงชีวิตที่เรียบง่าย หากเขาสูญเสียพลังปราณไปอย่างถาวร การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในฐานะบุตรชายของอ๋องสกุลจาง มีซงเอ๋อร์เป็นภรรยาคอยดูแลคงจะมีความสุขไม่น้อย

หลังจากเขาดื่มน้ำเสร็จ ซงเอ๋อร์ลุกขึ้น “ข้าจะไปแจ้งข่าวดีนี้ให้ท่านอ๋องทราบ คุณชายพักผ่อนเถิด”

จางอี้หมิงมองตามร่างเล็กบอบบางของนางจนลับสายตา ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ แต่ความสงบของเขาถูกขัดจังหวะโดยแสงสว่างที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า

สองวงแสงเรืองรองส่องสว่าง

เมื่อแสงนั้นจางลง บุคคลสองคนยืนอยู่ในห้อง ทั้งสองแต่งกายด้วยชุดสีขาวของศิษย์สำนักเทียนหยาง

“ศิษย์พี่ลิ่วเฉียง... ศิษย์พี่เจียงเยว่…” จางอี้หมิงเอ่ยชื่อพวกเขาเบาๆ

ลิ่วเฉียง เป็นบุรุษร่างสูงสง่า ใบหน้าหล่อเหลาดูสุขุม สายตาของเขามีแววเฉียบคมเหมือนพญาเหยี่ยว

ส่วน เจียงเยว่ เป็นสตรีงดงามราวกับเทพธิดา ผิวขาวดุจหยก เส้นผมยาวดำขลับดั่งน้ำหมึก รูปร่างของนางดึงดูดสายตาโดยเฉพาะช่วงอกอิ่มที่สะดุดตาของจางอี้หมิงยิ่งนัก

ลิ่วเฉียงมองจางอี้หมิงก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เจ้าฟื้นแล้วสินะ?”

จางอี้หมิงพยักหน้า แต่ในใจอดคิดไม่ได้ “ก็เห็นอยู่ ยังจะถามอีก”

ลิ่วเฉียงโยนขวดแก้วเล็กขวดหนึ่งมาให้ “พลังปราณของเจ้าถูกทำลายจนแทบหมดสิ้น อาจารย์ใช้เวลาตามหายานี้มาหลายเดือน นี่คือปราณฟื้นคืนในขวด ให้เจ้าดื่มเถอะ”

จางอี้หมิงรับขวดมาอย่างรวดเร็ว ก่อนเปิดฝาและดื่มรวดเดียวจนหมด

ทันใดนั้น เขารู้สึกถึงกระแสพลังปราณที่เริ่มไหลเวียนในร่าง แม้จะไม่เข้มแข็งเหมือนเดิม แต่ก็ช่วยให้เขารู้สึกมีพลังมากขึ้นกว่าเดิม

ลิ่วเฉียงพยักหน้าเบาๆ “ข้าทำหน้าที่เสร็จแล้ว จะกลับไปแจ้งข่าวอาจารย์ก่อน เจ้าพักผ่อนเถิด”

เขาพูดจบก็หมุนตัวหายไปในวงแสง ทิ้งให้จางอี้หมิงอยู่ตามลำพังกับเจียงเยว่

จางอี้หมิงหันมองศิษย์พี่หญิงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดวงตาของเขาอดจับจ้องความงามของนางไม่ได้

เจียงเยว่ยิ้มบางๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เจ้าคงอยากรู้ว่าหอกเล่มนั้นมาจากใคร ใช่หรือไม่?”

จางอี้หมิงขมวดคิ้วทันที “ท่านรู้?”

นางพยักหน้า “หนึ่งในร่างแยกของจอมมารปีศาจ แต่ก็เป็นร่างแยกที่อ่อนแอที่สุด”

คำตอบนั้นทำให้จางอี้หมิงชะงัก เขารู้ว่าจอมมารปีศาจคือศัตรูที่สำนักเทียนหยางพยายามกำจัดมานานหลายปี แต่การถูกเล่นงานโดย ร่างแยกที่อ่อนแอที่สุด ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกเหยียดหยาม

เจียงเยว่สังเกตเห็นสีหน้าของเขา นางหัวเราะเบาๆ ก่อนพูดต่อ “ไม่ต้องกังวล ร่างแยกนั้นถูกอาจารย์กำจัดไปแล้ว”

“ข้าเป็นถึงผู้ฝึกตนระดับห้า! เหตุใดจึงพ่ายแพ้ให้กับร่างแยกที่อ่อนแอเช่นนั้น?” จางอี้หมิงเอ่ยเสียงเข้ม ความอับอายแผ่ซ่านในใจ

เจียงเยว่ยิ้มมุมปาก ก่อนนั่งลงข้างเตียงของเขา การเคลื่อนไหวของนางทำให้เสื้อคลุมกระชับเข้ารูป หน้าอกอวบอิ่มของนางกระเพื่อมเบาๆ ดึงดูดสายตาของจางอี้หมิงโดยไม่รู้ตัว

นางจับคางของเขาเบาๆ บังคับให้เงยหน้าขึ้นสบตากับนาง “เจ้ามีเวลาหนึ่งคืน บอกลาคนที่บ้านให้เรียบร้อย พรุ่งนี้เจ้าจะต้องกลับสำนัก”

จางอี้หมิงขมวดคิ้ว “กลับสำนักไปทำไม?”

