หน้าหลัก / แฟนตาซี / วิถีสุริยะพิชิตเวหา / บทที่ 4 กลับสู่เทียนหยาง

แชร์

บทที่ 4 กลับสู่เทียนหยาง

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-21 20:45:42

จางอี้หมิงยืนอยู่ในท่าจับกระบี่ไว้ในมือ มองหวงจื่อรั่วที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยท่าทางเย็นชา ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของนางในระยะประชิด ใจหนึ่งเขารู้สึกคุ้นเคยกับนางแต่ยังคงนึกไม่ออกเสียที

จากนั้นเขาดึงตัวนางเข้ามาใกล้เพื่อชิงกระบี่ ทันใดนั้น หน้าอกนิ่มๆ ของหวงจื่อรั่วสัมผัสกับแผ่นอกของเขาเล็กน้อย เขารู้สึกถึงกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ ของร่างกายนางที่ลอยมาท่ามกลางลมเย็นๆ ในยามค่ำคืน ความรู้สึกนี้ทำให้เขาเผลอสูดกลิ่นเข้าไปในปอดเล็กน้อย

“ชัดเจนแล้ว นางเป็นสตรี”

จางอี้หมิงซ่อนความคิดนี้ไว้ในใจไม่อาจเปิดโปงออกไปให้นางอับอาย

เมื่อได้จังหวะที่เหมาะสม เขาผลักนางออกไปเบาๆ โดยไม่แรงนัก หวงจื่อรั่วสะบัดตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่เคยสัมผัสกันก่อนหน้านี้ห่างออกไปด้วยความเงียบ เขามองนางจากด้านหลังขณะที่นางถามเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มาทำอะไรบนนี้?”

จางอี้หมิงยิ้มเล็กน้อยและยักไหล่ “มาดื่มสุราชมพระจันทร์... อยากมานั่งดื่มด้วยหรือไม่?”

หวงจื่อรั่วไม่ตอบ แต่เพียงแค่ส่ายหน้าอย่างเย็นชาแล้วพูดออกไป “ไม่ต้อง…” เสียงของนางเย็นชาดูเหมือนจะปฏิเสธอย่างชัดเจน ก่อนที่นางจะหันหลังเดินไปอย่างรวดเร็ว

จางอี้หมิงนั่งดื่มสุราชมจันทร์ต่อโดยไม่สนใจสิ่งใด

ในยามเช้าที่จวนอ๋อง

ลานบ้านของจางอี้หมิงดูเงียบสงบท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องลงมาแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ แม้ว่าเช้านี้อากาศจะเย็นสบาย แต่บรรยากาศในบ้านกลับมีความเหงา เมื่อทุกคนยืนอยู่ในลานบ้าน จางอี้หมิงหันไปมองครอบครัวของเขาอีกครั้งก่อนที่จะต้องออกเดินทาง เขารู้สึกถึงความห่างเหินจากการที่เขาจะต้องกลับเข้าสู่ชีวิตในสำนักเทียนหยางอีกครั้ง

ท่ามกลางความเงียบในตอนเช้า แสงสีทองสว่างจ้าก็ปรากฏขึ้นในอากาศ และทันใดนั้น ศิษย์พี่ลิ่วเฉียงและเจียงเยว่ก็ปรากฏตัวออกมาจากแสงนั้น ทั้งสองก้าวมาด้วยท่าทางสง่างาม ร่างกายของพวกเขามีรัศมีของผู้ฝึกตนที่มีพลังสูง

ลิ่วเฉียงและเจียงเยว่คารวะท่านอ๋องจางส่วงอย่างเคารพ ก่อนที่ลิ่วเฉียงจะกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง “ขอท่านอ๋องอนุญาต พวกเราจะพาจางอี้หมิงกลับสำนักเทียนหยางแล้ว”

ท่านอ๋องจางส่วงพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันไปมองที่ลิ่วเฉียง “ข้าอยากให้พาตัวแม่นางซงเอ๋อร์ไปด้วย คอยดูแลเขา”

จางอี้หมิงหันไปมองซงเอ๋อร์ ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางขัดเขิน ซงเอ๋อร์เองก็ทำสายตาเศร้าเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไร

ลิ่วเฉียงมองไปที่ท่านอ๋องจางส่วงแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า “ขอโทษท่านอ๋อง แม่นางซงเอ๋อร์เป็นเพียงบุคคลภายนอก มิอาจไปที่หอเทียนหยางได้ จะให้ไปคอยดูแลจางอี้หมิงที่นั่นคงเป็นไปไม่ได้”

ท่านอ๋องจางส่วงนิ่งเงียบ ก่อนจะตอบว่า “ถ้าอย่างนั้น ให้ซงเอ๋อร์เข้าไปเป็นศิษย์ของสำนักเทียนหยางไปเลย”

คำพูดของท่านอ๋องทำให้จางอี้หมิงรู้สึกตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและสะดวกสบายขนาดนี้ แต่เขาก็ได้แต่ยิ้มให้ซงเอ๋อร์แล้วพูดขึ้นว่า “จะเป็นศิษย์จริงหรือ? มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ”

ลิ่วเฉียงมองมาที่เขาด้วยท่าทางเฉยเมย “ถ้าอยากเป็นศิษย์ก็ต้องสอบเข้าให้ได้ก่อน ถึงจะมีสิทธิ์เข้าหอเทียนหยาง”

จากนั้นลิ่วเฉียงก็พาตัวจางอี้หมิงจากไปอย่างรวดเร็ว

จากนั้นเจียงเยว่ยิ้มและหันมาพูดกับท่านอ๋องว่า “การสอบจะมีขึ้นในอีก 7 วัน ท่านอ๋องอยากให้ใครไปเป็นศิษย์เทียนหยางก็ส่งตัวมาสมัครสอบได้”

จากนั้นเจียงเยว่ก็หายตัวจากไปอย่างรวดเร็ว

หอเทียนหยาง

ที่หอเทียนหยาง ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขาที่สูงที่สุดในต้าเฉิง เมื่อมองจากหอสามารถมองดูเมืองหลวงได้ทั้งเมือง

บรรยากาศรอบๆ หอเทียนหยางเต็มไปด้วยความเงียบสงบ บนยอดเขาที่สูงเสียดฟ้า ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะอยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักเทียนหยาง ราวกับมีพลังบางอย่างที่ปกคลุมทุกอย่างภายในพื้นที่นี้ จางอี้หมิงเดินทางมาถึงที่หอเทียนหยางพร้อมกับศิษย์พี่ลิ่วเฉียงและเจียงเยว่ ขณะที่พวกเขาก้าวเดินผ่านประตูใหญ่ของหอคอยนั้น ทุกฝีก้าวที่พวกเขาก้าวไป เหมือนมีพลังบางอย่างที่กระทบกับทุกอณูของร่างกาย

เมื่อพวกเขามาถึงชั้น 9 ของหอ ซึ่งเป็นชั้นที่สูงที่สุดและอยู่ใจกลางของหอคอย จางอี้หมิงได้พบกับชายชราผู้หนึ่งยืนอยู่ที่นั่น ชายชราผู้นั้นมีท่าทางน่าเคารพและน่าเกรงขาม เขาใส่ชุดคลุมสีขาวสะอาด ประดับด้วยเครื่องหมายประจำสำนักที่แสดงถึงตำแหน่งของเขา ผมและเคราของเขายาวขาวสะอาด ดูเหมือนจะสื่อถึงการมีอายุยาวนานและประสบการณ์ที่มากมาย

ชายชราผู้นั้นคือ กู่เจิ้ง เจ้าสำนักเทียนหยาง ผู้ที่ไม่เพียงแต่เป็นผู้มีพลังสูงสุดในสำนักเทียนหยาง แต่ยังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการผู้ฝึกตนแห่งนี้ จางอี้หมิงรู้สึกได้ถึงความหนักแน่นและสงบที่แผ่กระจายจากร่างกายของท่านเจ้าสำนัก สายตาที่มองไปยังท่านกู่เจิ้งนั้นมีทั้งความเคารพเป็นพิเศษ

กู่เจิ้งยืนถือพัดไม้และยิ้มเบาๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มและลึกว่า “หายดีแล้วหรือ? ไม่คิดว่าเจ้าจะได้รับบาดเจ็บหนักเพียงนี้”