เจียงเยว่ปล่อยมือจากคางเขา ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เจ้าจำเป็นต้องฟื้นพลังโดยการลงไปฝึกกับศิษย์ระดับศูนย์ที่กำลังจะสอบเข้าในเร็ววันนี้”

“อะไรนะ?!” จางอี้หมิงลุกขึ้นทันที แต่ก็ต้องนิ่วหน้าเพราะเจ็บแผล “ข้าเป็นถึงผู้ฝึกตนระดับห้า เหตุใดต้องไปฝึกร่วมกับศิษย์หน้าใหม่?”

เจียงเยว่ยิ้มบางๆ ก่อนที่ร่างของนางจะเลือนหายไปในวงแสง ทิ้งคำถามมากมายไว้ในใจของจางอี้หมิง

ไม่นานหลังจากนั้น ประตูห้องก็เปิดออก ท่านอ๋องจางส่วง บิดาของจางอี้หมิงก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าดีใจเมื่อเห็นบุตรชายของตนฟื้นขึ้นมา…

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 3 พร้อมหน้าพร้อมตาในห้องอาหาร

    ประตูห้องของจางอี้หมิงเปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงผอมของชายวัยกลางคนที่สวมอาภรณ์งดงามดูสูงศักดิ์ ใบหน้าเรียวมีเคราบางๆ ดูสง่างาม ทว่าดวงตาแฝงไว้ด้วยความเหนื่อยล้า ท่านอ๋องจางส่วง ผู้เป็นบิดาของจางอี้หมิง เดินเข้ามาด้วยสีหน้ายินดี“หมิงเอ๋อร์! ลูกพ่อฟื้นแล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโล่งใจจางอี้หมิงค้อมศีรษะให้บิดา “ขออภัยที่ทำให้ท่านพ่อเป็นห่วง ตอนนี้ข้าดีขึ้นมากแล้ว”ท่านอ๋องจางส่วงนั่งลงข้างเตียง สังเกตบุตรชายของตนอย่างใกล้ชิด แม้จะเห็นสีหน้าซีดเซียว แต่ก็โล่งใจที่เขายังมีชีวิตอยู่จางส่วง ในฐานะบุตรชายคนที่ยี่สิบสี่ของอดีตฮ่องเต้เจ้าสำราญราชวงศ์ก่อน แต่ด้วยความที่เขาเป็นลูกคนเล็กที่เด็กมากเกินไป ปฐมฮ่องเต้ของราชวงศ์ปัจจุบันจึงเมตตาไว้ชีวิต และให้เป็นอ๋องเพื่อประดับไว้เฉยๆ ไม่มีอำนาจอื่นใดพิเศษ จางส่วงจึงเลือกใช้ชีวิตเงียบสงบ เขียนภาพวาดขายเลี้ยงชีพไปวันๆ พร้อมด้วยสมบัติอีกมากมาย ท่านอ๋องหันไปเรียกซงเอ๋อร์ที่ยืนรออยู่ด้านนอก “ซงเอ๋อร์ นำยาบำรุงเข้ามา”ซงเอ๋อร์รีบเดินเข้ามาพร้อมถ้วยยาสมุนไพรสีเข้ม กลิ่นฉุนแ

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-21
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 4 กลับสู่เทียนหยาง

    จางอี้หมิงยืนอยู่ในท่าจับกระบี่ไว้ในมือ มองหวงจื่อรั่วที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยท่าทางเย็นชา ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของนางในระยะประชิด ใจหนึ่งเขารู้สึกคุ้นเคยกับนางแต่ยังคงนึกไม่ออกเสียทีจากนั้นเขาดึงตัวนางเข้ามาใกล้เพื่อชิงกระบี่ ทันใดนั้น หน้าอกนิ่มๆ ของหวงจื่อรั่วสัมผัสกับแผ่นอกของเขาเล็กน้อย เขารู้สึกถึงกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ ของร่างกายนางที่ลอยมาท่ามกลางลมเย็นๆ ในยามค่ำคืน ความรู้สึกนี้ทำให้เขาเผลอสูดกลิ่นเข้าไปในปอดเล็กน้อย“ชัดเจนแล้ว นางเป็นสตรี”จางอี้หมิงซ่อนความคิดนี้ไว้ในใจไม่อาจเปิดโปงออกไปให้นางอับอายเมื่อได้จังหวะที่เหมาะสม เขาผลักนางออกไปเบาๆ โดยไม่แรงนัก หวงจื่อรั่วสะบัดตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่เคยสัมผัสกันก่อนหน้านี้ห่างออกไปด้วยความเงียบ เขามองนางจากด้านหลังขณะที่นางถามเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มาทำอะไรบนนี้?” จางอี้หมิงยิ้มเล็กน้อยและยักไหล่ “มาดื่มสุราชมพระจันทร์... อยากมานั่งดื่มด้วยหรือไม่?” หวงจื่อรั่วไม่ตอบ แต่เพียงแค่ส่ายหน้าอย่างเย็นชาแล้วพูดออกไป “ไม่ต้อง…” เสียงของนางเย็นชาดู

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-21
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 5 ตำราติวสอบใครก็อยากซื้อ

    จางอี้หมิงเดินวนไปมาภายในบ้านพักขนาดกะทัดรัดของเขา ใช้ความคิดอย่างจริงจัง“การสอบเข้าสำนักนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้เข้าสอบต้องแสดงให้เห็นถึงความรู้ในศาสตร์ต่างๆ และความสามารถในการต่อสู้ด้วย แต่ว่าซงเอ๋อร์นั้นอ่านออกเขียนได้เพียงเล็กน้อย และความสามารถทางการต่อสู้นั้น…นางคุ้นเคยกับการใช้มีดทำครัวเสียมากกว่า”จางอี้หมิงถอนหายใจยาวขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง พลันสมองเขาก็แล่นวาบขึ้นมา“ใช่แล้ว!”เขาอุทานเสียงดัง พร้อมเดินตรงไปยังมุมหนึ่งของห้องที่มีกระจกคันฉ่องวิเศษตั้งอยู่เขาเอื้อมมือไปลูบกรอบคันฉ่อง กระจกวิเศษบานนี้เป็นสมบัติของสำนัก มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถติดต่อกับผู้คนได้โดยไม่ต้องใช้พลังปราณเวท จางอี้หมิงสูดลมหายใจลึกก่อนจะยกมือโบกเบาๆ เหนือพื้นผิวกระจก คันฉ่องเปล่งแสงเล็กน้อยก่อนภาพของบุคคลหนึ่งปรากฏขึ้น

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-25
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 6 ท่องหอคณิกา

    หลินหนิง สตรีสาววัยสิบหก ใบหน้างดงามดวงตาโตสดใส ร่างเล็กบางแต่ทรวดทรงได้สัดส่วน มีหน้าอกที่นูนขึ้นพอเหมาะ นางสวมชุดผ้าฝ้ายธรรมดา แต่ความงามของนางกลับสะดุดตาผู้คนได้อย่างง่ายดาย หลินหนิงเป็นบุตรสาวขุนนางตำแหน่งเล็กในเมืองหลวง ตำแหน่งที่ไม่ได้โดดเด่นหรือทรงอำนาจ แต่นางมีความใฝ่ฝันแรงกล้าที่จะเป็นผู้ฝึกตนในสำนักเทียนหยางเมื่อได้ยินข่าวลือว่าในตลาดมีร้านขายตำราติวสอบของสำนักเทียนหยาง หลินหนิงไม่รอช้า รีบรุดไปยังตลาดทันทีแต่เมื่อไปถึงร้านที่ถูกกล่าวถึง กลับพบเพียงแผงเปล่าๆ และป้ายไม้ที่ถูกปลดลงแล้ว หลินหนิงยืนมองด้วยความผิดหวัง นางกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะบ่นออกมาเบาๆ “พลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไรกัน!” ดวงตากลมโตฉายแววเศร้าระหว่างที่หลินหนิงยังครุ่นคิดอยู่นั้น ทางด้าน จางอี้หมิง และ ซ่งอิน ซึ่งเป็นต้นตอของตำราติวสอบ กำลังนั่งพักอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง จางอี้หมิงจิบน้ำชา พลางโบกตั๋วเงินในมือเหมือนพัดอย่างอารมณ์ดี

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-26
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 7 บทลงโทษจากสำนัก