เสียงของท่านกู่เจิ้งแฝงไปด้วยความอ่อนโยน เมื่อท่านเจ้าสำนักพูดเช่นนี้ จางอี้หมิงรีบคำนับและกล่าวด้วยความเคารพ “ขอท่านอาจารย์เจ้าสำนักโปรดวางใจ ข้าหายดีแล้ว”

ท่านกู่เจิ้งยิ้มและพยักหน้าเบาๆ “เรื่องฟื้นฟูพลังของเจ้าไม่ต้องเป็นกังวล แค่ไปทบทวนกับพวกเด็กใหม่เดี๋ยวก็ฟื้นคืน”

ก่อนที่จางอี้หมิงจะพูดอะไร ท่านกู่เจิ้งเลื่อนพัดไม้ที่ถืออยู่ในมือเบาๆ และโบกมันไปในอากาศ ทันทีที่ท่านเจ้าสำนักโบกพัดไม้หนึ่งครั้ง จางอี้หมิงรู้สึกเหมือนมีพลังบางอย่างดึงตัวเขาไปข้างหน้า ราวกับมีแรงที่ผลักดันให้เขาเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าเขาก็พบว่าตัวเองลอยขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะพุ่งลงไปยังบ้านส่วนตัวที่อยู่บนภูเขาเทียนหยางอันคุ้นเคยมาหลายปีอีกครั้ง

บ้านพักเรือนน้อย

จางอี้หมิงนั่งดื่มชาร้อนที่ริมระเบียงบ้านพักส่วนตัวบนหอเทียนหยาง โดยมีวิวของภูเขาและท้องฟ้ากว้างขวางทอดยาวออกไป ท่ามกลางความเงียบสงบนี้ เสียงดนตรีของใบไม้ที่โดนลมพัดเป็นระยะก็เป็นเสียงเดียวที่สร้างบรรยากาศให้เขาได้พักผ่อนอย่างแท้จริง เขาจิบชาไปเรื่อยๆ พร้อมกับคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ที่เขาพบกับท่านกู่เจิ้ง เจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่ของเทียนหยาง

ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินเข้ามาใกล้ เขาหันไปมองและพบกับศิษย์พี่เจียงเยว่คนงามผู้มีท่วงท่างดงาม สายตาของจางอี้หมิงไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากรูปร่างที่โดดเด่นของนางได้ ทั้งหน้าอกที่ใหญ่และการเคลื่อนไหวที่อ่อนช้อย นางเดินเข้ามานั่งบนแขนเก้าอี้ของเขา

เจียงเยว่ยิ้มบางๆ ก่อนจะกระซิบข้างหูของเขาอย่างเบาๆ “ถ้าเจ้าต้องการให้สาวใช้คนนั้นมาอยู่ข้างกาย เจ้าก็ควรช่วยให้นางสอบเข้ามาเป็นศิษย์ของสำนักเทียนหยางให้ได้”

จางอี้หมิงยิ้มเล็กน้อยและเลิกคิ้วขึ้น แล้วถามกลับด้วยน้ำเสียงขบขัน “ทำไมท่านถึงอยากให้สาวใช้ผู้นั้นมารับใช้ข้างกายข้านัก?”

เจียงเยว่ยิ้มเย็นและตอบกลับอย่างมีเลศนัย “เพราะเจ้าจะได้เลิกจ้องข้าด้วยสายตาหื่นกามเช่นนี้เสียที”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 1 การลืมตาของจางอี้หมิง