    จางอี้หมิง ค่อยๆ ก้าวลงสู่อ่างอาบน้ำร้อนภายในห้องส่วนตัวของสำนักสังคีต ไอน้ำลอยขึ้นคลอเคล้ากับแสงตะเกียงที่ส่องสว่างเบาๆ เผยให้เห็นร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง และรอยแผลเป็นเด่นชัดกลางหน้าอกหญิงสา วสองนางในชุดบางเบาท่อนบนกำลังขัดถูร่างกายของเขาด้วยมือที่นุ่มนวลและระมัดระวัง ในขณะที่อีกคนบีบนวดไหล่และต้นแขนให้เขาอย่างอ่อนโยนเสียงประตูเลื่อนเปิดออกเผยให้เห็น แม่นางฉีเหอ ในอาภรณ์สีแดงสดที่บางเบา เปิดเผยสัดส่วนอันงดงามและเย้ายวน เธอเดินเข้ามาอย่างสง่างาม ดวงตาคมจับจ้องมาที่จางอี้หมิง“พวกเจ้าออกไปก่อน” แม่นางฉีเหอเอ่ยเสียงนุ่ม หญิงสาวสองคนก้มหัวรับคำสั่งก่อนจะเดินออกไปเงียบๆแม่นางฉีเหอนั่งลงข้างอ่าง รินสุราในถ้วยหยกส่งให้เขาด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเสี่ยวจาง สุรานี้เป็นของพิเศษที่ข้าเก็บไว้

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-01
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 8 การปรับสมดุลของผู้สูญเสียพลังปราณ

    ในยามค่ำคืนก่อนวันสอบ จางอี้หมิงนอนหลับอยู่ในห้องพักเรียบง่าย แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่างลงบนใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าของเขา ท่ามกลางความเงียบสงัด ความฝันได้พาเขาย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่เขาแทบจะลืมเลือนไปแล้วในความฝันนั้น เขาเห็นตัวเองในวัยเด็กกำลังวิ่งเล่นในสวนดอกไม้กับมารดาผู้ให้กำเนิด ใบหน้าของนางอ่อนโยนและงดงามยิ่งนัก เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังขึ้นท่ามกลางสายลมเบาๆ ขณะนั้นบิดาของเขานั่งมองอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของบิดาเต็มไปด้วยความภูมิใจและอบอุ่นแต่แล้วภาพแห่งความสุขก็เลือนหายไป กลายเป็นภาพงานศพของมารดา เขาเห็นตัวเองในวัยเด็กนั่งร้องไห้เสียงดัง สองแขนโอบร่างไร้วิญญาณของนางไว้แน่น ภาพนี้แทงลึกลงในจิตใจของเขาเหมือนหอกที่ทิ่มแทงไม่จบสิ้นจากนั้นความฝันเปลี่ยนไปเป็นภาพช่วงเวลาที่เขาเติบโต ฝึกฝนวิชาอย่างหนัก ภาพหอกเล่มหนึ่งพุ่งใส่เขาในสนามประลองและเขาต่อสู้กลับอย่างดุดัน ภาพเหล่านี้วนเวียนไปมาราวกับต้องการตอกย้ำอดีตของเขา

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-02
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 9 วันแรกของการทดสอบ

    ที่ชั้นเก้าของหอเทียนหยาง จางอี้หมิงเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ เขาเดินตรงไปที่โต๊ะตัวสุดท้ายตามธรรมเนียม เนื่องจากเขาเป็นศิษย์คนเล็กของเจ้าสำนักเมื่อเขานั่งลงได้ไม่นาน ศิษย์พี่ฟางหรง ก็เดินเข้ามาพร้อมกับน้ำชากาหนึ่ง วางลงตรงหน้าเขา พลางกล่าวสั้นๆ ว่า “ใกล้ได้เวลาแล้ว” ก่อนจะเดินจากไปจางอี้หมิงมองตามศิษย์พี่ฟางหรง พลางชื่นชมรูปร่างเพรียวบางของนางที่ดูงดงามอย่างไร้ที่ติ เมื่อฟางหรงนั่งลงตรงมุมหนึ่งของห้อง เขาเห็นใบหน้างดงามราวเทพธิดาของนางชัดเจนยิ่งขึ้น“งดงามยิ่งนัก” จางอี้หมิงนึกในใจจู่ๆ ฟางหรงหันมาสบตาเขาด้วยสายตาแฝงความสงสัย จางอี้หมิงรีบส่ายหน้าพลางสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป“ศิษย์พี่ฟางหรงสูงส่งและห่างไกลเกินไป นางไม่มีทางสละพรหมจรรย์ให้ข้าแน่”จางอี้หมิงยอมรับในใจว่าไม่คู

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-08
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 10 เดิมพันแห่งภวังค์

    ภายในห้องประชุมของชั้นเก้า บรรยากาศเงียบสงบ ศิษย์ระดับสูงและเจ้าสำนักต่างจับจ้องภาพจากคันฉ่องวิเศษที่ฉายให้เห็นการทดสอบด้านล่าง จางอี้หมิง ที่กำลังครึ้มอกครึ้มใจได้เอ่ยขึ้นมาว่า "ท่านศิษย์พี่ฟ่านหวง ข้าขอเดิมพันว่า ผู้ที่หลุดจากภวังค์คนแรกจะเป็นสตรี ท่านว่าอย่างไร?"ฟ่านหวง หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ข้าว่าจะต้องเป็นบุรุษ หากข้าผิด ข้ายินดีวาง 20 อีแปะเป็นเดิมพัน”จางอี้หมิงหัวเราะพลางโยนเหรียญ 20 อีแปะลงบนโต๊ะ “เช่นนั้นข้าขอพนันว่าเป็นสตรี!”เจียงเยว่ ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ทำหน้าหงุดหงิดพลางกล่าวลอยๆ “ไร้สาระนัก!”เจ้าสำนักกู่เจิ้ง ยิ้มขำพลางโบกมือให้สงบ “ตั้งใจดูกันหน่อย!”เบื้องล่าง ผู้เข้าสอบทั้งหลายต่างตกอยู่ในภวังค์แห่ง เพลงพฤกษาเหมันต์สะท้านจันทรา ของศิษย์พี่ชิงซิ่ว ภาพต่างๆ ในใจของพวกเขาค่อยๆ ฉายออกมา รวมถึงหล

    Terakhir Diperbarui : 2025-02-09

Bab terbaru

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 50 จากลา (จบภาค1)

    ที่ชั้นเก้าของหอเทียนหยาง ศิษย์สายตรงทั้งเจ็ดคนของสำนักกู่เจิ้งมารวมตัวกันพร้อมหน้าพร้อมตา บรรยากาศในห้องสงบเงียบ ทว่าครุกรุ่นไปด้วยแรงกดดันทุกคนล้วนเป็นศิษย์ระดับสูง ผู้ที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด ทุกคนคุกเข่าคารวะอาจารย์เจ้าสำนักกู่เจิ้ง ซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับสายตาที่ล้ำลึกเกินหยั่งถึงเจ้าสำนักโบกมือให้ทุกคนลุกขึ้น พลางกวาดสายตามองไปรอบห้อง เขามองพวกเขาอย่างเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบแต่หนักแน่นว่า“ปีที่แล้ว ลัทธิมารแดนปีศาจเคลื่อนไหว ครั้งนี้ ลัทธิมารแดนสวรรค์เคลื่อนไหว เป็นข้าเองที่หละหลวมในการป้องกัน… หลังจากนี้ จะไม่มีครั้งที่สาม”แววตาของเจ้าสำนักฉายประกายแน่วแน่ เขาโบกมือให้ทุกคนลุกขึ้นนั่งลงบนเบาะของตนเอง จากนั้นเขาเองก็ทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะกลางห้อง หยิบใบชามาบดด้วยมืออย่างประณีต ก่อนจะเทน้ำร้อนลงในถ้วย เสียงไอร้อนพวยพุ่งขึ้นแตะจมูก กลิ่นหอมอ่อนๆ ของชาแผ่ซ่านไปทั่วห้อง เจ้าสำนักสูดกลิ่นหอมของชาเบาๆ ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสงบ“เห็นที พวกเราคงต้องจริงจังกับเรื่องศิลาเฝิ่นเหิงกันบ้างแล้ว นี่อาจไม่ใช่เพียงแค่เรื่อ

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 49 บำเพ็ญคู่ปรับสมดุลลมปราณ

    จางอี้หมิงนั่งนิ่งตาค้าง ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองนัยน์ตาของศิษย์พี่คนงาม ที่ฉายแววความร้อนฉ่า ริมฝีปากสีแดงเรื่อยังคงหลงเหลือรสชาติของสุรา นางจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ทำให้หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอก“เจ้ารู้จักการบำเพ็ญคู่หรือไม่?” นางกระซิบถามด้วยเสียงแผ่วเบา ราวกับเสียงลมพัดผ่านในค่ำคืน จางอี้หมิงรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากปลายนิ้วของนางที่ลากไล้เบาๆ บนแผ่นอกของเขา“ท่านเมาแล้ว” จางอี้หมิงพยายามตั้งสติ แต่เสียงของเขากลับสั่นไหว เจียงเยว่ยิ้มมุมปาก ก่อนจะยกมือเรียวขึ้นปิดริมฝีปากเขา“ข้าตั้งใจเมา” นางตอบเบาๆ สายตาของนางเต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานใช่สิ หากไม่เมาท่านจะกล้าเช่นนี้หรือจางอี้หมิงมองดูนางอย่างหลงใหล มือของเจียงเยว่วางแนบลงบนแผ่นอกของเขา หัวใจของเขาเต้นรัวจนแทบไม่เป็นจังหวะ ก่อนที่เสียงกระซิบของนางจะดังขึ้นอีกครั้ง“หรือว่าเจ้าไม่ต้องการ?”เขาสูดหายใจเข้าลึก สบตากับนางก่อนจะตอบเสียงพร่า “ข้าเองก็คิดแบบเดียวกับท่าน”ข้าหมายตาท่านมาตลอด!จากนั้น จางอี้หมิงก็รวบตัวเจียงเยว่เข้ามาอุ้มขึ้น นางแนบตัวเข้าหาเขาโดยไม