    เสียงนกร้องแว่วมาเข้าหูเป็นสัญญาณแห่งยามเช้า จางอี้หมิงลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อสายตาปรับให้เข้ากับแสงสว่างรอบตัว เขาพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงไม้หลังหนึ่ง ภายในห้องนอนที่แปลกตาแต่กลับรู้สึกคุ้นเคยผนังห้องถูกประดับด้วยภาพวาดภูเขาและสายน้ำ ซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นผลงานวาดภาพของบิดา มุมหนึ่งของห้องมีตู้หนังสือเก่าที่เขาเคยอ่านในวัยเด็ก และบนโต๊ะไม้ใกล้เตียง มีโถยาที่ส่งกลิ่นสมุนไพรหอมอ่อนๆ ลอยมากระทบจมูกนี่คือห้องของเขาในจวนสกุลจาง บ้านเดิมของเขา แต่เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่?จางอี้หมิงพยายามลุกขึ้น แต่ความปวดร้าวที่หน้าอกทำให้เขาต้องนิ่งอยู่กับที่ เขาก้มลงมองร่างกายตนเองและพบว่ามีผ้าพันแผลขนาดใหญ่พันรอบหน้าอก บ่งบอกว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส“เหตุใดข้าถึงเป็นเช่นนี้?” เขาพึมพำทันใดนั้น สายตาของเขาหันไปเห็นสตรีร่างเล็กนางหนึ่ง นาง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-20
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 2 พลังปราณที่เลือนหาย

    ซงเอ๋อร์ขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้อง นางลืมตาขึ้นช้าๆ ท่าทางงัวเงียเล็กน้อย แต่ยังคงความงดงามอ่อนโยนอย่างเรียบง่าย เมื่อเห็นจางอี้หมิงนั่งพิงหัวเตียงอยู่ นางตื่นเต็มตาในทันที รอยยิ้มอ่อนปรากฏบนใบหน้า“คุณชายใหญ่! ท่านตื่นแล้ว!” เสียงของซงเอ๋อร์เต็มไปด้วยความดีใจจางอี้หมิงหันมองตามเสียง ก่อนจะยิ้มเล็กน้อยให้ “ใช่ ข้าตื่นแล้ว”ซงเอ๋อร์ยิ้มกว้างขึ้นด้วยความปิติ ก่อนจะโผเข้ากอดเขาแน่น น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่“อ๊ะ! เจ็บ…”ซงเอ๋อร์สะดุ้งรีบผละตัวออก ท่าทางของนางช่างน่าเอ็นดู “ข้าขอโทษคุณชาย! ข้าไม่ได้ตั้งใจ!”จางอี้หมิงส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น “ไม่เป็นไร เจ้าดีใจจนลืมตัว ข้าเข้าใจ”นางเช็ดน้ำตาลวกๆ ก่อนถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “คุณชายต้องการดื่มน้ำหรือไม่?”“อืม…” เขาพยักหน้าเมื่อซงเอ๋อร์รินน้ำใส่ถ้วยและส่งให้ จางอี้หมิงรับมาดื่มพลางมองนางด้วยสายตาอ่อนโยน เขาพลันนึกถึงชีวิตที่เรียบง่าย หากเขาสูญเสียพลังปราณไปอย่างถาวร การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในฐานะบุตรชายของอ๋องสกุลจาง มีซงเอ๋อร์เป็นภรรยา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-21
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 3 พร้อมหน้าพร้อมตาในห้องอาหาร

    ประตูห้องของจางอี้หมิงเปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงผอมของชายวัยกลางคนที่สวมอาภรณ์งดงามดูสูงศักดิ์ ใบหน้าเรียวมีเคราบางๆ ดูสง่างาม ทว่าดวงตาแฝงไว้ด้วยความเหนื่อยล้า ท่านอ๋องจางส่วง ผู้เป็นบิดาของจางอี้หมิง เดินเข้ามาด้วยสีหน้ายินดี“หมิงเอ๋อร์! ลูกพ่อฟื้นแล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโล่งใจจางอี้หมิงค้อมศีรษะให้บิดา “ขออภัยที่ทำให้ท่านพ่อเป็นห่วง ตอนนี้ข้าดีขึ้นมากแล้ว”ท่านอ๋องจางส่วงนั่งลงข้างเตียง สังเกตบุตรชายของตนอย่างใกล้ชิด แม้จะเห็นสีหน้าซีดเซียว แต่ก็โล่งใจที่เขายังมีชีวิตอยู่จางส่วง ในฐานะบุตรชายคนที่ยี่สิบสี่ของอดีตฮ่องเต้เจ้าสำราญราชวงศ์ก่อน แต่ด้วยความที่เขาเป็นลูกคนเล็กที่เด็กมากเกินไป ปฐมฮ่องเต้ของราชวงศ์ปัจจุบันจึงเมตตาไว้ชีวิต และให้เป็นอ๋องเพื่อประดับไว้เฉยๆ ไม่มีอำนาจอื่นใดพิเศษ จางส่วงจึงเลือกใช้ชีวิตเงียบสงบ เขียนภาพวาดขายเลี้ยงชีพไปวันๆ พร้อมด้วยสมบัติอีกมากมาย ท่านอ๋องหันไปเรียกซงเอ๋อร์ที่ยืนรออยู่ด้านนอก “ซงเอ๋อร์ นำยาบำรุงเข้ามา”ซงเอ๋อร์รีบเดินเข้ามาพร้อมถ้วยยาสมุนไพรสีเข้ม กลิ่นฉุนแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-21