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 48 กักตัวที่บ้านพัก

    จางอี้หมิงยืนนิ่งอยู่กลางสมรภูมิ ดวงตาเรียบเฉยจ้องมองร่างไร้วิญญาณของถัวเค่อชีที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เลือดสีเข้มค่อย ๆ ไหลซึมไปตามพื้นดิน กลิ่นคาวโชยขึ้นมาปะปนกับไอเย็นของค่ำคืนเขาสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเก็บดาบประจำกายเข้าฝัก เสียง “แกร๊ก” ของดาบที่เลื่อนเข้า ที่ฟังดูดังก้องกังวาลท่ามกลางความเงียบงันเขาหันกลับไปทางศิษย์พี่หญิงเจียงเยว่ที่ยังนอนอ่อนล้าอยู่บนพื้น หญิงสาวมีใบหน้าซีดเซียว เหงื่อเย็นชื้นบนหน้าผาก ผมดำยาวหลุดรุ่ยออกจากปิ่นปักบางส่วน ดวงตาของนางยังคงสั่นไหวด้วยความเหนื่อยล้าและความตึงเครียดจางอี้หมิงเดินไปนั่งลงข้าง ๆ นาง แล้วเหลียวหันไปมองหน้านางเบา ๆ“เป็นข้าที่ทำให้เจ้าเดือดร้อน…” เสียงของเจียงเยว่แผ่วเบาราวสายลมของนางเอ่ยขึ้นจางอี้หมิงส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“เป็นข้าที่ตัดสินใจเอง ไม่เกี่ยวกับท่าน”แววตาของศิษย์พี่เจียงเยว่อันแน่นไปด้วยความสับสนความซึ้งใจ กับความกังวล แม้นี่จะเป็นสิ่งที่สมควรจะทำ แต่ก็นับว่าขัดต่อกฎของสำนักเช่นกันเสียงฝีเท้าหลายคู่ดังขึ้นจากด้านหลัง ศิษย์พี่ของสำนักเร่งร

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 47 คมดาบไร้ลมปราณและไร้ปราณี

    ท่ามกลางป่าทึบยามราตรี ทุกสิ่งทุกอย่างถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด ไม่มีแม้แต่แสงจันทร์หรือประกายดาว มีเพียงเสียงลมพัดเอื่อยๆ ราวกับเสียงกระซิบจากธรรมชาติเพียงเท่านั้นถัวเค่อชี ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เขานั่งพิงต้นไม้ใหญ่ เรือนผมยุ่งเหยิง เสื้อคลุมหลุดลุ่ยจากร่องรอยการดิ้นรนทรมานจากฤทธิ์ยา ร่างกายเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ผิวหนังแดงก่ำ ราวกับมีเปลวไฟกำลังเผาผลาญจากภายในความเจ็บปวดจากพิษของยาเสริมพลังที่ เชียนหวง มอบให้เขา ตอนนี้ค่อยๆ สลายไปแล้ว“ฮ่า... ฮ่า... ฮ่า!”เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ทันทีที่ขยับตัว เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลที่หลั่งไหลอยู่ในร่าง ราวกับสายธารปราณที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนเขาหลับตา โคจรลมปราณทั่วร่าง และสิ่งที่ค้นพบก็ทำให้ดวงตาของเขาเป็นประกาย“พลังของข้า... เพิ่มขึ้นแล้ว!”เขาเผยรอยยิ้มสะใจ ก่อนจะกระชากกระบี่ออกจากฝัก แสงเย็นเยียบสะท้อนจากใบกระบี่ เขารวบรวมพลังลงไปในคมดาบ จากนั้นฟาดมันออกไปเต็มแรงฉัวะ!เสียงกระบี่เฉือนอากาศดังก้อง ต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าถูกฟันขาดสะบั้นเป็นสองท่อน เศษไม้ปลิวกระจายไปทั่ว