บทล่าสุด

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 4 กลับสู่เทียนหยาง

    จางอี้หมิงยืนอยู่ในท่าจับกระบี่ไว้ในมือ มองหวงจื่อรั่วที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยท่าทางเย็นชา ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของนางในระยะประชิด ใจหนึ่งเขารู้สึกคุ้นเคยกับนางแต่ยังคงนึกไม่ออกเสียทีจากนั้นเขาดึงตัวนางเข้ามาใกล้เพื่อชิงกระบี่ ทันใดนั้น หน้าอกนิ่มๆ ของหวงจื่อรั่วสัมผัสกับแผ่นอกของเขาเล็กน้อย เขารู้สึกถึงกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ ของร่างกายนางที่ลอยมาท่ามกลางลมเย็นๆ ในยามค่ำคืน ความรู้สึกนี้ทำให้เขาเผลอสูดกลิ่นเข้าไปในปอดเล็กน้อย“ชัดเจนแล้ว นางเป็นสตรี”จางอี้หมิงซ่อนความคิดนี้ไว้ในใจไม่อาจเปิดโปงออกไปให้นางอับอายเมื่อได้จังหวะที่เหมาะสม เขาผลักนางออกไปเบาๆ โดยไม่แรงนัก หวงจื่อรั่วสะบัดตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่เคยสัมผัสกันก่อนหน้านี้ห่างออกไปด้วยความเงียบ เขามองนางจากด้านหลังขณะที่นางถามเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มาทำอะไรบนนี้?” จางอี้หมิงยิ้มเล็กน้อยและยักไหล่ “มาดื่มสุราชมพระจันทร์... อยากมานั่งดื่มด้วยหรือไม่?” หวงจื่อรั่วไม่ตอบ แต่เพียงแค่ส่ายหน้าอย่างเย็นชาแล้วพูดออกไป “ไม่ต้อง…” เสียงของนางเย็นชาดู

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 3 พร้อมหน้าพร้อมตาในห้องอาหาร

    ประตูห้องของจางอี้หมิงเปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงผอมของชายวัยกลางคนที่สวมอาภรณ์งดงามดูสูงศักดิ์ ใบหน้าเรียวมีเคราบางๆ ดูสง่างาม ทว่าดวงตาแฝงไว้ด้วยความเหนื่อยล้า ท่านอ๋องจางส่วง ผู้เป็นบิดาของจางอี้หมิง เดินเข้ามาด้วยสีหน้ายินดี“หมิงเอ๋อร์! ลูกพ่อฟื้นแล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโล่งใจจางอี้หมิงค้อมศีรษะให้บิดา “ขออภัยที่ทำให้ท่านพ่อเป็นห่วง ตอนนี้ข้าดีขึ้นมากแล้ว”ท่านอ๋องจางส่วงนั่งลงข้างเตียง สังเกตบุตรชายของตนอย่างใกล้ชิด แม้จะเห็นสีหน้าซีดเซียว แต่ก็โล่งใจที่เขายังมีชีวิตอยู่จางส่วง ในฐานะบุตรชายคนที่ยี่สิบสี่ของอดีตฮ่องเต้เจ้าสำราญราชวงศ์ก่อน แต่ด้วยความที่เขาเป็นลูกคนเล็กที่เด็กมากเกินไป ปฐมฮ่องเต้ของราชวงศ์ปัจจุบันจึงเมตตาไว้ชีวิต และให้เป็นอ๋องเพื่อประดับไว้เฉยๆ ไม่มีอำนาจอื่นใดพิเศษ จางส่วงจึงเลือกใช้ชีวิตเงียบสงบ เขียนภาพวาดขายเลี้ยงชีพไปวันๆ พร้อมด้วยสมบัติอีกมากมาย ท่านอ๋องหันไปเรียกซงเอ๋อร์ที่ยืนรออยู่ด้านนอก “ซงเอ๋อร์ นำยาบำรุงเข้ามา”ซงเอ๋อร์รีบเดินเข้ามาพร้อมถ้วยยาสมุนไพรสีเข้ม กลิ่นฉุนแ