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 46 ขอเพียงสามกระบวนท่า

    “หากพวกเจ้าไม่อยากตายเป็นผีเฝ้าสำนัก จงบอกที่ซ่อนของศิลาเฝิ่นเหิงมาเดี๋ยวนี้!”เสียงของเชียนหวงก้องกังวาน แรงกดดันมหาศาลแผ่ซ่านไปทั่ว บรรยากาศรอบข้างเหมือนถูกบีบอัดจนหนักอึ้งลิ่วเฉียงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ศิลาเฝิ่นเหิง?”จางอี้หมิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ยกคิ้วขึ้นก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ “ข้าเคยอ่านเจอในนิยาย ตำนานเซียนไท่ซวิน ไม่คิดว่าจะมีคนที่เชื่อว่าเป็นของจริงด้วย”ลิ่วเฉียงหันไปมองหน้าเชียนหวง ก่อนจะยิ้มเยาะ “เจ้าก็ไปถามผู้เขียนนิยายสิ!”“หุบปาก!” เชียนหวงตะโกนลั่น ‘ปากแข็งหรือเบาปัญญาก็ไม่ใช่ประเด็นหลัก!’ รังสีอำมหิตระเบิดออกมาจากร่าง พลังสีดำมืดหม่นหมุนวนไปรอบตัวเขา ราวกับเป็นพายุวิญญาณอาฆาต“เช่นนั้น ข้าคงต้องกำจัดพวกเจ้าให้หมดแล้วค่อยค้นหาด้วยตัวเอง!”ซ่าาา!พลังอาฆาตสีดำแผ่ซ่านออกมาจากร่างของเชียนหวง พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของเขาแตกร้าว เปลวพลังสีดำคุกรุ่นรอบตัวลิ่วเฉียงยังคงยืนสงบนิ่ง มองดูศัตรูตรงหน้าด้วยสายตาเฉยชา ก่อนจะหันไปถามเฉินเจิ้ง “แค่ระดับเจ็ด เจ้าสู้ไม่ได้รึ?”เฉินเจิ้งกำหมัดแน่นก่อนจะตอบด้วยเสียงเจ็บใจ “น่าอ

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 45 เมื่อเชียนหวงปรากฏกาย

    สายลมพัดเอื่อย สะบัดผ่านร่างของสองศิษย์พี่น้องที่นั่งขัดสมาธิใต้ต้นไม้ใหญ่ ฟ่านหวงและเฉินเจิ้งต่างจมอยู่ในสมาธิ โคจรลมปราณเพื่อฟื้นฟูพลังที่สูญเสียไปจากการต่อสู้ที่ยืดเยื้อรอบกายเต็มไปด้วยซากอสูรดินเหนียวแตกกระจายเป็นเศษดิน เศษหิน เสียงลมหายใจของทั้งสองเริ่มกลับมาเป็นปกติ บรรยากาศที่เคยตึงเครียดผ่อนคลายลงชั่วขณะ“ตรวจสอบหาผู้นำพวกมันได้หรือยัง?” เฉินเจิ้งถามเสียงเรียบ ทว่าสายตากลับเต็มไปด้วยความระแวดระวังฟ่านหวงมองไปรอบๆ “ยัง”เฉินเจิ้งแค่นเสียงหัวเราะเย็น “ระหว่างที่ข้ากำจัดพวกมัน เจ้าไม่ได้อู้ใช่หรือไม่?”ฟ่านหวงหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงยียวน “ศิษย์พี่เอ๋ย หากข้าตอบว่าใช่ ท่านจะทำอะไรข้า?”“เจ้ามันตัวบัดซบ กินแรงผู้อื่น!”เสียงหัวเราะของฟ่านหวงดังขึ้น ทว่าก่อนที่ทั้งสองจะต่อปากต่อคำต่อไป บรรยากาศรอบกายพลันเย็นยะเยือกลงจนขนลุกชันวูบบบ!“ศิษย์พี่…ท่านหายเหนื่อยแล้วหรือยัง?”เฉินเจิ้งยืดเส้นยืดสาย พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าพร้อมตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”“ถ้าเช่นนั้นก็… 5… 4… 3… 2… 1…”วูบบบ!!!