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 2 พลังปราณที่เลือนหาย

    ซงเอ๋อร์ขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้อง นางลืมตาขึ้นช้าๆ ท่าทางงัวเงียเล็กน้อย แต่ยังคงความงดงามอ่อนโยนอย่างเรียบง่าย เมื่อเห็นจางอี้หมิงนั่งพิงหัวเตียงอยู่ นางตื่นเต็มตาในทันที รอยยิ้มอ่อนปรากฏบนใบหน้า“คุณชายใหญ่! ท่านตื่นแล้ว!” เสียงของซงเอ๋อร์เต็มไปด้วยความดีใจจางอี้หมิงหันมองตามเสียง ก่อนจะยิ้มเล็กน้อยให้ “ใช่ ข้าตื่นแล้ว”ซงเอ๋อร์ยิ้มกว้างขึ้นด้วยความปิติ ก่อนจะโผเข้ากอดเขาแน่น น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่“อ๊ะ! เจ็บ…”ซงเอ๋อร์สะดุ้งรีบผละตัวออก ท่าทางของนางช่างน่าเอ็นดู “ข้าขอโทษคุณชาย! ข้าไม่ได้ตั้งใจ!”จางอี้หมิงส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น “ไม่เป็นไร เจ้าดีใจจนลืมตัว ข้าเข้าใจ”นางเช็ดน้ำตาลวกๆ ก่อนถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “คุณชายต้องการดื่มน้ำหรือไม่?”“อืม…” เขาพยักหน้าเมื่อซงเอ๋อร์รินน้ำใส่ถ้วยและส่งให้ จางอี้หมิงรับมาดื่มพลางมองนางด้วยสายตาอ่อนโยน เขาพลันนึกถึงชีวิตที่เรียบง่าย หากเขาสูญเสียพลังปราณไปอย่างถาวร การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในฐานะบุตรชายของอ๋องสกุลจาง มีซงเอ๋อร์เป็นภรรยา

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 1 การลืมตาของจางอี้หมิง

    เสียงนกร้องแว่วมาเข้าหูเป็นสัญญาณแห่งยามเช้า จางอี้หมิงลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อสายตาปรับให้เข้ากับแสงสว่างรอบตัว เขาพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงไม้หลังหนึ่ง ภายในห้องนอนที่แปลกตาแต่กลับรู้สึกคุ้นเคยผนังห้องถูกประดับด้วยภาพวาดภูเขาและสายน้ำ ซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นผลงานวาดภาพของบิดา มุมหนึ่งของห้องมีตู้หนังสือเก่าที่เขาเคยอ่านในวัยเด็ก และบนโต๊ะไม้ใกล้เตียง มีโถยาที่ส่งกลิ่นสมุนไพรหอมอ่อนๆ ลอยมากระทบจมูกนี่คือห้องของเขาในจวนสกุลจาง บ้านเดิมของเขา แต่เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่?จางอี้หมิงพยายามลุกขึ้น แต่ความปวดร้าวที่หน้าอกทำให้เขาต้องนิ่งอยู่กับที่ เขาก้มลงมองร่างกายตนเองและพบว่ามีผ้าพันแผลขนาดใหญ่พันรอบหน้าอก บ่งบอกว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส“เหตุใดข้าถึงเป็นเช่นนี้?” เขาพึมพำทันใดนั้น สายตาของเขาหันไปเห็นสตรีร่างเล็กนางหนึ่ง นาง

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status