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 44 กระแสทวนแห่งฟ้า

    ทางด้านลานกว้างหน้าหอเทียนหยางจางอี้หมิยังคงยืนหยัดอยู่ท่ามกลางลานกว้างหน้าหอเทียนหยาง ท่ามกลางหมอกฝุ่นและเสียงคำรามของเหล่าอสูรดินเหนียว ดาบในมือของเขาเปื้อนเศษดินและคราบอสูร แต่มือทั้งสองข้างยังคงจับกระชับแน่น แม้ไร้ซึ่งพลังปราณ แต่ด้วยร่างกายที่ฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วงและกระบวนท่าอันเฉียบคม เขาก็ยังคงยืนหยัดต้านศัตรูได้อย่างไม่ลดละเมื่ออสูรตนหนึ่งพุ่งเข้ามาทางด้านซ้าย จางอี้หมิงใช้แรงบิดเอว เหวี่ยงดาบออกไปเป็นแนวโค้งคมกริบ ปลายดาบฟันทะลุไหล่อสูรดินเหนียวเสียงดังฉึบ! เศษดินกระจายตัวออกเป็นฝุ่นสีดำ อสูรตัวนั้นเซถลาไปด้านหลังก่อนที่ร่างจะถูกแรงฟันฉีกออกเป็นสองซีก ฉึบ! ฉึบ! ฉึบ! โฮกกก!!!!เสียงคำรามจากอสูรตัวอื่นดังก้อง มันพุ่งเข้ามารุมล้อมจากทุกทิศทาง จางอี้หมิงย่อกายลงเล็กน้อยก่อนพุ่งตัวไปข้างหน้า ใช้ดาบแทงทะลุอกของตัวหนึ่ง จากนั้นดึงกลับแล้วฟาดดาบฟันเข้าที่คอของอีกตัว เศษดินและโคล

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 43 ซ่อมม่านพลังป้องกัน

    ศิษย์ระดับสามและศิษย์ระดับต่ำกว่านั้นบางกลุ่มก็ออกไปจัดการกับอสูรดินเหนียวในจุดต่างๆ ถัวเค่อชีเองก็เช่นกัน ที่มีหน้าที่จัดการกับเหล่าอสูรดินเหนียวที่บุกโจมตีสำนักจากนั้นถัวเค่อชีก็แยกตัวออกจากกลุ่มศิษย์ที่กำลังต่อสู้กับอสูรดินเหนียว โดยอ้างว่าจะจัดการพวกมันด้วยตัวคนเดียว ทว่าแท้จริงแล้วเขารู้ดีว่าตัวเองกำลังถูกบางสิ่งบางอย่างเรียกหาอยู่กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!เสียงกระดิ่งดังก้องอยู่ในโสตประสาท ขณะที่ถัวเค่อชีเดินเข้าไปในเงามืดของป่า เสียงนั้นไม่มีใครได้ยิน นอกจากตัวของเขาเอง และไม่อาจสลัดเสียงเหล่านั้นออกไปจากร่างกายได้แม้แต่น้อยร่างกายของถัวเค่อชีเริ่มหนักอึ้งขึ้นทุกย่างก้าว จนกระทั่งเขามาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีเงาร่มครึ้มปกคลุมทั่วทั้งบริเวณทันใดนั้นเอง ความเจ็บปวดรุนแรงก็แล่นขึ้นมาจากกลางศีรษะ ทะลวงไปถึงไขสันหลัง ถัวเค่อชีทรุดตัวลงกับพื้น มือทั้งสองข้างกุมหัวแน่นราวกับจะป้องกันมิให้มันแตกเป็นเสี่ยง ๆ ลมหายใจของเขาหนักหน่วง ร่างกายสั่นสะท้านจากความทุกข์ทรมาน ดวงตาพร่าเลือน เหมือนมีเงามืดแทรกซึมเข้ามาในจิตใจ“อ๊ากกก!!”ถัวเค่อชีส่งเสี

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 42 เสริมม่านพลัง

    เจียงเยว่และหลี่เกอซินยืนอยู่บนระเบียงชั้นสามของหอเทียนหยาง สายลมพัดเอื่อย ผมยาวสลวยของทั้งคู่ปลิวไสวไปตามสายลมดวงตาของเจียงเยว่จับจ้องไปยังท้องฟ้า และพื้นเบื้องล่าง ที่มีกองทัพอสูรดินเหนียวเข้ามาไม่พักหลี่เกอซิน ศิษย์น้องผู้ชำนาญวิชาตรวจจับ ยืนนิ่งข้างๆ นางหลับตาลงเล็กน้อย ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบสถานการณ์รอบด้าน ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วรายงานด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ที่อารามทิศตะวันตกเฉียงเหนือมีปัญหา ทำให้ม่านพลังป้องกันเกิดรอยรั่ว”“แล้วอย่างไร?”“พวกเราต้องไปซ่อมแซมจุดนั้นโดยด่วน เพียงแต่ทางด้านนั้นมีศัตรูเข้ามามากเกินไป ข้าเกรงว่าหากไปตอนนี้จะไม่ปลอดภัย”เจียงเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ นางคิดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงหนักแน่น “ก่อนอื่นต้องระงับศัตรูไม่ให้เข้ามาชั่วคราว แล้วค่อยเข้าไปซ่อมแซมม่านพลัง”“แล้วควรทำอย่างไรดีศิษย์พี่?”“เจ้ารอที่นี่ก่อน”เจียงเยว่เหลือบตามองลงไปด้านล่าง ราวกับกำลังมองหาบางคน ดวงตาของนางสะท้อนเงาร่างหนึ่งที่กำลังต่อสู้

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status